แล้งนี้ทำเอา EASTW แทบแย่
-
- Verified User
- โพสต์: 1477
- ผู้ติดตาม: 0
แล้งนี้ทำเอา EASTW แทบแย่
โพสต์ที่ 1
เป็นไปตามคาดครับ เนื่องจากช่วยภัยแล้งทาง EASTW ประกาศลดการจ่ายน้ำลง 10% ซึ่งส่งผลให้รายได้จากน้ำประปาลดลงแปรผันตามปริมาณการจ่ายน้ำโดยอัตโนมัติ แน่จริงลวมากกว่านี้จิจะไปช้อน :lovl:
-
- Verified User
- โพสต์: 1477
- ผู้ติดตาม: 0
แล้งนี้ทำเอา EASTW แทบแย่
โพสต์ที่ 3
เมื่อกี้ไปคลิ๊กดูปริมาณน้ำในเขื่อนจากเว็บกรมชลฯ ปริมาณน้ำในเขื่อนในภาคตะวันออกโดยเฉลี่ยยังอยู่ที่ 26%ของระดับเก็บกักน้ำของอ่าง ประกาศ ณ วันที่ 22 เมษายน 2548 ซึ่งยังอยู่ในระดับที่ต้องเฝ้าระวัง (ระดับน้ำปกติคือ 30%) ฮึๆๆๆ Q2 รับคอรอดาบเลย ฮึๆๆๆๆๆ




-
- Verified User
- โพสต์: 1477
- ผู้ติดตาม: 0
แล้งนี้ทำเอา EASTW แทบแย่
โพสต์ที่ 4
อูยๆ อัพเดธนิดหน่อย ประกาศ ณ วันที่ 13 พค 2548 ระดับปริมาณน้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ภาคตะวันออกอยู่ที่ 15% และปริมาณใช้การได้จริง 7% น่ากลัวแฮะ 
http://203.150.73.19/flood/pics/bp.HTML
http://203.150.73.19/flood/pics/nbl.html
http://water.rid.go.th/flood/res_table.htm

http://203.150.73.19/flood/pics/bp.HTML
http://203.150.73.19/flood/pics/nbl.html
http://water.rid.go.th/flood/res_table.htm
-
- Verified User
- โพสต์: 1477
- ผู้ติดตาม: 0
แล้งนี้ทำเอา EASTW แทบแย่
โพสต์ที่ 5
อ่างเก็บน้ำที่ East Water ได้รับอนุญาตจากกรมชลประทานให้เข้าดำเนินงานมีอะไรบ้าง และปริมาณน้ำที่ได้รับเท่าไร
1. อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล
- ความจุของอ่าง 164.7 ล้าน ลบ.ม.
- ปริมาณน้ำที่ได้รับ 66 ล้าน ลบ.ม.
2. อ่างเก็บน้ำดอกกราย
- ความจุของอ่าง 72.5 ล้าน ลบ.ม.
- ปริมาณน้ำที่ได้รับ 96.2 ล้าน ลบ.ม.
east water
1. อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล
- ความจุของอ่าง 164.7 ล้าน ลบ.ม.
- ปริมาณน้ำที่ได้รับ 66 ล้าน ลบ.ม.
2. อ่างเก็บน้ำดอกกราย
- ความจุของอ่าง 72.5 ล้าน ลบ.ม.
- ปริมาณน้ำที่ได้รับ 96.2 ล้าน ลบ.ม.
east water
-
- Verified User
- โพสต์: 1477
- ผู้ติดตาม: 0
แล้งนี้ทำเอา EASTW แทบแย่
โพสต์ที่ 6
ไม่อยากจะเชื่อแต่ต้องเชื่อแล้วละครับ งานนี้รับดาบแน่ๆ
อีสท์วอเตอร์ลดส่งน้ำ20% แหลมฉบังหวั่นประปาขาด
วันที่ 20 เมษายน 2548
สถานการณ์น้ำภาคตะวันออกไม่กระเตื้อง อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้งบางพระ-หนองปลาไหล ระดับน้ำลดต่ำกว่า 25% ส่งผลกระทบนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง/มาบตาพุด ถูก "อีสท์ วอเตอร์" แจ้งขอลดปริมาณการส่งน้ำดิบลง 20% ถึงขั้นน้ำประปาในนิคมอาจจะขาดแคลน ต้องรณรงค์ประหยัดน้ำกันยกใหญ่ สถานการณ์ภัยแล้งในภาคตะวันออกของประเทศยังคงตกอยู่ในภาวะวิกฤต ล่าสุดกรม ชลประทานได้รายงานสภาพน้ำใช้การได้จริงในอ่างเก็บน้ำสำคัญ 2 อ่างในพื้นที่ ปรากฏอ่างเก็บน้ำบางพระเหลือปริมาณน้ำใช้งานเพียง 15 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 16 เท่านั้น ในขณะที่อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหลเหลือปริมาณน้ำใช้งานได้จริง 33 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 22
นิคมแหลมฉบังวิกฤต
อีสท์ วอเตอร์ลดส่งน้ำ
นายวันชัย มาลากรรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง เปิดเผยกับ "ประชา ชาติธุรกิจ" ว่า ขณะนี้บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรืออีสท์ วอเตอร์ ได้ลดการจ่ายน้ำดิบมายังนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบังลงอีกร้อยละ 10 จากสถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้น เหลือปริมาณการส่งน้ำดิบอยู่ที่ประมาณ 22,000-23,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน ส่งผลให้ปริมาณการจ่ายน้ำประปาในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบังลดลงเหลือวันละ 20,000 ลูกบาศก์เมตร จากเดิมที่มีการจ่ายน้ำประปาอยู่วันละ 25,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน
จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทางนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบังได้ประกาศให้กับผู้ประกอบการในนิคมได้รับทราบ และขอความร่วมมือในการประหยัดการใช้น้ำ พยายามนำน้ำที่ใช้แล้วกลับมารีไซเคิลใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ไม่ให้สถานการณ์ขาดแคลนน้ำรุนแรงมากขึ้น สามารถยืดระยะเวลาการใช้น้ำถึงเดือนกรกฎาคมให้ได้
อย่างไรก็ตาม นายวันชัยได้กล่าวถึงแผนรับมือกับสถานการณ์ภัยแล้งที่จะเกิดขึ้นในปีต่อไปว่า ในปี 2549 บริษัท Gusco ได้มีแผนการก่อสร้างแท็งก์เก็บน้ำประปาขนาดความจุ 15,000 ลูกบาศก์เมตรเพิ่มอีก 1 แท็งก์ จากที่ปัจจุบันมีอยู่ 1 แท็งก์ ความจุ 15,000 ลูกบาศก์เมตร เท่ากับจะมีแท็งก์น้ำประปาสำรองในนิคมเพิ่มขึ้น 30,000 ลูกบาศก์เมตร
ด้านนางสาวนันทวดี กิติศรี ผู้จัดการหน่วยงานนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง บริษัท Gusco กล่าวว่า เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2548 บริษัท East Water ได้แจ้งให้บริษัทรับทราบว่าจะลดการจ่ายน้ำดิบลง 10% เหลือประมาณวันละ 22,000-23,000 ลูกบาศก์เมตร และล่าสุดขณะนี้ทางบริษัท East Water ก็ได้แจ้งมาอีกครั้งว่า ในวันที่ 10 เมษายน 2548 นี้จะมีการลดการจ่ายน้ำดิบลงอีก 10% เหลือวันละประมาณ 20,000 ลูกบาศก์เท่านั้น โดยให้เหตุผลของปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหลในปัจจุบันได้ลดลงมาก จึงจำเป็นต้องลดการส่งจ่ายลง ส่วนปริมาณน้ำดิบที่ทางอีสท์ วอเตอร์จ่ายลดลงเหลือวันละ 20,000 ลูกบาศก์เมตรนั้น เมื่อนำมาปรับสภาพเป็นน้ำประปาและคิดเป็นปริมาณการสูญเสียก็จะเหลือน้ำประปาใช้จริงประมาณ 18,000 ลูกบาศก์เมตร จากเดิมที่เคยใช้กันวันละ 25,000 ลูกบาศก์เมตร ดังนั้นปริมาณน้ำในนิคมอาจจะขาดแคลน ไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ จึงต้องขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการให้ประหยัดการใช้น้ำลง ส่วนบริษัทเองขณะนี้ก็ได้กำหนดแผนลดการจ่ายน้ำลงบางส่วนแล้ว กล่าวคือ หลังเที่ยงคืนลดการจ่ายน้ำลง 70% และในวันอาทิตย์ลดการจ่ายน้ำลง 50%
นางสาวนันทวดีได้กล่าวต่อไปว่า เดิมในปีนี้บริษัทมีแผนลงทุน 25 ล้านบาทในการต่อท่อจ่ายน้ำประปาในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบังให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ภัยแล้งที่รุนแรงเช่นนี้ บริษัทจึงได้มีแผนการลงทุนเพิ่มอีก 30 ล้านบาทในการสร้างแท็งก์เก็บน้ำประปาขนาดความจุ 15,000-30,000 ลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้นอีก 1 แท็งก์ สำรองไว้ใช้อุปโภคบริโภคเมื่อมีการขาด แคลนน้ำกินน้ำใช้
นอกจากนั้นนางสาวนันทวดียังได้กล่าวถึงราคาค่าน้ำประปาว่า ในช่วงกลางปี 2548 นิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยมีแผนจะปรับราคาค่าน้ำเพิ่มขึ้นเป็นลูกบาศก์เมตรละ 17 บาท จากเดิมที่จำหน่ายลูกบาศก์เมตรละ 16 บาท ซึ่งเป็นแผนปกติที่ไม่ได้นำปัจจัยภัยแล้งเข้ามาพิจารณา แต่เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ อาจจะต้องมีต้นทุนจัดทำระบบบริหารน้ำเพิ่มขึ้น ราคาค่าน้ำก็คงต้องเพิ่มขึ้นมากกว่าแผนที่กำหนดไว้ลูกบาศก์เมตรละ 17 บาทแน่
อีสท์ วอเตอร์โต้ จ่ายน้ำแบบจิตวิทยา
นายวันชัย หล่อวัฒนตระกูล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ East Water กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทยังมีการส่งจ่ายน้ำดิบให้กับนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบังและอุตสาหกรรม มาบตาพุดเป็นปกติ ยังไม่มีการลดการส่งจ่ายแต่อย่างไร กล่าวคือ นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ส่งจ่ายน้ำวันละ 25,000 ลูกบาศก์เมตร, นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดส่งจ่ายวันละ 191,000 ลูกบาศก์เมตร โดยการลดจะลดในส่วนที่ส่งให้กับประปาชลบุรีเท่านั้น คือ จากเดิมที่เคยส่งให้ 1 ล้านลูกบาศก์เมตรก็เหลือ 500,000 ลูกบาศก์ โดยขอให้ทางประปาชลบุรีไปใช้น้ำในอ่างเก็บน้ำบางพระที่ยังมีปริมาณน้ำเหลืออยู่มากไปพลางๆ ก่อน เมื่อสถานการณ์ดีขึ้นทางบริษัทก็จะส่งให้เป็นปกติ ส่วนประกาศลดการส่งน้ำไปยังนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบังกับมาบตาพุดนั้น ทางบริษัทได้แจ้งไปจริง แต่เป็นการแจ้งในลักษณะเชิง "จิตวิทยา" ให้ผู้ประกอบการได้ตระหนักถึงการประหยัดการใช้น้ำ ไม่ใช้อย่างฟุ่มเฟือย ซึ่งการส่งน้ำยังส่งเป็นปกติไม่ได้ลดลง "ตอนนี้บริษัทมักจะถูกกล่าวหาอยู่ตลอดว่าไม่ยอมส่งน้ำ โดยเฉพาะประปาชลบุรี ซึ่งตอนนี้ก็มีแหล่งน้ำที่อ่างเก็บน้ำบางพระเหลือใช้อยู่ได้ 6-7 เดือน เหตุที่ลดก็เพราะอ่างเก็บน้ำที่บริษัทบริหารอยู่ ไม่ว่าจะเป็นอ่างเก็บหนองค้อหรือหนองปลาไหล ตอนนี้ปริมาณน้ำลดลงมาก" นายวันชัยกล่าว แต่ปัญหาที่น่ากังวลก็คือ การจัดสรรน้ำในปี 2549 เนื่องจากปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำที่คาดว่าจะมีแนวโน้มว่าจะลดน้อยลง เพราะหากวัดจากปริมาณฝนที่ตกในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน และกันยายน-ตุลาคม ในระดับปกติในส่วนของอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหลซึ่งมีความจุ 160 ล้าน ลบ.ม. จะมีปริมาณน้ำประมาณ 90 ล้าน ลบ.ม. หรือเพียง 60% ขณะที่อ่างเก็บน้ำดอกกราย ซึ่งมีความจุ 70 ล้าน ลบ.ม. น่าจะเต็มเกือบ 100% ซึ่งปริมาณน้ำทั้ง 2 อ่างที่เป็นอ่างเก็บน้ำหลักจะเหลือเพียง 150 ล้าน ลบ.ม. จากภาวะปกติที่มีปริมาณ 200 ล้าน ลบ.ม. อย่างไรก็ตาม เพื่อแก้ไขปัญหาในระยะยาว ขณะนี้บริษัทได้เร่งดำเนินการวางท่อรับน้ำจากแม่น้ำบางปะกงมายังอ่างเก็บน้ำบางพระ ซึ่งเป็นอ่างเก็บน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคหลักของจังหวัดชลบุรี ด้วยงบประมาณ 2,000 ล้านบาท จากเดิม ที่กำหนดระยะเวลา 2 ปีให้สามารถดำเนินการได้ภายใน 1 ปี เพื่อเป็นการสำรองน้ำในช่วงแล้งหน้า นิคมมาบตาพุดประหยัดน้ำ 10% นายพีระวัฒน์ รุ่งเรืองศรี ผู้อำนวยการสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า สถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้น ทำให้น้ำในอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหลกับอ่างเก็บน้ำดอกกราย ที่เป็นแหล่งน้ำสำคัญของนิคมอุตสาห กรรมในจังหวัดระยองลดลงอย่างมาก อาจจะส่งผลทำให้ปริมาณการส่งน้ำป้อนเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมลดลง
ดังนั้นเพื่อเป็นการเตรียมรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทางนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด, นิคมอุตสาหกรรมผาแดง และนิคมอุตสาห กรรมตะวันออก ได้ร่วมมือกันวางแผนแก้ปัญหาในระยะสั้น โดยให้ผู้ประกอบการในนิคมช่วยกันประหยัดน้ำ นำน้ำที่ใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ มีเป้าหมายในการลดการใช้น้ำลงร้อยละ 10 ทั้งนี้อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหลมีปริมาณน้ำอยู่ 50.58 ลูกบาศก์เมตร จากปริมาณที่เก็บกักปกติ 163.80 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนอ่างเก็บน้ำดอกกรายปัจจุบันมีปริมาณ 27.16 ล้านลูกบาศก์เมตร จากปริมาณที่เก็บกักปกติ 71.40 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งปัจจุบันบริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรืออีสท์ วอเตอร์ เป็นผู้นำน้ำจากอ่างเก็บน้ำทั้งสอง มาจัดสรรให้แก่ภาคอุตสาหกรรมวันละ 500,000 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งหากฝนยังไม่ตกและปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำลดลงไปกว่านี้อีก ก็จะต้องลดปริมาณการส่งน้ำลงร้อยละ 10 หรือวันละ 50,000 ลูกบาศก์เมตร
อย่างไรก็ตาม หากถึงเดือนสิงหาคมแล้วฝนยังไม่ตกลงมาอีก สถานการณ์ขาดแคลนน้ำก็จะรุนแรงมากขึ้น แม้จะมีมาตรการประหยัดน้ำแล้วก็คงจะใช้ไม่ได้ผล และเมื่อเวลานั้นคงต้องขอความร่วมมือจากโรงงานตามที่มีแผนจะหยุดการผลิตเพื่อดำเนินการซ่อมบำรุงเครื่องจักรในช่วงปลายปี ก็ขอให้เลื่อนมาหยุดซ่อมบำรุงการผลิตในช่วงที่เกิดวิกฤตขาดแคลนน้ำนี้แทน
(ที่มา : นสพ.ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 31 มีนาคม 2548 )
น่ากลัวมากๆแล้วเที่ยวนี้ไม่เพียงกระทบภาคการเกษตรแต่จะยังลามถึงภาคอุตฯด้วย น่ากลัวๆ

อีสท์วอเตอร์ลดส่งน้ำ20% แหลมฉบังหวั่นประปาขาด
วันที่ 20 เมษายน 2548
สถานการณ์น้ำภาคตะวันออกไม่กระเตื้อง อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้งบางพระ-หนองปลาไหล ระดับน้ำลดต่ำกว่า 25% ส่งผลกระทบนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง/มาบตาพุด ถูก "อีสท์ วอเตอร์" แจ้งขอลดปริมาณการส่งน้ำดิบลง 20% ถึงขั้นน้ำประปาในนิคมอาจจะขาดแคลน ต้องรณรงค์ประหยัดน้ำกันยกใหญ่ สถานการณ์ภัยแล้งในภาคตะวันออกของประเทศยังคงตกอยู่ในภาวะวิกฤต ล่าสุดกรม ชลประทานได้รายงานสภาพน้ำใช้การได้จริงในอ่างเก็บน้ำสำคัญ 2 อ่างในพื้นที่ ปรากฏอ่างเก็บน้ำบางพระเหลือปริมาณน้ำใช้งานเพียง 15 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 16 เท่านั้น ในขณะที่อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหลเหลือปริมาณน้ำใช้งานได้จริง 33 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 22
นิคมแหลมฉบังวิกฤต
อีสท์ วอเตอร์ลดส่งน้ำ
นายวันชัย มาลากรรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง เปิดเผยกับ "ประชา ชาติธุรกิจ" ว่า ขณะนี้บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรืออีสท์ วอเตอร์ ได้ลดการจ่ายน้ำดิบมายังนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบังลงอีกร้อยละ 10 จากสถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้น เหลือปริมาณการส่งน้ำดิบอยู่ที่ประมาณ 22,000-23,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน ส่งผลให้ปริมาณการจ่ายน้ำประปาในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบังลดลงเหลือวันละ 20,000 ลูกบาศก์เมตร จากเดิมที่มีการจ่ายน้ำประปาอยู่วันละ 25,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน
จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทางนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบังได้ประกาศให้กับผู้ประกอบการในนิคมได้รับทราบ และขอความร่วมมือในการประหยัดการใช้น้ำ พยายามนำน้ำที่ใช้แล้วกลับมารีไซเคิลใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ไม่ให้สถานการณ์ขาดแคลนน้ำรุนแรงมากขึ้น สามารถยืดระยะเวลาการใช้น้ำถึงเดือนกรกฎาคมให้ได้
อย่างไรก็ตาม นายวันชัยได้กล่าวถึงแผนรับมือกับสถานการณ์ภัยแล้งที่จะเกิดขึ้นในปีต่อไปว่า ในปี 2549 บริษัท Gusco ได้มีแผนการก่อสร้างแท็งก์เก็บน้ำประปาขนาดความจุ 15,000 ลูกบาศก์เมตรเพิ่มอีก 1 แท็งก์ จากที่ปัจจุบันมีอยู่ 1 แท็งก์ ความจุ 15,000 ลูกบาศก์เมตร เท่ากับจะมีแท็งก์น้ำประปาสำรองในนิคมเพิ่มขึ้น 30,000 ลูกบาศก์เมตร
ด้านนางสาวนันทวดี กิติศรี ผู้จัดการหน่วยงานนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง บริษัท Gusco กล่าวว่า เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2548 บริษัท East Water ได้แจ้งให้บริษัทรับทราบว่าจะลดการจ่ายน้ำดิบลง 10% เหลือประมาณวันละ 22,000-23,000 ลูกบาศก์เมตร และล่าสุดขณะนี้ทางบริษัท East Water ก็ได้แจ้งมาอีกครั้งว่า ในวันที่ 10 เมษายน 2548 นี้จะมีการลดการจ่ายน้ำดิบลงอีก 10% เหลือวันละประมาณ 20,000 ลูกบาศก์เท่านั้น โดยให้เหตุผลของปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหลในปัจจุบันได้ลดลงมาก จึงจำเป็นต้องลดการส่งจ่ายลง ส่วนปริมาณน้ำดิบที่ทางอีสท์ วอเตอร์จ่ายลดลงเหลือวันละ 20,000 ลูกบาศก์เมตรนั้น เมื่อนำมาปรับสภาพเป็นน้ำประปาและคิดเป็นปริมาณการสูญเสียก็จะเหลือน้ำประปาใช้จริงประมาณ 18,000 ลูกบาศก์เมตร จากเดิมที่เคยใช้กันวันละ 25,000 ลูกบาศก์เมตร ดังนั้นปริมาณน้ำในนิคมอาจจะขาดแคลน ไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ จึงต้องขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการให้ประหยัดการใช้น้ำลง ส่วนบริษัทเองขณะนี้ก็ได้กำหนดแผนลดการจ่ายน้ำลงบางส่วนแล้ว กล่าวคือ หลังเที่ยงคืนลดการจ่ายน้ำลง 70% และในวันอาทิตย์ลดการจ่ายน้ำลง 50%
นางสาวนันทวดีได้กล่าวต่อไปว่า เดิมในปีนี้บริษัทมีแผนลงทุน 25 ล้านบาทในการต่อท่อจ่ายน้ำประปาในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบังให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ภัยแล้งที่รุนแรงเช่นนี้ บริษัทจึงได้มีแผนการลงทุนเพิ่มอีก 30 ล้านบาทในการสร้างแท็งก์เก็บน้ำประปาขนาดความจุ 15,000-30,000 ลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้นอีก 1 แท็งก์ สำรองไว้ใช้อุปโภคบริโภคเมื่อมีการขาด แคลนน้ำกินน้ำใช้
นอกจากนั้นนางสาวนันทวดียังได้กล่าวถึงราคาค่าน้ำประปาว่า ในช่วงกลางปี 2548 นิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยมีแผนจะปรับราคาค่าน้ำเพิ่มขึ้นเป็นลูกบาศก์เมตรละ 17 บาท จากเดิมที่จำหน่ายลูกบาศก์เมตรละ 16 บาท ซึ่งเป็นแผนปกติที่ไม่ได้นำปัจจัยภัยแล้งเข้ามาพิจารณา แต่เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ อาจจะต้องมีต้นทุนจัดทำระบบบริหารน้ำเพิ่มขึ้น ราคาค่าน้ำก็คงต้องเพิ่มขึ้นมากกว่าแผนที่กำหนดไว้ลูกบาศก์เมตรละ 17 บาทแน่
อีสท์ วอเตอร์โต้ จ่ายน้ำแบบจิตวิทยา
นายวันชัย หล่อวัฒนตระกูล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ East Water กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทยังมีการส่งจ่ายน้ำดิบให้กับนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบังและอุตสาหกรรม มาบตาพุดเป็นปกติ ยังไม่มีการลดการส่งจ่ายแต่อย่างไร กล่าวคือ นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ส่งจ่ายน้ำวันละ 25,000 ลูกบาศก์เมตร, นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดส่งจ่ายวันละ 191,000 ลูกบาศก์เมตร โดยการลดจะลดในส่วนที่ส่งให้กับประปาชลบุรีเท่านั้น คือ จากเดิมที่เคยส่งให้ 1 ล้านลูกบาศก์เมตรก็เหลือ 500,000 ลูกบาศก์ โดยขอให้ทางประปาชลบุรีไปใช้น้ำในอ่างเก็บน้ำบางพระที่ยังมีปริมาณน้ำเหลืออยู่มากไปพลางๆ ก่อน เมื่อสถานการณ์ดีขึ้นทางบริษัทก็จะส่งให้เป็นปกติ ส่วนประกาศลดการส่งน้ำไปยังนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบังกับมาบตาพุดนั้น ทางบริษัทได้แจ้งไปจริง แต่เป็นการแจ้งในลักษณะเชิง "จิตวิทยา" ให้ผู้ประกอบการได้ตระหนักถึงการประหยัดการใช้น้ำ ไม่ใช้อย่างฟุ่มเฟือย ซึ่งการส่งน้ำยังส่งเป็นปกติไม่ได้ลดลง "ตอนนี้บริษัทมักจะถูกกล่าวหาอยู่ตลอดว่าไม่ยอมส่งน้ำ โดยเฉพาะประปาชลบุรี ซึ่งตอนนี้ก็มีแหล่งน้ำที่อ่างเก็บน้ำบางพระเหลือใช้อยู่ได้ 6-7 เดือน เหตุที่ลดก็เพราะอ่างเก็บน้ำที่บริษัทบริหารอยู่ ไม่ว่าจะเป็นอ่างเก็บหนองค้อหรือหนองปลาไหล ตอนนี้ปริมาณน้ำลดลงมาก" นายวันชัยกล่าว แต่ปัญหาที่น่ากังวลก็คือ การจัดสรรน้ำในปี 2549 เนื่องจากปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำที่คาดว่าจะมีแนวโน้มว่าจะลดน้อยลง เพราะหากวัดจากปริมาณฝนที่ตกในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน และกันยายน-ตุลาคม ในระดับปกติในส่วนของอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหลซึ่งมีความจุ 160 ล้าน ลบ.ม. จะมีปริมาณน้ำประมาณ 90 ล้าน ลบ.ม. หรือเพียง 60% ขณะที่อ่างเก็บน้ำดอกกราย ซึ่งมีความจุ 70 ล้าน ลบ.ม. น่าจะเต็มเกือบ 100% ซึ่งปริมาณน้ำทั้ง 2 อ่างที่เป็นอ่างเก็บน้ำหลักจะเหลือเพียง 150 ล้าน ลบ.ม. จากภาวะปกติที่มีปริมาณ 200 ล้าน ลบ.ม. อย่างไรก็ตาม เพื่อแก้ไขปัญหาในระยะยาว ขณะนี้บริษัทได้เร่งดำเนินการวางท่อรับน้ำจากแม่น้ำบางปะกงมายังอ่างเก็บน้ำบางพระ ซึ่งเป็นอ่างเก็บน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคหลักของจังหวัดชลบุรี ด้วยงบประมาณ 2,000 ล้านบาท จากเดิม ที่กำหนดระยะเวลา 2 ปีให้สามารถดำเนินการได้ภายใน 1 ปี เพื่อเป็นการสำรองน้ำในช่วงแล้งหน้า นิคมมาบตาพุดประหยัดน้ำ 10% นายพีระวัฒน์ รุ่งเรืองศรี ผู้อำนวยการสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า สถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้น ทำให้น้ำในอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหลกับอ่างเก็บน้ำดอกกราย ที่เป็นแหล่งน้ำสำคัญของนิคมอุตสาห กรรมในจังหวัดระยองลดลงอย่างมาก อาจจะส่งผลทำให้ปริมาณการส่งน้ำป้อนเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมลดลง
ดังนั้นเพื่อเป็นการเตรียมรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทางนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด, นิคมอุตสาหกรรมผาแดง และนิคมอุตสาห กรรมตะวันออก ได้ร่วมมือกันวางแผนแก้ปัญหาในระยะสั้น โดยให้ผู้ประกอบการในนิคมช่วยกันประหยัดน้ำ นำน้ำที่ใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ มีเป้าหมายในการลดการใช้น้ำลงร้อยละ 10 ทั้งนี้อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหลมีปริมาณน้ำอยู่ 50.58 ลูกบาศก์เมตร จากปริมาณที่เก็บกักปกติ 163.80 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนอ่างเก็บน้ำดอกกรายปัจจุบันมีปริมาณ 27.16 ล้านลูกบาศก์เมตร จากปริมาณที่เก็บกักปกติ 71.40 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งปัจจุบันบริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรืออีสท์ วอเตอร์ เป็นผู้นำน้ำจากอ่างเก็บน้ำทั้งสอง มาจัดสรรให้แก่ภาคอุตสาหกรรมวันละ 500,000 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งหากฝนยังไม่ตกและปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำลดลงไปกว่านี้อีก ก็จะต้องลดปริมาณการส่งน้ำลงร้อยละ 10 หรือวันละ 50,000 ลูกบาศก์เมตร
อย่างไรก็ตาม หากถึงเดือนสิงหาคมแล้วฝนยังไม่ตกลงมาอีก สถานการณ์ขาดแคลนน้ำก็จะรุนแรงมากขึ้น แม้จะมีมาตรการประหยัดน้ำแล้วก็คงจะใช้ไม่ได้ผล และเมื่อเวลานั้นคงต้องขอความร่วมมือจากโรงงานตามที่มีแผนจะหยุดการผลิตเพื่อดำเนินการซ่อมบำรุงเครื่องจักรในช่วงปลายปี ก็ขอให้เลื่อนมาหยุดซ่อมบำรุงการผลิตในช่วงที่เกิดวิกฤตขาดแคลนน้ำนี้แทน
(ที่มา : นสพ.ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 31 มีนาคม 2548 )
น่ากลัวมากๆแล้วเที่ยวนี้ไม่เพียงกระทบภาคการเกษตรแต่จะยังลามถึงภาคอุตฯด้วย น่ากลัวๆ





-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6447
- ผู้ติดตาม: 0
แล้งนี้ทำเอา EASTW แทบแย่
โพสต์ที่ 8
กำไรที่แท้จริงเพิ่มจาก 85 เป็น 135 ล้านบาท
หรือเพิ่มขึ้น 61% ไม่เลวเลยนะครับ
(ปีที่แล้วมีกำไรพิเศษ 69 ล้าน)
โครตหุ้นตัวจริง
แต่จะเพิ่มทุนอีกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
อ่านเจอจะซื้อหุ้นจาก ช. การช่าง
คงแพงน่าดู
หรือเพิ่มขึ้น 61% ไม่เลวเลยนะครับ
(ปีที่แล้วมีกำไรพิเศษ 69 ล้าน)
โครตหุ้นตัวจริง
แต่จะเพิ่มทุนอีกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
อ่านเจอจะซื้อหุ้นจาก ช. การช่าง
คงแพงน่าดู

แก้ไขล่าสุดโดย ลูกอิสาน เมื่อ เสาร์ พ.ค. 14, 2005 9:46 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6447
- ผู้ติดตาม: 0
แล้งนี้ทำเอา EASTW แทบแย่
โพสต์ที่ 9
ปัญหาคือเงินลงทุน"อีสท์ วอเตอร์" ยอมรับสนใจร่วมทุนใน"น้ำประปาไทย" เพื่อเข้าบริหารจัดการ โดยเตรียมทำหนังสือแสดงความสนใจให้ช.การช่างภายในเดือนนี้ หากช.การช่างไฟเขียว ต้องระดมทุนถึง 3 พันล้านบาทในการเข้าไปถือหุ้น
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6447
- ผู้ติดตาม: 0
แล้งนี้ทำเอา EASTW แทบแย่
โพสต์ที่ 11
หากถือยาวและมีวอร์แรนต์ที่ได้จากการเพิ่มทุนครั้งที่แล้วขอบคุณครับพี่ลูกอิสาน
ไม่ทราบว่าต้องเตรียมหยอดกระปุกไว้เพิ่มทุนหรือเปล่าครับพี่ลูกอิสาน
ต้องฟันธงว่าเตรียมหยอดกระปุกได้เลย เพราะค่าแปลงวอร์แรนต์ 40 บาท ต่อหุ้นเชียวครับ สูงกว่าราคาในตลาดซะอีก
กำไรตัวนี้เพิ่มขึ้นตามเวลาครับ แต่ข้อเสียที่สำคัญที่สุดคือ
คนที่ลงทุนพร้อมที่จะควักกระเป๋าซื้อหุ้นเพิ่มทุนหรือเปล่า
เพราะธุรกิจกำลังอยู่ในช่วงขยายตัวขนานใหญ่
คงต้องมีการระดมทุนเป็นระลอกๆ
EASTW เป็นหนึ่งในตัวโปรดของ Aberdeen fund ด้วยนี่ครับ
เห็นว่าจะลงทุน หากระดมเงินกองทุนเสร็จแล้ว

ผมขอถามนิดว่าทำไมถึงเลือกลงทุนหุ้นตัวนี้มากกว่าที่จะไปเลือกหุ้นที่เข้าใจตัวธุรกิจได้ง่ายกว่านี้ หรือว่ามีความชำนาญด้านนี้อยู่แล้วครับ
ผมไม่ได้ถือตัวนี้เลยนะครับ แต่เท่าที่ศึกษาจาก 56-1 มาบ้าง
ธุรกิจก็เข้าใจได้ไม่ยากมากนัก เปรียบเทียบกับหลายๆบริษัท
EASTW ทำธุรกิจหลักขายน้ำดิบ และรับสัมปทานน้ำประปา
และมีการทำท่อเองด้วย
ความเสี่ยงค่อนข้างน้อย เพราะกึ่งๆผูกขาด barrier of entry ค่อนข้างสูง
กำไรก็คงไปได้เรื่อยๆ ตามการลงทุน แต่คงหวังกำไรมากๆ ไม่ได้เพราะหากตั้งราคาขายสูงเกินไป ภาคอุตสาหกรรมและประชาชน คงเดือดร้อน :lol:
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6447
- ผู้ติดตาม: 0
แล้งนี้ทำเอา EASTW แทบแย่
โพสต์ที่ 12
คงไม่ขนาดนั้นครับ ผมมั่นใจว่าผมก็ไม่รู้มากไปกว่าคุณ ba_2l หรอกครับba_2l เขียน:รบกวนช่วยตรวจการบ้านด้วยครับพี่ลูกอิสาน![]()
เอาเป็นว่าช่วยๆกันดู ช่วยๆกันติดีกว่า จะได้ประโยชน์กันทุกคน
เงินที่ eastw สามารถใช้ขยายกิจการได้ตอนนี้มีดังนี้ครับ
-กำไร+ค่าเสื่อม-เงินปันผล ในแต่ละปี
-เงินแปลงวอร์แรนต์ประมาณ 1,300 ล้าน
-เงินสดในมือ 2,000 ล้าน
แต่จำได้ว่าอ่านจาก 56-1 ในระยะ 10 ปีจากนี้ไป eastw ต้องใช้เงินลงทุนถึง 10,000 ล้านบาท ไม่รวมการคืนหนี้ที่มีอยู่ในตอนนี้ประมาณ 3,000 ล้าน
นอกจากนั้นหากมีการซื้อหุ้นของ บริษัทน้ำประปาไทย (ช.การช่างซื้อหุ้นอีก 50% จากกลุ่มเธมส์) และซื้อหุ้นบริษัทเอกคอมธารา ทั้งสองบริษัทผมคิดว่าใช้เงินลงทุนอีกประมาณ 5,000 ล้าน
eastw มีนโยบายมีหนี้ต่อทุน ไม่เกิน 1 เท่า
ลองคิดดูคร่าวๆแล้วกันครับ ว่าเงินทุนจะเพียงพอหรือเปล่า
แต่ผมเห็นแล้วเหนื่อยแทนครับ

การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
- Minesweeper
- Verified User
- โพสต์: 472
- ผู้ติดตาม: 0
แล้งนี้ทำเอา EASTW แทบแย่
โพสต์ที่ 15
กำไรก็ลดลงไม่มากนี่ครับ แค่จำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นเยอะไปหน่อย
8)
8)
-
- Verified User
- โพสต์: 1477
- ผู้ติดตาม: 0
แล้งนี้ทำเอา EASTW แทบแย่
โพสต์ที่ 16
ไอ้ที่น่ากังวลไม่ใช่ด้านบริหารหรอกครับ แต่ไม่มี น้ำดิบ ซึ่งจะเป็นวัตถุดิบในการส่งมอบน้ำสิครับที่เป็นปัญหา เพราะขณะนี้ระดับน้ำในเขื่อนสำคัญๆในภาคตะวันออกก็ยังคงลดลงต่อเนื่อง และไอ้ที่น่ากังวลกว่านั้นถ้าระดับน้ำยังคงแล้งต่อเนื่องอาจจะส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมได้เนื่องจากนิคมอุตสาหกรรมตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเป็นจำนวนมาก และส่วนมากก็เป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ อย่างตามที่ศูนย์พยากรณ์ฯได้เคยพยากรณ์ความเสียหายจากภัยแล้งใกล้เคียงกับข้อมูลที่สรุปจากธนาคารแห่งประเทศไทยที่ความเสียหายอยู่ที่ประมาณ 3หมื่นล้านบาท ซึ่งการประมาณการครั้งนั้นขอบเขตผลกระทบอยู่แค่ภาคการเกษตร แต่ถ้าลามถึงภาคอุตสาหกรรม ตัวเลขความเสียหายจะเพิ่มขึ้นอีกมาก ไม่สนุกนะเนี่ย 
