
วันนี้ลูกน้องท่านหนึ่งถามในอีเมลว่าผมใช้สัญชาตญาณในการเทรดมากขนาดไหน?
ส่วนตัวผม น่าจะครึ่งต่อครึ่งครับ แต่สัญชาติญาณสำหรับเทรดเดอร์ต้องมาจากประสบการณ์ที่สะสมมานาน บางอย่างที่ตัดสินใจไปอย่างรวดเร็วจนไม่ได้ดูข้อมูลต่างๆ ก่อนล้วนมาจากการเรียนรู้ในอดีต ไม่ใช่มาจากอารมณ์ความรู้สึก แต่เป้าหมายของการเทรดคือผลตอบแทน อย่างไรก็ต้องเฝ้าสังเกตสัญชาตญาณของเราอีกทีว่าเวลาใช้พวกมันนั้น มันสร้างผลลัพธ์เป้นอย่างไรบ้าง
อย่างเวลาขับรถมีหมาวิ่งตัดหน้า ก็หักหลบจนตกข้างทาง แต่ผมไม่เคยหลบและชนมาสามครั้งแล้ว หมาตายทั้งสามครั้ง รถหม้อน้ำแตกทั้งสามครั้งเช่นกัน ที่ไม่หลบเพราะเตรียมซ้อมไว้ในหัวแล้วว่าหมาตัดหน้าจะชนอย่างเดียว ผมให้ความสำคัญกับการซ้อมในหัวอย่างมาก เรียกว่าเป็นพิธีกรรมเลยทีเดียวกับการเล่นกายกรรมทางจิตอย่างนี้ และกลายเป็นวัฒนธรรมที่เทรดเดอร์คนอื่นเอาไปฝึกกันในที่ทำงานหลายท่านอย่างที่น้องพอทราบบ้างอยู่แล้ว เรื่องพวกนี้ ผทไม่ได้คิดเองครับ แต่โซรอสเป็นคนสอนครับ
ทำไมสัญชาตญาณของสัตว์มากกว่าคนหลายเท่าตัว
สัตว์ทุกชนิดมีสัญชาตญาณระวังภัยมากกว่าคนเป็นพิเศษ แม้แต่มดหรือตะขาบพากันอพยพขึ้นบ้านผมก่อนน้ำจะมาถึงหลายวันทั้งๆ ที่บ้านผมอยู่ห่างจากถนนใหญ่ที่น้ำท่วมแล้วหลายกิโลเมตร ผมเชื่อว่าคนมีสัญชาตญาณระวังภัยเช่นเดียวกับสัตว์ แต่คนมักจะใช้เหตุและผลที่เกิดจากการเรียนรู้จากประสบการณ์มากกว่า ทำให้สูญเสียความสามารถในการใช้สัญชาตญาณไป ยิ่งใช้ความคิดและเหตุผลมากขึ้น การใช้สัญชาตญาณก็ยิ่งน้อยลง
ผมเคยเห็นแม่แมวที่กำลังเลี้ยงลูกอย่างทะนุถนอม โดยไม่จำเป็นที่เข้าคอร์สอบรมเรียนรู้วิธีเลี้ยงลูก มันเพียงใช้สัญชาตญาณความเป็นแม่เท่านั้น
ผมชอบดูสารคดีสัตว์ต่างๆ ช่วงเย็นทางไทพีบีเอสก็มีบ่อยๆ ความคิดผม ชีวิตพวกมันไม่ได้ถูกควบคลุมด้วยกฎเกณของคุณธรรมและกฎหมาย การเอาตัวรอดก็ไม่เหมือนคน ของสัตว์มันกินกันเลย กฎของสัตว์ คือ dog eat dog สัตว์บางชนิดล่าเหยื่อฉลาดมาก ผมเคยเห็นเสือล่าเหยื่อโดยใช้จิตวิทยา ด้วยการให้ตัวแรกวิ่งไล่ตัวเดียว ต้อนจนเข้าทางที่เพื่อนๆ น้าๆ ญาติๆ รอดักอีกทางอยู่เป็นฝูง มันก็พัฒนาเทคนิคขึ้นมาเฉพาะตัวเพื่อความอยู่รอดของลูกๆ แต่ผมเคยมันก็เผื่อไว้ สัญชาติญานของเทรดเดอร์ก็ถูกพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของจิตวิทยาของฝูงคนและบนพื้นฐานที่ต้องเอาชนะความเสี่ยงต่างๆ แต่สิ่งที่เทรดเดอร์สร้างขึ้นมาเพื่อลดความยุ่งยากต่างๆ ลงและต้องการให้ชีวิตมันดำเนินไปง่ายขึ้น มันก็ลดทอนสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของคนไปด้วยครับ
เทรดเดอร์ควรใช้ความรู็สึกมากกว่าใช้เหตุผลใช่ไหม?
ในชีวิตประจำวัน บางกรณีที่ผมสับสนมาก ๆ ผมจะขยายขอบเขตการทดสอบสัญชาตญาณเอาตัวรอดในสถานการณ์จริง ผมจะคิดให้น้อยลงและใช้ความรู็สึกมากขึ้นครับ ผมจะลองเทรดโดยใช้ความรู็สึกล้วนๆ ผมจะพบวาหัวตัวเองนั้นเบาและโล่งมากเหมือนไม่มีสมองอยู่ข้างในเลย เมื่อความคิดที่สับสนวุ่นวายในสมองลดลง ผมจะมีสมาธิมากขึ้นครับ เมื่อผมมีสมาธิมากขึ้น ลมหายใจของผมก็จะช้าลงอย่างมาก ซึ่งลมหายใจที่ช้าลงก็มีผลกระทบทำให้กับคลื่นสมองของผมราบเรียบมากขึ้น ซึ่งหมายความว่าในขณะนั้นประสาทสัมผัสของผมอยู๋ในภาวะตื่นตัวเต็มที่ครับ
เทรดเดอร์ยังต้องใช้เหตุและผลมากขึ้นในการประเมิณสถานการณ์ก่อนที่จะตัดสินใจครับ ความมีเหตุและผลทำให้สัญชาตญาณลดลง แต่ถ้าเทรดเดอร์ใช้ ส ช ญ กันมากเกินไปจนขาดความคิดในเชิงเหตุและผลและความรู็สึกผิดชอบชั่วดี ความเป็นคนก็อาจหมดไปด้วย
แต่ผมก็สังเกตว่าเทรดเดอร์หลายท่าน นั่งเทรดแล้วหิว สัญชาตญาณของตัวเองก็ก็หยิบของกินโดยไม่สนใจว่าอาหารที่กินจะอร่อยหรือไม่อร่อย เอาเข้าปากให้ท้องอิ่มพอแล้ว แต่ยังดียังมีความคิดเหตุและผลที่สนใจดูว่าอาหารสุกแล้วหรือยัง เหมือน้องท่านหนึ่งแอร์ในห้องไม่เย็น เขาก็ถอดเสื้อออกจนหมดเหลือแต่กางเกง โดยไม่สนใจน้องเลขาที่นั่งอยู่ แต่ดีที่พอเทรดเสร็จแล้ว เขายังมีความคิดเหตุและผล ใส่เสื่อกลับไปเหมือนเดิม และน้องอีกท่านที่เป็นเกย์ก็มองเขาตลอด เพราะเขาขาวมาก ดีที่ยังมีความคิด ไม่ไล่ปล้ำน้องผู้ชายที่ถอดเสื้อกันตรงนั้น
กฎหมายถูกกำหนดขึ้นมาคลุมคนหมู่มาก สัญชาตญาณที่จำเป็นสำหรับเทรดเดอร์คือการเข้าใจว่าเมื่อคนหมู่มากอยู่ร่วมกัน พฤติกรรมของพวกเขาจะเป็นอย่างไรครับ
โซรอสพูดถึงว่าทักษะที่จำเป็นสำหรับเทรดเดอร์คือสัญชาตญาณการเอาตัวรอด
เรื่อง ส ช ญ นี้คนยิวมีมากกว่าชนชาติอื่น แต่เขาเอาตัวรอดด้วยการเข้าใจจิตใจฝ่ายตรงข้าม ยิวไปอยู่ไหนก็เข้าเมืองตาหลิ่ว โดนชาวบาบิโลนปกครอง ก็กลายเป้นคนรักหนังสือไปด้วย ปกครองโดยโรมัน ก็เอากฎหมายของโรมันมาประยุกต์ใช้ โดยชาวอารามิกปกครองก็เอาภาษาของเขามาใช้ แต่ใช้บนพื้นฐานของการรักษาคุณธรรมตามแบบคนยิวและถูกต้องตามกฎหมายยิวครับ
ส ช ญ สำหรับเทรดเดอร์ ฝึกอย่างไร?
อย่างที่น้องทราบว่าสัตว์มีประสาทสัมผัสส่วนต่างๆ ไวมากเป็นพิเศษ จากความคิดนี้ เทรดเดอร์จะมีประสาทส่วนต่างๆหู ตา จมูก สัมผัสต่างๆ ไวและละเอียดมากกว่าปกติ เมื่ออยู่ในสภาวะที่มีลมหายใจเข้าออกที่เป็นสมาธิครับ หรือในกรณีที่ก่อนเทรด น้องสามารถยกเหตุการณ์ต่างๆ ขึ้นมาที่น้องคาดไม่ถึงว่าจะเกิดขึ้น แล้วลองถามตัวเองว่าจะวางแผนทางออกไว้อย่างไรบ้าง พี่เห็นหลายท่านเข้าใจเรื่อง fallibility นี้ได้ดีทีเดียวครับ ถ้าน้องสนใจเรื่องนี้ก้ไปอ่านของ Karl Popper ซึ่งเป็นอาจารย์ของโซรอสได้ครับ