บทเรียนห่านป่วย หุ้นไม่มี free float !
-
- Verified User
- โพสต์: 44
- ผู้ติดตาม: 0
บทเรียนห่านป่วย หุ้นไม่มี free float !
โพสต์ที่ 1
SOURCE: http://www.setindexnews.com/2011/03/22/17546
บทเรียน SCNYL ห่านป่วยหวัดนก VI ร้องระงม ราคา จาก 550 จะเหลือ เท่าไหร่ไม่รู้
เปอร์เซ็นต์การถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย เหลือแค่ 3.56 %
ใครถือ หุ้นห่าน แต่ % น้อยๆ เสี่ยงวัดใจ เจ้าของใหญ่ จะยังชอบ คำนำหน้า บมจ. อยู่หรือไม่ แบบ SCB
ผู้ถือหุ้นรายย่อยเคืองไทยพาณิชย์ (SCB) หลังขอเทนเดอร์ฯ SCNYL ที่ 266.89 บาทต่อหุ้น ชี้ราคาต่ำกว่ากระดานเกินครึ่ง บ่นอุบไม่ขายก็เหมือนถือกระดาษเปล่า เหตุถือแค่ 5.34% โบรกฯเชื่อประกันเสริมรายได้ค่าฟีโตไม่ยั้ง
จากการที่ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ได้ประกาศเจตนาในการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการของ บมจ.ไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์ประกันชีวิต (SCNYL) ซึ่งคาดว่าจะยื่นทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์อย่างเป็นทางการภายในวันที่ 29 มี.ค. 54 โดยจะเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดที่เหลืออยู่ 3,549,967 หุ้น คิดเป็น 5.34% ที่ราคา 266.89 บาท คาดว่ามูลค่าที่เสนอซื้อ 947,450,692.63 บาท
กลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อยได้รวมตัวกล่าวกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า ราคาหุ้น SCNYL เคยอยู่ที่ 400 บาท แต่ SCB กลับขอทำเทนเดอร์ฯที่ 266.89 บาทเท่านั้น ซึ่งราคาต่ำกว่ากระดานเกินครึ่ง โดยผู้ถือหุ้นรายย่อยคงทำอะไรไม่ได้มาก เนื่องจากถือกัน 5.34% เท่านั้น ซึ่งถ้าไม่ขายก็เท่ากับถือกระดาษเปล่าธรรมดา โดยอำนาจการบริหารยังไง SCB ก็มีอยู่เต็มประตู
“ราคาต่ำกว่ากระดานมาก แต่พวกเราก็ทำอะไรไม่ได้ ไม่ขายก็ถือกระดาษเปล่าๆ แต่ถ้าขายก็ขาดทุนอีก มันไม่มีทางเลือก ไม่เหมือน SICCO เพราะรายย่อยมีมาก ราคาต่ำกว่ากระดานก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องขายออกมา เพราะต้นทุนเรามากกว่า 4 บาท” กลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อยกล่าว
สำหรับการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นที่ผ่านมาได้อนุมัติให้ธนาคารเข้าซื้อ กิจการ บมจ.ไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์ (SCNYL) จากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 2 ราย คือ New York Life Internation LLC. และ บริษัท พีเอ็มซีซี (ประเทศไทย) จำกัด รวมจำนวน 31.475 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 47.33% ในราคาหุ้นละ 266.89 บาท รวมเป็นเงิน 8,400 ล้านบาท
นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เคยกล่าวไว้ว่า ภายในสัปดาห์นี้ขั้นตอนการซื้อหุ้นดังกล่าวจะแล้วเสร็จ และชำระเงินเสร็จสิ้น โดยงบการเงินรวมของ SCNYL และค่าใช้จ่ายจากการซื้อหุ้นจะเข้าอยู่ในงบรวมของธนาคารในไตรมาส 1/54 ทันที ในขณะเดียวกันยังไม่มีการพิจารณาที่จะนำ SCNYL เพิกถอนออกจากตลาดหุ้น ต้องให้กระบวนการซื้อขายเสร็จสิ้นก่อน
อย่างไรก็ตาม หลังการซื้อกิจการ SCNYL แล้วจะทำให้สินทรัพย์ของ SCB เพิ่มขึ้นอีก 6 หมื่นล้านบาท ในขณะเดียวกันจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหารจัดการ เนื่องจากทีมบริหารมีความเข้าใจในธุรกิจและการบริหารงานได้ดีอยู่แล้ว จะมีเพียงการเปลี่ยนแปลงกรรมการผู้จัดการของ SCNYL ที่จะมอบหมายให้นายบัณฑิต เจียมอนุกูลกิจ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโสขึ้นมารับตำแหน่งเพื่อให้โอกาสคนไทยเข้ามาบริ หารงาน
ด้าน บริษัท ไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เป็นหนึ่งในผู้นำในตลาดธุรกิจประกันชีวิตของประเทศ ในปี 2553 มีเบี้ยประกันรับสุทธิรวมมากกว่า 24,000 ล้านบาท และอัตราการเจริญเติบโตที่โดดเด่นและสูงกว่าตลาดมาตลอดระยะเวลา 11 ปีของการดำเนินงาน
นักวิเคราะห์แห่งหนึ่ง เปิดเผยว่า กรณีถ้าผู้ถือหุ้นรายย่อยไม่รับข้อเสนอจาก SCB ก็คงจะไม่มีปัญหาเหมือนกรณี SICCO เนื่องจากผู้ถือหุ้นรายย่อยมีจำนวนน้อยกว่าหุ้นที่ทั้ง 2 แห่งถืออยู่ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาผลประกอบการของ SCNYL ดูดีมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นสินทรัพย์รวม 66,219.06 ล้านบาทในปี 2553
โดยมีกำไรสุทธิ 2,115.35 ล้านบาทเมื่อปีที่แล้ว ส่วนกำไรต่อหุ้นก็อยู่ที่ 31.81 บาท ด้าน ROA อยู่ที่ 5.11% และ ROE 38.83% ซึ่งมีอัตรากำไรสุทธิ 7.81%
“ปีที่แล้วแบงก์แอสชัวรันซ์โตมาก โดยทำให้ค่าฟีของ SCB เพิ่มขึ้น 19% ซึ่งมาจากการขายประกันผ่านแบงก์ล้วนๆ”นักวิเคราะห์ กล่าว
บทเรียน SCNYL ห่านป่วยหวัดนก VI ร้องระงม ราคา จาก 550 จะเหลือ เท่าไหร่ไม่รู้
เปอร์เซ็นต์การถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย เหลือแค่ 3.56 %
ใครถือ หุ้นห่าน แต่ % น้อยๆ เสี่ยงวัดใจ เจ้าของใหญ่ จะยังชอบ คำนำหน้า บมจ. อยู่หรือไม่ แบบ SCB
ผู้ถือหุ้นรายย่อยเคืองไทยพาณิชย์ (SCB) หลังขอเทนเดอร์ฯ SCNYL ที่ 266.89 บาทต่อหุ้น ชี้ราคาต่ำกว่ากระดานเกินครึ่ง บ่นอุบไม่ขายก็เหมือนถือกระดาษเปล่า เหตุถือแค่ 5.34% โบรกฯเชื่อประกันเสริมรายได้ค่าฟีโตไม่ยั้ง
จากการที่ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ได้ประกาศเจตนาในการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการของ บมจ.ไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์ประกันชีวิต (SCNYL) ซึ่งคาดว่าจะยื่นทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์อย่างเป็นทางการภายในวันที่ 29 มี.ค. 54 โดยจะเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดที่เหลืออยู่ 3,549,967 หุ้น คิดเป็น 5.34% ที่ราคา 266.89 บาท คาดว่ามูลค่าที่เสนอซื้อ 947,450,692.63 บาท
กลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อยได้รวมตัวกล่าวกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า ราคาหุ้น SCNYL เคยอยู่ที่ 400 บาท แต่ SCB กลับขอทำเทนเดอร์ฯที่ 266.89 บาทเท่านั้น ซึ่งราคาต่ำกว่ากระดานเกินครึ่ง โดยผู้ถือหุ้นรายย่อยคงทำอะไรไม่ได้มาก เนื่องจากถือกัน 5.34% เท่านั้น ซึ่งถ้าไม่ขายก็เท่ากับถือกระดาษเปล่าธรรมดา โดยอำนาจการบริหารยังไง SCB ก็มีอยู่เต็มประตู
“ราคาต่ำกว่ากระดานมาก แต่พวกเราก็ทำอะไรไม่ได้ ไม่ขายก็ถือกระดาษเปล่าๆ แต่ถ้าขายก็ขาดทุนอีก มันไม่มีทางเลือก ไม่เหมือน SICCO เพราะรายย่อยมีมาก ราคาต่ำกว่ากระดานก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องขายออกมา เพราะต้นทุนเรามากกว่า 4 บาท” กลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อยกล่าว
สำหรับการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นที่ผ่านมาได้อนุมัติให้ธนาคารเข้าซื้อ กิจการ บมจ.ไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์ (SCNYL) จากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 2 ราย คือ New York Life Internation LLC. และ บริษัท พีเอ็มซีซี (ประเทศไทย) จำกัด รวมจำนวน 31.475 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 47.33% ในราคาหุ้นละ 266.89 บาท รวมเป็นเงิน 8,400 ล้านบาท
นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เคยกล่าวไว้ว่า ภายในสัปดาห์นี้ขั้นตอนการซื้อหุ้นดังกล่าวจะแล้วเสร็จ และชำระเงินเสร็จสิ้น โดยงบการเงินรวมของ SCNYL และค่าใช้จ่ายจากการซื้อหุ้นจะเข้าอยู่ในงบรวมของธนาคารในไตรมาส 1/54 ทันที ในขณะเดียวกันยังไม่มีการพิจารณาที่จะนำ SCNYL เพิกถอนออกจากตลาดหุ้น ต้องให้กระบวนการซื้อขายเสร็จสิ้นก่อน
อย่างไรก็ตาม หลังการซื้อกิจการ SCNYL แล้วจะทำให้สินทรัพย์ของ SCB เพิ่มขึ้นอีก 6 หมื่นล้านบาท ในขณะเดียวกันจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหารจัดการ เนื่องจากทีมบริหารมีความเข้าใจในธุรกิจและการบริหารงานได้ดีอยู่แล้ว จะมีเพียงการเปลี่ยนแปลงกรรมการผู้จัดการของ SCNYL ที่จะมอบหมายให้นายบัณฑิต เจียมอนุกูลกิจ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโสขึ้นมารับตำแหน่งเพื่อให้โอกาสคนไทยเข้ามาบริ หารงาน
ด้าน บริษัท ไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เป็นหนึ่งในผู้นำในตลาดธุรกิจประกันชีวิตของประเทศ ในปี 2553 มีเบี้ยประกันรับสุทธิรวมมากกว่า 24,000 ล้านบาท และอัตราการเจริญเติบโตที่โดดเด่นและสูงกว่าตลาดมาตลอดระยะเวลา 11 ปีของการดำเนินงาน
นักวิเคราะห์แห่งหนึ่ง เปิดเผยว่า กรณีถ้าผู้ถือหุ้นรายย่อยไม่รับข้อเสนอจาก SCB ก็คงจะไม่มีปัญหาเหมือนกรณี SICCO เนื่องจากผู้ถือหุ้นรายย่อยมีจำนวนน้อยกว่าหุ้นที่ทั้ง 2 แห่งถืออยู่ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาผลประกอบการของ SCNYL ดูดีมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นสินทรัพย์รวม 66,219.06 ล้านบาทในปี 2553
โดยมีกำไรสุทธิ 2,115.35 ล้านบาทเมื่อปีที่แล้ว ส่วนกำไรต่อหุ้นก็อยู่ที่ 31.81 บาท ด้าน ROA อยู่ที่ 5.11% และ ROE 38.83% ซึ่งมีอัตรากำไรสุทธิ 7.81%
“ปีที่แล้วแบงก์แอสชัวรันซ์โตมาก โดยทำให้ค่าฟีของ SCB เพิ่มขึ้น 19% ซึ่งมาจากการขายประกันผ่านแบงก์ล้วนๆ”นักวิเคราะห์ กล่าว
-
- Verified User
- โพสต์: 803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บทเรียนห่านป่วย หุ้นไม่มี free float !
โพสต์ที่ 2
อันนี้น่าเห็นใจมากเลยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1155
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บทเรียนห่านป่วย หุ้นไม่มี free float !
โพสต์ที่ 4
เคสต์ นี้ ตลท น่าจะออกมาพูด
ผมงงมาก ถ้า เป็นแบบนี้
นักลงทุนถูกปล้น จากพวกโจรใส่เสื้อนอก แต่ คณะกรรมการ ตลาด ทำเฉย ชั่วเหมือนกัน
อย่างนี้มันโกงกันชัดๆ
คน มีหุ้น น่าจะไปร้องที่ตลาด แล้วดูว่าใครหน้าไหนจะมารับผิดชอบ
ถ้าผมมีหุ้นผมคงสติแตกแน่
แล้วผมจะมั่นใจได้อย่างไร ว่า
อนาคตผมจะไม่โดนปล้นแบบนี้
SCB ผมจะไม่เป็นลูกค้ามันเด้ดขาด
ผมงงมาก ถ้า เป็นแบบนี้
นักลงทุนถูกปล้น จากพวกโจรใส่เสื้อนอก แต่ คณะกรรมการ ตลาด ทำเฉย ชั่วเหมือนกัน
อย่างนี้มันโกงกันชัดๆ
คน มีหุ้น น่าจะไปร้องที่ตลาด แล้วดูว่าใครหน้าไหนจะมารับผิดชอบ
ถ้าผมมีหุ้นผมคงสติแตกแน่
แล้วผมจะมั่นใจได้อย่างไร ว่า
อนาคตผมจะไม่โดนปล้นแบบนี้
SCB ผมจะไม่เป็นลูกค้ามันเด้ดขาด
Blueplanet
-
- Verified User
- โพสต์: 760
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บทเรียนห่านป่วย หุ้นไม่มี free float !
โพสต์ที่ 5
ผมไม่รู้จักหุ้นตัวนี้นะครับ แต่ผมว่าถ้ากิจการมันดีจริงๆ เราก็ถือยาวไปเลย อย่าไปขายให้ SCB มันครับ
ถ้าราคาหุ้นตกในช่วงจะทำเทนเดอร์ผมจะซื้อเพิ่มอีก แย่งซื้อแข่งกับ SCBมันเลย ไม่รู้คิดงี้ถูกหรือเปล่า
ถ้าราคาหุ้นตกในช่วงจะทำเทนเดอร์ผมจะซื้อเพิ่มอีก แย่งซื้อแข่งกับ SCBมันเลย ไม่รู้คิดงี้ถูกหรือเปล่า
- จุดแข็งทางธุรกิจที่เลียนแบบได้ยาก มักต้องใช้ระยะเวลายาวนานในการสร้างและเพาะบ่มเสมอ ไม่สามารถเนรมิตได้ด้วยเงิน (สุมาอี้)
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 238
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บทเรียนห่านป่วย หุ้นไม่มี free float !
โพสต์ที่ 6
ถ้าเราถือไว้ก็คงได้ปันผลครับ เพราะถ้า scnyl ไม่จ่าย scb ก็ไม่มีรายได้เหมือนกันnavapon เขียน:ผมไม่รู้จักหุ้นตัวนี้นะครับ แต่ผมว่าถ้ากิจการมันดีจริงๆ เราก็ถือยาวไปเลย อย่าไปขายให้ SCB มันครับ
ถ้าราคาหุ้นตกในช่วงจะทำเทนเดอร์ผมจะซื้อเพิ่มอีก แย่งซื้อแข่งกับ SCBมันเลย ไม่รู้คิดงี้ถูกหรือเปล่า
แต่ปัญหาก็คือจะขายหุ้นไม่ได้น่ะสิครับ
น่าสงสารผู้ถือหุ้นนะครับ
ผมเข้าใจว่าเคสนี้คือการขอทำ เทนเดอร์ออฟเฟอร์ เพื่อซื้อหุ้นในราคาต่ำ
ก็คงมีบางคนยอมขายออกมา แต่บางคนอาจไม่ยอมขาย
scb ก็อาจจะขอทำ เทนเดอร์ออฟเฟอร์ ครั้งที่สอง ให้ราคาสูงขึ้น
หลังจากทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ครั้งที่สอง คนที่ไม่ยอมขายคงมีน้อย
และราคาคงตกมาเยอะ เนื่องจากไม่มีสภาพคล่อง
ตอนนั้นค่อยใช้ราคาตลาดขอซื้อหุ้นคืน และ delisted ออกจากตลาดหุ้น
- reiter
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2308
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บทเรียนห่านป่วย หุ้นไม่มี free float !
โพสต์ที่ 8
SCB บีบให้ NYL ขายหุ้นให้ตัวเองในราคาถูกๆ ได้ นับประสาอะไรกับการบีบรายย่อยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 204
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บทเรียนห่านป่วย หุ้นไม่มี free float !
โพสต์ที่ 10
รายใหญ่ไร้คุณธรรม คิดว่าอำนาจอยู่ในมือทำอะไรก็ได้ ทั้งที่เขาซื้อ
ราคาที่สมเหตุสมผลกว่านี้ก็ไม่ได้ทำให้เขาขาดทุนซะหน่อย
ผมคิดว่านักลงทุนในตลาดน่าจะร่วมมือกันแสดงพลังช่วยเหลือเพื่อนๆ
นักลงทุนด้วยกัน (ผู้ถือหุ้นรายย่อย SCNYL) โดยการถอนธุรกรรมกับทาง SCB
ไม่ว่าจะเป็นบัญชีเงินฝาก หรือธุรกรรมทางการเงินอื่นๆด้วยครับ จริงๆตอนนี้ธนาคาร
อื่นๆก็ให้ดอกเบี้ยและธุรกรรมอื่นๆได้ไม่ต่างกันครับ
ปล. ผมไม่ได้ถือหุ้น SCNYL และไม่ได้มีส่วนได้เสียในกรณีนี้นะครับ เพียงแต่รู้สึกว่า
ถ้ารายย่อยไม่เห็นใจกันเอง ปล่อยให้กรณีแบบนี้เกิดขึ้นก็จะยิ่งส่งเสริมให้ผู้บริหาร หรือ
รายใหญ่ที่มีอำนาจแต่ขาดคุณธรรม ทำอะไรได้ตามใจชอบ เกิดขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ
สังคมก็คงจะยิ่งแย่ลงไปกว่านี้ครับ
ราคาที่สมเหตุสมผลกว่านี้ก็ไม่ได้ทำให้เขาขาดทุนซะหน่อย
ผมคิดว่านักลงทุนในตลาดน่าจะร่วมมือกันแสดงพลังช่วยเหลือเพื่อนๆ
นักลงทุนด้วยกัน (ผู้ถือหุ้นรายย่อย SCNYL) โดยการถอนธุรกรรมกับทาง SCB
ไม่ว่าจะเป็นบัญชีเงินฝาก หรือธุรกรรมทางการเงินอื่นๆด้วยครับ จริงๆตอนนี้ธนาคาร
อื่นๆก็ให้ดอกเบี้ยและธุรกรรมอื่นๆได้ไม่ต่างกันครับ
ปล. ผมไม่ได้ถือหุ้น SCNYL และไม่ได้มีส่วนได้เสียในกรณีนี้นะครับ เพียงแต่รู้สึกว่า
ถ้ารายย่อยไม่เห็นใจกันเอง ปล่อยให้กรณีแบบนี้เกิดขึ้นก็จะยิ่งส่งเสริมให้ผู้บริหาร หรือ
รายใหญ่ที่มีอำนาจแต่ขาดคุณธรรม ทำอะไรได้ตามใจชอบ เกิดขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ
สังคมก็คงจะยิ่งแย่ลงไปกว่านี้ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 43
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บทเรียนห่านป่วย หุ้นไม่มี free float !
โพสต์ที่ 11
กรณีนี้ผมแนะนำให้ซื้อ SCB กัน 100 หุ้น หรือเศษหุ้นก็ได้ครับ แล้วไปสอบถามและแสดงความคิดเห็นในที่ประชุมผู้ถือหุ้น SCB เลยครับ แต่ไม่แน่ใจว่าซื้อวันนี้จะได้สิทธิ xm ทันไหม
ธรรมาภิบาลที่ดี หรือ good corporate governance นั้นต้องเป็นให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียหรือ stakeholders ทุกฝ่ายด้วยครับ
ธรรมาภิบาลที่ดี หรือ good corporate governance นั้นต้องเป็นให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียหรือ stakeholders ทุกฝ่ายด้วยครับ
- thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บทเรียนห่านป่วย หุ้นไม่มี free float !
โพสต์ที่ 12
ผมจะแบนธนาคารนี้ทันที
ไม่มีธรรมมาภิบาล ขาดความจริงใจ ไว้ใจและเชื่อถือไม่ได้โดยเด็ดขาด
ไม่มีธรรมมาภิบาล ขาดความจริงใจ ไว้ใจและเชื่อถือไม่ได้โดยเด็ดขาด
ลงทุนเพื่อชีวิต
-
- Verified User
- โพสต์: 227
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บทเรียนห่านป่วย หุ้นไม่มี free float !
โพสต์ที่ 13
ผมไม่มีหุ้น scnyl นะคับ แต่มันจะโหดร้ายมากถ้าเจอกับตัวเอง เห็นนักลงทุนเป็นตัวอะไร ทำกันแบบนี้ต่อไปจะลงทุนกันอย่างมั่นใจได้ยังงัย แบน SCB ด้วย โห่โห่..
- Financeseed
- Verified User
- โพสต์: 1304
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บทเรียนห่านป่วย หุ้นไม่มี free float !
โพสต์ที่ 14
หุ้นตัวนี้ เค้าดีจริงๆนะครับ ในวิกฤตย่อมมีโอกาสนะ
- densin
- Verified User
- โพสต์: 1073
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บทเรียนห่านป่วย หุ้นไม่มี free float !
โพสต์ที่ 15
เคยคุยกับผู้ที่อยู๋ตลาดหุ้นมานานคนหนึ่ง
บอกว่าอย่าลงทุนบริษัทลูกของแบงค์กับบริษัทปูนที่ขึ้นต้นด้วยS
เวลาไม่ดีก็ขอเงินทุนนักลงทุน แต่เวลาธุรกิจดีๆก็tenderหรือmergeในราคาที่นักลงทุนขาดทุนเสมอ
นี่ก็อีกเหตุการณ์หนึ่ง
บอกว่าอย่าลงทุนบริษัทลูกของแบงค์กับบริษัทปูนที่ขึ้นต้นด้วยS
เวลาไม่ดีก็ขอเงินทุนนักลงทุน แต่เวลาธุรกิจดีๆก็tenderหรือmergeในราคาที่นักลงทุนขาดทุนเสมอ
นี่ก็อีกเหตุการณ์หนึ่ง
VI สายมืด = VI หน้ามืดซื้อตัวฮอทๆอย่าไม่ลืมหูลืมตา
-
- Verified User
- โพสต์: 181
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บทเรียนห่านป่วย หุ้นไม่มี free float !
โพสต์ที่ 17
เห็นด้วยครับ น้องหมอ บวก 1 พวกเรามันรายยุ้ยreiter เขียน:SCB บีบให้ NYL ขายหุ้นให้ตัวเองในราคาถูกๆ ได้ นับประสาอะไรกับการบีบรายย่อยครับ
ถ้าไม่เคยผิดพลาด คงยังเรียกตัวเอง ว่านักลงทุนมืออาชีพ ไม่ได้
- jo7393
- Verified User
- โพสต์: 2486
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บทเรียนห่านป่วย หุ้นไม่มี free float !
โพสต์ที่ 18
จะจำไว้ ขอบคุณครับdensin เขียน:เคยคุยกับผู้ที่อยู๋ตลาดหุ้นมานานคนหนึ่ง
บอกว่าอย่าลงทุนบริษัทลูกของแบงค์กับบริษัทปูนที่ขึ้นต้นด้วยS
เวลาไม่ดีก็ขอเงินทุนนักลงทุน แต่เวลาธุรกิจดีๆก็tenderหรือmergeในราคาที่นักลงทุนขาดทุนเสมอ
นี่ก็อีกเหตุการณ์หนึ่ง
“ถ้าราคาหุ้นแยกออกไปจากเส้นกำไร ไม่ช้าก็เร็วมันจะวิ่งกลับไปหาเส้นกำไรเสมอ”
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
- jo7393
- Verified User
- โพสต์: 2486
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บทเรียนห่านป่วย หุ้นไม่มี free float !
โพสต์ที่ 19
หากจำไม่ผิด scnyl เคยติดรายชื่อ บ.ที่มีการกระจายหุ้นไม่ได้ตามเกณท์ของ กลต นี่ครับ
ที่จำได้เพราะเคยจะซื้อแล้วพอเห็นอยู่ในลิสต์ที่ว่า เลยเปลี่ยนใจไม่ซื้อ (โชคดีไป เพราะขี้ระแวง)
ผมว่าหมั่นตรวจดู ลิสต์พวกนี้ไว้บ้างก็ดีเหมือนกันนะครับ หลาบตัวอยู่ในลิสต์ อย่างช่วงเวลาเดียวกัน
ตอนนั้น หากจำไม่ผิดก็มี โออิชิ อีกตัว (จำได้เพราะเห็นอยู่ในลิสต์เลยขายทิ้ง สรุปขายหมูไป)
ได้ไม่คุ้มเสียนะครับผมว่า ถิอแล้วมีกำไรแต่โดนทีเหมือนถูกปล้น ตัวอื่นดีๆที่ไม่อยู่ในลิสต์พวกนี้ก็มีให้ลงทุนเยอะแยะไป
ที่จำได้เพราะเคยจะซื้อแล้วพอเห็นอยู่ในลิสต์ที่ว่า เลยเปลี่ยนใจไม่ซื้อ (โชคดีไป เพราะขี้ระแวง)
ผมว่าหมั่นตรวจดู ลิสต์พวกนี้ไว้บ้างก็ดีเหมือนกันนะครับ หลาบตัวอยู่ในลิสต์ อย่างช่วงเวลาเดียวกัน
ตอนนั้น หากจำไม่ผิดก็มี โออิชิ อีกตัว (จำได้เพราะเห็นอยู่ในลิสต์เลยขายทิ้ง สรุปขายหมูไป)
ได้ไม่คุ้มเสียนะครับผมว่า ถิอแล้วมีกำไรแต่โดนทีเหมือนถูกปล้น ตัวอื่นดีๆที่ไม่อยู่ในลิสต์พวกนี้ก็มีให้ลงทุนเยอะแยะไป
“ถ้าราคาหุ้นแยกออกไปจากเส้นกำไร ไม่ช้าก็เร็วมันจะวิ่งกลับไปหาเส้นกำไรเสมอ”
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
- jo7393
- Verified User
- โพสต์: 2486
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บทเรียนห่านป่วย หุ้นไม่มี free float !
โพสต์ที่ 20
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=43123หลักทรัพย์ที่มีการกระจายการถือหุ้นไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดเป็นปีที่ 2 ขึ้นไป
Symbol ชื่อบริษัท ผู้ถือหุ้นรายย่อย "จำนวน
ปีที่ขาด"
จำนวนราย %
1 BATA บริษัท รองเท้าบาจาแห่งประเทศไทย จำกัด (มหาชน) 1/ 405 10.00 9
2 CIMBT ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) 4,306 6.85 2
3 GL บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) 92 9.04 3
4 GLAND บริษัท แกรนด์ คาแนล แลนด์ จำกัด (มหาชน) 915 3.74 3
5 GRAND บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน) 282 13.97 4
6 INSURE บริษัท อินทรประกันภัย จำกัด (มหาชน) 128 19.05 2
7 NSI บริษัทนำสินประกันภัย จำกัด (มหาชน) 406 13.09 9
8 OISHI บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) 367 5.91 4
9 PPC บริษัท แพ็คฟู้ด จำกัด (มหาชน) 400 6.82 9
10 PRG บริษัท ปทุมไรซมิล แอนด์ แกรนารี จำกัด (มหาชน) (รอบบัญชี 30 มิ.ย) 492 5.57 6
11 ROH บริษัท โรงแรมรอยัล ออคิด (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) 624 2.21 9
12 SCNYL บริษัทไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) 290 5.33 9
13 SHANG บริษัท แชงกรี-ลา โฮเต็ล จำกัด (มหาชน) 4,341 10.65 9
14 SHIN บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) 2,820 3.88 5
15 SIM บริษัท สามารถ ไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน) 563 13.80 3
16 SVH บริษัท สมิติเวช จำกัด (มหาชน) 989 4.23 6
17 TCP บริษัท ไทยเคนเปเปอร์ จำกัด (มหาชน) 583 13.66 3
18 TGCI บริษัท ไทย-เยอรมัน เซรามิค อินดัสทรี่ จำกัด (มหาชน) 2,433 14.28 2
19 TSI บริษัท ไทยเศรษฐกิจประกันภัย จำกัด (มหาชน) 460 13.96 2
20 UFM บริษัท ยูไนเต็ดฟลาวมิลล์ จำกัด (มหาชน) 261 11.64 8
21 VNT บริษัท วีนิไทย จำกัด (มหาชน) 3,253 12.88 5
หมายเหตุ
1/ BATA อยู่ระหว่างทำคำเสนอซื้อเพื่อเพิกถอนหลักทรัพย์โดยสมัครใจ โดยมีบริษัทบีที โฮลดิ้ง จำกัด เป็นผู้ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ในระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน 2553 ถึงวันที่ 4 สิงหาคม 2553
_________________
“ถ้าราคาหุ้นแยกออกไปจากเส้นกำไร ไม่ช้าก็เร็วมันจะวิ่งกลับไปหาเส้นกำไรเสมอ”
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
“ถ้าราคาหุ้นแยกออกไปจากเส้นกำไร ไม่ช้าก็เร็วมันจะวิ่งกลับไปหาเส้นกำไรเสมอ”
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
-
- Verified User
- โพสต์: 296
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บทเรียนห่านป่วย หุ้นไม่มี free float !
โพสต์ที่ 21
บอกได้ประโยคเดียว...ได้ไม่คุ้มเสีย
- thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บทเรียนห่านป่วย หุ้นไม่มี free float !
โพสต์ที่ 22
GL ฟรีโฟลทเปลี่ยนแล้วนะครับ
ลงทุนเพื่อชีวิต
-
- Verified User
- โพสต์: 2686
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บทเรียนห่านป่วย หุ้นไม่มี free float !
โพสต์ที่ 24
- jo7393
- Verified User
- โพสต์: 2486
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บทเรียนห่านป่วย หุ้นไม่มี free float !
โพสต์ที่ 25
ขอบคุณสำหรับ ลิ้งค์ครับimerlot เขียน:google..."rank by free float"
ได้
http://www.investor.co.th/Markets/ThaiS ... fault.aspx
ไม่ทราบว่า กลต ใช้เกณฑ์เท่าไร ที่ไม่ผ่านเรื่อง free float ครับ พอจะทราบไหมครับ
“ถ้าราคาหุ้นแยกออกไปจากเส้นกำไร ไม่ช้าก็เร็วมันจะวิ่งกลับไปหาเส้นกำไรเสมอ”
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
-
- Verified User
- โพสต์: 18134
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บทเรียนห่านป่วย หุ้นไม่มี free float !
โพสต์ที่ 27
รอดูกันต่อไปครัับ
ตัวนี้เป็นหุ้นที่หลายๆท่านที่อยู่ใน TVI ได้หลายเด้งครับ
ขุดกันตั้งแต่ตอนที่ยังเคาะ 3 ครั้งหลังอาหาร (ราคาตั้งแต่ยังไม่ถึง 35 บาท จนถึงปัจจุบัน)
อีกหน่อยคงไม่ได้เห็นชื่อหุ้นแปลกๆแบบนี้อีกแล้วกระมั้ง
ตัวนี้เป็นหุ้นที่หลายๆท่านที่อยู่ใน TVI ได้หลายเด้งครับ
ขุดกันตั้งแต่ตอนที่ยังเคาะ 3 ครั้งหลังอาหาร (ราคาตั้งแต่ยังไม่ถึง 35 บาท จนถึงปัจจุบัน)
อีกหน่อยคงไม่ได้เห็นชื่อหุ้นแปลกๆแบบนี้อีกแล้วกระมั้ง
- atsu
- Verified User
- โพสต์: 1218
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บทเรียนห่านป่วย หุ้นไม่มี free float !
โพสต์ที่ 28
อีกหน่อยจะไม่ได้เห็นชื่อนี้จริงครับแต่ไม่ใช่เพราะ delist นะครับmiracle เขียน:รอดูกันต่อไปครัับ
ตัวนี้เป็นหุ้นที่หลายๆท่านที่อยู่ใน TVI ได้หลายเด้งครับ
ขุดกันตั้งแต่ตอนที่ยังเคาะ 3 ครั้งหลังอาหาร (ราคาตั้งแต่ยังไม่ถึง 35 บาท จนถึงปัจจุบัน)
อีกหน่อยคงไม่ได้เห็นชื่อหุ้นแปลกๆแบบนี้อีกแล้วกระมั้ง
แต่เพราะเค้าจะเปลี่ยนชื่อเป็น scblif แปลกกว่าเดิมอีกครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 105
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บทเรียนห่านป่วย หุ้นไม่มี free float !
โพสต์ที่ 29
ถ้ามีหุ้นอยู่แล้วไม่ขาย การเป็นผู้ถือหุ้นเสียงข้างน้อยจะมีผลเสียยังไงบ้างครับ
1.ถูกบังคับให้ขายในราคาที่ขาดทุน(ไม่น่าจะทำได้หรือเปล่าครับ)
2.ถูกผู้ถือหุ้นเสียงข้างมากเอาบริษัทไปปู้ยี่ปู้ยำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง (ไทยพาณิชย์ก็ไม่น่าจะทำนะครับ มันดูทุจริตยังไงชอบกล ยิ่งเป็นของตัวเองเก้าสิบกว่าเปอร์เซ็นต์ยิ่งไม่น่าทำใหญ่ ไม่มีแรงจูงใจ บริษัทที่มีหุ้นซักห้าสิบเปอร์เซ็นต์ยังน่าทำกว่าเพราะโกงผู้ถือหุ้นอีกตั้งห้าสิบเปอร์เซ็นต์)
3.ผู้ถือหุ้นเสียงข้างน้อยไม่มีสิทธิ์มีเสียง (ผมว่ามีหุ้นอยู่สามสิบเปอร์เซ็นต์ หากไทยพาณิชย์มีห้าสิบเอ็ดเปอร์เซ็นต์ ผู้ถือหุ้นเสียงข้างน้อยก็โหวตแพ้อยู่ดี เพราะฉะนั้น free float น้อยหรือเยอะไม่น่ามีผลเลยครับ)
4.ขายไม่ออก (อันนี้ท่าจะจริง แต่ถ้าบริษัทโต จะไม่มีคนสนใจจริงหรือ แล้วไทยพาณิชย์จะไม่ให้ปันผลเชียวหรือ แล้วไทยพาณิชย์จะซื้อไปทำไมเนี่ย ตัวเองก็จะไม่ได้ capital gain แถมไม่ปันผลอีกต่างหาก ไทยพาณิชย์ก็เป็นผู้ถือหุ้นเหมือนกันนะ เค้าก็น่าจะอยากได้ผลประโยชน์เหมือนผู้ถือหุ้นทั่วไป)
จะมีข้อเสียอะไรอีกครับจากการที่มี free float ต่ำขนาดนี้ บางทีการที่เค้า tender ที่ราคาต่ำอาจจะเพราะไม่อยากให้เราขายก็ได้หรือเปล่าครับ ขอความเห็นผู้รู้นะครับ ผมแค่คิดขึ้นมาเอง ไม่รู้ข้อมูลใดๆ และไม่มีหุ้นๆ แต่อยากซื้อเหมือนกัน แต่กล้าๆกลัวๆครับ
1.ถูกบังคับให้ขายในราคาที่ขาดทุน(ไม่น่าจะทำได้หรือเปล่าครับ)
2.ถูกผู้ถือหุ้นเสียงข้างมากเอาบริษัทไปปู้ยี่ปู้ยำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง (ไทยพาณิชย์ก็ไม่น่าจะทำนะครับ มันดูทุจริตยังไงชอบกล ยิ่งเป็นของตัวเองเก้าสิบกว่าเปอร์เซ็นต์ยิ่งไม่น่าทำใหญ่ ไม่มีแรงจูงใจ บริษัทที่มีหุ้นซักห้าสิบเปอร์เซ็นต์ยังน่าทำกว่าเพราะโกงผู้ถือหุ้นอีกตั้งห้าสิบเปอร์เซ็นต์)
3.ผู้ถือหุ้นเสียงข้างน้อยไม่มีสิทธิ์มีเสียง (ผมว่ามีหุ้นอยู่สามสิบเปอร์เซ็นต์ หากไทยพาณิชย์มีห้าสิบเอ็ดเปอร์เซ็นต์ ผู้ถือหุ้นเสียงข้างน้อยก็โหวตแพ้อยู่ดี เพราะฉะนั้น free float น้อยหรือเยอะไม่น่ามีผลเลยครับ)
4.ขายไม่ออก (อันนี้ท่าจะจริง แต่ถ้าบริษัทโต จะไม่มีคนสนใจจริงหรือ แล้วไทยพาณิชย์จะไม่ให้ปันผลเชียวหรือ แล้วไทยพาณิชย์จะซื้อไปทำไมเนี่ย ตัวเองก็จะไม่ได้ capital gain แถมไม่ปันผลอีกต่างหาก ไทยพาณิชย์ก็เป็นผู้ถือหุ้นเหมือนกันนะ เค้าก็น่าจะอยากได้ผลประโยชน์เหมือนผู้ถือหุ้นทั่วไป)
จะมีข้อเสียอะไรอีกครับจากการที่มี free float ต่ำขนาดนี้ บางทีการที่เค้า tender ที่ราคาต่ำอาจจะเพราะไม่อยากให้เราขายก็ได้หรือเปล่าครับ ขอความเห็นผู้รู้นะครับ ผมแค่คิดขึ้นมาเอง ไม่รู้ข้อมูลใดๆ และไม่มีหุ้นๆ แต่อยากซื้อเหมือนกัน แต่กล้าๆกลัวๆครับ
- jo7393
- Verified User
- โพสต์: 2486
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บทเรียนห่านป่วย หุ้นไม่มี free float !
โพสต์ที่ 30
เคยได้ฟังมากรณี เจ้าสัวคนนึงเทคโอเวอร์โรงแรม แล้วเอาออกจากตลาดโดยทำคำเสนอซื้อ ราคาถูกเพราะ ทำราคาไว้ก่อนจะทำคำเสนอซื้อแล้ว ผถห ส่วนน้อยในตลท ไม่ขายเพราะเห็นว่าถูกเกินไป หลังจากที่ออกจาก ตลท แล้วอย่างแรก ผถห ติดตาม บ.ยาก ไม่มีตลทช่วยดูแล
ได้ข่าวมาว่าเขา ตั้ง บ.ใหม่มาซื้อทรัพย์สินของโรงแรมนั้นราคาถูกๆ ลูกค้าของ รร นั้นก็ถูกโยนให้ รร ในเครือ พูดง่ายๆ ฝั่งรายได้โดยตัด ฝั่งรายจ่ายเพิ่มขึ้นเพราะเอา ลูกน้องมากิน งด ที่ รรแต่ลูกน้องทำงาน 2 ที่ ทรัพย์สินที่ดีๆโดนขายในราคาถูก สุดท้ายปิดไป
ดังนั้นหาก ผถห รายย่อยที่ชอบเสี่ยงถือหุ้นที่อยู่นอก ตลท ควรต้องศึกษาเรื่องเหล่านี้ให้มากนะครับ ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ดีไปซะหมด แต่หุ้นดีๆในตลทมีพอควร จะไปถือหุ้นที่เสี่ยงทำไม
การลงทุนหัวใจหลักคือ ต้องไม่ขาดทุน (เกรแฮม฿บัฟเฟต&ดันโด)
กฏข้อ 1 ต้องไม่ขาดทุน
กฏข้อ2 กลับไปอ่านกฏข้อ 1 ใหม่
ได้ข่าวมาว่าเขา ตั้ง บ.ใหม่มาซื้อทรัพย์สินของโรงแรมนั้นราคาถูกๆ ลูกค้าของ รร นั้นก็ถูกโยนให้ รร ในเครือ พูดง่ายๆ ฝั่งรายได้โดยตัด ฝั่งรายจ่ายเพิ่มขึ้นเพราะเอา ลูกน้องมากิน งด ที่ รรแต่ลูกน้องทำงาน 2 ที่ ทรัพย์สินที่ดีๆโดนขายในราคาถูก สุดท้ายปิดไป
ดังนั้นหาก ผถห รายย่อยที่ชอบเสี่ยงถือหุ้นที่อยู่นอก ตลท ควรต้องศึกษาเรื่องเหล่านี้ให้มากนะครับ ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ดีไปซะหมด แต่หุ้นดีๆในตลทมีพอควร จะไปถือหุ้นที่เสี่ยงทำไม
การลงทุนหัวใจหลักคือ ต้องไม่ขาดทุน (เกรแฮม฿บัฟเฟต&ดันโด)
กฏข้อ 1 ต้องไม่ขาดทุน
กฏข้อ2 กลับไปอ่านกฏข้อ 1 ใหม่
ทำอย่างไรดี เมื่อเจอคำเสนอซื้อหุ้น?
ประเด็นหนึ่งที่ผู้ลงทุนมักถามมายัง ก.ล.ต. ก็คือ เมื่อบริษัทที่ลงทุนอยู่ เกิดมีกลุ่มทุนใหม่จะเข้ามา
เทคโอเวอร์บริษัทโดยมีการทำคำเสนอซื้อหุ้น (tender offer) จากผู้ถือหุ้นทั่วไป ในฐานะผู้ลงทุน ถ้ายังไม่อยากขายหุ้น ควรจะทำอย่างไร? ไม่ต้องห่วงค่ะ วันนี้ ดิฉันมีคำแนะนำดี ๆ มาฝากกันอีกเช่นเคย
ทำไมต้องมีการทำคำเสนอซื้อ?
ลองนึกถึงหนังจีนที่คุณเคยดูนะคะ ตระกูลพระเอกบริหารบริษัทอยู่ดีๆ วันหนึ่งมีใครก็ไม่รู้ดอดเข้ามาถือหุ้นในบริษัทพระเอกไปเกิน 50% และเตรียมปลดครอบครัวพระเอกออกเพื่อขึ้นบริหารงานแทน ถามว่าในโลกแห่งความเป็นจริง ถ้าคุณเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทพระเอก คุณจะกังวลไหมคะว่าอยู่ดีๆ มีคนแปลกหน้าเข้ามาบริหารบริษัทแทน ซึ่งคุณก็ไม่รู้ว่าเขาเก่ง/ดีพอหรือเปล่า แล้วคุณจะมีทางเลือกอะไรบ้าง ตรงนี้ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ เพราะตลาดทุนเรามีเกณฑ์กำหนดว่า เวลาที่ใครจะเข้าไปเทคโอเวอร์กิจการของบริษัทจดทะเบียนใดก็ตาม ผู้ที่จะเข้าไปเทคโอเวอร์นั้น ต้องเปิดช่องให้ผู้ถือหุ้นเดิมมีทางเลือก (fair exit) ว่าจะยังคงอยากถือหุ้นต่อไปแม้เปลี่ยนอำนาจการบริหารแล้ว หรือจะเลือกขายหุ้น เพราะไม่แน่ใจอนาคตบริษัทหลังเปลี่ยนอำนาจบริหาร ดังนั้น ผู้ที่จะเข้าไปเทคโอเวอร์กิจการ ก็จะต้องมีหน้าที่ทำคำเสนอซื้อหุ้น ในส่วนที่เหลือทั้งหมด เมื่อตัวเองได้หุ้นในกิจการเท่ากับหรือมากกว่าระดับที่ 25% 50% และ 75% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการค่ะ
ทั้งนี้สำหรับการทำคำเสนอซื้อในบ้านเราที่ผ่านมาก็พบทั้งในลักษณะของการเปลี่ยนอำนาจบริหารอย่างในหนังจีนที่ยกมา หรือบางทีก็ไม่มีการเปลี่ยนมือผู้บริหารค่ะ แต่ถือหุ้นเพิ่มขึ้นจนแตะเกณฑ์ก็มี รวมถึงการทำคำเสนอซื้อเพื่อเอากิจการออกจากตลาดหลักทรัพย์ (delisted) ก็พบเช่นกันค่ะ
ศึกษาข้อมูลให้ถ้วนถี่
เมื่อเกิดกรณีหุ้นที่คุณถืออยู่มีการทำคำเสนอซื้อ สิ่งแรกที่ควรทำในฐานะผู้ถือหุ้นคุณภาพ คือ ศึกษาข้อมูลจากคำเสนอซื้อค่ะ อาจใช้หลัก Who, What, Why, When, How มาจับก็ได้ว่า ใครเป็นคนทำคำเสนอซื้อ เป็นผู้บริหารกลุ่มเดิม หรือเป็นหน้าใหม่ วัตถุประสงค์ในการทำคำเสนอซื้อคืออะไร ทำไมเขาถึงสนใจอยากเข้ามา เช่น ต้องการอำนาจควบคุมบริษัทเพื่อขยายกิจการ หรือเพื่อเอาบริษัทออกจากตลาดฯ รวมถึงดูเรื่องของเวลาในการรับซื้อหลักทรัพย์ว่าเป็นเมื่อไร ราคาที่เสนอซื้อและเงื่อนไขเป็นอย่างไร (เช่น บอกถึงการยกเลิกคำเสนอซื้อ หรือการชำระค่าหุ้นไว้อย่างไร) นอกจากนั้น อาจศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม เช่น ดูว่าแหล่งเงินที่จะมาจ่ายค่าซื้อหุ้นนั้นมาจากไหน หรือดูงบการเงินของผู้ที่ทำคำเสนอซื้อว่าฐานะเป็นอย่างไร มีแผนอย่างไรในการเข้ามาบริหารกิจการต่อ หรือจะว่าจ้างคนอื่นมาบริหารแทนหลังจากทำคำเสนอซื้อสำเร็จแล้ว ฯลฯ
ความเห็นจาก “ตัวช่วย” ต่างๆ ก็สำคัญ
อีกข้อมูลที่ต้องดูเพื่อประกอบการตัดสินใจว่าจะขายหุ้นในคำเสนอซื้อหรือไม่ คือ ความเห็นจากบริษัทที่คุณถือหุ้นอยู่ และความเห็นจากที่ปรึกษาการเงินอิสระ (หรือ IFA) ทั้งสองส่วนนี้จะศึกษาข้อมูลคำเสนอซื้อและให้ความเห็นต่อผู้ลงทุน อย่างเรื่องหลัก ๆ ก็เช่นดูว่าแผนธุรกิจของผู้ที่ทำคำเสนอซื้อดีกับบริษัทหรือไม่ ราคาที่เสนอซื้อนั้นเหมาะสมไหม พร้อมคำแนะนำว่า ผู้ลงทุนควรตัดสินใจอย่างไร (ขายหรือไม่ขาย)
อย่างไรก็ตาม มุมมองที่ออกมาจาก “ตัวช่วย” ทั้งสองฝั่งนี้ บางกรณีอาจไปแนวทางเดียวกัน บางกรณีอาจมองต่างมุม เช่น ความเห็นบริษัทบอกว่าราคาเหมาะสมแล้ว ผู้ถือหุ้นควรขาย แต่ IFA กลับให้ความเห็นว่า มูลค่าของหุ้นสูงกว่านั้น ราคาที่เสนอซื้อต่ำไป ผู้ถือหุ้นไม่ควรขายก็มีค่ะ ซึ่งในกรณีที่ความเห็นต่างกัน ผู้ลงทุนก็ต้องประมวลข้อมูล เทียบข้อดีข้อเสียว่าท้ายที่สุดจะตัดสินใจอย่างไร
อยากแถมอีกนิดเรื่อง “ราคา” ซึ่งเป็นประเด็นที่ผู้ลงทุนคาใจ (เพราะมักไม่สูงอย่างที่หวัง) ว่าตัวเลขมาจากไหน ตรงนี้ถ้าเป็นคำเสนอซื้อทั่วไป (ที่ไม่ใช่การเอาบริษัทออกจากตลาดฯ) เกณฑ์บอกไว้ว่า หากผู้ทำคำเสนอซื้อเคยได้หุ้นมาราคาเท่าใด (นับย้อนไปถึง 90 วันก่อนทำคำเสนอซื้อ) ราคาในคำเสนอซื้อก็ต้องไม่ต่ำไปกว่านั้นค่ะ แต่หากไม่มีการได้หุ้นมา ราคาก็จะกำหนดด้วยวิธีอื่น เช่น เปรียบเทียบราคาตลาด หรือดูมูลค่าทางบัญชี หรืออีกวิธีหนึ่งคือการประเมินจากมูลค่าทั้งหมดของกิจการโดยดูมูลค่าในอนาคตแล้วประเมินว่ามูลค่าปัจจุบันควรเป็นเท่าไร
ผู้ลงทุนบางท่านอาจเลือกไม่ขายหุ้น หากมั่นใจว่าผู้บริหารทีมใหม่สามารถทำให้ธุรกิจเติบโตก้าวหน้า แต่หากเป็นการทำคำเสนอซื้อเพื่อเอาบริษัทออกจากตลาดฯ นอกจากดูราคาตอนที่ได้หุ้นมาว่าสูงกว่าราคาในคำเสนอซื้อหรือไม่ ผู้ลงทุนยังต้องคำนึงถึงเรื่องสภาพคล่องที่จะหายไปหลังหุ้นออกจากตลาดฯ แล้วด้วยค่ะ
ค่อยๆ ตัดสินใจ ไม่จำเป็นต้องรีบ
สำหรับการตัดสินใจเรื่องนี้ ไม่จำเป็นต้องรีบทำตั้งแต่วันแรกๆ ที่มีคำเสนอซื้อเข้ามา ผู้ลงทุนมีเวลาตามเกณฑ์ในคำเสนอซื้ออย่างน้อย 25 วัน ขณะที่ความเห็นของบริษัทและ IFA จะมาถึงมือผู้ถือหุ้นใน 15 วันทำการหลังจากวันที่มีคำเสนอซื้อ ซึ่งผู้ลงทุนควรรอดูความเห็นจากทั้งสองฝั่งนี้ก่อน อย่างไรก็ดี หากตัดสินใจขายหุ้นไปแล้วและอยากเปลี่ยนใจระหว่างทาง ก็สามารถทำได้นะคะ (แต่มีเงื่อนไขว่า ตอนที่คุณส่งแบบตอบรับคำเสนอซื้อส่งกลับไปที่ตัวแทนผู้ทำคำเสนอซื้อนั้น จะต้องไม่ทำเครื่องหมายในช่อง “ยืนยันไม่ยกเลิกแสดงเจตนา...” และจะต้องยื่นแบบขอยกเลิกการแสดงเจตนาขายไปที่ตัวแทนผู้ทำคำเสนอซื้อภายใน 20 วันทำการแรกนับจากวันเริ่มรับซื้อค่ะ) อย่างไรก็ตาม ถ้าไตร่ตรองดูแล้ว คุณไม่ถูกใจที่จะขายหุ้นให้กับผู้ทำคำเสนอซื้อจริงๆ คุณก็ยังสามารถเลือกที่จะขายหุ้นในตลาดฯ ได้เช่นกันค่ะ
http://www.bangkokbiznews.com/home/deta ... /news.html
“ถ้าราคาหุ้นแยกออกไปจากเส้นกำไร ไม่ช้าก็เร็วมันจะวิ่งกลับไปหาเส้นกำไรเสมอ”
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด