คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1011
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 91
คุณวิบูลย์ครับ
เรื่องหนังสือนั้น เห็นว่าคุณวิบูลย์อ่านมามากกว่า 30 เล่ม
เข้าใจที่คุณวิบูลย์บอกเรื่องนักลงทุนต้องขยันทำการบ้าน
แต่ 30 เล่มคงม่ายไหวเหมือนกันครับ
ตอนเรียนแล้วต้องสอบยังให้เพื่อนติวอยู่เป็นประจำ
อีกอย่าง ภาษาอังกฤษของคนให้ห้องนี้อาจจะไม่แข็งแรงอีกตะหาก (ผมด้วย )
อยากจะให้ช่วยแนะนำแบบ TOP PICK สักเล่มสองเล่มในวันงานด้วยครับ
เอ... ถ้าคุณวิบูลย์จะทำหนังสือเรื่องลงทุนเป็นภาษาไทยสักเล่ม ผมคงจะเป็นคนอุดหนุนคนแรกๆ เลยล่ะ...
เรื่องหนังสือนั้น เห็นว่าคุณวิบูลย์อ่านมามากกว่า 30 เล่ม
เข้าใจที่คุณวิบูลย์บอกเรื่องนักลงทุนต้องขยันทำการบ้าน
แต่ 30 เล่มคงม่ายไหวเหมือนกันครับ
ตอนเรียนแล้วต้องสอบยังให้เพื่อนติวอยู่เป็นประจำ
อีกอย่าง ภาษาอังกฤษของคนให้ห้องนี้อาจจะไม่แข็งแรงอีกตะหาก (ผมด้วย )
อยากจะให้ช่วยแนะนำแบบ TOP PICK สักเล่มสองเล่มในวันงานด้วยครับ
เอ... ถ้าคุณวิบูลย์จะทำหนังสือเรื่องลงทุนเป็นภาษาไทยสักเล่ม ผมคงจะเป็นคนอุดหนุนคนแรกๆ เลยล่ะ...
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 92
คุณฉัตรชัยถามเรื่อง PEG ผมไม่ค่อยได้ให้ความสนใจมากครับ ถือว่าเป็นเรื่องรองๆในการตัดสินใจ ทำไมเหรอครับ เพราะเท่าที่ผมทำการวิเคราะห์มา แค่การหา Growth Rate อย่างเดียวก็แทบจะฆ่ากันตายแล้วหละครับระหว่างนักวิเคราะห์ด้วยกันครับ เพราะการหา Growth Rate ของหุ้นยากกว่าของพันธบัตรเยอะครับ เราจะหา Growth Rate แบบไหนครับ YOY (ปีต่อปี), QOQ (ไตรมาศต่อไตรมาศ), 3 Years, 5 Years, 10 Years, etc สารพัดจะหามาใช้กัน
ส่วนผมใช้ Growth Rate ที่ผ่านมา 10 ปีเป็นตัวพิจารณาครับเพราะผมลงทุนยาว ผมยอมรับความเปลี่ยนแปลง (Deviation) ของการเติบโตของบริษัทระยะสั้นได้ครับ อาจารย์ Buffet บอกว่าแกยอมรับความขึ้นๆลงๆแต่ให้ผลตอบแทนระยะยาว 15% ได้มากกว่าผลตอบแทน 10% ที่ไม่หวือหวาครับ
มีคำถามถึงทุกท่าน แต่ยังไม่มีคำตอบกลับมาครับ ผมถามครับว่าในฐานะที่ท่านเป็นนักลงทุนคุณค่า ท่านอยากเห็นหุ้นของบริษัทของท่านมีราคาสูงหรือต่ำครับ????
ส่งคำตอบมานะครับ ไม่มีรางวัล
ส่วนผมใช้ Growth Rate ที่ผ่านมา 10 ปีเป็นตัวพิจารณาครับเพราะผมลงทุนยาว ผมยอมรับความเปลี่ยนแปลง (Deviation) ของการเติบโตของบริษัทระยะสั้นได้ครับ อาจารย์ Buffet บอกว่าแกยอมรับความขึ้นๆลงๆแต่ให้ผลตอบแทนระยะยาว 15% ได้มากกว่าผลตอบแทน 10% ที่ไม่หวือหวาครับ
มีคำถามถึงทุกท่าน แต่ยังไม่มีคำตอบกลับมาครับ ผมถามครับว่าในฐานะที่ท่านเป็นนักลงทุนคุณค่า ท่านอยากเห็นหุ้นของบริษัทของท่านมีราคาสูงหรือต่ำครับ????
ส่งคำตอบมานะครับ ไม่มีรางวัล
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 93
ตอบคุณธันวา
วันงานผมกะจะเอาไปให้ดูเล่มที่น่าสนใจนะครับ ประมาณ 10 เล่ม เอาแบบทั้งอ่านง่ายและอ่านยาก อย่างอ่าน The Intelligent Investor ของอาจารย์ Graham กว่าจะจบ ผมก็แทบตายเหมือนกันครับ อ่านยากจริงๆ แต่คุ้มค่ามากครับถ้าอ่านจบ อ่านจบแล้วรู้สึกเหมือนอาจารย์ Graham มายืนสอนอยู่หน้าชั้นแล้วมีอาจารย์ Buffet ถือไม้เรียวอยู่ข้างหลังยังไงยังงั้น
วันงานผมกะจะเอาไปให้ดูเล่มที่น่าสนใจนะครับ ประมาณ 10 เล่ม เอาแบบทั้งอ่านง่ายและอ่านยาก อย่างอ่าน The Intelligent Investor ของอาจารย์ Graham กว่าจะจบ ผมก็แทบตายเหมือนกันครับ อ่านยากจริงๆ แต่คุ้มค่ามากครับถ้าอ่านจบ อ่านจบแล้วรู้สึกเหมือนอาจารย์ Graham มายืนสอนอยู่หน้าชั้นแล้วมีอาจารย์ Buffet ถือไม้เรียวอยู่ข้างหลังยังไงยังงั้น
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 94
ลืมตอบเรื่องหนังสือ
คุณธันวาครับ ผมคงไม่เก่งกาจจนเขียนหนังสือกับเขาหรอกครับ ผมก็จำๆที่อาจารย์ทั้งสามสอนผมไว้ แล้วลองปฏิบัติดูเท่านั้นหละครับ ทำถูกบ้างผิดบ้างก็แก้ไขไปเรื่อยๆ พอร์ตก็ไม่ใหญ่เป็นแปดเก้าหลักอย่างของรุ่นพี่ๆ เขาหรอกครับ
เอางี้แล้วกันครับ ถ้าผมสามารถตอบคำถามในกระทู้นี่ได้หนึ่งปี (มีแฟนๆ ไถ่ถามมานะครับและถ้าผมพอจะมีปัญญาตอบได้นานขนาดนั้น) ผมยกลิขสิทธิ์ในการพิมพ์กระทู้นี้ให้ TVI.Com แล้วพิมพ์เป็นหนังสือขาย ผมขอแบ่งรายได้แค่ครึ่งเดียวครับ ดีมั๊ยครับ ไอเดียนี้
แต่ตอนนี้ ผมรู้สึกว่านักลงทุนคุณค่าที่โพสกระทู้นี้ส่วนใหญ่จะเป็นหนุ่มฉกรรจ์กันทั้งนั้นเลยนะครับ ไม่รู้ว่า Lady VI หายไปไหนหมด ไม่เห็นโผล่มาที่กระทู้นี่บ้างเลย ผมล่ะอิจฉาพี่เจ๋งจังมีสาวๆมาถามบ่อยๆ
อย่าหาว่าผมขี้หลีเลยนะครับ จริงๆผมมีเรื่องดีๆอยากจะบอกนักลงทุนสาวๆ นะครับ พอดีไม่เห็นมีโพสมา ผมเลยไม่รู้จะบอกยังไง
โชคดีในการลงทุนทุกท่านครับ สวัสดีครับ
------------
วิบูลย์-007
คุณธันวาครับ ผมคงไม่เก่งกาจจนเขียนหนังสือกับเขาหรอกครับ ผมก็จำๆที่อาจารย์ทั้งสามสอนผมไว้ แล้วลองปฏิบัติดูเท่านั้นหละครับ ทำถูกบ้างผิดบ้างก็แก้ไขไปเรื่อยๆ พอร์ตก็ไม่ใหญ่เป็นแปดเก้าหลักอย่างของรุ่นพี่ๆ เขาหรอกครับ
เอางี้แล้วกันครับ ถ้าผมสามารถตอบคำถามในกระทู้นี่ได้หนึ่งปี (มีแฟนๆ ไถ่ถามมานะครับและถ้าผมพอจะมีปัญญาตอบได้นานขนาดนั้น) ผมยกลิขสิทธิ์ในการพิมพ์กระทู้นี้ให้ TVI.Com แล้วพิมพ์เป็นหนังสือขาย ผมขอแบ่งรายได้แค่ครึ่งเดียวครับ ดีมั๊ยครับ ไอเดียนี้
แต่ตอนนี้ ผมรู้สึกว่านักลงทุนคุณค่าที่โพสกระทู้นี้ส่วนใหญ่จะเป็นหนุ่มฉกรรจ์กันทั้งนั้นเลยนะครับ ไม่รู้ว่า Lady VI หายไปไหนหมด ไม่เห็นโผล่มาที่กระทู้นี่บ้างเลย ผมล่ะอิจฉาพี่เจ๋งจังมีสาวๆมาถามบ่อยๆ
อย่าหาว่าผมขี้หลีเลยนะครับ จริงๆผมมีเรื่องดีๆอยากจะบอกนักลงทุนสาวๆ นะครับ พอดีไม่เห็นมีโพสมา ผมเลยไม่รู้จะบอกยังไง
โชคดีในการลงทุนทุกท่านครับ สวัสดีครับ
------------
วิบูลย์-007
แก้ไขล่าสุดโดย VIB007 เมื่อ อาทิตย์ ก.ย. 07, 2003 6:16 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- Verified User
- โพสต์: 41
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 95
เรียนคุณเจ๋ง.
อย่าSerious ผมล้อเล่น รู้สึกอบอุ่นดีทุกคนให้ข้อคิดและความรู้ ขอบคูณจากใจจริงครับ เมื่อเข้าแล้วไม่ให้เสียเที่ยวอยากถามความเห็นเกี่ยวกับ PATO ขอคำแนะนำครับ.
อ้อ...สมัยก่อนผมเดินท้อมๆแถวคณะคุรุกับสามย่านผมจบสาธิตจุฬาครับ. :lol: :lol: :lol:
อย่าSerious ผมล้อเล่น รู้สึกอบอุ่นดีทุกคนให้ข้อคิดและความรู้ ขอบคูณจากใจจริงครับ เมื่อเข้าแล้วไม่ให้เสียเที่ยวอยากถามความเห็นเกี่ยวกับ PATO ขอคำแนะนำครับ.
อ้อ...สมัยก่อนผมเดินท้อมๆแถวคณะคุรุกับสามย่านผมจบสาธิตจุฬาครับ. :lol: :lol: :lol:
-
- Verified User
- โพสต์: 79
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 96
VIB007 เขียน: มีคำถามถึงทุกท่าน แต่ยังไม่มีคำตอบกลับมาครับ ผมถามครับว่าในฐานะที่ท่านเป็นนักลงทุนคุณค่า ท่านอยากเห็นหุ้นของบริษัทของท่านมีราคาสูงหรือต่ำครับ????
ส่งคำตอบมานะครับ ไม่มีรางวัล
ผมไม่ค่อยได้ตอบกระทู้นะครับ เขินครับ เป็นน้องใหม่ที่อ่อนพรรษาในการลงทุนมากๆVIB007 เขียน: มีคำถามถึงทุกท่าน แต่ยังไม่มีคำตอบกลับมาครับ ผมถามครับว่าในฐานะที่ท่านเป็นนักลงทุนคุณค่า ท่านอยากเห็นหุ้นของบริษัทของท่านมีราคาสูงหรือต่ำครับ????
ส่งคำตอบมานะครับ ไม่มีรางวัล
สำหรับผมแล้ว ผมหงุดหงิดเวลาเห็นหุ้นผมราคาวิ่งขึ้นครับ ยิ่งวิ่งแรงๆนี่ อยากจะตะโกนดังๆ "เห้ย เล่นอะไรกันว๊ะ!!!"
เหตุผลก็คือ ผมยังจนอยู่ครับ แล้วผมก็อยากเก็บหุ้นเพิ่มในราคาที่ผมปลอดภัยที่สุด ถึงแม้ว่า VI ควรจะสนใจราคาเป็นอันดับสุดท้าย
แต่ผมมีเวลาเป็นเงื่อนไขที่สำคัญอีกตัวนึงครับ เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า ผมมั่นใจว่าคุณค่าของหุ้นจะเปล่งประกายจนคนรุมกันเข้ามาแย่งจนราคาเปลี่ยนไปเป็นสิ่งที่พี่ๆเรียกกันว่า "บ้าคลั่ง" แล้วคนที่เรี่ยวแรงน้อยแต่ตาถึงจะไปไขว่คว้าอะไรได้ล่ะครับ ก็ได้แต่มอง ...เท่านั้นแล
แหะ แหะ ต้องยอมรับว่าผมคงไม่ใช่นักลงทุนที่ดีนัก(คงเป็น VI เกรด F แต่หวังว่าจะพัฒนาได้นะครับ)
...ผมชอบสีแดงครับ ยอมให้เขียวประปรายดีกว่าเขียวอื๋อ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 97
ตอบคุณ Toop_97
ต้องขอโทษครับ คำถามเกี่ยวกับ PATO ตอบไม่ได้ครับเพราะผมไม่ได้สนใจอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ถ้าให้ผม Comment ต้องบอกว่า ปิโตรเคมีเป็นอุตสาหกรรมที่กำหนดราคาเองไม่ได้ครับ ไม่มีแบรนด์ ต้องอาศัยตลาดโลกเป็นตัวกำหนดชะตาชีวิต ตอนนี้ราคาตลาดโลกกำลังขึ้น บริษัทปิโตรเคมีเลยกำไรกันจะจะ หุ้นเลยกระฉูด รวมถึงปูนซิเมนต์ไทย และ ปตท (สังเกตว่าผมไม่ชอบใช้ชื่อย่อที่ใช้บนกระดานครับ ผมถือว่าผมซื้อบริษัทครับ ไม่ใช่ซื้อหุ้น) ที่มีบริษัทลูกอยู่ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ก็พลอยได้รับอานิสงค์จากราคาตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นด้วยครับ ผมไม่ค่อยชอบ Cyclical Business ครับเพราะไม่สามารถกำหนดราคาเองได้ ไม่มีตราสินค้าที่จะ Differentiate ตัวเองออกจากคู่แข่งได้ ในระยะยาวไม่มีใครอยู่ได้ครับ ถ้าไม่ใช่ Cost Leader
ให้ไปสังเกตุ Profit Margin หรือ ROE ของบริษัทเหล่านี้ย้อนหลังหลายๆปีครับ จะสังเกตุเห็นว่ามันจะขึ้นๆลงๆ ไม่สม่ำเสมอครับ ถ้าจะลงทุนในบริษัทเหล่านี้ก็ทำได้ครับแต่ต้องรู้ Cycle ของมัน แล้วลงทุนตอนขาขึ้น แล้วขายตอนกำลังจะเป็นขาลงลง ตามปกติจะประมาณ 3-5 ปีครับในหนึ่ง Cycle
ส่วนผม ไม่ชอบซื้อแล้วขายครับ ชอบปฏิบัตรตามคาถาข้อ 4 ครับ ผมเลยขอบายหุ้นปิโตรเคมี ทั้งๆที่เห็นกำไรอยู่ตรงหน้าเห็นๆถ้าซื้อ (ไม่รู้ว่าโง่หรือฉลาดกันแน่) ผมเอาเวลาไปวิเคราะห์ธุรกิจครับ แทนที่จะมานั่งเฝ้าราคาหุ้น อาจารย์Fisher สอนมานะครับ
แค่นี้คงพอนะครับ
------------------
วิบูลย์-007
ต้องขอโทษครับ คำถามเกี่ยวกับ PATO ตอบไม่ได้ครับเพราะผมไม่ได้สนใจอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ถ้าให้ผม Comment ต้องบอกว่า ปิโตรเคมีเป็นอุตสาหกรรมที่กำหนดราคาเองไม่ได้ครับ ไม่มีแบรนด์ ต้องอาศัยตลาดโลกเป็นตัวกำหนดชะตาชีวิต ตอนนี้ราคาตลาดโลกกำลังขึ้น บริษัทปิโตรเคมีเลยกำไรกันจะจะ หุ้นเลยกระฉูด รวมถึงปูนซิเมนต์ไทย และ ปตท (สังเกตว่าผมไม่ชอบใช้ชื่อย่อที่ใช้บนกระดานครับ ผมถือว่าผมซื้อบริษัทครับ ไม่ใช่ซื้อหุ้น) ที่มีบริษัทลูกอยู่ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ก็พลอยได้รับอานิสงค์จากราคาตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นด้วยครับ ผมไม่ค่อยชอบ Cyclical Business ครับเพราะไม่สามารถกำหนดราคาเองได้ ไม่มีตราสินค้าที่จะ Differentiate ตัวเองออกจากคู่แข่งได้ ในระยะยาวไม่มีใครอยู่ได้ครับ ถ้าไม่ใช่ Cost Leader
ให้ไปสังเกตุ Profit Margin หรือ ROE ของบริษัทเหล่านี้ย้อนหลังหลายๆปีครับ จะสังเกตุเห็นว่ามันจะขึ้นๆลงๆ ไม่สม่ำเสมอครับ ถ้าจะลงทุนในบริษัทเหล่านี้ก็ทำได้ครับแต่ต้องรู้ Cycle ของมัน แล้วลงทุนตอนขาขึ้น แล้วขายตอนกำลังจะเป็นขาลงลง ตามปกติจะประมาณ 3-5 ปีครับในหนึ่ง Cycle
ส่วนผม ไม่ชอบซื้อแล้วขายครับ ชอบปฏิบัตรตามคาถาข้อ 4 ครับ ผมเลยขอบายหุ้นปิโตรเคมี ทั้งๆที่เห็นกำไรอยู่ตรงหน้าเห็นๆถ้าซื้อ (ไม่รู้ว่าโง่หรือฉลาดกันแน่) ผมเอาเวลาไปวิเคราะห์ธุรกิจครับ แทนที่จะมานั่งเฝ้าราคาหุ้น อาจารย์Fisher สอนมานะครับ
แค่นี้คงพอนะครับ
------------------
วิบูลย์-007
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 99
ผมขอตอบคำถามพี่ VIB007 นะครับ
สำหรับผมแล้ว แล้วแต่ว่าผมลงทุนจนเงินหมดแล้วหรือยัง
ถ้ายังก็คงไม่มีใครอยากให้หุ้นขึ้น แต่ถ้าเงินหมดแล้วก็คงอยากให้หุ้นขึ้นมากกว่าลงครับ เนื่องจากผมไม่มีรายได้อื่นนอกจากเงินปันผล ดังนั้นผมจึงไม่มีเงินจากแหล่งอื่นมาเพิ่มเพื่อซื้อหุ้นครับ แต่ก็ไม่ได้กังวลนะครับถ้าซื้อหุ้นจนเงินหมดแล้วราคาหุ้นตกลง เคยถืออยุ่บริษัทหนึ่งซื้อไว้ที่ 30 บาท หลังจากนั้นราคาก็ตกลงเหลือ 19-20 บาท ผมก็เฉยๆครับ รู้สึกว่า Buffett ซื้อหุ้นแล้วส่วนมากราคาจะตกลงหลังจากซื้อบ่อยนะครับ
สำหรับผมแล้ว แล้วแต่ว่าผมลงทุนจนเงินหมดแล้วหรือยัง
ถ้ายังก็คงไม่มีใครอยากให้หุ้นขึ้น แต่ถ้าเงินหมดแล้วก็คงอยากให้หุ้นขึ้นมากกว่าลงครับ เนื่องจากผมไม่มีรายได้อื่นนอกจากเงินปันผล ดังนั้นผมจึงไม่มีเงินจากแหล่งอื่นมาเพิ่มเพื่อซื้อหุ้นครับ แต่ก็ไม่ได้กังวลนะครับถ้าซื้อหุ้นจนเงินหมดแล้วราคาหุ้นตกลง เคยถืออยุ่บริษัทหนึ่งซื้อไว้ที่ 30 บาท หลังจากนั้นราคาก็ตกลงเหลือ 19-20 บาท ผมก็เฉยๆครับ รู้สึกว่า Buffett ซื้อหุ้นแล้วส่วนมากราคาจะตกลงหลังจากซื้อบ่อยนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 41
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 100
ขอบคุณมากครับคุณวิบูลย์สำหรับข้อคิด PATO ทำสารกำจัดวัชพืช ถ้าเข้าใจ Business cycle ก็ OK. ตัว Product Differentiation ก็ลำบากแม้แต่ Brand Royalty ก็ไม่ค่อยมี....สรุปผมไปหาตัวใหม่ดีกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 435
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 101
คุณวิบูลย์ ถามถึงช่วงไหนละครับ ??VIB007 เขียน:" .....ผมถามครับว่าในฐานะที่ท่านเป็นนักลงทุนคุณค่า ท่านอยากเห็นหุ้นของบริษัทของท่านมีราคาสูงหรือต่ำครับ????"
หากเป็นช่วงสั้นๆไม่นานหลังจากซื้อหุ้นนั้นแล้ว และผมได้มีการวิเคราะห์ทั้ง qualitative และ quantitative ตามหลักการที่อาจารย์ทั้ง 3 ให้ไว้มาอย่างดีแล้ว ราคาจะขึ้นจะลงอย่างไรก็ช่างมันเถอะ ปล่อยให้เป็นไปตามความรู้สึกและอารมณ์ของคนซื้อขายหุ้นในตลาด(Financial Community) ผมไม่สน พูดง่ายๆ คือ ผมไม่บ้าจี้ตามพวก Financial Community ทั้งหลายหรอกครับ
หากเป็นอีก 3-5 ปีข้างหน้า ขอตอบว่า ผมต้องการเห็นหุ้นของผมมีราคาสูงขึ้นครับ ถ้าระยะยาวไม่ขึ้นแสดงว่าสอบตกในเรื่องการวิเคราะห์อาจจะเป็นด้าน qualitative หรือไม่ก็ quantitative หรือสรุปง่ายๆเลือกหุ้นผิดตัว ก็ไม่รู้จะถือไว้ให้เมื่อยทำไมกัน ให้ขายทิ้ง และต้องฝึกปรือวิทยายุทธกันใหม่ที่พลาดไปให้ถือเป็นบทเรียน
- Mon money
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 3134
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 102
ในเมืองนอกมีผู้ตอบกระทู้กระทู้เดียวจนพิมพ์รวมเล่มได้ แถมยังได้รับหนังสือจาก Warren Buffettอีกต่างหาก กระทู้นี้ผมสนับสนุนให้ถามตอบกันให้มากๆครับ จะบอกให้ว่าเป็นกระทู้แนะนำใน Pantip.com นำเสนอโดยเฮียคลายเครียดแล้วนะครับ
เรื่องชอบเห็นหุ้นของเราขึ้นหรือลงหรือครับ เอาความจริงจากใจเลยก็คือชอบเห็นมันขึ้นแน่นอน แต่ปกติจะนานๆดูทีเลยไม่ค่อยมีผลเท่าไร ผมมีหุ้นอยู่ตัวหนึ่งมันเคยทำให้ผมขาดทุนไปมากกว่า 50%ครับ และผมก็มีอยู่มากขนาด 25%ของพอล์ตเลย แต่ผมก็เก็บเพิ่มมาตลอดทุกวันนี้ก็ยังขาดทุนอยู่มาก แต่ผมก็ไม่เห็นจะหวั่นไหวอะไร สรุปก็คือหากมั่นใจแล้วขึ้นก็ดีใจ ลงมาก็เป็นโอกาสสะสมที่ต้นทุนต่ำครับ
เรื่องชอบเห็นหุ้นของเราขึ้นหรือลงหรือครับ เอาความจริงจากใจเลยก็คือชอบเห็นมันขึ้นแน่นอน แต่ปกติจะนานๆดูทีเลยไม่ค่อยมีผลเท่าไร ผมมีหุ้นอยู่ตัวหนึ่งมันเคยทำให้ผมขาดทุนไปมากกว่า 50%ครับ และผมก็มีอยู่มากขนาด 25%ของพอล์ตเลย แต่ผมก็เก็บเพิ่มมาตลอดทุกวันนี้ก็ยังขาดทุนอยู่มาก แต่ผมก็ไม่เห็นจะหวั่นไหวอะไร สรุปก็คือหากมั่นใจแล้วขึ้นก็ดีใจ ลงมาก็เป็นโอกาสสะสมที่ต้นทุนต่ำครับ
-
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 103
พอดีคุณ think_pos เขียนใน pantip น่าจะเข้ากันกับที่คุณจอมรู้สึกอยู่จอม เขียน:ผมหงุดหงิดเวลาเห็นหุ้นผมราคาวิ่งขึ้นครับ
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 45830.html
ก็คงต้องยอมรับสภาพล่ะครับ ตลาดเป็นหมีไปตลอดไม่ได้
และมันคงเป็นกระทิงไปไม่เลิกก็ไม่ได้เช่นกัน
ช่วงนี้คนหาหุ้นต่ำกว่าพื้นฐานคงเหนื่อยมากกว่าเดิมและได้ผลที่น่าพอใจน้อยกว่าเดิม แต่มีเท่านี้ก็เอาเท่านี้ก่อนไว้คอยรอบใหม่ครับ อย่างที่เขาพูดกันว่า 'ไม่มีใครเอาชนะตลาดได้'
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 105
สวัสดีครับเพื่อนๆ
เพิ่งรู้ว่ากระทู้นี้ชักจะดังใหญ่แล้ว แต่ดังไม่กลัวครับ กลัวเจ๊งหุ้นอย่างเดียวครับ ส่วนตัวผมคงไม่อยากได้หนังสือจากอาจารย์ Buffet หรอกครับ ผมอยากได้หุ้น Berkshire type-A สักหุ้นมากกว่า
เห็นคุยกันเรื่อง VI, VS ผมก็จะถามว่าการเก็งกำไรกับการลงทุนในหุ้นต่างกันอย่างไรในความหมายของท่าน ถ้าถามผม ผมก็จะตอบว่า ให้นึกถึงวัวหนึ่งตัวครับ นักเก็งกำไรเมื่อซื้อวัวตัวนี้ก็จะนำไปชำแหละขายในตลาด (หรือบางทีก็ขายไปทั้งตัวเลยครับถ้ามีคนให้ราคาสูงกว่า) ส่วนนักลงทุนจะซื้อวัวตัวนี้มาเลี้ยงไว้ครับ แล้วก็รีดนมมาดื่ม (ของชอบผมไงครับ ที่ผมบอกว่าผมไม่สูบบุหรี่แต่ชอบดื่มนม ผมหมายถึงนมจากการลงทุนครับ มีใครทายถูกไหมเอ๋ย) รวมทั้งนำน้ำนมไปทำพลาสเจอร์ไรส์ใส่ขวดไปขาย ถ้าเลี้ยงดีๆ วัวตัวนั้นก็จะออกลูกออกหลานมาเต็มบ้านเต็มเมือง ตั้งฟาร์มโคนมได้เลยครับ เสร็จเราก็ไม่ต้องหาเช้ากินค่ำหรือตื่นแต่เช้า (เมื่อตลาด (หุ้น) เปิด)ไปหาซื้อวัวมาชำแหละขาย
แต่ถ้าวัวตัวที่ผมซื้อมา ผมคำนวณดูแล้วมันขี้โรค น้ำนมก็ไม่มี แถมยังเป็นหมันอีก ผมก็ต้องรีบจัดแจงปิดป้ายขายทันทีครับ ถึงแม้มันจะได้ราคาต่ำกว่าที่ผมซื้อมาก็ตาม (ผมยอมเสียค่าโง่ครับ ดีกว่าเลี้ยงไว้เปลืองข้าวสุก (เงินทุน + เวลา + พลังงาน))
ส่วนวัวพันธ์ดีๆของผมในฟาร์ม ผมก็จะเฝ้าทะนุทะนอม เลี้ยงดูปูเสื่อมันอย่างดี ให้มันผลิตน้ำนม ออกลูกออกหลานให้ผมอีกมากๆครับ
แล้วเพื่อนๆละครับ เป็นคนฆ่าวัว หรือ คนเลี้ยงวัวครับ
-----------------------------
วิบูลย์-007
เพิ่งรู้ว่ากระทู้นี้ชักจะดังใหญ่แล้ว แต่ดังไม่กลัวครับ กลัวเจ๊งหุ้นอย่างเดียวครับ ส่วนตัวผมคงไม่อยากได้หนังสือจากอาจารย์ Buffet หรอกครับ ผมอยากได้หุ้น Berkshire type-A สักหุ้นมากกว่า
เห็นคุยกันเรื่อง VI, VS ผมก็จะถามว่าการเก็งกำไรกับการลงทุนในหุ้นต่างกันอย่างไรในความหมายของท่าน ถ้าถามผม ผมก็จะตอบว่า ให้นึกถึงวัวหนึ่งตัวครับ นักเก็งกำไรเมื่อซื้อวัวตัวนี้ก็จะนำไปชำแหละขายในตลาด (หรือบางทีก็ขายไปทั้งตัวเลยครับถ้ามีคนให้ราคาสูงกว่า) ส่วนนักลงทุนจะซื้อวัวตัวนี้มาเลี้ยงไว้ครับ แล้วก็รีดนมมาดื่ม (ของชอบผมไงครับ ที่ผมบอกว่าผมไม่สูบบุหรี่แต่ชอบดื่มนม ผมหมายถึงนมจากการลงทุนครับ มีใครทายถูกไหมเอ๋ย) รวมทั้งนำน้ำนมไปทำพลาสเจอร์ไรส์ใส่ขวดไปขาย ถ้าเลี้ยงดีๆ วัวตัวนั้นก็จะออกลูกออกหลานมาเต็มบ้านเต็มเมือง ตั้งฟาร์มโคนมได้เลยครับ เสร็จเราก็ไม่ต้องหาเช้ากินค่ำหรือตื่นแต่เช้า (เมื่อตลาด (หุ้น) เปิด)ไปหาซื้อวัวมาชำแหละขาย
แต่ถ้าวัวตัวที่ผมซื้อมา ผมคำนวณดูแล้วมันขี้โรค น้ำนมก็ไม่มี แถมยังเป็นหมันอีก ผมก็ต้องรีบจัดแจงปิดป้ายขายทันทีครับ ถึงแม้มันจะได้ราคาต่ำกว่าที่ผมซื้อมาก็ตาม (ผมยอมเสียค่าโง่ครับ ดีกว่าเลี้ยงไว้เปลืองข้าวสุก (เงินทุน + เวลา + พลังงาน))
ส่วนวัวพันธ์ดีๆของผมในฟาร์ม ผมก็จะเฝ้าทะนุทะนอม เลี้ยงดูปูเสื่อมันอย่างดี ให้มันผลิตน้ำนม ออกลูกออกหลานให้ผมอีกมากๆครับ
แล้วเพื่อนๆละครับ เป็นคนฆ่าวัว หรือ คนเลี้ยงวัวครับ
-----------------------------
วิบูลย์-007
-
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 106
คุณวิบูลย์ครับผมตั้งตารอฟังคำเฉลยเรื่องนี้มาตั้งแต่วันที่คุณบอกบอกนั่นแหละ แต่เอยังไม่เห็นเฉลยเลยนะครับ ได้โปรดอย่าลืมก็แล้วกัน ว่าถือหุ้นเกรดเออย่างเดียวมันทำร้ายคุณตรงไหน อย่างไร เมื่อไหร่ เท่าใด ??VIB007 เขียน:"........อ้อ คุณธันวา ลืมบอกไปว่าผมถือหุ้นเกรดเออย่างเดียวครับ หุ้นเกรดอื่นผมไม่ถือให้เปลืองพลังงานในการติดตามความคืบหน้าของบริษัทครับ พรุ่งนี้ผมจะมาบอกว่าการถือหุ้นเกรดเออย่างเดียวนี้มันทำร้ายผมอย่างไรบ้าง"
ขอบคุณสำหรับประสบการณ์ดีๆที่คุณวิบูลย์ให้มาครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 107
ต้องขอบคุณเพื่อนๆที่ส่งคำตอบเรื่องราคาหุ้นเข้ามาครับ
งานนี้ไม่มีใครถูกใครผิดครับ แต่ผมขอยกคำพูดอาจารย์ Buffet ของผมมาตอบแทนแล้วกันครับ
ในจดหมายถึงผู้ถือหุ้น Berkshire Hethaway อาจารย์ผมแกบอกว่า ท่านผู้ถือหุ้นทั้งหลาย ท่านจงจำไว้เถอะว่า หุ้นของบริษัทต่างๆในตลาดหุ้นที่เราซื้อเอาไว้นั้น เนื่องจากบริษัทเหล่านั้นเป็นบริษัทที่ยอดเยี่ยม ดังนั้นเราจะถือบริษัทนี้ไปตลอดชีวิต ถ้าตลาดหุ้นตกเมื่อไร ท่านทั้งหลายไม่ต้องตกใจ มันเป็นโอกาสดีสำหรับเราที่จะเพิ่มจำนวนหุ้นส่วนของเราในบริษัทยอดเยี่ยมเหล่านั้นที่ราคาสมเหตุสมผล ดังนั้นท่านผู้ถือหุ้นจงดีใจเมื่อท่านเห็นข่าวในหน้า นสพ ว่าตลาดหุ้นกำลังจะพังทลาย
ในตอนที่ Buffet เริ่มซื้อ Washington Post เมื่อ 30 ปีที่แล้ว ราคาตลาดของบริษัทเท่ากับ 80 ล้านเหรียญ ในอีกหนึ่งปีถัดมาราคาหุ้นลดลงเหลือ 40 ล้านเหรียญ คือ Buffet ขาดทุนไป 50% แต่สิ่งที่อาจารย์ผมทำคือซื้อเพิ่มอีกเท่าตัวครับ จนกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 20% ใน Washington Post ตอนนี้บริษัทนี้มีราคาตลาดมากกว่า 4000 ล้านเหรียญครับ
ส่วนผม ผมจะตัดสินใจซื้อหุ้นของบริษัทที่ผมมั่นใจจะซื้อเพิ่ม ถ้าราคาตกครับ หลังจากนั้นผมจะดูผลประกอบการของบริษัทครับว่ามีความคืบหน้าเป็นอย่างไร ราคาหุ้นเป็นเรื่องรอง ลงก็ได้ ขึ้นก็ดี แต่ถ้าขึ้นมามากผมก็ไม่มีโอกาสซื้อเพิ่มครับ อย่างเช่นตอนนี้เป็นต้น มีเงินยังไม่กล้าซื้อเพิ่มเพราะราคาหุ้นที่ผมถืออยู่มันขึ้นไปมาก ถ้าผมซื้อจะทำให้ Margin of Safety และ Longterm Rate of Return ลดลงครับ แล้วท่านอื่นๆละครับ คิดเห็นกันอย่างไร?
งานนี้ไม่มีใครถูกใครผิดครับ แต่ผมขอยกคำพูดอาจารย์ Buffet ของผมมาตอบแทนแล้วกันครับ
ในจดหมายถึงผู้ถือหุ้น Berkshire Hethaway อาจารย์ผมแกบอกว่า ท่านผู้ถือหุ้นทั้งหลาย ท่านจงจำไว้เถอะว่า หุ้นของบริษัทต่างๆในตลาดหุ้นที่เราซื้อเอาไว้นั้น เนื่องจากบริษัทเหล่านั้นเป็นบริษัทที่ยอดเยี่ยม ดังนั้นเราจะถือบริษัทนี้ไปตลอดชีวิต ถ้าตลาดหุ้นตกเมื่อไร ท่านทั้งหลายไม่ต้องตกใจ มันเป็นโอกาสดีสำหรับเราที่จะเพิ่มจำนวนหุ้นส่วนของเราในบริษัทยอดเยี่ยมเหล่านั้นที่ราคาสมเหตุสมผล ดังนั้นท่านผู้ถือหุ้นจงดีใจเมื่อท่านเห็นข่าวในหน้า นสพ ว่าตลาดหุ้นกำลังจะพังทลาย
ในตอนที่ Buffet เริ่มซื้อ Washington Post เมื่อ 30 ปีที่แล้ว ราคาตลาดของบริษัทเท่ากับ 80 ล้านเหรียญ ในอีกหนึ่งปีถัดมาราคาหุ้นลดลงเหลือ 40 ล้านเหรียญ คือ Buffet ขาดทุนไป 50% แต่สิ่งที่อาจารย์ผมทำคือซื้อเพิ่มอีกเท่าตัวครับ จนกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 20% ใน Washington Post ตอนนี้บริษัทนี้มีราคาตลาดมากกว่า 4000 ล้านเหรียญครับ
ส่วนผม ผมจะตัดสินใจซื้อหุ้นของบริษัทที่ผมมั่นใจจะซื้อเพิ่ม ถ้าราคาตกครับ หลังจากนั้นผมจะดูผลประกอบการของบริษัทครับว่ามีความคืบหน้าเป็นอย่างไร ราคาหุ้นเป็นเรื่องรอง ลงก็ได้ ขึ้นก็ดี แต่ถ้าขึ้นมามากผมก็ไม่มีโอกาสซื้อเพิ่มครับ อย่างเช่นตอนนี้เป็นต้น มีเงินยังไม่กล้าซื้อเพิ่มเพราะราคาหุ้นที่ผมถืออยู่มันขึ้นไปมาก ถ้าผมซื้อจะทำให้ Margin of Safety และ Longterm Rate of Return ลดลงครับ แล้วท่านอื่นๆละครับ คิดเห็นกันอย่างไร?
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 108
เรื่องถือหุ้นแต่เกรดเอ ผมจะบอกอีกที ตอนนี้เจ้านายมาอยู่แถวๆห้องผม โพสมากไม่ได้เดี๋ยวจะถูกจับได้
ขอตอบพี่เจ๋งก่อนครับ เรื่องการหา Intrinsic Value
พี่เจ๋งครับ การหา Intrinsic Value มีสามวิธีครับ
1) Reproduction Cost of Asset
2) Earning Power Value
3) Discount Cashflow Model
แต่ละวิธีมีข้อดีข้อเสียต่างกันครับ
ถ้าใครอยากรู้ให้ไปงาน TVI Meeting#2 ในวันอาทิตย์ที่ 14 กันยายนนี้ครับที่ โรงแรมเกษมณี แถวสวนจตุจักร(มั๊ง) งานเริ่ม 10 โมงเช้า แล้วผมจะเล่าให้ฟัง แต่คงไม่เตรียมแผ่นใสหรือสไลด์ไปปิ้งหรอกครับ ผมชอบคุยกันสบายๆมากกว่า
อ้อ ลืมบอกไป ต้องแชร์จ่ายค่าห้องกับค่าอาหารกลางวันด้วยนะครับ 400 บาท ผมถือว่าถูกมากเทียบกับการรู้หลักการการหา Intrinsic Value แล้วใช้ไปได้ตลอดชีวิต อย่าพลาดนะครับ แต่อย่าคาดหวังว่าผมจะมี Case Study ให้เพราะคงไม่ได้ให้เป็นลักษณะอย่างนั้น คงแสดงให้เห็นคร่าวๆ แล้วไปใช้หัดทำการบ้านกันเองครับ
แล้วเจอกันครับ
------------------------------
วิบูลย์-007
ขอตอบพี่เจ๋งก่อนครับ เรื่องการหา Intrinsic Value
พี่เจ๋งครับ การหา Intrinsic Value มีสามวิธีครับ
1) Reproduction Cost of Asset
2) Earning Power Value
3) Discount Cashflow Model
แต่ละวิธีมีข้อดีข้อเสียต่างกันครับ
ถ้าใครอยากรู้ให้ไปงาน TVI Meeting#2 ในวันอาทิตย์ที่ 14 กันยายนนี้ครับที่ โรงแรมเกษมณี แถวสวนจตุจักร(มั๊ง) งานเริ่ม 10 โมงเช้า แล้วผมจะเล่าให้ฟัง แต่คงไม่เตรียมแผ่นใสหรือสไลด์ไปปิ้งหรอกครับ ผมชอบคุยกันสบายๆมากกว่า
อ้อ ลืมบอกไป ต้องแชร์จ่ายค่าห้องกับค่าอาหารกลางวันด้วยนะครับ 400 บาท ผมถือว่าถูกมากเทียบกับการรู้หลักการการหา Intrinsic Value แล้วใช้ไปได้ตลอดชีวิต อย่าพลาดนะครับ แต่อย่าคาดหวังว่าผมจะมี Case Study ให้เพราะคงไม่ได้ให้เป็นลักษณะอย่างนั้น คงแสดงให้เห็นคร่าวๆ แล้วไปใช้หัดทำการบ้านกันเองครับ
แล้วเจอกันครับ
------------------------------
วิบูลย์-007
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 109
คุณวิบูลย์ครับ Berkshire Hathaway Type A ตอนนี้ก็ราคา 75,499 เหรียญสหรัฐฯนะครับ คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 3 ล้านบาท เอาแค่หุ้นเดียวเหรอครับ ผมขอสัก lot ก็แล้วกัน
ส่วนเรื่อง Margin of Safety ผมว่ามันเป็นเรื่อง relative นะครับ ตอนที่ Buffett ว่าหุ้นแสนจะถูกนั้น P/E ก็สูงกว่าราคาที่เราบ่นกันว่าแพงแล้วนะครับ และที่สำคัญ การคิด margin of safety สำหรับนักลงทุนมือใหม่นั้น ... ยากมากครับ เป็น concept ที่ฟังดูดี แต่จับต้องไม่ได้
ส่วนที่คุณวิบูลย์จะรอจนกว่าจะได้ margin of safety และ long term return นั้น อาจจะไม่ได้ซื้อหุ้นกันหลายปีก็ได้นะครับ โดยเฉพาะในช่วง Strong Bull Market ซึ่ง cycle หนึ่งอาจจะกินเวลานานถึง 7 ปี
ตลาดเมืองไทยเป็นตลาดที่เล็กมากครับ มีหุ้นอยู่แค่ 400 ตัว หุ้นพื้นฐานดีๆอาจจะมีแค่ 100 ตัว หุ้นเกรด A ของคุณวิบูลย์อาจจะไม่ถึง 10 ตัว พอตลาดขึ้นแบบรุนแรง มันก็ขึ้นกันทุกตัวแหละครับ เพราะคนที่ตกรถก็ไปหาตัวที่ยังไม่ขึ้นแล้วซื้อกันใหญ่ หุ้นมันก็วิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ
ถ้าตลาดเป็น bearish หรือ sideway ผมเห็นด้วยครับว่าการรอคอยเป็น best strategy แต่ตลาดแบบ strongly bullish ซื้อยิ่งเร็วยิ่งดีครับ
ในสถานการณ์เช่นนี้ผมยังคิดว่า average dollars เป็นวิธีที่ defensive ที่สุดสำหรับมือใหม่ครับ การที่จะให้นักลงทุนมือใหม่คำนวณ intrinsic value แล้วตั้งเป้าหมายในการลงทุน อาจจะยากเกินไปสักหน่อย
ส่วนเรื่อง Margin of Safety ผมว่ามันเป็นเรื่อง relative นะครับ ตอนที่ Buffett ว่าหุ้นแสนจะถูกนั้น P/E ก็สูงกว่าราคาที่เราบ่นกันว่าแพงแล้วนะครับ และที่สำคัญ การคิด margin of safety สำหรับนักลงทุนมือใหม่นั้น ... ยากมากครับ เป็น concept ที่ฟังดูดี แต่จับต้องไม่ได้
ส่วนที่คุณวิบูลย์จะรอจนกว่าจะได้ margin of safety และ long term return นั้น อาจจะไม่ได้ซื้อหุ้นกันหลายปีก็ได้นะครับ โดยเฉพาะในช่วง Strong Bull Market ซึ่ง cycle หนึ่งอาจจะกินเวลานานถึง 7 ปี
ตลาดเมืองไทยเป็นตลาดที่เล็กมากครับ มีหุ้นอยู่แค่ 400 ตัว หุ้นพื้นฐานดีๆอาจจะมีแค่ 100 ตัว หุ้นเกรด A ของคุณวิบูลย์อาจจะไม่ถึง 10 ตัว พอตลาดขึ้นแบบรุนแรง มันก็ขึ้นกันทุกตัวแหละครับ เพราะคนที่ตกรถก็ไปหาตัวที่ยังไม่ขึ้นแล้วซื้อกันใหญ่ หุ้นมันก็วิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ
ถ้าตลาดเป็น bearish หรือ sideway ผมเห็นด้วยครับว่าการรอคอยเป็น best strategy แต่ตลาดแบบ strongly bullish ซื้อยิ่งเร็วยิ่งดีครับ
ในสถานการณ์เช่นนี้ผมยังคิดว่า average dollars เป็นวิธีที่ defensive ที่สุดสำหรับมือใหม่ครับ การที่จะให้นักลงทุนมือใหม่คำนวณ intrinsic value แล้วตั้งเป้าหมายในการลงทุน อาจจะยากเกินไปสักหน่อย
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 110
อยากรู้จริงๆ intrinsic value
คงต้องไปงาน TVI meeting ครั้งที่สองนี้ให้ได้ ไม่ว่าจะติดธุระกิจอะไร
อิอิ
แล้วต้องเป็นเคล็ดลับด้วยว่า คนที่รู้ต้องไม่เปิดเผย
จนกว่าจะถึง TVI meeting ครั้งที่ 3
อิอิ
โค้ด: เลือกทั้งหมด
1) Reproduction Cost of Asset
2) Earning Power Value
3) Discount Cashflow Mode
อิอิ
แล้วต้องเป็นเคล็ดลับด้วยว่า คนที่รู้ต้องไม่เปิดเผย
จนกว่าจะถึง TVI meeting ครั้งที่ 3
อิอิ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 112
ขอบคุณทุกท่านที่ให้ความเห็นครับ แต่อย่าคาดหวังกับผมใน Meeting มากนักนะครับ ผมความรู้แค่หางอึ่งครับแต่อยากให้ทุกๆคนช่วยกันแชร์ไอเดียดีๆกันมากกว่า
ต้องขอบคุณพี่ CK มากเลยครับที่เตือนผมด้วยความหวังดี คือผมปฏิบัติตามคำสั่งสอนของอาจารย์ Buffet อย่างเคร่งครัดนะครับ คือแกบอกว่าปัญหาของคนส่วนใหญ่คือมีความอดทนไม่เพียงพอ เรารีบขายเกินไป หรือเรารีบซื้อเกินไปกลัวว่าราคาหุ้นจะขึ้นไปไม่มีวันกลับ เมื่อเราได้ต้นทุนสูง ผลตอบแทนในระยะยาวของเราก็จะน้อยลง เช่น หุ้นของบริษัท ก เราซื้อมาในราคา 10 บาท ส่วนเพื่อนอีกคนของเราได้มาราคา 15 บาท สมมุติว่าผ่านไปหนึ่งปี หุ้นขึ้นมาเป็น 20 บาท เราจะได้ผลตอบแทน 100% ขณะที่เพื่อนจะได้ผลตอบแทน 33% นี่เป็นตัวอย่างง่ายๆครับ แต่ในทางปฏิบัติอาจจะยุ่งยากกว่านี้ เพราะเราไม่ทราบได้ว่าเมื่อไหร่คือจุดต่ำสุดหรือสูงสุด
ดังนั้นวิธีของคุณพี่ CK จึงเกิดขึ้นโดยการซื้อหุ้นไปเรื่อยๆในตัวเดียวกัน ราคาต่ำก็ซื้อมากหน่อย ราคาสูงก็ซื้อมากหน่อย โดยกำหนดเป็นจำนวนเงินแทนจำนวนหุ้น ลงไปเรื่อยๆเมื่อมีเงิน เหมาะสำหรับมือใหม่หัดขับเป็นอย่างมากครับ เพราะไม่คิดมาก (เหมือนพวกผม) และสบายกว่ากันเยอะเพราะเราไม่ใช่เซียนหุ้นรุ่นเก๋าอย่างอาจารย์ Buffet หรืออาจารย์ นิเวศน์ ที่เห็นหุ้นปั๊บ ฟันชัวะ ได้กำไรเห็นๆ (ในระยะยาวนะครับ อย่าเข้าใจผิด)
สงสัยผมอาจจะต้องนำวิธีของคุณพี่ CK มาใช้บ้างซะแล้ว
------------------------------------
วิบุลย์-007
ต้องขอบคุณพี่ CK มากเลยครับที่เตือนผมด้วยความหวังดี คือผมปฏิบัติตามคำสั่งสอนของอาจารย์ Buffet อย่างเคร่งครัดนะครับ คือแกบอกว่าปัญหาของคนส่วนใหญ่คือมีความอดทนไม่เพียงพอ เรารีบขายเกินไป หรือเรารีบซื้อเกินไปกลัวว่าราคาหุ้นจะขึ้นไปไม่มีวันกลับ เมื่อเราได้ต้นทุนสูง ผลตอบแทนในระยะยาวของเราก็จะน้อยลง เช่น หุ้นของบริษัท ก เราซื้อมาในราคา 10 บาท ส่วนเพื่อนอีกคนของเราได้มาราคา 15 บาท สมมุติว่าผ่านไปหนึ่งปี หุ้นขึ้นมาเป็น 20 บาท เราจะได้ผลตอบแทน 100% ขณะที่เพื่อนจะได้ผลตอบแทน 33% นี่เป็นตัวอย่างง่ายๆครับ แต่ในทางปฏิบัติอาจจะยุ่งยากกว่านี้ เพราะเราไม่ทราบได้ว่าเมื่อไหร่คือจุดต่ำสุดหรือสูงสุด
ดังนั้นวิธีของคุณพี่ CK จึงเกิดขึ้นโดยการซื้อหุ้นไปเรื่อยๆในตัวเดียวกัน ราคาต่ำก็ซื้อมากหน่อย ราคาสูงก็ซื้อมากหน่อย โดยกำหนดเป็นจำนวนเงินแทนจำนวนหุ้น ลงไปเรื่อยๆเมื่อมีเงิน เหมาะสำหรับมือใหม่หัดขับเป็นอย่างมากครับ เพราะไม่คิดมาก (เหมือนพวกผม) และสบายกว่ากันเยอะเพราะเราไม่ใช่เซียนหุ้นรุ่นเก๋าอย่างอาจารย์ Buffet หรืออาจารย์ นิเวศน์ ที่เห็นหุ้นปั๊บ ฟันชัวะ ได้กำไรเห็นๆ (ในระยะยาวนะครับ อย่าเข้าใจผิด)
สงสัยผมอาจจะต้องนำวิธีของคุณพี่ CK มาใช้บ้างซะแล้ว
------------------------------------
วิบุลย์-007
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 113
คุณวิบูลย์ครับ
วิธีซื้อเฉลี่ยทุนเป็นวิธีที่ Peter Lynch แนะนำนะครับ ไม่ใช่ผมแนะนำอ่านเจอว่าเหมาะกับคนไม่ค่อยเข้าใจเรื่องกลไกราคา (แต่เชื่อมั่นในธุรกิจที่ดูอยู่) ผมอ่านแล้วรู้สึกชอบ เลยเอามาใช้ครับ และใช้กับตอนซื้อเท่านั้นเอง
พอดีไปอ่านในอีกกระทู้หนึ่งเห็นคุณวิบูลย์บอกว่าหลีกเลี่ยงบริษัทที่ออก warrant ก็เลยสงสัยว่าในฐานะศิษย์เอก Buffett คุณวิบูลย์คงจะหลีกเลี่ยงบริษัทที่ซื้อหุ้นคืนด้วยสิครับ เพราะ Buffett เคยว่าไว้ว่าเป็นการทำลายมูลค่าของหุ้นเช่นเดียวกัน (คุณ Mon Money เคยเอามาให้อ่านในบทสัมภาษณ์)
วิธีซื้อเฉลี่ยทุนเป็นวิธีที่ Peter Lynch แนะนำนะครับ ไม่ใช่ผมแนะนำอ่านเจอว่าเหมาะกับคนไม่ค่อยเข้าใจเรื่องกลไกราคา (แต่เชื่อมั่นในธุรกิจที่ดูอยู่) ผมอ่านแล้วรู้สึกชอบ เลยเอามาใช้ครับ และใช้กับตอนซื้อเท่านั้นเอง
พอดีไปอ่านในอีกกระทู้หนึ่งเห็นคุณวิบูลย์บอกว่าหลีกเลี่ยงบริษัทที่ออก warrant ก็เลยสงสัยว่าในฐานะศิษย์เอก Buffett คุณวิบูลย์คงจะหลีกเลี่ยงบริษัทที่ซื้อหุ้นคืนด้วยสิครับ เพราะ Buffett เคยว่าไว้ว่าเป็นการทำลายมูลค่าของหุ้นเช่นเดียวกัน (คุณ Mon Money เคยเอามาให้อ่านในบทสัมภาษณ์)
-
- Verified User
- โพสต์: 2513
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 114
เรียนท่าน CK บริษัทที่ซื้อหุ้นคืนน่าจะเป็นการทำให้มูลค่าหุ้นสูงขึ้นด้วยเงินอันน้อยนิดไม่ใช่หรือครับ?
บริษัท 100 ล้านหุ้น มูลค่า 10 บาทต่อหุ้น รวม 1000 ล้านบาท สมมุติราคาตลาด 10 บาท(Market Cap = 1000 ล้าน) P/E = 10, P/BV = 1 ...ครบปีทำกำไรได้ 1บาทต่อหุ้น= 100 ล้านบาท ไม่ปันผล แต่ซื้อหุ้นคืนด้วย 50% ของกำไร ไล่...เอ้ย...ซื้อหุ้นคืน ด้วยเงิน 50 ล้านบาท น่าจะทำให้ราคาตลาด(Market Cap) สูงขึ้นอย่างมากได้
บริษัท 100 ล้านหุ้น มูลค่า 10 บาทต่อหุ้น รวม 1000 ล้านบาท สมมุติราคาตลาด 10 บาท(Market Cap = 1000 ล้าน) P/E = 10, P/BV = 1 ...ครบปีทำกำไรได้ 1บาทต่อหุ้น= 100 ล้านบาท ไม่ปันผล แต่ซื้อหุ้นคืนด้วย 50% ของกำไร ไล่...เอ้ย...ซื้อหุ้นคืน ด้วยเงิน 50 ล้านบาท น่าจะทำให้ราคาตลาด(Market Cap) สูงขึ้นอย่างมากได้
- ครรชิต ไพศาล
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 4623
- ผู้ติดตาม: 1
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 115
เมื่อถูกถามเรื่องการซื้อหุ้นคืน บัฟเฟทท์ กล่าวว่า
"นั่นเป็นสิ่งที่สมเหตสมผล และผมก็คงทำเช่นนั้น แต่ก็ต่อเมื่อ หุ้นของเบอร์กไชร์มีราคาถูกกว่าหุ้นอื่นๆ ที่ผมสนใจอยู่ในขณะนั้นเท่านั้น"
จาก วาทะ วอร์เรน บัฟเฟทท์ ฉบับแปล หน้า 161
"นั่นเป็นสิ่งที่สมเหตสมผล และผมก็คงทำเช่นนั้น แต่ก็ต่อเมื่อ หุ้นของเบอร์กไชร์มีราคาถูกกว่าหุ้นอื่นๆ ที่ผมสนใจอยู่ในขณะนั้นเท่านั้น"
จาก วาทะ วอร์เรน บัฟเฟทท์ ฉบับแปล หน้า 161
-
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 116
พี่ครรชิต ไพศาลมาแล้วครับ ต้องขอบพระคุณท่านพี่ๆทั้งหลายมากเลยครับที่ช่วยกันแสดงความเห็นในกระทู้นี้เพื่อให้น้องๆได้อ่านสิ่งดีๆเป็นประโยชน์ในการลงทุนครับ
สำหรับเพื่อนๆที่ยังไม่ได้อ่านคำตอบของผมถึงคุณพี่ปรัชญา ผมขออนุณาตคัดลอกลงมาเพื่ออ่านกันก่อนนะครับ คือพี่ปรัชญาถามผมว่าแกซื้อ Warrant ของบริษัทหนึ่งอยู่แล้วให้ผมช่วยดูให้หน่อยว่าเป็นอย่างไร (ที่ผมไม่ตอบแกจนแกงอนไงครับ สุดท้ายผมทนใจดำไม่ไหวเลยตอบไปเมื่อวันก่อน)
คำถามมีดังนี้
----------------------------------------------------------------------------
โพสต์เมื่อ: Sat Sep 06, 2003 11:32 am หัวข้อ: คุณวิบูลย์ครับ
ช่วยวิเคราะห์บริษัท ......... ให้หน่อยครับ
ว่าธุรกิจนี้มีความเสี่ยงอย่างไรบ้าง
หนี้สินเขาจะชำระหมดใช้เวลา1-3ปีหรือเปล่า
เผอิญผมกำลังสับสนว่า...ได้ซื้อWของเขาไว้เยอะ
จะได้รับข้อคิดความเห็นของคุณวิบูลย์
มาประกอบการตัดสินใจว่า จะแปลงเป็นหุ้นแม่ดีหรือเปล่า
หุ้นตัวนี้ซื้อเพราะรสนิยมครับ
ไม่ได้ตั้งใจซื้อเพราะปัจจัยพื้นฐานเลยครับ
ขอบคุณ ล่วงหน้าครับ
------------------------------------------------------------------------
ผมตอบกระทู้นั้นอย่างนี้ครับ
------------------------------------------------------------------------
โพสต์เมื่อ: Sun Sep 07, 2003 8:00 pm หัวข้อ:
พี่ปรัชญาครับ
ไม่ต้องน้อยใจครับ ผมตอบให้คร่าวๆแล้วกันครับ ปกติผมจะไม่ตอบกระทู้อื่นแค่วันนี้มีเวลามากหน่อย
ผมมีความรู้สึกไม่ดีกับ Warrant ครับในความเห็นของผม บริษัทที่ออก (แจก) Warrant มักจะทำไปเพื่อให้ราคาหุ้นสูงขึ้นครับ มากกว่าที่จะรักษาประโยชน์ของผู้ถือหุ้นระยะยาว เพราะเมื่อ Warrant convert มาเป็นหุ้นสามัญก็จะทำให้มีจำนวนหุ้นสามัญมากขึ้น ทำให้กำไรต่อหุ้นลดลง และ เกิด Dilution Effect กับผู้ถือหุ้นเดิมครับ
ผมจึงหลีกเลี่ยงที่จะลงทุนในบริษัทที่มี Warrant ครับ เพราะผมไม่อยากยุ่งยากคำนวณมูลค่าของบริษัทที่จะต้องนำ Warrant มาคำนวณด้วย มันยุ่งยากเกินไปครับ ผมเป็นคนขี้เกียจชอบทำอะไรง่ายๆครับ เลยเลิกยุ่งกับWarrant
ในกรณี บริษัท........... ผมไม่ค่อยรู้เรื่องบริษัทนี้ครับ รู้แต่ว่าเพิ่งเริ่มกำไรหลังจากขาดทุนมาหลายปี เป็นเจ้าของนสพ .......... ขวัญใจคนบ้าบอล มีหนี้สินพอสมควร รู้สึกจะมีการจ่ายปันผลไปตอนครึ่งปีเร็วๆนี้
สำหรับผม บริษัทนี้ไม่ผ่านคาถาข้อสองของผมครับ ผมถือว่าการออก Warrant ไม่เป็นการคิดถึงผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นระยะยาว ผมไม่โหวตผ่านให้ผู้บริหารครับ ถึงแม้ฐานะทางการเงินจะดีแค่ไหนก็ตาม
-------------------------------------------------------------------------------------
ผมขอตัดข้อความบางส่วนออกเพื่อความเหมาะสมนะครับ
ที่คุณพี่ CK ถามเรื่องการซื้อหุ้นคืนนั้น อาจารย์ Buffet ของผมกระซิบบอกมาว่ามันเป็นคนละเรื่องกับการออก Warrant ชนิดหน้ามือกับหลังเท้าเลยครับ
การออก Warrant นั้น ในระยะยาวจะทำให้มีจำนวนหุ้นสามัญมากขึ้นหลังจากมีการ Convert ของ Warrant ครับ
สมมุติว่าให้ทุกอย่างคงที่ ทั้งยอดขาย, กำไร, และ P/E การที่จำนวนหุ้นสามัญมากขึ้นก็จะทำให้กำไรต่อหุ้นลดลง ในขณะที่ P/E คงที่ก็จะทำให้มูลค่าตลาดของบริษัทนี้ลดลงครับ หมายความว่าราคาหุ้นที่เราซื้อมาก็จะลดลง
ชอบกันมั๊ยครับ ราคาหุ้นที่ซื้อมาลดลงลงไปเรื่อยๆ สนุกดีนะครับ ตอนที่ผมยังเป็น VI โง่ๆอยู่เคยซื้อหุ้นบริษัทหนึ่งตามเพื่อนครับ เห็นเขาบอกว่าปันผลดีทุกไตรมาศ ด้วยความโลภ อยากได้ปันผลเยอะๆ เลยซื้อตามเข้าไปโดยไม่รู้มาก่อนว่ามี Warrant ที่ออกมาก่อนหน้านั้นอยู่ด้วย และด้วยความโชคดีของผมครับ มันถึงระยะเวลาใช้สิทธิแปลง Warrant ได้พอดี คนก็แปลง Warrant เป็นหุ้นสามัญแล้วก็ขายทิ้งได้กำไรสองต่อ ผมก็ได้แต่นั่งมองราคาหุ้นลดลงทุกวันๆ โบรกเกอร์ของผมโทรมาบอกว่าไม่เป็นไร ใจเย็นๆ บริษัทนี้ปันผลทุกไตรมาศไม่ต้องห่วง ผมเป็นเด็กหัวอ่อนครับเลยทำตามคำแนะนำของโบรกที่แสนดีของผมด้วยการนั่งมองราคาหุ้นที่ผมถืออยู่ลดลงทุกวันๆตามเดิม (สนุกมากครับ ใครไม่เคยลองขอบอก มันเยี่ยมอย่าบอกใคร) สุดท้ายผมทนไม่ไหว หาหนังสือเกี่ยวกับ Warrant มาอ่านครับ จึงพบว่าการออก Warrant เป็นการทำลาย Shareholder Value ที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งนอกเหนือจากการเพิ่มทุนจดทะเบียน
ผมเลยตัดสินใจขายหุ้นบริษัทนั้นทิ้งทั้งหมดทันที ขาดทุนไป 20% ครับเป็นค่าโง่ที่แพงที่สุดที่ผมเคยจ่าย เลยจำไว้เป็นบทเรียนครับ
ส่วนการซื้อหุ้นคืนนั้น ในระยะยาวจะทำให้จำนวนหุ้นสามัญลดลงครับ ถ้าสมมุติฐานของเราเหมือนเดิม คือ ยอดขาย กำไร และ P/E เท่าเดิม บริษัทนี้ก็จะมีมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นครับ เพราะกำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้นด้วยยอดขายเท่าเดิม นั้นคือราคาหุ้นสูงขึ้น แต่มีข้อแม้ครับว่าบริษัทที่จะสามารถซื้อหุ้นคืนได้นั้นต้องมีเงินสดจำนวนมาก มากเกินกว่าที่จะนำไปลงทุนหรือทำอะไรอื่นๆให้บริษัทเติบโต (บางครั้งการซื้อหรือลงทุนในกิจการอื่นๆเพื่อให้บริษัทเติบโตขึ้นอาจจะไม่ทำให้มูลค่าของกิจการเพิ่มขึ้นก็ได้นะครับ เอาเงินมาซื้อหุ้นคืนจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นมากกว่า)
ดังนั้นบริษัทที่อาจารย์ Buffet ของผมถือหุ้นอยู่จะถูกอาจารย์ผมสะกดจิตให้ผู้บริหารทำการซื้อหุ้นคืนทุกบริษัทไป ไม่ว่าจะเป็น Coca-Cola, Gillette, Washington Post, ฯลฯ.
แต่เท่าที่ผมเห็นการซื้อหุ้นคืนตอนนี้ มักจะเป็นการ"อุ้ม"ราคาหุ้นของบริษัทตัวเองในระยะสั้นมากกว่าที่จะเป็นการคิดถึงผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นในระยะยาว เพราะการซื้อหุ้นคืนที่ดีจะต้องทำต่อเนื่องและสม่ำเสมอครับ
หวังว่าคุณพี่ CK คงเข้าใจเกี่ยวกับการซื้อหุ้นคืนของบริษัทมากขึ้นนะครับ
ส่วนประโยคที่พี่ครรชิตคัดลอกมานั้น เป็นคำตอบของอาจารย์ของผมต่อผู้ถือหุ้นครับในการประชุมประจำปีของ Berkshire ครับ คือมีผู้ถือหุ้นคนหนึ่งถามว่า ทำไม Berkshire ไม่ซื้อหุ้นของตัวเองคืน อาจารย์ผมตอบว่าเราจะซื้อหุ้น Berkshire คืนก็ต่อเมื่อราคาต่ำกว่า Intrinsic Value มากๆ และไม่รู้ว่าจะเอาเงินไปลงทุนทำอะไรแล้ว คงแถมประโยคที่บอกว่า ถ้ามีหุ้นที่ราคาถูกกว่าหุ้น Berkshire ในตลาดก็จะซื้อหุ้นคืน (ซึ่งบริษัทบ้าที่ไหนจะมีราคาหุ้นละ 3 ล้านบาทอย่างของบริษัทอาจารย์ผมละครับ) เพราะฉะนั้นคงต้องรออีกนานกว่า Berkshire จะซื้อหุ้นตัวเองคืน
สวัสดีครับ พบกันใหม่พรุ่งนี้
------------------------------------------------------
วิบูลย์-007
สำหรับเพื่อนๆที่ยังไม่ได้อ่านคำตอบของผมถึงคุณพี่ปรัชญา ผมขออนุณาตคัดลอกลงมาเพื่ออ่านกันก่อนนะครับ คือพี่ปรัชญาถามผมว่าแกซื้อ Warrant ของบริษัทหนึ่งอยู่แล้วให้ผมช่วยดูให้หน่อยว่าเป็นอย่างไร (ที่ผมไม่ตอบแกจนแกงอนไงครับ สุดท้ายผมทนใจดำไม่ไหวเลยตอบไปเมื่อวันก่อน)
คำถามมีดังนี้
----------------------------------------------------------------------------
โพสต์เมื่อ: Sat Sep 06, 2003 11:32 am หัวข้อ: คุณวิบูลย์ครับ
ช่วยวิเคราะห์บริษัท ......... ให้หน่อยครับ
ว่าธุรกิจนี้มีความเสี่ยงอย่างไรบ้าง
หนี้สินเขาจะชำระหมดใช้เวลา1-3ปีหรือเปล่า
เผอิญผมกำลังสับสนว่า...ได้ซื้อWของเขาไว้เยอะ
จะได้รับข้อคิดความเห็นของคุณวิบูลย์
มาประกอบการตัดสินใจว่า จะแปลงเป็นหุ้นแม่ดีหรือเปล่า
หุ้นตัวนี้ซื้อเพราะรสนิยมครับ
ไม่ได้ตั้งใจซื้อเพราะปัจจัยพื้นฐานเลยครับ
ขอบคุณ ล่วงหน้าครับ
------------------------------------------------------------------------
ผมตอบกระทู้นั้นอย่างนี้ครับ
------------------------------------------------------------------------
โพสต์เมื่อ: Sun Sep 07, 2003 8:00 pm หัวข้อ:
พี่ปรัชญาครับ
ไม่ต้องน้อยใจครับ ผมตอบให้คร่าวๆแล้วกันครับ ปกติผมจะไม่ตอบกระทู้อื่นแค่วันนี้มีเวลามากหน่อย
ผมมีความรู้สึกไม่ดีกับ Warrant ครับในความเห็นของผม บริษัทที่ออก (แจก) Warrant มักจะทำไปเพื่อให้ราคาหุ้นสูงขึ้นครับ มากกว่าที่จะรักษาประโยชน์ของผู้ถือหุ้นระยะยาว เพราะเมื่อ Warrant convert มาเป็นหุ้นสามัญก็จะทำให้มีจำนวนหุ้นสามัญมากขึ้น ทำให้กำไรต่อหุ้นลดลง และ เกิด Dilution Effect กับผู้ถือหุ้นเดิมครับ
ผมจึงหลีกเลี่ยงที่จะลงทุนในบริษัทที่มี Warrant ครับ เพราะผมไม่อยากยุ่งยากคำนวณมูลค่าของบริษัทที่จะต้องนำ Warrant มาคำนวณด้วย มันยุ่งยากเกินไปครับ ผมเป็นคนขี้เกียจชอบทำอะไรง่ายๆครับ เลยเลิกยุ่งกับWarrant
ในกรณี บริษัท........... ผมไม่ค่อยรู้เรื่องบริษัทนี้ครับ รู้แต่ว่าเพิ่งเริ่มกำไรหลังจากขาดทุนมาหลายปี เป็นเจ้าของนสพ .......... ขวัญใจคนบ้าบอล มีหนี้สินพอสมควร รู้สึกจะมีการจ่ายปันผลไปตอนครึ่งปีเร็วๆนี้
สำหรับผม บริษัทนี้ไม่ผ่านคาถาข้อสองของผมครับ ผมถือว่าการออก Warrant ไม่เป็นการคิดถึงผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นระยะยาว ผมไม่โหวตผ่านให้ผู้บริหารครับ ถึงแม้ฐานะทางการเงินจะดีแค่ไหนก็ตาม
-------------------------------------------------------------------------------------
ผมขอตัดข้อความบางส่วนออกเพื่อความเหมาะสมนะครับ
ที่คุณพี่ CK ถามเรื่องการซื้อหุ้นคืนนั้น อาจารย์ Buffet ของผมกระซิบบอกมาว่ามันเป็นคนละเรื่องกับการออก Warrant ชนิดหน้ามือกับหลังเท้าเลยครับ
การออก Warrant นั้น ในระยะยาวจะทำให้มีจำนวนหุ้นสามัญมากขึ้นหลังจากมีการ Convert ของ Warrant ครับ
สมมุติว่าให้ทุกอย่างคงที่ ทั้งยอดขาย, กำไร, และ P/E การที่จำนวนหุ้นสามัญมากขึ้นก็จะทำให้กำไรต่อหุ้นลดลง ในขณะที่ P/E คงที่ก็จะทำให้มูลค่าตลาดของบริษัทนี้ลดลงครับ หมายความว่าราคาหุ้นที่เราซื้อมาก็จะลดลง
ชอบกันมั๊ยครับ ราคาหุ้นที่ซื้อมาลดลงลงไปเรื่อยๆ สนุกดีนะครับ ตอนที่ผมยังเป็น VI โง่ๆอยู่เคยซื้อหุ้นบริษัทหนึ่งตามเพื่อนครับ เห็นเขาบอกว่าปันผลดีทุกไตรมาศ ด้วยความโลภ อยากได้ปันผลเยอะๆ เลยซื้อตามเข้าไปโดยไม่รู้มาก่อนว่ามี Warrant ที่ออกมาก่อนหน้านั้นอยู่ด้วย และด้วยความโชคดีของผมครับ มันถึงระยะเวลาใช้สิทธิแปลง Warrant ได้พอดี คนก็แปลง Warrant เป็นหุ้นสามัญแล้วก็ขายทิ้งได้กำไรสองต่อ ผมก็ได้แต่นั่งมองราคาหุ้นลดลงทุกวันๆ โบรกเกอร์ของผมโทรมาบอกว่าไม่เป็นไร ใจเย็นๆ บริษัทนี้ปันผลทุกไตรมาศไม่ต้องห่วง ผมเป็นเด็กหัวอ่อนครับเลยทำตามคำแนะนำของโบรกที่แสนดีของผมด้วยการนั่งมองราคาหุ้นที่ผมถืออยู่ลดลงทุกวันๆตามเดิม (สนุกมากครับ ใครไม่เคยลองขอบอก มันเยี่ยมอย่าบอกใคร) สุดท้ายผมทนไม่ไหว หาหนังสือเกี่ยวกับ Warrant มาอ่านครับ จึงพบว่าการออก Warrant เป็นการทำลาย Shareholder Value ที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งนอกเหนือจากการเพิ่มทุนจดทะเบียน
ผมเลยตัดสินใจขายหุ้นบริษัทนั้นทิ้งทั้งหมดทันที ขาดทุนไป 20% ครับเป็นค่าโง่ที่แพงที่สุดที่ผมเคยจ่าย เลยจำไว้เป็นบทเรียนครับ
ส่วนการซื้อหุ้นคืนนั้น ในระยะยาวจะทำให้จำนวนหุ้นสามัญลดลงครับ ถ้าสมมุติฐานของเราเหมือนเดิม คือ ยอดขาย กำไร และ P/E เท่าเดิม บริษัทนี้ก็จะมีมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นครับ เพราะกำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้นด้วยยอดขายเท่าเดิม นั้นคือราคาหุ้นสูงขึ้น แต่มีข้อแม้ครับว่าบริษัทที่จะสามารถซื้อหุ้นคืนได้นั้นต้องมีเงินสดจำนวนมาก มากเกินกว่าที่จะนำไปลงทุนหรือทำอะไรอื่นๆให้บริษัทเติบโต (บางครั้งการซื้อหรือลงทุนในกิจการอื่นๆเพื่อให้บริษัทเติบโตขึ้นอาจจะไม่ทำให้มูลค่าของกิจการเพิ่มขึ้นก็ได้นะครับ เอาเงินมาซื้อหุ้นคืนจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นมากกว่า)
ดังนั้นบริษัทที่อาจารย์ Buffet ของผมถือหุ้นอยู่จะถูกอาจารย์ผมสะกดจิตให้ผู้บริหารทำการซื้อหุ้นคืนทุกบริษัทไป ไม่ว่าจะเป็น Coca-Cola, Gillette, Washington Post, ฯลฯ.
แต่เท่าที่ผมเห็นการซื้อหุ้นคืนตอนนี้ มักจะเป็นการ"อุ้ม"ราคาหุ้นของบริษัทตัวเองในระยะสั้นมากกว่าที่จะเป็นการคิดถึงผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นในระยะยาว เพราะการซื้อหุ้นคืนที่ดีจะต้องทำต่อเนื่องและสม่ำเสมอครับ
หวังว่าคุณพี่ CK คงเข้าใจเกี่ยวกับการซื้อหุ้นคืนของบริษัทมากขึ้นนะครับ
ส่วนประโยคที่พี่ครรชิตคัดลอกมานั้น เป็นคำตอบของอาจารย์ของผมต่อผู้ถือหุ้นครับในการประชุมประจำปีของ Berkshire ครับ คือมีผู้ถือหุ้นคนหนึ่งถามว่า ทำไม Berkshire ไม่ซื้อหุ้นของตัวเองคืน อาจารย์ผมตอบว่าเราจะซื้อหุ้น Berkshire คืนก็ต่อเมื่อราคาต่ำกว่า Intrinsic Value มากๆ และไม่รู้ว่าจะเอาเงินไปลงทุนทำอะไรแล้ว คงแถมประโยคที่บอกว่า ถ้ามีหุ้นที่ราคาถูกกว่าหุ้น Berkshire ในตลาดก็จะซื้อหุ้นคืน (ซึ่งบริษัทบ้าที่ไหนจะมีราคาหุ้นละ 3 ล้านบาทอย่างของบริษัทอาจารย์ผมละครับ) เพราะฉะนั้นคงต้องรออีกนานกว่า Berkshire จะซื้อหุ้นตัวเองคืน
สวัสดีครับ พบกันใหม่พรุ่งนี้
------------------------------------------------------
วิบูลย์-007
-
- Verified User
- โพสต์: 107
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 117
เพิ่งอ่านเอกสาร การลงทุนแบบเน้นคุณค่าของคุณมน (download จากหน้าหลักของ TVI - Investor Guide)
คุณมนเขียนไว้ว่า
"การกระทำที่สมเหตุสมผลที่สุดในการจัดการกับเงินทุนที่เหลือมากๆและไม่สามารถนำไปลงทุนใหม่ได้
คืนเงินทุนนั้นกลับสู่ผู้ถือหุ้น ซึ่งทำได้สองลักษณะ
- คืนในรูปเงินปันผล
- ซื้อหุ้นคืน
"
อย่างของบัฟเฟท์ที่คุณวิบูลย์บอกว่าจะซื้อเมื่อราคาต่ำกว่ามากๆ ก็เหมือนเป็นการลงทุนอย่างหนึ่งของ Berkshire ... ก็ซื้อหุ้นราคาถูกๆนั่นเอง (แต่เป็นหุ้นตัวเอง)
คุณมนเขียนไว้ว่า
"การกระทำที่สมเหตุสมผลที่สุดในการจัดการกับเงินทุนที่เหลือมากๆและไม่สามารถนำไปลงทุนใหม่ได้
คืนเงินทุนนั้นกลับสู่ผู้ถือหุ้น ซึ่งทำได้สองลักษณะ
- คืนในรูปเงินปันผล
- ซื้อหุ้นคืน
"
อย่างของบัฟเฟท์ที่คุณวิบูลย์บอกว่าจะซื้อเมื่อราคาต่ำกว่ามากๆ ก็เหมือนเป็นการลงทุนอย่างหนึ่งของ Berkshire ... ก็ซื้อหุ้นราคาถูกๆนั่นเอง (แต่เป็นหุ้นตัวเอง)
- ปรัชญา1
- Verified User
- โพสต์: 1092
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 118
สำหรับเพื่อนๆที่ยังไม่ได้อ่านคำตอบของผมถึงคุณพี่ปรัชญา ผมขออนุณาตคัดลอกลงมาเพื่ออ่านกันก่อนนะครับ คือพี่ปรัชญาถามผมว่าแกซื้อ Warrant ของบริษัทหนึ่งอยู่แล้วให้ผมช่วยดูให้หน่อยว่าเป็นอย่างไร (ที่ผมไม่ตอบแกจนแกงอนไงครับ สุดท้ายผมทนใจดำไม่ไหวเลยตอบไปเมื่อวันก่อน)
คำถามมีดังนี้
----------------------------------------------------------------------------
โพสต์เมื่อ: Sat Sep 06, 2003 11:32 am หัวข้อ: คุณวิบูลย์ครับ
ช่วยวิเคราะห์บริษัท ......... ให้หน่อยครับ
ว่าธุรกิจนี้มีความเสี่ยงอย่างไรบ้าง
หนี้สินเขาจะชำระหมดใช้เวลา1-3ปีหรือเปล่า
เผอิญผมกำลังสับสนว่า...ได้ซื้อWของเขาไว้เยอะ
จะได้รับข้อคิดความเห็นของคุณวิบูลย์
มาประกอบการตัดสินใจว่า จะแปลงเป็นหุ้นแม่ดีหรือเปล่า
หุ้นตัวนี้ซื้อเพราะรสนิยมครับ
ไม่ได้ตั้งใจซื้อเพราะปัจจัยพื้นฐานเลยครับ
ขอบคุณ ล่วงหน้าครับ
------------------------------------------------------------------------
ผมตอบกระทู้นั้นอย่างนี้ครับ
------------------------------------------------------------------------
โพสต์เมื่อ: Sun Sep 07, 2003 8:00 pm หัวข้อ:
พี่ปรัชญาครับ
ไม่ต้องน้อยใจครับ ผมตอบให้คร่าวๆแล้วกันครับ ปกติผมจะไม่ตอบกระทู้อื่นแค่วันนี้มีเวลามากหน่อย
ผมมีความรู้สึกไม่ดีกับ Warrant ครับในความเห็นของผม บริษัทที่ออก (แจก) Warrant มักจะทำไปเพื่อให้ราคาหุ้นสูงขึ้นครับ มากกว่าที่จะรักษาประโยชน์ของผู้ถือหุ้นระยะยาว เพราะเมื่อ Warrant convert มาเป็นหุ้นสามัญก็จะทำให้มีจำนวนหุ้นสามัญมากขึ้น ทำให้กำไรต่อหุ้นลดลง และ เกิด Dilution Effect กับผู้ถือหุ้นเดิมครับ
ผมจึงหลีกเลี่ยงที่จะลงทุนในบริษัทที่มี Warrant ครับ เพราะผมไม่อยากยุ่งยากคำนวณมูลค่าของบริษัทที่จะต้องนำ Warrant มาคำนวณด้วย มันยุ่งยากเกินไปครับ ผมเป็นคนขี้เกียจชอบทำอะไรง่ายๆครับ เลยเลิกยุ่งกับWarrant
ในกรณี บริษัท........... ผมไม่ค่อยรู้เรื่องบริษัทนี้ครับ รู้แต่ว่าเพิ่งเริ่มกำไรหลังจากขาดทุนมาหลายปี เป็นเจ้าของนสพ .......... ขวัญใจคนบ้าบอล มีหนี้สินพอสมควร รู้สึกจะมีการจ่ายปันผลไปตอนครึ่งปีเร็วๆนี้
สำหรับผม บริษัทนี้ไม่ผ่านคาถาข้อสองของผมครับ ผมถือว่าการออก Warrant ไม่เป็นการคิดถึงผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นระยะยาว ผมไม่โหวตผ่านให้ผู้บริหารครับ ถึงแม้ฐานะทางการเงินจะดีแค่ไหนก็ตาม
-------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------
วิบูลย์-007[/quote]
ไม่ได้งอน แต่คนแก่แอบน้อยใจครับ
เห็นเก่งเรื่องวิเคราะห์ บางทีคนเราถอนตัวไม่ออก
หนทางก็ตีบตัน หันไปถามคุณเล็ก ถามคุณฉัตรชัย
เลยหันมาถามคุณวิบูลย์ ชอบเห็นกระจกหลายๆด้านครับ
มันจะสะท้อนออกมา หลายๆทาง
ยังติดตามมาอ่านอยู่นะครับ
คิดว่าคงถึง1000คำตอบ
ตอนนี้120คำตอบแล้ว
พรุ่งนี้เย็นจะตามมาอ่านและเก็บสิ่งต่างๆอีกครับ
ด้วยความนับถือครับ
คำถามมีดังนี้
----------------------------------------------------------------------------
โพสต์เมื่อ: Sat Sep 06, 2003 11:32 am หัวข้อ: คุณวิบูลย์ครับ
ช่วยวิเคราะห์บริษัท ......... ให้หน่อยครับ
ว่าธุรกิจนี้มีความเสี่ยงอย่างไรบ้าง
หนี้สินเขาจะชำระหมดใช้เวลา1-3ปีหรือเปล่า
เผอิญผมกำลังสับสนว่า...ได้ซื้อWของเขาไว้เยอะ
จะได้รับข้อคิดความเห็นของคุณวิบูลย์
มาประกอบการตัดสินใจว่า จะแปลงเป็นหุ้นแม่ดีหรือเปล่า
หุ้นตัวนี้ซื้อเพราะรสนิยมครับ
ไม่ได้ตั้งใจซื้อเพราะปัจจัยพื้นฐานเลยครับ
ขอบคุณ ล่วงหน้าครับ
------------------------------------------------------------------------
ผมตอบกระทู้นั้นอย่างนี้ครับ
------------------------------------------------------------------------
โพสต์เมื่อ: Sun Sep 07, 2003 8:00 pm หัวข้อ:
พี่ปรัชญาครับ
ไม่ต้องน้อยใจครับ ผมตอบให้คร่าวๆแล้วกันครับ ปกติผมจะไม่ตอบกระทู้อื่นแค่วันนี้มีเวลามากหน่อย
ผมมีความรู้สึกไม่ดีกับ Warrant ครับในความเห็นของผม บริษัทที่ออก (แจก) Warrant มักจะทำไปเพื่อให้ราคาหุ้นสูงขึ้นครับ มากกว่าที่จะรักษาประโยชน์ของผู้ถือหุ้นระยะยาว เพราะเมื่อ Warrant convert มาเป็นหุ้นสามัญก็จะทำให้มีจำนวนหุ้นสามัญมากขึ้น ทำให้กำไรต่อหุ้นลดลง และ เกิด Dilution Effect กับผู้ถือหุ้นเดิมครับ
ผมจึงหลีกเลี่ยงที่จะลงทุนในบริษัทที่มี Warrant ครับ เพราะผมไม่อยากยุ่งยากคำนวณมูลค่าของบริษัทที่จะต้องนำ Warrant มาคำนวณด้วย มันยุ่งยากเกินไปครับ ผมเป็นคนขี้เกียจชอบทำอะไรง่ายๆครับ เลยเลิกยุ่งกับWarrant
ในกรณี บริษัท........... ผมไม่ค่อยรู้เรื่องบริษัทนี้ครับ รู้แต่ว่าเพิ่งเริ่มกำไรหลังจากขาดทุนมาหลายปี เป็นเจ้าของนสพ .......... ขวัญใจคนบ้าบอล มีหนี้สินพอสมควร รู้สึกจะมีการจ่ายปันผลไปตอนครึ่งปีเร็วๆนี้
สำหรับผม บริษัทนี้ไม่ผ่านคาถาข้อสองของผมครับ ผมถือว่าการออก Warrant ไม่เป็นการคิดถึงผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นระยะยาว ผมไม่โหวตผ่านให้ผู้บริหารครับ ถึงแม้ฐานะทางการเงินจะดีแค่ไหนก็ตาม
-------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------
วิบูลย์-007[/quote]
ไม่ได้งอน แต่คนแก่แอบน้อยใจครับ
เห็นเก่งเรื่องวิเคราะห์ บางทีคนเราถอนตัวไม่ออก
หนทางก็ตีบตัน หันไปถามคุณเล็ก ถามคุณฉัตรชัย
เลยหันมาถามคุณวิบูลย์ ชอบเห็นกระจกหลายๆด้านครับ
มันจะสะท้อนออกมา หลายๆทาง
ยังติดตามมาอ่านอยู่นะครับ
คิดว่าคงถึง1000คำตอบ
ตอนนี้120คำตอบแล้ว
พรุ่งนี้เย็นจะตามมาอ่านและเก็บสิ่งต่างๆอีกครับ
ด้วยความนับถือครับ
ฝันถึง วัน ฟ้าสวย...... อยากร่ำรวย-ด้วยเล่นหุ้น
ฝัน เป็น นักลงทุน..... ลุ้นความหวัง-ความตั้งใจ
ฝัน เป็น นักลงทุน..... ลุ้นความหวัง-ความตั้งใจ
-
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 119
พี่ปรัชญาครับ
ผมไม่เก่งวิเคราะห์เท่าคุณฉัตรชัยหรอกครับ (ขอเฉลย-ผมเป็นรุ่นน้องคุณฉัตรชัยครับ แก Personal Message มาคุยนับญาติกับผมแล้วครับ) ถ้าถามผมผมก็จะบอกว่า พี่แกเล่นแกะชนิดที่ฝรั่งเรียกว่า Scrutinize จนพรุนไปหมดเลยครับ ส่วนของผมเป็นแค่การ Investigate ครับตัวสมุดบัญชีเลยยังไม่ขาด ผมคงสู้พี่เขาไม่ได้ในเรื่องนี้
ต้องขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านครับ ผมชักตัวสั่นแล้ว กลัวชาวบ้านจับได้ว่าปล่อยไก่ไปหลายตัว ใครอยากรู้อะไรส่งคำถามมาได้ครับ ตอนนี้ขอไปประชุมก่อน
----------------------------------------------------------------------------
วิบูลย์-007
ผมไม่เก่งวิเคราะห์เท่าคุณฉัตรชัยหรอกครับ (ขอเฉลย-ผมเป็นรุ่นน้องคุณฉัตรชัยครับ แก Personal Message มาคุยนับญาติกับผมแล้วครับ) ถ้าถามผมผมก็จะบอกว่า พี่แกเล่นแกะชนิดที่ฝรั่งเรียกว่า Scrutinize จนพรุนไปหมดเลยครับ ส่วนของผมเป็นแค่การ Investigate ครับตัวสมุดบัญชีเลยยังไม่ขาด ผมคงสู้พี่เขาไม่ได้ในเรื่องนี้
ต้องขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านครับ ผมชักตัวสั่นแล้ว กลัวชาวบ้านจับได้ว่าปล่อยไก่ไปหลายตัว ใครอยากรู้อะไรส่งคำถามมาได้ครับ ตอนนี้ขอไปประชุมก่อน
----------------------------------------------------------------------------
วิบูลย์-007