อีก 20 ปี ผมจะมีเงิน 10 ล้านบาท จะเป็นไปได้ไหมครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 276
- ผู้ติดตาม: 0
อีก 20 ปี ผมจะมีเงิน 10 ล้านบาท จะเป็นไปได้ไหมครับ
โพสต์ที่ 1
ผมลงทุนในหุ้นโดยใช้เงินก้อนแรกประมาณ 1,500,000 บาท แล้วถือไว้สัก 20 ปี โดยใช้วิธีแบบทบต้นไปเรื่อยๆ โดยผมซื้อหุ้นพื้นฐานดี และมีปันผลปีละประมาณ 5% พอได้ปันผลมา ก้อเอาไปซื้อหุ้น ทบต้นไปเรื่อยๆจนถึง 20 ปี เวลานั้นผมจะมีอายุ 50 พอดี
ปล.โดยหุ้นที่ผมซื้ออยู่ในหมวดอาหาร เป็นหุ้นพื้นฐานและมีปันผลทุกปี โดยผมคิดโดยเฉลี่ยว่าหุ้นจะเดิบโตตามผลประกอบการของมันประมาณปีละ 10%(รวมปันผลด้วย)
พี่ๆเพื่อนๆคิดว่าความคิดของผมพอจะเป็นไปได้ไหมครับ หรือว่า ผมควรจะตื่นได้แล้วครับ
ปี เงินต้น เงินปันผล+กำไร
1 1,500,000.00 10% 150,000.00
2 1,650,000.00 10% 165,000.00
3 1,815,000.00 10% 181,500.00
4 1,996,500.00 10% 199,650.00
5 2,196,150.00 10% 219,615.00
6 2,415,765.00 10% 241,576.50
7 2,657,341.50 10% 265,734.15
8 2,923,075.65 10% 292,307.57
9 3,215,383.22 10% 321,538.32
10 3,536,921.54 10% 353,692.15
11 3,890,613.69 10% 389,061.37
12 4,279,675.06 10% 427,967.51
13 4,707,642.57 10% 470,764.26
14 5,178,406.82 10% 517,840.68
15 5,696,247.50 10% 569,624.75
16 6,265,872.25 10% 626,587.23
17 6,892,459.48 10% 689,245.95
18 7,581,705.43 10% 758,170.54
19 8,339,875.97 10% 833,987.60
20 9,173,863.57 10% 917,386.36
10,091,249.92
ปล.โดยหุ้นที่ผมซื้ออยู่ในหมวดอาหาร เป็นหุ้นพื้นฐานและมีปันผลทุกปี โดยผมคิดโดยเฉลี่ยว่าหุ้นจะเดิบโตตามผลประกอบการของมันประมาณปีละ 10%(รวมปันผลด้วย)
พี่ๆเพื่อนๆคิดว่าความคิดของผมพอจะเป็นไปได้ไหมครับ หรือว่า ผมควรจะตื่นได้แล้วครับ
ปี เงินต้น เงินปันผล+กำไร
1 1,500,000.00 10% 150,000.00
2 1,650,000.00 10% 165,000.00
3 1,815,000.00 10% 181,500.00
4 1,996,500.00 10% 199,650.00
5 2,196,150.00 10% 219,615.00
6 2,415,765.00 10% 241,576.50
7 2,657,341.50 10% 265,734.15
8 2,923,075.65 10% 292,307.57
9 3,215,383.22 10% 321,538.32
10 3,536,921.54 10% 353,692.15
11 3,890,613.69 10% 389,061.37
12 4,279,675.06 10% 427,967.51
13 4,707,642.57 10% 470,764.26
14 5,178,406.82 10% 517,840.68
15 5,696,247.50 10% 569,624.75
16 6,265,872.25 10% 626,587.23
17 6,892,459.48 10% 689,245.95
18 7,581,705.43 10% 758,170.54
19 8,339,875.97 10% 833,987.60
20 9,173,863.57 10% 917,386.36
10,091,249.92
ปล่อยให้เงินทำงาน...$$$
-
- Verified User
- โพสต์: 28
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อีก 20 ปี ผมจะมีเงิน 10 ล้านบาท จะเป็นไปได้ไหมครับ
โพสต์ที่ 2
ผมว่าเป็นไปได้ครับ หวังกำไรทบต้นปีละ 10% ก็ไม่น่าจะมากหรือน้อยเกินไป
แต่ส่วนตัวผมคิดว่า ถ้าซื้อหุ้นที่อยู่ในหมวดอาหารแค่หมวดเดียวมันน่าจะเสี่ยงเกินไป แล้วจะแน่ใจได้อย่างไรว่าตัวที่ซื้อนั้น เราวิเคราะห์ไม่ผิด ผมคิดว่าเราควรจะกระจายความเสี่ยงบ้าง เผื่อเราคิดผิดครับ
แล้วก็อย่าลืมไปว่า 10 ล้านที่ว่า คิดลดเรื่องเงินเฟ้อลงมา ก็จะเหลือประมาณ 5 ล้านบาทกว่าๆเองนะครับ (คิดที่เงินเฟ้อเฉลี่ย 3%) ผมว่าควรจะมีการเติมเงินที่ได้มาจากการทำงานหรือทางอื่นๆด้วยครับ (เพื่อให้ได้มีเงิน 10 ล้านที่เราต้องการจริง หลังคิดมูลค่าปัจจุบันแล้ว)
(เป็นความคิดเห็นส่วนตัว ถูกผิดอย่างไรก็ขออภัยด้วยนะครับ)
แต่ส่วนตัวผมคิดว่า ถ้าซื้อหุ้นที่อยู่ในหมวดอาหารแค่หมวดเดียวมันน่าจะเสี่ยงเกินไป แล้วจะแน่ใจได้อย่างไรว่าตัวที่ซื้อนั้น เราวิเคราะห์ไม่ผิด ผมคิดว่าเราควรจะกระจายความเสี่ยงบ้าง เผื่อเราคิดผิดครับ
แล้วก็อย่าลืมไปว่า 10 ล้านที่ว่า คิดลดเรื่องเงินเฟ้อลงมา ก็จะเหลือประมาณ 5 ล้านบาทกว่าๆเองนะครับ (คิดที่เงินเฟ้อเฉลี่ย 3%) ผมว่าควรจะมีการเติมเงินที่ได้มาจากการทำงานหรือทางอื่นๆด้วยครับ (เพื่อให้ได้มีเงิน 10 ล้านที่เราต้องการจริง หลังคิดมูลค่าปัจจุบันแล้ว)
(เป็นความคิดเห็นส่วนตัว ถูกผิดอย่างไรก็ขออภัยด้วยนะครับ)
- leaderinshadow
- Verified User
- โพสต์: 1765
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อีก 20 ปี ผมจะมีเงิน 10 ล้านบาท จะเป็นไปได้ไหมครับ
โพสต์ที่ 3
-
- Verified User
- โพสต์: 276
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อีก 20 ปี ผมจะมีเงิน 10 ล้านบาท จะเป็นไปได้ไหมครับ
โพสต์ที่ 5
เห็นด้วยครับไม่ต้องรอนานขนาดนั้นเด๋วจะหมดกำลังใจไปซะก่อนakekarat เขียน:ไม่ต้องรอนานถึงขนาดนั้นหรอกครับ
คิดว่าที่ควรทำเพิ่มเพื่อร่นระยะเวลาเเห่งความสำเร็จคือ
หารายได้เพิ่มและนำมาลงทุนเพิ่ม
หาความรู้ในการลงทุนเพิ่มเพื่อเพิ่มผลตอบแทนต่อปี
- airazoc
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 904
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อีก 20 ปี ผมจะมีเงิน 10 ล้านบาท จะเป็นไปได้ไหมครับ
โพสต์ที่ 7
ก่อนจะตัดต้นไม้ให้ลับขวานให้คมครับ
ความขยันหมั่นเพียรคือเส้นทางลัดที่สุดสู่ความมั่งคั่ง
ผมรู้จักอย่างน้อยสามคนที่เริ่มจากเงินล้านกว่าบาทและมีเงินเกินร้อยล้านในสิบปี
สำคัญคือตั้งใจศึกษาอย่างละเอียด รู้จักเฝ้ารอ และอย่าลงทุนมั่วซั่วหรือตามกระแสโดยไม่มีความเข้าใจธุรกิจ
พึงระลึกเสมอว่า รวยขึ้นสองเท่าชีวิตไม่ได้เปลี่ยนไปเท่าไหร่ แต่เงินหายไปครึ่งนี่ชีวิตหม่นหมอง
ดังนั้นอย่าลงทุนในสิ่งที่ไม่รู้ รู้จักเฝ้ารอโอกาส และอย่ายึดติด หากธุรกิจเปลี่ยนหรือพื้นฐานไม่เป็นดังที่คาด อย่าหวังลมๆแล้งๆว่ามันจะดีขึ้นมาเอง แต่ถ้าเป็นกิจการที่ดีอย่างที่คาดแต่ตลาดยังไม่ให้ราคา ก็ขอให้อดทน
เหนืออื่นใด ผมแทบไม่เคยเห็นคนที่ไม่โลภเกินความรู้ ขาดทุนในการลงทุนในตลาดหุ้น
ที่เจ๊งๆไปเพราะซื้อสิ่งไม่เข้าใจแล้วยึดติดว่าดี
ขออวยพรให้เจ้าของกระทู้ตั้งใจศึกษาครับ สิบล้านในยี่สิบปีทำได้อยู่แล้ว เผลอๆจะมาก่อนจะรู้ตัว
ความขยันหมั่นเพียรคือเส้นทางลัดที่สุดสู่ความมั่งคั่ง
ผมรู้จักอย่างน้อยสามคนที่เริ่มจากเงินล้านกว่าบาทและมีเงินเกินร้อยล้านในสิบปี
สำคัญคือตั้งใจศึกษาอย่างละเอียด รู้จักเฝ้ารอ และอย่าลงทุนมั่วซั่วหรือตามกระแสโดยไม่มีความเข้าใจธุรกิจ
พึงระลึกเสมอว่า รวยขึ้นสองเท่าชีวิตไม่ได้เปลี่ยนไปเท่าไหร่ แต่เงินหายไปครึ่งนี่ชีวิตหม่นหมอง
ดังนั้นอย่าลงทุนในสิ่งที่ไม่รู้ รู้จักเฝ้ารอโอกาส และอย่ายึดติด หากธุรกิจเปลี่ยนหรือพื้นฐานไม่เป็นดังที่คาด อย่าหวังลมๆแล้งๆว่ามันจะดีขึ้นมาเอง แต่ถ้าเป็นกิจการที่ดีอย่างที่คาดแต่ตลาดยังไม่ให้ราคา ก็ขอให้อดทน
เหนืออื่นใด ผมแทบไม่เคยเห็นคนที่ไม่โลภเกินความรู้ ขาดทุนในการลงทุนในตลาดหุ้น
ที่เจ๊งๆไปเพราะซื้อสิ่งไม่เข้าใจแล้วยึดติดว่าดี
ขออวยพรให้เจ้าของกระทู้ตั้งใจศึกษาครับ สิบล้านในยี่สิบปีทำได้อยู่แล้ว เผลอๆจะมาก่อนจะรู้ตัว
"In life and business, there are two cardinal sins ... The first is to act precipitously without thought, and the second is to not act at all.” – Carl Icahn
- chukieat30
- Verified User
- โพสต์: 3531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อีก 20 ปี ผมจะมีเงิน 10 ล้านบาท จะเป็นไปได้ไหมครับ
โพสต์ที่ 8
airazoc เขียน:ก่อนจะตัดต้นไม้ให้ลับขวานให้คมครับ
ความขยันหมั่นเพียรคือเส้นทางลัดที่สุดสู่ความมั่งคั่ง
ผมรู้จักอย่างน้อยสามคนที่เริ่มจากเงินล้านกว่าบาทและมีเงินเกินร้อยล้านในสิบปี
สำคัญคือตั้งใจศึกษาอย่างละเอียด รู้จักเฝ้ารอ และอย่าลงทุนมั่วซั่วหรือตามกระแสโดยไม่มีความเข้าใจธุรกิจ
พึงระลึกเสมอว่า รวยขึ้นสองเท่าชีวิตไม่ได้เปลี่ยนไปเท่าไหร่ แต่เงินหายไปครึ่งนี่ชีวิตหม่นหมอง
ดังนั้นอย่าลงทุนในสิ่งที่ไม่รู้ รู้จักเฝ้ารอโอกาส และอย่ายึดติด หากธุรกิจเปลี่ยนหรือพื้นฐานไม่เป็นดังที่คาด อย่าหวังลมๆแล้งๆว่ามันจะดีขึ้นมาเอง แต่ถ้าเป็นกิจการที่ดีอย่างที่คาดแต่ตลาดยังไม่ให้ราคา ก็ขอให้อดทน
เหนืออื่นใด ผมแทบไม่เคยเห็นคนที่ไม่โลภเกินความรู้ ขาดทุนในการลงทุนในตลาดหุ้น
ที่เจ๊งๆไปเพราะซื้อสิ่งไม่เข้าใจแล้วยึดติดว่าดี
ขออวยพรให้เจ้าของกระทู้ตั้งใจศึกษาครับ สิบล้านในยี่สิบปีทำได้อยู่แล้ว เผลอๆจะมาก่อนจะรู้ตัว
+1 ตามที่เฮียว่าเลยครับ เฮียเค้าไป9หลักแล้ว ถ้าเริ่มต้นหลัก7 จะไป 9ผมว่าไม่น่ายาก
ก้รอจังหวะ แบบซัพไพรม์ ซื้อหุ้นโภคภัณไว้ พอผ่านวิกฤติ ได้สัก 5เด้ง
ถ้าจับจังหวะดีๆๆ ได้2 ตัว
จากล้านนึงก้ไปสิบล้านได้ในปีสองปีและครับ
หรือลุ้นหุ้น เทินอะราว แบบสมัยก่อน คือ SAT VNG
หรือ โภคภัณสมัยก่อนอย่างเรือ ยาง ถ่านหิน
ถ้าคุณไม่คิดมาก ลองมองยาวๆ ว่า โภคภัณตัวไหนจะมา มันวนเวียนกันมา ไม่ได้มาพร้อม
กัน
จุดสังเกตุคือ ตลาดหุ้นไทย คอมโมตัวไหนที่แรงไปแล้ว คุณจะได้เห็นมันแรงอีกที ก้ประมาณ 10 ปี + อีกรอบ ใครดอยสูงๆ โอกาศรอดยากมาก
เรือ ยาง ถ่านหิน น้ำมัน ปิโตร ทอง ในรอบ 10ปีขึ้นไปแล้ว
ลำดับต่อไป ก้คงเป็นพวกที่เหลือ แต่ก้ต้องใช้เวลา
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
-
- Verified User
- โพสต์: 61
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อีก 20 ปี ผมจะมีเงิน 10 ล้านบาท จะเป็นไปได้ไหมครับ
โพสต์ที่ 9
มีทั้งเป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้ครับ
การหาเงิน 20 ล้าน มีวิธีหลายแบบครับ อีกทั้งระยะเวลาที่ใช้ก็แตกต่างกันครับ
ที่สำคัญอันดับแรกคือ ต้องเชื่อมั่นก่อนว่ามันเป็นไปได้ ไม่งั้นมันจะไม่มีทางสำเร็จเลยครับ
ค่อยๆศึกษา ค่อยๆหาจังหวะการทำเงินครับ มันมีปัจจัยที่นำไปสู่ความสำเร็จและล้มเหลวมากมายครับ
ส่วนตัวผมเอง ผมเชื่อเรื่องดวงด้วยครับ
การหาเงิน 20 ล้าน มีวิธีหลายแบบครับ อีกทั้งระยะเวลาที่ใช้ก็แตกต่างกันครับ
ที่สำคัญอันดับแรกคือ ต้องเชื่อมั่นก่อนว่ามันเป็นไปได้ ไม่งั้นมันจะไม่มีทางสำเร็จเลยครับ
ค่อยๆศึกษา ค่อยๆหาจังหวะการทำเงินครับ มันมีปัจจัยที่นำไปสู่ความสำเร็จและล้มเหลวมากมายครับ
ส่วนตัวผมเอง ผมเชื่อเรื่องดวงด้วยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อีก 20 ปี ผมจะมีเงิน 10 ล้านบาท จะเป็นไปได้ไหมครับ
โพสต์ที่ 10
มีอยู่ 2 ประโยคที่เราเองก็มักจะหาเหตุผลมาอธิบายได้ยาก นั่นก็คือ...
1) ล้านบาทแรกคือสิ่งที่หามาได้ยากที่สุด!!! แต่ถ้าเรามีเงินหนึ่งล้านบาทแรกแล้ว ล้านต่อๆมาจะไหลมาเองแบบไม่น่าเชื่อ
2) ยิ่งให้...จะยิ่งได้มา
ขอให้ คุณ gripen โชคดี และมีความสุขมากๆในการลงทุนนะครับ (^_^)
1) ล้านบาทแรกคือสิ่งที่หามาได้ยากที่สุด!!! แต่ถ้าเรามีเงินหนึ่งล้านบาทแรกแล้ว ล้านต่อๆมาจะไหลมาเองแบบไม่น่าเชื่อ
2) ยิ่งให้...จะยิ่งได้มา
ขอให้ คุณ gripen โชคดี และมีความสุขมากๆในการลงทุนนะครับ (^_^)
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
- PrasertsakK
- Verified User
- โพสต์: 286
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อีก 20 ปี ผมจะมีเงิน 10 ล้านบาท จะเป็นไปได้ไหมครับ
โพสต์ที่ 14
ไม่รู้ว่าผมโอเวอร์ไปสักหน่อยหรือเปล่า แต่ผมว่า ตัวเลขนี้ในปัจจุบันอาจจะขยับไปอีก (แต่ไม่รู้ว่าเป็นเท่าไรดี สำหรับผมก็คงเป็น 10 ล้าน ซึ่งผมเองยังห่างไกลครับ T T)pak เขียน:มีอยู่ 2 ประโยคที่เราเองก็มักจะหาเหตุผลมาอธิบายได้ยาก นั่นก็คือ...
1) ล้านบาทแรกคือสิ่งที่หามาได้ยากที่สุด!!! แต่ถ้าเรามีเงินหนึ่งล้านบาทแรกแล้ว ล้านต่อๆมาจะไหลมาเองแบบไม่น่าเชื่อ
2) ยิ่งให้...จะยิ่งได้มา
ขอให้ คุณ gripen โชคดี และมีความสุขมากๆในการลงทุนนะครับ (^_^)
ผมได้มีโอกาสได้ยินประโยคนี้จากคุณพ่อ คุณแม่ผมสัก 10 ปีที่แล้ว เมื่อสมัยเริ่มทำงาน ท่านบอกว่าเหมือนกับพี่ว่า เราจะลำบากในการสะสมเงินในช่วงแรก และ พอเริ่มได้ 1 ล้านบาทแรก เงินก็จะยิ่งมาหาเรา เร็วขึ้นเรื่อย ๆ
แต่เมื่อผมมาทำงานเอง ผมกับคิดว่าการสะสมเงินล้านบาท เมื่อเทียบกับสมัยรุ่นพ่อแม่ผมแล้วเล่าให้ฟังนั้น ความเหนื่อยยากมันคนละชั้น เราทำงานได้โบนัสในแต่ละปี ในปัจจุบัน ก็หลักแสนแล้ว จะหาเงินล้าน ใช่ไม่ได้ยากขนาดนั้น แค่อาศัยเวลา เมื่อเทียบกับคุณพ่อเริ่มทำงานได้เงินเดือน วันละ 40-50 บาท แล้วเขาสะสมจนได้ล้านบาท เห็นไมครับว่านั้นมันต้องเรียกว่าคนละเรื่องเลย
แต่ผมไม่ได้บอกให้หมดกำลังใจนะครับ แต่ผมว่ามันทำให้เราสนุกมากขึ้นในการลงทุน
สุดท้าย ขอเป็นกำลังใจให้คุณ Gripen และก็ตัวผมเอง (555) และมีความสุขในวิถีการลงทุนในฉบับของตัวเองครับ ^ ^
http://prasertsakk.blogspot.com/
การลงทุน ความมั่งคั่ง ความสุข มิตรภาพ
การลงทุน ความมั่งคั่ง ความสุข มิตรภาพ
- Skyforever
- Verified User
- โพสต์: 1203
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อีก 20 ปี ผมจะมีเงิน 10 ล้านบาท จะเป็นไปได้ไหมครับ
โพสต์ที่ 15
ปกติคนเราจะเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางอยู่แล้วครับ ไม่เว้นแม้แต่ตัวผมเองด้วย แต่ละคนก็มีฐานะครอบครัวต่างกัน มีสังคมต่างกัน ประสบการณ์ในชีวิตต่างกัน มุมมองก็ออกมาต่างกัน ก็ไม่แปลกที่คุณ PrasertsakK จะบอกว่า 1 ล้านบาท น้อยเกินไป แต่ผมยังเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ในสังคมยังไม่สามารถมีเงินเก็บได้ถึง 1 ล้านบาทครับ และเงิน 1 ล้านบาทก็น่าจะยังคงเป็นเป้าหมายที่ท้าทายของคนส่วนใหญ่อยู่PrasertsakK เขียน:ไม่รู้ว่าผมโอเวอร์ไปสักหน่อยหรือเปล่า แต่ผมว่า ตัวเลขนี้ในปัจจุบันอาจจะขยับไปอีก (แต่ไม่รู้ว่าเป็นเท่าไรดี สำหรับผมก็คงเป็น 10 ล้าน ซึ่งผมเองยังห่างไกลครับ T T)pak เขียน:มีอยู่ 2 ประโยคที่เราเองก็มักจะหาเหตุผลมาอธิบายได้ยาก นั่นก็คือ...
1) ล้านบาทแรกคือสิ่งที่หามาได้ยากที่สุด!!! แต่ถ้าเรามีเงินหนึ่งล้านบาทแรกแล้ว ล้านต่อๆมาจะไหลมาเองแบบไม่น่าเชื่อ
2) ยิ่งให้...จะยิ่งได้มา
ขอให้ คุณ gripen โชคดี และมีความสุขมากๆในการลงทุนนะครับ (^_^)
ผมได้มีโอกาสได้ยินประโยคนี้จากคุณพ่อ คุณแม่ผมสัก 10 ปีที่แล้ว เมื่อสมัยเริ่มทำงาน ท่านบอกว่าเหมือนกับพี่ว่า เราจะลำบากในการสะสมเงินในช่วงแรก และ พอเริ่มได้ 1 ล้านบาทแรก เงินก็จะยิ่งมาหาเรา เร็วขึ้นเรื่อย ๆ
แต่เมื่อผมมาทำงานเอง ผมกับคิดว่าการสะสมเงินล้านบาท เมื่อเทียบกับสมัยรุ่นพ่อแม่ผมแล้วเล่าให้ฟังนั้น ความเหนื่อยยากมันคนละชั้น เราทำงานได้โบนัสในแต่ละปี ในปัจจุบัน ก็หลักแสนแล้ว จะหาเงินล้าน ใช่ไม่ได้ยากขนาดนั้น แค่อาศัยเวลา เมื่อเทียบกับคุณพ่อเริ่มทำงานได้เงินเดือน วันละ 40-50 บาท แล้วเขาสะสมจนได้ล้านบาท เห็นไมครับว่านั้นมันต้องเรียกว่าคนละเรื่องเลย
แต่ผมไม่ได้บอกให้หมดกำลังใจนะครับ แต่ผมว่ามันทำให้เราสนุกมากขึ้นในการลงทุน
สุดท้าย ขอเป็นกำลังใจให้คุณ Gripen และก็ตัวผมเอง (555) และมีความสุขในวิถีการลงทุนในฉบับของตัวเองครับ ^ ^
ในสังคมปัจจุบันนี้ก็ยังมีคนที่มีรายได้น้อยๆอยู่ครับ คนจำนวนมากที่เงินเดือน 6000-8000 บาท ทั้งๆที่ทำงานมาแล้วเป็นสิบปี คนเหล่านี้แค่จ่ายเงินซื้ออาหาร เช่าที่พักก็ไม่เหลือแล้วครับ เป็นหนี้เป็นสินด้วยซ้ำไป คนเหล่านี้ควรจะพูดว่า "1 แสนบาทแรกยากที่สุด ถ้าได้แสนแรกแล้ว แสนต่อๆมาจะไหลเข้ามาแบบไม่น่าเชื่อ"
ชนะเพราะไม่คิดเอาชนะ กำไรเพราะไม่โลภ ลงทุนอย่างมีความสุขเพราะจิตใจอยู่เหนืออารมณ์ตลาด
"ทรัพย์ศฤงคารที่ได้มาอย่างเร่งร้อนจะยอบแยบลง แต่บุคคลที่ส่ำสมทีละเล็กละน้อยจะได้เพิ่มพูนขึ้น" สุภาษิต 13:11
"ทรัพย์ศฤงคารที่ได้มาอย่างเร่งร้อนจะยอบแยบลง แต่บุคคลที่ส่ำสมทีละเล็กละน้อยจะได้เพิ่มพูนขึ้น" สุภาษิต 13:11
- Ii'8N
- Verified User
- โพสต์: 3682
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อีก 20 ปี ผมจะมีเงิน 10 ล้านบาท จะเป็นไปได้ไหมครับ
โพสต์ที่ 16
ถ้าคิดว่าเป็นไปไม่ได้ มันก็จะเป็นไปไม่ได้จริงๆ สมใจ
แต่ถ้าคิดว่าเป็นไปได้ มันเป็นไปได้อยู่แล้ว แล้วจะได้ มากกว่าแค่เป็นไปได้
ไม่ใช่คำให้กำลังใจ หรือคำปรัชญาอะไร แต่มันคือความจริงเพราะมีคนทำได้มาแล้วมาเยอะแล้ว
ถ้าคิดว่าเป็นไปไม่ได้ มันก็จะเป็นไปไม่ได้จริงๆ สมใจ?...ก็คือ พอตั้งธงไว้ว่า "มันเป็นไปไม่ได้แน่ๆ ว่ะ" .... เราก็จะไม่ลงมือทำอะไรเลย หรือไปทำอย่างอื่นที่ไกลไป
อย่าว่าแต่การลงทุนเลย ขนาดแค่เรื่องแทงหวย ก็ยังไม่มีโอกาสถูก เพราะถ้าคิดว่ายังไงไม่มีทาง สมองก็จะไม่สั่งการให้พาขา พาใจห่อเหี่ยว เดินไปซื้อสักใบที่แผงล็อตเตอรี่ หรือไปบ้านเจ้ามือหวยใต้ดิน
แล้วก็จะไม่มีโอกาสถูกหวยเลย
แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเป็นไปไม่ได้
ทางจิตวิทยา พวกล้มเหลวจะพูดกับตัวเองซ้ำๆ จนกลายเป็นสะกดจิต ว่าเป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ สมองจะสั่งงานเป็นการกระทำแล้วผลออกมาจริงๆ คือ ล้มเหลว ล้มเหลว ล้มเหลว เป็นนักล้มเหลวมืออาชีพ สุดท้ายล้มเลิกไปเลย
แต่ถ้าเริ่มคิดว่าทำได้ ต่อให้พิการที่สุด หรือโง่ที่สุด ก็พยายามจะทำให้ได้ อย่างน้อยมันก็เริ่มลงมือแล้ว ทำนองคำคมที่เขาว่าร้อยลี้ เริ่มที่ก้าวแรก
ถัดมา มันจะเริ่มเรียนรู้ ถูกมั่งผิดมั่ง สุดท้ายก็จะเรียนรู้เองแล้วจะถูกมากกว่าผิด บางคนที่รู้ตัวเองไม่ฉลาดที่จะเรียนด้วยตัวเอง แต่ก็ฉลาดที่จะเรียนรู้ดูตัวอย่างจากรุ่นพี่ที่สำเร็จมาแล้ว ค้นคว้าไม่เก่ง ก็จะไขว่คว้าสิ่งที่คนอื่นเขาค้นมาแล้ว คนที่เขาใจกว้างมาเผื่อแผ่มีเยอะ
เรื่องลงทุนของเรา ที่คุณคิดมา เป็นไปได้ครับ และผมฟันธงเลย จากการดูการวางแผนคุณต้องได้เร็วกว่านั้นแน่ คุณตั้งไว้ต่ำด้วยซ้ำ อย่างที่มีคนบอกข้างบน แต่ก็ขึ้นอยู่กับจังหวะการลงทุน การตั้งใจเรียนรู้ และใจคุณด้วย เพราะคุณเริ่มเปิดโอกาสให้ตัวคุณแล้ว
มันจะล้มเหลวบางปี อาจผลตอบแทนน้อยหรือถึงขั้นติดลบ อย่าไปท้อใจ เพราะขนาดบัฟเฟต์เอง ณ เวลานี้ หุ้นบางตัวก็ยังติดลบ มีช่วงปีที่ผลตอบแทนก็ไม่ได้เลิศหรูอะไร สภาพตลาดรวมถึงเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจประเทศจะมีช่วงซบเซาเสมอ แต่ก็อย่างอมืองอเท้าทำใจให้ห่อเหี่ยวซบเซาตาม หาทางเรียนรู้ว่าพลาดไปตรงไหน ปรับปรุง ปรับใจ ปรับตัว ปรับพอร์ต อย่ามองแผลถลอกป็นเรื่องใหญ่ ให้มีแผลเป็นเป็นสิ่งสามัญ ผิดแล้วไม่สำคัญเท่ารู้ว่าผิดแล้วแก้ ตีอกชกตัวเขกหัวร่ำไห้ก็ไม่ช่วยอะไร สำคัญคือเจ็บต้องจำอย่าไปทำซ้ำผิดอีก
แต่เชื่อว่าทำซ้ำๆ เรียนรู้เรื่อยๆ บางปีจะสำเร็จอย่างไม่คาดฝัน อาจเพราะเรียนรู้ได้เร็วหรือจังหวะดีพบกิจการที่มีการเปลี่ยนแปลง บางปีอาจพบหุ้นทำเราเด้งๆ แต่ก็อย่าคิดว่ามันจะสำเร็จอย่างนั้นไปตลอด อย่าลำพอง เรียนรู้เพิ่ม ว่าทำไมเราพบแบบนั้นได้ เพื่อหาโอกาสใหม่ๆ ให้สำเร็จแบบนั้น หรือดีกว่านั้นไปอีก
คนที่ผมเห็นว่าสำเร็จ เขาพบทั้งความสำเร็จและล้มเหลว แต่เมื่อจับผลมา sum กันแล้ว สำเร็จมากกว่า ก็คือบวกมากกว่าลบ เลยภาพโดยรวมเป็นบวก
รวมถึงเศรษฐกิจที่ว่า มันไม่ใช่เป็นคลื่นที่มีบวกกับลบ สูงกับต่ำเท่ากันสม่ำเสมอเหมือนคลื่นไฟฟ้าหรือคลื่นวิทยุ
แต่ถ้าลงทุนแบบมั่นคงต่อเนื่อง เราจะพบว่าช่วงเฟื่องฟูจะยาวกว่าช่วงซบเซา นั่นคือช่วงประตูความสำเร็จ จะให้โอกาสเปิดกับคนที่มั่นคงต่อเนื่องมากกว่าประตูล้มเหลว
อีกทั้งบริษัทต่างๆ ในตลาด โดยเฉลี่ย จะกำไรมากกว่าขาดทุน เรามีสิทธิ์จะเลือกลงทุนในกิจการดีๆ ดังนั้น เราจึงมีโอกาสสำเร็จทำผลกำรได้สูงกว่าตลาดโดยเฉลี่ย เพราะตลาดเอาผลการเปลี่ยนแปลงของบริษัท ที่มีประกอบการทั้งสำเร็จและล้มเหลวมาเฉลี่ยกัน เราลงทุนไม่กี่ตัว เลือกตัวที่ทำผลงานหรือมีแววว่าจะทำผลงานโด่ง จึง "อยู่เหนือตลาด" ได้ <--- นี่เป็นที่มาของชื่อหนังสือและเป็นหัวใจสำคัญที่ปีเตอร์ ลินช์ต้องการสื่อ
แม้อาจผิดพลาดประเมินผิดไปบ้างบางที แต่ถ้าไม่เขวจากการลงทุนไปเป็นการเสี่ยงดวงก่อน ผมเชื่อว่าหักลบกันแล้ว สำเร็จมากกว่าล้มเหลว
จึงสรุปได้ ว่าที่คุณฝันไว้นั้น ไม่ใช่เพ้อฝัน แต่ทำฝันจินตนาการเป็นจริงได้ จะยึดใคร หรือวิธีการใครเป็น idol ในดวงใจก็ได้ เมื่อเริ่มก้าวขาแล้ว หาแรงบันดาลใจที่ก้าวต่อไปเรื่อยๆ อย่างน้อยตอนนี้ คุณมีแรงบันดาลใจเรื่องมหัศจรรย์ทบต้นแล้ว...มีความหวัง จะมีพลัง คบหาสมาคมคุยกับคนที่กระหายความสำเร็จถ้าพบ ถามว่าเขาทำอย่างไรจึงสำเร็จ วางแผนแล้วอย่าให้แค่อยู่ในแผน สำคัญที่จะบอกคือ "ลงมือตอนนี้เลย!"
แต่ก็เสริมอีกนิด อย่างที่คุณ pak ที่ว่าไว้มีอยู่ 2 ประโยคที่เราเองก็มักจะหาเหตุผลมาอธิบายได้ยาก ....คุณลองคิดตั้งเป้าเผื่อว่าเราทำได้แล้วระดับไหนแล้ว เราจะเผื่อแผ่ แบ่งปันอะไรให้คนด้อยโอกาสกว่าเราบ้าง มันจะเหมือนมีอะไรผลักดันให้คุณสำเร็จหลายอย่างที่เกินระดับได้โดยไม่คิดมาก่อน บางทียังงงว่ามันได้มายังไงมาตอนไหน หรือบางที สิ่งที่ร้ายๆ มันผ่านไปเองโดยที่เราไม่ต้องหลบแต่มันไปเอง ลองดูเอาเอง ว่าจริงหรือไม่ จะได้ความรู้สึกที่แปลยาก หรือสมองอาจหลั่งสารความสำเร็จเองหมือนนักกีฬาวิ่งโดยไม่เหนื่อยตอนอะดรีนาลีนออกก็ได้
สุดท้าย จะรู้ว่าตัวเลขนั้นเพิ่มขึ้นต่างกันระหว่างที่เราทำได้ ทำได้จริงกว่าที่คาดนี่หว่า มันเกินความจำเป็นกับชีวิตเราแล้ว เราไม่ได้สนใจให้ความสำคัญตรงนั้นเท่ากับการประจักษ์ว่าเราทำได้ต่างหาก
ปล. กระทู้นี้ คล้ายกันเลย http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=49652 (ผมจะมีพันล้าน)
แต่ถ้าคิดว่าเป็นไปได้ มันเป็นไปได้อยู่แล้ว แล้วจะได้ มากกว่าแค่เป็นไปได้
ไม่ใช่คำให้กำลังใจ หรือคำปรัชญาอะไร แต่มันคือความจริงเพราะมีคนทำได้มาแล้วมาเยอะแล้ว
ถ้าคิดว่าเป็นไปไม่ได้ มันก็จะเป็นไปไม่ได้จริงๆ สมใจ?...ก็คือ พอตั้งธงไว้ว่า "มันเป็นไปไม่ได้แน่ๆ ว่ะ" .... เราก็จะไม่ลงมือทำอะไรเลย หรือไปทำอย่างอื่นที่ไกลไป
อย่าว่าแต่การลงทุนเลย ขนาดแค่เรื่องแทงหวย ก็ยังไม่มีโอกาสถูก เพราะถ้าคิดว่ายังไงไม่มีทาง สมองก็จะไม่สั่งการให้พาขา พาใจห่อเหี่ยว เดินไปซื้อสักใบที่แผงล็อตเตอรี่ หรือไปบ้านเจ้ามือหวยใต้ดิน
แล้วก็จะไม่มีโอกาสถูกหวยเลย
แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเป็นไปไม่ได้
ทางจิตวิทยา พวกล้มเหลวจะพูดกับตัวเองซ้ำๆ จนกลายเป็นสะกดจิต ว่าเป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ สมองจะสั่งงานเป็นการกระทำแล้วผลออกมาจริงๆ คือ ล้มเหลว ล้มเหลว ล้มเหลว เป็นนักล้มเหลวมืออาชีพ สุดท้ายล้มเลิกไปเลย
แต่ถ้าเริ่มคิดว่าทำได้ ต่อให้พิการที่สุด หรือโง่ที่สุด ก็พยายามจะทำให้ได้ อย่างน้อยมันก็เริ่มลงมือแล้ว ทำนองคำคมที่เขาว่าร้อยลี้ เริ่มที่ก้าวแรก
ถัดมา มันจะเริ่มเรียนรู้ ถูกมั่งผิดมั่ง สุดท้ายก็จะเรียนรู้เองแล้วจะถูกมากกว่าผิด บางคนที่รู้ตัวเองไม่ฉลาดที่จะเรียนด้วยตัวเอง แต่ก็ฉลาดที่จะเรียนรู้ดูตัวอย่างจากรุ่นพี่ที่สำเร็จมาแล้ว ค้นคว้าไม่เก่ง ก็จะไขว่คว้าสิ่งที่คนอื่นเขาค้นมาแล้ว คนที่เขาใจกว้างมาเผื่อแผ่มีเยอะ
เรื่องลงทุนของเรา ที่คุณคิดมา เป็นไปได้ครับ และผมฟันธงเลย จากการดูการวางแผนคุณต้องได้เร็วกว่านั้นแน่ คุณตั้งไว้ต่ำด้วยซ้ำ อย่างที่มีคนบอกข้างบน แต่ก็ขึ้นอยู่กับจังหวะการลงทุน การตั้งใจเรียนรู้ และใจคุณด้วย เพราะคุณเริ่มเปิดโอกาสให้ตัวคุณแล้ว
มันจะล้มเหลวบางปี อาจผลตอบแทนน้อยหรือถึงขั้นติดลบ อย่าไปท้อใจ เพราะขนาดบัฟเฟต์เอง ณ เวลานี้ หุ้นบางตัวก็ยังติดลบ มีช่วงปีที่ผลตอบแทนก็ไม่ได้เลิศหรูอะไร สภาพตลาดรวมถึงเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจประเทศจะมีช่วงซบเซาเสมอ แต่ก็อย่างอมืองอเท้าทำใจให้ห่อเหี่ยวซบเซาตาม หาทางเรียนรู้ว่าพลาดไปตรงไหน ปรับปรุง ปรับใจ ปรับตัว ปรับพอร์ต อย่ามองแผลถลอกป็นเรื่องใหญ่ ให้มีแผลเป็นเป็นสิ่งสามัญ ผิดแล้วไม่สำคัญเท่ารู้ว่าผิดแล้วแก้ ตีอกชกตัวเขกหัวร่ำไห้ก็ไม่ช่วยอะไร สำคัญคือเจ็บต้องจำอย่าไปทำซ้ำผิดอีก
แต่เชื่อว่าทำซ้ำๆ เรียนรู้เรื่อยๆ บางปีจะสำเร็จอย่างไม่คาดฝัน อาจเพราะเรียนรู้ได้เร็วหรือจังหวะดีพบกิจการที่มีการเปลี่ยนแปลง บางปีอาจพบหุ้นทำเราเด้งๆ แต่ก็อย่าคิดว่ามันจะสำเร็จอย่างนั้นไปตลอด อย่าลำพอง เรียนรู้เพิ่ม ว่าทำไมเราพบแบบนั้นได้ เพื่อหาโอกาสใหม่ๆ ให้สำเร็จแบบนั้น หรือดีกว่านั้นไปอีก
คนที่ผมเห็นว่าสำเร็จ เขาพบทั้งความสำเร็จและล้มเหลว แต่เมื่อจับผลมา sum กันแล้ว สำเร็จมากกว่า ก็คือบวกมากกว่าลบ เลยภาพโดยรวมเป็นบวก
รวมถึงเศรษฐกิจที่ว่า มันไม่ใช่เป็นคลื่นที่มีบวกกับลบ สูงกับต่ำเท่ากันสม่ำเสมอเหมือนคลื่นไฟฟ้าหรือคลื่นวิทยุ
แต่ถ้าลงทุนแบบมั่นคงต่อเนื่อง เราจะพบว่าช่วงเฟื่องฟูจะยาวกว่าช่วงซบเซา นั่นคือช่วงประตูความสำเร็จ จะให้โอกาสเปิดกับคนที่มั่นคงต่อเนื่องมากกว่าประตูล้มเหลว
อีกทั้งบริษัทต่างๆ ในตลาด โดยเฉลี่ย จะกำไรมากกว่าขาดทุน เรามีสิทธิ์จะเลือกลงทุนในกิจการดีๆ ดังนั้น เราจึงมีโอกาสสำเร็จทำผลกำรได้สูงกว่าตลาดโดยเฉลี่ย เพราะตลาดเอาผลการเปลี่ยนแปลงของบริษัท ที่มีประกอบการทั้งสำเร็จและล้มเหลวมาเฉลี่ยกัน เราลงทุนไม่กี่ตัว เลือกตัวที่ทำผลงานหรือมีแววว่าจะทำผลงานโด่ง จึง "อยู่เหนือตลาด" ได้ <--- นี่เป็นที่มาของชื่อหนังสือและเป็นหัวใจสำคัญที่ปีเตอร์ ลินช์ต้องการสื่อ
แม้อาจผิดพลาดประเมินผิดไปบ้างบางที แต่ถ้าไม่เขวจากการลงทุนไปเป็นการเสี่ยงดวงก่อน ผมเชื่อว่าหักลบกันแล้ว สำเร็จมากกว่าล้มเหลว
จึงสรุปได้ ว่าที่คุณฝันไว้นั้น ไม่ใช่เพ้อฝัน แต่ทำฝันจินตนาการเป็นจริงได้ จะยึดใคร หรือวิธีการใครเป็น idol ในดวงใจก็ได้ เมื่อเริ่มก้าวขาแล้ว หาแรงบันดาลใจที่ก้าวต่อไปเรื่อยๆ อย่างน้อยตอนนี้ คุณมีแรงบันดาลใจเรื่องมหัศจรรย์ทบต้นแล้ว...มีความหวัง จะมีพลัง คบหาสมาคมคุยกับคนที่กระหายความสำเร็จถ้าพบ ถามว่าเขาทำอย่างไรจึงสำเร็จ วางแผนแล้วอย่าให้แค่อยู่ในแผน สำคัญที่จะบอกคือ "ลงมือตอนนี้เลย!"
แต่ก็เสริมอีกนิด อย่างที่คุณ pak ที่ว่าไว้มีอยู่ 2 ประโยคที่เราเองก็มักจะหาเหตุผลมาอธิบายได้ยาก ....คุณลองคิดตั้งเป้าเผื่อว่าเราทำได้แล้วระดับไหนแล้ว เราจะเผื่อแผ่ แบ่งปันอะไรให้คนด้อยโอกาสกว่าเราบ้าง มันจะเหมือนมีอะไรผลักดันให้คุณสำเร็จหลายอย่างที่เกินระดับได้โดยไม่คิดมาก่อน บางทียังงงว่ามันได้มายังไงมาตอนไหน หรือบางที สิ่งที่ร้ายๆ มันผ่านไปเองโดยที่เราไม่ต้องหลบแต่มันไปเอง ลองดูเอาเอง ว่าจริงหรือไม่ จะได้ความรู้สึกที่แปลยาก หรือสมองอาจหลั่งสารความสำเร็จเองหมือนนักกีฬาวิ่งโดยไม่เหนื่อยตอนอะดรีนาลีนออกก็ได้
สุดท้าย จะรู้ว่าตัวเลขนั้นเพิ่มขึ้นต่างกันระหว่างที่เราทำได้ ทำได้จริงกว่าที่คาดนี่หว่า มันเกินความจำเป็นกับชีวิตเราแล้ว เราไม่ได้สนใจให้ความสำคัญตรงนั้นเท่ากับการประจักษ์ว่าเราทำได้ต่างหาก
ปล. กระทู้นี้ คล้ายกันเลย http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=49652 (ผมจะมีพันล้าน)
- leaderinshadow
- Verified User
- โพสต์: 1765
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อีก 20 ปี ผมจะมีเงิน 10 ล้านบาท จะเป็นไปได้ไหมครับ
โพสต์ที่ 17
อย่ากลัวที่ฝัน อย่าท้อเมื่อลงมือทำคับ
ขอให้เชื่อ และ ศรัทธา
พี่ๆหลายคนที่มาตอบกระทู้ หลายคนมีเกิน 10 ล้านกันแล้ว
ขอให้เชื่อว่าทำได้คับ ^^
ถ้าเรามุ่งมั่นเพื่อสิ่งนั้นจริง · ะ
ขอให้เชื่อ และ ศรัทธา
พี่ๆหลายคนที่มาตอบกระทู้ หลายคนมีเกิน 10 ล้านกันแล้ว
ขอให้เชื่อว่าทำได้คับ ^^
ถ้าเรามุ่งมั่นเพื่อสิ่งนั้นจริง · ะ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6447
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อีก 20 ปี ผมจะมีเงิน 10 ล้านบาท จะเป็นไปได้ไหมครับ
โพสต์ที่ 18
Ii'8N เขียน:ถ้าคิดว่าเป็นไปไม่ได้ มันก็จะเป็นไปไม่ได้จริงๆ สมใจ
แต่ถ้าคิดว่าเป็นไปได้ มันเป็นไปได้อยู่แล้ว แล้วจะได้ มากกว่าแค่เป็นไปได้
ไม่ใช่คำให้กำลังใจ หรือคำปรัชญาอะไร แต่มันคือความจริงเพราะมีคนทำได้มาแล้วมาเยอะแล้ว
ถ้าคิดว่าเป็นไปไม่ได้ มันก็จะเป็นไปไม่ได้จริงๆ สมใจ?...ก็คือ พอตั้งธงไว้ว่า "มันเป็นไปไม่ได้แน่ๆ ว่ะ" .... เราก็จะไม่ลงมือทำอะไรเลย หรือไปทำอย่างอื่นที่ไกลไป
อย่าว่าแต่การลงทุนเลย ขนาดแค่เรื่องแทงหวย ก็ยังไม่มีโอกาสถูก เพราะถ้าคิดว่ายังไงไม่มีทาง สมองก็จะไม่สั่งการให้พาขา พาใจห่อเหี่ยว เดินไปซื้อสักใบที่แผงล็อตเตอรี่ หรือไปบ้านเจ้ามือหวยใต้ดิน
แล้วก็จะไม่มีโอกาสถูกหวยเลย
แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเป็นไปไม่ได้
ทางจิตวิทยา พวกล้มเหลวจะพูดกับตัวเองซ้ำๆ จนกลายเป็นสะกดจิต ว่าเป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ สมองจะสั่งงานเป็นการกระทำแล้วผลออกมาจริงๆ คือ ล้มเหลว ล้มเหลว ล้มเหลว เป็นนักล้มเหลวมืออาชีพ สุดท้ายล้มเลิกไปเลย
แต่ถ้าเริ่มคิดว่าทำได้ ต่อให้พิการที่สุด หรือโง่ที่สุด ก็พยายามจะทำให้ได้ อย่างน้อยมันก็เริ่มลงมือแล้ว ทำนองคำคมที่เขาว่าร้อยลี้ เริ่มที่ก้าวแรก
ถัดมา มันจะเริ่มเรียนรู้ ถูกมั่งผิดมั่ง สุดท้ายก็จะเรียนรู้เองแล้วจะถูกมากกว่าผิด บางคนที่รู้ตัวเองไม่ฉลาดที่จะเรียนด้วยตัวเอง แต่ก็ฉลาดที่จะเรียนรู้ดูตัวอย่างจากรุ่นพี่ที่สำเร็จมาแล้ว ค้นคว้าไม่เก่ง ก็จะไขว่คว้าสิ่งที่คนอื่นเขาค้นมาแล้ว คนที่เขาใจกว้างมาเผื่อแผ่มีเยอะ
เรื่องลงทุนของเรา ที่คุณคิดมา เป็นไปได้ครับ และผมฟันธงเลย จากการดูการวางแผนคุณต้องได้เร็วกว่านั้นแน่ คุณตั้งไว้ต่ำด้วยซ้ำ อย่างที่มีคนบอกข้างบน แต่ก็ขึ้นอยู่กับจังหวะการลงทุน การตั้งใจเรียนรู้ และใจคุณด้วย เพราะคุณเริ่มเปิดโอกาสให้ตัวคุณแล้ว
มันจะล้มเหลวบางปี อาจผลตอบแทนน้อยหรือถึงขั้นติดลบ อย่าไปท้อใจ เพราะขนาดบัฟเฟต์เอง ณ เวลานี้ หุ้นบางตัวก็ยังติดลบ มีช่วงปีที่ผลตอบแทนก็ไม่ได้เลิศหรูอะไร สภาพตลาดรวมถึงเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจประเทศจะมีช่วงซบเซาเสมอ แต่ก็อย่างอมืองอเท้าทำใจให้ห่อเหี่ยวซบเซาตาม หาทางเรียนรู้ว่าพลาดไปตรงไหน ปรับปรุง ปรับใจ ปรับตัว ปรับพอร์ต อย่ามองแผลถลอกป็นเรื่องใหญ่ ให้มีแผลเป็นเป็นสิ่งสามัญ ผิดแล้วไม่สำคัญเท่ารู้ว่าผิดแล้วแก้ ตีอกชกตัวเขกหัวร่ำไห้ก็ไม่ช่วยอะไร สำคัญคือเจ็บต้องจำอย่าไปทำซ้ำผิดอีก
แต่เชื่อว่าทำซ้ำๆ เรียนรู้เรื่อยๆ บางปีจะสำเร็จอย่างไม่คาดฝัน อาจเพราะเรียนรู้ได้เร็วหรือจังหวะดีพบกิจการที่มีการเปลี่ยนแปลง บางปีอาจพบหุ้นทำเราเด้งๆ แต่ก็อย่าคิดว่ามันจะสำเร็จอย่างนั้นไปตลอด อย่าลำพอง เรียนรู้เพิ่ม ว่าทำไมเราพบแบบนั้นได้ เพื่อหาโอกาสใหม่ๆ ให้สำเร็จแบบนั้น หรือดีกว่านั้นไปอีก
คนที่ผมเห็นว่าสำเร็จ เขาพบทั้งความสำเร็จและล้มเหลว แต่เมื่อจับผลมา sum กันแล้ว สำเร็จมากกว่า ก็คือบวกมากกว่าลบ เลยภาพโดยรวมเป็นบวก
รวมถึงเศรษฐกิจที่ว่า มันไม่ใช่เป็นคลื่นที่มีบวกกับลบ สูงกับต่ำเท่ากันสม่ำเสมอเหมือนคลื่นไฟฟ้าหรือคลื่นวิทยุ
แต่ถ้าลงทุนแบบมั่นคงต่อเนื่อง เราจะพบว่าช่วงเฟื่องฟูจะยาวกว่าช่วงซบเซา นั่นคือช่วงประตูความสำเร็จ จะให้โอกาสเปิดกับคนที่มั่นคงต่อเนื่องมากกว่าประตูล้มเหลว
อีกทั้งบริษัทต่างๆ ในตลาด โดยเฉลี่ย จะกำไรมากกว่าขาดทุน เรามีสิทธิ์จะเลือกลงทุนในกิจการดีๆ ดังนั้น เราจึงมีโอกาสสำเร็จทำผลกำรได้สูงกว่าตลาดโดยเฉลี่ย เพราะตลาดเอาผลการเปลี่ยนแปลงของบริษัท ที่มีประกอบการทั้งสำเร็จและล้มเหลวมาเฉลี่ยกัน เราลงทุนไม่กี่ตัว เลือกตัวที่ทำผลงานหรือมีแววว่าจะทำผลงานโด่ง จึง "อยู่เหนือตลาด" ได้ <--- นี่เป็นที่มาของชื่อหนังสือและเป็นหัวใจสำคัญที่ปีเตอร์ ลินช์ต้องการสื่อ
แม้อาจผิดพลาดประเมินผิดไปบ้างบางที แต่ถ้าไม่เขวจากการลงทุนไปเป็นการเสี่ยงดวงก่อน ผมเชื่อว่าหักลบกันแล้ว สำเร็จมากกว่าล้มเหลว
จึงสรุปได้ ว่าที่คุณฝันไว้นั้น ไม่ใช่เพ้อฝัน แต่ทำฝันจินตนาการเป็นจริงได้ จะยึดใคร หรือวิธีการใครเป็น idol ในดวงใจก็ได้ เมื่อเริ่มก้าวขาแล้ว หาแรงบันดาลใจที่ก้าวต่อไปเรื่อยๆ อย่างน้อยตอนนี้ คุณมีแรงบันดาลใจเรื่องมหัศจรรย์ทบต้นแล้ว...มีความหวัง จะมีพลัง คบหาสมาคมคุยกับคนที่กระหายความสำเร็จถ้าพบ ถามว่าเขาทำอย่างไรจึงสำเร็จ วางแผนแล้วอย่าให้แค่อยู่ในแผน สำคัญที่จะบอกคือ "ลงมือตอนนี้เลย!"
แต่ก็เสริมอีกนิด อย่างที่คุณ pak ที่ว่าไว้มีอยู่ 2 ประโยคที่เราเองก็มักจะหาเหตุผลมาอธิบายได้ยาก ....คุณลองคิดตั้งเป้าเผื่อว่าเราทำได้แล้วระดับไหนแล้ว เราจะเผื่อแผ่ แบ่งปันอะไรให้คนด้อยโอกาสกว่าเราบ้าง มันจะเหมือนมีอะไรผลักดันให้คุณสำเร็จหลายอย่างที่เกินระดับได้โดยไม่คิดมาก่อน บางทียังงงว่ามันได้มายังไงมาตอนไหน หรือบางที สิ่งที่ร้ายๆ มันผ่านไปเองโดยที่เราไม่ต้องหลบแต่มันไปเอง ลองดูเอาเอง ว่าจริงหรือไม่ จะได้ความรู้สึกที่แปลยาก หรือสมองอาจหลั่งสารความสำเร็จเองหมือนนักกีฬาวิ่งโดยไม่เหนื่อยตอนอะดรีนาลีนออกก็ได้
สุดท้าย จะรู้ว่าตัวเลขนั้นเพิ่มขึ้นต่างกันระหว่างที่เราทำได้ ทำได้จริงกว่าที่คาดนี่หว่า มันเกินความจำเป็นกับชีวิตเราแล้ว เราไม่ได้สนใจให้ความสำคัญตรงนั้นเท่ากับการประจักษ์ว่าเราทำได้ต่างหาก
ปล. กระทู้นี้ คล้ายกันเลย http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=49652 (ผมจะมีพันล้าน)
เห็นด้วยและชอบที่คุณ I8N เขียนจริงๆครับ
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4740
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อีก 20 ปี ผมจะมีเงิน 10 ล้านบาท จะเป็นไปได้ไหมครับ
โพสต์ที่ 19
แนะนำอ่านกระทู้นี้ครับ
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... &start=120
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... &start=120
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
- Financeseed
- Verified User
- โพสต์: 1304
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อีก 20 ปี ผมจะมีเงิน 10 ล้านบาท จะเป็นไปได้ไหมครับ
โพสต์ที่ 20
ล้านแรกผมใกล้ล่ะ ขอเวลาอีก9ปีแล้วกันนะคับ ผ่านไป9ปีกระทู้ยังอยู่จะมาบอกนะคับว่าได้หรือเปล่า หุหุ
-
- Verified User
- โพสต์: 915
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อีก 20 ปี ผมจะมีเงิน 10 ล้านบาท จะเป็นไปได้ไหมครับ
โพสต์ที่ 21
ได้หรือไม่ได้ ขึ้นอยู่กับเป้าหมายและความขยัน อดทนครับ
ถ้าคิดว่าเป้าหมายชัดเจน และขยันหาความรู้ใส่ตัว ทำตัวเป็นน้ำไม่เต็มแก้ว
ผมคิดว่าไม่ถึง 10 ปี คุณก็มีแล้วมากกว่า 10 ล้าน
ทำไมเหรอครับ ถ้าเริ่มต้นที่ 1 ล้าน ความรู้สึกบอกว่าจะต้องสร้างผลตอบแทน 10 เท่าใน 10 ปี ดูมันไกลนะครับ
แต่ถ้าเมื่อไหร่ความสามารถคุณถึงล่ะก็
จากเงิน 1 ล้าน จะเป็น 2 ล้าน เพิ่มเท่าตัว
และ 2 ล้านจะเป็น 4 ล้าน และกลายเป็น 8 ล้าน และ 16 ล้าน
คุณแค่พยายามเพิ่มให้เป็น สองเท่า แค่สี่ครั้งก็ได้ 16 ล้านแล้วครับ
แต่ว่าต้องกลับมาถามตัวเองว่า ความสามารถคุณถึงแล้วหรือยัง และพร้อมจะเรียนรู้ต่อไปเรื่อยๆ หรือไม่
ที่สำคัญต้องอดทนครับ
ความคิดผมอาจจะแปลกๆ หน่อยนะครับ
ถ้าคิดว่าเป้าหมายชัดเจน และขยันหาความรู้ใส่ตัว ทำตัวเป็นน้ำไม่เต็มแก้ว
ผมคิดว่าไม่ถึง 10 ปี คุณก็มีแล้วมากกว่า 10 ล้าน
ทำไมเหรอครับ ถ้าเริ่มต้นที่ 1 ล้าน ความรู้สึกบอกว่าจะต้องสร้างผลตอบแทน 10 เท่าใน 10 ปี ดูมันไกลนะครับ
แต่ถ้าเมื่อไหร่ความสามารถคุณถึงล่ะก็
จากเงิน 1 ล้าน จะเป็น 2 ล้าน เพิ่มเท่าตัว
และ 2 ล้านจะเป็น 4 ล้าน และกลายเป็น 8 ล้าน และ 16 ล้าน
คุณแค่พยายามเพิ่มให้เป็น สองเท่า แค่สี่ครั้งก็ได้ 16 ล้านแล้วครับ
แต่ว่าต้องกลับมาถามตัวเองว่า ความสามารถคุณถึงแล้วหรือยัง และพร้อมจะเรียนรู้ต่อไปเรื่อยๆ หรือไม่
ที่สำคัญต้องอดทนครับ
ความคิดผมอาจจะแปลกๆ หน่อยนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1070
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อีก 20 ปี ผมจะมีเงิน 10 ล้านบาท จะเป็นไปได้ไหมครับ
โพสต์ที่ 22
ผมใช้เวลา 22 ปี หลังจบ ป ตรี ทำให้มี 10 ล้านบาท ..ครับ ทำงานเก็บเงิน ลงทุนในหุ้นไม่มากครับ ได้จากหุ้นไม่มากครับ..
ตอนนี้เริ่มลงทุนในหุ้น ปีนี้ แทบไม่ได้อะไรเลยครับ ราคาหุ้น + อยู่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์เอง..
มาแชร์ครับ..
ตอนนี้เริ่มลงทุนในหุ้น ปีนี้ แทบไม่ได้อะไรเลยครับ ราคาหุ้น + อยู่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์เอง..
มาแชร์ครับ..
The One
-
- Verified User
- โพสต์: 276
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อีก 20 ปี ผมจะมีเงิน 10 ล้านบาท จะเป็นไปได้ไหมครับ
โพสต์ที่ 23
ผมขอขอบคุณทุกกำลังใจ ทุกข้อความที่แสดงความคิดเห็นมาด้วยครับ ผมจะพยายามทำให้ได้ครับ นี่เป็นจุดเริ่มต้นของผม แล้วผมเพิ่งเข้ามาลงทุนในปีนี้ เป็นปีแรกด้วย แล้วตอนนี้อายุผม30ปีพอดี ซึ่งยังคิดว่าตัวเองเข้ามาลงทุนช้าเกินไปเสียด้วยซ้ำ ยังคิดในใจว่าทำไมไม่เข้ามาตั้งนานแล้ว ไม่งั้นป่านนี้ผมคงได้ผลตอบแทนแบบทบต้นเร็วกว่านี้ แต่ก้อคิดว่าก้อเริ่มตั้งแต่ปีนี้ ยังดีกว่ายังไม่เริ่มเข้ามาลงทุน
ปล. ผมต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ได้เข้ามาชี้แนะ ทุกกำลังใจ ด้วยครับ ผมยังมือใหม่จิงๆ ต้องขอความรู้ คำชี้แนะอีกมากมายครับ ขอบคุณครับ
ปล. ผมต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ได้เข้ามาชี้แนะ ทุกกำลังใจ ด้วยครับ ผมยังมือใหม่จิงๆ ต้องขอความรู้ คำชี้แนะอีกมากมายครับ ขอบคุณครับ
ปล่อยให้เงินทำงาน...$$$
-
- Verified User
- โพสต์: 1980
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อีก 20 ปี ผมจะมีเงิน 10 ล้านบาท จะเป็นไปได้ไหมครับ
โพสต์ที่ 24
พี่พยายามอย่าวางระยะนานเกินไปครับ 20ปี ถือว่านานเกินไปนิด
และเงินลงทุน1500000ที่ได้มาจากเบี้ยเลี้ยงสวีเดน ผมว่าหวัง10ล้านใน20ปี
เป็นความหวังที่ถ่อมตัวมากๆครับ
ยินดีที่ได้รู้จักพี่ทอ.อีกท่านหนึ่งครับ
และเงินลงทุน1500000ที่ได้มาจากเบี้ยเลี้ยงสวีเดน ผมว่าหวัง10ล้านใน20ปี
เป็นความหวังที่ถ่อมตัวมากๆครับ
ยินดีที่ได้รู้จักพี่ทอ.อีกท่านหนึ่งครับ
The mother of all evils is speculation, leverage debt. Bottom line, is borrowing to the hilt. And I hate to tell you this, but it's a bankrupt business model. It won't work. It's systemic, malignant, and it's global, like cancer.
-
- Verified User
- โพสต์: 1980
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อีก 20 ปี ผมจะมีเงิน 10 ล้านบาท จะเป็นไปได้ไหมครับ
โพสต์ที่ 25
อ่า อีกอย่างอะครับ
ผมว่าเจ้าสัวแกค่อนข้างเอาเงินจากกระเป๋าซ้ายใส่ในกระเป๋าขวาครับ
ผมว่าเจ้าสัวแกค่อนข้างเอาเงินจากกระเป๋าซ้ายใส่ในกระเป๋าขวาครับ
The mother of all evils is speculation, leverage debt. Bottom line, is borrowing to the hilt. And I hate to tell you this, but it's a bankrupt business model. It won't work. It's systemic, malignant, and it's global, like cancer.
-
- Verified User
- โพสต์: 39
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อีก 20 ปี ผมจะมีเงิน 10 ล้านบาท จะเป็นไปได้ไหมครับ
โพสต์ที่ 27
คนที่ผมรู้จัก ลงทุนด้วยเงินต้นเท่าคุณ Gripen คือ 1.5 ล้าน
ผ่านไป 5 ปี Port เป็นเลข 8 หลักแล้ว โดยไม่ได้ใช้ Margin
Port โตจากแนวทาง VI
20 ปี ได้ 10 ล้านแน่
ผ่านไป 5 ปี Port เป็นเลข 8 หลักแล้ว โดยไม่ได้ใช้ Margin
Port โตจากแนวทาง VI
20 ปี ได้ 10 ล้านแน่
-
- Verified User
- โพสต์: 276
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อีก 20 ปี ผมจะมีเงิน 10 ล้านบาท จะเป็นไปได้ไหมครับ
โพสต์ที่ 28
แต่อย่างที่บอกครับ หุ้นที่ผมถือตัวนี้อยู่นั้น ราคาที่ผมเข้าลงทุนเป็นราคาที่ไม่ได้ถูกอ่ะครับ ผมจึงไม่ค่อยมั่นใจอย่างที่โพสในหัวข้อว่า " อีก 20 ปี ผมจะมีเงิน 10 ล้านบาท จะเป็นไปได้ไหมครับ " เพราะราคาที่ผมเข้าอยู่ที่ประมาณ 27 บาทครับ เพราะหุ้นตัวนี้ราคาที่ผมลงทุนเป็นราคาที่ผมคิดว่าอาจจะไม่ค่อยมี ค่าเผื่อความปลอดภัยเท่าที่ควร (เนื่องจากผมเป็นมือใหม่ผมจึง รอคอยราคาให้มันตกลงมามากๆไม่ค่อยไหวครับ)
ปล. ผมมีหุ้นตัวนี้ตัวเดียวในพอร์ทด้วยครับ เพราะความเห็นส่วนตัวผม ผมคิดว่าหุ้นตัวนี้เป็นหุ้น super stock อ่ะครับ ผมเคยอ่านบทความของท่าน ดร.นิเวศน์ แล้วจึงคิดว่าหุ้นตัวนี้ตรงตามคุณสมบัติอ่ะครับ
บทความที่ว่านี้ คือ
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
Value Investor ในเมืองไทยส่วนใหญ่นั้นนับถือและยกย่อง วอเร็น บัฟเฟตต์ แต่น้อยคนที่จะทำตามวิธีการลงทุนของเขาที่เน้นการลงทุนในหุ้นของกิจการที่ดีสุดยอดในราคาที่ยุติธรรมหรือที่เรียกกันว่า Super Stock เหตุผลคงเป็นว่า ข้อแรก Value Investor ในตลาดหุ้นไทยนั้นค่อนข้างจะเน้นในเรื่องของ “ราคา” ซึ่งเป็นพื้นฐานดั้งเดิมของการลงทุนแบบ Value Investment ที่เสนอโดย เบน เกรแฮม ในขณะที่ “คุณภาพ” ของกิจการนั้น นักลงทุนคิดว่าเป็น “ตัวประกอบ” พูดง่าย ๆ ถ้าราคาหุ้น “ไม่ผ่าน” ก็ไม่ต้องดูว่าคุณภาพเป็นอย่างไร ข้อสอง เหตุที่นักลงทุนไม่ชอบลงทุนในหุ้น Super Stock นั้น เพราะไม่รู้ว่าหุ้นตัวไหนเป็นหุ้นของกิจการที่ดีเยี่ยม ถ้าจะว่าไป หลายคนก็ยังสงสัยว่าในเมืองไทยนั้นมีหุ้นที่เรียกได้ว่าเป็น Super Stock แบบในสหรัฐอเมริกาจริง ๆ หรือเปล่า และสุดท้ายก็คือ Value Investor อาจจะคิดว่า การหาหุ้นถูกซื้อแล้วขายทำกำไรเมื่อราคาหุ้นขึ้นแล้วก็เปลี่ยนไปหาหุ้นถูกตัวใหม่น่าจะสร้างผลตอบแทนดีกว่าการซื้อหุ้น Super Stock แล้วถือยาวแบบ บัฟเฟตต์
ผมคงไม่ถกเถียงว่าการลงแนวไหนจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่ากัน แต่จะพยายามตอบคำถามว่าจะมองหาหุ้นที่เรียกว่า Super Stock อย่างไร และต่อไปนี้คือคุณสมบัติที่ Super Stock มักจะเป็นหรือมีอยู่
ข้อแรก Super Stock จะต้องมีสิ่งที่เรียกว่า Durable Competitive Advantage (DCA) หรือการได้เปรียบในการแข่งขันที่ยั่งยืน และความได้เปรียบนี้เป็นเรื่องของโครงสร้างที่เปลี่ยนแปลงได้ยาก โดยแหล่งของความได้เปรียบใหญ่ ๆ อยู่ที่เรื่องของชื่อยี่ห้อที่โดดเด่น และเรื่องของต้นทุนสินค้าที่ต่ำกว่าเนื่องจากกิจการมีขนาดที่เหมาะสมหรือมีขนาดที่ใหญ่กว่าคู่แข่งมากโดยที่คู่แข่งไม่สามารถหรือไม่ประสงค์ที่จะเพิ่มขนาดของกิจการเพื่อให้มีต้นทุนเท่าเทียมได้ เรื่องของ DCA นี้ บ่อยครั้ง นักลงทุนอาจจะวิเคราะห์ผิด เอา “ความได้เปรียบชั่วคราว” มาเป็นความได้เปรียบที่ “ยั่งยืน”
ข้อสอง หุ้นสุดยอดนั้น จะต้องอยู่ในช่วงของ Virtuous Circle หรือ “วงจรแห่งความรุ่งเรือง” นั่นก็คือ ในกระบวนการเติบโตของบริษัทนั้น ทำให้บริษัทได้เปรียบคู่แข่งมากขึ้นไปอีก เช่นต้นทุนลดลงไปอีก ในเวลาเดียวกัน สินค้าและบริการกลับดีขึ้นและช่วยเร่งการเติบโตของยอดขายของบริษัทเพิ่มขึ้น เป็นวงจรแบบนี้ไปเรื่อย ๆ
ข้อสาม Super Stock นั้นจะต้องมีศักยภาพสูงมาก นั่นคือ ตลาดของสินค้าหรือบริการจะต้องใหญ่มาก และบริษัทอยู่ในสถานะที่จะ “ยึดครอง” ตลาดนั้นได้ พูดง่าย ๆ เราสามารถมองคร่าว ๆ ได้ว่าในอนาคตระยะยาว บริษัทน่าจะสามารถมียอดขายได้ค่อนข้างสูงกว่าปัจจุบันมาก และยอดขายนั้นจะทำให้บริษัทมีกำไรมากขึ้นเป็นทวีคูณ
ข้อสี่ การเติบโตของบริษัทที่ผ่านมานั้นน่าประทับใจเป็นเลขสองหลัก คือมากกว่า 10% เกือบทุกปี โดยที่ยอดขายไม่เคยลดลงเลยแม้ในยามที่เศรษฐกิจซบเซาหรือเกิดวิกฤติ เช่นเดียวกัน กำไรของบริษัทก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในอัตราใกล้เคียงกับยอดขายหรือดีกว่า
ข้อห้า บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานดีมาก กำไรต่อส่วนของผู้ถือหุ้นสูงในหลักเกิน 15-20% ต่อปี โดยที่ไม่ได้ก่อหนี้กับสถาบันการเงินมากนัก หนี้ที่มีอยู่สามารถชดใช้ได้ด้วยกำไรจากการดำเนินงานไม่เกิน 5 ปี
ข้อหก บริษัทมี Cash From Operation หรือเงินสดที่ได้จากการทำธุรกิจดีมาก และเมื่อบริษัทจะขยายงานก็ไม่จำเป็นต้องลงทุนมากนักเทียบกับยอดขายหรือกำไรที่จะได้รับจากการลงทุนใหม่นั้น
ข้อเจ็ด ผู้บริหารมักจะ “เก่ง” และได้รับการกล่าวขวัญถึงมาก พนักงานของบริษัทมักจะ “ดี” และมี “ความสุข” เมื่อเทียบกับบริษัทอื่นทั่ว ๆ ไป
ข้อแปด หุ้น Super Stock นั้น มักจะไม่เคยมีราคา “ถูก” ยกเว้นในบางช่วงบางตอนที่บริษัทอาจประสบปัญหาบางอย่างที่ร้ายแรงหรือในช่วงที่ตลาดหุ้นเกิดวิกฤติ ค่า PE ของ Super Stock ในระดับ 20 เท่า นั้นเป็นเรื่องธรรมดาและไม่ถือว่าแพงเมื่อเทียบกับศักยภาพของกิจการในอนาคต และนี่อาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้ Value Investor จำนวนมากหลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้นสุดยอด เพราะเขาเคยชินกับการลงทุนในหุ้นที่มี PE ไม่เกิน 10 เท่า
ทั้งหมดนั้นก็เป็นคุณสมบัติหลัก ๆ ของ Super Stock แน่นอนใน Super Stock เองก็มี“ดีกรี” ที่ไม่เท่ากัน บางบริษัทอาจจะดีกว่าอีกบริษัทหนึ่ง และที่ชัดเจนก็คือ บริษัทในประเทศไทยนั้นไม่สามารถที่จะเปรียบเทียบได้กับ Super Stock ในอเมริกาซึ่งมีศักยภาพคลุมไปทั้งโลก อย่างไรก็ตาม มูลค่าของกิจการหรือ Market Cap. ของบริษัทในอเมริกาก็ใหญ่จนเทียบไม่ได้กับบริษัทไทย ดังนั้น เวลาพูดถึง Super Stock ในตลาดหุ้นไทยเราก็ต้องเข้าใจว่าเป็นบริษัทระดับไหน
Value Investor หลายคนอาจจะไม่สนใจที่จะลงทุนในหุ้น Super Stock แต่การเรียนรู้เรื่องของ “คุณสมบัติ” ของบริษัทนั้นก็เป็นประโยชน์ไม่น้อยในการที่จะช่วยเป็น “ตัวประกอบ” ในการเลือกหุ้นลงทุน นั่นก็คือ หลังจากพบหุ้นที่ “ราคาถูก” เข้าเกณฑ์ที่จะซื้อแล้ว ก็ควรดูถึงคุณสมบัติว่าบริษัทน่าจะอยู่ในระดับไหน ถ้าทำได้แบบนี้ ราคาก็จะไม่ใช่เงื่อนไขเดียวที่จะซื้อ สิ่งที่ถูกต้องมากกว่าอาจจะเป็นว่า ไม่ได้ซื้อหุ้นที่ราคาถูกที่สุด แต่เป็นราคาถูกมากเมื่อเทียบกับคุณสมบัติของบริษัท
***แล้วที่สำคัญเงินผมยังไม่เยอะอ่ะครับ ถ้าไปลงทุนกระจาย3-4ตัว ผลตอบแทนอาจจะไม่มาก ผมเลยต้องพยายามหาตัวที่ดี และมีการเติบโตต่อไปในอนาคตค่อนข้างต่อเนื่องและยั่งยีน ผมเลยตัดสินใจเข้าลงทุนตัวนี้ตัวเดียวครับ***
ปล. ผมมีหุ้นตัวนี้ตัวเดียวในพอร์ทด้วยครับ เพราะความเห็นส่วนตัวผม ผมคิดว่าหุ้นตัวนี้เป็นหุ้น super stock อ่ะครับ ผมเคยอ่านบทความของท่าน ดร.นิเวศน์ แล้วจึงคิดว่าหุ้นตัวนี้ตรงตามคุณสมบัติอ่ะครับ
บทความที่ว่านี้ คือ
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
Value Investor ในเมืองไทยส่วนใหญ่นั้นนับถือและยกย่อง วอเร็น บัฟเฟตต์ แต่น้อยคนที่จะทำตามวิธีการลงทุนของเขาที่เน้นการลงทุนในหุ้นของกิจการที่ดีสุดยอดในราคาที่ยุติธรรมหรือที่เรียกกันว่า Super Stock เหตุผลคงเป็นว่า ข้อแรก Value Investor ในตลาดหุ้นไทยนั้นค่อนข้างจะเน้นในเรื่องของ “ราคา” ซึ่งเป็นพื้นฐานดั้งเดิมของการลงทุนแบบ Value Investment ที่เสนอโดย เบน เกรแฮม ในขณะที่ “คุณภาพ” ของกิจการนั้น นักลงทุนคิดว่าเป็น “ตัวประกอบ” พูดง่าย ๆ ถ้าราคาหุ้น “ไม่ผ่าน” ก็ไม่ต้องดูว่าคุณภาพเป็นอย่างไร ข้อสอง เหตุที่นักลงทุนไม่ชอบลงทุนในหุ้น Super Stock นั้น เพราะไม่รู้ว่าหุ้นตัวไหนเป็นหุ้นของกิจการที่ดีเยี่ยม ถ้าจะว่าไป หลายคนก็ยังสงสัยว่าในเมืองไทยนั้นมีหุ้นที่เรียกได้ว่าเป็น Super Stock แบบในสหรัฐอเมริกาจริง ๆ หรือเปล่า และสุดท้ายก็คือ Value Investor อาจจะคิดว่า การหาหุ้นถูกซื้อแล้วขายทำกำไรเมื่อราคาหุ้นขึ้นแล้วก็เปลี่ยนไปหาหุ้นถูกตัวใหม่น่าจะสร้างผลตอบแทนดีกว่าการซื้อหุ้น Super Stock แล้วถือยาวแบบ บัฟเฟตต์
ผมคงไม่ถกเถียงว่าการลงแนวไหนจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่ากัน แต่จะพยายามตอบคำถามว่าจะมองหาหุ้นที่เรียกว่า Super Stock อย่างไร และต่อไปนี้คือคุณสมบัติที่ Super Stock มักจะเป็นหรือมีอยู่
ข้อแรก Super Stock จะต้องมีสิ่งที่เรียกว่า Durable Competitive Advantage (DCA) หรือการได้เปรียบในการแข่งขันที่ยั่งยืน และความได้เปรียบนี้เป็นเรื่องของโครงสร้างที่เปลี่ยนแปลงได้ยาก โดยแหล่งของความได้เปรียบใหญ่ ๆ อยู่ที่เรื่องของชื่อยี่ห้อที่โดดเด่น และเรื่องของต้นทุนสินค้าที่ต่ำกว่าเนื่องจากกิจการมีขนาดที่เหมาะสมหรือมีขนาดที่ใหญ่กว่าคู่แข่งมากโดยที่คู่แข่งไม่สามารถหรือไม่ประสงค์ที่จะเพิ่มขนาดของกิจการเพื่อให้มีต้นทุนเท่าเทียมได้ เรื่องของ DCA นี้ บ่อยครั้ง นักลงทุนอาจจะวิเคราะห์ผิด เอา “ความได้เปรียบชั่วคราว” มาเป็นความได้เปรียบที่ “ยั่งยืน”
ข้อสอง หุ้นสุดยอดนั้น จะต้องอยู่ในช่วงของ Virtuous Circle หรือ “วงจรแห่งความรุ่งเรือง” นั่นก็คือ ในกระบวนการเติบโตของบริษัทนั้น ทำให้บริษัทได้เปรียบคู่แข่งมากขึ้นไปอีก เช่นต้นทุนลดลงไปอีก ในเวลาเดียวกัน สินค้าและบริการกลับดีขึ้นและช่วยเร่งการเติบโตของยอดขายของบริษัทเพิ่มขึ้น เป็นวงจรแบบนี้ไปเรื่อย ๆ
ข้อสาม Super Stock นั้นจะต้องมีศักยภาพสูงมาก นั่นคือ ตลาดของสินค้าหรือบริการจะต้องใหญ่มาก และบริษัทอยู่ในสถานะที่จะ “ยึดครอง” ตลาดนั้นได้ พูดง่าย ๆ เราสามารถมองคร่าว ๆ ได้ว่าในอนาคตระยะยาว บริษัทน่าจะสามารถมียอดขายได้ค่อนข้างสูงกว่าปัจจุบันมาก และยอดขายนั้นจะทำให้บริษัทมีกำไรมากขึ้นเป็นทวีคูณ
ข้อสี่ การเติบโตของบริษัทที่ผ่านมานั้นน่าประทับใจเป็นเลขสองหลัก คือมากกว่า 10% เกือบทุกปี โดยที่ยอดขายไม่เคยลดลงเลยแม้ในยามที่เศรษฐกิจซบเซาหรือเกิดวิกฤติ เช่นเดียวกัน กำไรของบริษัทก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในอัตราใกล้เคียงกับยอดขายหรือดีกว่า
ข้อห้า บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานดีมาก กำไรต่อส่วนของผู้ถือหุ้นสูงในหลักเกิน 15-20% ต่อปี โดยที่ไม่ได้ก่อหนี้กับสถาบันการเงินมากนัก หนี้ที่มีอยู่สามารถชดใช้ได้ด้วยกำไรจากการดำเนินงานไม่เกิน 5 ปี
ข้อหก บริษัทมี Cash From Operation หรือเงินสดที่ได้จากการทำธุรกิจดีมาก และเมื่อบริษัทจะขยายงานก็ไม่จำเป็นต้องลงทุนมากนักเทียบกับยอดขายหรือกำไรที่จะได้รับจากการลงทุนใหม่นั้น
ข้อเจ็ด ผู้บริหารมักจะ “เก่ง” และได้รับการกล่าวขวัญถึงมาก พนักงานของบริษัทมักจะ “ดี” และมี “ความสุข” เมื่อเทียบกับบริษัทอื่นทั่ว ๆ ไป
ข้อแปด หุ้น Super Stock นั้น มักจะไม่เคยมีราคา “ถูก” ยกเว้นในบางช่วงบางตอนที่บริษัทอาจประสบปัญหาบางอย่างที่ร้ายแรงหรือในช่วงที่ตลาดหุ้นเกิดวิกฤติ ค่า PE ของ Super Stock ในระดับ 20 เท่า นั้นเป็นเรื่องธรรมดาและไม่ถือว่าแพงเมื่อเทียบกับศักยภาพของกิจการในอนาคต และนี่อาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้ Value Investor จำนวนมากหลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้นสุดยอด เพราะเขาเคยชินกับการลงทุนในหุ้นที่มี PE ไม่เกิน 10 เท่า
ทั้งหมดนั้นก็เป็นคุณสมบัติหลัก ๆ ของ Super Stock แน่นอนใน Super Stock เองก็มี“ดีกรี” ที่ไม่เท่ากัน บางบริษัทอาจจะดีกว่าอีกบริษัทหนึ่ง และที่ชัดเจนก็คือ บริษัทในประเทศไทยนั้นไม่สามารถที่จะเปรียบเทียบได้กับ Super Stock ในอเมริกาซึ่งมีศักยภาพคลุมไปทั้งโลก อย่างไรก็ตาม มูลค่าของกิจการหรือ Market Cap. ของบริษัทในอเมริกาก็ใหญ่จนเทียบไม่ได้กับบริษัทไทย ดังนั้น เวลาพูดถึง Super Stock ในตลาดหุ้นไทยเราก็ต้องเข้าใจว่าเป็นบริษัทระดับไหน
Value Investor หลายคนอาจจะไม่สนใจที่จะลงทุนในหุ้น Super Stock แต่การเรียนรู้เรื่องของ “คุณสมบัติ” ของบริษัทนั้นก็เป็นประโยชน์ไม่น้อยในการที่จะช่วยเป็น “ตัวประกอบ” ในการเลือกหุ้นลงทุน นั่นก็คือ หลังจากพบหุ้นที่ “ราคาถูก” เข้าเกณฑ์ที่จะซื้อแล้ว ก็ควรดูถึงคุณสมบัติว่าบริษัทน่าจะอยู่ในระดับไหน ถ้าทำได้แบบนี้ ราคาก็จะไม่ใช่เงื่อนไขเดียวที่จะซื้อ สิ่งที่ถูกต้องมากกว่าอาจจะเป็นว่า ไม่ได้ซื้อหุ้นที่ราคาถูกที่สุด แต่เป็นราคาถูกมากเมื่อเทียบกับคุณสมบัติของบริษัท
***แล้วที่สำคัญเงินผมยังไม่เยอะอ่ะครับ ถ้าไปลงทุนกระจาย3-4ตัว ผลตอบแทนอาจจะไม่มาก ผมเลยต้องพยายามหาตัวที่ดี และมีการเติบโตต่อไปในอนาคตค่อนข้างต่อเนื่องและยั่งยีน ผมเลยตัดสินใจเข้าลงทุนตัวนี้ตัวเดียวครับ***
ปล่อยให้เงินทำงาน...$$$
- romee
- Verified User
- โพสต์: 1850
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อีก 20 ปี ผมจะมีเงิน 10 ล้านบาท จะเป็นไปได้ไหมครับ
โพสต์ที่ 29
ไม่ช้าหรอกครับ เริ่มต้นเดินไปเรื่อยๆ อย่าหยุดเดิน อย่าเดินถอยหลังgripen เขียน:แล้วผมเพิ่งเข้ามาลงทุนในปีนี้ เป็นปีแรกด้วย แล้วตอนนี้อายุผม30ปีพอดี ซึ่งยังคิดว่าตัวเองเข้ามาลงทุนช้าเกินไปเสียด้วยซ้ำ ยังคิดในใจว่าทำไมไม่เข้ามาตั้งนานแล้ว ไม่งั้นป่านนี้ผมคงได้ผลตอบแทนแบบทบต้นเร็วกว่านี้ แต่ก้อคิดว่าก้อเริ่มตั้งแต่ปีนี้ ยังดีกว่ายังไม่เริ่มเข้ามาลงทุน
เป้าหมายอยู่กับที่ ถ้าเราเดินทุกวัน ในเส้นทางที่ถูกต้อง มันต้องเป็นของเราครับ
You only live once, but if you do it right, once is enough.
-
- Verified User
- โพสต์: 39
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อีก 20 ปี ผมจะมีเงิน 10 ล้านบาท จะเป็นไปได้ไหมครับ
โพสต์ที่ 30
ทำได้แน่นอนครับ ผมลงทุนตอนอายุเกือบ 30 ปีเหมือนกันครับ ขอเป็นกำลังใจให้
ยิ่งถ้าเรารู้ว่าเราจะลงทุนไปเพื่ออะไร? มีเป้าหมายในการนำผลตอบแทนไปทำประโยชน์ต่อตัวเองและผู้อื่น เช่น การช่วยเหลือสังคม การดูแลพ่อแม่ ฯลฯ เราจะมีกำลังใจและไม่ท้อแท้ง่ายๆ
การเดินทางไกลพลังใจเป็นเรื่องสำคัญครับ ขอให้พัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อยและมีความสุขกับกับการสร้างเหตุที่ดี (ออมเงิน นำเงินมาลงทุน พัฒนาฝีมือการลงทุน พัฒนาจิตใจ ฯลฯ) แล้วผลที่ดีจะตามมาเองครับ
ยิ่งถ้าเรารู้ว่าเราจะลงทุนไปเพื่ออะไร? มีเป้าหมายในการนำผลตอบแทนไปทำประโยชน์ต่อตัวเองและผู้อื่น เช่น การช่วยเหลือสังคม การดูแลพ่อแม่ ฯลฯ เราจะมีกำลังใจและไม่ท้อแท้ง่ายๆ
การเดินทางไกลพลังใจเป็นเรื่องสำคัญครับ ขอให้พัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อยและมีความสุขกับกับการสร้างเหตุที่ดี (ออมเงิน นำเงินมาลงทุน พัฒนาฝีมือการลงทุน พัฒนาจิตใจ ฯลฯ) แล้วผลที่ดีจะตามมาเองครับ