อังคาร ส.ค. 02, 2011 8:24 pm | 0 คอมเมนต์
ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทุกคำชมนะค่ะ
แม้ว่าหนทางยังอีกยาวไกล แต่มาถึงวันนี้ได้นอกจากมีกัลยาณมิตรทางหุ้นที่ดีแล้ว (อยู่แถว ๆ นี้ค่ะ) อีกส่วนหนึ่งก็มาจาก web thaivi นี่แหละค่ะ ที่มีการแชร์ความคิดเห็น ที่เมื่อได้อ่านเรื่อย ๆ แล้วทำให้เรารู้สึกว่าความคิดเริ่มตกผลึกขึ้น
จนเริ่มรู้สึกว่ามีสไตล์การลงทุนเป็นของตัวเอง
วันนี้มีน้องพยาบาลที่ทำงาน 2 คน เห็นเราดูจออะไรในหน้าจอคอม (ซึ่งเรากำลังอ่านงบการเงินไตรมาส 2 ของ Global) น้องเขาคงสังเกตว่าก่อนหน้าเราก็คุยเรื่องหุ้นกับหมอบ่อย จึงสอบถามเกี่ยวกับเรื่องหุ้น จึงทำให้ต้องหันมาอธิบายเรื่องการลงทุนกับน้อง ๆ
คำถามแรกที่น้อง ๆ ถามคือ แล้วมันจะขาดทุนมั๊ย ? เราจึงยิ้มเล็ก ๆ แล้วคิดกลับไปในอดีตเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นคำถามเดียวกับตอนที่เราเริ่มสนใจซื้อหุ้นตัวแรก
ทำให้ต้องปูพื้นและอธิบายแนวคิดเรื่องความมหัศจรรย์ของดอกเบี้ยทบต้น ตามมาด้วยอัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์ของแต่ละประเภท การตั้งเป็นหมายผลตอบแทน การเปิดพอร์ต การบริหารเงินเก็บ
สักพักคนไข้ก็เรียก เลยบอกน้องไปว่า “ไว้ว่าง ๆ เราไปบ้านพี่กันดีกว่านะ มีหนังสือเยอะด้วย” ดูเหมือนน้อง ๆ เค้าก็สนใจกันดี ในใจแอบหวังว่า เราจะมีสมาชิก VI เพิ่มอีก 2 คน
เพราะก่อนหน้ามีพี่พยาบาลคนนึง เล่นหุ้นมาไล่ ๆ กัน แต่ตอนนี้กลายเป็นพวก day trade เนื่องเพราะมาร์เก็ตติ้งไปแล้ว
พูดแล้วเหนื่อย ได้กำไร หรือขาดทุนก็ไม่เคยจด แถมซื้อหุ้นระยะหลัง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำธุรกิจอะไร (ฮิ รักน้องมาร์มากกว่าเรา) จริง ๆ เคยคุยเปิดอกกับพี่เขา พี่เค้าก็บอกว่า รู้ทุกอย่างว่าแนวทาง VI มันดี แต่เค้าทำไม่ได้ พอเขียวก็อยากขาย พอแดงก็ cut loss หรือไม่ก็ปล่อยไว้ในบอร์ดเรื่อย ๆ แล้วรอ จนกว่ามันจะเขียว เพราะทำใจขาดทุนมากไม่ได้
พูดไปก็กลัวน้อง ๆ คนใหม่ ๆ จะเปลี่ยนจาก VI ไปเป็น day trade เหมือนกัน เลยคิดว่าต้องปูแนวความคิด VI ให้หนัก ๆ หน่อยจะได้มีทายาทเพิ่ม
(ที่สำคัญจะได้มีผู้หญิงลงทุนเพิ่มด้วย เพราะในกลุ่มที่สนิทกัน มีแต่ VI ที่เป็นผู้ชาย มีเราเป็นผู้หญิงคนเดียว
)
วันนี้เริ่มมานั่งคิด ไม่ทราบว่าทุกคนคิดเหมือนกันไหมค่ะว่า การลงทุนแบบ VI ก็เหมือนกับการฝึกจิตให้นิ่ง ไม่หวั่นไหวต่อสถานการณ์ต่าง ๆ (ยกเว้นพื้นฐานบริษัทเปลี่ยน) ลงทุนอย่างต่อเนื่อง หาความรู้และให้ความรู้ทุกครั้งเมื่อมีโอกาส (โบราณว่ายิ่งให้ยิ่งได้)
จริง ๆ แล้วเคยคิดว่าไม่อยากจะเล่าเรื่องตัวเองสักเท่าไหร่ อยากจะให้ตัวเองมีพอร์ตมาก ๆ ก่อนค่อยมาเล่า แต่คิดอีกทีว่า ก่อนหน้าเราก็เคยเป็นคนที่ไม่มีเป้าหมายอะไรในชีวิต ใช้เงิน เดือนชนเดือน ดูหนังฟังเพลง ช้อปปิ้ง ไปเรื่อย (ไม่ได้ช้อปไป ศึกษาผลิตภัณฑ์ไปเหมือนทุกวันนี้ซึ่งสนุกกว่า)
สรุปแล้วถ้าเราเล่าเรื่องเราแล้วสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้กับมนุษย์เงินเดือน อีกหลาย ๆ คน หรืออาจจะเพียงแค่คนเดียว ก็ถือว่ายินดีมาก ๆ แล้วค่ะ