เศรษฐกิจกับตลาดหุ้น โดย ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
เศรษฐกิจกับตลาดหุ้น โดย ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 1
เศรษฐกิจกับตลาดหุ้น โดย ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
เป็นบทความของ ดร.นิเวศน์เมื่อปี 2005 ครับ
นักลงทุนในตลาดหุ้นส่วนใหญ่จะวิตกกังวลกับเรื่องของภาวะเศรษฐกิจของประเทศมากเพราะเชื่อว่าเศรษฐกิจเป็นสิ่งที่แยกไม่ออกจากตลาดหุ้น เฉพาะอย่างยิ่งก็คือ ถ้าเศรษฐกิจแย่ ตลาดหุ้นก็พัง ถ้าเศรษฐกิจดี ตลาดหุ้นก็จะวิ่งระเบิด เพราะฉะนั้น ทุกครั้งที่มีการสัมมนาเรื่องหุ้น ก็มักจะมีคำถามว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร และเศรษฐกิจแบบนี้เราควรจะลงทุนในตลาดหุ้นไหม?
คำตอบของผมทุกครั้งก็คือ ผมไม่สนใจภาวะเศรษฐกิจ สิ่งที่ผมสนใจก็คือตัวหุ้นที่ผมจะลงทุน ถ้าพบหุ้นของบริษัทดีที่มีราคาถูกกว่ามูลค่าพื้นฐาน ผมก็จะลงทุน เศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร ตลาดหุ้นจะเป็นอย่างไร ผมไม่สนใจ เหตุผลอย่างหนึ่งก็คือ ผมไม่สามารถคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจได้ถูกต้อง และถ้าพูดถึงดัชนีหุ้นแล้ว ผมยิ่งไม่รู้ใหญ่ว่าดัชนีจะไปทางไหน ผมรู้แต่ว่าถ้าหุ้นผมมีคุณภาพดี ราคาถูกกว่าพื้นฐาน หุ้นก็จะดูแลตัวของมันเอง
คำถามต่อมาที่อาจจะเกิดขึ้นในใจของหลายคนก็คือ ถ้าเรารู้ หรือคาดการณ์ได้ถูกต้องว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร จะไม่ดีกว่าหรือในการที่จะสามารถเข้าหรือออกจากตลาดในเวลาที่ถูกต้องแทนที่จะปล่อยให้หุ้นที่ถืออยู่มีราคาตกต่ำลงเพราะภาวะเศรษฐกิจแย่ ซึ่งทำให้ตลาดหุ้นตกต่ำ ซึ่งจะดึงให้หุ้นของเราขาดทุนไปด้วย?
คำตอบของผมก็คือ เป็นเรื่องยากที่จะคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจได้อย่างถูกต้อง และถึงจะคาดการณ์ได้ถูกต้องจริง ก็ไม่มีอะไรเป็นเครื่องรับประกันว่าเศรษฐกิจดีแล้วหุ้นต้องดี เศรษฐกิจแย่แล้วหุ้นต้องแย่ ไม่เคยมีการศึกษาไหนที่บอกว่าดัชนีหุ้นจะต้องตามภาวะเศรษฐกิจ ว่าที่จริงมีการศึกษาที่บอกว่าเศรษฐกิจดี ดัชนีหุ้นมักจะแย่ และถ้าภาวะเศรษฐกิจแย่ตลาดหุ้นมักจะกลับดี ซึ่งฟังดูก็น่าประหลาด เพราะเรามักจะได้ยินผู้นำประเทศและนักวิเคราะห์ชั้นนำพูดกันเสมอว่าตลาดหุ้นจะดีแน่เพราะเศรษฐกิจจะดี จนเราคิดว่านี่คือความจริงที่เที่ยงแท้โดยไม่คิดที่จะพิสูจน์หรือหาหลักฐานมายืนยัน
ถ้าคำพูดที่ว่าเศรษฐกิจดีแล้วหุ้นต้องดีเป็นจริง นักลงทุนคงจะรวยกันได้ง่ายมาก คุณเพียงแต่หาเงินไปลงทุนในประเทศจีนซึ่งเศรษฐกิจโตระเบิดปีละเกือบ 10% และทุกคนต่างก็มั่นใจว่าเศรษฐกิจของจีนจะโตต่อไปอีกนานจากที่ดีมาแล้วเป็นเวลานานนับสิบปี แต่ข้อเท็จจริงก็คือ ตลาดหุ้นของจีนนั้นให้ผลตอบแทนที่แย่มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกในช่วงเวลานับ 10 ปีที่ผ่านมา ปัญหาก็คือเรื่องราคาของหุ้นในตลาดที่แพงกว่าพื้นฐานเพราะนักลงทุนต่างก็มองโลกในแง่ดีเข้าซื้อหุ้นลงทุนกันมาก และเมื่อหุ้นในตลาดมีราคาแพงมาก ถึงภาวะเศรษฐกิจจะดี มันก็ไม่คุ้มที่จะลงทุน
ตรงกันข้าม ในภาวะที่เศรษฐกิจย่ำแย่ คนมองโลกในแง่ร้ายเทขายหุ้นจนหุ้นในตลาดมีราคาตกต่ำลงมาก ค่า PE ของตลาดเหลือเพียง 8-9 เท่า ซึ่งมีราคาถูกมาก แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะไม่ดี แต่การลงทุนก็อาจจะคุ้มค่ามากกว่า
ถ้าจะเปรียบให้เข้าใจง่าย เราก็เพียงแต่มองตลาดหุ้นให้เหมือนกับหุ้นตัวหนึ่ง และดัชนีตลาดก็คือราคาของหุ้นตัวนั้น ในภาวะที่เศรษฐกิจดี เราอาจจะบอกว่าหุ้นตลาดกำลังเติบโตเร็วเป็นหุ้น Growth Stock แต่หุ้นโตเร็วนั้นก็มักจะเป็นหุ้นร้อนแรงราคาแพง คือมี PE สูงกว่าพื้นฐาน การซื้อหุ้นร้อนนั้นโอกาสขาดทุนก็มีสูง แต่หุ้นตลาดในภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดีนั้นมักจะมีราคาต่ำกว่าปกติ เป็นหุ้น PE ต่ำ ซึ่งจะเรียกว่าเป็นหุ้น Value ก็ไม่น่าจะผิด และถ้าเรากล้าที่จะลงทุน โอกาสที่จะทำกำไรกลับจะมีมากกว่า
ทั้งหมดนี้ผมก็หวังว่าจะทำให้นักลงทุนทั้งหลาย โดยเฉพาะ Value Investor เลิกวิตกกังวลกับภาวะเศรษฐกิจเวลาคิดจะลงทุน หรือถ้าจะคิดเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจก็ควรจะมองว่า ภาวะเศรษฐกิจที่ดูเลวร้ายนั้น จริง ๆ แล้วมันคือโอกาสที่จะทำกำไรมากกว่าปกติ อย่างไรก็ตาม ผมก็ไม่เชียร์ให้ซื้อหุ้นโดยการพิจารณาภาวะเศรษฐกิจเป็นหลัก การลงทุนโดยเฉพาะของนักลงทุนรายย่อยที่ลงทุนระยะยาวนั้น ไม่มีประโยชน์ที่จะนำภาวะเศรษฐกิจในช่วงสั้น ๆ เพียงปีสองปีมาพิจารณา
เป็นบทความของ ดร.นิเวศน์เมื่อปี 2005 ครับ
นักลงทุนในตลาดหุ้นส่วนใหญ่จะวิตกกังวลกับเรื่องของภาวะเศรษฐกิจของประเทศมากเพราะเชื่อว่าเศรษฐกิจเป็นสิ่งที่แยกไม่ออกจากตลาดหุ้น เฉพาะอย่างยิ่งก็คือ ถ้าเศรษฐกิจแย่ ตลาดหุ้นก็พัง ถ้าเศรษฐกิจดี ตลาดหุ้นก็จะวิ่งระเบิด เพราะฉะนั้น ทุกครั้งที่มีการสัมมนาเรื่องหุ้น ก็มักจะมีคำถามว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร และเศรษฐกิจแบบนี้เราควรจะลงทุนในตลาดหุ้นไหม?
คำตอบของผมทุกครั้งก็คือ ผมไม่สนใจภาวะเศรษฐกิจ สิ่งที่ผมสนใจก็คือตัวหุ้นที่ผมจะลงทุน ถ้าพบหุ้นของบริษัทดีที่มีราคาถูกกว่ามูลค่าพื้นฐาน ผมก็จะลงทุน เศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร ตลาดหุ้นจะเป็นอย่างไร ผมไม่สนใจ เหตุผลอย่างหนึ่งก็คือ ผมไม่สามารถคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจได้ถูกต้อง และถ้าพูดถึงดัชนีหุ้นแล้ว ผมยิ่งไม่รู้ใหญ่ว่าดัชนีจะไปทางไหน ผมรู้แต่ว่าถ้าหุ้นผมมีคุณภาพดี ราคาถูกกว่าพื้นฐาน หุ้นก็จะดูแลตัวของมันเอง
คำถามต่อมาที่อาจจะเกิดขึ้นในใจของหลายคนก็คือ ถ้าเรารู้ หรือคาดการณ์ได้ถูกต้องว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร จะไม่ดีกว่าหรือในการที่จะสามารถเข้าหรือออกจากตลาดในเวลาที่ถูกต้องแทนที่จะปล่อยให้หุ้นที่ถืออยู่มีราคาตกต่ำลงเพราะภาวะเศรษฐกิจแย่ ซึ่งทำให้ตลาดหุ้นตกต่ำ ซึ่งจะดึงให้หุ้นของเราขาดทุนไปด้วย?
คำตอบของผมก็คือ เป็นเรื่องยากที่จะคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจได้อย่างถูกต้อง และถึงจะคาดการณ์ได้ถูกต้องจริง ก็ไม่มีอะไรเป็นเครื่องรับประกันว่าเศรษฐกิจดีแล้วหุ้นต้องดี เศรษฐกิจแย่แล้วหุ้นต้องแย่ ไม่เคยมีการศึกษาไหนที่บอกว่าดัชนีหุ้นจะต้องตามภาวะเศรษฐกิจ ว่าที่จริงมีการศึกษาที่บอกว่าเศรษฐกิจดี ดัชนีหุ้นมักจะแย่ และถ้าภาวะเศรษฐกิจแย่ตลาดหุ้นมักจะกลับดี ซึ่งฟังดูก็น่าประหลาด เพราะเรามักจะได้ยินผู้นำประเทศและนักวิเคราะห์ชั้นนำพูดกันเสมอว่าตลาดหุ้นจะดีแน่เพราะเศรษฐกิจจะดี จนเราคิดว่านี่คือความจริงที่เที่ยงแท้โดยไม่คิดที่จะพิสูจน์หรือหาหลักฐานมายืนยัน
ถ้าคำพูดที่ว่าเศรษฐกิจดีแล้วหุ้นต้องดีเป็นจริง นักลงทุนคงจะรวยกันได้ง่ายมาก คุณเพียงแต่หาเงินไปลงทุนในประเทศจีนซึ่งเศรษฐกิจโตระเบิดปีละเกือบ 10% และทุกคนต่างก็มั่นใจว่าเศรษฐกิจของจีนจะโตต่อไปอีกนานจากที่ดีมาแล้วเป็นเวลานานนับสิบปี แต่ข้อเท็จจริงก็คือ ตลาดหุ้นของจีนนั้นให้ผลตอบแทนที่แย่มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกในช่วงเวลานับ 10 ปีที่ผ่านมา ปัญหาก็คือเรื่องราคาของหุ้นในตลาดที่แพงกว่าพื้นฐานเพราะนักลงทุนต่างก็มองโลกในแง่ดีเข้าซื้อหุ้นลงทุนกันมาก และเมื่อหุ้นในตลาดมีราคาแพงมาก ถึงภาวะเศรษฐกิจจะดี มันก็ไม่คุ้มที่จะลงทุน
ตรงกันข้าม ในภาวะที่เศรษฐกิจย่ำแย่ คนมองโลกในแง่ร้ายเทขายหุ้นจนหุ้นในตลาดมีราคาตกต่ำลงมาก ค่า PE ของตลาดเหลือเพียง 8-9 เท่า ซึ่งมีราคาถูกมาก แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะไม่ดี แต่การลงทุนก็อาจจะคุ้มค่ามากกว่า
ถ้าจะเปรียบให้เข้าใจง่าย เราก็เพียงแต่มองตลาดหุ้นให้เหมือนกับหุ้นตัวหนึ่ง และดัชนีตลาดก็คือราคาของหุ้นตัวนั้น ในภาวะที่เศรษฐกิจดี เราอาจจะบอกว่าหุ้นตลาดกำลังเติบโตเร็วเป็นหุ้น Growth Stock แต่หุ้นโตเร็วนั้นก็มักจะเป็นหุ้นร้อนแรงราคาแพง คือมี PE สูงกว่าพื้นฐาน การซื้อหุ้นร้อนนั้นโอกาสขาดทุนก็มีสูง แต่หุ้นตลาดในภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดีนั้นมักจะมีราคาต่ำกว่าปกติ เป็นหุ้น PE ต่ำ ซึ่งจะเรียกว่าเป็นหุ้น Value ก็ไม่น่าจะผิด และถ้าเรากล้าที่จะลงทุน โอกาสที่จะทำกำไรกลับจะมีมากกว่า
ทั้งหมดนี้ผมก็หวังว่าจะทำให้นักลงทุนทั้งหลาย โดยเฉพาะ Value Investor เลิกวิตกกังวลกับภาวะเศรษฐกิจเวลาคิดจะลงทุน หรือถ้าจะคิดเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจก็ควรจะมองว่า ภาวะเศรษฐกิจที่ดูเลวร้ายนั้น จริง ๆ แล้วมันคือโอกาสที่จะทำกำไรมากกว่าปกติ อย่างไรก็ตาม ผมก็ไม่เชียร์ให้ซื้อหุ้นโดยการพิจารณาภาวะเศรษฐกิจเป็นหลัก การลงทุนโดยเฉพาะของนักลงทุนรายย่อยที่ลงทุนระยะยาวนั้น ไม่มีประโยชน์ที่จะนำภาวะเศรษฐกิจในช่วงสั้น ๆ เพียงปีสองปีมาพิจารณา
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
- murder_doll
- Verified User
- โพสต์: 1608
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เศรษฐกิจกับตลาดหุ้น โดย ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 2
แหม บทความนี้มาพอดีกับช่วงจังหวะที่ทุกคนเฝ้าจับตาดูเศรษฐกิจโลก และเริ่มเทขายกันอย่างบ้าคลั่งพอดิบพอดีเลยนะเนี่ย
เงินทองเป็นของมายา
ข้าวปลาคือของจริง
ข้าวปลาคือของจริง
- NAI-A SIKHIU
- Verified User
- โพสต์: 584
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เศรษฐกิจกับตลาดหุ้น โดย ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 3
ถูกกาละเทศะพอดิบพอดีเลย
นครจันทึก จารึกภาพ ๔,๐๐๐ ปี สี่เขี้ยวต้นตำนาน คู่บ้านลำตะคลอง
- awesomekid
- Verified User
- โพสต์: 94
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เศรษฐกิจกับตลาดหุ้น โดย ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 10
ท่านอาจารย์ออกมาเตือนสติได้ถูกจังหวะพอดีเลยครับ ปั่นป่วนกันขนาดนี้ วัดใจ VI กันเลยทีเดียว..
====================================
เก็บเล็กผสมน้อยมาลงทุน เพื่ออนาคตอันเป็นอิสระ
====================================
เก็บเล็กผสมน้อยมาลงทุน เพื่ออนาคตอันเป็นอิสระ
====================================
- dino
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1281
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เศรษฐกิจกับตลาดหุ้น โดย ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 12
อิอิ ขอบคุณมากครับ
ต้องปริ๊นไว้ ใครถามจะได้ยื่นให้อ่านเลย อิอิ
ต้องปริ๊นไว้ ใครถามจะได้ยื่นให้อ่านเลย อิอิ
1 ซื้อหุ้นของกิจการที่ดี
2 มีกำไรต่อเนื่องไปในอนาคต
3 ซื้อในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ
4 ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ
5 และถือมันไว้ ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดีอยู่
วอเรนซ์ บัฟเฟตต์
2 มีกำไรต่อเนื่องไปในอนาคต
3 ซื้อในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ
4 ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ
5 และถือมันไว้ ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดีอยู่
วอเรนซ์ บัฟเฟตต์
-
- Verified User
- โพสต์: 334
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เศรษฐกิจกับตลาดหุ้น โดย ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 13
สวดยวดจริง ๆ
==================================
คิดใคร่ครวญผลตอบแทนและความเสี่ยงอย่างรอบคอบ
โดยคํานึงถึงเป้าหมายระยะยาวมากว่าระยะสั้น
==================================
คิดใคร่ครวญผลตอบแทนและความเสี่ยงอย่างรอบคอบ
โดยคํานึงถึงเป้าหมายระยะยาวมากว่าระยะสั้น
==================================
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เศรษฐกิจกับตลาดหุ้น โดย ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 15
สุดยอดบทความในเวลานี้ บททดสอบอีกบทหนึ่งของคนที่จะคิดเป็น vi แท้ๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 600
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เศรษฐกิจกับตลาดหุ้น โดย ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 17
ย้ำว่า ราคาถูกกว่ามูลค่าพื้นฐาน ซึ่งต้องดู พีอี ตลาดนะเวลานั้นๆประกอบด้วยครับ