ถ้าเกาหลีเหนือรบกับเกาหลีใต้.....
-
- Verified User
- โพสต์: 227
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้าเกาหลีเหนือรบกับเกาหลีใต้.....
โพสต์ที่ 1
1. จะมีผลกับไทยหรือตลาดหุ้นไทยมั้ยครับ
2. จะลามเป็นสงครามโลกรึป่าวคับ ถ้าเป็น...เศรษฐกิจจะตกต่ำยาวนานมั้ย...ท่านจะทำอย่างไร...ซื้อทอง???
3. เกาหลีเหนือมันต้องการอะไรคับ???? ครองโลก???? บ้าสงคราม????
2. จะลามเป็นสงครามโลกรึป่าวคับ ถ้าเป็น...เศรษฐกิจจะตกต่ำยาวนานมั้ย...ท่านจะทำอย่างไร...ซื้อทอง???
3. เกาหลีเหนือมันต้องการอะไรคับ???? ครองโลก???? บ้าสงคราม????
- untrataro25
- Verified User
- โพสต์: 952
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถ้าเกาหลีเหนือรบกับเกาหลีใต้.....
โพสต์ที่ 2
ผมว่า ไม่รบกันหรอกครับ
และหากเกาหลีเหนือเกิดบ้าขึ้นมาจริงๆ ผมว่า จีนไม่เอาด้วยแน่
และเกาหลีเหนือจะโดนรุมกินโต๊ะ เละแน่ครับ
ที่สำคัญเรื่องนิวเคลียร์นี่ ผมยังไม่แน่ใจเลยครับว่าเกาหลีเหนือมีจริงรึป่าว แต่ถ้ามีนี่เผลอๆยิงข้ามประเทศตัวเองยังไม่พ้น
นิวเคลียร์นี่เกาหลีเหนือคงมีไว้ขู่ กันประเทศอื่นรุกรานมากกว่า
และหากเกาหลีเหนือเกิดบ้าขึ้นมาจริงๆ ผมว่า จีนไม่เอาด้วยแน่
และเกาหลีเหนือจะโดนรุมกินโต๊ะ เละแน่ครับ
ที่สำคัญเรื่องนิวเคลียร์นี่ ผมยังไม่แน่ใจเลยครับว่าเกาหลีเหนือมีจริงรึป่าว แต่ถ้ามีนี่เผลอๆยิงข้ามประเทศตัวเองยังไม่พ้น
นิวเคลียร์นี่เกาหลีเหนือคงมีไว้ขู่ กันประเทศอื่นรุกรานมากกว่า
"เพราะเรียบง่าย จึงชนะ"
-
- Verified User
- โพสต์: 1679
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถ้าเกาหลีเหนือรบกับเกาหลีใต้.....
โพสต์ที่ 3
rakoilnaka เขียน:1. จะมีผลกับไทยหรือตลาดหุ้นไทยมั้ยครับ
2. จะลามเป็นสงครามโลกรึป่าวคับ ถ้าเป็น...เศรษฐกิจจะตกต่ำยาวนานมั้ย...ท่านจะทำอย่างไร...ซื้อทอง???
3. เกาหลีเหนือมันต้องการอะไรคับ???? ครองโลก???? บ้าสงคราม????
กิมจิครับ
value trap
-
- Verified User
- โพสต์: 1679
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถ้าเกาหลีเหนือรบกับเกาหลีใต้.....
โพสต์ที่ 4
ลืมบอกไปครับวรันศ์ บัฟเฟต เขียน:
1. มีผลกับกิมจิ
2. ซื้อกิมจิ
3. มันต้องการกิมจิ
value trap
-
- Verified User
- โพสต์: 26
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถ้าเกาหลีเหนือรบกับเกาหลีใต้.....
โพสต์ที่ 5
ล่าสุดยิงกันแล้ว
- thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถ้าเกาหลีเหนือรบกับเกาหลีใต้.....
โพสต์ที่ 6
วรันศ์ บัฟเฟต เขียน:ลืมบอกไปครับวรันศ์ บัฟเฟต เขียน:
1. มีผลกับกิมจิ
2. ซื้อกิมจิ
3. มันต้องการกิมจิ
กิมจิขาดตลาด ราคาขายกิมจิราคาแพงขึ้น ผู้ผลิตกักตุนกิมจิ รัฐออกกฏหมายโควตากิมจิต่อหัว ผู้บริโภคต้องหาซื้อกิมจิในตลาดมืด ผู้บริโภคหันมากินสินค้าทดแทนมากขึ้น,ประเทศอื่นหันมาผลิตกิมจิมากขึ้น กลับเข้าสู่ภาวะสมดุลของปริมาณและความต้องการกิมจิ
55555555555+
ลงทุนเพื่อชีวิต
-
- Verified User
- โพสต์: 87
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถ้าเกาหลีเหนือรบกับเกาหลีใต้.....
โพสต์ที่ 7
จะรบก็รบกันไปเถอะครับ ขอสองอย่างคืออย่าให้มีผลกับ Bond เกาหลีใต้กับอย่าให้น้อง ๆ Girl Generation ของผมเป็นอะไรไป .... ซึ่งผม concern ข้อหลังมากที่สุด
- OutOfMyMind
- Verified User
- โพสต์: 1232
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถ้าเกาหลีเหนือรบกับเกาหลีใต้.....
โพสต์ที่ 8
หากสังเกตจริงๆจังๆ สงครามเกิดขึ้นเมื่อ ศก ไม่ดีครับ
ศก เกาหลีใต้กำลังดี ผมว่ายังไงเค้าก็ไม่รบ
ศก จีนกำลังดี หากเกาหลีเหนือจะรบ จีนก็คงไม่เข้ามาหนุน
สรุปคือ หาก เกาหลีเหนือใต้ รบกันจริงๆ ขอให้รีบสะสม JCT ครับ เพราะเราขายพาสเตอร์ยา
ศก เกาหลีใต้กำลังดี ผมว่ายังไงเค้าก็ไม่รบ
ศก จีนกำลังดี หากเกาหลีเหนือจะรบ จีนก็คงไม่เข้ามาหนุน
สรุปคือ หาก เกาหลีเหนือใต้ รบกันจริงๆ ขอให้รีบสะสม JCT ครับ เพราะเราขายพาสเตอร์ยา
แชทบอทสำหรับนักลงทุนเน้นคุณค่า
https://www.chathoon.com/
https://www.chathoon.com/
-
- Verified User
- โพสต์: 227
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถ้าเกาหลีเหนือรบกับเกาหลีใต้.....
โพสต์ที่ 9
ลองอ่านดูคับ โชคดีแล้วที่เราไม่ได้เกิดประเทศเฮงซวยอย่างนี้
http://www.jokergameth.com/board/showthread.php?t=84495
http://www.jokergameth.com/board/showthread.php?t=84495
-
- Verified User
- โพสต์: 27
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถ้าเกาหลีเหนือรบกับเกาหลีใต้.....
โพสต์ที่ 10
คาบสมุทรเกาหลีเป็นดินแดนที่มีความเป็นมาทางประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน เริ่มแต่เป็นดินแดนของผู้คนหลากเผ่าพันธุ์ จนกระทั่งรวมตัวขึ้นเป็นอาณาจักรเล็กๆ ต่อมาถูกจีนยึดครอง เมื่อได้เอกราชจากจีน คาบสมุทรเกาหลีประกอบด้วยสามอาณาจักสำคัญก่อนจะรวมตัวกันเป็นอาณาจักรเดียว ปกครองด้วยราชวงศ์ 2 ราชวงศ์ จนถูกญี่ปุ่นยึดครองเป็นอาณานิคมจน สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ตามมาด้วยสงครามเกาหลีที่ทำให้ต้องแบ่งเป็น 2 ประเทศในปัจจุบันคือเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ มีความพยายามที่จะรวมประเทศทั้งสองแต่ยังไม่สำเร็จ
http://www.showded.com/users/nunui/phot ... _size3.jpg
ภาพจากภาพยนตร์ซึ่งมีที่มาจากตำนานของชาวเกาหลี
ตำนานที่เป็นที่แพร่หลายในประเทศเกาหลีเล่าถึงกำเนิดของชนชาติตน ว่า เจ้าชายฮวางวุง โอรสของเทพสูงสุดบนสวรรค์ลงมาสร้างเมืองที่ภูเขาแตแบกซาน ได้แต่งงานกับหญิงที่มีกำเนิดจากหมี มีโอรสชื่อตันกุน ต่อมาเป็นผู้ก่อตั้งอาณาจักรโชซอนโบราณ เมื่อ 1790 ปีก่อนพุทธศักราช
ดิน แดนคาบสมุทรเกาหลีตกเป็นเมืองขึ้นจีนเมื่อ พ.ศ. 434 เมื่อจักรพรรดิฮั่นอู่ตี้ หรือ กวนอู่ตี้ แห่งราชวงศ์ฮั่น ยกทัพเข้ายึดครองดินแดนของอาณาจักรโชซอนโบราณ และแบ่งเกาหลีเป็น 4 มณฑล คือ อาณาจักรนังนัง ชินบอน อิมดุน และฮยอนโท อย่างไรก็ตาม จีนปกครองมณฑลนังนังอย่างจริงจังเพียงมณฑลเดียว มณฑลอื่นๆจึงค่อยๆแยกตัวเป็นเอกราช จน พ.ศ. 856 ชนเผ่าโคกุรยอเข้ายึดครองมณฑลนังนัง ขับไล่จีนออกไปได้สำเร็จ การตกเป็นเมืองขึ้นของจีนทำให้เกาหลีได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากจีนมาก เช่นตัวอักษรและศาสนา (พุทธและขงจื้อ)
http://www.webonomix.com/wp-content/upl ... korea1.gif
เมื่อ พ.ศ. 2453 ญี่ปุ่นได้ผนวกเกาหลีเป็นดินแดนของตนตามสนธิ สัญญาการรวมญี่ปุ่น-เกาหลี ซึ่งสนธิสัญญานี้เป็นที่ยอมรับของญี่ปุ่นฝ่ายเดียว แต่ไม่เป็นที่ยอมรับในเกาหลี เพราะถือว่าไม่มีการลงนามของกษัตริย์เกาหลี เกาหลีถูกญี่ปุ่นปกครองจนกระทั่งญี่ปุ่นเป็นฝ่ายแพ้สงครามเมื่อ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2488
ในระหว่างการปกครองของญี่ปุ่น มีการสร้างระบบคมนาคมแบบตะวันตก แต่ส่วนใหญ่เพื่อประโยชน์ทางการค้าของญี่ปุ่นมากกว่าประโยชน์ของชาวเกาหลี ญี่ปุ่นล้มล้างราชวงศ์โชซอน ทำลายพระราชวัง ปรับปรุงระบบภาษี ให้ส่งข้าวจากเกาหลีไปญี่ปุ่น ทำให้เกิดความอดอยากในเกาหลี มีการใช้แรงงานทาสในการสร้างถนนและทำเหมืองแร่
หลังการสวรรคตของ กษัตริย์โกจง (Gojong) เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2461 ด้วยยาพิษ ทำให้เกิดการเรียกร้องเอกราชทั่วประเทศ เมื่อ 1 มีนาคม พ.ศ. 2461ผลจากการลุกฮือขึ้นเรียกร้องเอกราชทำให้ชาวเกาหลีราว 7,000 คนถูกฆ่าโดยทหารและตำรวจญี่ปุ่น ชาวคริสต์เกาหลีจำนวนมากถูกฆ่าหรือเผาในโบสถ์ระหว่างการเรียกร้องเอกราชมี การจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกาลของเกาหลีที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน หลังจากการเคลื่อนไหว 1 มีนาคม เพื่อต่อต้านการยึดครองของญี่ปุ่น
http://farm4.static.flickr.com/3165/291 ... 188a1f.jpg
การลุกฮือขึ้นต่อต้านญี่ปุ่นยังงมีอยู่ต่อไป เช่น การลุกฮือของนักศึกษาทั่วประเทศเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2472 จนนำไปสู่การประกาศกฏอัยการศึกเมื่อ พ.ศ. 2474 หลังจากเกิดสงครามจีน-ญี่ปุ่นเมื่อ พ.ศ. 2480 ญี่ปุ่นพยายามลบล้างความเป็นชาติของเกาหลี การสอนประวัติศาสตร์และภาษาเกาหลีในโรงเรียนถูกห้าม การแสดงออกทางวัฒนธรรมที่เป็นเกาหลีถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ชาวเกาหลีถูกบังคับให้มีชื่อเป็นภาษาญี่ปุ่น สิ่งของมีค่าถุกนำออกจากเกาหลีไปยังญี่ปุ่น. หนังสือพิมพ์ถูกห้ามตีพิมพ์ด้วยภาษาเกาหลี หนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์จำนวนมากถูกเผาทำลาย
ชาวเกาหลีจำนวน มากอพยพออกจากเกาหลีไปสู่แมนจูเรียและรัสเซีย ชาวเกาหลีในแมนจูเรียจัดตั้งขบวนการกู้เอกราชชื่อ “ดุงนิปกุน” (Dungnipgun) ขบวนการนี้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจีน ทำสงครามกองโจรกับกองทัพญี่ปุ่น กองทัพเหล่านี้ได้รวมตัวกันเป็นกองทัพปลดปล่อยเกาหลี เมื่อราว พ.ศ. 2483 เคลื่อนไหวในจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชาวเกาหลีกว่าหมื่นคนเข้าร่วมในกองทัพปลดปล่อยประชาชนและกองทัพปฏิวัติแห่ง ชาติ
ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวเกาหลีถูกบังคับให้ร่วมมือกับญี่ปุ่น ชายชาวเกาหลีถูกเกณฑ์เข้าร่วมในกองทัพญี่ปุ่น ผู้หญิงจากจีนและเกาหลีราว 200,000 คน ถูกส่งตัวไปเป็นนางบำเรอของทหารญี่ปุ่น
หลังจากสงครามโลก ครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง แนวโน้มของการแบ่งประเทศเริ่มปรากฏขึ้นเมื่อ 8 กันยายน พ.ศ. 2488 เมื่อสหรัฐเข้าควบคุมภาคใต้ของคาบสมุทรเกาหลี และโซเวียตเข้าควบคุมภาคเหนือ โดยใช้เส้นขนานที่ 38 องศาเป็นเส้นแบ่ง รัฐบาลชั่วคราวถูกยกเลิกเพราะสหรัฐเห็นว่าเป็นพวกคอมมิวนิสต์ ในครั้งแรกการแบ่งแยกนี้เป็นการชั่วคราว และจะให้เอกราชแก่เกาหลีเมื่อสี่ชาติมหาอำนาจคือ สหรัฐ สหภาพโซเวียต อังกฤษ และจีน จัดการปกครองในเกาหลีสำเร็จ
ในการประชุมไคโรเมื่อ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2486 กำหนดให้เกาหลีเป็นชาติอิสระ และการประชุมล่าสุดที่ยัลตาในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2488 ตกลงให้เกาหลีเป็นรัฐในอารักขาของชาติมหาอำนาจสี่ชาติ ต่อมา 9 สิงหาคม พ.ศ. 2488 โซเวียตยกทัพจากไซบีเรียเข้าสู่เกาหลีโดยไม่มีการต่อต้าน ญี่ปุ่นยอมแพ้เมื่อ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2488 ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2488 มีการประชุมที่มอสโกเพื่อตกลงเกี่ยวกับอนาคตของเกาหลี โดยกำหนดให้เป็นรัฐในอารักขา 5 ปี และรวมส่วนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของสหรัฐและโซเวียตเข้าด้วยกัน มีการประชุมกันอีกครั้งที่กรุงโซลแต่องค์การตั้งประเทศใหม่ยังไม่ลุล่วง เดือนกันยายน พ.ศ. 2490 สหรัฐส่งปัญหาเกาหลีเข้าสู่สหประชาชาติเพื่อให้เกาหลีเป็นรัฐเดียวที่มี เอกภาพ แต่ผลจากสงครามเย็นทำให้สหรัฐวางแผนคุ้มกันเกาหลีเพื่อต่อ ต้านคอมมิวนิสต์ ส่งผลให้เกิดการแยกประเทศเมื่อ พ.ศ. 2491 เกิดเป็นสองประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจและการปกครองต่างกัน สหประชาชาติยอมรับสาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) เป็นตัวแทนเกาหลีในสหประชาชาติเพียงรัฐเดียวเมื่อ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2491 สงครามเกาหลีระเบิดขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2493 เมื่อเกาหลีเหนือยกทัพข้ามเส้นขนานที่ 38 องศาบุกเข้าโจมตีเกาหลีใต้ เป็นการยุติความพยายามในขณะนั้นที่จะรวมประเทศทั้งสองอย่างสันติ สงครามดำเนินไปจนมีข้อตกลงหยุดยิงเมื่อ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2496
http://www.showded.com/users/nunui/phot ... _size3.jpg
ภาพจากภาพยนตร์ซึ่งมีที่มาจากตำนานของชาวเกาหลี
ตำนานที่เป็นที่แพร่หลายในประเทศเกาหลีเล่าถึงกำเนิดของชนชาติตน ว่า เจ้าชายฮวางวุง โอรสของเทพสูงสุดบนสวรรค์ลงมาสร้างเมืองที่ภูเขาแตแบกซาน ได้แต่งงานกับหญิงที่มีกำเนิดจากหมี มีโอรสชื่อตันกุน ต่อมาเป็นผู้ก่อตั้งอาณาจักรโชซอนโบราณ เมื่อ 1790 ปีก่อนพุทธศักราช
ดิน แดนคาบสมุทรเกาหลีตกเป็นเมืองขึ้นจีนเมื่อ พ.ศ. 434 เมื่อจักรพรรดิฮั่นอู่ตี้ หรือ กวนอู่ตี้ แห่งราชวงศ์ฮั่น ยกทัพเข้ายึดครองดินแดนของอาณาจักรโชซอนโบราณ และแบ่งเกาหลีเป็น 4 มณฑล คือ อาณาจักรนังนัง ชินบอน อิมดุน และฮยอนโท อย่างไรก็ตาม จีนปกครองมณฑลนังนังอย่างจริงจังเพียงมณฑลเดียว มณฑลอื่นๆจึงค่อยๆแยกตัวเป็นเอกราช จน พ.ศ. 856 ชนเผ่าโคกุรยอเข้ายึดครองมณฑลนังนัง ขับไล่จีนออกไปได้สำเร็จ การตกเป็นเมืองขึ้นของจีนทำให้เกาหลีได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากจีนมาก เช่นตัวอักษรและศาสนา (พุทธและขงจื้อ)
http://www.webonomix.com/wp-content/upl ... korea1.gif
เมื่อ พ.ศ. 2453 ญี่ปุ่นได้ผนวกเกาหลีเป็นดินแดนของตนตามสนธิ สัญญาการรวมญี่ปุ่น-เกาหลี ซึ่งสนธิสัญญานี้เป็นที่ยอมรับของญี่ปุ่นฝ่ายเดียว แต่ไม่เป็นที่ยอมรับในเกาหลี เพราะถือว่าไม่มีการลงนามของกษัตริย์เกาหลี เกาหลีถูกญี่ปุ่นปกครองจนกระทั่งญี่ปุ่นเป็นฝ่ายแพ้สงครามเมื่อ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2488
ในระหว่างการปกครองของญี่ปุ่น มีการสร้างระบบคมนาคมแบบตะวันตก แต่ส่วนใหญ่เพื่อประโยชน์ทางการค้าของญี่ปุ่นมากกว่าประโยชน์ของชาวเกาหลี ญี่ปุ่นล้มล้างราชวงศ์โชซอน ทำลายพระราชวัง ปรับปรุงระบบภาษี ให้ส่งข้าวจากเกาหลีไปญี่ปุ่น ทำให้เกิดความอดอยากในเกาหลี มีการใช้แรงงานทาสในการสร้างถนนและทำเหมืองแร่
หลังการสวรรคตของ กษัตริย์โกจง (Gojong) เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2461 ด้วยยาพิษ ทำให้เกิดการเรียกร้องเอกราชทั่วประเทศ เมื่อ 1 มีนาคม พ.ศ. 2461ผลจากการลุกฮือขึ้นเรียกร้องเอกราชทำให้ชาวเกาหลีราว 7,000 คนถูกฆ่าโดยทหารและตำรวจญี่ปุ่น ชาวคริสต์เกาหลีจำนวนมากถูกฆ่าหรือเผาในโบสถ์ระหว่างการเรียกร้องเอกราชมี การจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกาลของเกาหลีที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน หลังจากการเคลื่อนไหว 1 มีนาคม เพื่อต่อต้านการยึดครองของญี่ปุ่น
http://farm4.static.flickr.com/3165/291 ... 188a1f.jpg
การลุกฮือขึ้นต่อต้านญี่ปุ่นยังงมีอยู่ต่อไป เช่น การลุกฮือของนักศึกษาทั่วประเทศเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2472 จนนำไปสู่การประกาศกฏอัยการศึกเมื่อ พ.ศ. 2474 หลังจากเกิดสงครามจีน-ญี่ปุ่นเมื่อ พ.ศ. 2480 ญี่ปุ่นพยายามลบล้างความเป็นชาติของเกาหลี การสอนประวัติศาสตร์และภาษาเกาหลีในโรงเรียนถูกห้าม การแสดงออกทางวัฒนธรรมที่เป็นเกาหลีถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ชาวเกาหลีถูกบังคับให้มีชื่อเป็นภาษาญี่ปุ่น สิ่งของมีค่าถุกนำออกจากเกาหลีไปยังญี่ปุ่น. หนังสือพิมพ์ถูกห้ามตีพิมพ์ด้วยภาษาเกาหลี หนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์จำนวนมากถูกเผาทำลาย
ชาวเกาหลีจำนวน มากอพยพออกจากเกาหลีไปสู่แมนจูเรียและรัสเซีย ชาวเกาหลีในแมนจูเรียจัดตั้งขบวนการกู้เอกราชชื่อ “ดุงนิปกุน” (Dungnipgun) ขบวนการนี้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจีน ทำสงครามกองโจรกับกองทัพญี่ปุ่น กองทัพเหล่านี้ได้รวมตัวกันเป็นกองทัพปลดปล่อยเกาหลี เมื่อราว พ.ศ. 2483 เคลื่อนไหวในจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชาวเกาหลีกว่าหมื่นคนเข้าร่วมในกองทัพปลดปล่อยประชาชนและกองทัพปฏิวัติแห่ง ชาติ
ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวเกาหลีถูกบังคับให้ร่วมมือกับญี่ปุ่น ชายชาวเกาหลีถูกเกณฑ์เข้าร่วมในกองทัพญี่ปุ่น ผู้หญิงจากจีนและเกาหลีราว 200,000 คน ถูกส่งตัวไปเป็นนางบำเรอของทหารญี่ปุ่น
หลังจากสงครามโลก ครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง แนวโน้มของการแบ่งประเทศเริ่มปรากฏขึ้นเมื่อ 8 กันยายน พ.ศ. 2488 เมื่อสหรัฐเข้าควบคุมภาคใต้ของคาบสมุทรเกาหลี และโซเวียตเข้าควบคุมภาคเหนือ โดยใช้เส้นขนานที่ 38 องศาเป็นเส้นแบ่ง รัฐบาลชั่วคราวถูกยกเลิกเพราะสหรัฐเห็นว่าเป็นพวกคอมมิวนิสต์ ในครั้งแรกการแบ่งแยกนี้เป็นการชั่วคราว และจะให้เอกราชแก่เกาหลีเมื่อสี่ชาติมหาอำนาจคือ สหรัฐ สหภาพโซเวียต อังกฤษ และจีน จัดการปกครองในเกาหลีสำเร็จ
ในการประชุมไคโรเมื่อ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2486 กำหนดให้เกาหลีเป็นชาติอิสระ และการประชุมล่าสุดที่ยัลตาในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2488 ตกลงให้เกาหลีเป็นรัฐในอารักขาของชาติมหาอำนาจสี่ชาติ ต่อมา 9 สิงหาคม พ.ศ. 2488 โซเวียตยกทัพจากไซบีเรียเข้าสู่เกาหลีโดยไม่มีการต่อต้าน ญี่ปุ่นยอมแพ้เมื่อ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2488 ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2488 มีการประชุมที่มอสโกเพื่อตกลงเกี่ยวกับอนาคตของเกาหลี โดยกำหนดให้เป็นรัฐในอารักขา 5 ปี และรวมส่วนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของสหรัฐและโซเวียตเข้าด้วยกัน มีการประชุมกันอีกครั้งที่กรุงโซลแต่องค์การตั้งประเทศใหม่ยังไม่ลุล่วง เดือนกันยายน พ.ศ. 2490 สหรัฐส่งปัญหาเกาหลีเข้าสู่สหประชาชาติเพื่อให้เกาหลีเป็นรัฐเดียวที่มี เอกภาพ แต่ผลจากสงครามเย็นทำให้สหรัฐวางแผนคุ้มกันเกาหลีเพื่อต่อ ต้านคอมมิวนิสต์ ส่งผลให้เกิดการแยกประเทศเมื่อ พ.ศ. 2491 เกิดเป็นสองประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจและการปกครองต่างกัน สหประชาชาติยอมรับสาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) เป็นตัวแทนเกาหลีในสหประชาชาติเพียงรัฐเดียวเมื่อ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2491 สงครามเกาหลีระเบิดขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2493 เมื่อเกาหลีเหนือยกทัพข้ามเส้นขนานที่ 38 องศาบุกเข้าโจมตีเกาหลีใต้ เป็นการยุติความพยายามในขณะนั้นที่จะรวมประเทศทั้งสองอย่างสันติ สงครามดำเนินไปจนมีข้อตกลงหยุดยิงเมื่อ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2496
รู้เข้ารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง
-
- Verified User
- โพสต์: 39
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถ้าเกาหลีเหนือรบกับเกาหลีใต้.....
โพสต์ที่ 11
ถ้ารบกันจริงหุ้นดิ่งนรกแน่นอน
- ซุนเซ็ก
- Verified User
- โพสต์: 1104
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถ้าเกาหลีเหนือรบกับเกาหลีใต้.....
โพสต์ที่ 13
ระดับขู่จีนคงช่วยเกาหลีเหนือ แต่ถึงขั้นรบจริงจีนน่าจะไม่เอาด้วย
จีนต้องการพัฒนาเศรษฐกิจ กำลังเติบโตได้อย่างดี เกิดสงครามขึ้นมาก็แย่
เรื่องนิวเคลียร์นี่ผมเชื่อว่ามีจริง เกาหลีเหนือเคยยิงขีปนาวุธเลงทะเลญี่ปุ่นเล่นๆมาแล้วตามที่เคยเป็นข่าวเมื่อหลายปีก่อน
หัวรบพิสัยไกลยิงข้ามเกาะญี่ปุ่นได้สบาย สหรัฐยังกลัวว่าอีกหน่อยจะยิงนิวเคลียร์ถึงฮาวายเลยด้วยซ้ำไป
(ดูจากลูกโลกกลมๆจะเห็นว่าเกาหลีเหนือกับฮาวายไม่ไกลกันนัก)
ถ้าเกิดสงครามขึ้นจริง ในปีแรกแถบเอเซียคงย่ำแย่กัน ตลาดหุ้นไปก่อนเพื่อนแน่ๆ แต่ผมคิดว่าไม่น่าเกิด
จีนต้องการพัฒนาเศรษฐกิจ กำลังเติบโตได้อย่างดี เกิดสงครามขึ้นมาก็แย่
เรื่องนิวเคลียร์นี่ผมเชื่อว่ามีจริง เกาหลีเหนือเคยยิงขีปนาวุธเลงทะเลญี่ปุ่นเล่นๆมาแล้วตามที่เคยเป็นข่าวเมื่อหลายปีก่อน
หัวรบพิสัยไกลยิงข้ามเกาะญี่ปุ่นได้สบาย สหรัฐยังกลัวว่าอีกหน่อยจะยิงนิวเคลียร์ถึงฮาวายเลยด้วยซ้ำไป
(ดูจากลูกโลกกลมๆจะเห็นว่าเกาหลีเหนือกับฮาวายไม่ไกลกันนัก)
ถ้าเกิดสงครามขึ้นจริง ในปีแรกแถบเอเซียคงย่ำแย่กัน ตลาดหุ้นไปก่อนเพื่อนแน่ๆ แต่ผมคิดว่าไม่น่าเกิด
ผมไม่ได้อยู่ในเว็บนี้แล้ว, มีอะไรติดต่อได้ทาง FB - 27/9/2555
"วิธีการที่ถูกต้อง มีได้มากกว่าหนึ่งวิธี"
สมุดบันทึกของผม http://suntse.wordpress.com
Facebook https://www.facebook.com/giggswalk
"วิธีการที่ถูกต้อง มีได้มากกว่าหนึ่งวิธี"
สมุดบันทึกของผม http://suntse.wordpress.com
Facebook https://www.facebook.com/giggswalk
- [v]
- Verified User
- โพสต์: 1402
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถ้าเกาหลีเหนือรบกับเกาหลีใต้.....
โพสต์ที่ 16
Girls Gen. มาเมืองไทยไม่ได้เพราะทางการบินน่านฟ้า อาจจะเกิดการจราจลจาก บรรดาสาวก เกาหลี ที่จองบัตรไว้
อย่าดูถูก เชียวนะครับฝาแฟนต้า 3 แสนฝา เพื่อให้ได้ไปมีทติ้งส่วนตัวกับ 2PM ก็ยังมีคนทำมาแล้ว คนไทยทำได้ไร้สาระมากๆ
อย่าดูถูก เชียวนะครับฝาแฟนต้า 3 แสนฝา เพื่อให้ได้ไปมีทติ้งส่วนตัวกับ 2PM ก็ยังมีคนทำมาแล้ว คนไทยทำได้ไร้สาระมากๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถ้าเกาหลีเหนือรบกับเกาหลีใต้.....
โพสต์ที่ 17
**In Focus: "นุกป่วนโลก"... เมื่อโสมแดงประกาศศักดาทายาทรุ่นที่ 3
อินโฟเควสท์ (4 เม.ย. 55)--หลังจากที่ประชาคมโลกปวดเศียรเวียนเกล้ากับประเด็นโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านอยู่พักใหญ่ ก็ต้องอกสั่นขวัญแขวนอีกครั้งเมื่อเกาหลีเหนือประกาศแผนปล่อยจรวดส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรระหว่างวันที่ 12-16 เม.ย.นี้ เพื่อเฉลิมฉลอง 100 ปีชาตกาลของอดีตประธานาธิบดีคิม อิลซุง ผู้ก่อตั้งเกาหลีเหนือ ท่ามกลางเสียงประณามของนานาชาติโดยเฉพาะชาติบ้านใกล้เรือนเคียง เนื่องจากวิตกว่า การส่งดาวเทียมที่ว่านี้แท้จริงแล้วคือการแอบสอดไส้ทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยไกลนั่นเอง
สถานการณ์คาบสมุทรเกาหลีทวีความตึงเครียดขึ้นทุกขณะ เมื่อล่าสุดกองทัพเกาหลีใต้เปิดเผยว่า รัฐบาลเปียงยางเปิดฉากทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้พัฒนาขึ้นใหม่แบบพื้นสู่เรือจำนวน 2 ลูกบริเวณนอกชายฝั่งด้านตะวันตกเมื่อเช้าตรู่ของวันที่ 29 มี.ค. นัยว่าเป็นปฐมฤกษ์ขู่ขวัญบรรดาชาติมหาอำนาจก่อนกำหนดยิงจรวดที่อ้างว่าเป็นดาวเทียมอย่างเป็นทางการ ขณะที่ประเทศต่างๆ กระทั่งพันธมิตรอันเหนียวแน่นอย่างจีน ก็ออกข่าวอยู่ทุกวันเรียกร้องให้ล้มเลิกแผนการเขย่าโลกครั้งนี้
* โสมแดงกับความพยายามที่ไม่สิ้นสุด
ขีปนาวุธที่เกาหลีเหนือ และบางประเทศในแถบตะวันออกกลาง อาทิ อิหร่าน อิรัก ซีเรีย และปากีสถาน ได้พัฒนาขึ้น และอ้างว่า เป็นไปเพื่อสร้างความมั่นคงด้านการทหารนั้น สามารถจำแนกได้หลายประเภท โดยแต่ละประเภทมีอานุภาพที่แตกต่างกันซึ่งก็ขึ้นอยู่กับพิกัดของเป้าหมาย รัศมีการทำลายล้าง และความรุนแรงของหัวรบที่เลือกใช้ (warhead) นอกจากนี้ ในการยิงขีปนาวุธแต่ละครั้ง ยังสามารถเลือกยิงได้จากฐานยิงขีปนาวุธภาคพื้นดิน จากฐานยิงบนเรือ หรือจากเครื่องบิน ขีปนาวุธที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ในปัจจุบันถือว่า มีความแม่นยำสูงในการโจมตีเป้าหมายในระยะไกลและข้ามทวีป นอกจากเกาหลีเหนือจะพัฒนาขีปนาวุธของตนเองอย่างต่อเนื่องแล้ว ยังมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตและจัดส่งวัตถุดิบให้กับประเทศในแถบตะวันออกกลางอีกด้วย
ขีปนาวุธติดหัวรบ (ballistic missile) สามารถแบ่งตามประเภทการใช้งานได้ 3 ประเภท คือ ขีปนาวุธทางยุทธวิธี (tactical missile) ขีปนาวุธทางยุทธบริเวณ (theatre missile) และขีปนาวุธทางยุทธศาสตร์ (strategic missile) โดยขีปนาวุธติดหัวรบพิสัยไกล (long-range ballistic missile) ที่นานาชาติกำลังพูดถึงนั้นจัดอยู่ในประเภทขีปนาวุธทางยุทธศาสตร์ ซึ่งยังแบ่งย่อยได้เป็นขีปนาวุธติดหัวรบพิสัยไกลไม่เกิน 5,500 กิโลเมตร (intermediate-range ballistic missile) และขีปนาวุธติดหัวรบข้ามทวีป (intercontinental ballistic missile)
เกาหลีเหนือได้ครอบครองขีปนาวุธทางยุทธวิธี ซึ่งได้มาจากอดีตสหภาพโซเวียตเมื่อปี 1969 และต่อมาก็ได้รับมอบจรวดสกั๊ด-บี จากอียิปต์เป็นการตอบแทนที่ช่วยเหลือในการรับมือกับอิสราเอล จุดเริ่มต้นนี้เองที่ทำให้รัฐบาลเปียงยางเดินหน้าคิดค้นพัฒนาเขี้ยวเล็บของตัวเองตั้งแต่จรวดธรรมดาๆ ขีปนาวุธพิสัยใกล้ พิสัยกลาง ไปจนถึงพิสัยไกลที่หวังว่าจะยิงได้ไกลกว่า 15,000 กิโลเมตร เรียกได้ว่าระดับข้ามทวีป
ตามข้อมูลล่าสุด ขีปนาวุธพิสัยไกลที่เกาหลีเหนือเผยโฉมออกสู่สายตาชาวโลกคือ Taepodong-2 ซึ่งทำการทดสอบไปทั้งสิ้น 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อปี 2549 แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากขีปนาวุธเกิดปัญหาระเบิดกลางอากาศ หลังจากปล่อยจากฐานยิงเพียงไม่กี่วินาที ส่วนครั้งที่สองเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 เม.ย. ปี 2552 โดยอ้างว่าเป็น Taepodong-2 โฉมใหม่ที่มีอานุภาพยิงได้ไกลถึง 15,000 กิโลเมตร ทว่าทางการสหรัฐเผยว่า Taepodong-2 ไปไม่ถึงฝั่งฝันเพราะส่วนหนึ่งร่วงลงสู่ทะเลญี่ปุ่น ขณะที่อีกส่วนหนึ่งรวมถึงหัวรบนั้นจมลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิก
ช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมานั้น มีข่าวออกมาเป็นระยะๆ ว่า เกาหลีเหนือพัฒนาเทคโนโลยีขีปนาวุธให้มีความก้าวหน้ามากยื่งขึ้น โดยในเดือนม.ค.ปีที่แล้ว นายโรเบิร์ต เกตส์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ กล่าวเตือนว่า ภายใน 5 ปีนี้ เกาหลีเหนือจะสามารถพัฒนาอาวุธที่มีอานุภาพเดินทางไกลข้ามทวีปไปถึงสหรัฐอเมริกา ขณะที่เดือนต่อมา สื่อสหรัฐก็เผยแพร่ภาพถ่ายทางดาวเทียมที่ระบุว่า เป็นฐานปล่อยขีปนาวุธแห่งใหม่ของเกาหลีเหนือ โดยตั้งอยู่ในพื้นที่ตะวันตกเฉียงเหนือ และล่าสุดกลางเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้ราว 75 กิโลเมตรจำนวน 2 ลูก ทางชายฝั่งตะวันออก หลังจากการเสียชีวิตของประธานาธิบดีคิม จองอิล
* โลกหวั่นจรวดสอดไส้นุก
ความเคลื่อนไหวล่าสุดของรัฐบาลเปียงยางที่เขย่าขวัญชาวโลกคือ การยืนยันแผนปล่อยจรวดเพื่อนำดาวเทียมกวางเมียงซอง-3 ขึ้นสู่วงโคจรระหว่างวันที่ 12-16 เม.ย. ในโอกาสครบรอบ 100 ปีชาตกาลของอดีตประธานาธิบดีคิม อิลซุง ซึ่งตรงกับวันที่ 15 เม.ย. โดยไม่สนเสียงห้ามปรามและประณามของนานาชาติที่ชี้ว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ โดยเกาหลีเหนือได้ประกาศถอนตัวจากสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ (Non-Proliferation Treaty) เมื่อปี 2003 และปฏิเสธที่จะเข้าร่วมประชุมในการเจรจาเพื่อหยุดยั้งการขยายโครงการนิวเคลียร์
เกาหลีเหนือยืนยันเสียงแข็งว่า การปล่อยจรวดส่งดาวเทียมนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสันติ พร้อมระบุว่า เป็นสิทธิอันชอบธรรมตามอำนาจอธิปไตย และมีความจำเป็นสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ แม้ว่าการส่งดาวเทียมสู่วงโคจรเป็นเรื่องที่ชาติไหนๆ เขาก็ทำกัน แต่ประเด็นอยู่ตรงที่เป็น “เกาหลีเหนือ" ชาติที่ตีคู่มากับอิหร่านในการถูกเพ่งเล็งจากนานาชาติเรื่องการพัฒนาโครงการนิวเคลียร์
ดาวเทียมดังกล่าวมีน้ำหนัก 100 กิโลกรัม มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจผืนป่า ทรัพยากรธรรมชาติ และสภาพอากาศ จะลอยเท้งเต้งอยู่ในวงโคจรราว 2 ปี และสามารถส่งภาพถ่ายดาวเทียมกลับมายังฐานปฏิบัติการบนโลกได้ เพื่อความโปร่งใสไร้ข้อกังขา ทางการเกาหลีเหนือจึงประกาศเชิญบรรดาผู้สังเกตการณ์และสื่อมวลชนต่างชาติเข้าไปสำรวจฐานปล่อยจรวด และเป็นสักขีพยานในการปล่อยจรวดที่ศูนย์บังคับการในกรุงเปียงยางด้วย แต่เอาเข้าจริงก็ไม่รู้ว่า จะมีเงื่อนไขข้อจำกัดอะไรบ้าง เพราะใครๆ ก็รู้ว่า เกาหลีเหนือไม่เคยปล่อยให้คนนอกเข้าไปป้วนเปี้ยนในอาณาจักรของตัวเองง่ายๆ ดังนั้น จึงไม่แปลกหากโลกจะรู้เรื่องของเกาหลีเหนือน้อยมาก และไม่เคยปักใจเชื่อในสิ่งที่ผู้นำป่าวประกาศหรือให้คำมั่นกับประชาคมโลก
ข้อมูลของ 2011 IISS Strategic Dossier on North Korean Security Challenges ระบุว่า จรวดส่งดาวเทียมสู่วงโคจรกับขีปนาวุธติดหัวรบมีรูปร่างลักษณะเหมือนกัน ระบบขับเคลื่อนหรือเครื่องยนต์กลไกแบบเดียวกัน อาศัยฐานการยิงเหมือนกัน รวมถึงมีขั้นตอนการพัฒนาบางอย่างที่ใช้ร่วมกันได้ ความแตกต่างอยู่ตรงที่ดาวเทียมปล่อยไปแล้วก็ลอยอยู่ในชั้นบรรยากาศ ส่วนขีปนาวุธ เมื่อยิงขึ้นฟ้าไปแล้ว ก็จะวกกลับลงมาสู่เป้าหมายภาคพื้นดิน โดยระหว่างทางที่กลับลงมานั้น ยังอยู่ในสภาพที่พร้อมทำลายล้างได้อย่างสมบูรณ์
การปล่อยดาวเทียมแต่ละครั้งจะแสดงให้เห็นถึงขอบเขตการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของชาตินั้นๆ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากแผนการส่งดาวเทียมครั้งนี้จะถูกมองว่า มีนัยแอบแฝง ขณะที่เพนตากอนชี้ว่า หากสิ่งที่เกาหลีเหนือจะปล่อยขึ้นสู่ท้องฟ้านั้นเป็นมัจจุราชที่ชาวโลกหวั่นวิตกอยู่จริง ชาติที่เข้าข่ายจะได้รับผลกระทบไม่ใช่แค่เกาหลีใต้กับญี่ปุ่น แต่หมายรวมถึงฟิลิปปินส์กับอินโดนีเซีย เนื่องจากวิถีของจรวดนั้นอาจมุ่งหน้าลงมาทางทิศใต้ เมื่อครั้งที่ทดลอง Taepodong-2 รุ่นปรับโฉม เกาหลีเหนือก็อ้างเช่นกันว่า เป็นการส่งดาวเทียม มาคราวนี้แม้จะอ้างความชอบธรรมใดๆ ก็ไม่มีใครทำใจเชื่อได้ลง
* ประกาศศักดาทายาทรุ่นที่ 3
การรับไม้ต่อจากอดีตผู้นำคิม จองอิล ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับทายาทรุ่น 3 อย่างคิม จองอึน วัยเพิ่งแตะ 30 ผู้ซึ่งถูกตราหน้าว่า ไร้ฝีมือ ขาดประสบการณ์ และเป็นได้แค่หุ่นเชิดของกองทัพที่ยังซึมซับบารมีของคิมผู้พ่อที่ล่วงลับไว้อย่างเต็มเปี่ยม แม้กระทั่งคิม จองนัม พี่ชายของตัวเองยังอดไม่ได้ที่จะวิจารณ์ว่า อาณาจักรเปียงยางคงถึงกาลล่มสลายในคราวนี้เป็นแน่แท้ หากถูกปกครองโดยผู้นำที่ไร้ศักยภาพอย่างน้องชายคนสุดท้องของเขา
แม้ใครหลายคนจะมองว่า สภาวะอ่อนแอ ไร้ประสบการณ์ของคิม จองอึน อาจนำไปสู่ท่าทีที่อ่อนลงในเวทีโลก แต่ไม่มีใครบอกได้ว่า แท้จริงแล้ว ทายาทตระกูลคิมผู้นี้มีอุปนิสัยและพฤติกรรมอย่างไรกันแน่ เพราะข้อมูลที่ได้รับการเปิดเผยนั้นมีน้อยมาก เน้นไปทางประวัติการศึกษาของเขาเป็นหลัก เช่นล่าสุดอดีตเพื่อนร่วมชั้นเผยว่า ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือเรียนหนังสือเข้าขั้นห่วย ส่วนบ้านใกล้เรือนเคียงอย่างญี่ปุ่นและจีนเพียรพยายามอยู่หลายปีมาก กว่าจะค้นเจอรูปถ่ายของทายาทตระกูลคิมผู้นี้ แต่ก็พบแต่รูปสมัยยังเด็กมาก บ่งชี้อะไรไม่ได้เลย
ข่าวลืออีกชิ้นระบุว่า คิม จองอึน สั่งประหารนายทหารระดับนายพลไปหลายรายด้วยข้อหา "มีพฤติกรรมนอกลู่นอกทาง" ทั้งเมาเหล้า ลวนลามผู้หญิง หรือกระทั่งเรื่องขี้ปะติ๋วอื่นๆ ไม่ต่างอะไรกับสมัยพ่อของเขายังมีชีวิตอยู่ เช่นกันที่เราไม่อาจรู้ได้เลยว่า ข่าวลือดังกล่าวจริงหรือไม่ หรือจะเป็นแค่โฆษณาชวนเชื่อ อวดอ้างศักดาผู้นำวัยเยาว์ให้ทั้งพลเมืองและชาวโลกได้ประจักษ์ภายใต้ความพยายามปลุกกระแสลัทธิบูชาบุคคลให้กลับคืนมาอีกครั้ง
ไม่ว่าจะเป็นข่าวการสั่งเก็บนายทหารระดับบิ๊ก การจัดงานเฉลิมฉลองสุดอลังการ หรือการประกาศยิงจรวดสุดสะพรึง ล้วนแล้วแต่เป็นไปเพื่อโปรโมตผู้นำคนใหม่ในภารกิจสานต่อลัทธิบูชาบุคคลให้ได้อย่างคิมผู้พ่อ เพราะผู้นำเกาหลีเหนือต้องได้รับการยอมรับนับถือจากกองทัพและประชาชนในฐานะผู้นำที่เก่งรอบด้านเข้าขั้นเหนือมนุษย์ แม้ว่าเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชนจะยากแค้นแสนสาหัสเพียงไรก็ตาม เมื่อเป็นเช่นนี้ แม้จะโดนวิพากษ์วิจารณ์หรือห้ามปรามมากน้อยแค่ไหน เกาหลีเหนือก็ยังยืนยันเดินหน้าแผนส่งจรวดลูกนี้อยู่ดี เพราะหากล้มเลิกก็หมายถึงความอ่อนด้อยไร้น้ำยา และตอกย้ำว่า ผู้นำนั้นอ่อนแออย่างที่ใครๆ เขานินทากัน
แผนปล่อยจรวดใช้งบประมาณราว 850 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่งานเฉลิมฉลองครั้งนี้ถลุงเงินไป 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือหนึ่งในสามของงบประมาณประจำปี พอจะซื้อข้าวให้ประชาชนกินได้ถึง 4.75 ล้านตัน แต่เพื่อประกาศศักดาในเวทีโลกแล้ว มากแค่ไหนก็คงต้องทุ่ม ขณะที่นักวิเคราะห์บางรายให้ทรรศนะว่า ด้วยเหตุที่เกาหลีเหนือไม่มีอะไรโดดเด่นเลย นอกจากความล้าหลังและยากจนข้นแค้น การพัฒนาเทคโนโลยีขีปนาวุธจึงเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้โสมแดงส่องแสงเปล่งประกาย เรียกร้องความสนใจในระดับนานาชาติได้นั่นเอง
ท้ายที่สุด เราทั้งหลายคงต้องลุ้นกันว่า แผนปล่อยจรวดส่งดาวเทียมของเกาหลีเหนือครั้งนี้ มีนัยแอบแฝงอย่างที่ร่ำลือกันหรือไม่ หรือจะเป็นแค่การเล่นปาหี่บูชาผู้นำ แต่ที่แน่ๆ คือ แผนการข่มขวัญชาวโลกหนนี้ก็ทำเอาตลาดปั่นป่วน จะมีก็แต่บรรดาบริษัทผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหารเท่านั้นที่นั่งยิ้มกว้างเตรียมโกยรายได้กันยกใหญ่--จบ--
--อินโฟเควสท์ โดย มัณฑนา กิตติธรรมรักษ์/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
อินโฟเควสท์ (4 เม.ย. 55)--หลังจากที่ประชาคมโลกปวดเศียรเวียนเกล้ากับประเด็นโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านอยู่พักใหญ่ ก็ต้องอกสั่นขวัญแขวนอีกครั้งเมื่อเกาหลีเหนือประกาศแผนปล่อยจรวดส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรระหว่างวันที่ 12-16 เม.ย.นี้ เพื่อเฉลิมฉลอง 100 ปีชาตกาลของอดีตประธานาธิบดีคิม อิลซุง ผู้ก่อตั้งเกาหลีเหนือ ท่ามกลางเสียงประณามของนานาชาติโดยเฉพาะชาติบ้านใกล้เรือนเคียง เนื่องจากวิตกว่า การส่งดาวเทียมที่ว่านี้แท้จริงแล้วคือการแอบสอดไส้ทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยไกลนั่นเอง
สถานการณ์คาบสมุทรเกาหลีทวีความตึงเครียดขึ้นทุกขณะ เมื่อล่าสุดกองทัพเกาหลีใต้เปิดเผยว่า รัฐบาลเปียงยางเปิดฉากทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้พัฒนาขึ้นใหม่แบบพื้นสู่เรือจำนวน 2 ลูกบริเวณนอกชายฝั่งด้านตะวันตกเมื่อเช้าตรู่ของวันที่ 29 มี.ค. นัยว่าเป็นปฐมฤกษ์ขู่ขวัญบรรดาชาติมหาอำนาจก่อนกำหนดยิงจรวดที่อ้างว่าเป็นดาวเทียมอย่างเป็นทางการ ขณะที่ประเทศต่างๆ กระทั่งพันธมิตรอันเหนียวแน่นอย่างจีน ก็ออกข่าวอยู่ทุกวันเรียกร้องให้ล้มเลิกแผนการเขย่าโลกครั้งนี้
* โสมแดงกับความพยายามที่ไม่สิ้นสุด
ขีปนาวุธที่เกาหลีเหนือ และบางประเทศในแถบตะวันออกกลาง อาทิ อิหร่าน อิรัก ซีเรีย และปากีสถาน ได้พัฒนาขึ้น และอ้างว่า เป็นไปเพื่อสร้างความมั่นคงด้านการทหารนั้น สามารถจำแนกได้หลายประเภท โดยแต่ละประเภทมีอานุภาพที่แตกต่างกันซึ่งก็ขึ้นอยู่กับพิกัดของเป้าหมาย รัศมีการทำลายล้าง และความรุนแรงของหัวรบที่เลือกใช้ (warhead) นอกจากนี้ ในการยิงขีปนาวุธแต่ละครั้ง ยังสามารถเลือกยิงได้จากฐานยิงขีปนาวุธภาคพื้นดิน จากฐานยิงบนเรือ หรือจากเครื่องบิน ขีปนาวุธที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ในปัจจุบันถือว่า มีความแม่นยำสูงในการโจมตีเป้าหมายในระยะไกลและข้ามทวีป นอกจากเกาหลีเหนือจะพัฒนาขีปนาวุธของตนเองอย่างต่อเนื่องแล้ว ยังมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตและจัดส่งวัตถุดิบให้กับประเทศในแถบตะวันออกกลางอีกด้วย
ขีปนาวุธติดหัวรบ (ballistic missile) สามารถแบ่งตามประเภทการใช้งานได้ 3 ประเภท คือ ขีปนาวุธทางยุทธวิธี (tactical missile) ขีปนาวุธทางยุทธบริเวณ (theatre missile) และขีปนาวุธทางยุทธศาสตร์ (strategic missile) โดยขีปนาวุธติดหัวรบพิสัยไกล (long-range ballistic missile) ที่นานาชาติกำลังพูดถึงนั้นจัดอยู่ในประเภทขีปนาวุธทางยุทธศาสตร์ ซึ่งยังแบ่งย่อยได้เป็นขีปนาวุธติดหัวรบพิสัยไกลไม่เกิน 5,500 กิโลเมตร (intermediate-range ballistic missile) และขีปนาวุธติดหัวรบข้ามทวีป (intercontinental ballistic missile)
เกาหลีเหนือได้ครอบครองขีปนาวุธทางยุทธวิธี ซึ่งได้มาจากอดีตสหภาพโซเวียตเมื่อปี 1969 และต่อมาก็ได้รับมอบจรวดสกั๊ด-บี จากอียิปต์เป็นการตอบแทนที่ช่วยเหลือในการรับมือกับอิสราเอล จุดเริ่มต้นนี้เองที่ทำให้รัฐบาลเปียงยางเดินหน้าคิดค้นพัฒนาเขี้ยวเล็บของตัวเองตั้งแต่จรวดธรรมดาๆ ขีปนาวุธพิสัยใกล้ พิสัยกลาง ไปจนถึงพิสัยไกลที่หวังว่าจะยิงได้ไกลกว่า 15,000 กิโลเมตร เรียกได้ว่าระดับข้ามทวีป
ตามข้อมูลล่าสุด ขีปนาวุธพิสัยไกลที่เกาหลีเหนือเผยโฉมออกสู่สายตาชาวโลกคือ Taepodong-2 ซึ่งทำการทดสอบไปทั้งสิ้น 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อปี 2549 แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากขีปนาวุธเกิดปัญหาระเบิดกลางอากาศ หลังจากปล่อยจากฐานยิงเพียงไม่กี่วินาที ส่วนครั้งที่สองเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 เม.ย. ปี 2552 โดยอ้างว่าเป็น Taepodong-2 โฉมใหม่ที่มีอานุภาพยิงได้ไกลถึง 15,000 กิโลเมตร ทว่าทางการสหรัฐเผยว่า Taepodong-2 ไปไม่ถึงฝั่งฝันเพราะส่วนหนึ่งร่วงลงสู่ทะเลญี่ปุ่น ขณะที่อีกส่วนหนึ่งรวมถึงหัวรบนั้นจมลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิก
ช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมานั้น มีข่าวออกมาเป็นระยะๆ ว่า เกาหลีเหนือพัฒนาเทคโนโลยีขีปนาวุธให้มีความก้าวหน้ามากยื่งขึ้น โดยในเดือนม.ค.ปีที่แล้ว นายโรเบิร์ต เกตส์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ กล่าวเตือนว่า ภายใน 5 ปีนี้ เกาหลีเหนือจะสามารถพัฒนาอาวุธที่มีอานุภาพเดินทางไกลข้ามทวีปไปถึงสหรัฐอเมริกา ขณะที่เดือนต่อมา สื่อสหรัฐก็เผยแพร่ภาพถ่ายทางดาวเทียมที่ระบุว่า เป็นฐานปล่อยขีปนาวุธแห่งใหม่ของเกาหลีเหนือ โดยตั้งอยู่ในพื้นที่ตะวันตกเฉียงเหนือ และล่าสุดกลางเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้ราว 75 กิโลเมตรจำนวน 2 ลูก ทางชายฝั่งตะวันออก หลังจากการเสียชีวิตของประธานาธิบดีคิม จองอิล
* โลกหวั่นจรวดสอดไส้นุก
ความเคลื่อนไหวล่าสุดของรัฐบาลเปียงยางที่เขย่าขวัญชาวโลกคือ การยืนยันแผนปล่อยจรวดเพื่อนำดาวเทียมกวางเมียงซอง-3 ขึ้นสู่วงโคจรระหว่างวันที่ 12-16 เม.ย. ในโอกาสครบรอบ 100 ปีชาตกาลของอดีตประธานาธิบดีคิม อิลซุง ซึ่งตรงกับวันที่ 15 เม.ย. โดยไม่สนเสียงห้ามปรามและประณามของนานาชาติที่ชี้ว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ โดยเกาหลีเหนือได้ประกาศถอนตัวจากสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ (Non-Proliferation Treaty) เมื่อปี 2003 และปฏิเสธที่จะเข้าร่วมประชุมในการเจรจาเพื่อหยุดยั้งการขยายโครงการนิวเคลียร์
เกาหลีเหนือยืนยันเสียงแข็งว่า การปล่อยจรวดส่งดาวเทียมนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสันติ พร้อมระบุว่า เป็นสิทธิอันชอบธรรมตามอำนาจอธิปไตย และมีความจำเป็นสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ แม้ว่าการส่งดาวเทียมสู่วงโคจรเป็นเรื่องที่ชาติไหนๆ เขาก็ทำกัน แต่ประเด็นอยู่ตรงที่เป็น “เกาหลีเหนือ" ชาติที่ตีคู่มากับอิหร่านในการถูกเพ่งเล็งจากนานาชาติเรื่องการพัฒนาโครงการนิวเคลียร์
ดาวเทียมดังกล่าวมีน้ำหนัก 100 กิโลกรัม มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจผืนป่า ทรัพยากรธรรมชาติ และสภาพอากาศ จะลอยเท้งเต้งอยู่ในวงโคจรราว 2 ปี และสามารถส่งภาพถ่ายดาวเทียมกลับมายังฐานปฏิบัติการบนโลกได้ เพื่อความโปร่งใสไร้ข้อกังขา ทางการเกาหลีเหนือจึงประกาศเชิญบรรดาผู้สังเกตการณ์และสื่อมวลชนต่างชาติเข้าไปสำรวจฐานปล่อยจรวด และเป็นสักขีพยานในการปล่อยจรวดที่ศูนย์บังคับการในกรุงเปียงยางด้วย แต่เอาเข้าจริงก็ไม่รู้ว่า จะมีเงื่อนไขข้อจำกัดอะไรบ้าง เพราะใครๆ ก็รู้ว่า เกาหลีเหนือไม่เคยปล่อยให้คนนอกเข้าไปป้วนเปี้ยนในอาณาจักรของตัวเองง่ายๆ ดังนั้น จึงไม่แปลกหากโลกจะรู้เรื่องของเกาหลีเหนือน้อยมาก และไม่เคยปักใจเชื่อในสิ่งที่ผู้นำป่าวประกาศหรือให้คำมั่นกับประชาคมโลก
ข้อมูลของ 2011 IISS Strategic Dossier on North Korean Security Challenges ระบุว่า จรวดส่งดาวเทียมสู่วงโคจรกับขีปนาวุธติดหัวรบมีรูปร่างลักษณะเหมือนกัน ระบบขับเคลื่อนหรือเครื่องยนต์กลไกแบบเดียวกัน อาศัยฐานการยิงเหมือนกัน รวมถึงมีขั้นตอนการพัฒนาบางอย่างที่ใช้ร่วมกันได้ ความแตกต่างอยู่ตรงที่ดาวเทียมปล่อยไปแล้วก็ลอยอยู่ในชั้นบรรยากาศ ส่วนขีปนาวุธ เมื่อยิงขึ้นฟ้าไปแล้ว ก็จะวกกลับลงมาสู่เป้าหมายภาคพื้นดิน โดยระหว่างทางที่กลับลงมานั้น ยังอยู่ในสภาพที่พร้อมทำลายล้างได้อย่างสมบูรณ์
การปล่อยดาวเทียมแต่ละครั้งจะแสดงให้เห็นถึงขอบเขตการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของชาตินั้นๆ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากแผนการส่งดาวเทียมครั้งนี้จะถูกมองว่า มีนัยแอบแฝง ขณะที่เพนตากอนชี้ว่า หากสิ่งที่เกาหลีเหนือจะปล่อยขึ้นสู่ท้องฟ้านั้นเป็นมัจจุราชที่ชาวโลกหวั่นวิตกอยู่จริง ชาติที่เข้าข่ายจะได้รับผลกระทบไม่ใช่แค่เกาหลีใต้กับญี่ปุ่น แต่หมายรวมถึงฟิลิปปินส์กับอินโดนีเซีย เนื่องจากวิถีของจรวดนั้นอาจมุ่งหน้าลงมาทางทิศใต้ เมื่อครั้งที่ทดลอง Taepodong-2 รุ่นปรับโฉม เกาหลีเหนือก็อ้างเช่นกันว่า เป็นการส่งดาวเทียม มาคราวนี้แม้จะอ้างความชอบธรรมใดๆ ก็ไม่มีใครทำใจเชื่อได้ลง
* ประกาศศักดาทายาทรุ่นที่ 3
การรับไม้ต่อจากอดีตผู้นำคิม จองอิล ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับทายาทรุ่น 3 อย่างคิม จองอึน วัยเพิ่งแตะ 30 ผู้ซึ่งถูกตราหน้าว่า ไร้ฝีมือ ขาดประสบการณ์ และเป็นได้แค่หุ่นเชิดของกองทัพที่ยังซึมซับบารมีของคิมผู้พ่อที่ล่วงลับไว้อย่างเต็มเปี่ยม แม้กระทั่งคิม จองนัม พี่ชายของตัวเองยังอดไม่ได้ที่จะวิจารณ์ว่า อาณาจักรเปียงยางคงถึงกาลล่มสลายในคราวนี้เป็นแน่แท้ หากถูกปกครองโดยผู้นำที่ไร้ศักยภาพอย่างน้องชายคนสุดท้องของเขา
แม้ใครหลายคนจะมองว่า สภาวะอ่อนแอ ไร้ประสบการณ์ของคิม จองอึน อาจนำไปสู่ท่าทีที่อ่อนลงในเวทีโลก แต่ไม่มีใครบอกได้ว่า แท้จริงแล้ว ทายาทตระกูลคิมผู้นี้มีอุปนิสัยและพฤติกรรมอย่างไรกันแน่ เพราะข้อมูลที่ได้รับการเปิดเผยนั้นมีน้อยมาก เน้นไปทางประวัติการศึกษาของเขาเป็นหลัก เช่นล่าสุดอดีตเพื่อนร่วมชั้นเผยว่า ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือเรียนหนังสือเข้าขั้นห่วย ส่วนบ้านใกล้เรือนเคียงอย่างญี่ปุ่นและจีนเพียรพยายามอยู่หลายปีมาก กว่าจะค้นเจอรูปถ่ายของทายาทตระกูลคิมผู้นี้ แต่ก็พบแต่รูปสมัยยังเด็กมาก บ่งชี้อะไรไม่ได้เลย
ข่าวลืออีกชิ้นระบุว่า คิม จองอึน สั่งประหารนายทหารระดับนายพลไปหลายรายด้วยข้อหา "มีพฤติกรรมนอกลู่นอกทาง" ทั้งเมาเหล้า ลวนลามผู้หญิง หรือกระทั่งเรื่องขี้ปะติ๋วอื่นๆ ไม่ต่างอะไรกับสมัยพ่อของเขายังมีชีวิตอยู่ เช่นกันที่เราไม่อาจรู้ได้เลยว่า ข่าวลือดังกล่าวจริงหรือไม่ หรือจะเป็นแค่โฆษณาชวนเชื่อ อวดอ้างศักดาผู้นำวัยเยาว์ให้ทั้งพลเมืองและชาวโลกได้ประจักษ์ภายใต้ความพยายามปลุกกระแสลัทธิบูชาบุคคลให้กลับคืนมาอีกครั้ง
ไม่ว่าจะเป็นข่าวการสั่งเก็บนายทหารระดับบิ๊ก การจัดงานเฉลิมฉลองสุดอลังการ หรือการประกาศยิงจรวดสุดสะพรึง ล้วนแล้วแต่เป็นไปเพื่อโปรโมตผู้นำคนใหม่ในภารกิจสานต่อลัทธิบูชาบุคคลให้ได้อย่างคิมผู้พ่อ เพราะผู้นำเกาหลีเหนือต้องได้รับการยอมรับนับถือจากกองทัพและประชาชนในฐานะผู้นำที่เก่งรอบด้านเข้าขั้นเหนือมนุษย์ แม้ว่าเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชนจะยากแค้นแสนสาหัสเพียงไรก็ตาม เมื่อเป็นเช่นนี้ แม้จะโดนวิพากษ์วิจารณ์หรือห้ามปรามมากน้อยแค่ไหน เกาหลีเหนือก็ยังยืนยันเดินหน้าแผนส่งจรวดลูกนี้อยู่ดี เพราะหากล้มเลิกก็หมายถึงความอ่อนด้อยไร้น้ำยา และตอกย้ำว่า ผู้นำนั้นอ่อนแออย่างที่ใครๆ เขานินทากัน
แผนปล่อยจรวดใช้งบประมาณราว 850 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่งานเฉลิมฉลองครั้งนี้ถลุงเงินไป 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือหนึ่งในสามของงบประมาณประจำปี พอจะซื้อข้าวให้ประชาชนกินได้ถึง 4.75 ล้านตัน แต่เพื่อประกาศศักดาในเวทีโลกแล้ว มากแค่ไหนก็คงต้องทุ่ม ขณะที่นักวิเคราะห์บางรายให้ทรรศนะว่า ด้วยเหตุที่เกาหลีเหนือไม่มีอะไรโดดเด่นเลย นอกจากความล้าหลังและยากจนข้นแค้น การพัฒนาเทคโนโลยีขีปนาวุธจึงเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้โสมแดงส่องแสงเปล่งประกาย เรียกร้องความสนใจในระดับนานาชาติได้นั่นเอง
ท้ายที่สุด เราทั้งหลายคงต้องลุ้นกันว่า แผนปล่อยจรวดส่งดาวเทียมของเกาหลีเหนือครั้งนี้ มีนัยแอบแฝงอย่างที่ร่ำลือกันหรือไม่ หรือจะเป็นแค่การเล่นปาหี่บูชาผู้นำ แต่ที่แน่ๆ คือ แผนการข่มขวัญชาวโลกหนนี้ก็ทำเอาตลาดปั่นป่วน จะมีก็แต่บรรดาบริษัทผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหารเท่านั้นที่นั่งยิ้มกว้างเตรียมโกยรายได้กันยกใหญ่--จบ--
--อินโฟเควสท์ โดย มัณฑนา กิตติธรรมรักษ์/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."