The Family Man ผู้ชายรักครอบครัว
- kotaro
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1495
- ผู้ติดตาม: 0
Re: The Family Man ผู้ชายรักครอบครัว
โพสต์ที่ 32
ข้อ 1 น่าจะมีคนตอบไปเยอะแล้วนะครับเรื่องแรกเลย
1. การเตรียมพร้อม สำหรับการเลี้ยงลูกที่จะเกิด มีอะไรบ้าง
2. มักมีคนพูดเสมอว่า พอมีครอบครัวแล้ว ก็ มักจะไม่มีเวลา ดูแลพ่อแม่ มีการจัดสรรเวลายังไงกันมั่งครับ
ของผมตอนนี้ก็ลูก 2 คนโต 1 ขวบ 8 เดือน กำลังซนมาก คนเล็ก 2 เดือนพอดีครับ พอมีคนแรกแล้ว คนที่สองจะรู้สึกว่าเลี้ยงง่ายกว่าเดิมมากครับ
ของผมก็มีเรื่องตื่นเต้นตอนคลอดคนแรก แฟนไปฝากครรภ์กับอาจารย์ที่กรุงเทพ เพราะไม่อยากคลอด รพ.ที่ตัวเองทำงานอยู่ พอน้ำเดิน ไอ้เราก็นึกว่าท้องแรกน่าจะมีเวลา และเค้าไม่ปวดท้องเลย ก็เลยขับรถจากตราดจะไป กทม คิดว่า 3 ชมกว่าๆน่าจะถึง ที่ไหนได้ ไปเริ่มปวดท้องตรงใกล้ถึง อ.แกลง เลยแวะ pv ปรากฏว่า ปากมดลูกเปิดหมด เลยได้คลอดที่ รพ.แกลงเลย เสียเงินค่าคลอด 30 บาท 555 ประหยัดเงินได้เกือบแสนเลยคราวนี้
ส่วนข้อ 2 ผมว่าไม่จริงนะครับ น่าจะอยู่ที่การจัดการมากกว่า
คุณพ่อผมป่วย ตอนแฟนผมท้องลูกคนแรก ผมก็พาคุณพ่อมาอยุ่บ้านผม จ้างผู้ช่วยพยาบาลเฝ้าเวรเช้า เวรดึก คอยพลิกตัวตะแคงตัวทุก 2 ชม ให้อาหารทางสายยาง พาคุณแม่มาอยู่ด้วย เพราะจะได้อยู่ใกล้คุณพ่อด้วยกัน ผมก็ได้ดูแลลูก ดูแลพ่อ และ แม่ทุกวัน บ้านที่เคยอยู่กันแค่ 2 คน ตอนนี้กลายเป็นเกือบ 10 คน
มีความสุขดีครับ ได้ดูแลคนที่เรารัก ยิ่งเราดูแลคนที่เรารักมากที่สุด เราก็มีความสุขมากยิ่งขึ้นครับ
เห็นชีวิตที่เรารักเริ่มต้น เห็นชีวิตที่เรารักกำลังจะจาก ทำให้มองชีวิตตัวเองที่อยู่กึงกลางได้สุขุมและมีคุณค่ามากยิ่งขึ้นครับ
“Laughter is timeless. Imagination has no age. And dreams are forever.” ― Walt Disney Company
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 795
- ผู้ติดตาม: 0
Re: The Family Man ผู้ชายรักครอบครัว
โพสต์ที่ 33
เฮีย หวีครับ ระดับเฮียหวี เรื่อง "อาบน้ำ" นี่ยังต้องมีคนสอนอีกเหรอครับ เนี่ยยยย 555
ประสบการณ์คุณ saichon น่าตื่นเต้นมากครับ ต่อไป คงเจอ แต่เรื่องดีๆ แล้วครับ
ผมสงสัย พ่อแม่สมัยก่อน ไม่ค่อยมีเวลา ดูแลเอาใจใส่ ลูก "ละเอียด" ขนาดนี้ แต่ ส่วนใหญ่ ก็ออกมาเป็นคนมีคุณภาพได้
พ่อแม่ สมัยนี้ "กลัว" และ สนใจ "รายละเอียด" มากเกินจำเป็น หรือเปล่าครับเนี่ยยย
ประสบการณ์คุณ saichon น่าตื่นเต้นมากครับ ต่อไป คงเจอ แต่เรื่องดีๆ แล้วครับ
ผมสงสัย พ่อแม่สมัยก่อน ไม่ค่อยมีเวลา ดูแลเอาใจใส่ ลูก "ละเอียด" ขนาดนี้ แต่ ส่วนใหญ่ ก็ออกมาเป็นคนมีคุณภาพได้
พ่อแม่ สมัยนี้ "กลัว" และ สนใจ "รายละเอียด" มากเกินจำเป็น หรือเปล่าครับเนี่ยยย
Miracle Happens Everyday !
"ปาฎิหารย์คือการเดินบนผืนดินและมีความสุขในทุกย่างก้าว"
"ปาฎิหารย์คือการเดินบนผืนดินและมีความสุขในทุกย่างก้าว"
- pinklady
- Verified User
- โพสต์: 778
- ผู้ติดตาม: 0
Re: The Family Man ผู้ชายรักครอบครัว
โพสต์ที่ 34
พอลูกน้อยออกมาแล้ว คงได้คำตอบPERFECT LUCKY เขียน:
ผมสงสัย พ่อแม่สมัยก่อน ไม่ค่อยมีเวลา ดูแลเอาใจใส่ ลูก "ละเอียด" ขนาดนี้ แต่ ส่วนใหญ่ ก็ออกมาเป็นคนมีคุณภาพได้
พ่อแม่ สมัยนี้ "กลัว" และ สนใจ "รายละเอียด" มากเกินจำเป็น หรือเปล่าครับเนี่ยยย
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
Re: The Family Man ผู้ชายรักครอบครัว
โพสต์ที่ 35
เรื่องภาษานี่ต้องเข้าใจก่อนว่ามี 4 ทักษะ คือ อ่าน ฟัง พูด เขียน เป็นทักษะที่ไม่ขึ้นต่อกัน
สำหรับเด็กทารกมากๆ คงฟังได้อย่างเดียว ถ้าพูดกับเค้าหลายภาษาอาจจะทำให้การพูด ซึ่งเป็นการลอกเลียนคำพูดของผู้ใหญ่จะเพี้ยนตามไปด้วย ผมอยากจะแนะนำว่าให้เน้นภาษาไทยไปก่อนครับ
พอโตแล้ว เริ่มรู้เรื่องสัก 1-2 ขวบ เริ่มอ่านหนังสือให้ลูกฟังเป็นภาษาอังกฤษ (หรือภาษาอื่นๆ) ก่อนนอน อันนี้สำคัญมาก เพราะจะเป็นการปลูกฝังนิสัยรักการอ่านให้เค้าตั้งแต่เด็ก ช่วงนี้เริ่มพูดภาษาอื่นๆ ให้เค้าฟังได้ครับ เค้าจะกลับมาสื่อสารภาษาไทยกับเราแต่เค้าจะค่อยๆ ฟังเข้าใจและหัดพูดตามได้แล้ว
พอเริ่มอ่านหนังสือได้ หาหนังสือรูปภาพที่มีภาษาอังกฤษ เช่น Clifford หมายักษ์ตัวแดงๆ จะสอนวิธีพูดแบบโฟนิก โดยเราอ่านก่อน แล้วก็ชี้ตัวหนังสือกับชี้รูป เด็กจะจำรูปได้ก่อนจำตัวอักษรครับ และจะค่อยๆ อ่านได้ครับ
ส่วนเขียนอันนี้ต้องโตเลย
สำหรับเด็กทารกมากๆ คงฟังได้อย่างเดียว ถ้าพูดกับเค้าหลายภาษาอาจจะทำให้การพูด ซึ่งเป็นการลอกเลียนคำพูดของผู้ใหญ่จะเพี้ยนตามไปด้วย ผมอยากจะแนะนำว่าให้เน้นภาษาไทยไปก่อนครับ
พอโตแล้ว เริ่มรู้เรื่องสัก 1-2 ขวบ เริ่มอ่านหนังสือให้ลูกฟังเป็นภาษาอังกฤษ (หรือภาษาอื่นๆ) ก่อนนอน อันนี้สำคัญมาก เพราะจะเป็นการปลูกฝังนิสัยรักการอ่านให้เค้าตั้งแต่เด็ก ช่วงนี้เริ่มพูดภาษาอื่นๆ ให้เค้าฟังได้ครับ เค้าจะกลับมาสื่อสารภาษาไทยกับเราแต่เค้าจะค่อยๆ ฟังเข้าใจและหัดพูดตามได้แล้ว
พอเริ่มอ่านหนังสือได้ หาหนังสือรูปภาพที่มีภาษาอังกฤษ เช่น Clifford หมายักษ์ตัวแดงๆ จะสอนวิธีพูดแบบโฟนิก โดยเราอ่านก่อน แล้วก็ชี้ตัวหนังสือกับชี้รูป เด็กจะจำรูปได้ก่อนจำตัวอักษรครับ และจะค่อยๆ อ่านได้ครับ
ส่วนเขียนอันนี้ต้องโตเลย
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
- atsu
- Verified User
- โพสต์: 1218
- ผู้ติดตาม: 0
Re: The Family Man ผู้ชายรักครอบครัว
โพสต์ที่ 38
ลูกพี่ kotaro นี่ต้องเรียกว่าเป็นปิยชาติบุตรจริงๆครับkotaro เขียน: ของผมก็มีเรื่องตื่นเต้นตอนคลอดคนแรก แฟนไปฝากครรภ์กับอาจารย์ที่กรุงเทพ เพราะไม่อยากคลอด รพ.ที่ตัวเองทำงานอยู่ พอน้ำเดิน ไอ้เราก็นึกว่าท้องแรกน่าจะมีเวลา และเค้าไม่ปวดท้องเลย ก็เลยขับรถจากตราดจะไป กทม คิดว่า 3 ชมกว่าๆน่าจะถึง ที่ไหนได้ ไปเริ่มปวดท้องตรงใกล้ถึง อ.แกลง เลยแวะ pv ปรากฏว่า ปากมดลูกเปิดหมด เลยได้คลอดที่ รพ.แกลงเลย เสียเงินค่าคลอด 30 บาท 555 ประหยัดเงินได้เกือบแสนเลยคราวนี้
ช่วยพ่อแม่ประหยัดเงินตั้งแต่ตอนเกิดเลย
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
Re: The Family Man ผู้ชายรักครอบครัว
โพสต์ที่ 40
@พี่ Saichon: ผมก็ลองอ่านหนังสือสอนเด็กสองภาษาอยู่เหมือนกันครับ มีด้วยกันสองเล่ม
อ่านไปได้หน่อยนึง ยังไม่แน่ใจว่าเริ่มตอนเด็กอายุเท่าไหร่ แต่คิดว่าถ้าพ่อแม่ฮึดหน่อยก็น่าจะทำได้ไม่ยากครับ
อย่างวัยเด็กเราฟังอาม่าต้าตึ่งอ่วยตลอด เราโตมาก็เข้าใจภาษาแต้จิ๋วในระดับที่ฟังรู้เรื่อง โดยไม่มีใครต้องสอนเลย
ว่างๆก็ว่าจะเข้าไปหาข้อมูลเพิ่มเติมที่ 2pasa.com เหมือนกันครับ
@พี่ jack_jack: Eng ครับ
อ่านไปได้หน่อยนึง ยังไม่แน่ใจว่าเริ่มตอนเด็กอายุเท่าไหร่ แต่คิดว่าถ้าพ่อแม่ฮึดหน่อยก็น่าจะทำได้ไม่ยากครับ
อย่างวัยเด็กเราฟังอาม่าต้าตึ่งอ่วยตลอด เราโตมาก็เข้าใจภาษาแต้จิ๋วในระดับที่ฟังรู้เรื่อง โดยไม่มีใครต้องสอนเลย
ว่างๆก็ว่าจะเข้าไปหาข้อมูลเพิ่มเติมที่ 2pasa.com เหมือนกันครับ
@พี่ jack_jack: Eng ครับ
"Winners never quit, and quitters never win."
-
- Verified User
- โพสต์: 1219
- ผู้ติดตาม: 0
Re: The Family Man ผู้ชายรักครอบครัว
โพสต์ที่ 42
ยินดีกับว่าที่คุณพ่อคนใหม่ด้วยครับพี่ LinzhiLinzhi เขียน:ลงชื่อไว้ล่วงหน้าครับ เหลืออีก 5 เดือน
ช่วงนี้ก็คุย เล่านิทาน ร้องเพลงให้ลูกในท้องฟังไปพลางๆน๊ะครับ
ถ้าคิดถึงลูกมาก คุณหมอเค้าอนุญาตให้ไปเยี่ยมลูกได้นิดหน่อยครับ ฮ่า...
ซื้อหุ้นตัวที่เมื่อมองไปในอนาคตแล้ว ที่ปัจจุบันราคายัง undervalue ที่สุด
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
Re: The Family Man ผู้ชายรักครอบครัว
โพสต์ที่ 44
ไตรมาสสองตีลูกได้...ไตรมาสสามห้ามตี
"Winners never quit, and quitters never win."
- oatty
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2444
- ผู้ติดตาม: 0
Re: The Family Man ผู้ชายรักครอบครัว
โพสต์ที่ 45
เด็กสองภาษา ผมเริ่มตอนลูก 6 เดือนมั้ง หรือน้อยกว่านั้น พอดีเจอคุณพีระพงษ์ออก ThaiPBS พอดี การสลับโหมดอัตโนมัตินี่ไม่มีปัญหาเลย และำทำให้ยายและน้าพลอยต้องเรียนภาษาอังกฤษตามด้วย เพราะทุกคนเห็นว่าทำได้จริง ส่วนการพูดนี่ก็เลือกได้ครับ พ่ออังกฤษ แม่ไทย หรือ เป็นบางเวลา
แต่ลูกผมมันแปลกอย่าง ชอบพูดไทยกับผม แต่พอผมพูดไทยไปบ้างจะกลับมาพูดอังกฤษทันที
ถ้ามีเวลาทำก็ควรทำนะ ในความเห็นผม วันละสองชั่วโมงก่อนนอนยังดี เทียบกับ EP ตามโรงเรียนแล้วเสียค่าเทอมเป็นหมื่น น่าจะได้อยู่กับครูไม่เกินสองชั่วโมง
แต่ลูกผมมันแปลกอย่าง ชอบพูดไทยกับผม แต่พอผมพูดไทยไปบ้างจะกลับมาพูดอังกฤษทันที
ถ้ามีเวลาทำก็ควรทำนะ ในความเห็นผม วันละสองชั่วโมงก่อนนอนยังดี เทียบกับ EP ตามโรงเรียนแล้วเสียค่าเทอมเป็นหมื่น น่าจะได้อยู่กับครูไม่เกินสองชั่วโมง
"ผู้ทรงธรรมนั่นแหละคือผู้ทรงเกียรติ ผู้มีความดีนั่นแหละคือผู้มีทรัพย์ ผู้รู้จักพอนั่นแหละคือมหาเศรษฐี" ว.วชิรเมธี
-
- Verified User
- โพสต์: 1
- ผู้ติดตาม: 0
Re: The Family Man ผู้ชายรักครอบครัว
โพสต์ที่ 46
PERFECT LUCKY เขียน:เรื่องของเรื่อง คือ ผมกำลังจะได้เป็นพ่อคน ในอีกสองเดือนข้างหน้า เลยอยากหาเพื่อน คุย ที่เป็นแนวๆ Familyman ว่า มีประสบการณ์ ข้อแนะนำ เรื่องตลกๆ เรื่องซึ้งๆ เรื่องลำบาก เรื่องเศร้า อะไรกันบ้างครับ มาแชร์กัน สนุกๆ
เรื่องแรกเลย
1. การเตรียมพร้อม สำหรับการเลี้ยงลูกที่จะเกิด มีอะไรบ้าง
2. มักมีคนพูดเสมอว่า พอมีครอบครัวแล้ว ก็ มักจะไม่มีเวลา ดูแลพ่อแม่ มีการจัดสรรเวลายังไงกันมั่งครับ
Welcome to The Family Man Club
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6447
- ผู้ติดตาม: 0
Re: The Family Man ผู้ชายรักครอบครัว
โพสต์ที่ 48
พี่ป้อมคงรู้นะpor_jai เขียน:ฮ่า...saichon เขียน: อ้อ...อีกอย่าง ถ้าเป็นไปได้พยายามอย่าไปแย่งลูกกินนมของแม่เค้าน๊ะครับ
ว่าถ้าลองทำสักครั้ง
พี่คงไม่อยากทำครั้งที่สองอีก
เห็นพูดในแง่ดีๆ ผมลองให้มุมมองกับต้อมอีกทางบ้าง
- หวังว่าลูกของเราจะคลอดออกมาครบ 32 หรือโตขึ้นมาแบบปกติ ไม่ต้องเก่งเลิศเลอ เรียนได้ที่ 1 ขอแค่ให้ปกติเท่านี้ก็พอแล้ว ดังนั้นการตรวจโรคก่อนคลอดเป็นสิ่งจำเป็น เจาะน้ำคร่ำ ถ้าอายุแม่เกิน 35 เท่านี้ก็ลดความเสี่ยงได้มาก แต่ไม่มีอะไรร้อยเปอร์เซนต์ เราต้องพร้อมรับสิ่งที่เราไม่ต้องการแต่อาจจะเกิดได้ หากลูกของเราไม่ครบ 32 หากลูกเราเป็นออทิสติค มีความบกพร่องบางอย่าง บางอวัยวะ เราต้องพร้อมรับมัน
- การเลี้ยงลูกเป็นศิลปะอย่างนึง พ่อแม่ทุกคนอยากให้ลูกได้ดี แต่บางครั้งความหวังดีกลายเป็นการทำร้ายลูก ที่เรียกว่า"พ่อแม่รังแกฉัน" นั่นคือการทุ่มเทเพื่อลูกทุกอย่าง ทำให้ลูก ตามใจเพื่อให้ลูกรัก ปรนเปรอ จนเด็กทำอะไรไม่เป็น โตขึ้นมาก็เสียลูกเสียคน ทำงานกับคนอื่นไม่เป็น ไม่ได้ เพราะตอนเด็กๆพ่อแม่ทำให้ทุกอย่าง อย่าลืมว่าเราไม่อาจอยู่กับลูกได้ตลอดไป รักเขาจงเลี้ยงให้เขาอยู่รอดในสังคมได้ ไม่ใช่รักเขา ทำให้เขาทุกอย่าง ที่พูดมาทำได้ไม่ง่าย บางครั้งเราไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่ากำลังรังแกลูก เป็นเพียงเส้นบางๆระหว่างการเลี้ยงที่ดีและไม่ดี เราต้องระวังครับ
เรื่องลืมพ่อแม่ ผมมองตรงข้ามนะ ตอนไม่มีลูก ผมไม่ค่อยกลับบ้าน แต่มีลูกแล้ว"เราจะกลับไปหาพ่อแม่" เหตุผลน่าจะเราต้องการความรู้เพื่อเลี้้ยงลูก ต้องการความมั่นคงทางใจ แต่อีกเหตุผลคือเราเข้าใจชีวิตพ่อแม่มากขึ้น รู้ว่าพ่อแม่เหนื่อยยากอย่างไรเมื่อเลี้ยงเรา เราจะรักพ่อแม่มากขึ้นครับ เราดูแลลูกอย่างไรก็ต้องดูแลพ่อแม่อย่างนั้น ถ้าไม่ดูแล ลูกเราก็คงทำกับเราอย่างนั้นเหมือนกันเพราะเห็นตัวอย่างที่เราทำ
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
-
- Verified User
- โพสต์: 463
- ผู้ติดตาม: 0
Re: The Family Man ผู้ชายรักครอบครัว
โพสต์ที่ 49
ชอบประโยคนี้มากครับkotaro เขียน:เห็นชีวิตที่เรารักเริ่มต้น เห็นชีวิตที่เรารักกำลังจะจาก ทำให้มองชีวิตตัวเองที่อยู่กึงกลางได้สุขุมและมีคุณค่ามากยิ่งขึ้นครับเรื่องแรกเลย
1. การเตรียมพร้อม สำหรับการเลี้ยงลูกที่จะเกิด มีอะไรบ้าง
2. มักมีคนพูดเสมอว่า พอมีครอบครัวแล้ว ก็ มักจะไม่มีเวลา ดูแลพ่อแม่ มีการจัดสรรเวลายังไงกันมั่งครับ
ลงทุนแบบ อาร์ตๆ
- Linzhi
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1464
- ผู้ติดตาม: 1
Re: The Family Man ผู้ชายรักครอบครัว
โพสต์ที่ 50
ขอบคุณครับ สบายดีนะครับพี่แจ๊ค สวัสดีคู่หูพี่แมนด้วยครับ ได้แรงบันดาลใจจากพี่นี่แหละ อาชีพเลี้ยงลูกjack_jack เขียน:ยินดีด้วยครับลิน ไม่ได้เจอกันนานเลยLinzhi เขียน:ลงชื่อไว้ล่วงหน้าครับ เหลืออีก 5 เดือน
การมีลูกนี่พี่ว่าเป็นความสุขสุดๆเลย ยิ่งตอนเล็กๆนี่น่ารักมาก
พอเค้าเริ่มโตแล้ว ชักอยากจะให้มันหยุดโต
เรื่องสองภาษา ผมเห็นด้วยว่า ตอนเด็กสอนได้กี่ภาษาก็ได้ครับ แต่ต้องเป็นภาษาพูดนะ
ผมพูดจีนแมนดารินตั้งแต่เด็กเล็ก ๆ ตอนโตก็ใช้ได้เหมือน native ยกเว้นแต่ว่าคำศัพท์จะรู้ไม่มาก เพราะเราไม่ได้เรียนมันต่อ
สำคัญคือเรียนที่บ้าน ที่โรงเรียนไม่ช่วยอะไรผมครับ เรียนภาษาอังกฤษมาสิบสองปี ยังสู้เรียนภาษาจีนที่บ้านสองสามปีไม่ได้เลย
ก้าวช้า ๆ และเชื่อในปาฎิหารย์ของหุ้นเปลี่ยนชีวิต
There is no secret ingredient. It's just you.
There is no secret ingredient. It's just you.
- atsu
- Verified User
- โพสต์: 1218
- ผู้ติดตาม: 0
Re: The Family Man ผู้ชายรักครอบครัว
โพสต์ที่ 51
ยินดีด้วยอีกคนครับลินjack_jack เขียน:ยินดีด้วยครับลิน ไม่ได้เจอกันนานเลยLinzhi เขียน:ลงชื่อไว้ล่วงหน้าครับ เหลืออีก 5 เดือน
การมีลูกนี่พี่ว่าเป็นความสุขสุดๆเลย ยิ่งตอนเล็กๆนี่น่ารักมาก
พอเค้าเริ่มโตแล้ว ชักอยากจะให้มันหยุดโต
ไม่เจอกันพักเดียวจะมาสมัครเป็นสมาชิกชมรมคุณพ่อซะแล้ว
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
Re: The Family Man ผู้ชายรักครอบครัว
โพสต์ที่ 52
เรื่องเด็กสองภาษา ลองดูอีกมุมมองนึงนะครับ http://linguistlist.org/ask-ling/biling.cfm#twolangs
ผมแปลให้บางส่วน (มีบางส่วนข้ามไปเรื่องพวกตัวอย่าง ขี้เกียจแปล )
ผมแปลให้บางส่วน (มีบางส่วนข้ามไปเรื่องพวกตัวอย่าง ขี้เกียจแปล )
Q: ลูกเล็กๆ ของฉันสามารถเรียนภาษาที่สองได้หรือไม่ก่อนเริ่มเข้าโรงเรียน
A: เป็นไปได้แน่นอนที่จะสอนเด็กเล็ก 2 หรือแม้แต่ 3 ภาษา (4 ภาษาก็มี) ในยุโรป เด็กเล็กหลายคนเรียนรู้ 4 ภาษาโดยไม่ยากลำบาก สิ่งที่จำเป็นในการทำให้การเรียนรู้เกิดขึ้นได้คือ – พ่อแม่จะต้องพูดภาษาแม่ของตัวเองเท่านั้นให้เด็ก เด็กมีเหตุผลและแรงจูงใจในการเรียนรู้และ มีการเสริมการเรียนรู้นี้เพิ่มเติม จะดีมากถ้าเป็นจากสภาพแวดล้อมนอกบ้าน และถ้าภาษาที่อยู่ในสภาพแวดล้อมเป็นภาษาอื่น เด็กจะสามารถเรียนรู้ได้อย่างง่ายดายเมื่อออกไปเล่นกับเด็กอื่นๆ นอกบ้าน
มี “หน้าต่าง” ในการเรียนรู้ภาษาที่จะ “เปิด” สำหรับเด็กอายุประมาณ 10 เดือนเป็นต้นไป แน่นอนว่าทารกสามารถได้ยินชัดเจนขึ้น และมีหลักฐานว่าเด็กสามารถได้ยินตั้งแต่อยู่ในท้อง เด็กจะเริ่มลอกเสียงที่ได้ยินและเมื่อมีการแสดงความหมายของผู้ใหญ่เด็กจะเริ่มเชื่อมโยงความหมายของคำของเสียงที่ได้ยิน เมื่อโตขึ้นต่อไปอีก 2 ปี เด็กจะเริ่มเรียนรู้ภาษาด้วยอัตราที่น่าประหลาดใจ เมื่ออายุ 3 ขวบ เด็กจะได้รับความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับโครงสร้างประโยค ไวยากรณ์และคำศัพท์มากพอที่จะสามารถสื่อสารในทางกายภายและทางอารมณ์ เช่นเดียวกันเมื่อเด็กเริ่มออกไปเล่นข้างนอกบ้านกับเด็กอื่น แรงกระตุ้นในการพูดคุยกับเด็กอื่นจะทำให้เด็กเรียนภาษานั้นในตอนที่กำลังเล่น ต่อมาเมื่อเข้าโรงเรียน ภาษาที่ใช้ในโรงเรียนจะมีความสำคัญเฉกเช่นเดียวกัน
สิ่งที่สำคัญมากที่ต้องระลึกไว้คือเด็กแต่ละคนเป็นปัจเจกบุคคล และเด็กแต่ละคนจะเรียนรู้เมื่อเขาพร้อม ถ้าคุณคิดว่าลูกของคุณพูดได้ช้า ขอให้แน่ใจว่าได้ตัดประเด็นส่วนของลักษณะทางกายภาพอื่นๆ เช่น ความเป็นไปได้ของการเป็นใบ้ ออกและแค่รอ โดยเฉพาะเมื่อมีภาษามากกว่า 1 ภาษาในสภาพแวดล้อมของเด็ก เด็กจะทำการเรียนรู้ที่จะประมวลผลและแยกภาษาต่างๆ ออกจากกันก่อนที่เด็กจะเริ่มพูด กระบวนการ “แยกความแตกต่างของภาษา” นี้ จึงทำให้เกิดความจำเป็นที่พ่อและแม่ควรพูดภาษาแม่ของตัวเองให้เด็กฟัง พ่อและแม่สามารถพูดภาษาอื่นๆ ได้ระหว่างกันถ้าอยากให้เด็กฟังและคุ้นเคยกับภาษานั้นด้วย แต่จำเป็นที่เด็กจะได้ยินเสียงจากคนที่พูดภาษาแม่ถ้าอยากให้เด็กพูดด้วยสำเนียงตามภาษานั้นๆ
มีการถกเถียงกันมากในระหว่างนักภาษาศาสตร์ว่า “หน้าต่างแห่งการเรียนรู้ภาษา” จะปิดเมื่อไร หรือแม้แต่มันจะปิดหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนจะมีช่วงอายุที่ดีที่สุดในการเรียนรู้ภาษาในขณะที่สมองเด็กยังเปิด ยืดหยุ่น และไม่วุ่นวายกับการเรียนรู้เรื่องอื่นๆ นี่ยังไม่รวมถึงสภาพสังคมที่มองว่าภาษานั้นดีกว่า หรือภาษานี้สำคัญน้อยกว่า ประการหลังสุดจะกระทบต่อแรงจูงใจในการเรียนรู้ เด็กจะถูกชื่นชมถ้าพูดภาษาที่สังคมมองว่าดีกว่า และถูกล้อเลียนหรือกลั่นแกล้งเมื่อพูดภาษาบางภาษา เมื่อสมองของเด็กได้รับการสอนสิ่งต่างๆ มากกว่าเรื่องภาษา จะมี “พื้นที่ในการประมวลผล” น้อยลงสำหรับการเรียนรู้เรื่องภาษา ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเรียนภาษาที่สองดูเหมือนจะเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่เรียนภาษาหลัก เช่น ที่บ้านตั้งแต่เกิดจนถึงอายุ 3 ปี (เมื่อพ่อแม่พูดภาษา 2 ภาษาในภาษาแม่ของตน) เวลาที่ดีที่สุดรองลงมา เริ่มที่อายุ 2-7 ปี และรองลงมาอีกที่อายุ 10-13 ปี เมื่อภาษาที่สองนั้นไม่ใช่ภาษาแม่ของตนหรือไม่ใช่ภาษาที่ใช้กันในสภาพแวดล้อมที่เด็กอยู่ นี่เป็นเหตุผลที่มีการผลักดันในการเรียนภาษาต่างประเทศในหลักสูตรของโรงเรียนประถมที่ครอบคลุมเด็กอายุประมาณ 10 ขวบ
พ่อแม่ที่ต้องการสอนลูกเรียนภาษาแม่ของจนจะพบว่าจะต้องใช้ความพยายามมากกว่าที่จะแค่พูดภาษานั้นกับลูกตลอดเวลา โดยเฉพาะที่สภาพแวดล้อมที่เด็กอยู่เป็นอีกภาษาหนึ่ง พ่อแม่ที่พูดภาษาอื่นจะต้องมีการป้อนการเรียนรู้อย่างเพียงพอและเน้นย้ำในสิ่งที่จะเรียนรู้ เช่นการอ่านหนังสือให้ลูกฟัง (จนกระทั่งเด็กอ่านเองได้ และหลังจากนั้นไปอีกจนเด็กบอกว่าให้หยุดอ่านให้ฟัง) ร้องเพลงและสอนให้เด็กร้องเพลง เปิดวีดีโอให้ดู (วิทยุหรือเทปไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้มากเนื่องจากไม่มีภาพให้เด็กเห็น) รวมถึงการให้ผู้ใหญ่ท่านอื่นหรือเด็กอื่นพูดภาษานั้นกับเด็ก พาเด็กไปยังประเทศที่ภาษานั้นเป็นภาษาหลักในการสื่อสารก็เป็นอีกไอเดียที่ดีถ้าเป็นไปได้ การส่งเด็กไปยังบ้านปู่ย่าตายายที่อายุ 11-12 ปีก็เป็นอีกไอเดียที่ดี เพราะเป็นที่ที่จะทำให้พ่อแม่ระลึกได้ว่าการมีหลายภาษาหลายถึงการมีหลายวัฒนธรรมด้วย และเป็นการยากที่จะแยกระหว่างภาษาและวัฒนธรรม ถ้าปราศจากเนื้อหาในเชิงวัฒนธรรมแล้ว เด็กก็จะมีปัญหาในการทำความเข้าใจถึงความหมายของแต่ละคำพูด
พ่อแม่ควรจะสร้างความมั่นใจว่าเด็กมีพื้นฐานที่แน่นในภาษาของพ่อแม่ก่อนที่จะสอนภาษาที่สามให้กับลูก สิ่งนี้ควรรวมถึงการอ่านและการเขียนถ้าเป็นไปได้ ในบางประเทศในยุโรปมีให้เด็กที่เรียนในชั้นเล็กมีโอกาสที่จะอ่านและเขียนในภาษาท้องถิ่นของพ่อแม่ พ่อแม่ควรตรวจสอบว่าโรงเรียนสามารถจะให้สิ่งนี้ในโรงเรียนหรือไม่ พ่อแม่ที่ต้องการสอนลูกให้อ่านที่บ้านต้องตระหนักว่านักภาษาศาสตร์มีความคิดว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่เด็กจะอ่านได้ก่อนที่จะพูดได้ ก่อนอื่นเด็กจะต้องเรียนรู้ระบบของเสียงทีมีความหมาย แล จะใช้เสียงเหล่านี้อย่างไรในระบบของภาษาที่ใหญ่ขึ้น หลังจากนั้นเด็กจึงจะสามารถเรียนรูปแบบของสัญญลักษณ์ที่มีความหมายตามเสียงนั้น ระบบการออกเสียงแบบโฟนิคเป็นรูปแบบการเรียนรู้ที่นักภาษาศาสตร์ทั้งหลายยอมรับว่าดีกว่าในหลายภาษาที่มีตัวอักษร (ผู้แปล: อาจยกเว้นภาษาจีนที่ตัวอักษรเป็นแบบรูปภาพ) สอนเด็กด้วยอักษรก่อนแล้วจึงสอนการเปล่งเสียงของคำพูดจากตัวอักษรเหล่านั้น การอ่านหนังสือให้ลูกฟังในขณะที่ลูกนั่งอยู่บนตักและชี้ไปที่รูปภาพที่มีตัวอักษร หรือตัวอักษรที่อยู่ภายในหนังสือภาพเป็นวิธีที่ง่ายๆ ที่จะสอนให้เด็กเล็กอ่านหนังสือ มันหาได้ยากที่จะเด็กจะอ่านได้ในอายูต่ำกว่า 4 ขวบ การเขียนสามารถสอนได้พร้อมๆ กับการอ่าน หรือหลังจากที่เด็กอ่านได้แล้ว เริ่มด้วยการเขียนตัวอักษรต่างๆ และ ตัวอักษีแรกที่ส่วนใหญ่เด็กจะเขียนได้คือชื่อของตัวเอง
ปัญหาจะเกิดขึ้นเมื่อเด็กเริ่มเล่นกับเด็กแถวบ้านที่ไม่ได้พูดภาษาที่พ่อแม่พยายามสอนเด็ก พ่อแม่หลายคนเลิกสอนที่ช่วงระยะนี้ เด็กไม่อยากที่จะแตกต่างจากเพื่อนๆ และการพูดภาษาอื่นทำให้เขารู้สึกเช่นนั้น ถ้าพ่อแม่ปฏิเสธที่จะตอบลูกหรือให้สิ่งที่ลูกต้องการจนกระทั่งเด็กถามด้วยภาษาที่พ่อแม่ต้องการสอน กระบวนการในการเรียนรู้ก็ยังจะดำเนินต่อไป พ่อแม่บางคนตกลงกับลูกว่าจะพูดภาษาที่เด็กอื่นๆ พูดเมื่อมีเด็กอื่นอยู่ด้วย และภาษาที่บ้านจะใช้เมื่ออยู่ในครอบครัว กระบวนการนี้โดยส่วนตัวแล้วผู้เขียนคิดว่าไม่ค่อยประสบความสำเร็จนัก ปัญหาจะเพิ่มขึ้นเมื่อเด็กเริ่มเรียนในชั้นอนุบาล พ่อแม่จะต้องพูดในภาษาแม่ของตน มิเช่นนั้นอแล้วเด็กจะลืมภาษานั้น
ณ จุดนี้ คำถามในการนำลูกไปเรียนในโรงเรียนภาษาต่างประเทศก็เกิดขึ้น มันเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก โดยเฉพาะเมื่อเด็กมี “ความแตกต่าง” เนื่องจากพ่อหรือแม่พูดภาษาต่างชาติ การให้เด็กเรียนโรงเรียนภาษาต่างประเทศจะทำให้เด็กยิ่งแตกต่างจะเพื่อนๆ ที่เขาเล่นด้วยซึ่งอาจทำให้เขาโดยล้อหรือแกล้งโดยเด็กข้างบ้าน อย่างไรก็ตามการที่เด็กเข้าเรียนในโรงเรียนภาษาต่างประเทศจะเป็นการทำให้เด็กเรียนรู้ภาษานั้นแน่นอน
การสอนภาษาที่ไม่ใช่ภาษาแม่ของพ่อแม่โดยปกติแล้วเป็นความคิดที่ไม่ดีนัก นอกเสียจากว่าพ่อแม่เป็นคนที่สามารถพูดสองภาษาได้อยู่แล้ว นั่นคือพ่อแม่สามารถพูดสองภาษาได้เหมือนกับคนที่พูดภาษานั้นเป็นธรรมชาติ (native speaker) การออกเสียงของเด็กก็จะเหมือนกับภาษาต่างประเทศนั้นๆ เช่นเดียวกันเด็กจะลอกความผิดพลาดที่พ่อแม่พูดในภาษานั้น นอกเสียจากพ่อแม่จะพูดภาษาต่างประเทศได้อย่างดีเลิศ สุดท้าย และอาจจะสำคัญที่สุด การสอนภาษาที่พ่อแม่ไม่ได้เรียนรู้อย่างดีจะทำให้เด็กสับสนโดยไม่จำเป็น รอจนกระทั่งทารกสามารถมีความสามารถในภาษาแม่ของพ่อแม่ได้ดีพอ เช่นการพูดคุยสนทนาอย่างมีความหมาย (ประมาณอายุ 5 ขวบ) และเริ่มเล่นกับเด็กอื่น ก่อนที่จะตัดสินใจให้เด็กได้สัมผัสกับภาษาอื่นที่พ่อแม่พูดได้ไม่ดีนัก
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
- The Kop 71
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 271
- ผู้ติดตาม: 0
Re: The Family Man ผู้ชายรักครอบครัว
โพสต์ที่ 53
ผมเข้าใจทุกคน...ต้องการให้สิ่งที่ดี(ตามที่พ่อแม่คิด)ให้แก่ลูก ฝากเพิ่มเติมให้ดูว่าการศึกษามีความหลากหลาย
http://bit.ly/pdHZ5S
การนั่งรอโชคช่วยไม่ใช่ทางเลือก พ่อแม่เริ่มได้โดยการหันหาทิศทางที่ถูกทาง สร้างเจตนารมณ์ร่วมกันที่จะมุ่งสร้างคนให้ดีก่อนให้เก่ง ให้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเด็กนั่นคือ ไม่ปฎิบัติกับเด็กอย่างกับเขาเป็นแค่วัตถุที่ต้องผ่านโรงงานของเรา
แต่ปฏิบัติกับเขาอย่างมนุษย์ ให้เด็กๆทุกคนได้รับคุณค่าความเป็นมนุษย์ซึ่งไม่จำเป็นต้องหาเครื่องไม้เครื่องมือมาจากไหน
เพราะเรามีเครื่องมือที่มีค่าที่สุดอยู่แล้วในตัวเราทุกคน นั่นคือ หัวใจอันดีงามของเรา
(แด่พ่อแม่ทุกท่านครับ : โรงเรียนนอกกะลา)
http://bit.ly/pdHZ5S
การนั่งรอโชคช่วยไม่ใช่ทางเลือก พ่อแม่เริ่มได้โดยการหันหาทิศทางที่ถูกทาง สร้างเจตนารมณ์ร่วมกันที่จะมุ่งสร้างคนให้ดีก่อนให้เก่ง ให้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเด็กนั่นคือ ไม่ปฎิบัติกับเด็กอย่างกับเขาเป็นแค่วัตถุที่ต้องผ่านโรงงานของเรา
แต่ปฏิบัติกับเขาอย่างมนุษย์ ให้เด็กๆทุกคนได้รับคุณค่าความเป็นมนุษย์ซึ่งไม่จำเป็นต้องหาเครื่องไม้เครื่องมือมาจากไหน
เพราะเรามีเครื่องมือที่มีค่าที่สุดอยู่แล้วในตัวเราทุกคน นั่นคือ หัวใจอันดีงามของเรา
(แด่พ่อแม่ทุกท่านครับ : โรงเรียนนอกกะลา)
เพราะสังคม..ประเมินค่า..ที่จนรวย
คนจึงสร้าง..เปลือกสวย..ไว้สวมใส่
หากสังคม..วัดค่า..ที่ภายใน
คนจะสร้าง..แต่จิตใจ..ที่ใฝ่ดี
คนจึงสร้าง..เปลือกสวย..ไว้สวมใส่
หากสังคม..วัดค่า..ที่ภายใน
คนจะสร้าง..แต่จิตใจ..ที่ใฝ่ดี
- Linzhi
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1464
- ผู้ติดตาม: 1
Re: The Family Man ผู้ชายรักครอบครัว
โพสต์ที่ 55
ลูกเริ่มดิ้นแล้วครับ ประมาณ 18wks
อันนี้สำหรับว่าที่คุณพ่อนะครับ เวปนี้ข้อมูลมากมาย
http://www.babycenter.com มี apps บน andriod / iOS ด้วย
ถ้าหนังสือผมอ่านซีรีย์ what to expect เนื้อหาครบมาก ๆ
มีแต่คนเป็นพ่อแล้ว มีใครที่เป็นว่าที่บ้างครับ ?
อันนี้สำหรับว่าที่คุณพ่อนะครับ เวปนี้ข้อมูลมากมาย
http://www.babycenter.com มี apps บน andriod / iOS ด้วย
ถ้าหนังสือผมอ่านซีรีย์ what to expect เนื้อหาครบมาก ๆ
มีแต่คนเป็นพ่อแล้ว มีใครที่เป็นว่าที่บ้างครับ ?
ก้าวช้า ๆ และเชื่อในปาฎิหารย์ของหุ้นเปลี่ยนชีวิต
There is no secret ingredient. It's just you.
There is no secret ingredient. It's just you.
-
- Verified User
- โพสต์: 306
- ผู้ติดตาม: 0
Re: The Family Man ผู้ชายรักครอบครัว
โพสต์ที่ 56
หนังสือที่อ่านช่วงตั้งครรภ์ อ่านเข้าใจง่าย ไม่เบื่อ สำหรับทั้งว่าที่คุณพ่อ คุณแม่ ก็แนะนำเล่มนี้ค่ะ
หนูอยู่ในท้องแม่แล้วนะ
ผู้เขียน : นพ.อานนท์ เรืองอุตมานันท์
เนื้อหาโดยสังเขป :
วันแรกที่คุณแม่รู้ว่าในท้องตัวเองมีลูกตัวน้อยมาอยู่ด้วย ย่อมรู้สึกตื่นเต้นดีใจ ผสมกับความวิตกกังวลว่าจะดูแลอย่างไรให้ลูกน้อยคลอดออกมาปลอดภัย สุขภาพแข็งแรง พอเรื่องถึงหูบรรดาญาติๆ ทั้งปู่ย่าตายาย พี่ป้าน้าอา เพื่อนพ้องน้องพี่ ต่างก็ให้คำแนะนำสารพัด จนไม่รู้ว่าจะฟังคนไหนดี แถมบางเรื่องก็ดูขัดๆ กัน ครั้นเมื่อไปฝากครรภ์ ซักถามคุณหมอ ก็ได้คำตอบมาแบบภาษาหมอๆ ฟังแล้วเข้าใจย้ากยาก เห็นทีคงต้องไปหาซื้อหนังสือเกี่ยวกับการตั้งครรภ์มาอ่านแล้วสิ
ไม่ต้องไปมองเล่มไหนไกล ถ้าคุณแม่อยากได้คำตอบเรื่องท้องๆ ที่อ่านเข้าใจง่าย... หนูอยู่ในท้องแม่แล้วนะคือคำตอบที่คุณแม่ต้องการ เพราะมีเนื้อหาครอบคลุมเรื่องการดูแลครรภ์ ตั้งแต่การเตรียมพร้อมก่อนมีลูก การ
ฝากครรภ์ แพ้ท้อง การใช้ยา การออกกำลังกายของแม่ท้อง ปัญหาความผิดปกติต่างๆ ของการตั้งครรภ์ ไล่เรื่อยไปจนถึงการเตรียมคลอด ฟื้นตัวหลังคลอด... ด้วยสไตล์การเขียนที่เป็นกันเองของนพ.อานนท์ เรืองอุตมานันท์
สูติแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อ่านแล้วอาจรู้สึกว่ากำลังคุยอยู่กับหมอสูติจริงๆ
(ข้อมูลจาก momypedia.com)
ตัวเองเป็นหมอ ตอนท้องยังอ่านหนังสือเล่มนี้เลยค่ะ ได้ข้อมูลดีๆเยอะเลย
หนูอยู่ในท้องแม่แล้วนะ
ผู้เขียน : นพ.อานนท์ เรืองอุตมานันท์
เนื้อหาโดยสังเขป :
วันแรกที่คุณแม่รู้ว่าในท้องตัวเองมีลูกตัวน้อยมาอยู่ด้วย ย่อมรู้สึกตื่นเต้นดีใจ ผสมกับความวิตกกังวลว่าจะดูแลอย่างไรให้ลูกน้อยคลอดออกมาปลอดภัย สุขภาพแข็งแรง พอเรื่องถึงหูบรรดาญาติๆ ทั้งปู่ย่าตายาย พี่ป้าน้าอา เพื่อนพ้องน้องพี่ ต่างก็ให้คำแนะนำสารพัด จนไม่รู้ว่าจะฟังคนไหนดี แถมบางเรื่องก็ดูขัดๆ กัน ครั้นเมื่อไปฝากครรภ์ ซักถามคุณหมอ ก็ได้คำตอบมาแบบภาษาหมอๆ ฟังแล้วเข้าใจย้ากยาก เห็นทีคงต้องไปหาซื้อหนังสือเกี่ยวกับการตั้งครรภ์มาอ่านแล้วสิ
ไม่ต้องไปมองเล่มไหนไกล ถ้าคุณแม่อยากได้คำตอบเรื่องท้องๆ ที่อ่านเข้าใจง่าย... หนูอยู่ในท้องแม่แล้วนะคือคำตอบที่คุณแม่ต้องการ เพราะมีเนื้อหาครอบคลุมเรื่องการดูแลครรภ์ ตั้งแต่การเตรียมพร้อมก่อนมีลูก การ
ฝากครรภ์ แพ้ท้อง การใช้ยา การออกกำลังกายของแม่ท้อง ปัญหาความผิดปกติต่างๆ ของการตั้งครรภ์ ไล่เรื่อยไปจนถึงการเตรียมคลอด ฟื้นตัวหลังคลอด... ด้วยสไตล์การเขียนที่เป็นกันเองของนพ.อานนท์ เรืองอุตมานันท์
สูติแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อ่านแล้วอาจรู้สึกว่ากำลังคุยอยู่กับหมอสูติจริงๆ
(ข้อมูลจาก momypedia.com)
ตัวเองเป็นหมอ ตอนท้องยังอ่านหนังสือเล่มนี้เลยค่ะ ได้ข้อมูลดีๆเยอะเลย
- Linzhi
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1464
- ผู้ติดตาม: 1
Re: The Family Man ผู้ชายรักครอบครัว
โพสต์ที่ 57
ซื้อมาอ่านแล้วครับ
ฝากข่าวครับ เหลือเงินสดไว้บ้างนะครับ
ช็อปเพื่อลูก งานThailand Baby & Kids Best Buy (ครั้งที่ 11) 8-11 กันยายน 2554 ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
พบกันอีกครั้งกับงานมหกรรมสินค้าแม่และเด็ก “Thailand Baby & Kids Best Buy 2011” (ครั้งที่ 11) กับโปรโมชั่นสุดพิเศษ Sale Up to 80% สำหรับลูกน้อย และคุณแม่ ที่พร้อมใจกันมาให้เลือกกว่า 500 แบรนด์ดัง และสินค้ามากมายเต็มพื้นที่ Zone C 2ชั้น
เพื่อการเลือกสรรสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคนที่คุณรัก งานนี้งานเดียวเท่านั้นกับสินค้าใหม่ล่าสุด ราคาโดนใจ ที่พร้อมให้คุณได้ช๊อปทั้งของใช้สำหรับคุณแม่ และของใช้สำหรับคุณลูกๆที่น่ารัก กิจกรรมแข่งคลาน และกิจกรรมบันเทิงให้ร่วมสนุกอีกมากมาย
วันที่ 8-11 กันยายน 2554 เวลา 10.00 - 20.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ดูรายละเอียดพร้อมร่วมกิจกรรมในงาน และอื่นๆ อีกมากมาย ได้ในเว็บไซต์ www.thailandbabybestbuy.com
ฝากข่าวครับ เหลือเงินสดไว้บ้างนะครับ
ช็อปเพื่อลูก งานThailand Baby & Kids Best Buy (ครั้งที่ 11) 8-11 กันยายน 2554 ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
พบกันอีกครั้งกับงานมหกรรมสินค้าแม่และเด็ก “Thailand Baby & Kids Best Buy 2011” (ครั้งที่ 11) กับโปรโมชั่นสุดพิเศษ Sale Up to 80% สำหรับลูกน้อย และคุณแม่ ที่พร้อมใจกันมาให้เลือกกว่า 500 แบรนด์ดัง และสินค้ามากมายเต็มพื้นที่ Zone C 2ชั้น
เพื่อการเลือกสรรสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคนที่คุณรัก งานนี้งานเดียวเท่านั้นกับสินค้าใหม่ล่าสุด ราคาโดนใจ ที่พร้อมให้คุณได้ช๊อปทั้งของใช้สำหรับคุณแม่ และของใช้สำหรับคุณลูกๆที่น่ารัก กิจกรรมแข่งคลาน และกิจกรรมบันเทิงให้ร่วมสนุกอีกมากมาย
วันที่ 8-11 กันยายน 2554 เวลา 10.00 - 20.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ดูรายละเอียดพร้อมร่วมกิจกรรมในงาน และอื่นๆ อีกมากมาย ได้ในเว็บไซต์ www.thailandbabybestbuy.com
ก้าวช้า ๆ และเชื่อในปาฎิหารย์ของหุ้นเปลี่ยนชีวิต
There is no secret ingredient. It's just you.
There is no secret ingredient. It's just you.
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 795
- ผู้ติดตาม: 0
Re: The Family Man ผู้ชายรักครอบครัว
โพสต์ที่ 58
05.25 เคยเห็นกะตา ว่า ผู้หญิงน้ำเดิน เป็นไง
09.30 บล็อกหลัง
10.15 ยาเร่งคลอด
????
09.30 บล็อกหลัง
10.15 ยาเร่งคลอด
????
Miracle Happens Everyday !
"ปาฎิหารย์คือการเดินบนผืนดินและมีความสุขในทุกย่างก้าว"
"ปาฎิหารย์คือการเดินบนผืนดินและมีความสุขในทุกย่างก้าว"
-
- Verified User
- โพสต์: 1219
- ผู้ติดตาม: 0
Re: The Family Man ผู้ชายรักครอบครัว
โพสต์ที่ 60
เป็นอีกวันหนึ่งของชีวิตที่เราตื่นเต้นมากPERFECT LUCKY เขียน:05.25 เคยเห็นกะตา ว่า ผู้หญิงน้ำเดิน เป็นไง
09.30 บล็อกหลัง
10.15 ยาเร่งคลอด
????
แม้จะพยายามควบคุมตัวเองแค่ไหนก็เถอะครับ
ยินดีด้วยครับพี่ PERFECT LUCKY
ซื้อหุ้นตัวที่เมื่อมองไปในอนาคตแล้ว ที่ปัจจุบันราคายัง undervalue ที่สุด