
Rouge Trader
เป็นชื่อภาพยนตร์ที่นำเเสดงโดย Ewan McGregor ซึ่งรับบทเป็น นิค ลีสัน ซึ่งทำหน้าที่เป็นหัวหน้าแผนก Trader ของธนาคาร Barings Bank สาขาสิงคโปร์ ซึ่งในขณะนั้น นิค ลีสัน อายุเพียงเเค่ 28 ปีทำนั้น เเต่เขาสมารถทำให้ ธนาคาร Barings ซึ่งมีประวัติก่อตั้งมายาวนานถึง 300 ปีเก่าแก่ที่สุดของอังกฤษและมีลูกค้าบัญชีแรกคือสมเด็จพระราชินีฯ ต้องล้มละลาย
เริ่มต้นเรื่อง นิค ลีสันนั้น เป็นเทรดเดอร์ดาวรุ่งของธนาคาร โดยหน้าที่หลักคือการเข้าซื้อ-ขายเเละทำกำไรในตลาดซื้อขายล่วงหน้า (Futures) นิคลีสัน ได้เริ่มทำงานในประเทศอินโดนีเซีย โดยเขาสามารถสร้างผลงานได้ อย่างโดดเด่น จนทำให้ผู้บริหารหลายๆคนต่างก็ชื่นชมในสุดยอดเทรดเดอร์ผู้นี้ ต่อมานิคได้เลื่อนขั้นให้ไปอยู่Monetary Exchange หรือ SIMEX) นิค สามารถสร้างกำไรกับ Bearing Banks ได้อย่างมหาศาล จนกลุ่มผู้บริหารคิดว่าเขาคือ เทรดเดอร์อัจฉริยะ เขาได้รับเงินเดือนเเละโบนัสอย่างมหาศาลในวัยเพียงเเค่ 26 ปีเท่านั้น

Jerry Mcguire
เจอรี่ แมคไกวร์ เป็นภาพยนตร์ที่ออกฉายเมื่อปี ค.ศ.1996 เป็นเรื่องราวที่ตัวเอกของเรื่องที่ชื่อเดียวกันกับหนังคือเจอรี่ แมคไกวร์ (รับบทโดยทอม ครูซ) ที่มีอาชีพเป็นเอเจนซี่ของนักกีฬาชื่อดังหลายๆคนประจำบริษัทเอเจนซี่หนึ่ง เขามีหน้าที่การงานใหญ่โต และอนาคตที่รุ่งเรือง มีเงินมากมาย ทุกอย่างดูเหมือนจะลงตัวสำหรับเขา จนอยู่มาคืนหนึ่งที่เขานอนหลับและฝันไปว่าอาจารย์ที่เคยสอนเขาตอนมหาวิทยาลัยมาเข้าฝันและบอกให้เขาทำสิ่งที่ถูกต้องมากกว่าที่จะทำเพื่อเงินพียงอย่างเดียว เมื่อเขาสะดุ้งตื่นขึ้น เขาจึงรีบทำการเขียนหนังสือตลอดทั้งคืนที่เกี่ยวกับ ข้อความพันธกิจ (Mission Statement) โดยเสนอให้บริษัทลดจำนวนนักกีฬาที่ดูแลเพื่อเน้นความใกล้ชิดระหว่างนักกีฬาผู้เป็นลูกค้ากับตัวแทนนั่นก็คือบริษัท ซึ่งเขาได้ทำสำเนาแจกให้ทุกคนในบริษัท ซึ่งทุกคนในบริษัทให้ความชื่นชมในแนวความคิดของเขา แต่หลังจากนั้นเขากลับถูกไล่ออกโดยทันที เขาจึงออกมาตั้งบริษัทเองโดยมีนักกีฬาที่เขาเป็นตัวแทนให้เพียงคนเดียว และเขาก็เริ่มดำเนินการตามอุดมการณ์ที่เขาได้วางเอาไว้ ซึ่งจากภาพยนตร์ดังกล่าวได้ให้มุมมองและแรงบันดาลใจไว้อย่างมากมายในส่วนของเรื่องการดำเนินธุรกิจ ที่ไม่ควรจะเห็นคุณค่าของเงินมากกว่าอุดมการณ์ในการดูแลนักกีฬา สอนให้รู้จักการใช้หัวใจในการทำงานนึกถึงใจเขาใจเรา และบางครั้งความสำเร็จไม่ได้เป็นคำตอบของชีวิตเสมอไป และพร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่เสมอ

The Pursuit of Happyness
เรื่องจริงที่ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์นำแสดงโดย วิล สมิธ ซึ่งมีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับ คริส การ์ดเนอร์ ที่ต้องทำหน้าที่เป็นหัวหน้าครอบครัวแต่เพียงลำพังหลังภรรยาได้ทิ้งเข้าไปเหลือเพียงลูกชายวัย 5 ขวบ ให้เผชิญกับสภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่กันแต่เพียง 2 พ่อลูกเท่านั้น เขาต้องกัดฟันทำทุกอย่างเพื่อต่อสู้กับความยากจน หลายครั้งเขาต้องพาลูกไปนอนตามที่ต่างๆเหมือนกับพวกคนเร่ร่อน โดยในกระเป๋าสตางค์มีเงินติดเหลืออยู่ในกระเป๋าแค่ 1 ดอลลาร์ แต่เพราะความอดทนและขยันอีกทั้งความฉลาดของเขา เขาเพียรพยายามทำทุกอย่างทำงานทุกอย่างเพื่อหาเงินมาเลี้ยงลูกชายของเขาเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และจู่ๆวันหนึ่งเขาก็มีไอเดียว่าเขาควรทำงานเกี่ยวกับการเงิน เขาจึงพยายามอย่างหนักเพื่อให้ได้เป็นโบรกเกอร์ ในบริษัทแห่งหนึ่ง จนกลายมาเป็นสุดยอดนักขายระดับตำนานของอเมริกา ซึ่งจากเนื้อเรื่องคุณจะได้เห็นความอดทน และความพยายามอย่างหนักในการที่จะดิ้นรนเพื่อการมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เขาไม่เคยท้อแท้แม้บางครั้งจะต้องแอบเข้าไปนอนในห้องน้ำสาธารณะก็ตาม และเมื่อโอกาสของเขามาถึงเขาก็รีบฉวยโอกาสนั้นไว้ และพยายามที่จะเรียนรู้อยู่โดยตลอดเวลา ซึ่งเราสามารถนำมาปรับใช้เข้ากับสถานการณ์ในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี

The Hudsucker Proxy
ภาพยนตร์แนวคอมเมดี้ที่ให้ข้อคิดดีๆ ออกฉายเมื่อปี ค.ศ.1994 นำแสดงโดยทิม ร็อบบินส์ เป็นเรื่องราวของฉายหนุ่มคนหนึ่งที่มีบุคลิกที่ภายนอกดูจะเฉิ่มๆ และไม่ค่อยฉลาดสักเท่าไหร่นัก วันหนึ่งเกิดจับผลัดจับผลูได้ขึ้นมาเป็นประธานบริษัทคนใหม่แทนที่ประธานบริษัทคนเก่าที่เสียชีวิตไป เขาต้องพาธุรกิจของบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งนี้ฝ่าพ้นวิกฤติไปให้ได้ ท่ามกลางการดูถูกของผู้ที่อยู่รอบข้าง ที่พร้อมจะใช้มีดแทงข้างหลังเขาเสมอ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขายึดมั่นมาไม่เคยเสื่อมคลายนั่นก็คือ ความคิดในไอเดียผลิตภัณฑ์ชิ้นหนึ่งของเขาที่ถูกหลายคนดูถูกและไม่เข้าใจในสิ่งประดิษฐ์ดังกล่าว ที่เป็นรูปวาดกลมๆในกระดาษที่มาพร้อมความอธิบายสั้นๆ ว่าใช้เพื่อความสนุก แม้หลายคนจะต่อต้านแต่เขาก็ยังคงยืนยันให้ดำเนินสายการผลิตต่อไป และเมื่อผลิตภัณฑ์ดังกล่าวออกมาช่วงแรกก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ เขาก็ยิ่งถูกโจมตีมากกว่าเดิมจนเกือบถูกปลดจากประธานบริษัท แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ทำการสืบหาว่าเพราะเหตุใดผลิตภัณฑ์ดังกล่าวที่เขามั่นใจจึงยังไม่ประสบความสำเร็จเสียที จนรู้สาเหตุที่มาว่าผู้คนต่างยังไม่เข้าใจวิธีการเล่นจึงแก้ไขด้วยการทำโฆษณาและออกสาธิตจนในที่สุดก็ได้รับความยอมรับและกลายเป็นสิ่งหนึ่งที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด สิ่งนั้นคือ “ฮูล่าฮูป” นั่นเอง ซึ่งเรื่องนี้ให้แรงบันดาลใจตรงที่ว่าสอนให้เรากล้าคิดแม้สิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่แตกต่างไปจากความคิดของผู้คนทั่วไปก็ตาม และจงยึดมั่นในความคิดของเรา พร้อมทั้งทำการยอมรับและปรับปรุงแก้ไขในสิ่งที่ผิดพลาดซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

INSIDE JOB
เป็น ภาพยนตร์กึ่งสารคดีอีกเรื่องที่สร้างขึ้นเพื่อ “เปิดโปง” ขบวนการฉ้อฉล ในแวดวงการเมือง การเงิน การธนาคาร ตลาดหุ้นวอลสตรีท และตลาดตราสารต่างๆ ของสหรัฐ ที่แยกกันไม่ออกครับ เพราะทั้งหมดก็คือคนกลุ่มเดียวกันหรืออยู่ในเครือข่ายเดียวกัน ภายใต้หน้ากากของ รัฐบาลอเมริกัน, FED, CFR, Bilderberg Group และอีกสารพัดกลุ่มทั้งบนดินและใต้ดิน เพื่อผลักดันวาระของพวกเค้าก็คือ “New World Order หรือการจัดระเบียบโลกใหม่”
มาแนะนำกันนะครับ
