การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
pawattt
Verified User
โพสต์: 412
ผู้ติดตาม: 0
อังคาร มิ.ย. 14, 2011 12:23 am | 0 คอมเมนต์
อยากทรายจากท่านที่มีประสบการณ์ในตลาดหุ้นทุกท่านครับว่า เราสามารถสังเกตจากอะไรได้บ้างว่า อาจมีการเกิดวิกฤติทางการเงินขึ้น เช่นปี 2540 ที่ประเทศไทย และ 2008 hamberger crisis ครับ
มีสัญญาณอะไรบ่งชี้หรือไม่ หรือทางทฤษฏีเค้าดูจากอะไรกันครับ ??
จะได้เป็นการเตรียมพร้อมสำหรับคนที่เข้่ามาลงทุนใหม่ ในการเตรียมรับมือ ซึ่งเราคงไม่อยากให้เกิดเป็นแน่แท้
ขอบคุณพี่ ๆ ล่วงหน้าครับ
Pn3um0n1a
Verified User
โพสต์: 1935
ผู้ติดตาม: 0
อังคาร มิ.ย. 14, 2011 1:06 am | 0 คอมเมนต์
ถ้ารู้ก่อนมันจะเป็นวิกฤติหรือครับ
romulus
Verified User
โพสต์: 99
ผู้ติดตาม: 0
อังคาร มิ.ย. 14, 2011 1:29 am | 0 คอมเมนต์
เคยอ่านเจอ Peter Lynch เคยบอกว่า เศรษฐกิจไม่มีใครรู้ล่วงหน้าได้ อย่าไปคาดเดาครับเสียเวลาเปล่า ซึ่งผมก็เห็นด้วย
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
Green
Verified User
โพสต์: 2606
ผู้ติดตาม: 0
อังคาร มิ.ย. 14, 2011 7:18 am | 0 คอมเมนต์
อะไรคือ วิกฤติทางการเงิน
ผมมองแบบง่ายๆ ว่า เริ่มจากมองที่ตัวคนๆ หนึ่ง เวลาถังแตก ไม่มีตังค์
อาจจะเป็นเพราะ มีรายจ่ายมากกว่ารายได้ จนทำให้เงินที่ตัวเองเก็บไว้ลดลงๆ เรื่อยๆ แต่แล้วก็ยังอย่าได้โน้นได้นี้ ไปกู้หนี้ยืมสินคนอื่นๆ มาบ้าง แต่แล้วรายได้ที่มีมันลดลง และรายจ่ายเพิ่มขึ้น จนไม่มีปัญญาไปคืนหนี้ของเจ้าหนี้ ตัวคนนั้นขาดสภาพคล่อง ต้องการเป็นบุคคลล้มละลาย เป็นต้น
วิกฤติเศรษฐกิจของประเทศก็คงมีอะไรคล้ายๆ กันแบบนี้
terati20
Verified User
โพสต์: 1104
ผู้ติดตาม: 0
อังคาร มิ.ย. 14, 2011 7:41 am | 0 คอมเมนต์
ถ้าดู Macro มันก็จะมี Leading indicator ต่างๆ นะครับ
พวก CDS ก็จะพุ่งฮวบๆ
สิ่งทั้งหลายเกิดขึ้นในเบื้องต้น ตั้งอยู่ เเละดับไปในที่สุด
densin
Verified User
โพสต์: 1073
ผู้ติดตาม: 0
อังคาร มิ.ย. 14, 2011 8:03 am | 0 คอมเมนต์
วิกฤตที่รู้ก่อน คนเราจะเตรียมตัว ทำให้ผลกระทบไม่รุนแรง
วิกฤติที่กระทบแรง เพราะไม่รู้ตัว ถึงเวลามันก็มาแบบไม่ทันตั้งตัว
VI สายมืด = VI หน้ามืดซื้อตัวฮอทๆอย่าไม่ลืมหูลืมตา
picatos
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3227
ผู้ติดตาม: 4
อังคาร มิ.ย. 14, 2011 11:01 am | 0 คอมเมนต์
เท่าที่เคยอ่านประวัติวิกฤตเศรษฐกิจในรอบที่ผ่านๆ มา...
จุดร่วมที่คล้ายๆ กันมีดังนี้
1. ระดับความโลภของคนในระบบเศรษฐกิจสูงมาก ทุกอย่างจะดูขาวๆ ฟูๆ สีชมพูๆ ราวกับอารมณ์คนที่เต็มไปด้วยความรัก
2. สิ่งที่คาดหวังเริ่มไม่มาตามคาด... แต่ก็ยังมีการปลอบใจตัวเอง ด้วยการมองโลกในแง่ดี
3. ความร้อนแรงทางเศรษฐกิจทำให้ทางการต้องปรับนโบบายที่รัดกุมมากยิ่งขึ้น มีความพยายามที่จะ regulate อะไรบางอย่าง
4. วิกฤตเศรษฐกิจที่ผ่านมามักเริ่มต้นจาก Financial Sector แล้วค่อยกระทบไปสู่ Real Sector ซึ่งเป็นน่าจะผลกระทบของ Wealth Effect
5. คนเริ่มเห็นขยะ สิ่งโสโครกที่ซ่อนอยู่ใต้พรมมากยิ่งขึ้น จากความโลภกลายเป็นความกลัว ตามมาด้วยพฤติกรรม herding behavior
เท่าที่ผมรู้สึก... ขณะนี้เรากำลังอยู่ในภาวะฟองสบู่... วิกฤติรอบใหม่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน... แต่ไม่รู้ว่าจะเกิดเมื่อไหร่เท่านั้น ผมเชื่อว่าระดับความผันผวนของตลาดจะอยู่ในระดับที่รุนแรงมากขึ้นเป็นทวีคูณ จากผลกระทบของ social networking ทำให้เราใช้สัญญาณทางเทคนิคจับสัญญาณขายเพื่อหนีวิกฤตได้ยากขึ้นเรื่อยๆ Correction ที่เราจะเจอในอนาคตจะอยู่ในระดับที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เราลงทุนได้ยากขึ้นเรื่อยๆ...
สุดท้ายผมเชื่อว่า ตลาดแบบนี้... VI ที่ยึดมั่นในพื้นฐานหลักการ โดยไม่หลับตาข้างนึงอยู่ตลอดเวลา มีความเข้าใจในกิจการอย่างแท้จริง และเป็นคนที่เข้าใจและรู้จักตัวเองเป็นอย่างดี จะสามารถเอาชีวิตรอดไปจากวิกฤตได้ครับ...
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
chatchai
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 11443
ผู้ติดตาม: 0
อังคาร มิ.ย. 14, 2011 11:21 am | 0 คอมเมนต์
วิกฤตก็มีหลายรูปแบบ แต่ที่กำลังพูดถึงก็น่าจะเป็นวิกฤตเศรษฐกิจ
วิกฤตขนาดใหญ่ เกือบทั้งหมดก็จะเป็นระดับมหภาค
ดังนั้นเราก็ต้องมีความรู้ ความเข้าใจ เศรษฐศาสตร์มหภาค
และก็ต้องหมั่นติดตามข่าวสาร ตัวเลขต่างๆทางเศรษฐกิจทั่วทั้งโลก
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
tingun
Verified User
โพสต์: 99
ผู้ติดตาม: 0
อังคาร มิ.ย. 14, 2011 3:56 pm | 0 คอมเมนต์
chatchai เขียน: วิกฤตก็มีหลายรูปแบบ แต่ที่กำลังพูดถึงก็น่าจะเป็นวิกฤตเศรษฐกิจ
วิกฤตขนาดใหญ่ เกือบทั้งหมดก็จะเป็นระดับมหภาค
ดังนั้นเราก็ต้องมีความรู้ ความเข้าใจ เศรษฐศาสตร์มหภาค
และก็ต้องหมั่นติดตามข่าวสาร ตัวเลขต่างๆทางเศรษฐกิจทั่วทั้งโลก
อยากถามพี่ฉัตรชัยครับว่า indicator หลักๆ ที่พี่ดูระดับมหภาค จนทำให้รอดจากวิกฤตปี 40 ได้คืออะไรครับ
และปัจจุบันพี่ดู indicator อะไรบ้าง และเป็นระดับโลก หรือ ระดับประเทศครับ
WannaBeVI
Verified User
โพสต์: 711
ผู้ติดตาม: 0
อังคาร มิ.ย. 14, 2011 5:21 pm | 0 คอมเมนต์
เมื่อคนเริ่มพูดว่า จะเกิดวิกฤติ แล้วมีคนตอบว่า จะบ้าเหรอ
สรุป วิกฤติจะเกิดเมื่อคนส่วนใหญ่คาดไม่ถึงครับ
ซึ่งเมื่อเป็นอย่างนั้น เราก็ทำได้แค่ระวัง และตั้งอยู่ในความไม่ประมาท
ไม่ยึดมั่นถือมั่นกับหุ้นมากเกินไปครับ
pawattt
Verified User
โพสต์: 412
ผู้ติดตาม: 0
อังคาร มิ.ย. 14, 2011 8:41 pm | 0 คอมเมนต์
ขอบคุณพี่ ๆ ทุกท่านมากครับ
Financeseed
Verified User
โพสต์: 1304
ผู้ติดตาม: 0
อังคาร มิ.ย. 14, 2011 9:07 pm | 0 คอมเมนต์
เมื่อดอกเบี้ย แซงเงินเฟ้อ ก็น่ากลัวนะ
roronoa
Verified User
โพสต์: 142
ผู้ติดตาม: 0
อังคาร มิ.ย. 14, 2011 9:40 pm | 0 คอมเมนต์
ส่วนตัวผ่านวิกฤติมา 2 ครั้ง
สำหรับผมไม่มีทางรู้ได้เลย หรือบางคนอาจจะรู้ หรืออาจจะรู้สึกได้
ว่าวิกฤติกำลังเกิดแล้วแต่ก็ไม่คิดที่จะทำอะไร
ส่วนตัว อยากแบ่งสถาณการณ์ดังกล่าวออกเป็น 3 step คือ
1. วิกฤติใน STEP แรกนี้ หุ้นของเราจะตกอย่างเร็วและแรง อาจะ 10% ถึง 30%
จนบางคนอาจกลัวและคิดว่านี่อาจจะเป็นวิกฤติแล้วก็ได้
ซึ่งนั่นแหละผมว่ามันคือสัญญาณ
แต่...จะมี VI สักกี่คนที่คิดว่ามันคือวิกฤติแล้วขายหุ้นออกมาหมด port เลย
ผมว่าน้อยมาก เพราะคิดว่า
โอ๊ยย ราคาขนาดนี้ใครจะกล้าขายฟะ แม่ม upside บานนน
ปั้นมาอย่างนาน เซ็งเป็ด ก้าบบๆๆ
อาการนี้จะมาพร้อมกับอาการคันไม้คันมือจะเริ่มมีมากขึ้น เกากันจนเป็นขี้กลาก
2. หุ้นค่อยๆ ซึมลงอย่างช้าๆ หรืออาจจะเรียกว่าช่วง ต้มกบ
ประมาณว่ากว่าจะรู้ตัวก็สายเสียแล้ววววว
ช่วงนี้หุ้นจะใช้เวลาในการลงสลับกับ rebound เป็นระยะ
แต่จะลงมากกว่าขึ้น คือซึมลงอย่างช้าๆ
ช่วงนี้ขอเรียกว่าช่วง super sale ถูกแล้วมีถูกกว่า
อารมณ์ประมาณว่า Lotus BigC แข่งกันลดราคา
หากคุณเห็นราคาที่อื่นถูกกว่า เรายินดีคืนเงินให้ 2 เท่า
ขนาดนี้เมิงยังกล้าขาย งั้นกรูขายถูกกว่าเว่ยย เอาดิ
แย่งกันขาย เมิงรึกรูจะตายก่อนกัน...
3. เป็นช่วงสะเด็ดน้ำ ราคาหุ้นเตี้ยติดดิน พร้อมกับ volume ที่เบาบาง
ราวกับอยู่ใน หนัง zombie เรื่องดัง dawn of the dead และ 28 days later
เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่ ได้ติดเชื้อไวรัส zombie ไปแล้วค่อนเมือง
และในขณะเดียวกัน นักลงทุนส่วนน้อยที่ยังไม่ติดเชื้อเริ่มที่จะมีความหวังที่จะอยู่รอด
ได้ออกเสาะแสวงหาสถานที่ที่ดี ปลอดภัย และหาอาหารและน้ำเพื่อประทังชีวิต
พร้อมกับออกเดินทาง เพื่อเริ่มชีวิตใหม่
เขียนมาตั้งนาน ไม่รู้จะได้ประโยชน์รึเปล่า แต่อยากบอกว่า
ถึงแม้ในวิกฤติทุกครั้งจะมีคนติดดอยอยู่มากมาย
มันขึ้นอยู่กับว่า สุดท้ายแล้ว ท่านอยู่บนดอยอะไร
ดูอย่างเขาใหญ่กับวังน้ำเขียวปัจจุบัน ตอนนี้ราคาพุ่งปรี๊ดๆ
คนขายมีความสุข คนซื้อก็มีความสุข
แต่ถ้าท่านคิดจะอยู่บน ดอยหมึง (ขออภัย) ยิ่งอยู่ ยิ่งดึง ยิ่งเจ็บ ร่ำไป...
navapon
Verified User
โพสต์: 760
ผู้ติดตาม: 0
อังคาร มิ.ย. 14, 2011 10:46 pm | 0 คอมเมนต์
คุณ roronoa เขียนมันมาก อ่านแล้วหัวเราะกรามค้างเลยคับ โดยเฉพาะมุกติดดอย
- จุดแข็งทางธุรกิจที่เลียนแบบได้ยาก มักต้องใช้ระยะเวลายาวนานในการสร้างและเพาะบ่มเสมอ ไม่สามารถเนรมิตได้ด้วยเงิน (สุมาอี้)
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
Paul Octopus
Verified User
โพสต์: 798
ผู้ติดตาม: 0
อังคาร มิ.ย. 14, 2011 10:53 pm | 0 คอมเมนต์
ไอ้ประโยคสุดท้ายนี่เห็นภาพเลย
ดอยนี้เพิ่งเคยได้ยิน คงสูงจริงๆเลยนะครับ
คิดได้ยังใง
pporkha
Verified User
โพสต์: 91
ผู้ติดตาม: 0
พฤหัสฯ. มิ.ย. 16, 2011 7:01 am | 0 คอมเมนต์
ซูดหยอดดดดด....ครับ คุณ roronoa
If tomorrow never come.
nACrophiles_117
Verified User
โพสต์: 1362
ผู้ติดตาม: 0
พฤหัสฯ. มิ.ย. 16, 2011 8:33 am | 0 คอมเมนต์
labor omnia vincit
blackninja
Verified User
โพสต์: 176
ผู้ติดตาม: 0
พฤหัสฯ. มิ.ย. 16, 2011 3:26 pm | 0 คอมเมนต์
สังเกตจากตลาดหุ้นก็ได้ครับ ถ้าลงจาก 1000จุด มาเหลือสัก 400-500จุด เดวก็เกิดวิกฤตตามมา
aonzzung
Verified User
โพสต์: 611
ผู้ติดตาม: 0
พฤหัสฯ. มิ.ย. 16, 2011 3:49 pm | 0 คอมเมนต์
blackninja เขียน: สังเกตจากตลาดหุ้นก็ได้ครับ ถ้าลงจาก 1000จุด มาเหลือสัก 400-500จุด เดวก็เกิดวิกฤตตามมา
นั่นเค้าเรียกว่าเกิดแล้วปะ?
Vinzy
Verified User
โพสต์: 569
ผู้ติดตาม: 0
พฤหัสฯ. มิ.ย. 16, 2011 4:29 pm | 0 คอมเมนต์
aonzzung เขียน: blackninja เขียน: สังเกตจากตลาดหุ้นก็ได้ครับ ถ้าลงจาก 1000จุด มาเหลือสัก 400-500จุด เดวก็เกิดวิกฤตตามมา
นั่นเค้าเรียกว่าเกิดแล้วปะ?
อันนี้น่าจะเรียกว่าเละแล้วครับ
"Compound interest is the most powerful force in the universe" Einstein, Albert
DemonInvesting
Verified User
โพสต์: 805
ผู้ติดตาม: 0
พฤหัสฯ. มิ.ย. 16, 2011 5:07 pm | 0 คอมเมนต์
ตามทฤษฏี ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ เป็น Leading Indicator ของสภาวะเศรษฐกิจ ... ดังนั้นถ้าหมายถึงวิกฤตเศรษฐกิจ ก็สามารถดูดัชนีตลาดหุ้นได้เป็นแนวทาง... แต่ถ้าหมายถึงวิกฤตตลาดหุ้น ... อันนี้ดูยาก ขนาดคนระดับหัวกระทิของโลกที่เงินเดือนเป็นล้าน ส่วนใหญ่ยังคาดการณ์ไม่ค่อยจะถูก ... ส่วนคนที่คาดการณ์วิกฤตได้ถูกต้องล่วงหน้าก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะฟลุ๊กหรือเปล่า เพราะนานๆวิกฤตถึงจะเกิดทีหนึ่ง ... ยกตัวอย่าง หมอดูชื่อดังที่เขียนในศาสตร์แห่งโหร ที่ได้ฉายาว่านอสตราดามุสเมืองไทย โด่งดังเนื่องจากการทำนายว่าจะเกิดซึนามิได้ถูกต้อง .. แต่ถ้าใครติดตามงานของแกมาต่อเนื่อง จะพบว่า แทบจะทุกปีทั้งก่อนและหลังซึนามิ แกก็มักจะทำนายว่าจะเกิดภัยพิบัติ คลื่นยักษ์ แผ่นดินไหว หิมะตก เกือบทุกปีอยู่แล้ว ... อย่าง DR.Doom Roubini เองก็ทำนายผิดมากกว่าถูก แต่คนมักจะจำครั้งที่แกทำนายถูก
ในวิกฤตทุกครั้งมีโอกาส แต่ถ้าประมาทในทุกโอกาสจะกลายเป็นวิกฤต
ถึงตลาดจะฟูมฟายมากแค่ไหน ก็ยินดียืมไหล่ให้เธอซบ ยืมอกให้เธอซับน้ำตา
chatchai
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 11443
ผู้ติดตาม: 0
พฤหัสฯ. มิ.ย. 16, 2011 5:44 pm | 0 คอมเมนต์
tingun เขียน: chatchai เขียน: วิกฤตก็มีหลายรูปแบบ แต่ที่กำลังพูดถึงก็น่าจะเป็นวิกฤตเศรษฐกิจ
วิกฤตขนาดใหญ่ เกือบทั้งหมดก็จะเป็นระดับมหภาค
ดังนั้นเราก็ต้องมีความรู้ ความเข้าใจ เศรษฐศาสตร์มหภาค
และก็ต้องหมั่นติดตามข่าวสาร ตัวเลขต่างๆทางเศรษฐกิจทั่วทั้งโลก
อยากถามพี่ฉัตรชัยครับว่า indicator หลักๆ ที่พี่ดูระดับมหภาค จนทำให้รอดจากวิกฤตปี 40 ได้คืออะไรครับ
และปัจจุบันพี่ดู indicator อะไรบ้าง และเป็นระดับโลก หรือ ระดับประเทศครับ
ผมก็ดูทั่วๆไปครับ อาศัยติดตามข่าวสารและบทวิเคราะห์ต่างๆ โดยพอมีความรู้เศรษฐศาสตร์มหภาคอยู่บ้างนิดหน่อย
ตอนนี้ที่ยังกังวลเรื่องภาระหนี้ของรัฐบาลสหรัฐอยู่ครับ ไม่รู้ว่าจะแก้ไขอย่างไร
เรื่องทำนายวิกฤตว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่ อาจจะไม่ยากเท่าว่า ทำนายว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไร
อย่างวิกฤต Subprime นักเศรษฐศาสตร์หลายคนก็ได้แสดงความกังวลล่วงหน้ามาก่อนนานแล้ว ซึ่งถ้าเชื่อตั้งแต่แรก ก็จะเสียโอกาสพอสมควร เพราะกว่าจะเกิดวิกฤตจริงก็อีกปีหรือสองปี
วิกฤตปี 40 ในไทยเอง ก็มีนักเศรษฐศาสตร์ไทยออกมาเตือนเรื่องค่าเงินบาท และก็มีคนค้าน เรียกว่ามีทั้งสองแนวทาง เราก็ต้องพอจะมีความรู้พื้นฐานอยู่บ้าง จะได้วิเคราะห์ได้ว่าควรจะเชื่อใคร
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
multipleceilings
Verified User
โพสต์: 2141
ผู้ติดตาม: 0
พฤหัสฯ. มิ.ย. 16, 2011 5:51 pm | 0 คอมเมนต์
เมื่อพี่ ben ยังนั่งเก้าอี้อยู่ครับ
M aterial catalyst
A ttitude & Perception
D isclipine
TheHee
Verified User
โพสต์: 238
ผู้ติดตาม: 0
พฤหัสฯ. มิ.ย. 16, 2011 6:44 pm | 0 คอมเมนต์
โดยส่วนตัว ผมว่าวิกฤตอยู่กับโลกเราตลอดเวลาครับ อยู่ที่ว่าอยู่ส่วนไหนของโลกเราต่างหาก
พอดีผมเคยอ่านบทความในเวบ มีนักเขียน(ซึ่งเข้าใจว่าน่าจะเป็นักเศรษฐศาสตร์)เขาเขียนประมาณว่า
"ปัญหาบนโลกยุคGlobalizationนี้ไม่เคยหายไปไหน มันเพียงเปลี่ยนรูปแบบหนึ่งไปเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง ย้ายจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งเท่านั้น" ซึ่งผมนั่งคิดดูดีๆ ผมว่าเขาพูดถูกนะครับ
อย่างเช่นประเทศ A มีค่าแรงต่ำ รัฐบาลพยายามขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ขึ้นสำเร็จ แต่ผู้ประกอบการปลดพนักงานบางส่วนออกเพื่อรักษาธุรกิจไว้ บางธุรกิจทนกับค่าแรงไม่ไหวก็ออกจากตลาดไป...สรุปคือ เราแก้ปัญหาค่าแรงต่ำได้ แต่เราเปลี่ยนปัญหาให้เป็นปัญหาคนว่างงานแทน (ประมาณนี้นะครับ ผมก็อธิบายไม่ค่อยเก่ง)
ปล. ความเห็นส่วนตัวนะครับ โดยส่วนตัวก็ไม่รู้หรอกว่าวิกฤตจะมาเมื่อไหร่
leaderinshadow
Verified User
โพสต์: 1765
ผู้ติดตาม: 0
พฤหัสฯ. มิ.ย. 16, 2011 10:31 pm | 0 คอมเมนต์
ดูตลาดหุ้นครับ
ก่อนวิกฤติจะเกิด ตลาดหุ้นไปก่อนทุกทีๆๆ
เพราะตลาดหุ้นเป็น leading indicator
แต่การคาดการตลาดหุ้น ยากยิ่งกว่า เพราะต้องหา Leading of leading indicator
แต่บางคนก็บอกว่า ก็ดูตลาด Future ดิ เหอๆๆ
chukieat30
Verified User
โพสต์: 3531
ผู้ติดตาม: 0
ศุกร์ มิ.ย. 17, 2011 6:55 pm | 0 คอมเมนต์
roronoa เขียน: ส่วนตัวผ่านวิกฤติมา 2 ครั้ง
สำหรับผมไม่มีทางรู้ได้เลย หรือบางคนอาจจะรู้ หรืออาจจะรู้สึกได้
ว่าวิกฤติกำลังเกิดแล้วแต่ก็ไม่คิดที่จะทำอะไร
ส่วนตัว อยากแบ่งสถาณการณ์ดังกล่าวออกเป็น 3 step คือ
1. วิกฤติใน STEP แรกนี้ หุ้นของเราจะตกอย่างเร็วและแรง อาจะ 10% ถึง 30%
จนบางคนอาจกลัวและคิดว่านี่อาจจะเป็นวิกฤติแล้วก็ได้
ซึ่งนั่นแหละผมว่ามันคือสัญญาณ
แต่...จะมี VI สักกี่คนที่คิดว่ามันคือวิกฤติแล้วขายหุ้นออกมาหมด port เลย
ผมว่าน้อยมาก เพราะคิดว่า
โอ๊ยย ราคาขนาดนี้ใครจะกล้าขายฟะ แม่ม upside บานนน
ปั้นมาอย่างนาน เซ็งเป็ด ก้าบบๆๆ
อาการนี้จะมาพร้อมกับอาการคันไม้คันมือจะเริ่มมีมากขึ้น เกากันจนเป็นขี้กลาก
2. หุ้นค่อยๆ ซึมลงอย่างช้าๆ หรืออาจจะเรียกว่าช่วง ต้มกบ
ประมาณว่ากว่าจะรู้ตัวก็สายเสียแล้ววววว
ช่วงนี้หุ้นจะใช้เวลาในการลงสลับกับ rebound เป็นระยะ
แต่จะลงมากกว่าขึ้น คือซึมลงอย่างช้าๆ
ช่วงนี้ขอเรียกว่าช่วง super sale ถูกแล้วมีถูกกว่า
อารมณ์ประมาณว่า Lotus BigC แข่งกันลดราคา
หากคุณเห็นราคาที่อื่นถูกกว่า เรายินดีคืนเงินให้ 2 เท่า
ขนาดนี้เมิงยังกล้าขาย งั้นกรูขายถูกกว่าเว่ยย เอาดิ
แย่งกันขาย เมิงรึกรูจะตายก่อนกัน...
3. เป็นช่วงสะเด็ดน้ำ ราคาหุ้นเตี้ยติดดิน พร้อมกับ volume ที่เบาบาง
ราวกับอยู่ใน หนัง zombie เรื่องดัง dawn of the dead และ 28 days later
เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่ ได้ติดเชื้อไวรัส zombie ไปแล้วค่อนเมือง
และในขณะเดียวกัน นักลงทุนส่วนน้อยที่ยังไม่ติดเชื้อเริ่มที่จะมีความหวังที่จะอยู่รอด
ได้ออกเสาะแสวงหาสถานที่ที่ดี ปลอดภัย และหาอาหารและน้ำเพื่อประทังชีวิต
พร้อมกับออกเดินทาง เพื่อเริ่มชีวิตใหม่
เขียนมาตั้งนาน ไม่รู้จะได้ประโยชน์รึเปล่า แต่อยากบอกว่า
ถึงแม้ในวิกฤติทุกครั้งจะมีคนติดดอยอยู่มากมาย
มันขึ้นอยู่กับว่า สุดท้ายแล้ว ท่านอยู่บนดอยอะไร
ดูอย่างเขาใหญ่กับวังน้ำเขียวปัจจุบัน ตอนนี้ราคาพุ่งปรี๊ดๆ
คนขายมีความสุข คนซื้อก็มีความสุข
แต่ถ้าท่านคิดจะอยู่บน ดอยหมึง (ขออภัย) ยิ่งอยู่ ยิ่งดึง ยิ่งเจ็บ ร่ำไป...
โคตรถูกใจ ถึงจะเหวงแต่มีสาระดีครับ
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์ มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
chukieat30
Verified User
โพสต์: 3531
ผู้ติดตาม: 0
ศุกร์ มิ.ย. 17, 2011 7:05 pm | 0 คอมเมนต์
ขอตอบแบบง่ายๆๆ
overvalue เมื่อของทุกอย่าง Overvalue
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์ มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
yoko
Verified User
โพสต์: 4337
ผู้ติดตาม: 0
ศุกร์ มิ.ย. 17, 2011 7:44 pm | 0 คอมเมนต์
เมื่อตลาดถูกทางการเบรคด้วยประโยคว่า
ตลาดหุ้นร้อนแรงเกินไป หุ้นขึ้นเกินไป ให้จับตาพวกปั่นหุ้น
ไม่นานหุ้นตกแรงครับ
mincho
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 260
ผู้ติดตาม: 0
พุธ ส.ค. 24, 2011 11:26 pm | 0 คอมเมนต์
roronoa เขียน: ส่วนตัวผ่านวิกฤติมา 2 ครั้ง
สำหรับผมไม่มีทางรู้ได้เลย หรือบางคนอาจจะรู้ หรืออาจจะรู้สึกได้
ว่าวิกฤติกำลังเกิดแล้วแต่ก็ไม่คิดที่จะทำอะไร
ส่วนตัว อยากแบ่งสถาณการณ์ดังกล่าวออกเป็น 3 step คือ
1. วิกฤติใน STEP แรกนี้ หุ้นของเราจะตกอย่างเร็วและแรง อาจะ 10% ถึง 30%
จนบางคนอาจกลัวและคิดว่านี่อาจจะเป็นวิกฤติแล้วก็ได้
ซึ่งนั่นแหละผมว่ามันคือสัญญาณ
แต่...จะมี VI สักกี่คนที่คิดว่ามันคือวิกฤติแล้วขายหุ้นออกมาหมด port เลย
ผมว่าน้อยมาก เพราะคิดว่า
โอ๊ยย ราคาขนาดนี้ใครจะกล้าขายฟะ แม่ม upside บานนน
ปั้นมาอย่างนาน เซ็งเป็ด ก้าบบๆๆ
อาการนี้จะมาพร้อมกับอาการคันไม้คันมือจะเริ่มมีมากขึ้น เกากันจนเป็นขี้กลาก
2. หุ้นค่อยๆ ซึมลงอย่างช้าๆ หรืออาจจะเรียกว่าช่วง ต้มกบ
ประมาณว่ากว่าจะรู้ตัวก็สายเสียแล้ววววว
ช่วงนี้หุ้นจะใช้เวลาในการลงสลับกับ rebound เป็นระยะ
แต่จะลงมากกว่าขึ้น คือซึมลงอย่างช้าๆ
ช่วงนี้ขอเรียกว่าช่วง super sale ถูกแล้วมีถูกกว่า
อารมณ์ประมาณว่า Lotus BigC แข่งกันลดราคา
หากคุณเห็นราคาที่อื่นถูกกว่า เรายินดีคืนเงินให้ 2 เท่า
ขนาดนี้เมิงยังกล้าขาย งั้นกรูขายถูกกว่าเว่ยย เอาดิ
แย่งกันขาย เมิงรึกรูจะตายก่อนกัน...
3. เป็นช่วงสะเด็ดน้ำ ราคาหุ้นเตี้ยติดดิน พร้อมกับ volume ที่เบาบาง
ราวกับอยู่ใน หนัง zombie เรื่องดัง dawn of the dead และ 28 days later
เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่ ได้ติดเชื้อไวรัส zombie ไปแล้วค่อนเมือง
และในขณะเดียวกัน นักลงทุนส่วนน้อยที่ยังไม่ติดเชื้อเริ่มที่จะมีความหวังที่จะอยู่รอด
ได้ออกเสาะแสวงหาสถานที่ที่ดี ปลอดภัย และหาอาหารและน้ำเพื่อประทังชีวิต
พร้อมกับออกเดินทาง เพื่อเริ่มชีวิตใหม่
เขียนมาตั้งนาน ไม่รู้จะได้ประโยชน์รึเปล่า แต่อยากบอกว่า
ถึงแม้ในวิกฤติทุกครั้งจะมีคนติดดอยอยู่มากมาย
มันขึ้นอยู่กับว่า สุดท้ายแล้ว ท่านอยู่บนดอยอะไร
ดูอย่างเขาใหญ่กับวังน้ำเขียวปัจจุบัน ตอนนี้ราคาพุ่งปรี๊ดๆ
คนขายมีความสุข คนซื้อก็มีความสุข
แต่ถ้าท่านคิดจะอยู่บน ดอยหมึง (ขออภัย) ยิ่งอยู่ ยิ่งดึง ยิ่งเจ็บ ร่ำไป...
ตอนนี้คงไม่ใช่ช่วงต้มกบ ใช่มั้ยครับ
เมื่อใดเห็นทุกข์ เมื่อนั้นเห็นธรรม
^^
Verified User
โพสต์: 519
ผู้ติดตาม: 0
พฤหัสฯ. ส.ค. 25, 2011 1:04 am | 0 คอมเมนต์
ต้มไม่ต้มไม่รู้ รู้แค่ว่ากบไม่อยู่ในหม้อก็ไม่โดนต้มแน่ๆครับ
จะอยู่ลุ้นว่าตัวเองจะตายหรือไม่ตายทำไม
ฉะนั้นกบควรจะอยู่ถูกที่ ที่ไม่ใช่ในหม้อ และไม่ใช่ในท้องงู
หุ้นมันอยู่รอบๆตัวเราเสมอ