หุ้นก็รัก อสังหาฯก็ปลื้มแต่ปี 2012“กิติชัย เตชะงามเลิศ”เตรียมรื้อปรับขยับพอร์ตตั้งท่าจะโกอินเตอร์ พอร์ตใหม่โฉมหน้าจะเป็นยังไง
http://www.bangkokbiznews.com/home/deta ... B9%8C.html
หุ้นก็รัก อสังหาริมทรัพย์ก็ปลื้ม แต่ปี 2012 “กิติชัย เตชะงามเลิศ” เตรียมรื้อปรับขยับพอร์ตให้ตัวเองด้วยการสะบัดแข้งสะบัดขาตั้งท่าจะโกอินเตอร์ กำลังทำการบ้านอย่างหนักเพื่อเตรียมลงทุนในต่างประเทศ ส่วนจะลงเอยด้วยการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทไหนนั้น กิตติชัยบอกว่ายังไม่แน่ชัด แต่ที่แน่ๆ คงเป็นการลงทุนผ่านมืออาชีพ เพราะเรื่องพวกนี้กองทุนน่าจะเชี่ยวชาญมากกว่าเขา แต่ถ้าเป็นการลงทุนในหุ้นและอสังหาริมทรัพย์เขายืนยันขอเดินหน้าลุยลงทุนด้วยตัวเอง
พอร์ตการลงทุนของกิติชัยในปัจจุบันหลักๆ ยังแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ หุ้นประมาณ 60% ที่เหลืออีก 40% เป็นอสังหาริมทรัพย์ แต่ปีหน้าคงจะทยอยลดทั้งหุ้นและอสังหาริมทรัพย์เพื่อจะกระจายความเสี่ยงไปลงทุนในต่างประเทศบ้าง
"ผมคงจะเลือกกองทุนเอฟไอเอฟมีฟันด์แมเนเจอร์บริหารให้ เขาน่าจะเก่งกว่าเรา ตอนนี้เรื่องกองทุนผมซื้อแต่กองทุนไว้ลดหย่อนภาษี การที่เบนเข็มไปลงทุนต่างประเทศเพราะต้องการกระจายพอร์ต กระจายความเสี่ยง และมองหาผลตอบแทนที่ดีที่สุด ปีหน้าเป็นปีที่ผมจะรื้อปรับขยับพอร์ต แต่คงต้องเลือกกองทุนโดยดูจากผลตอบแทนย้อนหลัง จากนั้นค่อยมานั่งลงรายละเอียด โดยรวมๆ ผมคิดว่าคงจะลดพอร์ตอสังหาฯ เหลือซัก 30-35% และหุ้นจาก 60% เหลือ 40-45% ที่เหลือพอร์ตต่างประเทศ ที่ผมดูๆ ไว้อาจจะมีพวกกองทุนทองคำ คอมโมดิตี้ และจีนก็เป็นอีกอันหนึ่ง ที่ผมมองว่าน่าจะดี "
แม้จะปรับเปลี่ยนพอร์ตไปบ้าง แต่ไม่ถึงกับปรับเข็มทิศการลงทุน กิติชัยบอกว่าถ้าถามถึงการลงทุนที่ถูกจริตก็ต้องบอกว่าอสังหาริมทรัพย์ถือว่า"ถูกจริต"มาก เพราะลงทุนแล้วราคาไม่ค่อยตก ส่วนใหญ่จะขึ้นตลอด แต่ข้อเสียคือสภาพคล่องน้อย ในจังหวะที่อยากขายถ้าไม่เจอคนซื้อก็ขายยาก เทียบกับหุ้นแล้วต้องถือว่าหุ้นสภาพคล่องดีกว่า
"อสังหาฯ ถือว่าถูกจริต ผมมีทั้งคอนโดมิเนียมและบ้านซื้อไว้เก็งกำไร อย่างคอนโดก็จะมีแถวสามย่านซื้อมาทีเดียว 10 ห้อง แถวสุรวงศ์ สุขุมวิท อโศก ประสานมิตร ทองหล่อ ประตูน้ำ รัชดา เน้นว่าให้อยู่ใกล้รถไฟฟ้า เดินทางสะดวก ก็จะขายง่ายเช่าง่าย ตอนนี้มี 30 กว่าห้อง พวกคอนโดชานเมืองก็มี แต่ถ้าย้อนกลับไปจะไม่ซื้อ มีห้องหนึ่งผมซื้อแค่ 2-3 แสน ราคาถูกก็จริงคิดว่าขายง่าย แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ เพราะคนชานเมืองส่วนใหญ่จะชอบเช่ามากกว่า แต่ถึงยังไงผลตอบแทนก็ยังดีกว่าฝากแบงก์ เพราะจะได้ซัก 5-6% ทั้งหมดที่ซื้อจะประกาศขายเลย "
ในโหมดของอสังหาฯ ยังไม่ได้จบแค่นี้ เพราะทุกวันนี้กิติชัยยังรับซื้อขายบ้านเป็นงานหลักอีกอย่างหนึ่ง รวมถึงประมูลทรัพย์จากกรมบังคับคดี แล้วเอามาขาย พวกนี้เมื่อ 10 ปีที่แล้วราคาถูก และกำไรดีมาก แต่ตอนนี้ไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้ว เพราะคนทำกันเยอะขึ้น
"ปัจจุบันธุรกิจนี้หากินยากขึ้นเรื่อยๆ สมัยก่อนทรัพย์สินของกรมบังคับคดีเป็น"บลู โอเชี่ยน" การที่คนเข้าประมูลไม่เยอะราคาก็ไม่แข่งขันกันมาก จึงได้ทรัพย์สินราคาถูก แต่ตอนนี้เป็น "เรด โอเชี่ยน" คนรู้จักที่จะไปประมูลมากขึ้นจนราคาเดี๋ยวนี้ไม่ถูกแล้ว ช่วงที่ผมทำแรกๆ บางชิ้นแค่ 6 เดือนได้ผลตอบแทน 50% ตอนนั้นผมคิดว่าโอ้โหเราผลิตเสื้อเหนื่อยมาก กว่าจะขายได้เป็นล้านนานมาก ทำแบบนี้แป๊บเดียวได้กำไรเยอะ "
ทั้งหมดนี้ กิติชัยบอกว่า ปัจจุบันถ้ารวมอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดในพอร์ตเป็นหลัก"ร้อยล้านบาท" นั่นคือสิ่งที่ถูกจริต แต่อีกอย่างที่ถูกโฉลกและถูกใจ ก็ต้องเป็นหุ้น ไม่น่าเชื่อว่าจากพอร์ตหุ้นเมื่อเริ่มลงทุนไม่ถึงล้าน ปัจจุบันก่อร่างสร้างพอร์ตจนใกล้ 500 ล้านบาทเข้าไปทุกที
"ผมมาเล่นหุ้นช่วงเรียนปริญญาโทที่จุฬา ลงทุนครั้งแรกพอร์ตไม่ถึงล้าน จากนั้นก็ค่อยๆ ใหญ่ขึ้นอาจจะเป็นเพราะได้อสังหาฯ มาช่วยด้วย แต่หุ้นตัวหนึ่งที่ทำให้คนรู้จักผม และประสบความสำเร็จในการลงทุนคือนิวยอร์กไลฟ์ประกันชีวิต ซื้อเมื่อ 4 ปีก่อน จากไม่กี่สิบบาท ผมทำการบ้านหนักและคิดว่า เมื่อ 4 ปีก่อนคนไทยมีประกันชีวิต ไม่ถึง 20% ขณะที่คนญี่ปุ่นถือเกิน 100% ซึ่งบ้านเราถือว่ารัฐส่งเสริมธุรกิจประกันชีวิตมาตลอดและสนับสนุนให้คนไทยซื้อประกันมากขึ้น เช่น ลดหย่อนภาษีได้มากขึ้น ทำให้ผมคิดว่าธุรกิจประกันรุ่งแน่ อีกอย่างคนไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ดังนั้น โรงพยาบาลและประกันชีวิตจะดี ผมเห็นโอกาส และตอนนั้นบริษัทประกันชีวิตมีตัวเดียว ผมจึงลงทุน ตอนนี้ต้องบอกว่าเป็นหุ้นที่ทำกำไรให้มากที่สุดในชีวิตการลงทุน ผมบอกทุกคนว่าจากอดีตจนถึงวันนี้ หุ้นตัวนี้เป็นหุ้นที่ดีที่สุดในตลาดหลักทรัพย์ ผมเอาไปเทียบกับหุ้นดีๆ ในตลาดก็พบว่าดีกว่าเยอะเลย "
ทุกวันนี้ ทั้งการลงทุนในหุ้นและอสังหาริมทรัพย์ ทำให้เขาต้องติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด ทั้งในบ้านเราและเรื่องราวรอบโลก เพราะเดี๋ยวนี้เป็นโลกโกลบอลไลเซชั่นทำให้ทุกอย่างเชื่อมโยงกันหมด ใครจะคิดว่าน้ำท่วมบ้านเราทำให้อุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ชะงัก
"ผมคิดว่าซื้อหุ้นเหมือนเลือกคนที่เราจะอยู่ด้วย หุ้นแต่ละตัวมีคาแรคเตอร์ เราต้องหาคนที่ถูกจริตถูกนิสัยกับเรา หุ้นที่ทำให้บางคนรวย แต่กับเราอาจไม่ใช่ ถ้าเราหาหุ้นที่ถูกจริตกับเราเจอ ก็จะประสบความสำเร็จ ผมว่าปีหน้าหุ้นเล่นง่ายกว่าปีนี้ ปีนี้เป็นปีแย่เล่นหุ้นยาก ทุกอย่างรวมอยู่ปีนี้หมด ทั้งเรื่องกรีซ ปัญหาเศรษฐกิจในยูโร น้ำท่วม ปีหน้าจึงเป็นปีของการฟื้นฟูประเทศ สิ่งแย่ที่สุดผ่านไปแล้ว ผมว่าปัญหาเศรษฐกิจอเมริกาและยุโรปน่าจะค่อยๆ ดีขึ้น"
กิติชัยบอกว่าคีย์เวิร์ดของการลงทุนให้ประสบสำเร็จ คือต้องทำการบ้านให้เยอะ วิเคราะห์ ติดตามข้อมูลข่าวสาร และตัดสินใจเฉียบคม แต่ก็มีพลาดบ้าง ถ้าทำการบ้านเยอะก็ทำให้ผิดพลาดน้อยสุด ถามถึงไอดอลทางการลงทุน เขาเป็นอีกคนหนึ่งที่ชื่นชอบแนวทางการลงทุนของวอร์เรน บัฟเฟตต์ และชื่นชมความเก่งของ ดร.นิเวศน์ เหมวชริวรากร แต่สิ่งที่ดีที่สุดคือ ตัวเองต้องวิเคราะห์ให้ถ่องแท้ ทำการบ้านอย่างหนักหน่วง โอกาสผิดพลาดน้อยลง นั่นคือวิธีเอาชนะตลาด
"ทุกวันนี้ ผมต่อยอดลงทุนตลอด ไม่ค่อยเก็บเงินสดไว้ ส่วนใหญ่ไปพักมันนี่ มาร์เก็ตฟันด์ชั่วคราว มีซื้อขายแบบระยะสั้นแค่นิดเดียว แต่ส่วนใหญ่ถือยาว เรียกว่ายาว 90% ก็ว่าได้ ข้อดีของการลงทุนระยะสั้นบ้าง เพื่อกระตุ้นให้เราติดตามข้อมูล แต่ถึงยังไงผมก็ยังเชื่อในการลงทุนระยะยาว ดังนั้นพูดถึงผลตอบแทน ผมว่า แย่ๆ เลยก็ต้องเป็นเลข 2 หลักที่ควรจะได้ในแต่ละปี ซึ่งก็ต้องบอกว่าเป็นโจทย์ที่ท้าทายมาก "
อีกมุมหนึ่งของกิติชัยที่น่าสนใจคือเรื่องค่าใช้จ่าย เพราะถึงแม้ฐานะการเงินของเขาจะดีวันดีคืน ทรัพย์สินเบ่งบาน แต่เขายังใช้ชีวิตอย่างสมถะ และใช้ชีวิตออกเดินทางท่องเที่ยวตามไลฟ์สไตล์ที่ชื่นชอบ
"ผมชอบเที่ยว ไม่ชอบมีภาระ คนถามว่าเห็นซื้อคอนโดเยอะไม่อยากสร้างคอนโดขายบ้างเหรอ ผมบอกว่าไม่เคยอยากเป็นดีเวลอปเปอร์เลยชีวิตนี้ ผมมีโน้ตบุ๊คตัวเดียว เที่ยวไป ดูราคาหุ้นได้จากทั่วโลก ก็ลงทุนได้ ผมไม่อยากไปดีลกับคนก่อสร้างและกับคนโน้นคนนี้ให้วุ่นวาย การใช้ชีวิตแบบนี้ทำให้ผมมีทั้งเงินทั้งเวลา ตอนนี้จะไปไหนในโลกก็ไปได้ ผมอาจทำกำไรไม่เท่าพวกเจ้าของโครงการ แต่แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ผมว่าทุกคนหาเงินได้ แต่หาเวลาไม่ได้ ผมอยากใช้ชีวิตแบบมีความสุข ผมเลือกที่จะไปซื้อคอนโดมาหลายห้องแล้วมาขายต่อดีกว่า บริหารแบบนี้ได้เท่านี้แฮปปี้แล้ว ทุกวันนี้ ผมไม่ขับรถ เคยมีรถแต่ขายไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ผมอยู่คอนโดตรงแยกอโศก เดินทางสะดวก จึงไม่มีความจำเป็นต้องใช้รถ เพราะชีวิตผมไปที่ๆ รถไฟฟ้าไปถึงทั้งนั้น ถ้าซื้อรถราคา 3 ล้านอายุ 10 ปีมีแต่ราคาลดลง ผมเอาเงินไปเที่ยวดีกว่า ผมไม่แคร์ว่าใครมองยังไงที่ไม่มีรถ แต่นี่คือชีวิตที่ผมเลือกแล้วว่าทำให้คุณภาพชีวิตดี มีเวลา สบายจะตาย รถจึงเป็นของไม่จำเป็นในชีวิต "
เป้าหมายในเส้นทางการลงทุนของกิตติชัย เขาบอกว่าเขายังต้องการสะสมความมั่งคั่งต่อไป แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งที่มีทรัพย์สินซักพันล้านนั่นคือเส้นชัยการลงทุน และจะตอบแทนสังคมด้วยการตั้งมูลนิธิเพื่อสนับสนุนเรื่องพื้นฐานการศึกษาแก่นักเรียนทั่วประเทศโดยเฉพาะในถิ่นทุรกันดาร
ถึงตลาดหุ้นบ้านเราจะสามวันดีสี่วันแดง แต่กิติชัยแย้มด้วยรอยยิ้มว่าอีกซัก 5-6 ปีเขาน่าจะพุ่งเข้าเส้นชัยนี้ได้
ปี 2012 “กิติชัย เตชะงามเลิศ” เตรียมรื้อปรับขยับพอร์ต
- Skyforever
- Verified User
- โพสต์: 1203
- ผู้ติดตาม: 0
ปี 2012 “กิติชัย เตชะงามเลิศ” เตรียมรื้อปรับขยับพอร์ต
โพสต์ที่ 1
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
ชนะเพราะไม่คิดเอาชนะ กำไรเพราะไม่โลภ ลงทุนอย่างมีความสุขเพราะจิตใจอยู่เหนืออารมณ์ตลาด
"ทรัพย์ศฤงคารที่ได้มาอย่างเร่งร้อนจะยอบแยบลง แต่บุคคลที่ส่ำสมทีละเล็กละน้อยจะได้เพิ่มพูนขึ้น" สุภาษิต 13:11
"ทรัพย์ศฤงคารที่ได้มาอย่างเร่งร้อนจะยอบแยบลง แต่บุคคลที่ส่ำสมทีละเล็กละน้อยจะได้เพิ่มพูนขึ้น" สุภาษิต 13:11
-
- Verified User
- โพสต์: 1230
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปี 2012 “กิติชัย เตชะงามเลิศ” เตรียมรื้อปรับขยับพอร์ต
โพสต์ที่ 2
ชอบประโยคนี้ครับ "เป้าหมายในเส้นทางการลงทุนของกิตติชัย เขาบอกว่าเขายังต้องการสะสมความมั่งคั่งต่อไป แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งที่มีทรัพย์สินซักพันล้านนั่นคือเส้นชัยการลงทุน และจะตอบแทนสังคมด้วยการตั้งมูลนิธิเพื่อสนับสนุนเรื่องพื้นฐานการศึกษาแก่นักเรียนทั่วประเทศโดยเฉพาะในถิ่นทุรกันดาร "....ขอให้ถึงเป้าหมายนะครับ
- Ii'8N
- Verified User
- โพสต์: 3682
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปี 2012 “กิติชัย เตชะงามเลิศ” เตรียมรื้อปรับขยับพอร์ต
โพสต์ที่ 3
Skyforever เขียน: "ผมมาเล่นหุ้นช่วงเรียนปริญญาโทที่จุฬา ลงทุนครั้งแรกพอร์ตไม่ถึงล้าน จากนั้นก็ค่อยๆ ใหญ่ขึ้นอาจจะเป็นเพราะได้อสังหาฯ มาช่วยด้วย แต่หุ้นตัวหนึ่งที่ทำให้คนรู้จักผม และประสบความสำเร็จในการลงทุนคือนิวยอร์กไลฟ์ประกันชีวิต ซื้อเมื่อ 4 ปีก่อน จากไม่กี่สิบบาท ผมทำการบ้านหนักและคิดว่า เมื่อ 4 ปีก่อนคนไทยมีประกันชีวิต ไม่ถึง 20% ขณะที่คนญี่ปุ่นถือเกิน 100% ซึ่งบ้านเราถือว่ารัฐส่งเสริมธุรกิจประกันชีวิตมาตลอดและสนับสนุนให้คนไทยซื้อประกันมากขึ้น เช่น ลดหย่อนภาษีได้มากขึ้น ทำให้ผมคิดว่าธุรกิจประกันรุ่งแน่ อีกอย่างคนไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ดังนั้น โรงพยาบาลและประกันชีวิตจะดี ผมเห็นโอกาส และตอนนั้นบริษัทประกันชีวิตมีตัวเดียว ผมจึงลงทุน ตอนนี้ต้องบอกว่าเป็นหุ้นที่ทำกำไรให้มากที่สุดในชีวิตการลงทุน ผมบอกทุกคนว่าจากอดีตจนถึงวันนี้ หุ้นตัวนี้เป็นหุ้นที่ดีที่สุดในตลาดหลักทรัพย์ ผมเอาไปเทียบกับหุ้นดีๆ ในตลาดก็พบว่าดีกว่าเยอะเลย "
ผมเก็บไฟล์สัมภาษณ์ไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว (เดือนกค.) รายการของ FM100.5 มีื่ท่านหนึ่งใน ThaiVI นี่แหละเอามาแชร์ จำห้องจำ URL ไม่ได้แล้ว เอาไฟล์ไปเลยละกัน ความยาว 23 นาที ความเป็นมาตั้งแต่ไฟไหม้บ้านคุณพ่อคุณแม่เสียชีวิต เล่าชีวิตตั้งแต่ไม่มีอะไรเลย ทำธุรกิจเสื้อผ้า ชีวิตการเรียนเกียรตินิยมอันดับ 2 จนมาถึงการลงทุนตั้งแต่ตอนเรียนโท รวมถึงทำไมสนใจการลงทุนอสังหาฯด้วย ข้อดี-ข้อด้อยระหว่างการลงทุนในหุ้นกับอสังหาฯ ใครเป็น idol ในการลงทุนหุ้น สภาพตลาด (ของปีที่แล้ว)
จนทำไมมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 8 ของ SCNYL ได้ (ตอนนี้เปลี่ยนเป็น SCBLIF มาตั้งแต่ 25 พ.ค. ผมไม่ได้ถือหุ้นนี้ แต่สนใจการต่อสู้ชีวิตของคุณกิติชัย) ทั้งๆ ตอนนั้นมีแต่คนอยากขาย แต่ก็ซื้อถึง 14 ล้าน จนถือว่าประสบความสำเร็จ แล้วถามเป้าหมายในชีวิต ซึ่งก็เกี่ยวกับมูลนิธิสำหรับการศึกษาถิ่นทุรกันดารเหมือนที่บอกในบทความข้างบน
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้