ตัวอย่างเช่น
หุ้น A มี PE 30 แต่มีการเติบโต 50% ทุกปีและคาดว่าน่าจะเป็นเช่นนี้ต่อไป
กับหุ้น B มี PE 8 แต่เติบโตเพียง 15% ทุกปี
สำหรับหุ้น A ในอนาคน PE อาจะไม่เปลี่ยนแปลงแล้ว (เนื่องจากสูงอยู่แล้ว) เพราะฉะนั้นผมคาดว่าผลตอบแทนที่จะได้น่าจะเท่ากับ EPS ที่เติบโตคือ 50% ต่อปี
ในขณะที่หุ้น B ในอนาคตตลาดอาจจะให้ PE ที่เพิ่มขึ้น (อาจจะกลายเป็น PE 10) แต่มีการเติบโตของ EPS เพียง 15% ซึ่งหมายถึงว่าให้ผลตอบแทน 15% + PE ที่เพิ่มจาก 8 ไป 10
ซึ่งก็ยังเห็นว่าหุ้น A น่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า
แบบนี้เราก็ควรจะเลือกหุ้นที่มีการเติบโตสูงกว่าถึงแม้ว่าจะมี PE ที่สูงกว่ามาก เช่น PE 30 เป็นต้น ก็ตามหรอครับ
ท่านใดมีความเห็นอย่างไรบ้างครับ
จากข้างต้นจะเห็นว่าถึงแม้ว่าบริษัท B ตลาดจะให้ PE เพิ่มขึ้นจาก 8 เป็น 10 แล้วก็ยังให้ผลตอบแทนที่ต่ำกว่าบริษัท A อยู่ดี
ซึ่งผมเข้าใจว่า EPS น่าจะคาดการณ์ล่วงหน้าได้ง่ายกว่า PE ซึ่งเป็นค่าที่ตลาดให้
ดังนั้นผมจึงสรุปดังที่กล่าวไว้ข้างต้นว่า บริษัทที่เติบโตเร็วกว่า PE สูงกว่าน่าสนใจกว่าบริษัทที่โตช้ากว่า PE ต่ำกว่า
ซึ่งผมรู้สึกว่าแปลกขัดกับความเป็นจริงอยู่บางส่วน
จึงอยากขอความเห็นของท่านที่รู้ช่วย ไขข้อข้องใจให้ผมทีครับ
ดังนั้นที่ pe เท่าเดิม จะได้กำไรส่วนต่างคือ % growth แต่ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงก็ย้อนไปคิดตามสูตรครับ
ตอบโจทย์ของ จขกท ว่า ถ้ามีเคสเข่นนี้จริง ถ้าตลาดให้ PE บริษัทที่ 2 จาก 8->10.5 และมีแนวโน้มจะให้ PE เพิ่มขึ้นประมาณ 30% ทุกปี บริษัทที่ 2 จะน่าลงทุนกว่าครับ(ซึ่งเป็นไปได้ยากมากๆ)
โดยส่วนตัวมองว่าต่อให้ growth 30% แล้วตลาดจะให้ PE แค่ 3ผมก็ซื้อครับ จริงๆจะให้ PE เท่าไรก็ได้ขอแค่เท่าเดิมก็พอ ถ้า PE จะมากขึ้นก็ถือเป็นตัว multiply ครับ
ดังนั้นที่ pe เท่าเดิม จะได้กำไรส่วนต่างคือ % growth แต่ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงก็ย้อนไปคิดตามสูตรครับ
ตอบโจทย์ของ จขกท ว่า ถ้ามีเคสเข่นนี้จริง ถ้าตลาดให้ PE บริษัทที่ 2 จาก 8->10.5 และมีแนวโน้มจะให้ PE เพิ่มขึ้นประมาณ 30% ทุกปี บริษัทที่ 2 จะน่าลงทุนกว่าครับ(ซึ่งเป็นไปได้ยากมากๆ)
โดยส่วนตัวมองว่าต่อให้ growth 30% แล้วตลาดจะให้ PE แค่ 3ผมก็ซื้อครับ จริงๆจะให้ PE เท่าไรก็ได้ขอแค่เท่าเดิมก็พอ ถ้า PE จะมากขึ้นก็ถือเป็นตัว multiply ครับ
บริษัท A มี growth ที่สูง 30% แต่ PE คงที่แล้ว
ในขณะที่บริษัท B มี growth แค่ 15% แต่ PE มีสิทธิเพิ่มขึ้นได้นิดหน่อย
ส่วนที่ผมสงสัยก็คือ บริษัท A ได้ capital gain = 30% ในขณะที่บริษัท B ได้ = 15% x PEใหม่/PEเก่า
การที่จะทำให้บริษัท B ได้ capital gain เท่าบริษัท A
PE ของบริษัท B ต้องเพิ่มขึ้นถึงเท่าตัว
ซึ่งแบบนี้เราลงทุนในบริษัท A ก็ดีกว่าสิครับ (PE ที่จะเพิ่มขึ้นเป็นค่าที่ตลาดให้ซึ่งผมว่าคาดการได้ยากกว่า growth)
ดังนั้นที่ pe เท่าเดิม จะได้กำไรส่วนต่างคือ % growth แต่ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงก็ย้อนไปคิดตามสูตรครับ
ตอบโจทย์ของ จขกท ว่า ถ้ามีเคสเข่นนี้จริง ถ้าตลาดให้ PE บริษัทที่ 2 จาก 8->10.5 และมีแนวโน้มจะให้ PE เพิ่มขึ้นประมาณ 30% ทุกปี บริษัทที่ 2 จะน่าลงทุนกว่าครับ(ซึ่งเป็นไปได้ยากมากๆ)
โดยส่วนตัวมองว่าต่อให้ growth 30% แล้วตลาดจะให้ PE แค่ 3ผมก็ซื้อครับ จริงๆจะให้ PE เท่าไรก็ได้ขอแค่เท่าเดิมก็พอ ถ้า PE จะมากขึ้นก็ถือเป็นตัว multiply ครับ
บริษัท A มี growth ที่สูง 30% แต่ PE คงที่แล้ว
ในขณะที่บริษัท B มี growth แค่ 15% แต่ PE มีสิทธิเพิ่มขึ้นได้นิดหน่อย
ส่วนที่ผมสงสัยก็คือ บริษัท A ได้ capital gain = 30% ในขณะที่บริษัท B ได้ = 15% x PEใหม่/PEเก่า
การที่จะทำให้บริษัท B ได้ capital gain เท่าบริษัท A
PE ของบริษัท B ต้องเพิ่มขึ้นถึงเท่าตัว
ซึ่งแบบนี้เราลงทุนในบริษัท A ก็ดีกว่าสิครับ (PE ที่จะเพิ่มขึ้นเป็นค่าที่ตลาดให้ซึ่งผมว่าคาดการได้ยากกว่า growth)
ดังนั้นที่ pe เท่าเดิม จะได้กำไรส่วนต่างคือ % growth แต่ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงก็ย้อนไปคิดตามสูตรครับ
ตอบโจทย์ของ จขกท ว่า ถ้ามีเคสเข่นนี้จริง ถ้าตลาดให้ PE บริษัทที่ 2 จาก 8->10.5 และมีแนวโน้มจะให้ PE เพิ่มขึ้นประมาณ 30% ทุกปี บริษัทที่ 2 จะน่าลงทุนกว่าครับ(ซึ่งเป็นไปได้ยากมากๆ)
โดยส่วนตัวมองว่าต่อให้ growth 30% แล้วตลาดจะให้ PE แค่ 3ผมก็ซื้อครับ จริงๆจะให้ PE เท่าไรก็ได้ขอแค่เท่าเดิมก็พอ ถ้า PE จะมากขึ้นก็ถือเป็นตัว multiply ครับ
บริษัท A มี growth ที่สูง 30% แต่ PE คงที่แล้ว
ในขณะที่บริษัท B มี growth แค่ 15% แต่ PE มีสิทธิเพิ่มขึ้นได้นิดหน่อย
ส่วนที่ผมสงสัยก็คือ บริษัท A ได้ capital gain = 30% ในขณะที่บริษัท B ได้ = 15% x PEใหม่/PEเก่า
การที่จะทำให้บริษัท B ได้ capital gain เท่าบริษัท A
PE ของบริษัท B ต้องเพิ่มขึ้นถึงเท่าตัว
ซึ่งแบบนี้เราลงทุนในบริษัท A ก็ดีกว่าสิครับ (PE ที่จะเพิ่มขึ้นเป็นค่าที่ตลาดให้ซึ่งผมว่าคาดการได้ยากกว่า growth)
ขอบคุณมากครับ คุณ nasunap ที่พยาอธิบาย ผมเองก็งง แต่ตอนนี้เข้าใจละครับ
ทีนี้ขอถามต่อว่าแล้วทำไม VI ถึงหลีกเลี่ยงหุ้นที่มี Growth สูงแต่ PE สูงกันครับ
สมมุติว่า PE ไม่เปลี่ยนแปลง
หุ้นที่มี growth สูงเท่ากับว่ามี capital gain มากกว่าถูกมั้ยครับ
ดังนั้นทำไม VI ถึงไม่สนใจหุ้น growth สูงกันล่ะครับ