เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ
- hongvalue
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2703
- ผู้ติดตาม: 0
เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ
โพสต์ที่ 1
พอดีมีทำเอกสารเรื่องลงทุนอย่างไร low risk high return ไว้ใหู้ผู้สนใจลงทุนได้ศึกษาเห็นว่าบาง slide อาจจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆนักลงทุนมือใหม่บ้าง เลยขอนำมาแบ่งปันครับ ส่วนมือเก่าที่เก่งแล้วถ้ามีอะไรจะชี้แนะหรือจะเสริมก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งนะครับ
พอดีทำแบบธรรมดามากๆจริงๆเลยไม่ได้ตกแต่งเอกสารอะไรเลยนะครับให้ดูภาพตามนี้ เริ่มจากข้อ 1 ก่อนเลยคือ
1.มีความเชื่อบางอย่างอยู่ก่อนและเลือกเชื่อเฉพาะที่อยากฟัง
ผมจะขยายความต่อว่า
เวลาคนเราเข้ามาในตลาดหุ้นส่วนใหญ่จะมีทัศนคติบางอย่างติดตัวมาจากสังคมสิ่งแวดล้อมรอบข้างเช่น
หุ้นที่ปันผลไม่เยอะไม่น่าเล่น,หุ้นพลังงานผันผวนมากเลยต้องเข้าเร็วออกเร็ว,เล่นหุ้นอย่าถือยาว
มีคำกล่าวจากนักเทรดชื่อดังว่า
"อย่าทิ้งความเห็นใดๆในตลาดหุ้นเพียงเพราะมันไม่ตรงกับสิ่งที่คุณเคยรับรู้เพราะสิ่งที่คุณเลือกรับรู้และยึดไว้อาจจะเป็นทัศนคติที่ผิดๆแต่แรกและคุณก็จะปัดทัศนคติของนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จออกไปเพียงเพราะว่ามันไม่ตรงกับสิ่งที่คุณเลือกเชื่อแต่แรกทำให้คุณมีแต่ทัศนคติที่ไม่ถูกต้องในการลงทุน"
ผมคิดว่าคนเราเมื่อมีประสบการณ์ลงทุนมากขึ้นความคิดจะค่อยๆเปลี่ยนไปถ้าเราอยู่ในตลาดหุ้นไม่นานพอเราจะไม่มีทางรู้ว่าสิ่งที่เรายึดเอาไว้จริงๆแล้วผิดหรือถูก จริงๆแล้วคนที่อยู่ในตลาดหุ้นไม่นานมุมมองต่างๆคงมีโอกาศผิดมากกว่าที่จะถูกดังนั้นจงเปิดใจให้กว้างเข้าไว้ครับ
ในส่วนของการเลือกเฉพาะที่อยากฟังมันเปรียบเสมือนการที่เรามีกล่องหนึ่งใบและมีของอยู่ข้างในถ้าอันไหนไม่ชอบเราก็ไม่เอาใส่กล่องเราก็โยนทิ้งไปสุดท้ายไม่ว่าเราจะพูดคุยกับใครเราก็ไม่ได้อะไรเพิ่มขึ้นเพราะเราเลือกรับรู้เฉพาะที่เราอยากฟัง
2.ไม่รู้ว่าหุ้นที่ตัวเองเล่นเหมาะกับสไตล์ของตัวเองหรือไม่
จริงๆแล้วหุ้นแต่ละประเภทจะเหมาะกับนักลงทุนในแต่ละแบบที่ไม่เหมือนกัน สิ่งที่เราต้องคำนึงคือเราต้องคิดถึงปัจจัยดังต่อไปนี้
-เวลาในการดูหุ้น ส่วนนึงก็คือคุณเป็น full time หรือ part time ถ้าคุณเล่นมาร์จิ้นกับหุ้นที่เหวี่ยงตัวแรงๆแต่คุณกลับไม่มีเวลาเฝ้าหน้าจอ เกิดอะไรผิดพลาดนิดเดียวตอนเย็นพอคุณเลิกงานแล้วมาดูหุ้นคุณอาจเสียหายมหาศาล
-คุณเป็นอิสระภาพทางการเงินหรือยัง ถ้าคุณเป็นแล้วผมคิดว่าการเสี่ยงมากๆเพื่อให้พอร์ตโตต่อไปคงสำคัญน้อยกว่าการ conservative เพื่อให้คุณรักษาระดับของการเป็นอิสระภาพทางการเงินเอาไว้ ถ้าคุณถึง financial freedom แล้วผมว่าพอร์ตของคุณน่าจะมีหุ้นปันผลที่รายได้ไม่ถดถอยตามวิกฤติเศรษฐกิจเอาไว้ และมีหุ้นที่น่าจะโตได้ต่อเนื่องหลายปีโดยความเสี่ยงที่รายได้และกำไรจะลดมีน้อย
-เป้าหมายทางการลงทุนของคุณ ถ้าคุณเข้าตลาดหุ้นหลังจากที่ประสบความสำเร็จจากการทำธุรกิจแล้วคุณคงต้องการผลตอบแทนที่มากกว่าการฝากแบงค์ระดับนึงแต่คงไม่จำเป็นต้องเสี่ยงมากเกินเหตุไม่งั้นเงินที่ได้มาจากการทำธุรกิจอย่างยากลำบากจะพลอยสูญหายไปด้วย ดังนั้นพวกหุ้น commodity ,turnaround คงไม่เหมาะยกเว้นคุณจะอยู่ในตลาดนานมากพอจนเห็น cycle ต่างๆชัดเจนพอสมควรก็เป็นอีกเรื่อง ในอีกมุมนึงถ้าคุณอายุยังน้อยผมเชื่อว่าเกือบทุกคนต้องการเร่งผลตอบแทนการซื้อหุ้นปันผลหรือค่อยๆเติบโตคุณจะอึดอัดมากเวลาเห็นหุ้นตัวอื่นๆขึ้นไปเยอะๆโดยที่คุณไ่ม่ได้มีส่วนร่วม ส่วนใหญ่แล้วจะลงเอยด้วยการเล่นหุ้นอย่างไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่
-นักลงทุนมือใหม่ควรเลี่ยงหุ้นที่งบการเงินค่อนข้างซับซ้อนมีการถือหุ้นไขว้กันไปกันมาเยอะๆ เพราะการแกะงบถ้าไม่แกะให้ลึกจริงๆอาจจะไม่เห็นภาพที่แท้จริงแต่หุ้นบางตัวขนาดมืออาชีพยังแกะงบแล้วปวดหัวเลยหุ้นแบบนี้มือใหม่พึงหลึกเลี่ยง
3.ประเมินมูลค่าหุ้นโดยพยายามแก้ใหม่ให้ไม่มากหรือน้อยเกินไป
-หลายครั้งบางคนจะไม่มั่นใจกับตัวเลข fair value เช่นถ้าเราใส่ตัวเลขเพื่อทำ dcf แล้วได้ตัวเลขราคาเหมาะสมออกมาเยอะๆ แบบว่าเยอะกว่าราคาตลาดเยอะๆ เราจะคิดว่าไม่น่าเป็นไปได้สิ่งที่เราทำหลายครั้งคือ การเพิ่ม wacc หรืออัตราคิดลดเมื่อเพิ่ม wacc ก็จะทำให้ตัวเลขที่ discount ออกมาเป็น present value ลดลง ผมว่าบางทีเราอาจจะได้เจอหุ้นหลายเด้งถ้าเราคิดว่าคิดแบบ conservative แล้วเราก็ไม่ต้องไปแก้ตัวเลขกำไร หรือลด pe หรือเพิ่ม wacc ลดเงินสด หรอกครับ
ในมุมกลับกันบางครั้งเราอยากซื้อหุ้นบางตัวเพราะคนรอบข้างบอกมาแต่เราคำนวนดูแล้วราคาเหมาะสมก็ใกล้เคียงราคาตลาดนี้นาเราก็ใช้ eps เวอร์ขึ้นหน่อย pe สูงอีกนิดแค่นี้เราก็มีข้ออ้างอย่างชอบธรรมในการซื้อหุ้นแล้ว ผมเองก็เคยเป็นครับไอ้แบบนี้พูดได้เต็มปากบางทีเรามีเงินสดเพิ่งขายหุ้นบางตัวยังหาหุ้นเ้ข้าไม่ได้เพื่อนเราก็เยอะมีคนหวังดีแนะนำหุ้นมาเต็มไปหมดไอ้เราก็กลัวตกรถเลยหาข้ออ้างซัดไปงั้นแหละ สรุปดอย
เนื้อหาของกระทู้นี้มีอีกเยอะพอสมควรเดี่ยวมีเวลาจะมาโพสต่อนะครับ
พอดีทำแบบธรรมดามากๆจริงๆเลยไม่ได้ตกแต่งเอกสารอะไรเลยนะครับให้ดูภาพตามนี้ เริ่มจากข้อ 1 ก่อนเลยคือ
1.มีความเชื่อบางอย่างอยู่ก่อนและเลือกเชื่อเฉพาะที่อยากฟัง
ผมจะขยายความต่อว่า
เวลาคนเราเข้ามาในตลาดหุ้นส่วนใหญ่จะมีทัศนคติบางอย่างติดตัวมาจากสังคมสิ่งแวดล้อมรอบข้างเช่น
หุ้นที่ปันผลไม่เยอะไม่น่าเล่น,หุ้นพลังงานผันผวนมากเลยต้องเข้าเร็วออกเร็ว,เล่นหุ้นอย่าถือยาว
มีคำกล่าวจากนักเทรดชื่อดังว่า
"อย่าทิ้งความเห็นใดๆในตลาดหุ้นเพียงเพราะมันไม่ตรงกับสิ่งที่คุณเคยรับรู้เพราะสิ่งที่คุณเลือกรับรู้และยึดไว้อาจจะเป็นทัศนคติที่ผิดๆแต่แรกและคุณก็จะปัดทัศนคติของนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จออกไปเพียงเพราะว่ามันไม่ตรงกับสิ่งที่คุณเลือกเชื่อแต่แรกทำให้คุณมีแต่ทัศนคติที่ไม่ถูกต้องในการลงทุน"
ผมคิดว่าคนเราเมื่อมีประสบการณ์ลงทุนมากขึ้นความคิดจะค่อยๆเปลี่ยนไปถ้าเราอยู่ในตลาดหุ้นไม่นานพอเราจะไม่มีทางรู้ว่าสิ่งที่เรายึดเอาไว้จริงๆแล้วผิดหรือถูก จริงๆแล้วคนที่อยู่ในตลาดหุ้นไม่นานมุมมองต่างๆคงมีโอกาศผิดมากกว่าที่จะถูกดังนั้นจงเปิดใจให้กว้างเข้าไว้ครับ
ในส่วนของการเลือกเฉพาะที่อยากฟังมันเปรียบเสมือนการที่เรามีกล่องหนึ่งใบและมีของอยู่ข้างในถ้าอันไหนไม่ชอบเราก็ไม่เอาใส่กล่องเราก็โยนทิ้งไปสุดท้ายไม่ว่าเราจะพูดคุยกับใครเราก็ไม่ได้อะไรเพิ่มขึ้นเพราะเราเลือกรับรู้เฉพาะที่เราอยากฟัง
2.ไม่รู้ว่าหุ้นที่ตัวเองเล่นเหมาะกับสไตล์ของตัวเองหรือไม่
จริงๆแล้วหุ้นแต่ละประเภทจะเหมาะกับนักลงทุนในแต่ละแบบที่ไม่เหมือนกัน สิ่งที่เราต้องคำนึงคือเราต้องคิดถึงปัจจัยดังต่อไปนี้
-เวลาในการดูหุ้น ส่วนนึงก็คือคุณเป็น full time หรือ part time ถ้าคุณเล่นมาร์จิ้นกับหุ้นที่เหวี่ยงตัวแรงๆแต่คุณกลับไม่มีเวลาเฝ้าหน้าจอ เกิดอะไรผิดพลาดนิดเดียวตอนเย็นพอคุณเลิกงานแล้วมาดูหุ้นคุณอาจเสียหายมหาศาล
-คุณเป็นอิสระภาพทางการเงินหรือยัง ถ้าคุณเป็นแล้วผมคิดว่าการเสี่ยงมากๆเพื่อให้พอร์ตโตต่อไปคงสำคัญน้อยกว่าการ conservative เพื่อให้คุณรักษาระดับของการเป็นอิสระภาพทางการเงินเอาไว้ ถ้าคุณถึง financial freedom แล้วผมว่าพอร์ตของคุณน่าจะมีหุ้นปันผลที่รายได้ไม่ถดถอยตามวิกฤติเศรษฐกิจเอาไว้ และมีหุ้นที่น่าจะโตได้ต่อเนื่องหลายปีโดยความเสี่ยงที่รายได้และกำไรจะลดมีน้อย
-เป้าหมายทางการลงทุนของคุณ ถ้าคุณเข้าตลาดหุ้นหลังจากที่ประสบความสำเร็จจากการทำธุรกิจแล้วคุณคงต้องการผลตอบแทนที่มากกว่าการฝากแบงค์ระดับนึงแต่คงไม่จำเป็นต้องเสี่ยงมากเกินเหตุไม่งั้นเงินที่ได้มาจากการทำธุรกิจอย่างยากลำบากจะพลอยสูญหายไปด้วย ดังนั้นพวกหุ้น commodity ,turnaround คงไม่เหมาะยกเว้นคุณจะอยู่ในตลาดนานมากพอจนเห็น cycle ต่างๆชัดเจนพอสมควรก็เป็นอีกเรื่อง ในอีกมุมนึงถ้าคุณอายุยังน้อยผมเชื่อว่าเกือบทุกคนต้องการเร่งผลตอบแทนการซื้อหุ้นปันผลหรือค่อยๆเติบโตคุณจะอึดอัดมากเวลาเห็นหุ้นตัวอื่นๆขึ้นไปเยอะๆโดยที่คุณไ่ม่ได้มีส่วนร่วม ส่วนใหญ่แล้วจะลงเอยด้วยการเล่นหุ้นอย่างไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่
-นักลงทุนมือใหม่ควรเลี่ยงหุ้นที่งบการเงินค่อนข้างซับซ้อนมีการถือหุ้นไขว้กันไปกันมาเยอะๆ เพราะการแกะงบถ้าไม่แกะให้ลึกจริงๆอาจจะไม่เห็นภาพที่แท้จริงแต่หุ้นบางตัวขนาดมืออาชีพยังแกะงบแล้วปวดหัวเลยหุ้นแบบนี้มือใหม่พึงหลึกเลี่ยง
3.ประเมินมูลค่าหุ้นโดยพยายามแก้ใหม่ให้ไม่มากหรือน้อยเกินไป
-หลายครั้งบางคนจะไม่มั่นใจกับตัวเลข fair value เช่นถ้าเราใส่ตัวเลขเพื่อทำ dcf แล้วได้ตัวเลขราคาเหมาะสมออกมาเยอะๆ แบบว่าเยอะกว่าราคาตลาดเยอะๆ เราจะคิดว่าไม่น่าเป็นไปได้สิ่งที่เราทำหลายครั้งคือ การเพิ่ม wacc หรืออัตราคิดลดเมื่อเพิ่ม wacc ก็จะทำให้ตัวเลขที่ discount ออกมาเป็น present value ลดลง ผมว่าบางทีเราอาจจะได้เจอหุ้นหลายเด้งถ้าเราคิดว่าคิดแบบ conservative แล้วเราก็ไม่ต้องไปแก้ตัวเลขกำไร หรือลด pe หรือเพิ่ม wacc ลดเงินสด หรอกครับ
ในมุมกลับกันบางครั้งเราอยากซื้อหุ้นบางตัวเพราะคนรอบข้างบอกมาแต่เราคำนวนดูแล้วราคาเหมาะสมก็ใกล้เคียงราคาตลาดนี้นาเราก็ใช้ eps เวอร์ขึ้นหน่อย pe สูงอีกนิดแค่นี้เราก็มีข้ออ้างอย่างชอบธรรมในการซื้อหุ้นแล้ว ผมเองก็เคยเป็นครับไอ้แบบนี้พูดได้เต็มปากบางทีเรามีเงินสดเพิ่งขายหุ้นบางตัวยังหาหุ้นเ้ข้าไม่ได้เพื่อนเราก็เยอะมีคนหวังดีแนะนำหุ้นมาเต็มไปหมดไอ้เราก็กลัวตกรถเลยหาข้ออ้างซัดไปงั้นแหละ สรุปดอย
เนื้อหาของกระทู้นี้มีอีกเยอะพอสมควรเดี่ยวมีเวลาจะมาโพสต่อนะครับ
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
สนใจเรื่องบัญชี กลยุทธ์ลงทุน fundflow แจมได้ที่ blog ผม
http://hongvalue.wordpress.com/
-ติดตาม twitter เรื่องหุ้นของผมได้ที่
http://twitter.com/hongvalue
my book
http://wp.me/pzSOv-hP
http://hongvalue.wordpress.com/
-ติดตาม twitter เรื่องหุ้นของผมได้ที่
http://twitter.com/hongvalue
my book
http://wp.me/pzSOv-hP
- hongvalue
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2703
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ
โพสต์ที่ 3
อีกนิดนึงก่อนไปที่ผมเคยบอกว่าทำเรื่องหุ้น 10 เด้ง winner stock ผมทำไปเยอะแล้วนะครับ เห็นมีคนแซวว่าพูดแล้วไม่เห็นเคยมีโชว์ project เลย
แต่ยังไม่เสร็จหรอกนะครับเอาที่ทำถึงล่าสุดให้ดูก่อนล่ะกัน คือผมต้องนั่งไล่ลงตัวเลข excel หลายสิบอันมากเพื่อที่จะนำกราฟไปลง pwp แล้ว present ให้ครบชุดตามภาพที่เห็นครับ
ที่ทำเสร็จแล้วบางส่วนก็ประมาณนี้ครับ ภาพนี้ทำสำหรับการดูช่วงที่ยอดขายตกต่ำและ gm ของหุ้นตัวนึงครับ
คนเคยถือหุ้นคงรู้หุ้นอะไร ภาพนี้ทำ sale growth ของหุ้นตัวนึงระยะยาวเพื่อผูกสตอรี่ของความถูกและ risk/reward ก่อนหุ้นเด้ง 10 เท่า ภาพนี้เป็นการดูส่วนของ demand ตัวเลขรถยนต์ในจีนเพื่อที่จะสะท้อน trend ของยางพาราที่ทำให้ sta เป็นหุ้น 25 เด้ง
เอาไว้ทำคืบหน้ามากกว่านี้จะมา update นะครับ
ตอนนี้ยังทำไม่เสร็จ มาบอกเพราะโดนคนทวงครับว่าเคยบอกว่าจะเล่าแล้วทำไมเงียบไปแต่จะทำให้สวยและละเีอียดจริงๆกว่าจะเสร็จแต่ละตัวทำนานมาก นี้ใช้ excel ไป 20 กว่าชุดแล้วยังทำได้แค่ครึ่งเดียวเองครับ
แต่ยังไม่เสร็จหรอกนะครับเอาที่ทำถึงล่าสุดให้ดูก่อนล่ะกัน คือผมต้องนั่งไล่ลงตัวเลข excel หลายสิบอันมากเพื่อที่จะนำกราฟไปลง pwp แล้ว present ให้ครบชุดตามภาพที่เห็นครับ
ที่ทำเสร็จแล้วบางส่วนก็ประมาณนี้ครับ ภาพนี้ทำสำหรับการดูช่วงที่ยอดขายตกต่ำและ gm ของหุ้นตัวนึงครับ
คนเคยถือหุ้นคงรู้หุ้นอะไร ภาพนี้ทำ sale growth ของหุ้นตัวนึงระยะยาวเพื่อผูกสตอรี่ของความถูกและ risk/reward ก่อนหุ้นเด้ง 10 เท่า ภาพนี้เป็นการดูส่วนของ demand ตัวเลขรถยนต์ในจีนเพื่อที่จะสะท้อน trend ของยางพาราที่ทำให้ sta เป็นหุ้น 25 เด้ง
เอาไว้ทำคืบหน้ามากกว่านี้จะมา update นะครับ
ตอนนี้ยังทำไม่เสร็จ มาบอกเพราะโดนคนทวงครับว่าเคยบอกว่าจะเล่าแล้วทำไมเงียบไปแต่จะทำให้สวยและละเีอียดจริงๆกว่าจะเสร็จแต่ละตัวทำนานมาก นี้ใช้ excel ไป 20 กว่าชุดแล้วยังทำได้แค่ครึ่งเดียวเองครับ
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
สนใจเรื่องบัญชี กลยุทธ์ลงทุน fundflow แจมได้ที่ blog ผม
http://hongvalue.wordpress.com/
-ติดตาม twitter เรื่องหุ้นของผมได้ที่
http://twitter.com/hongvalue
my book
http://wp.me/pzSOv-hP
http://hongvalue.wordpress.com/
-ติดตาม twitter เรื่องหุ้นของผมได้ที่
http://twitter.com/hongvalue
my book
http://wp.me/pzSOv-hP
- hongvalue
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2703
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ
โพสต์ที่ 4
มีอะไรจะแนะนำติชมเพิ่มเติมก็เต็มที่เลยนะครับพี่ปรัชญาปรัชญา เขียน:เขียนเรียบเรียงลำดับการดีมากครับ
สนใจเรื่องบัญชี กลยุทธ์ลงทุน fundflow แจมได้ที่ blog ผม
http://hongvalue.wordpress.com/
-ติดตาม twitter เรื่องหุ้นของผมได้ที่
http://twitter.com/hongvalue
my book
http://wp.me/pzSOv-hP
http://hongvalue.wordpress.com/
-ติดตาม twitter เรื่องหุ้นของผมได้ที่
http://twitter.com/hongvalue
my book
http://wp.me/pzSOv-hP
- reiter
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2308
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ
โพสต์ที่ 5
มารออ่าน
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ
โพสต์ที่ 7
hongvalue เขียน:
มีอะไรจะแนะนำติชมเพิ่มเติมก็เต็มที่เลยนะครับพี่ปรัชญา
ขอขอบคุณ
ที่กรุณานำบทความ ที่รวมวิธีคิดวิเคราะห์ที่ดีมีประโยชน์
ตามรูปแบบการนำเสนอของน้องhongvalue
สำหรับนักลงทุนที่สนใจติดตาม ต่อยอดนำไปใช้งานได้จริงครับ
(เหมือนองค์กรไม่แสวงหากำไร วิธีการลงทุนในหุ้น)
- Segasus_Seiya
- Verified User
- โพสต์: 105
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ
โพสต์ที่ 12
มาติดตามครับ ขอบคุณมากครับ :>
Nice
- romee
- Verified User
- โพสต์: 1850
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ
โพสต์ที่ 13
ผมชอบข้อ1. กับประโยคนี้ "ในอีกมุมนึงถ้าคุณอายุยังน้อยผมเชื่อว่าเกือบทุกคนต้องการเร่งผลตอบแทนการซื้อหุ้นปันผลหรือค่อยๆเติบโตคุณจะอึดอัดมากเวลาเห็นหุ้นตัวอื่นๆขึ้นไปเยอะๆโดยที่คุณไม่ได้มีส่วนร่วม ส่วนใหญ่แล้วจะลงเอยด้วยการเล่นหุ้นอย่างไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่"
ถ้าเป็นพันทิพย์ กระทู้นี้ก็ต้องเป็นกระทู้แนะนำสักเดือนนึง
ถ้าเป็นพันทิพย์ กระทู้นี้ก็ต้องเป็นกระทู้แนะนำสักเดือนนึง
You only live once, but if you do it right, once is enough.
- ซุนเซ็ก
- Verified User
- โพสต์: 1104
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ
โพสต์ที่ 14
มานั่งแถวหน้ารอฟังต่อครับ
ผมไม่ได้อยู่ในเว็บนี้แล้ว, มีอะไรติดต่อได้ทาง FB - 27/9/2555
"วิธีการที่ถูกต้อง มีได้มากกว่าหนึ่งวิธี"
สมุดบันทึกของผม http://suntse.wordpress.com
Facebook https://www.facebook.com/giggswalk
"วิธีการที่ถูกต้อง มีได้มากกว่าหนึ่งวิธี"
สมุดบันทึกของผม http://suntse.wordpress.com
Facebook https://www.facebook.com/giggswalk
- thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ
โพสต์ที่ 15
โอว...
พลาดไม่ได้ครับ งานนี้
ต้องปูเสื่อฟัง
พลาดไม่ได้ครับ งานนี้
ต้องปูเสื่อฟัง
ลงทุนเพื่อชีวิต
-
- Verified User
- โพสต์: 297
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ
โพสต์ที่ 18
ยาวไปเลยครับเสี่ยฮง
- hongvalue
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2703
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ
โพสต์ที่ 19
พอดีเล่นจาก iPad พิมพ์ยาวยังไม่ได้แต่เอาของดีมาฝาก
http://kelive2.kimeng.co.th/KimEng/serv ... 014&lang=2
Link นี้จะทำสรุปกำไรในไตรมาสสี่ของหุ้นไว้เยอะมากๆแล้วแยกเป็นรายอุตสหกรรม
ลองดูครับว่าแต่ละกลุ่มกำไรเป็นยังไงกันบ้างและกำไรของปี 53 โตเท่าไหร่
นี้เป็นข้อมูลดิบเพียงอย่างเดียวมิได้มีการเชิญชวนซื้อหลักทรัพย์ใดๆทั้งสิ้นนะครับ
กลับถึงที่บ้านเกี่ยวไปโพสต่อครับเอาเอกสารดูฆ่าเวลาไปก่อนล่ะกัน
http://kelive2.kimeng.co.th/KimEng/serv ... 014&lang=2
Link นี้จะทำสรุปกำไรในไตรมาสสี่ของหุ้นไว้เยอะมากๆแล้วแยกเป็นรายอุตสหกรรม
ลองดูครับว่าแต่ละกลุ่มกำไรเป็นยังไงกันบ้างและกำไรของปี 53 โตเท่าไหร่
นี้เป็นข้อมูลดิบเพียงอย่างเดียวมิได้มีการเชิญชวนซื้อหลักทรัพย์ใดๆทั้งสิ้นนะครับ
กลับถึงที่บ้านเกี่ยวไปโพสต่อครับเอาเอกสารดูฆ่าเวลาไปก่อนล่ะกัน
สนใจเรื่องบัญชี กลยุทธ์ลงทุน fundflow แจมได้ที่ blog ผม
http://hongvalue.wordpress.com/
-ติดตาม twitter เรื่องหุ้นของผมได้ที่
http://twitter.com/hongvalue
my book
http://wp.me/pzSOv-hP
http://hongvalue.wordpress.com/
-ติดตาม twitter เรื่องหุ้นของผมได้ที่
http://twitter.com/hongvalue
my book
http://wp.me/pzSOv-hP
- hongvalue
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2703
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ
โพสต์ที่ 20
ต่อนะครับ
4.เล่นแบบ bet หมดหน้าตักโดยไม่มีจุด stop loss
พอดีตอนทำเอกสารนี้สอนมือใหม่มีพูดเรื่อง technical แต่เว็บนี้ห้ามโพสเรื่องนี้ ผมจึงขอ adapt เป็นวิธีการ exit ในแบบของ vi แทนแล้วกันนะครับ
จริงๆแล้วในตลาดหุ้นเนี้ยเป็นเรื่องของอารมณ์ก็ค่อนข้างเยอะหลายครั้งเราอาจจะมองหุ้นบางตัวดีเกินไป หรือบางทีก็ไม่ได้ดีเกินไปหรอกเรามองถูกแล้วเพียงแต่ว่ามันดันมีปัจจัยอะไรบางอย่างที่ทำให้สิ่งที่เราคิดเอาไว้ไม่ได้ตามที่คิด
เช่นเราคิดว่าบริษัท telecom จะได้ license 3g แน่นอนแต่บางคนที่อยู่มานานเขาก็เห็นว่าข่าวพวกนี้ก็บอกจะทำมาตั้ง 4-5 ปีแล้วแต่ก็ไม่สำเร็จซักทีหุ้นบางทีถูกเล่นขึ้นไปรับข่าวว่าน่าจะได้ license แน่นอน สมมุติว่าได้จริงราคาหุ้นอาจไปต่อได้แต่ถ้าไม่ได้หุ้นคงลงแรงแบบนี้พอประกาศว่าไม่ได้แล้วข่าวเงียบไปเลยหุ้นก็ลงแรงมากๆอย่างบางตัวลงจาก peak 40% ภายใจไม่กี่อาทิตย์ก็ยังมีเลยแบบนี้เป็นต้น ถ้าใครอัดหมดแล้วเจอแบบนี้คงแย่
หรือหุ้นตัวเล็กๆใน mai หลายๆตัวที่เล่นว่าเป็น growth story ต่อเนื่องแต่อยู่ๆก็ประกาศเพิ่มทุนตั้ง 50% ของทุนที่มีอยู่จาก 200 ล้านหุ้นเป็น 300 ล้านหุ้น คนที่เล่นก่อนหน้านี้คงไม่มีใครรู้ว่าบริษัทจะเพิ่มทุนมากขนาดนี้ แน่นอนอยู่แล้วตลาดหุ้นมีความไม่แน่นอนตลอดเวลา แต่ถ้าคุณอัดหุ้นตัวนี้เต็มพอร์ตตัวเดียวแล้วเจอแบบนี้คงจุกมากทีเดียว
ข้อแนะนำของผมคือถ้าคุณจะเล่นตัวเดียวหนักๆคุณควรซื้อถัวเฉลี่ยขาขึ้นจะเหมาะกว่าซื้อเฉลี่ยขาลง(สำหรับมือใหม่)เหตุผลคืออะไรนะเหรอ เพราะถ้าคุณยังไม่สามารถวิเคราะห์หุ้นได้แตกฉานมากนัก แถมยังชอบอัดไม่กี่ตัวเต็มพอร์ต การซื้อถัวเฉลี่ยขาขึ้นจะช่วยรับมือกับความไม่แน่นอนของตลาดได้อย่างกรณีบริษัทที่ประกาศเพิ่มทุนที่ว่านี้ สมมุติว่าคุณประเมินราคาที่เหมาะสมใน 3 ปีก่อน (ขอเน้นว่า 3 ปีก่อนไม่ใช่ปัจจุบันผมไม่ได้ใบ้หุ้นนะครับ กรุณาอ่านดีๆ) 18 บาทกรณีที่บริษัทไม่ได้เพิ่มทุนหรือเพิ่มก็ซักไม่เกิน 10% ของทุนเดิม ถ้าคุณถัวเฉลี่ยขาขึ้นอย่างเช่นแบ่งเป็น 3 ไม้จะเอา 100000 หุ้นก็ใช้แบบฐานล่างเยอะสุดก็คือซื้อ
40000หุ้นถ้าขึ้นซัก 5% ก็ซื้อเพิ่มอีกซัก 30000 หุ้นถ้าขึ้นอีกซัก 10% ก็ค่อยซื้อเพิ่มอีกเป็นต้น สิ่งที่จะเกิดขึ้นจะมี 2 แบบ
1.ถ้าคุณซื้อยังไม่ครบแล้วบริษัทประกาศเพิ่มทุนมากแบบ surprise คุณจะเจ็บตัวน้อยเพราะจำนวนหุ้นไม่ได้เยอะมากอย่างที่ตั้งใจจะซื้อและเมื่อคุณเห็นว่าราคาเหมาะสมน่าจะต่ำกว่าที่คุณเคยคิดคุณก็ขายหุ้นที่ซื้อออกไปนี้ออกมาซะ
2.ถ้าคุณซื้อครบนั้นแสดงว่าคุณต้องมีกำไรแล้วถูกไหมเพราะถ้าไม่กำไรไม้สองกับสามจะไม่ตามมาดังนั้น ถ้าซื้อครบแล้วค่อยเจอข่าวร้ายแบบ surprise หุ้นอาจแค่ลงมาถึงทุนของคุณเท่านั้นเอง
วิธีที่ผมว่ามานี้อาจดูยุ่งยากแต่มันอาจจะช่วยมือใหม่ที่ชอบอัดหุ้นหนักๆไม่กี่ตัวแล้วยังวิเคราะห์หุ้นได้ไม่ลึกซึ้งมากในการเอาตัวรอดจากความไม่แน่นอนของตลาดได้
ส่วนคนที่มั่นใจในการวิเคราะห์ของตัวเองว่าถูกแน่นอนก็อาจจะซัดไม้เดียวหมดหรือซื้อถัวขาลงก็แล้วแต่เพราะถ้าท่านวิเคราะห์ได้ขาดจริงๆแล้วหุ้นลงเพราะตลาดไม่มีประสิิืทธิภาพสุดท้ายหุ้นท่านก็จะกลับมาได้ แต่สำหรับผมส่วนตัวผมไม่กล้าซื้อถัวขาลง แต่ผมก็ไม่ได้บอกว่าวิธีนี้ดีหรือไม่ดีนะ
4.เล่นแบบ bet หมดหน้าตักโดยไม่มีจุด stop loss
พอดีตอนทำเอกสารนี้สอนมือใหม่มีพูดเรื่อง technical แต่เว็บนี้ห้ามโพสเรื่องนี้ ผมจึงขอ adapt เป็นวิธีการ exit ในแบบของ vi แทนแล้วกันนะครับ
จริงๆแล้วในตลาดหุ้นเนี้ยเป็นเรื่องของอารมณ์ก็ค่อนข้างเยอะหลายครั้งเราอาจจะมองหุ้นบางตัวดีเกินไป หรือบางทีก็ไม่ได้ดีเกินไปหรอกเรามองถูกแล้วเพียงแต่ว่ามันดันมีปัจจัยอะไรบางอย่างที่ทำให้สิ่งที่เราคิดเอาไว้ไม่ได้ตามที่คิด
เช่นเราคิดว่าบริษัท telecom จะได้ license 3g แน่นอนแต่บางคนที่อยู่มานานเขาก็เห็นว่าข่าวพวกนี้ก็บอกจะทำมาตั้ง 4-5 ปีแล้วแต่ก็ไม่สำเร็จซักทีหุ้นบางทีถูกเล่นขึ้นไปรับข่าวว่าน่าจะได้ license แน่นอน สมมุติว่าได้จริงราคาหุ้นอาจไปต่อได้แต่ถ้าไม่ได้หุ้นคงลงแรงแบบนี้พอประกาศว่าไม่ได้แล้วข่าวเงียบไปเลยหุ้นก็ลงแรงมากๆอย่างบางตัวลงจาก peak 40% ภายใจไม่กี่อาทิตย์ก็ยังมีเลยแบบนี้เป็นต้น ถ้าใครอัดหมดแล้วเจอแบบนี้คงแย่
หรือหุ้นตัวเล็กๆใน mai หลายๆตัวที่เล่นว่าเป็น growth story ต่อเนื่องแต่อยู่ๆก็ประกาศเพิ่มทุนตั้ง 50% ของทุนที่มีอยู่จาก 200 ล้านหุ้นเป็น 300 ล้านหุ้น คนที่เล่นก่อนหน้านี้คงไม่มีใครรู้ว่าบริษัทจะเพิ่มทุนมากขนาดนี้ แน่นอนอยู่แล้วตลาดหุ้นมีความไม่แน่นอนตลอดเวลา แต่ถ้าคุณอัดหุ้นตัวนี้เต็มพอร์ตตัวเดียวแล้วเจอแบบนี้คงจุกมากทีเดียว
ข้อแนะนำของผมคือถ้าคุณจะเล่นตัวเดียวหนักๆคุณควรซื้อถัวเฉลี่ยขาขึ้นจะเหมาะกว่าซื้อเฉลี่ยขาลง(สำหรับมือใหม่)เหตุผลคืออะไรนะเหรอ เพราะถ้าคุณยังไม่สามารถวิเคราะห์หุ้นได้แตกฉานมากนัก แถมยังชอบอัดไม่กี่ตัวเต็มพอร์ต การซื้อถัวเฉลี่ยขาขึ้นจะช่วยรับมือกับความไม่แน่นอนของตลาดได้อย่างกรณีบริษัทที่ประกาศเพิ่มทุนที่ว่านี้ สมมุติว่าคุณประเมินราคาที่เหมาะสมใน 3 ปีก่อน (ขอเน้นว่า 3 ปีก่อนไม่ใช่ปัจจุบันผมไม่ได้ใบ้หุ้นนะครับ กรุณาอ่านดีๆ) 18 บาทกรณีที่บริษัทไม่ได้เพิ่มทุนหรือเพิ่มก็ซักไม่เกิน 10% ของทุนเดิม ถ้าคุณถัวเฉลี่ยขาขึ้นอย่างเช่นแบ่งเป็น 3 ไม้จะเอา 100000 หุ้นก็ใช้แบบฐานล่างเยอะสุดก็คือซื้อ
40000หุ้นถ้าขึ้นซัก 5% ก็ซื้อเพิ่มอีกซัก 30000 หุ้นถ้าขึ้นอีกซัก 10% ก็ค่อยซื้อเพิ่มอีกเป็นต้น สิ่งที่จะเกิดขึ้นจะมี 2 แบบ
1.ถ้าคุณซื้อยังไม่ครบแล้วบริษัทประกาศเพิ่มทุนมากแบบ surprise คุณจะเจ็บตัวน้อยเพราะจำนวนหุ้นไม่ได้เยอะมากอย่างที่ตั้งใจจะซื้อและเมื่อคุณเห็นว่าราคาเหมาะสมน่าจะต่ำกว่าที่คุณเคยคิดคุณก็ขายหุ้นที่ซื้อออกไปนี้ออกมาซะ
2.ถ้าคุณซื้อครบนั้นแสดงว่าคุณต้องมีกำไรแล้วถูกไหมเพราะถ้าไม่กำไรไม้สองกับสามจะไม่ตามมาดังนั้น ถ้าซื้อครบแล้วค่อยเจอข่าวร้ายแบบ surprise หุ้นอาจแค่ลงมาถึงทุนของคุณเท่านั้นเอง
วิธีที่ผมว่ามานี้อาจดูยุ่งยากแต่มันอาจจะช่วยมือใหม่ที่ชอบอัดหุ้นหนักๆไม่กี่ตัวแล้วยังวิเคราะห์หุ้นได้ไม่ลึกซึ้งมากในการเอาตัวรอดจากความไม่แน่นอนของตลาดได้
ส่วนคนที่มั่นใจในการวิเคราะห์ของตัวเองว่าถูกแน่นอนก็อาจจะซัดไม้เดียวหมดหรือซื้อถัวขาลงก็แล้วแต่เพราะถ้าท่านวิเคราะห์ได้ขาดจริงๆแล้วหุ้นลงเพราะตลาดไม่มีประสิิืทธิภาพสุดท้ายหุ้นท่านก็จะกลับมาได้ แต่สำหรับผมส่วนตัวผมไม่กล้าซื้อถัวขาลง แต่ผมก็ไม่ได้บอกว่าวิธีนี้ดีหรือไม่ดีนะ
สนใจเรื่องบัญชี กลยุทธ์ลงทุน fundflow แจมได้ที่ blog ผม
http://hongvalue.wordpress.com/
-ติดตาม twitter เรื่องหุ้นของผมได้ที่
http://twitter.com/hongvalue
my book
http://wp.me/pzSOv-hP
http://hongvalue.wordpress.com/
-ติดตาม twitter เรื่องหุ้นของผมได้ที่
http://twitter.com/hongvalue
my book
http://wp.me/pzSOv-hP
- hongvalue
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2703
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ
โพสต์ที่ 22
5.ไม่คิดก่อนว่าถ้าราคาขึ้นหรือลงไปเท่าไหร่จะทำอย่างไร
ข้อนี้จริงๆแล้วในเอกสารทำขึ้นมาเพื่อพูดเรื่องเทคนิคแต่ผมคิดว่ามันสามารถประยุกต์มาพูดแบบ vi ด้วยได้เช่นกัน
ขอนี้ผมขออนุญาติพูดถึงการบริหารพอร์ตที่พี่ yoyo เคยโพสไว้เรื่องการทำ excel เรื่องราคาเป้าหมายของหุ้นแล้วคอยปรับให้พอร์ต undervalue อยู่ตลอดเวลา ถ้าใครเคยอ่านของพี่ yoyo แล้วก็ขอโทษที่ฉายหนังซ้ำ
สำหรับคนที่มีหุ้นหลายตัวในพอร์ตการทำให้พอร์ตมีหุ้นที่รวมๆแล้วค่อนข้าง undervalue อยู่ตลอดเวลาเป็นสิ่งที่เราใช้ประโยชน์จากความไม่มีประสิทธิภาพของตลาดได้ เช่นหุ้น
a เราคิดว่า upside 30%
ิb ก็คิดว่า 30%
เราก็ควรคิดไว้ก่อนว่าถ้า a ขึ้นมาที่ x บาท a จะเหลือ upside แค่10% ถ้าตอนนั้น b ยังไม่ึขึ้นเราจะขาย a เพื่อไปซื้อ b เพิ่มที่นี้พอร์ตของเราโดยรวมก็จะยัง undervalue (ในสายตาเรา)โดยที่เราได้ take profit หุ้น a ออกมาแล้วด้วยแต่พอร์ตก็ยัง undervalue เจ๋งไหม ถ้าเจ๋งก็ตรบมือให้พี่ yoyo ครับ
ถามว่าเรื่องบริหารพอร์ตแบบนี้มันเกี่ยวอะไรกับหัวข้อที่ผมพูดครับ เกี่ยวตรงที่ว่าถ้าท่านไม่ได้คิดแบบนี้ล่วงหน้าไว้ก่อนเวลาหุ้น a ขึ้นไปท่านก็ไม่ได้ขาย ท่านก็คิดว่า เย้ หุ้นตรูเขียวแล้วขอให้พรุ่งนี้เขียวอีกนะ นะ นะ นะ สรุปก็ไม่ได้ปรับพอร์ตอะไรแบบนี้เป็นต้น
ที่นี้ถ้าคนที่มีหุ้นตัวเดียวล่ะแบบว่าชอบอัดตัวเดียวล่ะทำไงก็ใช้วิธีแบบที่พี่ picatos เพิ่งโพสเร็วๆนี้ก็คือว่าถ้าปีหน้าคุณมองว่าหุ้นจะทำกำไรได้ระหว่าง(ตัวเลข make ลอยๆนะไม่เกี่ยวกับหุ้นตัวไหนเลย)
1-1.4 pe ต่ำสุดน่าจะได้ซัก8 สูงสุดซัก 12
ถ้าราคาหุ้นถึงโซน 8 บาทคุณอาจจะเริ่มลดลงซัก 15-20%
แต่ถ้าถึงโซน 16.8 (1.4x12) คุณก็ขายที่ยังเหลือให้หมด
สิ่งที่คุณควรทำคือตั้ง alert ในมือถือหรือบอกมาร์เก็ตติ้งว่าถ้าราคาเท่านั้นเท่านี้ให้โทรมาบอกหน่อยจะขายเท่านุ่นเท่านี้ก็ว่ากันไป
ส่วนถ้าคุณถามว่าแล้วถ้าอัดตัวเดียวแล้วมันตกเลยล่ะทำไงก็จะกลับไปข้อที่ 4 ที่ผมโพสเมื่อกี้ว่าถ้าคุณมือใหม่ก็ซื้อถัวขาขึ้น ถ้ามือเก่าก็แล้วแต่คุณเลย
แบบนี้เป็นต้น
ข้อนี้จริงๆแล้วในเอกสารทำขึ้นมาเพื่อพูดเรื่องเทคนิคแต่ผมคิดว่ามันสามารถประยุกต์มาพูดแบบ vi ด้วยได้เช่นกัน
ขอนี้ผมขออนุญาติพูดถึงการบริหารพอร์ตที่พี่ yoyo เคยโพสไว้เรื่องการทำ excel เรื่องราคาเป้าหมายของหุ้นแล้วคอยปรับให้พอร์ต undervalue อยู่ตลอดเวลา ถ้าใครเคยอ่านของพี่ yoyo แล้วก็ขอโทษที่ฉายหนังซ้ำ
สำหรับคนที่มีหุ้นหลายตัวในพอร์ตการทำให้พอร์ตมีหุ้นที่รวมๆแล้วค่อนข้าง undervalue อยู่ตลอดเวลาเป็นสิ่งที่เราใช้ประโยชน์จากความไม่มีประสิทธิภาพของตลาดได้ เช่นหุ้น
a เราคิดว่า upside 30%
ิb ก็คิดว่า 30%
เราก็ควรคิดไว้ก่อนว่าถ้า a ขึ้นมาที่ x บาท a จะเหลือ upside แค่10% ถ้าตอนนั้น b ยังไม่ึขึ้นเราจะขาย a เพื่อไปซื้อ b เพิ่มที่นี้พอร์ตของเราโดยรวมก็จะยัง undervalue (ในสายตาเรา)โดยที่เราได้ take profit หุ้น a ออกมาแล้วด้วยแต่พอร์ตก็ยัง undervalue เจ๋งไหม ถ้าเจ๋งก็ตรบมือให้พี่ yoyo ครับ
ถามว่าเรื่องบริหารพอร์ตแบบนี้มันเกี่ยวอะไรกับหัวข้อที่ผมพูดครับ เกี่ยวตรงที่ว่าถ้าท่านไม่ได้คิดแบบนี้ล่วงหน้าไว้ก่อนเวลาหุ้น a ขึ้นไปท่านก็ไม่ได้ขาย ท่านก็คิดว่า เย้ หุ้นตรูเขียวแล้วขอให้พรุ่งนี้เขียวอีกนะ นะ นะ นะ สรุปก็ไม่ได้ปรับพอร์ตอะไรแบบนี้เป็นต้น
ที่นี้ถ้าคนที่มีหุ้นตัวเดียวล่ะแบบว่าชอบอัดตัวเดียวล่ะทำไงก็ใช้วิธีแบบที่พี่ picatos เพิ่งโพสเร็วๆนี้ก็คือว่าถ้าปีหน้าคุณมองว่าหุ้นจะทำกำไรได้ระหว่าง(ตัวเลข make ลอยๆนะไม่เกี่ยวกับหุ้นตัวไหนเลย)
1-1.4 pe ต่ำสุดน่าจะได้ซัก8 สูงสุดซัก 12
ถ้าราคาหุ้นถึงโซน 8 บาทคุณอาจจะเริ่มลดลงซัก 15-20%
แต่ถ้าถึงโซน 16.8 (1.4x12) คุณก็ขายที่ยังเหลือให้หมด
สิ่งที่คุณควรทำคือตั้ง alert ในมือถือหรือบอกมาร์เก็ตติ้งว่าถ้าราคาเท่านั้นเท่านี้ให้โทรมาบอกหน่อยจะขายเท่านุ่นเท่านี้ก็ว่ากันไป
ส่วนถ้าคุณถามว่าแล้วถ้าอัดตัวเดียวแล้วมันตกเลยล่ะทำไงก็จะกลับไปข้อที่ 4 ที่ผมโพสเมื่อกี้ว่าถ้าคุณมือใหม่ก็ซื้อถัวขาขึ้น ถ้ามือเก่าก็แล้วแต่คุณเลย
แบบนี้เป็นต้น
สนใจเรื่องบัญชี กลยุทธ์ลงทุน fundflow แจมได้ที่ blog ผม
http://hongvalue.wordpress.com/
-ติดตาม twitter เรื่องหุ้นของผมได้ที่
http://twitter.com/hongvalue
my book
http://wp.me/pzSOv-hP
http://hongvalue.wordpress.com/
-ติดตาม twitter เรื่องหุ้นของผมได้ที่
http://twitter.com/hongvalue
my book
http://wp.me/pzSOv-hP
- กล้วยไม้ขาว
- Verified User
- โพสต์: 1074
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ
โพสต์ที่ 24
เทพหน้าเด็กกลับมาให้ความรู้อีกครั้ง
ขอบคุณมากๆครับ อธิบายและเรียบเรียงได้ดีมากครับ
ผมพยายามจะเขียนหลักการ TA และ MM ที่ประยุกต์ใช้กับ VI เหมือนกัน
แต่อธิบายได้ไม่ดี ไม่ละเอียดและไม่ชัดเจนเท่านี้ เพราะความรู้ผมยังน้อยนัก
เดี๋ยวนี้คุณฮงสุดยอดยิ่งกว่าเดิมอีกนะครับ นอกจากลงทุนเก่งแล้วยังสอนคนเก่งอีก
ขอบคุณมากๆครับ อธิบายและเรียบเรียงได้ดีมากครับ
ผมพยายามจะเขียนหลักการ TA และ MM ที่ประยุกต์ใช้กับ VI เหมือนกัน
แต่อธิบายได้ไม่ดี ไม่ละเอียดและไม่ชัดเจนเท่านี้ เพราะความรู้ผมยังน้อยนัก
เดี๋ยวนี้คุณฮงสุดยอดยิ่งกว่าเดิมอีกนะครับ นอกจากลงทุนเก่งแล้วยังสอนคนเก่งอีก
- untrataro25
- Verified User
- โพสต์: 952
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ
โพสต์ที่ 25
เยี่ยมไปเลยค้าบ
"เพราะเรียบง่าย จึงชนะ"
-
- Verified User
- โพสต์: 1808
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กน้อยก็ยังดีครับ
โพสต์ที่ 27
พี่ฮงกลับมาโพสแล้ว
"Risk comes from not knowing what you're doing" - Warren Buffet
สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย
http://www.sarut-homesite.net/
สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย
http://www.sarut-homesite.net/