กรมโยธาฯวางแผนแม่บท สร้างระบบป้องกันน้ำท่วม

[multipleceilings]

กรมโยธาฯวางแผนแม่บท สร้างระบบป้องกันน้ำท่วม
นายมณฑลสุดประเสริฐรองอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมืองกล่าวว่าขณะนี้กรมฯได้จัดทำแผนแม่บทการป้องกันน้ำท่วมทั่วประเทศในพื้นที่ชุมชนที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจและสังคมที่มีอยู่ร่วม 100-200 พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ในเขตเทศบาลซึ่งวิธีการดำเนินการกรมจะเข้าไปสร้างแนวคันกั้นน้ำเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเอ่อล้นเข้ามาในพื้นที่ดังกล่าวจนทำให้เกิดความเสียหายทางด้านเศรษฐกิจของจังหวัดได้ปัจจุบันกรมฯได้จัดทำแผนดำเนินการใน 87 พื้นที่จะใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 6 ปีตั้งแต่ปี 2555-2560 จะใช้งบประมาณทั้งหมด 27,171 ล้านบาทกรมจะต้องขอจัดสรรจากรัฐบาลเพื่อมาดำเนินการ

"เรื่องนี้ต้องขึ้นอยู่ที่รัฐบาลจะจัดสรรให้เท่าไหร่และขึ้นอยู่กับแนวทางปฏิบัติด้วยแต่ในปี 2554 ที่ผ่านมากรมฯได้รับจัดสรรงบฯมา 4,000 ล้านบาทเพื่อมาก่อสร้างแนวป้องกันน้ำท่วมใน 21 พื้นที่ปัจจุบันแล้วเสร็จ 8 พื้นที่อาทิเทศบาลเมืองอ่างทองเทศบาลตำบลไชโยเทศบาลพระนครศรีอยุธยาเป็นต้น" นายมณฑลกล่าว

สำหรับแผนดำเนินการในวงเงินที่กรมได้ทำกรอบไว้ 27,171 ล้านบาทนั้นนายมณฑลกล่าวว่ามีการกระจายงบฯก่อสร้างในแต่ละปีโดยในปี 2555 กรมคาดว่าจะใช้งบฯก่อสร้าง 1,466 ล้านบาทแต่ในทางปฏิบัติจริงพบว่าจะต้องใช้งบฯเพิ่มขึ้นโดยในคำของบฯปี 2555 กรมได้ยื่นไปประมาณ 4,000 ล้านบาทเพื่อมาดำเนินการส่วนปี 2556 กรมจะใช้งบฯ 4,334 ล้านบาทปี 2557 จำนวน 7,176 ล้านบาทปี 2558 จำนวน 6,810 ล้านบาทปี 2559 จำนวน 5,132 ล้านบาทและปี 2560 จำนวน 2,215 ล้านบาท

ทั้งนี้ในพื้นที่ที่กรมฯจะเข้าไปดำเนินการในแผนปี 2555-2557 มี 34 พื้นที่เช่นชุมชนชุมแสงชุมชนพยุหะคีรีจ.นครสวรรค์, ชุมชนเสนาและสามกอจ.พระนครศรีอยุธยา, ชุมชนบางระกำชุมชนพรหมพิรามและชุมชนวังทองจ.พิษณุโลก, ชุมชนโพทะเลและชุมชนบางมูลนากจ.พิจิตร, ชุมชนเมืองสิงห์บุรีชุมชนปากบางชุมชนบางน้ำเชี่ยวและชุมชนอินทร์บุรีจ.สิงห์บุรี, ชุมชนโพนางดำจ.ชัยนาท, ชุมชนบริเวณวัดไชโยวรวิหารจ.อ่างทอง, ชุมชนสองพี่น้องและชุมชนโคกครามจ.สุพรรณบุรี, ชุมชนเวียงสาจ.น่าน, ชุมชนเขาสามยอดจ.ลพบุรีเป็นต้น

ส่วนปี 2557-2559 มี 42 พื้นที่อาทิชุมชนท่าจีนชุมชนท้ายบ้านจ.สมุทรสาคร, ชุมชนบางกระทุ่มจ.พิษณุโลก, ชุมชนบางจากจ.นครศรีธรรมราช, ชุมชนไผ่กองดินจ.สุพรรณบุรี, ชุมชนดอนหญ้านางจ.หนองคาย, ชุมชนเมืองเชียงใหม่และชุมชนช้างเผือกจ.เชียงใหม่, ชุมชนทับกฤชจ.นครสวรรค์, ชุมชนวิเชียรบุรีจ.เพชรบูรณ์, ชุมชนโคกสำโรงและชุมชนลำนารายณ์จ.ลพบุรี, ชุมชนองครักษ์และชุมชนบ้านนาจ.นครนายกเป็นต้น

[simplelife]

ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำหรือเขื่อน แต่เท่าที่อ่านข่าว ดูแผนที่ประกอบดู เชื่อหรือไม่ ว่าถ้าทำคันกั้นน้ำแบบนั้นตลอดแนวตั้งแต่นครสวรรค์, อ่างทอง อยุธยา จนถึงกทม คราวหน้ามีน้ำมาจากเขื่อนหรือน้ำเหนือมามากไม่ต้องเท่าครั้งนี้หรอกครับ กรุงเทพได้ท่วมหนักกว่าปีนี้อีกแน่ๆ

น้ำแม่น้ำภาคเหนือปีนี้เยอะมาก รวมกับน้ำในเขื่อนที่ถูกปล่อยลงไปเพิ่ม มันเกิน capacity ที่แม่น้ำเจ้าพระยา ในนครสวรรค์ อยุธยาจะรับได้ พอมันล้นก็กระฉอกไปตามทุ่ง น้ำในแม่น้ำก็ลดปริมาณลงนิดหน่อย เพราะเสียไปกับกระฉอกไปตามทุ่งระหว่างทาง ถ้าเรามัวแต่ไปสร้างคันกั้นน้ำให้ครบจังหวัด คราวหน้าน้ำเหนือไหลมา ก็จะไหลลงมาตรงๆที่กรุงเทพโดยตรงแบบไม่กระฉอกระหว่างทางเลย ซึ่งแน่นอนขนาดน้ำปีนี้กระฉอกระหว่างทางไปแยะ ยังปริ่มๆตลิ่ง 2.5m ของกทมแล้ว วิธีแก้ของกทมวันนั้น ก็คือก็เสริมกำแพงกันนั้าของเจ้าพระยาให้สูงขึ้นไปอีกเป็น 4m ปีไหนน้ำหลากมาก กำแพงเกิดชำรุดที่ไหน ก็หายนะที่นั่น ซึนามิชัดๆ

เทียบกับประมาณน้ำแล้ว โดยเฉพาะที่ท่วมครั้งนี้ จะอาศัยแก้มลิงรับน้ำก็คงจะไม่เพียงพอ คิดดูน้ำท่วมกี่จังหวัด เท่ากับมีแก้มลิงอยู่กี่ล้านไร่แล้ว น้ำก็ยังแทบจะเกินความสามารถของแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างจะรับได้ ลองไปดูริมน้ำแถวนนท์ หรือกทม ดูสิครับ

วิธีที่น่าจะแก้ปัญหาได้โดยตรงกว่า แต่น่าจะใช้งบมากกว่ามาก คือการขุดแม่น้ำใหม่ จะตั้งชื่อว่า เจ้าพระยา 2 ที่ไม่ใช่อาบอบนวดก็ได้ ยาวตั้งแต่แถวๆอ่างทอง ยาวไปออกอ่าวไทย น่าจะเป็นการแก้ปัญหาที่ถูกจุดกว่า

[My House]

เคยฟังปี 53 ที่สรยุทธสัมภาษณ์ เขาว่าต้องสร้างเขื่อนแก้มลิง(ที่อยุธยาหรือลพบุรีผมไม่แน่ใจ)เพื่อเก็บน้ำเหนือ(ใช่เปล่าน้า)เพราะแม่น้ำเจ้าพระยาตรงนั้นรับน้ำได้แค่พันกว่าล้านลบม.เองถ้าไม่มีเขื่อนยังไงๆก็ท่วมเรื่อยๆ(เวลาอย่างนี้พวกต่อต้านสร้างเขื่อนไม่เห็นออกมาช่วยอะไรเลย แต่พอภาวะปกติเขาจะสร้างก็ออกมาเย้วๆๆ)และขุดรอกคูคลองต่างๆในกรุงเทพใหม่ทั้งหมดเพื่อให้ระบายน้ำได้เร็วขึ้นประมาณนี้มั้ง

[pakhakorn]

ขอเสนอความเห็นบ้าง....

คิดแต่จะเอาแต่ชนะธรรมชาติมากเกินไป ผมว่ายิ่งก่อความเจ็บปวดอย่างหนัก เวลาถูกธรรมชาติเอาคืน

ลืมรากเหง้าเศรษฐกิจประเทศนี้สร้างรากมาจากเกษตร พื้นแผ่นดินที่มีมา ก็เหมาะกับการเกษตร

อุตสาหกรรมที่เติบโตมาในพื้นที่ ที่เหมาะกับการเกษตร เมื่อมีทุนมีกำไรเติบโตขึ้นมา ได้มามากแล้ว

ผมว่าก็น่าจะเรียนรู้ปรับตัวไปอยู่ ในที่ควรอยู่ ลดความซุ่มเสี่ยงกับธรรมชาติของพื้นที่(ก็มีทุนมากแล้ว ก็น่าทำได้)

มีทุน มีเทคโนโลยี มีกำลังคน ในพื้นที่เหมาะกับการเกษตรก็ไม่ควรเปิดโรงงานอุตสาหกรรมเพิ่ม ไปขยับขยายไปในที่ไม่เหมาะกับการเกษตรดีกว่า

แล้วจะได้อย่างต่ำ 2 เด้ง
-ได้พื้นที่การเกษตรคืนมา สามารถเพิ่มผลผลิตได้มากขึ้น ลงทุนน้อยลง
-อุตสาหกรรมไม่ต้องมาเสี่ยงภัย น้ำธรรมชาติของพื้นที่
-งบประมาณเพื่อไปลงทุนเพื่อเอาชนะ ธรรมชาติของน้ำก็ลดลง ทั้งจากของรัฐและเอกชน ในระยะยาว กำไรล้วนๆ

เรียนรู้อยู่กับความเป็นจริงของพื้นแผ่นดินเรา อาจเหนื่อยน้อยกว่า แล้วอาจจะมีความสุขมากกว่าก็ได้(เมื่อไม่ต้องไปฝืนให้มากขึ้น)

[ปรัชญา]

ถ้ารัฐใจถึง และมีงบมากพอ

ทำแบบต่างประเทศเลย กั้นทะเลนอกอ่าวไทย ชนแผ่นดินเป็นเขื่อนกั้นน้ำทะเล
น้ำทะเลขึ้นก็ปิด น้ำทะเลลงก็ปล่อยออก ทำประตูปิดเปิดมีการควบคุม
สูบน้ำทั้งเจ้าพระยาทิ้งทะเลแก้ได้แน่นอน
แต่5แสนล้านคงไม่พอหรอก

[แงซาย]

ในปี 2554 ที่ผ่านมากรมฯได้รับจัดสรรงบฯมา 4,000 ล้านบาทเพื่อมาก่อสร้างแนวป้องกันน้ำท่วมใน 21 พื้นที่ปัจจุบันแล้วเสร็จ 8 พื้นที่อาทิเทศบาลเมืองอ่างทองเทศบาลตำบลไชโยเทศบาลพระนครศรีอยุธยาเป็นต้น"

แล้วนํ้าท่วมปีนี้ 8 พื้นที่ที่ว่าสร้างเสร็จแล้ว รอดหรือไม่รอดเอ่ย ............

[beaeaebe]

ผสมผสานดีกว่าพยายามชนะแบบแตกหักกับธรรมชาตินะครับผมว่า

คือสร้างอะไรก็สร้างได้ แต่การวางแผนผังเมือง หรือกำหนดเขตเศรษฐกิจบางทีก็อย่าไปฝืนธรรมชาติมากเกิน ขยับขยายได้บ้างก็น่าจะดี

แทนที่จะสร้างของมากมายกันน้ำท่วม ผมว่าบางที ขยับขยายไปหาที่ที่น้ำไม่น่าจะท่วมน่าจะดีกว่า

ทำผสมๆกันไป ตรงไหนที่ย้ายไม่ได้จริงๆ หรือควรสร้างมากๆ ก็ทำให้พอที่จะป้องกันได้

แต่ไม่ใช่ว่า ก็ยังทู่ซี้ยัดๆ ขยายๆ ไอ่ตรงที่เสี่ยงให้มันใหญ่ขึ้น ความเสียหายมันก็มากตามในคราวหน้า

[erickiros]

ควรจะกระจายความเจริญไปที่อื่นบ้าง ไม่ใช่มัวแต่แผ่ขยายความเจริญออกจากจุดศูนย์กลางไปเรื่อยๆ
แต่ว่าตราบใดที่ทุกสิ่งทุกอย่างต้องติดต่อกับกรุงเทพ ก็ไม่มีใครกล้าย้ายไปตั้งโรงงานที่อื่นหรอก
เพราะถึงย้ายไปต้นทุนก็สูงขึ้นแล้วจะไปแข่งกับคนอื่นได้อย่างไร
ดังนั้นเราควรสร้างการคมนาคมทางเลือก เช่น ทางรถไฟ ทางเรือ รวมถึงบังคับใช้ผังเมืองอย่างเข้มงวดเสียที

[HARINLUX]

ปัญหาในการจัดสรรงบประมาณของประเทศ ผมว่ามีปัญหามากๆมาจาก นักการเมือง หากใครมีอำนาจก็จะจัดสรรงบประมาณจำนวนมากไปในพื้นที่เลือกตั้งของตัวเอง การจัดสรรงบประมาณไม่มีการจัดลำดับความสำคัญก่อนหลัง หรือมองไปที่ผลประโยชน์ของประเทศในภาพรวม ( กรมโยธา ได้งบมา ก็มาจากการพิจารณาของนักการเมือง)

-ดูจาก ปัญหาในปัจจุบัน ที่คลองหกวาสายล่างที่ต้องรับน้ำจำนวนมหาศาลจากคลองรังสิต มีการเอากระสอบทรายไปกั้นเพื่อปัดน้ำออกไปทางด้าน จังหวัดฉะเชิงเทรา และนครนายก ไม่ให้ไหลเข้ากรุงเทพ ตรงๆ หากกระสอบทรายกั้นไม่ได้ มวลน้ำมหาศาลจะเข้าท่วมกรุงเทพฯ ความเป็นความตายของพื้นที่กรุงเทพฯรอบใน ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของกระสอบทราย เหตุใดไม่มีการสร้างถนนหรือโครงสร้างที่แข็งแรงเป็นแนวป้องกันน้ำเข้ากรุงเทพ

--------------------------------
ความรู้ คู่คุณธรรม