บทเรียนจากชีวิตการบริหารเงินลงทุนของแอนโทนี โบลตัน
- bluemax
- Verified User
- โพสต์: 19
- ผู้ติดตาม: 0
บทเรียนจากชีวิตการบริหารเงินลงทุนของแอนโทนี โบลตัน
โพสต์ที่ 1
บทเรียนจากชีวิตการบริหารเงินลงทุนของแอนโทนี โบลตัน
บริษัท
• เริ่มต้นด้วยการวิเคราะห์คุณภาพของความได้เปรียบเชิงแข่งขัน (แฟรนไชส์) ของบริษัท
• ในอีกสิบปีข้างหน้า บริษัทจะยังคงอยู่และมีมูลค่าสูงขึ้นหรือไม่?
• บริษัทสามารถควบคุมชะตากรรมของตัวเองได้มากน้อยแค่ไหน?
• บริษัทมีโมเดลธุรกิจที่เข้าใจได้ง่ายหรือไม่?
• บริษัทสร้างกระแสเงินสดหรือไม่?
• จำไว้ว่า การวกกลับเข้าหาค่าเฉลี่ย (Mean reversion) คือหนึ่งในความจริงอันยิ่งใหญ่ของโลกทุนนิยม
• ระมัดระวังการให้เป้าหมายของบริษัท
• ใช้เวลาบางส่วนในการประชุมกับบริษัท พูดคุยถึงบริษัทอื่นๆ
• ถ้าคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับบริษัท ให้ดูที่กระแสเงินสด
การวิเคราะห์ผู้บริหาร
• ความซื่อสัตย์และความเปิดเผยตรงไปตรงมาเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
• ถ้าคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับความสามารถหรือความไว้วางใจ จงหลีกเลี่ยงบริษัทนั้นซะ
• ผู้บริหารมีความรอบรู้เกี่ยวธุรกิจอย่างละเอียดทั้งในแง่กลยุทธ์, การดำเนินงาน และการเงินหรือไม่?
• เป้าหมายหรือแรงจูงใจของผู้บริหารและผู้ถือหุ้นเป็นไปในทิศทางเดียวกันหรือเปล่า?
• การซื้อขายของผู้บริหารยืนยันหรือขัดแย้งกับคำพูดของพวกเขา?
• จำไว้ว่า คนเราแทบไม่เคยเปลี่ยนแปลง ให้ลงทุนกับผู้บริหารที่คุณเชื่อใจ
หุ้น
• คุณควรมีเหตุผลทางการลงทุนในการซื้อหุ้นแต่ละตัว
• ทดสอบสมมุติฐานของคุณอยู่เสมอ เมื่อไรที่มันไม่จริงแล้ว จงขายหุ้นซะ
• มองการซื้อเหมือนกับการซื้อบริษัททั้งบริษัท ณ ระดับราคานั้น
• ลืมต้นทุนซะ
• เปิดใจกว้าง รับฟังข้อมูลที่ขัดแย้งกับความเชื่อของคุณ
• แทนที่จะคำนวณราคาเป้าหมายออกมา ให้คิดในแง่ของระดับความเชื่อมั่นแทน
• อย่าพยายามเอาทุนคืนด้วยวิธีการเดียวกันกับวิธีที่มันทำให้คุณขาดทุน
• พิจารณาปัจจัยหกประการต่อไปนี้ก่อนการซื้อหุ้น
1. คุณภาพของแฟรนไชส์ของบริษัท
2. ผู้บริหาร
3. ตัวเลขทางการเงิน
4. การวิเคราะห์ทางเทคนิคของราคาหุ้นในอดีต
5. มูลค่าหุ้นเมื่อเทียบกับอดีต
6. โอกาสในการถูกเทคโอเวอร์
อารมณ์ของตลาด
• ให้ความสำคัญกับความเชื่อและความจริงเท่าๆกัน
• การลงทุนให้ประสบความสำเร็จเป็นการผสมผสานกันระหว่างการเชื่อมั่นในความคิดของตัวเองและการเงี่ยหูฟังตลาด
• ในระยะสั้น ตลาดหุ้นเหมือนเครื่องลงคะแนนเสียง ไม่ใช่เครื่องชั่งน้ำหนัก
• อารมณ์แบบสุดขั้วสามารถก่อให้เกิดหรือความเสี่ยง ไม่ว่าหุ้นจะมีความน่าสนใจในแง่ปัจจัยพื้นฐานหรือไม่ก็ตาม
การสร้างพอร์ตโฟลิโอ
• สัดส่วนการถือหุ้นควรสะท้อนระดับความเชื่อมั่น
• อย่าใช้เวลามากเกินไปในการศึกษาผลตอบแทนของพอร์ตโฟลิโอ
• พอร์ตโฟลิโอที่คุณมีอยู่กับพอร์ตโฟลิโอที่คุณสร้างขึ้นมาใหมม่ ถ้าสมมุติว่า วันนี้คุณมีแต่เงินสด ควรจะมีลักษณะเหมือนกัน
• อย่าใส่ใจกับน้ำหนักของหุ้นในดัชนีมากเกินไป
• ควรทยอยซื้อหรือขาย ไม่ควรซื้อหรือขายจำนวนมากๆในคราวเดียว
• อย่ามีอารมณ์ผูกพันกับหุ้นของคุณ
• การลงทุนมีความผิดพลาดอยู่ตลอด เอาชนะด้วยการไม่ขาดทุนบ่อยครั้งเกินไป
• ขายหุ้นเมื่อเหตุผลทางการลงทุนของคุณถูกหักล้าง, ราคาหุ้นถึงเป้าหมาย หรือคุณเจอหุ้นตัวอื่นที่ดีกว่า
• หากคุณลังเลกับหุ้นที่คุณมีอยู่หรือหุ้นที่คุณอยากจะซื้อ ให้เปรียบเทียบมันกับหุ้นตัวที่ใกล้เคียงที่สุดของคุณ
• รักษาสมดุลระหว่างการติดตามข่าวสารของหุ้นที่คุณถืออยู่กับการมองหาหุ้นตัวใหม่ๆ
ความเสี่ยง
• ความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดของผมมักเกิดจากบริษัทที่มีงบดุลอ่อนแอ
• นักลงทุนจะขาดทุนมากที่สุดจากบริษัทที่มีหนี้สินสูง เมื่อสภาพการดำเนินธุรกิจเลวร้ายลง
• จำไว้ว่า ข่าวร้ายจะไม่แพร่กระจายอย่างทั่วถึง
• ระวังหุ้นที่ราคาเพิ่มสูงขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หุ้นที่ขึ้นมาเยอะจนทำให้นักลงทุนมีผลกำไรที่ยังไม่ได้รับรู้ก้อนโต จะมีความเสี่ยงเรื่องการลดลงของราคาหุ้น
• หลีกเลี่ยง “หุ้นส่งต่อไปเรื่อยๆ” หรือหุ้นที่มีราคาแพงมากแต่มีโมเมนตัมดี นักลงทุนมักหวังว่า ราคาหุ้นจะไปต่อได้อีก และคิดว่าจะสามารถขายพวกมันได้ก่อนที่เสียงดนตรีจะหยุดลง
งบการเงิน
• อ่านข่าวหรือข้อมูลของบริษัทจากตัวต้นฉบับเสมอ อย่าอ่านพวกมันจากบทสรุปของโบรกเกอร์
• อ่านหมายเหตุประกอบงบการเงินอย่างละเอียด ข้อมูลสำคัญอาจถูกซุกซ่อนอยู่ในนั้น
มูลค่าหุ้น
• อย่าดูตัววัดมูลค่าหุ้นตัวเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่า P/E
• การซื้อหุ้นที่มีราคาถูกจะให้ส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัยแก่คุณ
• การมีมูลค่าความผิดพลาดมักเกิดขึ้นกับบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก
• ดูมูลค่าหุ้นปัจจุบันเทียบกับมูลค่าหุ้นในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาเป็นอย่างน้อย
• การซื้อหุ้นเมื่อมูลค่าอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับอดีต จะทำให้คุณมีโอกาสได้กำไรมากขึ้นมาก
• อย่าลืมดูความถูกแพงของหุ้นตัวนั้นๆเองด้วย
• จำไว้ว่า เมื่อภาวะตลาดกระทิงดำเนินไป วิธีการประเมินมูลค่าหุ้นจะมีความอนุรักษ์นิยมน้อยลงไปเรื่อยๆ และในภาวะตลาดหมี มันจะเป็นไปในทางตรงกันข้าม
การถูกเทคโอเวอร์
• ซื้อหุ้นของบริษัทที่มีโอกาสถูกเทคโอเวอร์
• บริษัทขนาดใหญ่จะมีโอกาสถูกเทคโอเวอร์น้อยกว่า
• บ่อยครั้ง รายชื่อผู้ถือหุ้นจะสามารถให้เบาะแสเกี่ยวกับโอกาสในการถูกเทคโอเวอร์ได้
• จงตั้งข้อสงสัยกับความสามารถในการระบุเป้าหมายของการถูกเทคโอเวอร์ในระยะสั้นๆ
หุ้นสุดโปรด
• หัวใจของแนวทางของผมคือ การซื้อหุ้นฟื้นตัวในราคาถูก
• ชอบหุ้นที่ไม่ได้รับความนิยม
• บริษัทที่คุณสนใจมีทีมผู้บริหารชุดใหม่ ซึ่งมีแผนการฟื้นฟูบริษัทอย่างละเอียดชัดเจน ซึ่งคุณสามารถติดตามได้ใช่หรือเปล่า?
• คุณจะต้องซื้อหุ้นฟื้นตัวก่อนที่คุณจะมีข้อมูลทั้งหมด
• หุ้นที่ดีที่สุดของผมบางตัวเป็นหุ้นที่ทำให้ผมรู้สึกไม่สบายใจในเวลาซื้อ
• ดูหุ้นที่มีความเสี่ยงและผลตอบแทนไม่สมดุลกัน คือมีโอกาสได้กำไรเยอะ ในขณะที่มีความเสี่ยงจำกัด
• ในระยะยาว หุ้นคุณค่าจะให้ผลตอบแทนดีกว่าหุ้นโตเร็ว
การเทรดหุ้น
• มอบหมายหน้าที่การเทรดให้เทรดเดอร์ที่มีความสามารถ ให้อำนาจการตัดสินใจที่เหมาะสมแก่พวกเขา
• ผมมักไม่ค่อยได้ตั้งเพดานราคา
• รู้ว่าเมื่อไรคุณควรจะรีบรุก และเมื่อไรคุณควรจะนั่งเฉยรอให้ราคาหุ้นมาหาคุณเอง
• หลีกเลี่ยงการตั้งราคาเป็นตัวเลขกลมๆ เพราะมันคือสิ่งที่ผู้จัดการกองทุนส่วนใหญ่ทำ
• มีความอดทน หุ้นส่วนใหญ่จะให้โอกาสครั้งที่สองแก่คุณ
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
• อย่างแรกที่ผมจะดูก็คือ กราฟราคาหุ้น
• ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคตรวจสอบมุมมองทางปัจจัยพื้นฐานของคุณ
• หาแนวทางที่ใช้ได้ผลสำหรับตัวเองและยึดถือมันไปตลอด
• การวิเคราะห์ทางเทคนิคจะมีประโยชน์สำหรับหุ้นขนาดใหญ่มากกว่า
• ปล่อยให้ผลกำไรดำเนินไป ตัดขาดทุน
การจับจังหวะตลาด
• การจับจังหวะตลาดได้อย่างถูกต้องอย่างสม่ำเสมอเป็นเรื่องยาก
• ถ้าคุณเป็นนักลงทุนรายย่อย ให้มองระยะยาว อย่าเอาเงินที่คุณจำเป็นต้องใช้ในช่วงสามปีข้างหน้ามาลงทุนในตลาดหุ้น
• อย่าลืมว่าตลาดหุ้นเป็นตัวสะท้อนอนาคตชั้นเยี่ยม
• อย่ากลัวที่จะสวนกระแสอารมณ์โดยรวมของตลาด
• ตลาดจะตอบสนองต่อเหตุการทั้งเชิงบวกและเชิงลบที่มีการคาดการณ์กันเอาไว้ตั้งแต่ตอนที่มันยังไม่เกิดขึ้น
• อย่าดูแต่แนวโน้ม ให้พิจารณาดูว่า อะไรถูกสะท้อนอยู่ในราคาหุ้นแล้วบ้าง
• ในภาวะตลาดกระทิงอิ่มตัว ให้ทยอยขายหุ้นที่มีความเสี่ยงสูงออกไป
• ระมัดระวังตัวให้มากที่สุด เมื่อตลาดขึ้นมาได้สี่ถึงห้าปีแล้ว
------------------------------------------
คัดลอกจากจากหนังสือ "ลงทุนสวนกระแสอย่าง... แอนโทนีโบลตัน"
แปลโดยพี่เว็บ พรชัยครับ
บริษัท
• เริ่มต้นด้วยการวิเคราะห์คุณภาพของความได้เปรียบเชิงแข่งขัน (แฟรนไชส์) ของบริษัท
• ในอีกสิบปีข้างหน้า บริษัทจะยังคงอยู่และมีมูลค่าสูงขึ้นหรือไม่?
• บริษัทสามารถควบคุมชะตากรรมของตัวเองได้มากน้อยแค่ไหน?
• บริษัทมีโมเดลธุรกิจที่เข้าใจได้ง่ายหรือไม่?
• บริษัทสร้างกระแสเงินสดหรือไม่?
• จำไว้ว่า การวกกลับเข้าหาค่าเฉลี่ย (Mean reversion) คือหนึ่งในความจริงอันยิ่งใหญ่ของโลกทุนนิยม
• ระมัดระวังการให้เป้าหมายของบริษัท
• ใช้เวลาบางส่วนในการประชุมกับบริษัท พูดคุยถึงบริษัทอื่นๆ
• ถ้าคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับบริษัท ให้ดูที่กระแสเงินสด
การวิเคราะห์ผู้บริหาร
• ความซื่อสัตย์และความเปิดเผยตรงไปตรงมาเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
• ถ้าคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับความสามารถหรือความไว้วางใจ จงหลีกเลี่ยงบริษัทนั้นซะ
• ผู้บริหารมีความรอบรู้เกี่ยวธุรกิจอย่างละเอียดทั้งในแง่กลยุทธ์, การดำเนินงาน และการเงินหรือไม่?
• เป้าหมายหรือแรงจูงใจของผู้บริหารและผู้ถือหุ้นเป็นไปในทิศทางเดียวกันหรือเปล่า?
• การซื้อขายของผู้บริหารยืนยันหรือขัดแย้งกับคำพูดของพวกเขา?
• จำไว้ว่า คนเราแทบไม่เคยเปลี่ยนแปลง ให้ลงทุนกับผู้บริหารที่คุณเชื่อใจ
หุ้น
• คุณควรมีเหตุผลทางการลงทุนในการซื้อหุ้นแต่ละตัว
• ทดสอบสมมุติฐานของคุณอยู่เสมอ เมื่อไรที่มันไม่จริงแล้ว จงขายหุ้นซะ
• มองการซื้อเหมือนกับการซื้อบริษัททั้งบริษัท ณ ระดับราคานั้น
• ลืมต้นทุนซะ
• เปิดใจกว้าง รับฟังข้อมูลที่ขัดแย้งกับความเชื่อของคุณ
• แทนที่จะคำนวณราคาเป้าหมายออกมา ให้คิดในแง่ของระดับความเชื่อมั่นแทน
• อย่าพยายามเอาทุนคืนด้วยวิธีการเดียวกันกับวิธีที่มันทำให้คุณขาดทุน
• พิจารณาปัจจัยหกประการต่อไปนี้ก่อนการซื้อหุ้น
1. คุณภาพของแฟรนไชส์ของบริษัท
2. ผู้บริหาร
3. ตัวเลขทางการเงิน
4. การวิเคราะห์ทางเทคนิคของราคาหุ้นในอดีต
5. มูลค่าหุ้นเมื่อเทียบกับอดีต
6. โอกาสในการถูกเทคโอเวอร์
อารมณ์ของตลาด
• ให้ความสำคัญกับความเชื่อและความจริงเท่าๆกัน
• การลงทุนให้ประสบความสำเร็จเป็นการผสมผสานกันระหว่างการเชื่อมั่นในความคิดของตัวเองและการเงี่ยหูฟังตลาด
• ในระยะสั้น ตลาดหุ้นเหมือนเครื่องลงคะแนนเสียง ไม่ใช่เครื่องชั่งน้ำหนัก
• อารมณ์แบบสุดขั้วสามารถก่อให้เกิดหรือความเสี่ยง ไม่ว่าหุ้นจะมีความน่าสนใจในแง่ปัจจัยพื้นฐานหรือไม่ก็ตาม
การสร้างพอร์ตโฟลิโอ
• สัดส่วนการถือหุ้นควรสะท้อนระดับความเชื่อมั่น
• อย่าใช้เวลามากเกินไปในการศึกษาผลตอบแทนของพอร์ตโฟลิโอ
• พอร์ตโฟลิโอที่คุณมีอยู่กับพอร์ตโฟลิโอที่คุณสร้างขึ้นมาใหมม่ ถ้าสมมุติว่า วันนี้คุณมีแต่เงินสด ควรจะมีลักษณะเหมือนกัน
• อย่าใส่ใจกับน้ำหนักของหุ้นในดัชนีมากเกินไป
• ควรทยอยซื้อหรือขาย ไม่ควรซื้อหรือขายจำนวนมากๆในคราวเดียว
• อย่ามีอารมณ์ผูกพันกับหุ้นของคุณ
• การลงทุนมีความผิดพลาดอยู่ตลอด เอาชนะด้วยการไม่ขาดทุนบ่อยครั้งเกินไป
• ขายหุ้นเมื่อเหตุผลทางการลงทุนของคุณถูกหักล้าง, ราคาหุ้นถึงเป้าหมาย หรือคุณเจอหุ้นตัวอื่นที่ดีกว่า
• หากคุณลังเลกับหุ้นที่คุณมีอยู่หรือหุ้นที่คุณอยากจะซื้อ ให้เปรียบเทียบมันกับหุ้นตัวที่ใกล้เคียงที่สุดของคุณ
• รักษาสมดุลระหว่างการติดตามข่าวสารของหุ้นที่คุณถืออยู่กับการมองหาหุ้นตัวใหม่ๆ
ความเสี่ยง
• ความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดของผมมักเกิดจากบริษัทที่มีงบดุลอ่อนแอ
• นักลงทุนจะขาดทุนมากที่สุดจากบริษัทที่มีหนี้สินสูง เมื่อสภาพการดำเนินธุรกิจเลวร้ายลง
• จำไว้ว่า ข่าวร้ายจะไม่แพร่กระจายอย่างทั่วถึง
• ระวังหุ้นที่ราคาเพิ่มสูงขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หุ้นที่ขึ้นมาเยอะจนทำให้นักลงทุนมีผลกำไรที่ยังไม่ได้รับรู้ก้อนโต จะมีความเสี่ยงเรื่องการลดลงของราคาหุ้น
• หลีกเลี่ยง “หุ้นส่งต่อไปเรื่อยๆ” หรือหุ้นที่มีราคาแพงมากแต่มีโมเมนตัมดี นักลงทุนมักหวังว่า ราคาหุ้นจะไปต่อได้อีก และคิดว่าจะสามารถขายพวกมันได้ก่อนที่เสียงดนตรีจะหยุดลง
งบการเงิน
• อ่านข่าวหรือข้อมูลของบริษัทจากตัวต้นฉบับเสมอ อย่าอ่านพวกมันจากบทสรุปของโบรกเกอร์
• อ่านหมายเหตุประกอบงบการเงินอย่างละเอียด ข้อมูลสำคัญอาจถูกซุกซ่อนอยู่ในนั้น
มูลค่าหุ้น
• อย่าดูตัววัดมูลค่าหุ้นตัวเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่า P/E
• การซื้อหุ้นที่มีราคาถูกจะให้ส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัยแก่คุณ
• การมีมูลค่าความผิดพลาดมักเกิดขึ้นกับบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก
• ดูมูลค่าหุ้นปัจจุบันเทียบกับมูลค่าหุ้นในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาเป็นอย่างน้อย
• การซื้อหุ้นเมื่อมูลค่าอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับอดีต จะทำให้คุณมีโอกาสได้กำไรมากขึ้นมาก
• อย่าลืมดูความถูกแพงของหุ้นตัวนั้นๆเองด้วย
• จำไว้ว่า เมื่อภาวะตลาดกระทิงดำเนินไป วิธีการประเมินมูลค่าหุ้นจะมีความอนุรักษ์นิยมน้อยลงไปเรื่อยๆ และในภาวะตลาดหมี มันจะเป็นไปในทางตรงกันข้าม
การถูกเทคโอเวอร์
• ซื้อหุ้นของบริษัทที่มีโอกาสถูกเทคโอเวอร์
• บริษัทขนาดใหญ่จะมีโอกาสถูกเทคโอเวอร์น้อยกว่า
• บ่อยครั้ง รายชื่อผู้ถือหุ้นจะสามารถให้เบาะแสเกี่ยวกับโอกาสในการถูกเทคโอเวอร์ได้
• จงตั้งข้อสงสัยกับความสามารถในการระบุเป้าหมายของการถูกเทคโอเวอร์ในระยะสั้นๆ
หุ้นสุดโปรด
• หัวใจของแนวทางของผมคือ การซื้อหุ้นฟื้นตัวในราคาถูก
• ชอบหุ้นที่ไม่ได้รับความนิยม
• บริษัทที่คุณสนใจมีทีมผู้บริหารชุดใหม่ ซึ่งมีแผนการฟื้นฟูบริษัทอย่างละเอียดชัดเจน ซึ่งคุณสามารถติดตามได้ใช่หรือเปล่า?
• คุณจะต้องซื้อหุ้นฟื้นตัวก่อนที่คุณจะมีข้อมูลทั้งหมด
• หุ้นที่ดีที่สุดของผมบางตัวเป็นหุ้นที่ทำให้ผมรู้สึกไม่สบายใจในเวลาซื้อ
• ดูหุ้นที่มีความเสี่ยงและผลตอบแทนไม่สมดุลกัน คือมีโอกาสได้กำไรเยอะ ในขณะที่มีความเสี่ยงจำกัด
• ในระยะยาว หุ้นคุณค่าจะให้ผลตอบแทนดีกว่าหุ้นโตเร็ว
การเทรดหุ้น
• มอบหมายหน้าที่การเทรดให้เทรดเดอร์ที่มีความสามารถ ให้อำนาจการตัดสินใจที่เหมาะสมแก่พวกเขา
• ผมมักไม่ค่อยได้ตั้งเพดานราคา
• รู้ว่าเมื่อไรคุณควรจะรีบรุก และเมื่อไรคุณควรจะนั่งเฉยรอให้ราคาหุ้นมาหาคุณเอง
• หลีกเลี่ยงการตั้งราคาเป็นตัวเลขกลมๆ เพราะมันคือสิ่งที่ผู้จัดการกองทุนส่วนใหญ่ทำ
• มีความอดทน หุ้นส่วนใหญ่จะให้โอกาสครั้งที่สองแก่คุณ
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
• อย่างแรกที่ผมจะดูก็คือ กราฟราคาหุ้น
• ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคตรวจสอบมุมมองทางปัจจัยพื้นฐานของคุณ
• หาแนวทางที่ใช้ได้ผลสำหรับตัวเองและยึดถือมันไปตลอด
• การวิเคราะห์ทางเทคนิคจะมีประโยชน์สำหรับหุ้นขนาดใหญ่มากกว่า
• ปล่อยให้ผลกำไรดำเนินไป ตัดขาดทุน
การจับจังหวะตลาด
• การจับจังหวะตลาดได้อย่างถูกต้องอย่างสม่ำเสมอเป็นเรื่องยาก
• ถ้าคุณเป็นนักลงทุนรายย่อย ให้มองระยะยาว อย่าเอาเงินที่คุณจำเป็นต้องใช้ในช่วงสามปีข้างหน้ามาลงทุนในตลาดหุ้น
• อย่าลืมว่าตลาดหุ้นเป็นตัวสะท้อนอนาคตชั้นเยี่ยม
• อย่ากลัวที่จะสวนกระแสอารมณ์โดยรวมของตลาด
• ตลาดจะตอบสนองต่อเหตุการทั้งเชิงบวกและเชิงลบที่มีการคาดการณ์กันเอาไว้ตั้งแต่ตอนที่มันยังไม่เกิดขึ้น
• อย่าดูแต่แนวโน้ม ให้พิจารณาดูว่า อะไรถูกสะท้อนอยู่ในราคาหุ้นแล้วบ้าง
• ในภาวะตลาดกระทิงอิ่มตัว ให้ทยอยขายหุ้นที่มีความเสี่ยงสูงออกไป
• ระมัดระวังตัวให้มากที่สุด เมื่อตลาดขึ้นมาได้สี่ถึงห้าปีแล้ว
------------------------------------------
คัดลอกจากจากหนังสือ "ลงทุนสวนกระแสอย่าง... แอนโทนีโบลตัน"
แปลโดยพี่เว็บ พรชัยครับ
เราใช้เวลาส่วนใหญ่วันๆ ไปกับเรื่องที่ไม่สำคัญ และให้เวลาน้อยเกินไปกับเรื่องที่สำคัญที่สุด
- bluemax
- Verified User
- โพสต์: 19
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บทเรียนจากชีวิตการบริหารเงินลงทุนของแอนโทนี โบลตัน
โพสต์ที่ 2
สดๆร้อนๆมือแทบพอง
จัดให้สำหรับคนที่ไม่ได้ไปงานเฮฮาฯ2 และคนที่ยังไม่มีหนังสือเล่มนี้
เพราะว่ายังไม่มีขายตามร้านหนังสือทั่วไปครับ (โชคดีที่ผมได้ไปงาน อิอิ)
จัดให้สำหรับคนที่ไม่ได้ไปงานเฮฮาฯ2 และคนที่ยังไม่มีหนังสือเล่มนี้
เพราะว่ายังไม่มีขายตามร้านหนังสือทั่วไปครับ (โชคดีที่ผมได้ไปงาน อิอิ)
เราใช้เวลาส่วนใหญ่วันๆ ไปกับเรื่องที่ไม่สำคัญ และให้เวลาน้อยเกินไปกับเรื่องที่สำคัญที่สุด
-
- Verified User
- โพสต์: 1155
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บทเรียนจากชีวิตการบริหารเงินลงทุนของแอนโทนี โบลตัน
โพสต์ที่ 3
ขอบคุณครับ
คุณ bluemax
คุณ bluemax
Blueplanet
-
- Verified User
- โพสต์: 1808
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บทเรียนจากชีวิตการบริหารเงินลงทุนของแอนโทนี โบลตัน
โพสต์ที่ 4
ขอบคุณมากครับ
"Risk comes from not knowing what you're doing" - Warren Buffet
สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย
http://www.sarut-homesite.net/
สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย
http://www.sarut-homesite.net/
-
- Verified User
- โพสต์: 39
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บทเรียนจากชีวิตการบริหารเงินลงทุนของแอนโทนี โบลตัน
โพสต์ที่ 5
ขอบคุณค่ะ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บทเรียนจากชีวิตการบริหารเงินลงทุนของแอนโทนี โบลตัน
โพสต์ที่ 6
เป็นหนังสือที่เกี่ยวกับการลงทุนที่นักลงทุนที่สนใจแนว VI ทุกคนควรจะมีนะครับ
Anthony Bolton เป็นนักลงทุนที่มีผลงานยอดเยี่ยม และมีคุณ WEB เป็นผู้แปลยิ่งทำให้เนื้อหาไม่ผิดเพี้ยนครับ
ถ้าใครไม่ได้ไปร่วมงาน เฮฮา ก็สามารถหาซื้อได้ที่ร้านซีเอ็ดครับ จะเริ่มวางจำหน่ายประมาณกลางสัปดาห์นี้
Anthony Bolton เป็นนักลงทุนที่มีผลงานยอดเยี่ยม และมีคุณ WEB เป็นผู้แปลยิ่งทำให้เนื้อหาไม่ผิดเพี้ยนครับ
ถ้าใครไม่ได้ไปร่วมงาน เฮฮา ก็สามารถหาซื้อได้ที่ร้านซีเอ็ดครับ จะเริ่มวางจำหน่ายประมาณกลางสัปดาห์นี้
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
- atsu
- Verified User
- โพสต์: 1218
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บทเรียนจากชีวิตการบริหารเงินลงทุนของแอนโทนี โบลตัน
โพสต์ที่ 9
ผมเพิ่งอ่านไปแค่ 5 บทเองครับ แต่อ่านไปก็นึกในใจไปว่า"เล่มนี้เจ๋งโคตรๆว่ะ"
ทนไม่ไหวเมื่อเช้าต้องรีบโทรไปบอกเพื่อนที่ไม่ได้ไปงานให้หาซื้อเมื่อวางตลาด
น่าจะเป็นหนังสือการลงทุนที่ดีที่สุดในรอบหลายๆปีที่ผมเคยอ่านมาเลยครับ
ทนไม่ไหวเมื่อเช้าต้องรีบโทรไปบอกเพื่อนที่ไม่ได้ไปงานให้หาซื้อเมื่อวางตลาด
น่าจะเป็นหนังสือการลงทุนที่ดีที่สุดในรอบหลายๆปีที่ผมเคยอ่านมาเลยครับ
- Financeseed
- Verified User
- โพสต์: 1304
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บทเรียนจากชีวิตการบริหารเงินลงทุนของแอนโทนี โบลตัน
โพสต์ที่ 11
ชอบมากเลยครับ หนังสือชื่อไรหรอครับ หาซื้อที่ไหนครับ
- leaderinshadow
- Verified User
- โพสต์: 1765
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บทเรียนจากชีวิตการบริหารเงินลงทุนของแอนโทนี โบลตัน
โพสต์ที่ 12
ซื้อแล้วคราบๆๆๆๆ
- bluemax
- Verified User
- โพสต์: 19
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บทเรียนจากชีวิตการบริหารเงินลงทุนของแอนโทนี โบลตัน
โพสต์ที่ 13
ชื่อหนังสือ "ลงทุนสวนกระแสอย่าง... แอนโทนี โบลตัน"financeseed เขียน:ชอบมากเลยครับ หนังสือชื่อไรหรอครับ หาซื้อที่ไหนครับ
แปลโดยพี่เว็บ พรชัยครับ
หาซื้อได้ที่ se-ed ครับ (น่าจะเริ่มวางขายกลางสัปดาห์นี้ ตามพี่ฉัตรชัยบอกครับ)
เห็นซื้อในงานเฮฮาฯแทบจะแย่งกัน ต่างก็ถือกันคนละเล่ม
ก็อย่าลืมอ่านกันให้จบด้วยนะครับ อ่านหลายรอบยิ่งดี (ของเค้าดีจริงๆ)
เราใช้เวลาส่วนใหญ่วันๆ ไปกับเรื่องที่ไม่สำคัญ และให้เวลาน้อยเกินไปกับเรื่องที่สำคัญที่สุด
- untrataro25
- Verified User
- โพสต์: 952
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บทเรียนจากชีวิตการบริหารเงินลงทุนของแอนโทนี โบลตัน
โพสต์ที่ 20
จัดไป ขอบคุณครับchatchai เขียน:เป็นหนังสือที่เกี่ยวกับการลงทุนที่นักลงทุนที่สนใจแนว VI ทุกคนควรจะมีนะครับ
Anthony Bolton เป็นนักลงทุนที่มีผลงานยอดเยี่ยม และมีคุณ WEB เป็นผู้แปลยิ่งทำให้เนื้อหาไม่ผิดเพี้ยนครับ
ถ้าใครไม่ได้ไปร่วมงาน เฮฮา ก็สามารถหาซื้อได้ที่ร้านซีเอ็ดครับ จะเริ่มวางจำหน่ายประมาณกลางสัปดาห์นี้
"เพราะเรียบง่าย จึงชนะ"
-
- Verified User
- โพสต์: 1601
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บทเรียนจากชีวิตการบริหารเงินลงทุนของแอนโทนี โบลตัน
โพสต์ที่ 27
อุดหนุน 1 เล่ม แน่นอน ช่วงนี้ยิ่งไม่ค่อยมีอะไรอ่านอยู่