การขับรถ กับ การเป็น VI
- OutOfMyMind
- Verified User
- โพสต์: 1232
- ผู้ติดตาม: 0
การขับรถ กับ การเป็น VI
โพสต์ที่ 1
หลังตลาดขยับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 จากก้นเหวเมื่อหลายปีก่อน จนบางท่านอาจหลงลืมไปว่าทุกอย่างมีขึ้นก็มีลง บางตัวขึ้นไปไกลเกินพื้นฐาน มันก็ต้องลงเป็นธรรมดา มันเป็นหลักการลงทุนพื้นฐาน และก็เป็นหลักการดำรงชีวิตพื้นฐาน ไม่มีใครหนีพ้นตรงนี้ หากทุกคนรู้ว่ามันจะขึ้นไปถึงเท่าใด และมันจะลงเมื่อไร ในโลกนี้ทุกคนก็คงจะรวยหรือจนเหมือน ๆ กันหมด การคาดการณ์เราจะรู้อนาคตนั้นจึงเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
การที่หุ้นบางตัวราคาเหวี่ยงขึ้นลงอย่างรุนแรง อาจทำให้ใจเรารับไม่ได้ในบางครั้ง เราอาจจะโกรธคนที่ให้ข้อมูลในแง่ดี ทำให้เราเคลิบเคลิ้ม มารู้ตัวอีกทีราคาลงหนัก ตกลงว่าเขาหลอกเราหรือ ถ้างั้นเราควรลบความเห็นที่เชียร์กันมากเกินไปหรือ หรือควรจะลบให้หมดทั้งเชียร์ ทั้งเตือน หรือไม่ควรมีบอร์ดไปเลย?? ผมว่ามันไปกันใหญ่นะครับ
ผมคิดง่าย ๆ แบบนี้ครับ
ตามสถิติแล้ว สาเหตุการตายอันดับ 1 & 2 จะเป็นการแย่งชิงตำแหน่งระหว่าง อุบัติเหตุ กับ โรคมะเร็ง+หัวใจ สำหรับโรคภัยไข้เจ็บนั้นก็ต้องพยายามรักษากันไป แต่อุบัติเหตุเล่า ถ้าเราไม่อยากให้คนขับรถชนตามจนเป็นสาเหตุให้การตายสูง เราเลิกใช้รถกันไปเลยดีไม๊
คำตอบคือมันไม่ได้หรอกครับ เพราะมันมีคุณอนันต์ และก็โทษมหันต์ เป็นของคู่กัน เพราะฉะนั้น ใครคิดจะขับรถก็ต้องระมัดระวัง อย่าซิ่งเกิน อย่าขาดสติ มองคันข้าง ๆ ข้างหน้า ด้วยว่าขับดีไม๊ อย่าไปขับตามเค้า แล้วพอมีปัญหา ก็มานั่งเสียใจ โทษรอบข้าง คือคิดจะขับรถ ก็ต้องเตรียมรับผลของมัน
เมื่อคิดจะขับรถ และผล downside มีเยอะ หลายท่านก็ทำประกันภัย ก่อนจะขับรถ ก็ต้องหาความรู้ในการขับรถ ไปสอบใบขับขี่ อย่าซื้อ อ่านกฏจราจรให้เข้าใจ ศึกษารถที่จะขับ ทำความคุ้นเลย พวกนี้ยิ่งสะสมมาก ก็จะเป็น MOS ให้เรา
การเป็น VI ก็เหมือนกันครับ มันทำเงินและให้ความสนุกสนาน และหากพลาดเราก็ขาดทุน แต่จะให้เลิกแลกเปลียนความรู้ หรือแลกเปลี่ยนแล้วพลาดมาเสียดสีคนให้ข้อมูล ผมว่ามันไม่สร้างสรรค์ ต่อไป ทุกคนก็ปิดข้อมูลหมด ไม่สามารถใช้ wisdom of the crowd ให้เกิดประโยชน์ได้
เราต้องหาความรู้ ศึกษาวิธีคิดแบบ VI ให้ดี ก่อนลงมือขับ อย่าเห็นเซียนซิ่งพอร์ช แล้ว โดดขึ้นพอร์ชซิ่งตาม เรามีใบขับขี่หรือยัง เคยอ่านและทดสอบตัวเองหรือไม่ว่าเราเข้าใจการลงทุนดีหรือยัง ก่อนเข้ามาขับรถ โปรดศึกษาให้หนัก บอร์ดนี้อ่านฟรี หนังสือก็มีให้ซื้ออ่าน โปรดอย่าเสี่ยงนำเงินของเรามาละลาย
แม้ว่าผมจะไม่มีบทบาทกับ TVI เท่าไร เป็นแค่สมาชิกธรรมดาคนหนึ่ง แต่ผมชื่นชมทีมงาน และ พี่หลาย ๆ ท่านที่เอื้อเฟื้อมาตลอด ทุกคนผิดได้ พลาดได้ ท่านอาจเปลี่ยนใจ วันนี้เขียนเชียร์ พรุ่งนี้เปลี่ยนใจขายไปหาตัวที่ดีกว่า ผมว่าไม่แปลก มีใครไม่เคยเปลี่ยนใจบ้าง หากคิดจะลงทุนต้องยอมรับผลของมัน มันเสี่ยงครับ หรือไม่ก็ควรฝากไว้ในมืออาชีพ เช่นซื้อกองทุน index ไปเลย จะปลอดภัยกว่า สำหรับท่านที่มาหลอก แล้วเราจับได้ ต่อไปก็อย่างไปฟังเขาอีก แต่ส่วนใหญ่ ผมว่าสังคม TVI เป็นสังคมที่จริงใจ มาก ๆ เลยทีเดียว
มาร่วมกันเป็น VI ทีดีกันเถอะครับ
การที่หุ้นบางตัวราคาเหวี่ยงขึ้นลงอย่างรุนแรง อาจทำให้ใจเรารับไม่ได้ในบางครั้ง เราอาจจะโกรธคนที่ให้ข้อมูลในแง่ดี ทำให้เราเคลิบเคลิ้ม มารู้ตัวอีกทีราคาลงหนัก ตกลงว่าเขาหลอกเราหรือ ถ้างั้นเราควรลบความเห็นที่เชียร์กันมากเกินไปหรือ หรือควรจะลบให้หมดทั้งเชียร์ ทั้งเตือน หรือไม่ควรมีบอร์ดไปเลย?? ผมว่ามันไปกันใหญ่นะครับ
ผมคิดง่าย ๆ แบบนี้ครับ
ตามสถิติแล้ว สาเหตุการตายอันดับ 1 & 2 จะเป็นการแย่งชิงตำแหน่งระหว่าง อุบัติเหตุ กับ โรคมะเร็ง+หัวใจ สำหรับโรคภัยไข้เจ็บนั้นก็ต้องพยายามรักษากันไป แต่อุบัติเหตุเล่า ถ้าเราไม่อยากให้คนขับรถชนตามจนเป็นสาเหตุให้การตายสูง เราเลิกใช้รถกันไปเลยดีไม๊
คำตอบคือมันไม่ได้หรอกครับ เพราะมันมีคุณอนันต์ และก็โทษมหันต์ เป็นของคู่กัน เพราะฉะนั้น ใครคิดจะขับรถก็ต้องระมัดระวัง อย่าซิ่งเกิน อย่าขาดสติ มองคันข้าง ๆ ข้างหน้า ด้วยว่าขับดีไม๊ อย่าไปขับตามเค้า แล้วพอมีปัญหา ก็มานั่งเสียใจ โทษรอบข้าง คือคิดจะขับรถ ก็ต้องเตรียมรับผลของมัน
เมื่อคิดจะขับรถ และผล downside มีเยอะ หลายท่านก็ทำประกันภัย ก่อนจะขับรถ ก็ต้องหาความรู้ในการขับรถ ไปสอบใบขับขี่ อย่าซื้อ อ่านกฏจราจรให้เข้าใจ ศึกษารถที่จะขับ ทำความคุ้นเลย พวกนี้ยิ่งสะสมมาก ก็จะเป็น MOS ให้เรา
การเป็น VI ก็เหมือนกันครับ มันทำเงินและให้ความสนุกสนาน และหากพลาดเราก็ขาดทุน แต่จะให้เลิกแลกเปลียนความรู้ หรือแลกเปลี่ยนแล้วพลาดมาเสียดสีคนให้ข้อมูล ผมว่ามันไม่สร้างสรรค์ ต่อไป ทุกคนก็ปิดข้อมูลหมด ไม่สามารถใช้ wisdom of the crowd ให้เกิดประโยชน์ได้
เราต้องหาความรู้ ศึกษาวิธีคิดแบบ VI ให้ดี ก่อนลงมือขับ อย่าเห็นเซียนซิ่งพอร์ช แล้ว โดดขึ้นพอร์ชซิ่งตาม เรามีใบขับขี่หรือยัง เคยอ่านและทดสอบตัวเองหรือไม่ว่าเราเข้าใจการลงทุนดีหรือยัง ก่อนเข้ามาขับรถ โปรดศึกษาให้หนัก บอร์ดนี้อ่านฟรี หนังสือก็มีให้ซื้ออ่าน โปรดอย่าเสี่ยงนำเงินของเรามาละลาย
แม้ว่าผมจะไม่มีบทบาทกับ TVI เท่าไร เป็นแค่สมาชิกธรรมดาคนหนึ่ง แต่ผมชื่นชมทีมงาน และ พี่หลาย ๆ ท่านที่เอื้อเฟื้อมาตลอด ทุกคนผิดได้ พลาดได้ ท่านอาจเปลี่ยนใจ วันนี้เขียนเชียร์ พรุ่งนี้เปลี่ยนใจขายไปหาตัวที่ดีกว่า ผมว่าไม่แปลก มีใครไม่เคยเปลี่ยนใจบ้าง หากคิดจะลงทุนต้องยอมรับผลของมัน มันเสี่ยงครับ หรือไม่ก็ควรฝากไว้ในมืออาชีพ เช่นซื้อกองทุน index ไปเลย จะปลอดภัยกว่า สำหรับท่านที่มาหลอก แล้วเราจับได้ ต่อไปก็อย่างไปฟังเขาอีก แต่ส่วนใหญ่ ผมว่าสังคม TVI เป็นสังคมที่จริงใจ มาก ๆ เลยทีเดียว
มาร่วมกันเป็น VI ทีดีกันเถอะครับ
แชทบอทสำหรับนักลงทุนเน้นคุณค่า
https://www.chathoon.com/
https://www.chathoon.com/
-
- Verified User
- โพสต์: 4337
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การขับรถ กับ การเป็น VI
โพสต์ที่ 2
การลงทุนแนวเน้นคุณค่า ผมมองว่าไม่มีโอกาสขาดทุน
เพราะผมลงทุนในบที่ดี มีการจ่ายปันผลคุ้มกับเงินที่ผมลงไป
หุ้นมีราคาสูงขึ้นเป็นผลพลอยได้
เคยมีคนบอกว่าถ้าเราขับรถพยายามมองไปข้างหน้าอย่ามองกระจกส่องหลัง
ยกเว้นเมื่อเราต้องการเปลี่ยนทิศทาง
ลงทุนแนวเน้นคุณค่าจะเหมือนเต่าครับ
ท่านที่ลงทุนแนวบเติบโตเร็วหรือบturn aroundเหมือนกระต่ายครับ
แต่ความเสียว ความเสี่ยงเราต้องรับได้
ผมชอบลงทุนแนวGRAHAMM,BUFFETT,NEFF
เพราะผมลงทุนในบที่ดี มีการจ่ายปันผลคุ้มกับเงินที่ผมลงไป
หุ้นมีราคาสูงขึ้นเป็นผลพลอยได้
เคยมีคนบอกว่าถ้าเราขับรถพยายามมองไปข้างหน้าอย่ามองกระจกส่องหลัง
ยกเว้นเมื่อเราต้องการเปลี่ยนทิศทาง
ลงทุนแนวเน้นคุณค่าจะเหมือนเต่าครับ
ท่านที่ลงทุนแนวบเติบโตเร็วหรือบturn aroundเหมือนกระต่ายครับ
แต่ความเสียว ความเสี่ยงเราต้องรับได้
ผมชอบลงทุนแนวGRAHAMM,BUFFETT,NEFF
- CHOOKY
- Verified User
- โพสต์: 540
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การขับรถ กับ การเป็น VI
โพสต์ที่ 6
ขอบคุณ ครับ กับข้อความดีๆ
"ค้นหาคุณค่าให้พบ แล้วซื้อหุ้นกิจการที่ดีนั้น ซึ่งมีกำไรต่อเนื่อง ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ ในเวลาที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ และถือมันไว้ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดี และยังมีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง"
-
- Verified User
- โพสต์: 91
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การขับรถ กับ การเป็น VI
โพสต์ที่ 12
เห็นด้วยและเป็นกำลังใจให้ทุกคนครับ
อยากเห็นการคุยที่เป็นมิตรกลับมาในเว็บ
ทุกคนมีเหตุผลหมดในใจลึกๆเล่นหุ้นอยากกำไรทุกคน
แต่ขับรถไม่เป็นแล้วก็ขึ้นรถที่มีป้ายในอดีตบอกว่าโปรขับ
เลยอยากให้โปรพาไป โปรขับตั้งแต่กม100ไปได้200โลแล้วลง
เราไปขึ้นตอน300โลมันก็อาจจะแหกโค้งได้
หรือโปรอาจจะแหกโค้งตั้งแต่กม150ก็ได้
เราไม่รู้หรอก
ผมว่าขับรถเองต้องเป็น ยืมจมูกคนหายใจไม่ได้หรอก
อยากเห็นการคุยที่เป็นมิตรกลับมาในเว็บ
ทุกคนมีเหตุผลหมดในใจลึกๆเล่นหุ้นอยากกำไรทุกคน
แต่ขับรถไม่เป็นแล้วก็ขึ้นรถที่มีป้ายในอดีตบอกว่าโปรขับ
เลยอยากให้โปรพาไป โปรขับตั้งแต่กม100ไปได้200โลแล้วลง
เราไปขึ้นตอน300โลมันก็อาจจะแหกโค้งได้
หรือโปรอาจจะแหกโค้งตั้งแต่กม150ก็ได้
เราไม่รู้หรอก
ผมว่าขับรถเองต้องเป็น ยืมจมูกคนหายใจไม่ได้หรอก
เราเป็นเม่า ถ้าตามไม่ดู
เราเป็นเม่า ถ้าไม่รู้
เราเป็นเม่า แน่ๆ ถ้ารู้ว่าเล่นกับไฟ แล้วยังเล่น
เราเป็นนกฟินิกส์ ถ้าเราตามแล้วคิดพิจารณา แบบมีความรู้ และ เล่นกับสิ่งที่เราเข้าใจ !
เราเป็นเม่า ถ้าไม่รู้
เราเป็นเม่า แน่ๆ ถ้ารู้ว่าเล่นกับไฟ แล้วยังเล่น
เราเป็นนกฟินิกส์ ถ้าเราตามแล้วคิดพิจารณา แบบมีความรู้ และ เล่นกับสิ่งที่เราเข้าใจ !
- SupachaiZ594
- Verified User
- โพสต์: 834
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การขับรถ กับ การเป็น VI
โพสต์ที่ 13
+1 ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 315
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การขับรถ กับ การเป็น VI
โพสต์ที่ 17
เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ
และขอให้กำลังใจทีมงานที่สรรสร้างสิ่งดีๆ ในบอร์ดแห่งนี้ครับ
และขอให้กำลังใจทีมงานที่สรรสร้างสิ่งดีๆ ในบอร์ดแห่งนี้ครับ
-----------------------------------------
เกิดเหตุอะไร อย่าตื่นใจ ไปตามเขา
ปัญญาเรา มีหน้าที่ พิพากษา
ต้องดูน้ำ ดูลม ระดมมา
พิจารณา เชิงชั้น หมั่นตริตรอง
-----------------------------------------
ท่านพุทธทาสภิกขุ
เกิดเหตุอะไร อย่าตื่นใจ ไปตามเขา
ปัญญาเรา มีหน้าที่ พิพากษา
ต้องดูน้ำ ดูลม ระดมมา
พิจารณา เชิงชั้น หมั่นตริตรอง
-----------------------------------------
ท่านพุทธทาสภิกขุ
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การขับรถ กับ การเป็น VI
โพสต์ที่ 21
ในอีกมุมมองนึง ผมมองว่า...
เราไม่ใช่ "ผู้ขับ" ครับ แต่เราเป็นเพียง "ผู้โดยสาร"
"CEO ของบริษัทฯ" เปรียบเสมือน "โชเฟอร์" หรือ "คนขับรถ"
ซึ่งถ้าผมไม่ไว้ใจเค้า ผมจะไม่ขึ้นนั่งรถของเค้าเด็ดขาด!!!
ประสบการณ์ของคนขับรถย่อมมีความสำคัญในอันดับต้นๆ
เพราะคนขับบางคนก็ขับรถซิ่งเกินไป ,บางคนขับรถเหมือนเมายาบ้า ในขณะที่บางคนก็อาจจะขับช้าเกินไป(ปลอดภัยสุดๆ แต่ขับเหมือนเต่าคลาน)
ผมจะเลือกคนขับรถที่มี "จริต" เข้ากับเราได้ดีอ่ะนะครับ
"กลยุทธ์ที่บริษัทฯเลือกใช้" ก็เปรียบเสมือน "Destination หรือจุดมุ่งหมายที่เค้าจะขับรถพาเราไป"
ถ้ามันฟังแล้วดูดี ผมฟังแล้วอยากไป ผมก็คงจะขอติดรถไปกับเค้าอ่ะนะครับ
ผมมองว่า...
ถ้ารักจะไปด้วยกัน มันต้อง "เชื่อมือ" , "เชื่อใจ" และ "ไว้วางใจ" กัน
"จะติดรถไปกับใคร...ต้องไว้ใจคนขับ
จะตัดผมกับใคร...ก็ต้องเชื่อใจช่างตัดผมเช่นกัน"
ไม่เช่นนั้น....อาจจะ "นั่งไป เสียวไป!!!"
ผมว่า...
ถ้านั่งไป เสียวไป สวดมนต์ไป มันมีความสุขยากอ่ะนะขอรับ
เราไม่ใช่ "ผู้ขับ" ครับ แต่เราเป็นเพียง "ผู้โดยสาร"
"CEO ของบริษัทฯ" เปรียบเสมือน "โชเฟอร์" หรือ "คนขับรถ"
ซึ่งถ้าผมไม่ไว้ใจเค้า ผมจะไม่ขึ้นนั่งรถของเค้าเด็ดขาด!!!
ประสบการณ์ของคนขับรถย่อมมีความสำคัญในอันดับต้นๆ
เพราะคนขับบางคนก็ขับรถซิ่งเกินไป ,บางคนขับรถเหมือนเมายาบ้า ในขณะที่บางคนก็อาจจะขับช้าเกินไป(ปลอดภัยสุดๆ แต่ขับเหมือนเต่าคลาน)
ผมจะเลือกคนขับรถที่มี "จริต" เข้ากับเราได้ดีอ่ะนะครับ
"กลยุทธ์ที่บริษัทฯเลือกใช้" ก็เปรียบเสมือน "Destination หรือจุดมุ่งหมายที่เค้าจะขับรถพาเราไป"
ถ้ามันฟังแล้วดูดี ผมฟังแล้วอยากไป ผมก็คงจะขอติดรถไปกับเค้าอ่ะนะครับ
ผมมองว่า...
ถ้ารักจะไปด้วยกัน มันต้อง "เชื่อมือ" , "เชื่อใจ" และ "ไว้วางใจ" กัน
"จะติดรถไปกับใคร...ต้องไว้ใจคนขับ
จะตัดผมกับใคร...ก็ต้องเชื่อใจช่างตัดผมเช่นกัน"
ไม่เช่นนั้น....อาจจะ "นั่งไป เสียวไป!!!"
ผมว่า...
ถ้านั่งไป เสียวไป สวดมนต์ไป มันมีความสุขยากอ่ะนะขอรับ
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
- PRO_BABY
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1584
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การขับรถ กับ การเป็น VI
โพสต์ที่ 22
มุมมองถ้าเปรียบการเป็น vi กับการขับรถ
_ผมว่าถ้าเปรียบบริษัทเป็นรถ เราก็คือเจ้าของรถครับ ผู้ถือหุ้นเสมือนเจ้าของรถ ไม่ใช่เป็นเพียงผู้โดยสาร เจ้าของรถจำเป็นจะต้องรู้ถึงข้อมูลหลักๆของรถให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นระบบต่างๆ เวลารถมีปัญหา รถเสีย ต้องซ่อมต้องเปลี่ยน เรารู้ราคาค่าบริการได้ยิ่งดี จะไม่ได้ถูกคนขับ หลอกกินเงิน ใช้ไปไหนที กว่าจะได้เรื่องเป็นวันๆ ให้ขับรถให้ ก็เงอะๆงะๆ ถึงจุดหมายปลายทาง แต่ช้า ไม่ทันเวลา ไม่ทันไรก็ขอขึ้นเงินเดือน รถขั้วแบตหลุดก็เอาไปซ่อม แบบนี้ไม่ไหว ถ้าไม่ดีสุดท้ายเราก็ให้ออกแล้วหาคนอื่นมาแทน ซึ่งง่ายเพราะเราเป็นคนควบคุม
_ในการลงทุนเราก็ต้องรู้ถึงการบริหารจัดการ ต่างๆของบริษัท สินค้า รายได้ ค่าใช้จ่าย ความเสี่ยง ฯลฯ เวลาผู้บริหารจะทำโครงการอะไรเราก็ต้องประเมินได้ว่าคุ้มไม่คุ้ม หรือผู้บริหารใช้เงินไม่ถูกต้อง ไซฟ่อน ส่วน ผู้บริหารที่ผลงานแย่ๆ แต่ขอปรับเงินเดือนตัวเองตลอด ออกหุ้นให้ตัวเอง วันๆคิดแต่เรื่องจะใช้เงิน ทำตัวเหมือนเป็นหน่วยงานรัฐ แบบนี้ถ้าเราไล่ออกไม่ได้เราก็ต้องขายหุ้นทิ้ง
สรุปเราควรจะรู้ แล้วก็เข้าใจให้มากที่สุด มากพอที่จะประเมินได้ว่า ผู้บริหาร กำลังทำบางอย่างนอกลู่นอกทางหรือเปล่า "ไว้ใจ แต่ไม่วางใจ" เช่นเดียวกับการใช้คนขับรถ การเดินทางถ้าเรารู้เส้นทาง รู้ข้อมูลรถที่เราใช้ เกิดอะไรขึ้นเราก็จะได้รู้ ไม่ใช่หวังพึ่งคนขับเท่านั้น เพราะคนขับบางทีมันเป็นคนไม่ดี ในบางครั้งอาจทำอะไรไม่ดีเราจะได้รู้ทัน
_ผมว่าถ้าเปรียบบริษัทเป็นรถ เราก็คือเจ้าของรถครับ ผู้ถือหุ้นเสมือนเจ้าของรถ ไม่ใช่เป็นเพียงผู้โดยสาร เจ้าของรถจำเป็นจะต้องรู้ถึงข้อมูลหลักๆของรถให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นระบบต่างๆ เวลารถมีปัญหา รถเสีย ต้องซ่อมต้องเปลี่ยน เรารู้ราคาค่าบริการได้ยิ่งดี จะไม่ได้ถูกคนขับ หลอกกินเงิน ใช้ไปไหนที กว่าจะได้เรื่องเป็นวันๆ ให้ขับรถให้ ก็เงอะๆงะๆ ถึงจุดหมายปลายทาง แต่ช้า ไม่ทันเวลา ไม่ทันไรก็ขอขึ้นเงินเดือน รถขั้วแบตหลุดก็เอาไปซ่อม แบบนี้ไม่ไหว ถ้าไม่ดีสุดท้ายเราก็ให้ออกแล้วหาคนอื่นมาแทน ซึ่งง่ายเพราะเราเป็นคนควบคุม
_ในการลงทุนเราก็ต้องรู้ถึงการบริหารจัดการ ต่างๆของบริษัท สินค้า รายได้ ค่าใช้จ่าย ความเสี่ยง ฯลฯ เวลาผู้บริหารจะทำโครงการอะไรเราก็ต้องประเมินได้ว่าคุ้มไม่คุ้ม หรือผู้บริหารใช้เงินไม่ถูกต้อง ไซฟ่อน ส่วน ผู้บริหารที่ผลงานแย่ๆ แต่ขอปรับเงินเดือนตัวเองตลอด ออกหุ้นให้ตัวเอง วันๆคิดแต่เรื่องจะใช้เงิน ทำตัวเหมือนเป็นหน่วยงานรัฐ แบบนี้ถ้าเราไล่ออกไม่ได้เราก็ต้องขายหุ้นทิ้ง
สรุปเราควรจะรู้ แล้วก็เข้าใจให้มากที่สุด มากพอที่จะประเมินได้ว่า ผู้บริหาร กำลังทำบางอย่างนอกลู่นอกทางหรือเปล่า "ไว้ใจ แต่ไม่วางใจ" เช่นเดียวกับการใช้คนขับรถ การเดินทางถ้าเรารู้เส้นทาง รู้ข้อมูลรถที่เราใช้ เกิดอะไรขึ้นเราก็จะได้รู้ ไม่ใช่หวังพึ่งคนขับเท่านั้น เพราะคนขับบางทีมันเป็นคนไม่ดี ในบางครั้งอาจทำอะไรไม่ดีเราจะได้รู้ทัน