(ยังไม่มีใครตั้ง) ผลตอบแทน 2554 เป็นอย่างไงกันบ้าง

[Li Kim Hong]

ตอนแรกก็คิดว่าจะติดลบ แต่พอคำนวนจริงๆก็กำไรแฮะ+11%
สาเหตุอาจเป็นเพราะเปลี่ยนตัวมากไปหน่อย กลายเป็น
ขายหมูไปซื้อกระบือมา

[leky]

การเปรียบเทียบคงดูได้แค่คร่าว ๆ เท่านั้นครับ เพราะขึ้นอยู่กับช่วงระยะเวลา การเติมเงินลงในพอร์ตหรือเอาเงินออก ฯลฯ ซึ่งถ้าใช้คนละวิธีก็คงจะเปรียบเทียบกันลำบากเหมือนกันครับ

ใช้วิธี XIRR สิครับ ไม่ใช่คร่าวๆ แต่ละเอียดเลย

http://board.thaivi.org/search.php?keyw ... mit=Search

ใช้อยู่ครับ และอยากแนะนำให้คนอื่นใช้ด้วยเหมือนกัน เพราะมีใน excell อยู่แล้วและตัดปัญหาเรื่องเงินไหลเข้าออกได้ ผลตอบแทนจะเป็นแบบทบต้นต่อปี แต่ถ้าลงทุนไม่ถึงปีก็คิดเทียบออกมาเป็นระยะเวลาที่ลงทุนอีกทีครับ

ประเด็นเรื่องการโพสต์แล้วกลัวว่าจะมาอวดอ้างสร้างชื่อเสียงกัน มุมมองผมคนที่เข้ามาลงทุนแล้วเสพข้อมูลก็ต้องรู้จักใช้วิจารณญาณของตัวเองครับ จะว่าไปไม่ว่าใครที่อวดอ้างนั้นจะมีชื่อเสียงหรือไม่มี จะใช้สื่อทางอินเตอร์เน็ตหรือทีวี เราก็ต้องฟังหูไว้หู เพราะผมเชื่อว่าเรื่องดี ๆ เค้ามักพูด เรื่องไม่ดีเค้าก็ไม่อยากพูดหรือพูดบิดเบือน เค้าจะมีเจตนาดีหรือร้ายเราคงบอกไม่ได้หรอกครับ ยิ่งสื่อทางอินเตอร์เน็ตนี่ ถ้าใครเชื่อเพียงเพราะเค้าว่าเค้าทำผลตอบแทนได้เท่านั้นเท่านี้ ทั้ง ๆ ที่เราไม่เคยเห็นหน้าไม่ทราบประวัติ แต่กลับกล้าเอาเงินของเราไปซื้อความน่าเชื่อถือของเค้า ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วล่ะครับ

ผมมองว่าเรื่องผลตอบแทนคุยกันเล่น ๆ ได้ ครับ อย่าซีเรียส แต่มันจะมีประโยชน์มากกว่าถ้าเราทราบว่าเค้าทำไมถึงทำผลตอบแทนได้ดีหรือแย่ ถ้าเราลงทุนอยู่คนเดียวแล้วไม่รู้ว่าคนอื่นเค้าเป็นยังไงมันก็เหมือนไม่มีแรงกระตุ้นให้เราพัฒนาครับ แต่เท่าที่ผมสังเกตความเห็นที่โพสต์กัน ส่วนใหญ่ยังมีการเข้า ๆ ออก ๆ หุ้นที่ค่อนข้างเร็วนะครับ ซึ่งฟังดูแล้วคนที่โพสต์ก็ยอมรับว่าผลเสียที่ได้รับมากกว่าผลดี

[leky]

ผมลบ 22% ครับ (ขนาดซื้อถัวแล้วนะครับเนี้ย)
สาเหตุเท่าที่คิดได้ 1.ไม่กระจายความเสี่ยง (ทั้งพอร์ตมี 2 ตัว)
2.ซื้ออีกเหตุผลหนึ่งแต่ขายอีกเหตุผลหนึ่ง
3.วิเคราะห์อนาคตของธุรกิจอย่างมี bais
4.กลัวในตอนที่คนอื่นกลัว และ โลภในตอนที่คนอื่นก็โลภ

สรุปคือยังไม่เข้าใจถึงแก่นของ vi และยังไม่สามารถเอาชนะธรรมชาติของความเป็นมนุษย์ได้ ( ความโลภ ความกลัว ) จะพยายามต่อไปอย่างแน่นอนครับ สวัสดีปีใหม่ทุกท่านครับ

ถ้าซื้อถัวแล้วยังลบ 22% แนะนำว่าให้เอาหุ้นตัวนั้นกลับมาวิเคราะห์ใหม่ครับ ว่าเราผิแดพลาดตรงไหนครับ ถ้ากิจการมีปัญหาแต่เราตีประเด็นไม่ออก ยิ่งซื้อถัวกลับยิ่งอันตรายครับ

[Ii'8N]

ผมเห็นว่า เราควรที่จะยึดวีไอที่น่าเชื่อถือ และเป็นตัวอย่างที่ดี
มีหลักการที่แน่นอน อย่างเช่น ท่านอาจารย์ ดร นิเวศน์ ท่านอาจารย์ไพบูลย์
และวีไอท่านอื่นๆ ที่เรารู้จักดีและเอาเขามาเป็นต้นแบบ ในการเปรียบเทียบกับของเรา
เพื่อการพัฒนาของตัวเราเอง

สำหรับท่านอาจารย์ ดร นิเวศน์
หากมองเฉพาะ CPALL เพียงบริษัทฯเดียวเท่านั้น!!!
เราก็พอจะคำนวณผลตอบแทนแบบคร่าวๆ (จากการถือลงทุนระยะยาว) ได้คือ...
30 ธ.ค. 53 ราคาปิดที่ 39.25 บาท
30 ธ.ค. 54 ราคาปิดที่ 51.75 บาท
ก็น่าจะได้ผลตอบแทนประมาณ = 31.8% ครับผม (*** ไม่รวมเงินปันผล)

ผมเพิ่ง post ทั้ง port ของอาจารย์ไว้ใน http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=50817

ผมพบว่า port อ.นิเวศน์จริง สูงกว่าที่เรารู้กันหรือกว่าที่เห็นประกาศในตลาด
เพราะหุ้นปันผล HMPRO จะออกมาหลังปิดสมุด
ปิดสมุด 2555 ครั้งต่อไป เราถึงจะเห็นตัวเลขล่าสุด
แต่ก็คำนวณได้เ้อง 7:1


ปรากฎว่า ช่วงราวปลายสิงหา ต้นกันยาที่ตลาด peak
แล้วปลั๊กหลุด ตลาดร่วง ของอ.นิเวศน์ ก็ตกลงไปราว 14%

มาเทียบกับปลายธันวา port คนส่วนใหญ่ตก
แต่ของอ.นิเวศน์ กลับสูงกว่าเดิม เพราะ CPALL เด้งกลับมาเกือบเท่าเดิม แล้ว HMPRO ก็ได้หุ้นเพิ่ม

แปลว่า ตอนนี้ port ดร.เรา เกือบ 2.1 ล้านแล้ว แต่ที่ประกาศในตลาด ราว 2.04 ล้าน ถ้าคิด HMPRO จำนวนหุ้นที่ปิดสมุดครั้งก่อน

[Ii'8N]

ผมเห็นว่า เราควรที่จะยึดวีไอที่น่าเชื่อถือ และเป็นตัวอย่างที่ดี
มีหลักการที่แน่นอน อย่างเช่น ท่านอาจารย์ ดร นิเวศน์ ท่านอาจารย์ไพบูลย์
และวีไอท่านอื่นๆ ที่เรารู้จักดีและเอาเขามาเป็นต้นแบบ ในการเปรียบเทียบกับของเรา
เพื่อการพัฒนาของตัวเราเอง

สำหรับท่านอาจารย์ ดร นิเวศน์
หากมองเฉพาะ CPALL เพียงบริษัทฯเดียวเท่านั้น!!!
เราก็พอจะคำนวณผลตอบแทนแบบคร่าวๆ (จากการถือลงทุนระยะยาว) ได้คือ...
30 ธ.ค. 53 ราคาปิดที่ 39.25 บาท
30 ธ.ค. 54 ราคาปิดที่ 51.75 บาท
ก็น่าจะได้ผลตอบแทนประมาณ = 31.8% ครับผม (*** ไม่รวมเงินปันผล)

ผมเพิ่ง post ทั้ง port ของอาจารย์ไว้ใน http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=50817

ผมพบว่า port อ.นิเวศน์จริง สูงกว่าที่เรารู้กันหรือกว่าที่เห็นประกาศในตลาด
เพราะหุ้นปันผล HMPRO จะออกมาหลังปิดสมุด
ปิดสมุด 2555 ครั้งต่อไป เราถึงจะเห็นตัวเลขล่าสุด
แต่ก็คำนวณได้เ้อง 7:1


ปรากฎว่า ช่วงราวปลายสิงหา ต้นกันยาที่ตลาด peak
แล้วปลั๊กหลุด ตลาดร่วง ของอ.นิเวศน์ ก็ตกลงไปราว 14%

มาเทียบกับปลายธันวา port คนส่วนใหญ่ตก
แต่ของอ.นิเวศน์ กลับสูงกว่าเดิม เพราะ CPALL เด้งกลับมาเกือบเท่าเดิม แล้ว HMPRO ก็ได้หุ้นเพิ่ม

แปลว่า ตอนนี้ port ดร.เรา เกือบ 2.1 ล้านแล้ว แต่ที่ประกาศในตลาด ราว 2.04 ล้าน ถ้าคิด HMPRO จำนวนหุ้นที่ปิดสมุดครั้งก่อน

Port Dr.Niwet.JPG

[1000]

ปีที่แล้วติดลบประมาณ 8 % ครับ สาเหตุมาจากการซื้อขายบ่อยไป

[chootana]

ผมลบ 22% ครับ (ขนาดซื้อถัวแล้วนะครับเนี้ย)
สาเหตุเท่าที่คิดได้ 1.ไม่กระจายความเสี่ยง (ทั้งพอร์ตมี 2 ตัว)
2.ซื้ออีกเหตุผลหนึ่งแต่ขายอีกเหตุผลหนึ่ง
3.วิเคราะห์อนาคตของธุรกิจอย่างมี bais
4.กลัวในตอนที่คนอื่นกลัว และ โลภในตอนที่คนอื่นก็โลภ

สรุปคือยังไม่เข้าใจถึงแก่นของ vi และยังไม่สามารถเอาชนะธรรมชาติของความเป็นมนุษย์ได้ ( ความโลภ ความกลัว ) จะพยายามต่อไปอย่างแน่นอนครับ สวัสดีปีใหม่ทุกท่านครับ

ถ้าวิเคราะห์หุ้นเหมือนกับวิเคราะห์ตัวเองได้ คุณก็เก่งครับ วิเคราะห์แก่นของ vi ออกมา แต่เทคนิคต้องเฉพาะตัวครับ หาวิธีที่ถูกต้องกับตัวเองมากที่สุด

[drsp]

viในเวบนี้มีหลายแบบ
บางคนถือหุ้นlow p/e สภาพคล่องน้อย กินปันผลเป็นหลัก อาจได้ปีละ10-15%
บางคนเล่นหุ้น growth หุ้นturn around อาจได้ปีละ30-40%
บางคนaggressive ถือหุ้นตัวเดียว เล่นมาร์จิ้น อาจได้ปีละ100%
เพราะฉะนั้น ผลตอบแทนปีเดียวแทบไม่บอกอะไรเลย
คนที่เล่นเสี่ยงน้อยในระยะยาวอาจผลตอบแทนดีกว่าคนเสี่ยงมากก็ได้ เหมือน อจ นิเวศน์
คนที่ได้กําไรปีนี้มาก มาโชว์ตัวเลขเก่งขั้นเทพ ปีหน้าอาจไม่กล้ามาโชว์แล้วใครจะรู้
ผมเชื่อว่าหลายคนมีเจตนาดี แต่ก็มีหลายคนโม้ผลงานเพื่อข่มหรือเกทับคนอื่น
ผมจึงเห็นด้วยกับคุณdomeว่าผลงานปีเดียวไม่บอกอะไร
และอาจมีข้อเสียมากว่าข้อดี
หาแนวทางของตัวเองให้เจอ แล้วพัฒนาไปในทาางของตัวเอง
น่าจะดีกว่าไปเทียบกับคนอื่น

[pak]

หาแนวทางของตัวเองให้เจอ แล้วพัฒนาไปในทาางของตัวเอง
น่าจะดีกว่าไปเทียบกับคนอื่น

เห็นด้วยกับคุณ drsp ในประเด็นนี้ครับ
เพราะมีบทความชิ้นหนึ่งที่ผมชอบมากๆ ผมเคยอ่านเจอใน cway-Investment
เค้าเขียนไว้อย่างน่าอ่าน(และน่าขบคิด) ว่า...

"ผมกล้ายืนยันได้เลยว่า แท้จริงแล้วเราไม่ได้แข่งกับรายใหญ่ เราไม่ได้แข่งกับเจ้ามือ
แต่เราแข่งกับตัวเอง การเล่นหุ้น หรือการลงทุนระยะสั้นคล้ายกับการเล่นกอล์ฟ นั้นคือเราต้องแข่งกับตัวเอง
แม้จะตีออกรอบกับหลายคน เราไม่ได้นำพละกำลัง หรือทักษะไปแข่งขันโดยตรงกับคู่แข่ง
แต่กอล์ฟเน้นไปที่การตีให้ดีที่สุด ชนะความกดดัน ทำทุกช็อตให้สมบูรณ์แบบที่วางแผนไว้
แตกต่างจากมวย ที่เน้นการประหัดประหาร เอาชนะกันแบบหมัดต่อหมัด
เพราะฉนั้นเมื่อการเล่นหุ้น คล้ายการเล่นกอล์ฟ คุณจะไปกังวลทำไมว่า
คู่ต่อสู้จะตัวใหญ่ ตีไกล หรือแข็งแรงแค่ไหน
เพียงแค่ทำให้ดีที่สุด เล่นให้เกมส์ที่เราวางแผนไว้ ก็เพียงพอแล้ว..."
================================================
Credit บทความ : cway-Investment
ที่มา : http://cway-investment.blogspot.com/201 ... st_16.html[/quote][/quote]

[leonleon]

ของผมได้ ROE 21.25%
ROA 14.35% ครับ

ข้อผิดพลาดปีที่ผ่านมา
1. ไม่ขยันทำการบ้าน
2. ไม่รู้จักหุ้นใหม่ๆเพิ่มเลย
3. ไม่ค่อยหาความรู้เพิ่ม
4. ช่วงหุ้นเหวี่ยงขึ้นลงแรงๆ จิตใจไม่นิ่ง
5. ออมเงินได้น้อยมาก

ฯลฯ ยังไม่อีกเยอะ T T

[pak]

จงสร้าง "วงสวิงที่ดีที่สุดสำหรับตัวเราเอง"
โดย "วงสวิงของคนอื่น" นั้น เราเพียงแค่ "เรียนรู้" มิใช่ "ลอกเลียน"!!!
วงสวิงที่ดี ต้องมีการผสมผสาน และมีสัดส่วนที่กลมกล่อมลงตัวสำหรับตัวเราเองเท่านั้น

หลับตาลง และจงสร้างวงสวิงที่ดีที่สุดและเหมาะสมที่สุดสำหรับตัวเราเอง
ถ้าเราสามารถทำได้อย่างดีตามที่เราวางแผนไว้แล้ว เหตุใดจะต้องนำไปเปรียบเทียบกับผู้อื่น...จริงไหมครับ?

วงสวิง KAMART หรือ วงสวิง APCO...ช่างน่าตื่นตายิ่งนัก
แต่ผมมักท่องในใจเสมอ ว่า...
"มันไม่ใช่วงสวิงของเรา!!!
และเราควรจะพลอยมีความสุขไปกับผู้อื่นด้วย เมื่อเห็นว่าเค้าได้ดี(โดยพยายามให้ปราศจากความอิจฉาทั้งปวง)"
เมื่อคิดได้แค่นี้ เราก็จะกลับมามีสมาธิที่ "วงสวิง" ของเราเอง
โดยเก็บบทเรียนจากวงสวิงของเค้าไว้...เท่านั้นเอง

...ผมคิดแบบนั้นนะ


ปล.
คนที่เป็นกำไรเป็นพันๆเปอร์เซนต์ยังไม่ได้มาโพสต์นะเนี๊ยะ
ที่ http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 34284.html
แซวเล่นขำๆครับ ^ ^

[pak]

"...Why do you have to be like others?"



pak
(^_^)

[trytobevi]

ของผมเข้าตลาดมาตอนสิงหาครับ ตอนนี้บวก 16% ครับ
แต่ต่อไปยังไม่แน่ใจครับ ^^' ความรู้ยังน้อยมากครับตอนนี้
ที่บวกได้คิดว่าโชคดีมากกว่า

[waririn]

-1%
เข้ามาเดือนตุลาคมค่ะ
เพิ่งเอาเข้าพอร์ต 2 ตัว
ตัวแรก ซื้อด้วยความร้อนวิชา รีบเข้าไปหน่อย + คิดน้อย ตัวนี้ลากพอร์ตติดลบมากมาย
ตัวที่สอง ซื้อแบบมีสติขึ้น ตัวนี้บวกกู้ชีวิตค่ะ แต่ผลรวมก็ยังติดลบอยู่ดี

ขอบคุณ tvi ที่ทำให้ลงทุนแบบมีสติมากขึ้นค่ะ

[ohiotour]

ผมลบ 22% ครับ (ขนาดซื้อถัวแล้วนะครับเนี้ย)
สาเหตุเท่าที่คิดได้ 1.ไม่กระจายความเสี่ยง (ทั้งพอร์ตมี 2 ตัว)
2.ซื้ออีกเหตุผลหนึ่งแต่ขายอีกเหตุผลหนึ่ง
3.วิเคราะห์อนาคตของธุรกิจอย่างมี bais
4.กลัวในตอนที่คนอื่นกลัว และ โลภในตอนที่คนอื่นก็โลภ

สรุปคือยังไม่เข้าใจถึงแก่นของ vi และยังไม่สามารถเอาชนะธรรมชาติของความเป็นมนุษย์ได้ ( ความโลภ ความกลัว ) จะพยายามต่อไปอย่างแน่นอนครับ สวัสดีปีใหม่ทุกท่านครับ

ถ้าวิเคราะห์หุ้นเหมือนกับวิเคราะห์ตัวเองได้ คุณก็เก่งครับ วิเคราะห์แก่นของ vi ออกมา แต่เทคนิคต้องเฉพาะตัวครับ หาวิธีที่ถูกต้องกับตัวเองมากที่สุด

ขอบคุณมากครับผมจะพยายามพัฒนาตัวเองต่อไปครับ
ตอนนี้ผมก็พยายามสร้างวินัยในการลงทุนให้กับตัวเองครับ ผมว่าเรื่องวินัยการลงทุนมีความสำคัญที่สุดนะครับไม่ว่าจะลงทุนแนวไหน ถ้าพูดถึงหลักการๆลงทุน แนว vi. ผมว่าทุกท่านก็ทราบเหมือนกันเท่า ๆ กัน แนวทางหลักๆ หรือ หลักการที่สำคัญ ก็มีหลายท่านแนวนำและให้แนวทางไว้อยู่แล้ว ลองคิดดูสิครับ ถ้ารู้หลักการเท่าๆกันแต่ผลงานทำไมต่างกันริบลับ สำหรับผม ๆ ว่าวินัยครับสำคัญที่สุดทั้งวินัยการลงทุนและวินัยในการดำเนินชีวิต ผมจึงวิเคาะห์ตัวเองว่าผมต้องฝึกและให้ความสำคัญกับคำว่า วินัย ให้มากขึ้นครับ โดยผมจะเริ่มจาก เปิดดูราคาตลาดเฉพาะหลังเที่ยงครึ่งและอีกทีหลังสี่โมงครึ่งครับ ยกเว้นมีเงินและตั้งใจจะซื่อจะขายวันไหนค่อยเฝ้าดูราคาเพื่อหาจังหวะครับ ไตรมาส1 นี้ผมจะพยายามสร้างวินัยข้อนี้ก่อนครับ ถ้าได้ค่อยว่ากันเรื่องอื่นต่อไปครับ ผมจะพยายามครับ ขอบคุณมากครับ

[chikojung]

ของผมประมาณเสมอตัว ทั้งๆที่เคยได้เกือบ 25%. ตอนวิกฤตยุโรปคุมสติไม่อยู่ เละเทะเลยครับ

[ลูกเต่า]

ท่าน ว.วชิรเมธี ใจที่รู้จักพอ

http://www.youtube.com/watch?v=HB-SlYYDMcE

[raiden]

ชอบโพสของเฮียผักจังเลยคับ

อ่านไปมันจะมีหุ้นต่าง ๆ นา ๆ ลอยมาให้ตามเก็บเสมอเลย

[chinn]

+ 110% กว่าๆ ครับ

ปี 2553 ตั้งใจว่าจะเลิกเล่นหุ้นแล้ว

แต่ เบื่อพนักงานแบงค์ โทรหาเงินฝากกันจัง

ให้ปรับไปถือนั่นนี่ สุดท้ายถอนไปฝากไว้ในหุ้นดีกว่า คุยกับมาร์คนเดียวพอ

ช่วงต้นปี 2554 เลยเริ่มหาหุ้น มองง่ายๆ เข้า web ที่ ranking stock กด dividend

มองผ่านๆ ดูว่าอะไรธุรกิจนิ่งๆ แล้วเราเข้าใจเจอ 2 อุต คือ ไฟฟ้า กับ มือถือ

คัดเลือกหุ้นมา มี advance dtac glow ratch egco

ทำการศึกษา 1 คืนเต็ม dtac ถูกมากที่สุด เมื่อมองจาก กระแสเงินสด

บวกกับมองsmart phone ผ่าน demographic

การใช้data ต้องไปไกลกว่านี้แน่ๆ

ตอนนั้นแฟนจับเล่น smart phone แล้วเลยเข้าใจ

ว่าคนเห็น แต่ยังไม่มีก็ต้องอยากได้แน่ๆ

ปันผลต่ำๆ ก็ 7% มองกระแสเงินสดเงินเหลือเยอะมาก ไปดู telenor เห็นว่ามีปัญหาที่อินเดียกับบังคลาเทศ

เดาว่า คงมีปันผลพิเศษแน่ๆ จากกระแสเงินสดที่เหลือมากเกินกว่าจะทำ 3g และปัญหา nominee กับ เงินลงทุนที่อินเดีย

วันที่เริ่มทำการศึกษา ราคาอยู่42 ได้ซื้อ 48-55 ก็ซื้อ ยังคุ้ม ซื้อตัวเดียว + margin

ราคาที่ 72-80 มีการลด เงินกู้ เพราะใกล้เป้าหมาย+เจอหุ้นเป้าหมายใหม่จึง ดึงทุนกลับ

พอประกาศปันผลพิเศษจริง ก็ขายหมด ไม่ค่อยอยากได้ xd เพราะ dividend มีคนอยากได้กันเยอะ

ทำให้ขายหุ้นได้ง่าย หลัง xd กลัวคนไม่อยากได้กันแล้ว

จบละครับเหตุการณ์ปีที่แล้ว ไว้ปีหน้ามาตั้งกระทู้ใหม่ คงมีเรื่องมาเล่าใหม่

[dome@perth]

+ 110% กว่าๆ ครับ

ปี 2553 ตั้งใจว่าจะเลิกเล่นหุ้นแล้ว

แต่ เบื่อพนักงานแบงค์ โทรหาเงินฝากกันจัง

ให้ปรับไปถือนั่นนี่ สุดท้ายถอนไปฝากไว้ในหุ้นดีกว่า คุยกับมาร์คนเดียวพอ

ช่วงต้นปี 2554 เลยเริ่มหาหุ้น มองง่ายๆ เข้า web ที่ ranking stock กด dividend

มองผ่านๆ ดูว่าอะไรธุรกิจนิ่งๆ แล้วเราเข้าใจเจอ 2 อุต คือ ไฟฟ้า กับ มือถือ

คัดเลือกหุ้นมา มี advance dtac glow ratch egco

ทำการศึกษา 1 คืนเต็ม dtac ถูกมากที่สุด เมื่อมองจาก กระแสเงินสด

บวกกับมองsmart phone ผ่าน demographic

การใช้data ต้องไปไกลกว่านี้แน่ๆ

ตอนนั้นแฟนจับเล่น smart phone แล้วเลยเข้าใจ

ว่าคนเห็น แต่ยังไม่มีก็ต้องอยากได้แน่ๆ

ปันผลต่ำๆ ก็ 7% มองกระแสเงินสดเงินเหลือเยอะมาก ไปดู telenor เห็นว่ามีปัญหาที่อินเดียกับบังคลาเทศ

เดาว่า คงมีปันผลพิเศษแน่ๆ จากกระแสเงินสดที่เหลือมากเกินกว่าจะทำ 3g และปัญหา nominee กับ เงินลงทุนที่อินเดีย

วันที่เริ่มทำการศึกษา ราคาอยู่42 ได้ซื้อ 48-55 ก็ซื้อ ยังคุ้ม ซื้อตัวเดียว + margin

ราคาที่ 72-80 มีการลด เงินกู้ เพราะใกล้เป้าหมาย+เจอหุ้นเป้าหมายใหม่จึง ดึงทุนกลับ

พอประกาศปันผลพิเศษจริง ก็ขายหมด ไม่ค่อยอยากได้ xd เพราะ dividend มีคนอยากได้กันเยอะ

ทำให้ขายหุ้นได้ง่าย หลัง xd กลัวคนไม่อยากได้กันแล้ว

จบละครับเหตุการณ์ปีที่แล้ว ไว้ปีหน้ามาตั้งกระทู้ใหม่ คงมีเรื่องมาเล่าใหม่

สุดยอดนักลงทุน แสดงความยินดีด้วยครับคุณ ชิณณ์

[Ii'8N]

เห็นคุณ chinn ทั้งใน pantip และ TVI ตั้งแต่ห้อง JAS มา DTAC
ตอนแรกนึกไม่ออก ว่าเคยผ่านตาเห็นเล่าประสบการณ์ตอนไหน

พอไปดูกระทู้ห้องคุณค่า เลยพอนึกออก

ประสบการโชกโชน ครบเครื่องจริงๆ


http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... &start=186

อายุ 29ครับ ไม่ทำงาน และไม่กลับไปทำงานประจำอีกแล้ว

ลาออกมาตอน Port 20 ล้านกว่าๆ

...........................
เส้นทาง สร้าง Port

เริ่มทำงานที่ธนชาต 18 กุมภาพันธ์ 2546

ได้ค่าคอมช่วงตลาด Boom  เดือน 7-8-9 เดือนละเกือบแสน

เอาเงินทั้งหมดไป  ซื้อ Psl 10บาท ขาย 48บาท

ต้นปี 2547 ทำให้Port เป็น 1.2 ล้าน


หลังจากนั้น พ่อแม่ เติมเงินให้ 2 ล้าน เป็น 3.2 ล้าน

Port นิ่ง อยู่หลาย2-3ปี เพราะถือ JAS ได้กำไรนิดหน่อย

เดือน8 ปี 51 ทำ Pair Trade  JAS กับ ACL

ไปจนถึงเดือน 7 ปี 2551 มูลค่า Port เป็น 5.8 ล้านบาท



เดือน7 ปี 2551 ซื้อACL 4 บาท แต่หุ้นลง

จึง Short ทุกราคาจนถึง2 บาท

(บังเอิญรู้จัก DSM เลยขายตอนACL หลุด Low)

หลังจากนั้น ซื้อคืนหุ้น และกู้ Margin ซื้อ แบบราคา ขึ้นก็ซื้อ เพิ่ม

ทุกราคาตั้งแต่ 1.24 จนถึง 5 บาท โดยกันความเสี่ยงทุก STEP

เดือน 7 ปี 2552 เอาหุ้นทั้งหมดขายที่ 7 บาท

ได้เงิน 28 ล้านบาท จึงลาออกจากงานประจำ

เพื่อมาพักผ่อนและ ลงทุนอย่างเดียว

...........................................................

ตอนนี้ ถือ JAS เพื่อรอปันผลในอนาคต

และทำ Port แบบสร้างกระแสเงินสด หารายได้ชดเชย

ส่วนเหลือจาก กิน ใช้ ก็เอามาสะสมหุ้นเพิ่ม

ชีวิต อิสระมากขึ้น ตื่นสายก็ได้ นอนทั้งวันก็ได้

มีเวลาออกกำลังกาย

เที่ยวศูนย์การค้า ช่วงที่คนทำงานได้เต็มที่ เดินสบาย

แต่มีเรื่องให้คิดให้วางแผนเหมือนเดิม

เพราะลงทุนในหุ้นเป็นอาชีพหลัก ตั้งแต่แรก

ส่วน งานหลักก็เป็นแค่อาชีพเสริมมาหลายปีแล้ว

..........................................

ปัญหาใหญ่ประจำวันคือ เที่ยงนี้กินไรดีว้า

:lol:  :lol:  :lol:

[charonp]

ลบไป 10 % ครับ

1.ทะลึ่งกับ IPO
2.ใจร้อน ไม่รอความชัดเจนของผลกำไร ขาดทุน ประเมินแบบลวก ๆ เชื่อข้อความในเวบบอร์ดมากเกินไป
3.มองแต่ upside ไม่สนใจ downside จึงขาดทุน

เริ่มลงทุนสองเดือน ค่าครูไป 10 %

[picklife]

ขอตั้งกระทู้ที่เกี่ยวกับผลตอบแทนของการลงทุนของนักลงทุนแนว TVI
ว่าได้รับผลตอบแทนกันเท่าไร

ปีนี้ไม่มีทำแบบสำรวจผลตอบแทนเพราะกลัวผิดกฎมั้งครับ แต่ถ้าตั้งกระทู้เฉยๆไม่ได้ทำ Poll คงไม่เป็นไร
Poll ของปีที่แล้วก็โดนลบไปแล้วครับ http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=45942

กลัวมีการแข่งขัน อวดอ้าง ชิงดีชิงเด่น หรือ กลัวมีการตั้งตนเป็นเทพนาธาร ต้องการให้คนอื่นหรือน้องใหม่ ยอมรับว่าตนเก่ง แล้วก็แห่ซื้อหุ้นตาม เมื่อเห็นว่าตนซื้อหุ้นตัวไหน. ปีที่แล้ว และปีก่อน โน้น เกิดเทพขึ้นมามากมายจากภาวะตลาดอำนวยขึ้นจากตอนวิกฤต ปีนี้ ตลาดติดลบ ผลตอบแทนของนักลงทุนอาจไม่สู้ดีนัก การออกมาแสดง
อาจจะไม่ประทับใจจอร์จสักเท่าไหร่

แค่อยากเตือนน้องๆ อย่าพึ่งเชื่อใคร. อย่าเอาแค่การได้ผลตอบแทนในอดีต มาเป็นการตัดสินอนาคต.
อยากให้หลักการที่ถูกต้อง และหาแนวทางของตนให้เจอ และ หมั่นศึกษาด้วยตนเอง
ให้เปรียบเทียบผลตอบแทนของตน กับเป้าหมายที่ตนวางไว้ และ เทียบกับผลตอบแทนโดยรวมของตลาดพอ

อย่าเอาไปเปรียบเทียบกับคนอื่นๆ มันอาจเป็นสิ่งเร้าให้เราออกนอกลู่นอกทาง ออกจากหลักการ และ แนวทางการลงทุนของตัวเราเอง

ขอให้ค้นพบแนวทางของตัวเองและประสบความสำเร็จตามเป้าหมายครับผม

ถ้ากลับกันละครับพี่
จากบอกผลตอบแทนแลกกับทำPollไม่ได้
มาเป็น
ทำPollได้ แต่ห้ามบอกผลตอบแทน^^
ลองเสนอเล่นๆเป็นideaนะครับ

[pandulum511]

-18 % ครับ
ประเมินความเสียหายของประกันภัยต่ำเกินไป แต่ก็ยังเชื่อในบริษัทนี้อยู่ ^^

[chowbe76]

ตลาดลบไปเท่าไรนั่นน่ะ
คิดปันผลด้วยอ๊ะป่าวครับ ^^
อย่าลืมๆ

ปล.ใช้XIRRไม่เป็นค้าบ ใครช่วยสอนที หะหะ

[blueplanet]

=xirr(values,dates,guess)
ตัวเลขจะมี 3 ชุด values เป็นกลุ่มตัวเลข ตังแต่ 2 ค่าขึ้นไป
ค่าที่ 1 ต้องมีค่าเป็นลบ แทน ความหมาย คือเงินที่่เราใส่เข้าไป
ค่าที่ 2 3 4 5 ... ไปเรื่อย คือเงินที่เราได้รับจากการลงทุน(ในค่าที่1)
dates คือ วันที่ ค่า ที่1 คือวันที่ที่เราใส่งเงินเข้าไป
ค่าที่ 2 3 4 5 ... คือวันที่ที่เราได้รับเงิน(เงินที่ไดรับจากค่าที่1)
guess คือ ค่าประมาณอัตราดอกเบี้ย ที่เราประมาณไว้ช่วยในการคำนวณของคอม
ไม่ต้องใส่ก็ได้ สมัยนี้คอม มันเร็ว
ยกตัวอย่าง
A1 = -1000
A2 = 400
A3 = 500
B1 = 1/1/2010
B2 = 5/7/2011
B3 = 18/5/2012
=xirr(A1:A3,B1:B3)
cell ที่ ใส่ค่า xirr() จะมีค่าเป็นเปอร์เซนต์

[jek ae]

ถ้ารวมปันผลก็ประมาณ 5% ครับ ถือว่าพอใจครับในการเอาตัวรอดมาในปีที่มีการผันผวนจากปัจจัยทั้งภายนอกและภายในประเทศ

[phar314]

ของผมได้ 20% กว่าๆ แต่ยังไม่ได้ take profit เลยอ่ะ
ช่วงที่พีคสุดๆ กำไรขึ้นไป 40% ได้

[ถุงเงินเก่า]

ผมใช้วิธีดูมูลค่าขนาดทุน (ศัพท์อาจไม่ถูกต้อง) ของตัวเอง เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 (+3%) จากปีก่อน
ส่วน XIRR ขอบคุณ blueplanet ที่สอนครับ คำนวนออกมาได้เท่ากับ 5.25 (+5.25%) แต่ยังไม่เข้าใจหลักการ เช่น ถ้าโอนเงินออกจากบัญชีไปพักที่อื่นก่อน แต่กำหนดไว้ว่าเงินก้อนนี้จะต้องกลับเข้ามาลงทุน ต้องบันทึกอย่างไรหรือครับ

แต่ไม่ว่ายังไง ผลลัพธ์ในปี 53 สำหรับผมแล้ว ถือว่าทำได้ไม่ดี เพราะแทบจะเท่าเงินฝากเลย สิ่งที่ผมเข้าใจว่าเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดผลลัพธ์แบบนี้ในปีที่แล้วคือ การตัดสินใจของตัวเองที่ รู้ว่าสูงแล้วไม่ขาย (มั่นใจในบริษัทมากเกินไป ไม่ไหวตัวต่อเหตุการณ์ที่มีผลกระทบ) และรู้ว่าต่ำแล้วไม่ซื้อ (พยายามต่อรองราคาซื้อให้ต่ำ)

[Ii'8N]

ถ้าโอนเงินออกจากบัญชีไปพักที่อื่นก่อน แต่กำหนดไว้ว่าเงินก้อนนี้จะต้องกลับเข้ามาลงทุน ต้องบันทึกอย่างไรหรือครับ

สมมติ เหตุการณ์
.......A...................B
1.....-50,000.........1-Feb-10 ..... เงินต้น ใส่เข้าไป 1 กพ. 50k (ลงทุน = เงินออกจากกระเป๋า เป็นลบ)
2.....60,000..........2-Jun-10 ...... 2 มิย. ขายออก จะเอาไปทำอะไรก็แล้วแต่ ตอนขายได้เงินเข้ากระเป๋า 60k เป็นบวก
3.....-58,000.........28-Jun-10 ...... 28 มิย. เอากลับมาลงทุนใหม่ แต่ว่า ใช้ไป 2k เลยเหลือมาลงทุนไม่เท่าเดิมเงินออกจากกระเป๋า เป็นลบ
4.....90,000...........31-Dec-10...... 31 ธ.ค. ยังไม่ขายออก แต่มูลค่าเพิ่มเป็น 90k (ต้องสมมติว่าขาย เพื่อคำนวณผลตอบแทน)

=XIRR(A1:A4,B1:B4, 50%) 50% guess อะไรก็ได้

ได้ 108.1%