ผมเริ่มจากการคาดการณ์ Income Statement ครับ
พบว่าตัวเลขบางตัวคาดการณ์ยากมากๆครับ
เช่น ดอกเบี้ยรับ ดอกเบี้ยจ่าย กำไรขายทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน(เป็นธุรกิจระหว่างประเทศซึ่งจะมีกำไรขากทุนนี้ทุกปี)
นอกจากนี้ก็ยังมี กำไรขาดทุนจากการจำหน่ายพวกสินทรัพย์ถาวร(ซึ่งบริษัทมีกำไรขากทุนส่วนนี้ทุกปีเหมือนกัน)
หลังจากนั้นเมื่อผมได้กำไรแบบค่อยข้างมั่วแล้ว ผมก็ไปทำ งบแสดงส่วนเปลี่ยนแปลงของเจ้าของ
ซึ่งอันนี้ไม่ยากมาก แต่ดูว่าที่ผ่านมาปันผลเฉลี่ยกี่%ของกำไร
ต่อจากนั้นมาที่ Balance Sheet ผมพยายามคาดการณ์ตัวเองต่างๆออกมา
โดยข้าม Cash ไป เนื่องจากคิดว่า Cash จะเป็นเท่าไหร่นั้นต้องไปทำงบกระแสเงินสด
และเมื่อมาสู่งบกระแสเงินสด
พบว่าตัวเลขต่างๆคาดการณ์ยากมากกว่างบอื่นๆ เช่น บริษัทจะลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเท่าไหร่
และจะขายเท่าไหร่(ฺBV) ราคาไหน กำไรเท่าไหร่ และในการลงทุนนั้นจะใช้เงินสดเท่าไหร่
เจ้าหนี้เท่าไหร่ เมื่อผมมั้วๆในส่วนนี้้เสร็จ ผมจึงกลับไปที่ ฺBalance Sheet
พบว่างบมันไม่ดุลกัน ซึ่งจากหนังสือ Finance บอกว่าต้องไปปรับที่การกู้ยืมเงิน
แต่ถ้าผมไปปรับที่ตัวเลขนี้ตัวเดียวพบว่า ตัวเลข Debt กระโดดขึ้นอย่างมาก จนคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้
ผมจึงปรับ Debt เพิ่มให้พอมีเหตุผม แล้วไปเกลี่ยตัวเลขอื่นๆ ให้งบมัน Balance กัน
และเนื่องจากการคาดการณ์ตัวเลขบางตัวของผมดูไม่ค่อยมีเหตุผลผมจึงไม่มั่นใจใน FCFF ที่ได้นัก
โดยสรุปแล้ว ผมพยายามจะคาดการณ์ตัวเลขทุกตัว ซึ่งตัวเลขบางตัวมีความผันผวนสูงมาก
จนไม่รู้ว่าจะคากการณ์อย่างไรให้ดูมีเหตุผล
คำถามที่ผมสงสัยคือ มีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหนครับที่จะต้องพยายามคาดการณ์
ทุกๆตัวอย่างละเอียด และบางตัวที่ดูยากที่จะคาดการณ์ได้อย่างมีเหตุผลผมควรทำยังไงกับมันครับ
หรือผมควรจะเลี่ยงมาใช้ PE , Dividend Discount Model หรือ Residual Income ในการหา Valuation
แทน FCFF ดีครับ (โดยส่วนตัวแล้วผมชอบวิธี PE กับ Residual Income มากกว่า เนื่องจากใช้แค่
Income Statement ซึ่งผมคิดว่าสามารถคากการณ์ได้น่าเชื่อถือกว่า Cash Flow)
สุดท้ายมีหนังสือดีเกี่ยวกับการคาดการณ์งบการเงินแนะนำบ้างมั้ยครับ
