การกินปลา

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ

โพสต์ โพสต์
rafael
Verified User
โพสต์: 28
ผู้ติดตาม: 0

การกินปลา

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ผมอยากถามผู้รู้หน่อยคับว่า กินปลาน้ำจืดกับปลาทะเลเเล้ว ไขมันจากปลามีอันตรายไม่คับ ส่วนมากปลาน้ำจืด เช่นปลาสวาย ไขมันเยอะมาก ตอนกินยังรู้สึกได้ว่ามัน แต่ก็มี โอเมก้า 3 มากที่สุด ช่วยบอกทีนะครับว่าไขมันจากปลาน้ำจืดเเละน้ำเค็มอันตรายไหม ขอบคุณครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
marcus147
Verified User
โพสต์: 615
ผู้ติดตาม: 0

Re: การกินปลา

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ไขมันจากปลาไม่น่าจะมีอันตรายนะครับ
แต่ก็ไม่ชัวร์ครับ พอดีไม่ได้เรียนมาทางนี้
การลงทุนในตลาดหุ้น ไม่มีทางลัด อยากเก่ง ต้องหมั่นศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม
My Blog : http://marcus147.wordpress.com/
Ano
Verified User
โพสต์: 306
ผู้ติดตาม: 0

Re: การกินปลา

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ช่วยบอกทีนะครับว่าไขมันจากปลาน้ำจืดเเละน้ำเค็มอันตรายไหม

: มาดูกันก่อนว่า ไขมันในอาหาร มีส่วนประกอบของกรดไขมัน (fatty acid) ซึ่งสามารถแบ่งตามโครงสร้างทางเคมี ได้ดังนี้
1. ไขมันอิ่มตัว (Saturated fatty acid) ไขมันชนิดนี้ร่างกายสามารถสร้างได้เอง
ถ้ารับประทานมากเกินไป จะทำให้เกิดคลอเรสเตอรอลในเลือดสูง เกิดการอุดตันของเส้นเลือด เป็นต้นเหตุของโรคหัวใจขาดเลือด
2. ไขมันไม่อิ่มตัว (Unsatuarated fatty acid) เช่น กรดโอเลอิก (Oleic acid)อันนี้ร่างกายสร้างได้เอง , ส่วน Omega-3 และ Omega-6 ) เป็นกรดไขมันที่ร่างกายไม่สามารถสร้างได้เอง

ในเนื้อปลานอกจากจะมีโปรตีน ยังมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่สำคัญคือ โอเมก้า 3 (EPA,DHA) มีส่วนช่วยป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดอุดตัน ช่วยลดระดับไขมันในเลือด กรดไขมันนี้พบได้มากทั้งในปลาทะเล และปลาน้ำจืดของไทย

คนไทยมีความเข้าใจผิดว่ากรดไขมันโอเมก้า 3 มีเฉพาะในปลาทะเลความจริงแล้วปลาน้ำจืดก็มีโอเมก้า 3 สูง ข้อมูลงานวิจัยด้านอาหารของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ระบุว่า ปลาบางชนิดมีโอเมก้า 3 สูงกว่าปลาทะเล หากเปรียบเทียบปลาที่มีน้ำหนัก 100 กรัม จะพบว่าปลาสวายเนื้อขาวมีโอเมก้า 3 สูงถึง 2,570 มิลลิกรัม ปลาช่อนมีโอเมก้า 3 ถึง 870 มิลลิกรัม ขณะที่ปลาแซลมอนมีโอเมก้า 3 ประมาณ 1,000-1,700 มิลลิกรัม ปลากะพงขาว 310 มิลลิกรัมต่อน้ำหนัก 100 กรัม

แต่ในปลาไม่ได้มีแต่กรดไขมันตัวดีเท่านั้น ยังมีกรดไขมันอิ่มตัวและโคเลสเตอรอลด้วย แต่ในปริมาณที่น้อยมากเมื่อเทียบกับไขมันที่ได้จากเนื้อหมูเนื้อวัว
ฉะนั้นการทานไขมันปลามากๆ อาจจะไม่ปลอดภัย เพราะ
1.ไขมันปลาถึงจะเป็นไขมันดี แต่ไขมันก็คือไขมัน ยังคงเป็นสารที่ให้พลังงานสูง (calories) อาจทำให้อ้วนได้
2.ในปลาอาจมีสารปนเปือน พวกโลหะหนักเช่น ปรอท ซึ่งพบมากใน king mackerel และ salmonเลี้ยง ส่วนสารข้อมูลปนเปื้อนในปลาไทย หาไม่พบค่ะ ไม่แน่ใจว่ามีคนศึกษารึเปล่า

American heart association ได้แนะนำปริมาณการบริโภคปลาไว้ว่า ควรรับประทานปลาอย่างน้อย ¾ ถ้วย /ครั้ง สัปดาห์ละ 2 ครั้ง เพื่อที่จะได้รับ Omega 3 ในปริมาณที่เพียงพอค่ะ แต่อย่าลืมว่าวิธีการปรุงก็สำคัญนะคะ ควรทานแบบต้ม นึ่งดีกว่าทอด เพราะไม่งั้นเราจะได้น้ำมันจากการทอดเข้าไปด้วยค่ะ
ds105
Verified User
โพสต์: 86
ผู้ติดตาม: 0

Re: การกินปลา

โพสต์ที่ 4

โพสต์

อยากทราบว่าถ้ากินปลานำลึกแล้วจะปลอดภัยกว่ารึป่าวครับ เพราะบางคนบอกว่าปลาที่อยู่น้ำตื้นอาจได้รับสารพิษจากน้ำมันที่รั่วออกมาจากเรือ
dr1
Verified User
โพสต์: 842
ผู้ติดตาม: 0

Re: การกินปลา

โพสต์ที่ 5

โพสต์

เรื่องโอเมก้า3

green journal (คำเรียกเล่นเวลาใครมั่วอ้างบทความ
ทางการแพทย์ คือหมายถึงหนังสือพิมพ์หัวเขียว)
อาทิตย์ที่แล้วอ้างวารสารอะไรจำไม่ได้
บอกว่าได้ผลไม่ต่างกับกินยาหลอก

เรื่องปลา

green journal อีกเหมือนกัน
มีคอลัมนิสต์คนนึงบอกว่า
มีปลาชนิดนึงอาศัยแถวฟูกูชิมะ
แล้วจะอพยพมาอ่าวไทยวางไข่
แล้วกลับญี่ปุน่ต่อ

คือปลาทูนี่แหละ

ไม่รู้น้ำลึกหรือน้ำตื้น
ฟังแล้วเสียวๆ แต่ผมยังชอบกินอยู่นะ
samatah
โพสต์โพสต์