ปัญหาของสหรัฐซับซ้อนกว่าที่อื่นๆ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
ปัญหาของสหรัฐซับซ้อนกว่าที่อื่นๆ
โพสต์ที่ 1
สหรัฐเป็นประเทศพิเศษที่มีความแตกต่างจากประเทศอื่นๆอย่างมาก เช่น สามารถพมพ์ธนบัตรออกมาเท่าไรก็ได้ โดยไม่ต้องมีเงินทุนสำรองหนุนหลัง สกุลเงินก็เป็นสกุลหลักของโลก ตลาดหุ้น ตลาดเงิน ตลาดตราสารหนี้ ต่างก็เป็นตลาดหลักของโลก บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกก็อยู่ที่สหรัฐมากมาย
เราต่างก็รู้ดีว่าสหรัฐมีปัญหาหนักหนาและมากมาย แต่เมื่อดูดัชนีดาวน์โจน ก็ปรับตัวขึ้นมมจนเกือบเท่าจุดสูงสุดก่อนวิกฤต Subprime
และเมื่อโดนปรับลดเครดิตลง เราต่างก็คาดเดาว่าจะต้องมีการขายพันธบัตรรัฐบาลของสหรัฐออกมาเพื่อไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลของประเทศอื่นที่ยังคงได้ AAA ซึ่งจะทำให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสูงขึ้น แต่ผลกลับเป็นไปในทางตรงข้าม นักลงทุนขายหุ้นไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
ผมคิดว่าสหรัฐเป็นประเทศที่มีความซับซ้อนเกินกว่านักวิเคราะห์ทั่วๆไปจะเข้าใจ
เราต่างก็รู้ดีว่าสหรัฐมีปัญหาหนักหนาและมากมาย แต่เมื่อดูดัชนีดาวน์โจน ก็ปรับตัวขึ้นมมจนเกือบเท่าจุดสูงสุดก่อนวิกฤต Subprime
และเมื่อโดนปรับลดเครดิตลง เราต่างก็คาดเดาว่าจะต้องมีการขายพันธบัตรรัฐบาลของสหรัฐออกมาเพื่อไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลของประเทศอื่นที่ยังคงได้ AAA ซึ่งจะทำให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสูงขึ้น แต่ผลกลับเป็นไปในทางตรงข้าม นักลงทุนขายหุ้นไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
ผมคิดว่าสหรัฐเป็นประเทศที่มีความซับซ้อนเกินกว่านักวิเคราะห์ทั่วๆไปจะเข้าใจ
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
- ilekis
- Verified User
- โพสต์: 205
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปัญหาของสหรัฐซับซ้อนกว่าที่อื่นๆ
โพสต์ที่ 2
ครับ ด้วยความยังอ่อนด้อยด้านการลงทุนของผม หลังจากผ่าน subprime มาก็คิดว่า
หาโอกาสมาคราวหน้าอีกจะต้องไม่พลาด
แต่ปรากฎว่าคราวนี้มันไม่เหมือนคราวที่แล้วครับ ไม่รู้ว่า fund flow มันจะไปทางไหนเลย 555
ผมไม่ได้เล่นหุ้นตาม fund flow นะครับ เพียงแต่คิดว่า fund flow อาจจะทำให้มีโอกาส
ซื้อของถูก
หาโอกาสมาคราวหน้าอีกจะต้องไม่พลาด
แต่ปรากฎว่าคราวนี้มันไม่เหมือนคราวที่แล้วครับ ไม่รู้ว่า fund flow มันจะไปทางไหนเลย 555
ผมไม่ได้เล่นหุ้นตาม fund flow นะครับ เพียงแต่คิดว่า fund flow อาจจะทำให้มีโอกาส
ซื้อของถูก
How much can you know about yourself, you've never been in a fight?
Tyler Durden
Tyler Durden
-
- Verified User
- โพสต์: 111
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปัญหาของสหรัฐซับซ้อนกว่าที่อื่นๆ
โพสต์ที่ 3
เงินสดล้นโลกน่ะ พี่ฉัตร
สงบสยบการเคลื่อนไหว
-
- Verified User
- โพสต์: 224
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปัญหาของสหรัฐซับซ้อนกว่าที่อื่นๆ
โพสต์ที่ 6
ไม่ใช่ สหรัฐ หรอกครับที่ซับซ้อน การตัดสินใจของนักลงทุนตางหาก ที่ซับซ้อนเกินกว่าจะเข้าใจchatchai เขียน:สหรัฐเป็นประเทศพิเศษที่มีความแตกต่างจากประเทศอื่นๆอย่างมาก เช่น สามารถพมพ์ธนบัตรออกมาเท่าไรก็ได้ โดยไม่ต้องมีเงินทุนสำรองหนุนหลัง สกุลเงินก็เป็นสกุลหลักของโลก ตลาดหุ้น ตลาดเงิน ตลาดตราสารหนี้ ต่างก็เป็นตลาดหลักของโลก บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกก็อยู่ที่สหรัฐมากมาย
เราต่างก็รู้ดีว่าสหรัฐมีปัญหาหนักหนาและมากมาย แต่เมื่อดูดัชนีดาวน์โจน ก็ปรับตัวขึ้นมมจนเกือบเท่าจุดสูงสุดก่อนวิกฤต Subprime
และเมื่อโดนปรับลดเครดิตลง เราต่างก็คาดเดาว่าจะต้องมีการขายพันธบัตรรัฐบาลของสหรัฐออกมาเพื่อไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลของประเทศอื่นที่ยังคงได้ AAA ซึ่งจะทำให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสูงขึ้น แต่ผลกลับเป็นไปในทางตรงข้าม นักลงทุนขายหุ้นไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
ผมคิดว่าสหรัฐเป็นประเทศที่มีความซับซ้อนเกินกว่านักวิเคราะห์ทั่วๆไปจะเข้าใจ
จริงๆ AA+ ก็ยังเป็นตราสารชั้นดีนะครับ ได้ดอกเบี้ยเพิ่ม แถมยังปลอดภัยด้วย ^^
My way, or the highway
-
- Verified User
- โพสต์: 600
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปัญหาของสหรัฐซับซ้อนกว่าที่อื่นๆ
โพสต์ที่ 7
AA+ อาจไม่ตรง criteria ของบางกองทุน ซึ่งมีความจำเป็นทีปรับเปลี่ยน
- simplelife
- Verified User
- โพสต์: 756
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปัญหาของสหรัฐซับซ้อนกว่าที่อื่นๆ
โพสต์ที่ 9
ผมก็ยังไม่เข้าใจเรื่องปรับเครดิตเรทติ้ง ว่านักลงทุนแบบ VI จะไปสนใจทำไม
เพราะถ้าจะเปรียบเครดิตเรทติ้ง มันก็คล้ายๆกับ SAA consensus ของหุ้นในบางแง่ คือบริษัทจัดเครดิตเรทติ้งก็เอาข้อมูลปัจจุบัน (ที่นักลงทุนก็รู้อยู่แล้ว) มาประเมิน ว่าผู้ออกตราสารมีเครดิตความเสี่ยงเท่าไร ในอีกแง่นึงนักลงทุนอย่างเราๆก็ประเมินได้ และสามารถเลือกที่จะเชื่อตัวเองมากกว่า SAA consensus หรือ เครดิตเรทติ้ง ที่มี "ผู้วิเคราะห์"หาวิเคราะห์มาครับ
เพราะถ้าจะเปรียบเครดิตเรทติ้ง มันก็คล้ายๆกับ SAA consensus ของหุ้นในบางแง่ คือบริษัทจัดเครดิตเรทติ้งก็เอาข้อมูลปัจจุบัน (ที่นักลงทุนก็รู้อยู่แล้ว) มาประเมิน ว่าผู้ออกตราสารมีเครดิตความเสี่ยงเท่าไร ในอีกแง่นึงนักลงทุนอย่างเราๆก็ประเมินได้ และสามารถเลือกที่จะเชื่อตัวเองมากกว่า SAA consensus หรือ เครดิตเรทติ้ง ที่มี "ผู้วิเคราะห์"หาวิเคราะห์มาครับ
"I believe what I said yesterday. I don't know what I said, but I know what I think... and I assume it's what I said." -- Donald Rumsfeld
-
- Verified User
- โพสต์: 62
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปัญหาของสหรัฐซับซ้อนกว่าที่อื่นๆ
โพสต์ที่ 10
คนมากกว่าครึ่งหนึ่งไม่ใช่ VI ครับ และคนเหล่านั้นเค้าสนใจนี่สิsimplelife เขียน:ผมก็ยังไม่เข้าใจเรื่องปรับเครดิตเรทติ้ง ว่านักลงทุนแบบ VI จะไปสนใจทำไม
เพราะถ้าจะเปรียบเครดิตเรทติ้ง มันก็คล้ายๆกับ SAA consensus ของหุ้นในบางแง่ คือบริษัทจัดเครดิตเรทติ้งก็เอาข้อมูลปัจจุบัน (ที่นักลงทุนก็รู้อยู่แล้ว) มาประเมิน ว่าผู้ออกตราสารมีเครดิตความเสี่ยงเท่าไร ในอีกแง่นึงนักลงทุนอย่างเราๆก็ประเมินได้ และสามารถเลือกที่จะเชื่อตัวเองมากกว่า SAA consensus หรือ เครดิตเรทติ้ง ที่มี "ผู้วิเคราะห์"หาวิเคราะห์มาครับ
พอคนมากกว่าครึ่งลงมือกับตลาด VI ที่จิตใจไม่แข็งพอก็ไปได้เหมือนกันครับ
"I Think ,Therefore I am"
- ก๊วยเจ๋ง
- Verified User
- โพสต์: 101
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปัญหาของสหรัฐซับซ้อนกว่าที่อื่นๆ
โพสต์ที่ 11
ปกติเวลาประเทศไหนโดน downgrade แล้วตลาดก็จะตอบสนองด้วยการเทขาย bond ของประเทศนั้นทำให้ bondyield ก็จะสูงปรี๊ดเลยครับ เช่นกรีซที่ตอนนี้โดน cut จะแทบไม่เหลือ credit แล้วถ้าต้องออก bond ใหม่ต้องไปออกที่ดอกเบี้ย 18% ครับ ดังนั้น credit rating ก็ถือว่ามีผลต่อการ financing เงินมากเหมือนกันครับsimplelife เขียน:ผมก็ยังไม่เข้าใจเรื่องปรับเครดิตเรทติ้ง ว่านักลงทุนแบบ VI จะไปสนใจทำไม
เพราะถ้าจะเปรียบเครดิตเรทติ้ง มันก็คล้ายๆกับ SAA consensus ของหุ้นในบางแง่ คือบริษัทจัดเครดิตเรทติ้งก็เอาข้อมูลปัจจุบัน (ที่นักลงทุนก็รู้อยู่แล้ว) มาประเมิน ว่าผู้ออกตราสารมีเครดิตความเสี่ยงเท่าไร ในอีกแง่นึงนักลงทุนอย่างเราๆก็ประเมินได้ และสามารถเลือกที่จะเชื่อตัวเองมากกว่า SAA consensus หรือ เครดิตเรทติ้ง ที่มี "ผู้วิเคราะห์"หาวิเคราะห์มาครับ
風林火山
- Tibular
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 522
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปัญหาของสหรัฐซับซ้อนกว่าที่อื่นๆ
โพสต์ที่ 12
จริงๆต้องยอมรับคับว่า ตัวเราไม่ได้เป็นตัวแทนคนส่วนใหญ่นะคับ
นักลงทุนแนว vi ก็เช่นกัน ไม่ใช่ตัวแทนความคิดคนส่วนใหญ่
การมองความเห็นคนส่วนใหญ่ให้ออก แล้วนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ในการลงทุนของเรา
นี่เป็นจุดที่ท่านเล่าฮูบัฟเฟตเรียกว่า ความคิดเป็นอิสระคับ ไม่ใช่ความคิดขวางโลก
หรือเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง vi ที่ดีต้องทำตัวเป็นกรรมการที่เที่ยงตรง
ตัดสินคุณค่าของสินทรัพย์ต่างๆอย่างเป็นเหตุเป็นผล
การจะไม่สนใจตลาด หรือเศรษฐกิจ สังคมเลย ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่นำเราสู่ความไม่รู้
โลกเปลี่ยนแปลง เราคงต้องเรียนรู้ไปเรื่อยๆพร้อมกับโลก ในขณะเดียวกัน
เราต้องมองหาคุณค่าในสินทรัพย์ต่างๆให้ออกด้วย ในฐานะนักลงทุนอาชีพ
ขอบคุณพี่ chatchai ในมุมมองดีๆแบบนี้คับ
นักลงทุนแนว vi ก็เช่นกัน ไม่ใช่ตัวแทนความคิดคนส่วนใหญ่
การมองความเห็นคนส่วนใหญ่ให้ออก แล้วนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ในการลงทุนของเรา
นี่เป็นจุดที่ท่านเล่าฮูบัฟเฟตเรียกว่า ความคิดเป็นอิสระคับ ไม่ใช่ความคิดขวางโลก
หรือเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง vi ที่ดีต้องทำตัวเป็นกรรมการที่เที่ยงตรง
ตัดสินคุณค่าของสินทรัพย์ต่างๆอย่างเป็นเหตุเป็นผล
การจะไม่สนใจตลาด หรือเศรษฐกิจ สังคมเลย ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่นำเราสู่ความไม่รู้
โลกเปลี่ยนแปลง เราคงต้องเรียนรู้ไปเรื่อยๆพร้อมกับโลก ในขณะเดียวกัน
เราต้องมองหาคุณค่าในสินทรัพย์ต่างๆให้ออกด้วย ในฐานะนักลงทุนอาชีพ
ขอบคุณพี่ chatchai ในมุมมองดีๆแบบนี้คับ
- simplelife
- Verified User
- โพสต์: 756
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปัญหาของสหรัฐซับซ้อนกว่าที่อื่นๆ
โพสต์ที่ 13
ครั้งนี้ bond yield ของ US ลดลงด้วยซ้ำไปครับ ดูแต่ในตลาด US เอง มันดูประหลาดเหมือนกับว่าคนขายหุ้นเพื่อที่เอาเงินไปซื้อพันธบัตรด้วยซ้ำ เพราะหุ้นตก bond ราคาขึ้น ทั้งๆที่ bond เป็นตัวโดนคนลด credit บอกเป็นนัยๆว่า default rate มันไม่ใช่ 0% อย่างที่ใครๆคิดนะก๊วยเจ๋ง เขียน:ปกติเวลาประเทศไหนโดน downgrade แล้วตลาดก็จะตอบสนองด้วยการเทขาย bond ของประเทศนั้นทำให้ bondyield ก็จะสูงปรี๊ดเลยครับ เช่นกรีซที่ตอนนี้โดน cut จะแทบไม่เหลือ credit แล้วถ้าต้องออก bond ใหม่ต้องไปออกที่ดอกเบี้ย 18% ครับ ดังนั้น credit rating ก็ถือว่ามีผลต่อการ financing เงินมากเหมือนกันครับ
ประเด็นคือว่า ข้อมูลต่างๆของภาวะเศรษฐกิจ มันก็เป็นที่รู้กันได้อยู่อย่างทั่วไปแล้วครับ ไม่ต้องให้คนนั้นคนนี้ มีชี้ช่องฟันธงว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถึงค่อยเชื่อค่อยวิเคราะห์ตาม อย่างกรีซที่โดนตัดเรทติ้ง ด้วยสภาวะที่กรีซเป็นอยู่ทุกวันนี้ ถึงไม่มีบริษัทเรทติ้งมาบอก bond ที่ออกมาก็จะยังขายไม่ได้ราคาอยู่ดี หรือ yield ก็จะพุ่งสูงขึ้นมากครับ
"I believe what I said yesterday. I don't know what I said, but I know what I think... and I assume it's what I said." -- Donald Rumsfeld
- tum_H
- Verified User
- โพสต์: 1857
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปัญหาของสหรัฐซับซ้อนกว่าที่อื่นๆ
โพสต์ที่ 15
ไม่รู้ว่าจะเป็นเหมือน น้ำผึ้งหยดลงพื้น แล้วเมื่อฝูงผึ้งเห็น เลยเข้ามารุมsimplelife เขียน:ดูแต่ในตลาด US เอง มันดูประหลาดเหมือนกับว่าคนขายหุ้นเพื่อที่เอาเงินไปซื้อพันธบัตรด้วยซ้ำ เพราะหุ้นตก bond ราคาขึ้น
เมื่อน้ำผึ้งหมดแล้วก็บินจากไป หรือเปล่าครับ
สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นซ้ำซากก็คือ บนวิกฤตมักมีโอกาสเสมอครับ
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก