ซันโยเซมิคอนดักเตอร์ประกาศแจ้งเลิกจ้างพนักงาน เลิกประกอบกิจการในเมืองไทยถาวร หลังน้ำท่วมขังโรงงานนานนับเดือน เครื่องจักรเสียหายสุดเยียวยา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงค่ำวันนี้(8 ธ.ค.) ได้มีการเผยแพร่ ประกาศของบริษัทซันโยเซมิคอนดักเตอร์ ที่ 12-003/2554ลงนามโดยนายเทซสีโซะ ยามาคาวา ประธานบริษัท แจ้งว่า การจ้างงานพนักงานส่วนใหญ่จะสิ้นสุดลงวันที่ 25 ธ.ค.นี้ และยังจำเป็นต้องจ้างพนักงานจำนวนหนึ่งต่อไปเพื่อกู้ซากเครื่องจักร เครื่องมือ และอุปกรณ์ อีกทั้งทำความสะอาดโรงงาน และดำเนินการเพื่อการหยุดผลิตโดยถาวรต่อไป
ประกาศดังกล่าวมีใจความอีกตอนหนึ่งว่า อุทกภัยที่เกิดขึ้น ก่อให้เกิดความเสียหายต่อบริษัทซันโย เซมิคอนดักเตอร์(ประเทศไทย)จำกัด เป็นอย่างมาก เนื่องจากเครื่องจักร และตัวโรงงานถูกน้ำท่วมขังเป็นเวลานาน ทำให้การซ่อมแซมและกู้โรงงานขึ้นใหม่มีภาวะต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่สูงมาก การที่บริษัทไม่สามารถประกอบกิจการได้เป็นเวลานานส่งผลกระทบทำให้ห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกของกลุ่มบริษัทออน เซมิคอนดักเตอร์ เกิดภาวะชะงักงันครั้งไหญ่ จากเหตุดังกล่าว จึงเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่ต้องแจ้งให้พนักงานทุกคนทราบว่าบริษัทจะไม่ประกอบกิจการในประเทศไทยอีกต่อไป.
http://www.dailynews.co.th/thailand/2281
-----------------------------------------------
บริษัทซันโยเซมิคอนดักเตอร์ ออกประกาศที่ 12-003/2554 ลงนามโดย นายเทซสีโซะ ยามาคาวา ประธานบริษัท แจ้งว่า
การจ้างงานพนักงานส่วนใหญ่จะสิ้นสุดลงวันที่ 25 ธ.ค.นี้ และยังจำเป็นต้องจ้างพนักงานจำนวนหนึ่งต่อไปเพื่อกู้ ซากเครื่องจักร เครื่องมือ และอุปกรณ์ อีกทั้งทำความสะอาดโรงงาน และดำเนินการเพื่อการหยุดผลิตโดยถาวรต่อไป
โดยอุทกภัยที่เกิดขึ้น ก่อให้เกิดความเสียหายต่อบริษัทซันโย เซมิคอนดักเตอร์(ประเทศไทย)จำกัด เป็นอย่างมาก เนื่องจากเครื่องจักร และตัวโรงงานถูกน้ำท่วมขังเป็นเวลานาน ทำให้การซ่อมแซมและกู้โรงงานขึ้นใหม่มีภาวะต้นทุนและ ค่าใช้จ่ายที่สูงมาก การที่บริษัทไม่สามารถประกอบกิจการได้เป็นเวลานานส่ง ผลกระทบทำให้ห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกของกลุ่มบริษัทออน เซมิคอนดักเตอร์ เกิดภาวะชะงักงันครั้งไหญ่
จากเหตุดังกล่าว จึงเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่ต้องแจ้งให้พนักงานทุกคนทร าบว่าบริษัทจะไม่ประกอบกิจการในประเทศไทยอีกต่อไป
ทั้งนี้จากการปิดกิจการดังกล่าว ส่งผลให้พนักงานกว่า 2,000 คนต้องตกงาน ซึ่งบริษัทได้จ่ายค่าแรงให้กับพนักงานรายวัน 600 คน ที่มีอายุงาน 3-6 ปี จ่าย 10 เดือน ส่วนอายุงานมากกว่า 10 ปี จ่าย 14 เดือน
http://notebookspec.com/vbforum/showthread.php?51241
เมืองไทยอกหักแล้ว... เจอ Sanyo บอกเลิก...!!!!!!
-
- Verified User
- โพสต์: 2141
- ผู้ติดตาม: 0
เมืองไทยอกหักแล้ว... เจอ Sanyo บอกเลิก...!!!!!!
โพสต์ที่ 1
M aterial catalyst
A ttitude & Perception
D isclipine
A ttitude & Perception
D isclipine
-
- Verified User
- โพสต์: 2141
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมืองไทยอกหักแล้ว... เจอ Sanyo บอกเลิก...!!!!!!
โพสต์ที่ 3
คิดเหมือนกันครับพี่ คงต้องรอดูปรัชญา เขียน: มี1 แล้วจะมี2-3 ตามมาอีกไหม
M aterial catalyst
A ttitude & Perception
D isclipine
A ttitude & Perception
D isclipine
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4740
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมืองไทยอกหักแล้ว... เจอ Sanyo บอกเลิก...!!!!!!
โพสต์ที่ 6
ผมมองว่าบริษัทไม่มีCOmpetitive advantage
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
- Luty97
- Verified User
- โพสต์: 1520
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมืองไทยอกหักแล้ว... เจอ Sanyo บอกเลิก...!!!!!!
โพสต์ที่ 8
ภาพข่าวอาจจะดูแย่ แต่จริงๆแล้วแบรด์ sanyo ไม่สามารถทำตลาดได้ในประเทศไทยครับ
เท่าที่ผ่านมาก็ฝืนทนทำๆไป โรงงานที่มีก็ทยอยขายออก พอมาเจอเหตุการณ์น้ำท่วมก็คงท้อ และเลิกกิจการก็ไม่แปลกครับ
ส่วนใหญ่ใครตั้งโรงงานประเทศไหน ก็เพราะสินค้าของตัวขายในประเทศนั้นๆได้ดี จะได้ช่วยประหยัดต้นทุนไม่ต้องนำเข้า
เท่าที่ผ่านมาก็ฝืนทนทำๆไป โรงงานที่มีก็ทยอยขายออก พอมาเจอเหตุการณ์น้ำท่วมก็คงท้อ และเลิกกิจการก็ไม่แปลกครับ
ส่วนใหญ่ใครตั้งโรงงานประเทศไหน ก็เพราะสินค้าของตัวขายในประเทศนั้นๆได้ดี จะได้ช่วยประหยัดต้นทุนไม่ต้องนำเข้า
หลักของความสมดุล
-
- Verified User
- โพสต์: 226
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมืองไทยอกหักแล้ว... เจอ Sanyo บอกเลิก...!!!!!!
โพสต์ที่ 9
Sanyo ที่เลิกไป เป็น Sanyo Semiconductor ซึ่งผลิตพวก ชิป ให้บริษัทอื่นๆนะครับ ซึ่งอยู่ในกลุ่มบริษัท ON Semiconductor อีกทีหนึ่ง ไม่ใช่บริษัทที่ขายผลิตภัณ Sanyo ผมว่านี่ไม่ใช่รายแรกและยังไม่ใช่เป็นรายสุดท้ายแน่นอน ปีหน้าอาจจะถึงเวลาเผาจริงๆ แล้วละครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 226
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมืองไทยอกหักแล้ว... เจอ Sanyo บอกเลิก...!!!!!!
โพสต์ที่ 10
ผมไม่รู้จะ Edit ยังไง ลองดูข่าวนี้นะครับ
http://www.youtube.com/watch?v=pT3Uzq55 ... r_embedded
ความน่ากลัวที่แท้จริงกำลังจะมา
http://www.youtube.com/watch?v=pT3Uzq55 ... r_embedded
ความน่ากลัวที่แท้จริงกำลังจะมา
- fulushou
- Verified User
- โพสต์: 11
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมืองไทยอกหักแล้ว... เจอ Sanyo บอกเลิก...!!!!!!
โพสต์ที่ 11
กรณีของ Sanyo SMI ผมว่าสมเหตุผลนะครับ คือ ON Semiconductor ทำการเทคโอเวอร์บริษัทไปในปีนี้ สาเหตุหนึ่งนั้นที่ Sanyo SMI ถูกขายไปนั้นเพราะว่าตลาดอิเล็คทรอนิกส์นั้นถดถอยลง
การซื้อครั้งนี้ ทำให้ ON SEMI มีบริษัทผลิตเซมิคอนดักเตอร์อยู่สามแห่งใน ASEAN คือ ไทย เวียดนาม และมาเลเซีย
การที่อุปสงค์สินค้าลดลง ประกอบกับการที่โรงงานที่ไทยเสียหายเพราะถูกน้ำท่วม น่าจะเป็นเรื่องที่สมเหตุผลที่ซันโยจะปิดโรงงานในไทย แล้วไปเร่งการผลิตในโรงงานอื่นๆให้เต็มที่แทน
บริษัทอื่นๆที่มีฐานการผลิตสำคัญในไทยไม่ใช่กรณีเดียวกับซันโย การย้ายฐานเพราะน้ำท่วมไม่น่าจะทำได้ง่ายๆหรืออาจไม่คุ้มค่า
การซื้อครั้งนี้ ทำให้ ON SEMI มีบริษัทผลิตเซมิคอนดักเตอร์อยู่สามแห่งใน ASEAN คือ ไทย เวียดนาม และมาเลเซีย
การที่อุปสงค์สินค้าลดลง ประกอบกับการที่โรงงานที่ไทยเสียหายเพราะถูกน้ำท่วม น่าจะเป็นเรื่องที่สมเหตุผลที่ซันโยจะปิดโรงงานในไทย แล้วไปเร่งการผลิตในโรงงานอื่นๆให้เต็มที่แทน
บริษัทอื่นๆที่มีฐานการผลิตสำคัญในไทยไม่ใช่กรณีเดียวกับซันโย การย้ายฐานเพราะน้ำท่วมไม่น่าจะทำได้ง่ายๆหรืออาจไม่คุ้มค่า
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมืองไทยอกหักแล้ว... เจอ Sanyo บอกเลิก...!!!!!!
โพสต์ที่ 12
ปีหน้า ผมเห็นมีแต่ทำนายกันว่าเศรษฐกิจจะโตกว่าปีนี้มาก ไม่เห็นมีใครบอกว่าจะเผาจริงอะไรเลยnuaythebest เขียน:Sanyo ที่เลิกไป เป็น Sanyo Semiconductor ซึ่งผลิตพวก ชิป ให้บริษัทอื่นๆนะครับ ซึ่งอยู่ในกลุ่มบริษัท ON Semiconductor อีกทีหนึ่ง ไม่ใช่บริษัทที่ขายผลิตภัณ Sanyo ผมว่านี่ไม่ใช่รายแรกและยังไม่ใช่เป็นรายสุดท้ายแน่นอน ปีหน้าอาจจะถึงเวลาเผาจริงๆ แล้วละครับ
จะมีการทำนายเรื่องเผาจริง ก็เห็นมีอยู่บ่อยๆ ก็เห็นว่าผ่านกันมาได้ทุกที จะเผาจริงก็มีแค่วิกฤตปี 40 เท่านั้นแหละ นอกนั้นจิ๊บๆ
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
-
- Verified User
- โพสต์: 957
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมืองไทยอกหักแล้ว... เจอ Sanyo บอกเลิก...!!!!!!
โพสต์ที่ 15
ในบางธุรกิจ ตั้งแต่ก่อนเกิดน้ำท่วม ผมเคยฟังมา สิ่งที่โรงงานเขาทำอยู่ เขาก็กำลังลดขนาดของสายงานบางส่วนอยู่แล้ว สาเหตุเช่น ทำกำไรได้น้อย ทิศทางอุตสาหกรรมกำลังเปลี่ยน ความสามารถแข่งขันลดลง เพื่อปรับเปลี่ยนไปทำในสิ่งที่มีอนาคตและกำไรดีกว่า
น้ำท่วมครั้งนี้ อาจช่วยหรือเร่งเร้าให้มีการปรับเปลี่ยนเร็วขึ้น และถ้าอยู่ในสายงานที่คิดว่าเป็นขาลงยาว อนาคตกำลังวูบลง ก็น่าจะถือโอกาสเลิกเลย ได้เงินประกันก็เอาไปเริ่มธุรกิจสายใหม่ดีกว่า
มันมีความเสียหายจริงๆเกิดขึ้น แต่ในสิ่งที่จะสร้างกลับมาใหม่ ผมว่าก็น่าจะสร้างด้วยของใหม่ที่ดีกว่าเดิมหรืออย่างน้อยเท่าเดิม นั่นหมายคุณภาพและประสิทธิภาพการผลิตโดยรวมของประเทศจะเปลี่ยนไป หากทำสำเร็จ (แต่จะยากลำบากมากหน่อยในช่วงขบวนการปรับเปลี่ยนนี้เพราะถูกน้องน้ำบังคับ)
น่าจะมี โอกาสดีๆ ที่จะตามมาหลังจากความเสียหายด้วย ครับ
น้ำท่วมครั้งนี้ อาจช่วยหรือเร่งเร้าให้มีการปรับเปลี่ยนเร็วขึ้น และถ้าอยู่ในสายงานที่คิดว่าเป็นขาลงยาว อนาคตกำลังวูบลง ก็น่าจะถือโอกาสเลิกเลย ได้เงินประกันก็เอาไปเริ่มธุรกิจสายใหม่ดีกว่า
มันมีความเสียหายจริงๆเกิดขึ้น แต่ในสิ่งที่จะสร้างกลับมาใหม่ ผมว่าก็น่าจะสร้างด้วยของใหม่ที่ดีกว่าเดิมหรืออย่างน้อยเท่าเดิม นั่นหมายคุณภาพและประสิทธิภาพการผลิตโดยรวมของประเทศจะเปลี่ยนไป หากทำสำเร็จ (แต่จะยากลำบากมากหน่อยในช่วงขบวนการปรับเปลี่ยนนี้เพราะถูกน้องน้ำบังคับ)
น่าจะมี โอกาสดีๆ ที่จะตามมาหลังจากความเสียหายด้วย ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 4241
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมืองไทยอกหักแล้ว... เจอ Sanyo บอกเลิก...!!!!!!
โพสต์ที่ 16
ผมโพสกระทู้นี้ไว้ ไม่ทราบอ่านกันบ้างหรือเปล่า?
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=50680
อาจจะมีปัญหาลึกๆ ที่พวกเราไม่ทราบ อย่าลืมว่าข้อมูล
ต่างๆ ในเชิงลึกจริงๆ พวกเราไม่รู้ คงมีอะไรๆ อีกหลายๆ อย่าง
ที่นักลงทุนต่างชาติเขาวิเคราะห์และมีข้อมูลต่างๆ ลึกกว่า
พวกเรามาก แต่ข้อมูลพื้นฐาน อาทิเช่น
ความเชื่อมั่นในนโยบายและที่สำคัญคือ "ฝีมือ" ของ ผู้บริหาร
ประเทศ หรือ นโยบายค่าแรง 300.- (อันนี้มีผลกระทบ
อย่างรุนแรง ต่อต้นทุนต่างๆ อย่ามาบอกว่า บริษัทฯ บางบริษัท จ่าย
มากกว่านั้นอยู่แล้วในพนักงานส่วนที่ไม่ใช่ค่าแรงรายวัน เมื่อค่าแรงรายวัน
สูงขึ้นถึง 40 - 50% แล้วพนักงานที่สูงกว่านั้นจะหยุดอยู่นิ่งๆ เป็นไปได้อย่างไร
เงินเดือนหรือค่าแรงก็ต้องปรับตาม ความสามารถในการแข่งขัน
ของประเทศไทย ลดลงอย่างรวดเร็วอยู่แล้ว ถึงไม่มีปัญหาน้ำท่วมก็ตาม
ดังนั้น ถึงน้ำจะไม่ท่วม หลายๆ บริษัทฯ ต้องวางแผนโยกย้าย
งานบางอย่างไปประเทศอื่นๆ ที่ค่าแรงต่ำกว่า อย่างแน่นอน)
เรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องระยะยาว ที่จริงอาจเห็นผลสักสองสามปีหลังจากนี้
แต่การมีน้ำท่วมนิคมฯ ทำให้การตัดสินใจทำได้รวดเร็วขึ้น แถมได้เงินประกัน
ไปสร้างที่ใหม่ด้วย
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=50680
อาจจะมีปัญหาลึกๆ ที่พวกเราไม่ทราบ อย่าลืมว่าข้อมูล
ต่างๆ ในเชิงลึกจริงๆ พวกเราไม่รู้ คงมีอะไรๆ อีกหลายๆ อย่าง
ที่นักลงทุนต่างชาติเขาวิเคราะห์และมีข้อมูลต่างๆ ลึกกว่า
พวกเรามาก แต่ข้อมูลพื้นฐาน อาทิเช่น
ความเชื่อมั่นในนโยบายและที่สำคัญคือ "ฝีมือ" ของ ผู้บริหาร
ประเทศ หรือ นโยบายค่าแรง 300.- (อันนี้มีผลกระทบ
อย่างรุนแรง ต่อต้นทุนต่างๆ อย่ามาบอกว่า บริษัทฯ บางบริษัท จ่าย
มากกว่านั้นอยู่แล้วในพนักงานส่วนที่ไม่ใช่ค่าแรงรายวัน เมื่อค่าแรงรายวัน
สูงขึ้นถึง 40 - 50% แล้วพนักงานที่สูงกว่านั้นจะหยุดอยู่นิ่งๆ เป็นไปได้อย่างไร
เงินเดือนหรือค่าแรงก็ต้องปรับตาม ความสามารถในการแข่งขัน
ของประเทศไทย ลดลงอย่างรวดเร็วอยู่แล้ว ถึงไม่มีปัญหาน้ำท่วมก็ตาม
ดังนั้น ถึงน้ำจะไม่ท่วม หลายๆ บริษัทฯ ต้องวางแผนโยกย้าย
งานบางอย่างไปประเทศอื่นๆ ที่ค่าแรงต่ำกว่า อย่างแน่นอน)
เรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องระยะยาว ที่จริงอาจเห็นผลสักสองสามปีหลังจากนี้
แต่การมีน้ำท่วมนิคมฯ ทำให้การตัดสินใจทำได้รวดเร็วขึ้น แถมได้เงินประกัน
ไปสร้างที่ใหม่ด้วย
// Stay Hungry, Stay Foolish.
// Stay Calm, Stay Invest.
// Price is what you pay, Value is what you get.
// Stay Calm, Stay Invest.
// Price is what you pay, Value is what you get.
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมืองไทยอกหักแล้ว... เจอ Sanyo บอกเลิก...!!!!!!
โพสต์ที่ 17
http://www.suthichaiyoon.com/detail/18921'ซีเกท'ทุ่ม1พันล้านขยายฐานผลิตไทย
"ซีเกท"ทุ่มงบพันล้านบาท ขยายลงทุนโรงงานผลิตหัวอ่าน-เขียน จังหวัดนครราชสีมา เริ่มเดินเครื่องผลิต ก.พ.2555 เพิ่มกำลังผลิต 40% สนองความต้องการตลาดโลก คาดความสามารถผลิตของอุตสาหกรรมจะแก้ไขให้ดีขึ้นตลอดปีหน้า เดินหน้าจ้างแรงงานใหม่หลายพันตำแหน่ง มั่นใจขายฮาร์ดดิสก์ได้ถึง 43 ล้านชิ้นไตรมาสสองในเดือน ธ.ค. โดยมีรายได้ถึง 2.8 พันล้านดอลลาร์ นายเจฟฟรี่ย์ ดี. ไนการ์ด รองประธานและผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายปฏิบัติการประเทศไทยและปีนัง บริษัท ซีเกท เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า โครงการลงทุนมูลค่า 1 พันล้านบาทของซีเกท ประกอบด้วยค่าใช้จ่ายก่อสร้างอาคารผลิตหลังใหม่และอุปกรณ์การผลิต ซึ่งมีพื้นที่กว่า 29,800 ตารางเมตร และจะเริ่มดำเนินการผลิตได้ในเดือน ก.พ.2555 โดยคาดว่าจะจ้างงานใหม่หลายพันตำแหน่ง เมื่อโรงงานดำเนินการผลิตอย่างเต็มรูปแบบ และดำเนินการด้วยกำลังการผลิตสูงสุด
“การลงทุนและการถ่ายโอนเทคโนโลยีชั้นนำตลอดจนผลิตภัณฑ์อันทันสมัยมายังประเทศไทยอย่างต่อเนื่องของซีเกท แสดงถึงคำมั่นที่จะยังคงรักษาไว้ซึ่งฐานการผลิตเชิงกลยุทธ์ของเราที่นี่ เราจะทำงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานภาครัฐและชุมชนต่างๆ เพื่อนำมาซึ่งการเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศ”
เขาระบุด้วยว่า การลงทุนใหม่ จะเพิ่มปริมาณการผลิตหัวอ่าน-เขียน จากปัจจุบันขึ้นถึง 40% เมื่อดำเนินงานด้วยกำลังการผลิตสูงสุด ซึ่งจะตอบสนองความต้องการการจัดเก็บข้อมูลในฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟของตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น
โรงงานผลิตชิ้นส่วนและดิสก์ไดร์ฟของบริษัทในประเทศไทยไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากน้ำท่วม อย่างไรก็ตาม ความสามารถของบริษัทในการผลิตฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟได้รับผลกระทบ เนื่องจากการสะดุดของอุปทานของชิ้นส่วนจากผู้ป้อนชิ้นส่วนให้แก่บริษัทตามที่ได้เปิดเผยไปครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 ต.ค.2554
ทั้งนี้ บริษัทเชื่อว่า ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอันมาจากภาวะน้ำท่วมที่ครอบคลุมหลายพื้นที่ในประเทศไทย จะทำให้อุปทานของฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟจะมีอย่างจำกัดมากในอีกหลายไตรมาส สำหรับไตรมาสที่สิ้นสุดเดือน ธ.ค.2554 บริษัทเชื่อว่าอุตสาหกรรมจะจัดส่งฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟประมาณ 110-120 ล้านตัว บริษัทเชื่อว่าความสามารถของอุตสาหกรรมในการผลิตและจัดส่งฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟจะค่อยๆ ได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้นตลอดปี 2555
โรงงานซีเกท โคราช ก่อตั้งขึ้นปี 2539 เพื่อผลิตชิ้นส่วนหลักของฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ 3 ชนิด คือ สไลเดอร์ หัวอ่าน-เขียนและชุดหัวอ่าน-เขียนสำเร็จรูป และการผลิตฮาร์ดไดร์ฟสำเร็จรูป ตามรายงานงบการเงินที่สิ้นสุดเดือน มิ.ย.2554 มูลค่าการลงทุนรวมในฝ่ายปฏิบัติการโคราชและเทพารักษ์ มีทั้งสิ้น 3.8 หมื่นล้านบาท ทั้ง 2 โรงงานว่าจ้างพนักงานกว่า 16,000 คน รวมทั้งวิศวกรมากกว่า 700 คน
จากรายงานข่าวเหตุการณ์น้ำท่วมในไทยสร้างความเสียหายให้แก่วงจรการผลิตฮาร์ดดิสก์อย่างรุนแรง และคาดว่าจะทำให้เกิดภาวะขาดแคลนสินค้าปี 2555 แต่โรงงานผลิตส่วนใหญ่ของซีเกทไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมโดยตรง แต่ได้รับผลกระทบจากชิ้นส่วนประกอบภายนอกบางรายการมีไม่เพียงพอต่อความต้องการ
อย่างไรก็ตามบริษัทซีเกทคาดการณ์ว่ารายได้จะยังเติบโตแข็งแกร่ง โดยเชื่อว่าจะจำหน่ายฮาร์ดดิสก์ได้ราว 43 ล้านชิ้นรายไตรมาสในเดือน ธ.ค. ซึ่งเป็นไตรมาส 2 ของซีเกท และมีรายได้ราว 2.8 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าซีเกทจะมีรายได้ช่วงไตรมาสดังกล่าวราว 2.69 พันล้านดอลลาร์
ก่อนหน้านี้ ซีเกทเคยคาดการณ์เมื่อช่วงไตรมาสเดือน มี.ค.ที่ผ่านมาว่า จะมีรายได้ถึง 3.75 พันล้านดอลลาร์ไม่นับรวมรายได้จากส่วนของซัมซุงที่บริษัทเพิ่งซื้อกิจการเข้ามา ในขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าบริษัทจะทำรายได้ได้ราว 3.32 พันล้านดอลลาร์
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
- kabu
- Verified User
- โพสต์: 2149
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมืองไทยอกหักแล้ว... เจอ Sanyo บอกเลิก...!!!!!!
โพสต์ที่ 18
สำหรับบริษัทญี่ปุ่นที่ลงทุนอยู่แล้วและคิดว่าจะย้ายฐานไปยังประเทศอื่น เพียงเพราะว่าน้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ เท่าที่ได้คุยทางนี้ ยังไม่เจอครับ
แต่มีบางส่วนที่กำลังจะตัดสินใจลงทุนในประเทศใดประเทศหนึ่งระหว่าง ไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย ก็ให้น้ำหนักประเทศไทยน้อยลง อันนี้ได้ยินมาบ้าง
ส่วนเรื่องค่าแรง 300 บาท ผมไม่เห็นบริษัททางนี้เค้าจะสนใจมากนัก ส่วนใหญ่ที่กลัว จะกลัวเรื่องหาแรงงานไม่ได้มากกว่า (เปรียบเทียบกับประเทศญี่ปุ่นที่ตัวเลขว่างงาน 4-5 % แล้ว ของไทยประมาณ 1% ถือว่าต่างกันมากๆในสายตาของเค้า)
ไม่มีแหล่งอ้างอิง เพราะข้อมูลมาจากการคุยด้วยตัวเอง
แต่มีบางส่วนที่กำลังจะตัดสินใจลงทุนในประเทศใดประเทศหนึ่งระหว่าง ไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย ก็ให้น้ำหนักประเทศไทยน้อยลง อันนี้ได้ยินมาบ้าง
ส่วนเรื่องค่าแรง 300 บาท ผมไม่เห็นบริษัททางนี้เค้าจะสนใจมากนัก ส่วนใหญ่ที่กลัว จะกลัวเรื่องหาแรงงานไม่ได้มากกว่า (เปรียบเทียบกับประเทศญี่ปุ่นที่ตัวเลขว่างงาน 4-5 % แล้ว ของไทยประมาณ 1% ถือว่าต่างกันมากๆในสายตาของเค้า)
ไม่มีแหล่งอ้างอิง เพราะข้อมูลมาจากการคุยด้วยตัวเอง
"หนทางเดียวที่จะก้าวพ้นขอบเขตของความเป็นไปได้ คือก้าวเข้าสู่ความเป็นไปไม่ได้", Arthur C. Clarke
สมุดบันทึก: http://kabuvi.wordpress.com/
สมุดบันทึก: http://kabuvi.wordpress.com/
- fulushou
- Verified User
- โพสต์: 11
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมืองไทยอกหักแล้ว... เจอ Sanyo บอกเลิก...!!!!!!
โพสต์ที่ 19
นโยบายเศรษฐกิจของรัฐในแง่ของธุรกิจการลงทุนเป็นที่ถกเถียงกันมาก โดยมีทั้งผลดีและผลเสียต่อธุรกิจ คือ
ผลเสีย: ค่าแรง 300 บาท ทำให้ค่าใช้จ่ายของบริษัทสูงขึ้น
ผลดี: ลดภาษีนิติบุคคล จาก 30% เหลือ 23% (และ 20% ใน 2556) ทำให้บริษัทมีกำไรมากขึ้น
แล้วโดยรวมบริษัทของเราๆจะได้ผลเสียหรือผลดีมากกว่ากัน? ผมคิดตัวเลขคร่าวๆดังนี้
เริ่มจากพิจารณาผลดีทางภาษีก่อน สมมุติว่า ปัจจุบันบริษัทมีกำไรก่อนหักภาษี 143 บาท เสียภาษี 30% หรือ 43 บาท เหลือกำไรสุทธิ 100 บาท
เมื่อเปลี่ยนไปใช้อัตราภาษีใหม่ในปีหน้า บริษัทจะเสียภาษีแค่ 23% หรือ 33 บาท ได้กำไรสุทธิ 110 บาท หรือเพิ่มขึ้น 10% ต่อปีเลยทีเดียว
ลองมาคำนวนกันต่อว่าจะผลเสียต้องร้ายแรงเท่าไหร่ถึงจะมากกว่าผลดี?
ที่อัตราภาษีใหม่ หากบริษัทต้องการมีกำไรสุทธิไม่น้อยกว่าเดิม คือที่ 100 บาท บริษัทจะต้องมีกำไรสุทธิก่อนหักภาษีที่ 130 บาท
เมื่อเทียบกับอัตราภาษีเก่าที่รายได้ก่อนหักภาษี 143 บาทแล้ว หมายความว่าบริษัทรองรับผลเสียต่อนโยบายได้ 13 บาท หรือเท่ากับ 9% ของรายได้เก่าก่อนหักภาษี (ไม่คิดกรณีที่แรงซื้อของประชาชนเพิ่มขึ้นในบางธุรกิจ)
ผลเสียของค่าแรง 300 บาท นั้นสูงถึง 9% ของกำไรก่อนหักภาษีของบริษัทไหม? ถ้าไม่ถึง นโยบายเหล่านี้มีความเป็นไปได้ที่จะส่งผลดีต่อบริษัทนั้นมากกว่าผลเสีย
บริษัทส่วนใหญ่พิจารณาเรื่องเหล่านี้ซับซ้อนกว่าตัวเลขง่ายๆตามตัวอย่างของผม โดยส่วนตัวแล้วผมไม่คิดว่าค่าแรงจะเป็นผลเสียร้ายแรงถึงกับถอนทุนเพราะนโยบายเศรษฐกิจของไทยหลายๆคอยช่วยเหลือธุรกิจค่อนข้างมากครับ
ผลเสีย: ค่าแรง 300 บาท ทำให้ค่าใช้จ่ายของบริษัทสูงขึ้น
ผลดี: ลดภาษีนิติบุคคล จาก 30% เหลือ 23% (และ 20% ใน 2556) ทำให้บริษัทมีกำไรมากขึ้น
แล้วโดยรวมบริษัทของเราๆจะได้ผลเสียหรือผลดีมากกว่ากัน? ผมคิดตัวเลขคร่าวๆดังนี้
เริ่มจากพิจารณาผลดีทางภาษีก่อน สมมุติว่า ปัจจุบันบริษัทมีกำไรก่อนหักภาษี 143 บาท เสียภาษี 30% หรือ 43 บาท เหลือกำไรสุทธิ 100 บาท
เมื่อเปลี่ยนไปใช้อัตราภาษีใหม่ในปีหน้า บริษัทจะเสียภาษีแค่ 23% หรือ 33 บาท ได้กำไรสุทธิ 110 บาท หรือเพิ่มขึ้น 10% ต่อปีเลยทีเดียว
ลองมาคำนวนกันต่อว่าจะผลเสียต้องร้ายแรงเท่าไหร่ถึงจะมากกว่าผลดี?
ที่อัตราภาษีใหม่ หากบริษัทต้องการมีกำไรสุทธิไม่น้อยกว่าเดิม คือที่ 100 บาท บริษัทจะต้องมีกำไรสุทธิก่อนหักภาษีที่ 130 บาท
เมื่อเทียบกับอัตราภาษีเก่าที่รายได้ก่อนหักภาษี 143 บาทแล้ว หมายความว่าบริษัทรองรับผลเสียต่อนโยบายได้ 13 บาท หรือเท่ากับ 9% ของรายได้เก่าก่อนหักภาษี (ไม่คิดกรณีที่แรงซื้อของประชาชนเพิ่มขึ้นในบางธุรกิจ)
ผลเสียของค่าแรง 300 บาท นั้นสูงถึง 9% ของกำไรก่อนหักภาษีของบริษัทไหม? ถ้าไม่ถึง นโยบายเหล่านี้มีความเป็นไปได้ที่จะส่งผลดีต่อบริษัทนั้นมากกว่าผลเสีย
บริษัทส่วนใหญ่พิจารณาเรื่องเหล่านี้ซับซ้อนกว่าตัวเลขง่ายๆตามตัวอย่างของผม โดยส่วนตัวแล้วผมไม่คิดว่าค่าแรงจะเป็นผลเสียร้ายแรงถึงกับถอนทุนเพราะนโยบายเศรษฐกิจของไทยหลายๆคอยช่วยเหลือธุรกิจค่อนข้างมากครับ
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมืองไทยอกหักแล้ว... เจอ Sanyo บอกเลิก...!!!!!!
โพสต์ที่ 20
บริษัทที่คิดว่าจะมาลงทุน คงกำลังคิดหนักหรือกำลังจะเปลี่ยนเป้าหมายmultipleceilings เขียน:
คิดเหมือนกันครับพี่ คงต้องรอดู
คงต้องรอรัฐมีนโยบายจัดที่ราบสูงทำนิคมอุตสาหกรรมบ้าง เพื่อเพิ่มเป็นช่องทางให้เลือก
-
- Verified User
- โพสต์: 226
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมืองไทยอกหักแล้ว... เจอ Sanyo บอกเลิก...!!!!!!
โพสต์ที่ 21
นิคม แถวตะวันออก อยู่ในพื้นที่ค่อนข้างสูงอยู่แล้วนะครับและใกล้ทะเล ไม่ไกลจากกรุงเทพด้วยมอเตอร์เวย์ คงได้ประโยชน์ตรงนี้เต็มๆ สำหรับส่วนอุตสาหกรรมยานยนต์เพราะบริษัทผลิตอยู่แถบนั้นอยู่แล้ว แต่พวกบริษัทชิ้นส่วนอิเลคโทรนิคนี่สิครับ จะย้ายก็ลำบากเพราะของเดิมก็อยู่แถวอยุธยากันหมดปรัชญา เขียน:บริษัทที่คิดว่าจะมาลงทุน คงกำลังคิดหนักหรือกำลังจะเปลี่ยนเป้าหมายmultipleceilings เขียน:
คิดเหมือนกันครับพี่ คงต้องรอดู
คงต้องรอรัฐมีนโยบายจัดที่ราบสูงทำนิคมอุตสาหกรรมบ้าง เพื่อเพิ่มเป็นช่องทางให้เลือก
-
- Verified User
- โพสต์: 214
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมืองไทยอกหักแล้ว... เจอ Sanyo บอกเลิก...!!!!!!
โพสต์ที่ 22
Sanyo เนี่ยนะอกหัก
เค้าได้กำไรมาจ่ายภาษีเราปีๆสักเท่าไหร่กันเชียว ผมเองยังไม่เคยใช้ของยี่ห้อนี้เลยสักครั้ง
เหมือนโดนสาวหน้าตาไม่น่ารัก แล้วก็ไม่รู้จักบอกเลิกยังไงอย่างนั้น 555
ถ้า Honda Toyota Samsung มาบอกเลิกล่ะก็ค่อยคิดอีกที
เค้าได้กำไรมาจ่ายภาษีเราปีๆสักเท่าไหร่กันเชียว ผมเองยังไม่เคยใช้ของยี่ห้อนี้เลยสักครั้ง
เหมือนโดนสาวหน้าตาไม่น่ารัก แล้วก็ไม่รู้จักบอกเลิกยังไงอย่างนั้น 555
ถ้า Honda Toyota Samsung มาบอกเลิกล่ะก็ค่อยคิดอีกที
-
- Verified User
- โพสต์: 2232
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมืองไทยอกหักแล้ว... เจอ Sanyo บอกเลิก...!!!!!!
โพสต์ที่ 23
พวกที่ยังคบอยู่กับเราอาจจะอยู่เพราะสงสารหรือยังไม่มีที่ไปก้อได้นะครับ : )beaeaebe เขียน:Sanyo เนี่ยนะอกหัก
เค้าได้กำไรมาจ่ายภาษีเราปีๆสักเท่าไหร่กันเชียว ผมเองยังไม่เคยใช้ของยี่ห้อนี้เลยสักครั้ง
เหมือนโดนสาวหน้าตาไม่น่ารัก แล้วก็ไม่รู้จักบอกเลิกยังไงอย่างนั้น 555
ถ้า Honda Toyota Samsung มาบอกเลิกล่ะก็ค่อยคิดอีกที
นักเลงคีย์บอร์ด4.0
-
- Verified User
- โพสต์: 408
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมืองไทยอกหักแล้ว... เจอ Sanyo บอกเลิก...!!!!!!
โพสต์ที่ 24
ผลกระทบจากน้ำท่วม บางบริษัทก็ใช้จุดนี้ เป็นข้ออ้าง ในการปลดพนักงานลง เพื่อนผมเจอมากับตัวครับ ทั้งที่กำไรของบริษัทก็โอเค ผลกระทบก็ไม่เยอะ เนื่องจากเครื่องจักรอยู่ชั้นสอง
บริษัทเหล่านี้ก็ควรระวัง สำหรับนักลงทุนเช่นกันครับ
บริษัทเหล่านี้ก็ควรระวัง สำหรับนักลงทุนเช่นกันครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 4241
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมืองไทยอกหักแล้ว... เจอ Sanyo บอกเลิก...!!!!!!
โพสต์ที่ 25
ผมไม่อยากบอกเลยว่า ทุกคนมองตื้นเกินไป
ผมว่าผมมองลึกแล้ว ก็ยังตื้น เพราะประสบการณ์
ทำงานผมมีแค่โรงงานขนาดเล็กมาก แต่วันนี้อ่าน
ประชาชาติธุรกิจฉบับวันที่ 12 -14 ธันวาคม (ล่าสุดนี่
แหละครับ) หน้าที่ 39 เรื่อง "ปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 300
บาท มีผลกระทบกับองค์กรอย่างไร?" คนเขียน
คิดและวิเคราะห์ได้อย่างลึกซื้ง ครับ
หากผมเป็นเจ้าของหรือ ผบห. ที่จำต้องใช้แรงงาน
หรือพนักงาน และมีผลต่อต้นทุนมาก หากจะอยู่
เมืองไทยต่อไป ก็ต้องหาทางลดคน ด้วยเทคโนโลยี่
หากทางเลือกนี้ไม่มี ก็จำต้องมองหาหนทางรอด
อื่นๆ ด้วยการหาประเทศอื่นๆ ที่รองรับได้และค่าแรง
ต่ำกว่า
ผมว่าผมมองลึกแล้ว ก็ยังตื้น เพราะประสบการณ์
ทำงานผมมีแค่โรงงานขนาดเล็กมาก แต่วันนี้อ่าน
ประชาชาติธุรกิจฉบับวันที่ 12 -14 ธันวาคม (ล่าสุดนี่
แหละครับ) หน้าที่ 39 เรื่อง "ปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 300
บาท มีผลกระทบกับองค์กรอย่างไร?" คนเขียน
คิดและวิเคราะห์ได้อย่างลึกซื้ง ครับ
หากผมเป็นเจ้าของหรือ ผบห. ที่จำต้องใช้แรงงาน
หรือพนักงาน และมีผลต่อต้นทุนมาก หากจะอยู่
เมืองไทยต่อไป ก็ต้องหาทางลดคน ด้วยเทคโนโลยี่
หากทางเลือกนี้ไม่มี ก็จำต้องมองหาหนทางรอด
อื่นๆ ด้วยการหาประเทศอื่นๆ ที่รองรับได้และค่าแรง
ต่ำกว่า
// Stay Hungry, Stay Foolish.
// Stay Calm, Stay Invest.
// Price is what you pay, Value is what you get.
// Stay Calm, Stay Invest.
// Price is what you pay, Value is what you get.
-
- Verified User
- โพสต์: 226
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมืองไทยอกหักแล้ว... เจอ Sanyo บอกเลิก...!!!!!!
โพสต์ที่ 27
เอ่อ พูดจริงหรือประชดครับ คนที่ต้องตกงานเกือบ 2000 คน เขาคงไม่คิดแบบนี้มั้งครับคนคอน เขียน:หาที่ได้ดีกว่าไทยก็ตามสบาย จะไปแคร์อะไร เน้อออ
-
- Verified User
- โพสต์: 883
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมืองไทยอกหักแล้ว... เจอ Sanyo บอกเลิก...!!!!!!
โพสต์ที่ 28
พูดจริงสิครับ
แต่ผมมองว่าอาจจะเป็นผลดีก็ได้นะครับ เพราะหลังจากนี้ไปรัฐบาลหรือภาคประชาชน จะเกิดการตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ภัยธรรมชาติมากขึ้น ทำไมให้มีการเตรียมตัวมากขึ้น และเกิดการพัฒนาระบบ อะไรต่างๆดีขึ้น สุดท้าย เมื่อต่างชาติเห็นว่า ไทยมีการวางระบบทุกอย่างดีมากขึ้น ก็จะกลับมาลงทุนมากกว่าเดิมก็ได้นะครับ เพราะอย่างน้อย[หรือมากก็ไม่รู้]ประเทศมีภูมิประเทศที่ผมคิดว่าเหมาะต่อการลงทุนอยู่ดี
หรือถ้ามองอีกมุมหนึ่ง การจากไปของบริษัทต่างชาติ อาจจะเป็นการดีก็ได้นะครับ เพราะหลังจากนี้ไป คนไทยก็ต้องกลับมาเริ่มทบทวนอีกครั้งว่า สมควรหรือยังที่เราจะเปลี่ยนตัวเองจาก รอคนอื่นมาจ้างผลิต มาเป็นคิดค้นอะไร ๆ ด้วยตัวเอง คิดเอง ทำเอง จ้างกันเอง ผมว่าถ้าเป้นแบบ พี่ยุ้น ก็ดีนะ
อย่างน้อยๆ ผมก็อยากให้ประเทศเรามี รถยนต์ยี่ห้อตัวเองบ้างง แบบ toyota ของยุ้น อะไรแบบนี้
แต่ผมมองว่าอาจจะเป็นผลดีก็ได้นะครับ เพราะหลังจากนี้ไปรัฐบาลหรือภาคประชาชน จะเกิดการตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ภัยธรรมชาติมากขึ้น ทำไมให้มีการเตรียมตัวมากขึ้น และเกิดการพัฒนาระบบ อะไรต่างๆดีขึ้น สุดท้าย เมื่อต่างชาติเห็นว่า ไทยมีการวางระบบทุกอย่างดีมากขึ้น ก็จะกลับมาลงทุนมากกว่าเดิมก็ได้นะครับ เพราะอย่างน้อย[หรือมากก็ไม่รู้]ประเทศมีภูมิประเทศที่ผมคิดว่าเหมาะต่อการลงทุนอยู่ดี
หรือถ้ามองอีกมุมหนึ่ง การจากไปของบริษัทต่างชาติ อาจจะเป็นการดีก็ได้นะครับ เพราะหลังจากนี้ไป คนไทยก็ต้องกลับมาเริ่มทบทวนอีกครั้งว่า สมควรหรือยังที่เราจะเปลี่ยนตัวเองจาก รอคนอื่นมาจ้างผลิต มาเป็นคิดค้นอะไร ๆ ด้วยตัวเอง คิดเอง ทำเอง จ้างกันเอง ผมว่าถ้าเป้นแบบ พี่ยุ้น ก็ดีนะ
อย่างน้อยๆ ผมก็อยากให้ประเทศเรามี รถยนต์ยี่ห้อตัวเองบ้างง แบบ toyota ของยุ้น อะไรแบบนี้
- SamuelYeD
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 262
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมืองไทยอกหักแล้ว... เจอ Sanyo บอกเลิก...!!!!!!
โพสต์ที่ 29
บ้างครั้งการทำอะไร ผิดที่ผิดเวลา มันก็ส่งผลเสียได้มากมายมหาศาล และไม่ว่าจะทำอะไรมันก็ให้ผลกระทบทั้ง 2 ด้าน
และคนส่วนใหญ่ก็มักจะคิดด้าน ++ๆๆ.... โดยที่ลืมความเป็นจริง ก็รอดูต่อไปว่าผู้ใหญ่ประเทศนี้ เมืองนี้ ที่ว่า "เอาอยู่" จะเอาอยู่จริงรึป่าว
และคนส่วนใหญ่ก็มักจะคิดด้าน ++ๆๆ.... โดยที่ลืมความเป็นจริง ก็รอดูต่อไปว่าผู้ใหญ่ประเทศนี้ เมืองนี้ ที่ว่า "เอาอยู่" จะเอาอยู่จริงรึป่าว