กฏ 3 ข้อของ ปู่เบน

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
imerlot
Verified User
โพสต์: 2686
ผู้ติดตาม: 0

กฏ 3 ข้อของ ปู่เบน

โพสต์ที่ 1

โพสต์

Benjamin Graham: Three Timeless Principles
Daniel Myers, Investopedia, 02.23.09, 06:00 PM EST
http://www.forbes.com/2009/02/23/graham ... raham.html

มือใหม่ชอบแนวVI ..ได้ตาม link:
แปลย่อ..สำนวนอาจไม่เหมือน

1. ต้องมีพี่MOSรูปหล่อเสมอ..นะจ๊ะ

2. คาดว่า"คุณตลาด-มิสเตอร์มาร์เก็ตMR MARKET"จะผันผวน และกำไรจากมัน..
หรือ ตลาด ขึ้น1ขึ้น2ขึ้น3 แล้วก็ ลง1ลง2ลง3 คุณจะซื้อตรงไหนละ

3. รู้ว่า เราเก่ง Active หรือ Passive
คือมีเวลาติดตามข้อมูล หรือไม่มี
ถ้าไม่มีก็ DefensiveแบบPassive ซื้อ 30ตัวเลย กระจายพอๆกัน
ได้ผลตอบแทนเท่าตลาด ก็สุดหรูแล้ว เช่น ปีก่อนนี้ ตลาดไทย ขึ้น+40%
บวก ถ้าเข้า..ซื้อ ตอนข้อ2ที่ MR.MARKET ลง3
ส่วนถ้ามีเวลาก็แบบActiveข้อมูลลึกๆMOSสูงๆแล้วก็ ตีแตกก็ได้ (ผิดถูกขออภัย)
send
Verified User
โพสต์: 322
ผู้ติดตาม: 0

Re: กฏ 3 ข้อของ ปู่เบน

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ขอบคุณครับ :D
การเปลี่ยนแปลง เริ่มต้นจากการยอมรับ
sarawut_p
Verified User
โพสต์: 304
ผู้ติดตาม: 0

Re: กฏ 3 ข้อของ ปู่เบน

โพสต์ที่ 3

โพสต์

2. คาดว่า"คุณตลาด-มิสเตอร์มาร์เก็ตMR MARKET"จะผันผวน และกำไรจากมัน..
หรือ ตลาด ขึ้น1ขึ้น2ขึ้น3 แล้วก็ ลง1ลง2ลง3 คุณจะซื้อตรงไหนละ

ควรจะซื้อตรงไหนครับ ตอนลง ๓ หรือเปล่าครับ
Go within, be at peace.
imerlot
Verified User
โพสต์: 2686
ผู้ติดตาม: 0

Re: กฏ 3 ข้อของ ปู่เบน

โพสต์ที่ 4

โพสต์

buffet บอกว่า ในชีวิต การลงทุน 10-20ปี
คุณจะ พบตลาด ลงใหญ่ 3-4 ครั้ง
และ
" Cash combined with courage in a time of crisis is priceless." -Warren Buffett
(ผู้ โพสต์: แสดงว่า ถือเงินสดบ้างไว้ซื้อ ยามหุ้นลงหนักๆ อย่างปี2008ต.ค.-พ.ย มีBIG CAP เต็มport ไม่มีเงินสดเลย ขายก็ไม่ได้ เพราะลงเร็วมาก=“Maintain buying reserves")

“An argument is made that there are just too many question marks about the near future; wouldn’t it be better to wait until things clear up a bit? You know the prose: “Maintain buying reserves until current uncertainties are resolved,” etc. Before reaching for that crutch, face up to two unpleasant facts: The future is never clear and you pay a very high price for a cheery consensus. Uncertainty actually is the friend of the buyer of long-term values.” -Warren Buffett

ลง3 หรือเปล่า ดูราคาหุ้นปี2551
ที่มา
http://www.stock2morrow.com/showthread.php?t=2474
รูปภาพ

ตอนนั้นผม ติดทุน ณ2551 TOP ทุน 90กว่า PTTAR ทุน40 ราคาตลาดดูซิ 2551 TOP=23.60 PTTAR=9.8 Port แดงโล่เป็นbigcapทั้ง PORT ไม่มีเงินสด
ตอนนั้น ไม่เคยไ้ด้ยิน คำว่า VI ด้วยซ้ำ รู้จัก แต่ CAPM ไม่ช่วยอะไรเลย
เพราะ เมื่อ ตลาดลง-40% หุ้นเกือบ 80% ของตลาด ก็ต้องลง -40% ยิ่งกระจายหุ้นใน BIGCAP มาก ก็ใกล้กับ ตลากเท่านั้น ยิ่งเป็นหุ้น beta สูงด้วย โอ้โห ห้ามขายเด็ดขาด
ทนถือมา 51-53 3 ปี เพิ่งกลับมาที่เดิมได้

แต่ถ้าคุณเป็น VI พันธ์แท้ ตอนนั้นราคา cpall=12.30 และงบสวย
เพราะกำไร เพิ่ม 3X
กำไรสุทธิ ปี50= 1,460.47 ปี51=3,301.47
อย่างที่ท่าน ดร. ทำ..ให้ดู
มันกลายเป็นโอกาสทองไป..
ส่วน คนอื่นในตลาด รวมถึงกองทุนส่วนใหญ่ port 9vooyhodH -40% กันทั่วหน้า
VI เป็นแนวทางที่ให้ ผลตอบแทนเหนือ ตลาดจริง
เสียดายอย่างเดียวคือรู้ช้าไปหน่อย...
imerlot
Verified User
โพสต์: 2686
ผู้ติดตาม: 0

Re: กฏ 3 ข้อของ ปู่เบน

โพสต์ที่ 5

โพสต์

แต่ถ้าตอน นั้น คุณ ไป ซื้อ RATCH ปี51=42.75 และ BECLปี51=17.30 ถือมาถึงตอนนี้ ก็จะได้ปันผลสูงกว่า Bank แน่นอน แต่ Capital Gain ก็จะน้อยไปหน่อย

แต่ลงดู CPFปี51=3.18 ปี53=24.70 =7.76X
หรือ TUFปี51=19.3 ณสิ้นปี53=52.50 =2.7x
หรือ TCAPปี51=7.05 และมีBVมูลค่าหุ้นทางบัญชีต่อหุ้น (บาท)ปี51=19.69 ราคาปี53=36 =5.1x
ฺซึ่ง ทำให้ต้องกลับมาทบทวนครั้งใหญ่

ิีbuffet 40 ปี
รูปภาพ
ที่มา
http://allfinancialmatters.com/2010/03/ ... years-ago/

จากข้อมูล Link ดังกล่าว
ผลตอบแทนเฉลี่ย
1967-2007 ของ Berkshire =24.73%
1967-2009 ของ Berkshire =22.39%
เพราะว่า ปี 2008 เกิด subprime -31.78%

สูงสุดของ 1967-2009 นั้น 129.27% ต่ำสุดอยู่ที่ -48.72% เฉลี่ย=22.39%

ราคาหุ้นปี 1967 อยู่ที่ $20.50
ราคาหุ้นปี 2010 อยู่ที่ $122,537
It is important to note that Berkshire is currently trading at 122,537 per share, which is up 23.53% so far in 2010. That brings the average annual rate of return back up to 22.89% over the last 42.19 years.

***
วิเคราะห์ดังนี้:
1) ช่วง10ปี แรก:
1967-1977 จาก $20.50 ไปเป็น $138
138/20.50 = 6.731 เท่า

2) ช่วง 20ปีแรก:
10ปี ที่2 1977-1987 จาก $138 ไปเป็น $2950 2950/138 = 21.376 เท่า
21.376เท่า x 6.731 เท่า =143.88 เท่า

หรือ 2950/20.50 = 143.90 เท่า

3) ช่วง 30ปีแรก:
10ปี ที่3 1987-1997 จาก $2950 ไปเป็น $46,000 46000/2950 = 15.59 เท่า
15.59เท่า x 143.88เท่า = 2,243.55 เท่า

หรือ 46,000/20.50 = 2,243.90 เท่า

4) ช่วง 40ปีแรก:
10ปี ที่4 1997-2007 จาก $46,000 ไปเ็ป็น $141,600
141,600/46,000 = 3.078 เท่า
3.078เท่า x 2,243.55 เท่า = 6,906.23 เท่า

หรือ $141,600/20.50 = 6,907.31 เท่า
*****
สรุปว่า ต้องหาวิธีว่า ทำอย่างไร จึง จะได้ผลตอบแทน ต่อเนื่อง ทบต้นเฉลี่ยให้ได้ 20-30% อย่างต่อเนื่องและยาวนานจึงจะเป็น VI ที่แท้จริง
harikung
Verified User
โพสต์: 2232
ผู้ติดตาม: 0

Re: กฏ 3 ข้อของ ปู่เบน

โพสต์ที่ 6

โพสต์

imerlot เขียน:buffet บอกว่า ในชีวิต การลงทุน 10-20ปี
คุณจะ พบตลาด ลงใหญ่ 3-4 ครั้ง
และ
" Cash combined with courage in a time of crisis is priceless." -Warren Buffett
(ผู้ โพสต์: แสดงว่า ถือเงินสดบ้างไว้ซื้อ ยามหุ้นลงหนักๆ อย่างปี2008ต.ค.-พ.ย มีBIG CAP เต็มport ไม่มีเงินสดเลย ขายก็ไม่ได้ เพราะลงเร็วมาก=“Maintain buying reserves")

“An argument is made that there are just too many question marks about the near future; wouldn’t it be better to wait until things clear up a bit? You know the prose: “Maintain buying reserves until current uncertainties are resolved,” etc. Before reaching for that crutch, face up to two unpleasant facts: The future is never clear and you pay a very high price for a cheery consensus. Uncertainty actually is the friend of the buyer of long-term values.” -Warren Buffett

ลง3 หรือเปล่า ดูราคาหุ้นปี2551
ที่มา
http://www.stock2morrow.com/showthread.php?t=2474
รูปภาพ

ตอนนั้นผม ติดทุน ณ2551 TOP ทุน 90กว่า PTTAR ทุน40 ราคาตลาดดูซิ 2551 TOP=23.60 PTTAR=9.8 Port แดงโล่เป็นbigcapทั้ง PORT ไม่มีเงินสด
ตอนนั้น ไม่เคยไ้ด้ยิน คำว่า VI ด้วยซ้ำ รู้จัก แต่ CAPM ไม่ช่วยอะไรเลย
เพราะ เมื่อ ตลาดลง-40% หุ้นเกือบ 80% ของตลาด ก็ต้องลง -40% ยิ่งกระจายหุ้นใน BIGCAP มาก ก็ใกล้กับ ตลากเท่านั้น ยิ่งเป็นหุ้น beta สูงด้วย โอ้โห ห้ามขายเด็ดขาด
ทนถือมา 51-53 3 ปี เพิ่งกลับมาที่เดิมได้

แต่ถ้าคุณเป็น VI พันธ์แท้ ตอนนั้นราคา cpall=12.30 และงบสวย
เพราะกำไร เพิ่ม 3X
กำไรสุทธิ ปี50= 1,460.47 ปี51=3,301.47
อย่างที่ท่าน ดร. ทำ..ให้ดู
มันกลายเป็นโอกาสทองไป..
ส่วน คนอื่นในตลาด รวมถึงกองทุนส่วนใหญ่ port 9vooyhodH -40% กันทั่วหน้า
VI เป็นแนวทางที่ให้ ผลตอบแทนเหนือ ตลาดจริง
เสียดายอย่างเดียวคือรู้ช้าไปหน่อย...
เห็นตารางนี้แล้วปวดใจ ทำไมเราไม่สนใจลงทุนในหุ้นตั้งแต่สองสามปีที่แล้วน้ออ
นักเลงคีย์บอร์ด4.0
yy
Verified User
โพสต์: 6427
ผู้ติดตาม: 0

Re: กฏ 3 ข้อของ ปู่เบน

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ถ้าเห็นตั้งแต่ตอนนั้น
แล้ว .. กล้าซื้อไหมครับ
คนที่รู้ว่าตัวเองยังไม่รู้ ย่อมมีโอกาสเรียนรู้
nut776
Verified User
โพสต์: 3350
ผู้ติดตาม: 0

Re: กฏ 3 ข้อของ ปู่เบน

โพสต์ที่ 8

โพสต์

ตอนนั้น หลงเมีย ไม่มีเวลาดูหุ้นคับ
อดรวยเลย
show me money.
โพสต์โพสต์