ก่อนจะซื้อหุ้น ถามตัวเองก่อน
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
ก่อนจะซื้อหุ้น ถามตัวเองก่อน
โพสต์ที่ 1
pe เท่าไร growth เท่าไร
หุ้นนี่ ราคาวิ่งตลอด หมายถึง pe วิ่งตลอด
และ growth เท่าเดิมนะ (ถ้ายังไม่มีการประกาศผลประกอบการใหม่)
เพราะฉะนั้นสำหรับมือใหม่ ก่อนจะกดซื้อหุ้น ต้องตอบตัวเองได้ก่อนว่า pe เท่าไร ณ ราคานั้นๆ
และหุ้นตัวนั้น มีอัตราการเติบโตของกำไรเท่าไร (ไม่มีกำไรพิเศษ หรือถ้ามี ลองตัดออกก่อน)
ถ้าคำนวณ pe ไม่ได้ คำนวณ growth ไม่ได้
คุณกำลังอยู่ในความเสี่ยงอย่างมาก เพราะคุณกำลังซื้อหุ้น ณ ราคาที่คุณไม่รู้เลยด้วยซ้ำ
ว่าถูก หรือแพง กว่าราคาพื้นฐาน (พื้นฐานตามความคิดของคุณ)
อย่าลืมท่องคาถานี้ไว้นะครับ เวลาใครก็ตามให้เป้าหมายราคามา เราจะซื้อราคาไหน
ต้อง
รู้ว่า pe เท่าไร g เท่าไร
(รู้ g ในอดีต และประมาณ g ในอนาคต ซึ่งในที่สุด คุณจะประเมิณ eps ในอนาคตได้ และนำไปสู่ การคำนวณ ราคาที่ควรจะซื้อในปัจจุบันได้ครับ)
หุ้นนี่ ราคาวิ่งตลอด หมายถึง pe วิ่งตลอด
และ growth เท่าเดิมนะ (ถ้ายังไม่มีการประกาศผลประกอบการใหม่)
เพราะฉะนั้นสำหรับมือใหม่ ก่อนจะกดซื้อหุ้น ต้องตอบตัวเองได้ก่อนว่า pe เท่าไร ณ ราคานั้นๆ
และหุ้นตัวนั้น มีอัตราการเติบโตของกำไรเท่าไร (ไม่มีกำไรพิเศษ หรือถ้ามี ลองตัดออกก่อน)
ถ้าคำนวณ pe ไม่ได้ คำนวณ growth ไม่ได้
คุณกำลังอยู่ในความเสี่ยงอย่างมาก เพราะคุณกำลังซื้อหุ้น ณ ราคาที่คุณไม่รู้เลยด้วยซ้ำ
ว่าถูก หรือแพง กว่าราคาพื้นฐาน (พื้นฐานตามความคิดของคุณ)
อย่าลืมท่องคาถานี้ไว้นะครับ เวลาใครก็ตามให้เป้าหมายราคามา เราจะซื้อราคาไหน
ต้อง
รู้ว่า pe เท่าไร g เท่าไร
(รู้ g ในอดีต และประมาณ g ในอนาคต ซึ่งในที่สุด คุณจะประเมิณ eps ในอนาคตได้ และนำไปสู่ การคำนวณ ราคาที่ควรจะซื้อในปัจจุบันได้ครับ)
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ก่อนจะซื้อหุ้น ถามตัวเองก่อน
โพสต์ที่ 3
ใช่ครับ อย่างไรก็ตามทุกอย่างต้องมีก้าวแรกdensin เขียน:growth เพียวๆไม่ได้มั้งครับ
ต้องดูความน่าจะเป็นด้วย
บางบริษัทโตเร็วแต่เสี่ยงมากเกิน อาจจะมีมูลค่าต่ำกว่าโตน้อยแต่ไม่เสี่ยงเลย
เท่าที่ผมทราบมา คนส่วนใหญ๋ ซื้อทันที ไม่ดูอะไรเลย
คิดเพียงว่า ราคานี้ต้องรีบซื้อ และมันจะไปเท่านั้น เท่านี้ครับ
หมายเหตุ
การดู g ในอนาคต จะทำให้เห็นความน่าจะเป็นครับ
- chukieat30
- Verified User
- โพสต์: 3531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ก่อนจะซื้อหุ้น ถามตัวเองก่อน
โพสต์ที่ 4
Jeng เขียน:ใช่ครับ อย่างไรก็ตามทุกอย่างต้องมีก้าวแรกdensin เขียน:growth เพียวๆไม่ได้มั้งครับ
ต้องดูความน่าจะเป็นด้วย
บางบริษัทโตเร็วแต่เสี่ยงมากเกิน อาจจะมีมูลค่าต่ำกว่าโตน้อยแต่ไม่เสี่ยงเลย
เท่าที่ผมทราบมา คนส่วนใหญ๋ ซื้อทันที ไม่ดูอะไรเลย
คิดเพียงว่า ราคานี้ต้องรีบซื้อ และมันจะไปเท่านั้น เท่านี้ครับ
หมายเหตุ
การดู g ในอนาคต จะทำให้เห็นความน่าจะเป็นครับ
+1ให้นะครับ
ผมเห็นหลายคน ซื้อทีวี1เครื่อง บางทียังตัดสินใจยากกว่าการซื้อหุ้นตัวเดียว
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
- yoyoeffect
- Verified User
- โพสต์: 364
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ก่อนจะซื้อหุ้น ถามตัวเองก่อน
โพสต์ที่ 5
ณ วันนึง ขณะขับรถเพลินๆผ่าน ป่าเขา แต่รถบรรทุกใหญ่เยอะ ฝนตกถนนลื่น
ผมใช้รถเป็นประจำ ขับทุกวัน จะระวังมากที่จะไม่ให้ชน ดูหน้าหลัง รอบคันตลอด
เพราะไม่อยากวุ่นวายเสียเวลา เป็นเรื่องและต้องเอารถไปซ่อมอีก
มาที่การลงทุน ในบางครั้ง การตัดสินใจซื้อหุ้น ไม่ระวัง ไม่รอบคอบ
ตัดสินใจเร็ว คิดเร็วทำเร็ว คิดน้อยกว่าซื้อTV ตู้เย็น ซักเครื่อง อย่างที่กล่าวมาอีก
ถ้าคิดว่าการลงทุนคือ ชีวิต สิ่งสำคัญก็คือ ไม่ขาดทุน
ลงทุนให้รอบคอบ มองให้รอบด้าน ระวังให้ ไม่ขาดทุน
จะทำให้ตัดสินใจซื้อช้าลง คิดให้มากขึ้น ไม่ตามอารมณ์คึกคะนอง
เหมือนขับรถระมัดระวังให้ ไม่ชน ฉันใดก็ฉันนั้น
ลงทุนหุ้น ระมัดระวังให้ ไม่ขาดทุน
(ดูไม่ค่อยจะเกี่ยวกันนะครับ แต่ตอนนั้นขับรถไปกลัวจะชน เลยนึกถึงหุ้นว่า
ถ้าจะซื้อหุ้นซักตัวแล้วกลัวจะขาดทุนเหมือนกลัวรถจะชน คงจะรอบคอบมากว่าที่เคยเป็นมา)
ผมใช้รถเป็นประจำ ขับทุกวัน จะระวังมากที่จะไม่ให้ชน ดูหน้าหลัง รอบคันตลอด
เพราะไม่อยากวุ่นวายเสียเวลา เป็นเรื่องและต้องเอารถไปซ่อมอีก
มาที่การลงทุน ในบางครั้ง การตัดสินใจซื้อหุ้น ไม่ระวัง ไม่รอบคอบ
ตัดสินใจเร็ว คิดเร็วทำเร็ว คิดน้อยกว่าซื้อTV ตู้เย็น ซักเครื่อง อย่างที่กล่าวมาอีก
ถ้าคิดว่าการลงทุนคือ ชีวิต สิ่งสำคัญก็คือ ไม่ขาดทุน
ลงทุนให้รอบคอบ มองให้รอบด้าน ระวังให้ ไม่ขาดทุน
จะทำให้ตัดสินใจซื้อช้าลง คิดให้มากขึ้น ไม่ตามอารมณ์คึกคะนอง
เหมือนขับรถระมัดระวังให้ ไม่ชน ฉันใดก็ฉันนั้น
ลงทุนหุ้น ระมัดระวังให้ ไม่ขาดทุน
(ดูไม่ค่อยจะเกี่ยวกันนะครับ แต่ตอนนั้นขับรถไปกลัวจะชน เลยนึกถึงหุ้นว่า
ถ้าจะซื้อหุ้นซักตัวแล้วกลัวจะขาดทุนเหมือนกลัวรถจะชน คงจะรอบคอบมากว่าที่เคยเป็นมา)
-
- Verified User
- โพสต์: 1211
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ก่อนจะซื้อหุ้น ถามตัวเองก่อน
โพสต์ที่ 6
ขอบคุณครับพี่ Jeng
ขอสอบถามครับว่า การมอง PE เหมือนเป็นความคาดหวังของตลาดสำหรับการเติบโตต่อปีของบริษัทนั้น ถือเป็นการมองที่มีข้อเสียอย่างไรบ้างครับ
เช่น หุ้น A ซื้อขายกันที่ PE = 20 กะเกณฑ์คร่าวๆคือตลาดคาดว่าหุ้น A น่าจะโต 20% ต่อปี เป็นต้นครับ
ขอสอบถามครับว่า การมอง PE เหมือนเป็นความคาดหวังของตลาดสำหรับการเติบโตต่อปีของบริษัทนั้น ถือเป็นการมองที่มีข้อเสียอย่างไรบ้างครับ
เช่น หุ้น A ซื้อขายกันที่ PE = 20 กะเกณฑ์คร่าวๆคือตลาดคาดว่าหุ้น A น่าจะโต 20% ต่อปี เป็นต้นครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 611
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ก่อนจะซื้อหุ้น ถามตัวเองก่อน
โพสต์ที่ 7
ช่ายครับ
บางคนจะซื้อมือถือเครื่องนึง
เปรียบเทียบแล้วเปรียบเทียบอีก
Iphone Andriod
Samsung LG ฯลฯ
กว่าจะซื้อซักเครื่อง
แต่ซื้อหุ้นไม่คิดอะไรเลย
Peter Lynch บอกว่า "คนควรจะใช้เวลาในการพิจารณาซื้อหุ้น อย่างน้อยก็ให้เท่ากับตอนที่คุณจะซื้อตู้เย็นซักเครื่อง"
แต่ถ้าบอกว่าตอนซื้อตู้เย็นกรุก็ไม่ได้คิด อย่างนี้ตัวใครตัวมันเน้อ...เอวัง
บางคนจะซื้อมือถือเครื่องนึง
เปรียบเทียบแล้วเปรียบเทียบอีก
Iphone Andriod
Samsung LG ฯลฯ
กว่าจะซื้อซักเครื่อง
แต่ซื้อหุ้นไม่คิดอะไรเลย
Peter Lynch บอกว่า "คนควรจะใช้เวลาในการพิจารณาซื้อหุ้น อย่างน้อยก็ให้เท่ากับตอนที่คุณจะซื้อตู้เย็นซักเครื่อง"
แต่ถ้าบอกว่าตอนซื้อตู้เย็นกรุก็ไม่ได้คิด อย่างนี้ตัวใครตัวมันเน้อ...เอวัง
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ก่อนจะซื้อหุ้น ถามตัวเองก่อน
โพสต์ที่ 8
ถ้าหุ้นตัวหนึ่ง pe 20Belffet เขียน:ขอบคุณครับพี่ Jeng
ขอสอบถามครับว่า การมอง PE เหมือนเป็นความคาดหวังของตลาดสำหรับการเติบโตต่อปีของบริษัทนั้น ถือเป็นการมองที่มีข้อเสียอย่างไรบ้างครับ
เช่น หุ้น A ซื้อขายกันที่ PE = 20 กะเกณฑ์คร่าวๆคือตลาดคาดว่าหุ้น A น่าจะโต 20% ต่อปี เป็นต้นครับ
อัตราการเติบโตของกำไร ต่อปี ในอดีตก็ควรจะมากกว่า 20 %
และ อนาคตก็ควรจะมากกว่า 20 %
ถ้าซื้อได้ต่ำกว่า pe 20 ก็ถือว่า น่าจะซื้อได้ถูก ถ้าซื้อแพงกว่า 20 ถือว่าน่าจะซื้อได้แพง
อันนี้เคยอ่านของดร.นิเวศน์ครับผม
ส่วนที่เหลือก็ต้องไปดูรายละเอียด
กระทู้นี้ อยากสะท้อนให้รายย่อย มือใหม่ทั้งหลาย ฝึกดู pe และ g อดีต อนาคต เท่านั้นเองครับ
ไม่ได้มาเจาะละเอียดว่า ใช้ได้ ใช้ไม่ได้ ในกรณีไหนบ้างครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1211
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ก่อนจะซื้อหุ้น ถามตัวเองก่อน
โพสต์ที่ 9
ขอบคุณสำหรับคำตอบครับพี่ Jeng
ที่ผมสอบถามไปก็เพื่อเสนอว่า PE ของหุ้นในปัจจุบันนั้น เป็นความคาดหวังของนักลงทุนทั่วๆไป ณ เวลานั้นๆว่าหุ้นดังกล่าวจะมีการเติบโตในระดับใด
ถ้านักลงทุนมองว่า Growth ของบริษัทนี้น่าจะต่ำกว่า PE ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน หุ้นตัวนี้ก็น่าจะแพงเกินไปในสายตาของนักลงทุนท่านนั้นครับ
ส่วนการมองว่าหุ้นตัวใดตัวหนึ่งจะมีการเติบโตในอนาคตเท่าไหร่นั้น เป็นศิลปะอย่างยิ่งในความคิดเห็นของผมครับ
สมัยที่ผมบวชเรียนอยู่นั้น มีพระสงฆ์ชาวญี่ปุ่นรูปหนึ่งทราบว่าผมลงทุนในหุ้น ท่านเลยตั้งชื่อให้ผมอีกชื่อหนึ่งว่า "โยอิ" ซึ่งแปลได้หลายความหมาย หนึ่งในนั้นคือ "ผู้รู้อนาคต" ผมถามว่าทำไมถึงตั้งชื่อนี้ ท่านบอกว่าท่านรู้อยู่แล้วว่าผมจะสึกแล้วไปลงทุนต่อแน่นอน เวลาเล่นหุ้นเราก็ต้องรู้อนาคตว่าหุ้นตัวนี้จะขึ้นหรือจะลง ชื่อนี้จึงถือเป็นคำอวยพรจากท่าน
ตอนนั้นผมนึกว่าพระท่านเข้าใจผิดคิดว่าผมเล่นหุ้นปั่นที่ราคาขึ้นๆลงๆ
เมื่อเวลาผ่านไป ตอนนี้ผมจึงค่อยๆพเรียนรู้ว่า ไม่ว่าจะลงทุนแบบไหน การมองอนาคตให้แม่นยำที่สุดเท่าที่จะทำได้นั้น เป็นประโยชน์ทั้งนั้นครับ
ที่ผมสอบถามไปก็เพื่อเสนอว่า PE ของหุ้นในปัจจุบันนั้น เป็นความคาดหวังของนักลงทุนทั่วๆไป ณ เวลานั้นๆว่าหุ้นดังกล่าวจะมีการเติบโตในระดับใด
ถ้านักลงทุนมองว่า Growth ของบริษัทนี้น่าจะต่ำกว่า PE ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน หุ้นตัวนี้ก็น่าจะแพงเกินไปในสายตาของนักลงทุนท่านนั้นครับ
ส่วนการมองว่าหุ้นตัวใดตัวหนึ่งจะมีการเติบโตในอนาคตเท่าไหร่นั้น เป็นศิลปะอย่างยิ่งในความคิดเห็นของผมครับ
สมัยที่ผมบวชเรียนอยู่นั้น มีพระสงฆ์ชาวญี่ปุ่นรูปหนึ่งทราบว่าผมลงทุนในหุ้น ท่านเลยตั้งชื่อให้ผมอีกชื่อหนึ่งว่า "โยอิ" ซึ่งแปลได้หลายความหมาย หนึ่งในนั้นคือ "ผู้รู้อนาคต" ผมถามว่าทำไมถึงตั้งชื่อนี้ ท่านบอกว่าท่านรู้อยู่แล้วว่าผมจะสึกแล้วไปลงทุนต่อแน่นอน เวลาเล่นหุ้นเราก็ต้องรู้อนาคตว่าหุ้นตัวนี้จะขึ้นหรือจะลง ชื่อนี้จึงถือเป็นคำอวยพรจากท่าน
ตอนนั้นผมนึกว่าพระท่านเข้าใจผิดคิดว่าผมเล่นหุ้นปั่นที่ราคาขึ้นๆลงๆ
เมื่อเวลาผ่านไป ตอนนี้ผมจึงค่อยๆพเรียนรู้ว่า ไม่ว่าจะลงทุนแบบไหน การมองอนาคตให้แม่นยำที่สุดเท่าที่จะทำได้นั้น เป็นประโยชน์ทั้งนั้นครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1679
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ก่อนจะซื้อหุ้น ถามตัวเองก่อน
โพสต์ที่ 12
พี่ jeng ผมว่าหลายคนวิเคราะห์ยังไม่ถูกเลยครับ
เพราะดู g, p, e แบบผิดๆแล้วตัดสินใจ
ตลาดมันเลยเป็นแบบนี้ไงครับ อิิิิิิิิิิิิิิิอิิิิิิิิิิิิิิ
เพราะดู g, p, e แบบผิดๆแล้วตัดสินใจ
ตลาดมันเลยเป็นแบบนี้ไงครับ อิิิิิิิิิิิิิิิอิิิิิิิิิิิิิิ
value trap
- Ii'8N
- Verified User
- โพสต์: 3682
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ก่อนจะซื้อหุ้น ถามตัวเองก่อน
โพสต์ที่ 14
ขนาดดูตัวเลขผลประกอบการ ดูเฉยๆ ผ่านๆ แล้วไม่ดูรายละเอียด เห็นตัวเลขกำไรดี ก็ยังอาจตกหลุมพรางง่ายๆ
อย่างมีบริษัทวงการทอผ้า ตัวเลขผลปรกอบการออกมาสวยหรูเทียบกับปีแล้ว +3,300%
มาดู... เอ๊ะ PBV แค่ 0.7 PE ก็แค่ 7 กว่า...ไอ้เราึก็ตาโต นึกว่าเจอหุ้นถูก แถมเทอร์นอราวด์ แต่ปกติมันมักจะ PE สูงๆ แล้วถึงมาต่ำ แต่นี่...ต่ำลงมากระทันหัน
ถ้าดูผ่า่นๆ ผลีผลามซื้อไป คิดจะถือยาว คงมานั่งร้องไห้ทีหลัง
พอเจาะข้อมูลลึกๆ ผลประกอบการจริงยังขาดทุน ได้ความว่าตัวเลขกำไรโตมหาศาลมาจากการทยอยขายเครื่องจักรเก่า อายุเกิน 10 ปี...ตอนนี้ ก็กำลังทยอยขายต่อ
หุ้นอีกตัว กรณีคล้ายๆ กันนี้ เก่งมาก
ช่วงสึนามิ คนอื่นร่วงผลอย แต่คุณพี่พุ่งสวนทาง... ข้องจิต คิดสงสัยเป็นอย่้างยิ่ง สุดท้ายคือขายของเก่ากินเหมือนกัน
แต่ก็ไม่ไร้ค่าซะทีเดียว ถ้าวัตถุประสงค์จะถือสั้นโดยสนใจที่บริษัทระบายสินทรัพย์ออกเป็นตัวเงิน แจกปันผลผู้ถือหุ้น
...แต่ถ้าไม่ดูตาม้าตาเรือจะถือยาว คงได้นอนยาวแทน
อย่างมีบริษัทวงการทอผ้า ตัวเลขผลปรกอบการออกมาสวยหรูเทียบกับปีแล้ว +3,300%
มาดู... เอ๊ะ PBV แค่ 0.7 PE ก็แค่ 7 กว่า...ไอ้เราึก็ตาโต นึกว่าเจอหุ้นถูก แถมเทอร์นอราวด์ แต่ปกติมันมักจะ PE สูงๆ แล้วถึงมาต่ำ แต่นี่...ต่ำลงมากระทันหัน
ถ้าดูผ่า่นๆ ผลีผลามซื้อไป คิดจะถือยาว คงมานั่งร้องไห้ทีหลัง
พอเจาะข้อมูลลึกๆ ผลประกอบการจริงยังขาดทุน ได้ความว่าตัวเลขกำไรโตมหาศาลมาจากการทยอยขายเครื่องจักรเก่า อายุเกิน 10 ปี...ตอนนี้ ก็กำลังทยอยขายต่อ
หุ้นอีกตัว กรณีคล้ายๆ กันนี้ เก่งมาก
ช่วงสึนามิ คนอื่นร่วงผลอย แต่คุณพี่พุ่งสวนทาง... ข้องจิต คิดสงสัยเป็นอย่้างยิ่ง สุดท้ายคือขายของเก่ากินเหมือนกัน
แต่ก็ไม่ไร้ค่าซะทีเดียว ถ้าวัตถุประสงค์จะถือสั้นโดยสนใจที่บริษัทระบายสินทรัพย์ออกเป็นตัวเงิน แจกปันผลผู้ถือหุ้น
...แต่ถ้าไม่ดูตาม้าตาเรือจะถือยาว คงได้นอนยาวแทน
-
- Verified User
- โพสต์: 60
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ก่อนจะซื้อหุ้น ถามตัวเองก่อน
โพสต์ที่ 15
ขอบคุณทุกท่านครับ
- draco
- Verified User
- โพสต์: 230
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ก่อนจะซื้อหุ้น ถามตัวเองก่อน
โพสต์ที่ 16
ถ้าคิดเป็น ROI ก็เกือบ 60% สิครับเพราะเพิ่ง 8 เดือนเอง ทำไงอะครับ บอกหลักการได้มั๊ยครับ (ไม่ต้องบอกหุ้นครับ)Jeng เขียน:เออ จริงๆ ต่อให้พี่ดูเป็นบ้าง พี่ยังผิดเล้ย น้อง วรันต์ บัพเฟต
แต่ปีนีก็ดี กำไร 39 %
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ก่อนจะซื้อหุ้น ถามตัวเองก่อน
โพสต์ที่ 17
เลิกบอกหุ้นมานานแล้วครับ แต่ก่อนชอบบอกเพราะตัวเองก็ไม่แน่ใจdraco เขียน:ถ้าคิดเป็น ROI ก็เกือบ 60% สิครับเพราะเพิ่ง 8 เดือนเอง ทำไงอะครับ บอกหลักการได้มั๊ยครับ (ไม่ต้องบอกหุ้นครับ)Jeng เขียน:เออ จริงๆ ต่อให้พี่ดูเป็นบ้าง พี่ยังผิดเล้ย น้อง วรันต์ บัพเฟต
แต่ปีนีก็ดี กำไร 39 %
- nasesus
- Verified User
- โพสต์: 1276
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ก่อนจะซื้อหุ้น ถามตัวเองก่อน
โพสต์ที่ 18
หุ้นบางตัว p/e จะต่ำในบางปี แล้วปีต่อไปกลับสูงขึ้นไปเลยก็มี และราคาก็จะค่อยๆปรับลงมาเพื่อให้ p/e ใกล้เคียงกับของเดิม กรณีอย่างนี้อาจพบในหุ้นอสังหาที่การโอนยังไม่สม่ำเสมอทุกๆปีเพราะยังเป็นบริษัทเล็กและมีโครงการในมือน้อย จะทำให้ e ที่ได้ในแต่ละปีสูงๆต่ำๆ การดูควรดูย้อนหลังหลายๆปีและดูโครงการในมือตามตารางที่คาดว่าจะโอนใน 56-1
หุ้นที่คาดการณ์การเติบโตง่ายมักเป็นกลุ่มที่มีรายได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆจากการขยายสาขาหรือการปรับราคาเพิ่มขึ้นตามเงินเฟ้อได้ เช่นค้าปลีกต่างๆ โรงพยาบาลต่างๆ
การเลือกซื้อหุ้นที่ p/e สูง ต้องควบคู่มากับความมั่นใจที่ว่า g ที่เราดูจะไม่ลดลงในอนาคตที่เราคาดการณ์ หุ้นที่ p/e 20 แต่กำไรเติบโตมากกว่าปีละ 50% และยังเติบโตขนาดนี้ไปได้อีกหลายปีก็ไม่ได้ถือว่าเป็นหุ้นแพง เป็นต้น หุ้นที่ใช้ p/e กับ g เข้าจับแล้วคาดการณ์ยากอีกกลุ่มน่าจะเป็นกลุ่มโรงงาน หรือที่ผลิตตามออร์เดอร์ การใช้ p/e เข้าจับที่ pe สูงๆแล้ว g มันไม่เป็นไปอย่างที่คิดจะทำให้ p ปรับตัวแรง
นอกเหนือจากการคาดการณ์การเติบโตแล้ว ผมอยากให้มองถึงการเติบโตนั้นๆด้วยว่าบริษัทที่เราสนใจนั้นจะโตอย่างไร ยิ่งโตยิ่งเหนื่อยหรือป่าว การเติบโตนั้นสร้างกระแสเงินสดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆมั้ย ในบางธุรกิจยิ่งโตเร็วผู้ถือหุ้นยิ่งเหนื่อยนะครับ
หุ้นที่คาดการณ์การเติบโตง่ายมักเป็นกลุ่มที่มีรายได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆจากการขยายสาขาหรือการปรับราคาเพิ่มขึ้นตามเงินเฟ้อได้ เช่นค้าปลีกต่างๆ โรงพยาบาลต่างๆ
การเลือกซื้อหุ้นที่ p/e สูง ต้องควบคู่มากับความมั่นใจที่ว่า g ที่เราดูจะไม่ลดลงในอนาคตที่เราคาดการณ์ หุ้นที่ p/e 20 แต่กำไรเติบโตมากกว่าปีละ 50% และยังเติบโตขนาดนี้ไปได้อีกหลายปีก็ไม่ได้ถือว่าเป็นหุ้นแพง เป็นต้น หุ้นที่ใช้ p/e กับ g เข้าจับแล้วคาดการณ์ยากอีกกลุ่มน่าจะเป็นกลุ่มโรงงาน หรือที่ผลิตตามออร์เดอร์ การใช้ p/e เข้าจับที่ pe สูงๆแล้ว g มันไม่เป็นไปอย่างที่คิดจะทำให้ p ปรับตัวแรง
นอกเหนือจากการคาดการณ์การเติบโตแล้ว ผมอยากให้มองถึงการเติบโตนั้นๆด้วยว่าบริษัทที่เราสนใจนั้นจะโตอย่างไร ยิ่งโตยิ่งเหนื่อยหรือป่าว การเติบโตนั้นสร้างกระแสเงินสดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆมั้ย ในบางธุรกิจยิ่งโตเร็วผู้ถือหุ้นยิ่งเหนื่อยนะครับ
ทางที่ไม่มีไฟ ใช่ว่าไม่มีทาง เพียงแค่การก้าวไปข้างหน้าต้องใช้มากกว่าการหวังพึ่งแค่ดวงตา