ถ้าวันนึงมีโอกาสได้เงินมา150-200ล้าน จะลงทุนให้100%เลยหรือไม

[newbievi]

คือ ทางบ้านผมกำลังจะเลิกกิจการที่ทำมานาน ซึ่งส่งผลให้อาจจะมีเงินเหลือก้อนใหญ่ก้อนนึง และครอบครัวผมมีแผนว่าจะขายทรัพสินที่เป็นโรงงานไเพื่อมาเป็นเงินทุน โดยเบ็ดเสร็จแล้วน่าจะมีเงินรวมกันทั้งหมดประมาณ150-200หรืออาจจะมากกว่านั้น ซึ่งผมเองคิดว่าจะนำเงินนี้มาทยอยลงทุนจนครบ(เหลือไว้ส่วนนึงให้พ่อแม่ผมใช้) ถ้าเป็นพวกพี่ๆจะทำอย่างไรครับ แล้วในกรณีที่ผมลงทุนในหุ้นหมด ผมควรจะกระจายความเสี่ยงถือหุ้นอย่า่งน้อยกี่ตัวครับ เพราะตอนนี้ผมเองก้อลงทุนในหุ้นอยู่ พอร์ตยังเล็กไม่กี่ล้าน ถือหุ้นอยู่4ตัว แต่ถ้าเป็นพอร์ตใหญ่ขนาดนั้น ผมยังไม่มีประสบการณ์ครับว่าควรกระจายความเสี่ยงมากแค่ไหน รบกวนแนะนำด้วยนะครับ

[OutOfMyMind]

ผมยังไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนั้นมาก่อนเลยครับ แต่ถ้าเป็นผมนะ มันมีทางเลือกสองทาง
1 ถ้าไม่อยากเอาจริงเอาจังกับการเป็น VI มากนักเพราะมีอย่างอื่นที่ท้าทายน่าทำกว่า ก็ไปทำสิ่งนั้น แล้วหามืออาชีพ พวก ผจก กองทุนช่วยบริหารให้
2 ถ้าเอาทุ่มเทกับการเป็น VI ก็บริหารเองเลยครับ แต่ไม่จำเป็นต้องเอามาทุ่มทั้งหมด ถือเงินส่วนใหญ่ไว้ก่อนก็ได้ ใจเย็น ๆ เดี๋ยวก็มีวิกฤติ ปีนี้ ปี้หน้า 3ปี 5ปี หรือ 10ปีข้างหน้า ยังไงวิกฤติก็มาอีกเมื่อนั่นก็เอาเข้ามาเต็ม ๆ ทำอย่างนี้มีแต่รวยกับรวย เงินร้อยล้าน เพียงพอให้คุณอยู่เฉย ๆ ไปได้นานมาก let's wait for a perfect pitch!

แชร์กันครับ อิจฉานะเนี่ย

[jo7393]

ธุรกิจที่จะเลิก คงไม่ใช่ร้านทองนะครับ
ผมเองก็เบื่อกับธุรกิจนี้อย่างมากตอนนี้ ทองแพง ขายน้อยลงเรื่อยๆ เล็งๆไว้หมือนกัน
อย่างแรกมีประสบการณ์มากน้อยแค่ไหนใน ตลาดหุ้นครับ หมายถึงการเป็น VI นะครับ
อย่างที่สองเคยประสบความสำเร็จจากการลงทุนด้านนี้ แค่ไหน และนานเท่าไร
ได้ลองพิจรณากรณีที่ผลตอบแทนในตลาดพันธบัตร เพียงพอที่จะมีอิสระทางการเงินดูหรือยังครับ หากเป็นครอบครัวใหญ่ เงินระดับนี้กับผลตอบแทนพันธบัตรก็ไม่มากเท่าไร เพียงพออยู่ได้ ไม่เดือดร้อน หากครอบครัวเล็ก ผลตอบแทนพันธบัตร ก็ถือว่ามากพอ ไม่เสี่ยงเสียเงินต้น
คิดให้รอบคอบก่อนครับ หากเป็นงเงินของครอบครัว น่าจะเป็นเงินที่ใช้เวลาหามาทั้งชีวิต ของคุณพ่อ คุณแม่ หรือแม้แต่ตัวเราที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรง ครับ คิดให้รอบคอบสักนิด

[densin]

- หาวิชาก่อน อ่านหนังสือหลายเล่มทุกๆแนวทาง รวมทั้งลงอบรมหลายๆที่ เช่นของสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุน
- ไล่อ่านกระทู้ตามเวบต่างๆโดยเฉพาะกระทู้เก่าๆย้อนหลัง ยิ่งเก่ายิ่งดี ให้เห็นวัฐจักรเวียนไหว้ตายเกิดของหุ้น
- ลงทุนแรกๆมักจะต้องเสียเงินก่อนเป็นค่าวิชา ดังนั้นควรจะเริมน้อยๆก่อน เริ่มเท่าที่ยอมเสียได้ทั้งหมด
พอมั่นใจเจอสิ่งที่ใช่ ค่อยๆเพิ่มสัดส่วนการลงทุน

ส่วนเงินที่ยังไม่ลงทุน อาจจะแบ่งไปลงทุนผ่านกองทุนไปก่อนก็ได้
มีกองทุนมากมายให้เลือกสรร ผลตอบแทนไม่แพ้ลงทุนเอง (โดนเฉพาะตอนแรกๆ)
ถ้าจัดพอร์ทการลงทุนยังไม่เป็น สามารถหาบริการที่ปรึกษาจัดพอร์ทได้ เงินขนาดนี้เขาปรึกษากันฟรีอยู่แล้วครับ

เงินทองหามายาก พยายามอย่าให้สูญหาย เดี่ยวผลตอบแทนมาที่หลังเอง

[murder_doll]

ฝากประจำ

[ส.สลึง]

ถ้าเป็นผม
คงเริ่มจากทานดอกเบี้ย
แล้วค่อยทยอยปรับพอร์ตเอา
ตามแต่ความรู้
แล้วก็โอกาสจะอำนวย

[ซุนเซ็ก]

เงินจำนวนนี้ ใช้กันทั้งกงสีหรือคนเดียวครับ?
ถ้าใช้คนเดียวแล้วกันส่วนที่ให้พ่อแม่ ยังเหลือ 100 กว่าล้าน
ผมคิดว่า...ไม่ต้องลงทุนหุ้นแล้วครับ
แบ่งไปซื้อกองทุนบ้าง หุ้นกู้บ้าง ไม่ก็ซื้อบูลชิพทิ้งไว้บ้าง
ผลตอบแทนปีละ 5-6% ประมาณปีละ 5-6 ล้าน
มีรายได้เดือนละ 4-5 แสน เหลือๆแล้วครับ

เงินเท่านี้สามารถทำให้คุณจขกท. มีอิสระภาพทางการเงินได้แล้ว
ไม่มีความจำเป็นต้องมาลงทุนหุ้น 100% ให้เครียด
เงินไม่ใช่ความสุขครับ เงินมีไว้ซื้อความสุข
หาความสุขให้ชีวิตได้แล้วครับ ซื้อที่อยากได้ ไปที่อยากไป พาพ่อแม่ท่านไปเที่ยว

แสดงความยินดีด้วยครับ

[madam]

Scenario คล้ายดิฉันมากเลยค่ะ

ที่บ้านเริ่มจะ fade จากธุรกิจ SME มาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ โดยให้ดิฉันเป็นคนดูแล
cashflow ครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งที่บ้านยังกังวลกับความเสี่ยงอยู่ เลยเอาไปฝากประจำกินดอกเบี้ยไปพลางๆ จนกว่าครึ่งหนึ่งที่ดิฉันบริหารอยู่ สะท้อนผลตอบแทนที่ดีออกมา

น่าจะ fade จากธุรกิจโรงงานนี้จนเหลือ 0% ภายใน 5 ปีค่ะ เป็นโรงงานขึ้นรูปอลูมิเนียมทุกชนิดค่ะ

ลองแลกเปลี่ยนกันนะคะ

[jojolorsud]

เงินจำนวนนี้ ใช้กันทั้งกงสีหรือคนเดียวครับ?
ถ้าใช้คนเดียวแล้วกันส่วนที่ให้พ่อแม่ ยังเหลือ 100 กว่าล้าน
ผมคิดว่า...ไม่ต้องลงทุนหุ้นแล้วครับ
แบ่งไปซื้อกองทุนบ้าง หุ้นกู้บ้าง ไม่ก็ซื้อบูลชิพทิ้งไว้บ้าง
ผลตอบแทนปีละ 5-6% ประมาณปีละ 5-6 ล้าน
มีรายได้เดือนละ 4-5 แสน เหลือๆแล้วครับ

เงินเท่านี้สามารถทำให้คุณจขกท. มีอิสระภาพทางการเงินได้แล้ว
ไม่มีความจำเป็นต้องมาลงทุนหุ้น 100% ให้เครียด
เงินไม่ใช่ความสุขครับ เงินมีไว้ซื้อความสุข
หาความสุขให้ชีวิตได้แล้วครับ ซื้อที่อยากได้ ไปที่อยากไป พาพ่อแม่ท่านไปเที่ยว

แสดงความยินดีด้วยครับ

+1 จ้า

รายได้เดือนละแสนก็เหลือแล้วครับ
แบ่งไปชื้อพวกความเสี่ยงต่ำไว้ด้วยดีกว่า เพราะหุ้นมันเป็นสิ่งที่เอาแน่เอานอนไม่ได้
แต่ถ้าอายุยังน้อยก็ยัดไว้ในหุ้นเต็มที่เลยครับ เพราะระยะยาวมันย่อมจะให้ผลตอบแทนที่ดี

แต่ถ้าอายุมากแล้ว(50+) ผมว่าเน้นลดความเสี่ยงดีกว่า ไว้ให้ลูกหลานได้ใช้ด้วย

[iSpurs]

7thLTG ครับ ถือยาวๆ

[newbievi]

เป็นเงินของครอบครัวผมครอบครัวเดียวครับ ซึ่งใจผมเองนั้นรักการลงทุนในหุ้นมาก ถึงแม้จะลงทุนมาได้ไม่กี่เดือน แต่ก่อนนั้นก้ออ่านหนังสือการลงทุนมานานพอสมควร แต่ด้วยประสบการณ์ที่ยังน้อยอยู่(ผมเองอายุ25) และเงินก้อนใหญ่ขนาดนี้เลยยังไม่มั่นใจว่าจะบริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพแค่ไหน เพราะอยากจะให้เงินก้อนนี้โตขึ้นเรื่อยๆครับ ถึงแม้จะรู้ดีว่าแค่ลำพังฝากแบงค์ ซื้อพันธบัตร ก้ออยู่กินสบายแทบจะทั้งชีวิตอยู่แล้ว แต่ยังเป็นห่วงเรื่องการกระสายความเสี่ยงในพอร์ตแหล่ะครับว่า ถ้าพอร์ตเงินใหญ่่ระดับนี้ ผมควรกระจายความเสี่ยงถือหุ้นประมาณกี่ตัว เพราะถ้าจะยึดหลักถือไม่เกิน3-4ตัวอย่างตอนนี้ ผมก้อรู้สึกว่ามันเสี่ยงเกินไปรึป่าว รบกวนแนะนำเรื่องการกระจายความเสี่ยงด้วยครับ ขอบคุณครับ

[birth_pianist]

ในเมื่อคุณไม่มีภาระทางการเงินมีเงินเหลือมากขนาดนี้...ผมว่ารอซื้อหุ้นดีที่มีความสามารถในการแข่งขันในอุตสาหกรรม

ราคาถูกๆ ซื้อหุ้นแกรนด์เซล์ช่วงหลังวิกฤติ คุณอาจถือต่อไปหลายปีได้สบายใจ

เพราะคุณซื้อหุ้นที่มี mos สูงย่อมสบายใจไม่หวั่นไหวกับราคาหุ้น ไม่เสียสุขภาพจิตมีปันผลกินสบายๆ

ปล.ผมแนะนำไรไม่ได้มาก...เพราะผมก็พึ่งลงทุนไม่นาน ผมคิดว่าซื้อกิจการที่ดีในราคาที่เหมาะสม คุณปลอดภัยแน่

[ซุนเซ็ก]

ผมก็ถือหุ้น 3 ตัว อย่างมากไม่เกิน 5 ตัวครับ โดยมากวีไอก็จะประมาณนี้กันนะเท่าที่ทราบ
แบบนี้ดีมั้ยครับพี่ พี่ก็ลงทุนซักไม่เกิน 10 ล้านฝึกความเป็นวีไอให้แข็งแกร่งๆ
เงินที่เหลือก็เอาไปใส่ไว้กับเงินฝาก กองทุน หุ้นกู้ พวกนี้ไปก่อน
รอเศรษฐกิจล่มคราวหน้า คอยเอาเงิน 60-70 ล้านมาทุ่มซื้อหุ้น bluechip ในราคาถูกๆ

[newbievi]

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำของทุกท่านนะครับ

[^^]

ทุกสิ่งล้วนไม่เที่ยง ใจถูกกระทบด้วยสิ่งไม่ปกติ เลยร้อนรน
เหมือนคนถูกหวยรางวัลแจ๊กพอต เหตุอันใด กลับจนเหมือนเดิม

ระงับความไม่ปกติออกจากใจ อย่าให้ความกระหายอยากได้ผลตอบแทนมาครอบงำ
หากท่านเก่งจริง พอร์ตไม่กี่ล้านของท่านก็จะตามไปหา150-200ได้ไม่ยากหรอก

ในความแน่นอนมีความไม่แน่นอนอยู่

โดยส่วนตัว หากคิดว่าการได้เงินก้อนโตคือการยืดอายุชีวิตคุณได้นานขึ้นจะดีกว่า
มีเงินเผื่อวิกฤต
บ้านไฟไหม้ ก็มีเงินซื้อบ้าน
ใครไม่สบาย ก็เข้าโรงพยาบาลได้
แต่งงานก็มีสินสอด
ก่อนตาย ก็มีประกัน

[newbievi]

Scenario คล้ายดิฉันมากเลยค่ะ

ที่บ้านเริ่มจะ fade จากธุรกิจ SME มาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ โดยให้ดิฉันเป็นคนดูแล
cashflow ครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งที่บ้านยังกังวลกับความเสี่ยงอยู่ เลยเอาไปฝากประจำกินดอกเบี้ยไปพลางๆ จนกว่าครึ่งหนึ่งที่ดิฉันบริหารอยู่ สะท้อนผลตอบแทนที่ดีออกมา

น่าจะ fade จากธุรกิจโรงงานนี้จนเหลือ 0% ภายใน 5 ปีค่ะ เป็นโรงงานขึ้นรูปอลูมิเนียมทุกชนิดค่ะ

ลองแลกเปลี่ยนกันนะคะ

บ้านผมทำเกี่ยวกับเสื้อผ้าครับ ซึ่งวางแผนไว้กับแม่คร่าวๆว่าจะค่อยๆยุบภายในสามปีัหรืออย่างช้าปีที่สี่ ซึ่งอาจจะต้องจ่ายชดเชยสำหรับคนงานจำนวนนึงที่วันนั้นยังทำงานอยู่ครับ (เงินก้อนที่ว่าหักเผื่อที่จะจ่ายชดเชยทิ้งไปแล้ว) โดยหลังจากปิดก้อจะนำโรงงานไปขายครับเพืื่อแปลงมาเป็นทุนเพราะไม่รุ้จะเก็บไว้ทำอะไร ซึ่งมีทั้งที่อยู่กรุงเทพและต่างจังหวัด เงินที่ได้มาส่วนนึงผมจะกันไว้ให้พ่อแม่เลย30-40ล้าน ให้ท่านซื้อความสุขเต็มที่เพราะทำงานเหนื่อยมามากแล้ว ประมาณ30ปี ต้องเจอกับความกดดันต่างๆนานา ส่วนเงินที่เหลือผมก้อจะเอาไปต่อยอดลงทุนให้งอกเงยเรื่อยๆ เพราะยังต้องดูแลน้องสาวอยู่ครับ

[mosaj]

หนึ่ง ถ้าเราเลิกกิจการแล้วเราควรจะมี รายได้ที่มั่งคง ในการดำรงชีวิตได้ไม่ต่างจากการที่เรามีรายได้จากกิจการอยู่ ดังนั้น ผมจะแบ่งเงินไปในผลิตภัณฑ์ที่ให้ผลตอบแทนที่แน่นอนแก่เราก่อน ซึ่งขึ้นอยู่กับ ค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพของครอบครัวเราก่อน
เพราะว่า จากที่ถาม เห็นว่าเป็นเงินที่ต้องให้ทั้งครอบครัว ดังนั้น ความมั่งคงและความสม่ำเสมอของรายได้ น่าจะมาก่อน

สอง การจะกระจายความเสี่ยงไปในหุ้นหลายหุ้นมากขึ้น ควรจะต้อง เพิ่มขีดความสามารถของเราเองก่อน ค่อยๆลงทุนไปเพิ่มประสบการณ์การลงทุน

สำหรับผมคงไม่ลงในหุ้นทั้ง 100%(ถ้าเม็ดเงินอย่างที่ว่า) แต่ต้องมีส่วนมาลงในหุ้น แน่ๆ แต่สัดส่วนจะเป็นอย่างไรนั้นผมว่าก็ขึ้นกับสภาวการณ์ ณ ช่วงเวลา นั้นไป
ส่วนการจะลงในหุ้นกี่ตัวก็ คงจะไม่กำหนดแน่นอน แล้วแต่ว่าจะเจอหุ้นที่เข้าสเปค หรือเปล่า ถ้าเจอน้อยตัวก็ลงน้อยตัว แต่ถ้าเจอมากก็ ประกวดกันให้ได้ 7-8 ตัว ไม่เกินนี้

[jiji]

ส่วนตัวก็ plan เหมือนกันเพราะ ทรัพย์สินน่าจะถึง9หลัก สิ่งทีคิดว่าจะทำและกำลังทยอยทำ
1.ซื้อที่ดิน ทำเลดีๆ ซื้อเก็บไปเรื่อย ที่ดินไม่งอกเหมือนทอง ยังไงก็ราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ ได้ราคาดีก็ขาย
2.ซื้อพันธบัตร หุ้นกู้(ดูความน่าเชื่อถือของบริษัทด้วย)
3.ฝากธนาคาร หรือกองทุนตราสารหนี้ที่มีสภาพคล่องสูง
4.ลงทุนในหุ้น high risk high return ดูจังหวะเข้าซื้อให้ดีMOS เยอะๆ จะได้ถือยาวสบายใจ
5.ลงทุนในชีวิต ศึกษาต่อ หรือหาความรู้เพิ่มเติม
สัดส่วนก็ประมาณเอง ขึ้นกับความรู้ จังหวะ โอกาส อย่างปี 53 ลงหุ้นเยอะหน่อย
ขอให้โชคดีค่ะ

[newbievi]

รู้สึกว่าจะมีคนอยากเลิกทำธุรกิจมาเป็นนักลงทุนมากกว่าที่ผมคิดไว้นะครับเนี่ย ยังไงก้อเอาใจช่วยคนอื่นๆเหมือนกันนะครับ ส่วนัวผมนั้นไม่ชอบลงทุนในที่ดินครับ เนื่องด้วยผมไม่มีความรู้ด้านนี้จิงๆครับเลยไม่กล้า แต่ถ้าวันนึงมีเงินเหลือจากการลงทุนในหุ้นจริงๆ อาจจะต้องหันมามองบ้างแหล่ะครับ แต่ตอนนี้ขอบายไปก่อน : )

[green-orange]

- หาวิชาก่อน อ่านหนังสือหลายเล่มทุกๆแนวทาง รวมทั้งลงอบรมหลายๆที่ เช่นของสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุน
- ไล่อ่านกระทู้ตามเวบต่างๆโดยเฉพาะกระทู้เก่าๆย้อนหลัง ยิ่งเก่ายิ่งดี ให้เห็นวัฐจักรเวียนไหว้ตายเกิดของหุ้น
- ลงทุนแรกๆมักจะต้องเสียเงินก่อนเป็นค่าวิชา ดังนั้นควรจะเริมน้อยๆก่อน เริ่มเท่าที่ยอมเสียได้ทั้งหมด
พอมั่นใจเจอสิ่งที่ใช่ ค่อยๆเพิ่มสัดส่วนการลงทุน

ส่วนเงินที่ยังไม่ลงทุน อาจจะแบ่งไปลงทุนผ่านกองทุนไปก่อนก็ได้
มีกองทุนมากมายให้เลือกสรร ผลตอบแทนไม่แพ้ลงทุนเอง (โดนเฉพาะตอนแรกๆ)
ถ้าจัดพอร์ทการลงทุนยังไม่เป็น สามารถหาบริการที่ปรึกษาจัดพอร์ทได้ เงินขนาดนี้เขาปรึกษากันฟรีอยู่แล้วครับ

เงินทองหามายาก พยายามอย่าให้สูญหาย เดี่ยวผลตอบแทนมาที่หลังเอง

พี่เด่นนี้สุดยอดจริงๆครับ ผมเลยขอนุญาติเสริมจากพี่เค้าก็แล้วกันนะครับ

ถ้าเรายังมีประสบการ์ณไม่มากนัก และยังไม่ได้พิสูจน์ว่าผลของการลงทุนที่ยาวนานนั้นประสบความสำเร็จเพียงพอ ผมคิดว่าควรจะลงทุนแต่น้อยๆก่อนครับ (ค่าวิชาต้องโดนแน่ๆ ยิ่งตอนนี้หาของถูกยากด้วยครับ) และอีกอย่างเงินที่ได้จากครอบครัวนั้นก็มากเลยครับ น้องไม่น่าจะเดือดร้อนอะไรนี่ครับ เอาไปลงทุนอะไรที่มันปลอดภัยหน่อยและเรารับความเสี่ยงได้ดีกว่า และที่สำคัญก็คือรอวันเวลาที่คุณมั่นใจและมูลค่าหุ้นถูกเพียงพอแล้วค่อยลงทุนแบบหมดหน้าตักก็ได้นี่ครับเมื่อเวลานั้นมาถึง (ผมว่าบัฟเฟตต์ ก็ทำแบบนี้นะ) ผมว่ามันไม่น่าจะสายเกินไปนะครับ เพราะถ้าเกิดเราทำผิดพลาดแล้วผลกระทบที่เกิดขึ้นอาจจะกระทบกับคนอื่นๆในครอบครัวด้วยนะครับ (ไม่ใช่เราคนเดียว) อีกอย่างน้องเพิ่งอายุ 25 เอง มีเวลาอีกหลายปีในการเก็บเกี่ยวประสบการ์ณและความรู้ในการลงทุน มันไม่มีคำว่าสายหรอกครับ ผมเลยคิดว่าเอาแต่พอเพียงก็พอนะครับ

[Chaoyang]

ถ้าเป็นไปได้อยากแนะนำให้ไปเปิด private banking account ในสิงคโปร์ ของบริษัทเช่น Goldman Sachs ให้เค้าช่วยหาการลงทุนที่เหมาะสมให้ อย่าคิดเองบริหารเองคนเดียวถ้ายังไม่ชำนาญ ว่าแต่ว่าหาคนซื้อที่ดินโรงงานด้วยเงินจำนวนนี้ได้แล้วหรอ ผมว่าไม่ง่ายเลยนะ ยิ่งหลายร้อยล้าน หาคนซื้อยาก

[newbievi]

ถ้าเป็นไปได้อยากแนะนำให้ไปเปิด private banking account ในสิงคโปร์ ของบริษัทเช่น Goldman Sachs ให้เค้าช่วยหาการลงทุนที่เหมาะสมให้ อย่าคิดเองบริหารเองคนเดียวถ้ายังไม่ชำนาญ ว่าแต่ว่าหาคนซื้อที่ดินโรงงานด้วยเงินจำนวนนี้ได้แล้วหรอ ผมว่าไม่ง่ายเลยนะ ยิ่งหลายร้อยล้าน หาคนซื้อยาก

เงินก้อนนี้ไม่ได้มาจากการขายโรงงานและที่ดินอย่างเดียวนะครับ รวมเงินเก็บและกำไรที่น่าจะได้ในอีกสองปีข้างหน้าก่อนเลิกกิจการครับ ส่วนที่ดินและโรงงานทั้งสองที่คงจะขายในราคาไม่แพงมากครับ รวมกันน่าจะ80-100ล้าน(รวมเครื่องจักที่จะเลหลังขายให้คนที่ทำธุรกิจนี้อยู่) ซึ่งจริงๆมูลค่าน่าจะมากกว่านั้น แต่เน้นขายออกให้เร็วมากกว่าน่ะครับ

[Sumotin]

ผมว่าในช่วงแรกนะครับ อย่าพึ่งนำมาลงเยอะเพราะถึงคุณจะลงทุนอยู่ แต่ยังไม่เคยเจอวิกฤตนะครับ สำหรับคนที่เริ่มตั้งแต่ ปลายปี 2008 มาก็อาจจะไม่รู้ว่าความรู้สึกตอนวิกฤตเป็นอย่างไร อาจจะ panic ได้ครับ และจริงๆปี 2008 ก็เป็นความโชคดีเหมือนกันนะครับที่ตลาดกลับมาเร็วหลายๆคนเลยพื้นในปีต่อมาทันที แต่ถ้าตลาดเป็นเหมือนช่วงวิกฤตปี 40 อาจจะไม่โชคดีกันแบบนี้ครับ

ผมว่าลองหาประสบการณ์เพิ่มไปก่อนดีกว่าแล้วค่อยๆเพิ่มขนาด port เข้ามาครับ อาจจะ set เป็นปีเลยก็ได้ว่าปีหน้าจะเพิ่มเท่าไหร่ๆ เพราะผมบอกได้เลยว่าอ่านหนังสือเยอะแค่ไหน แต่ถ้าใจไม่นิ่งพอก็แย่ครับ

[newbievi]

ผมว่าในช่วงแรกนะครับ อย่าพึ่งนำมาลงเยอะเพราะถึงคุณจะลงทุนอยู่ แต่ยังไม่เคยเจอวิกฤตนะครับ สำหรับคนที่เริ่มตั้งแต่ ปลายปี 2008 มาก็อาจจะไม่รู้ว่าความรู้สึกตอนวิกฤตเป็นอย่างไร อาจจะ panic ได้ครับ และจริงๆปี 2008 ก็เป็นความโชคดีเหมือนกันนะครับที่ตลาดกลับมาเร็วหลายๆคนเลยพื้นในปีต่อมาทันที แต่ถ้าตลาดเป็นเหมือนช่วงวิกฤตปี 40 อาจจะไม่โชคดีกันแบบนี้ครับ

ผมว่าลองหาประสบการณ์เพิ่มไปก่อนดีกว่าแล้วค่อยๆเพิ่มขนาด port เข้ามาครับ อาจจะ set เป็นปีเลยก็ได้ว่าปีหน้าจะเพิ่มเท่าไหร่ๆ เพราะผมบอกได้เลยว่าอ่านหนังสือเยอะแค่ไหน แต่ถ้าใจไม่นิ่งพอก็แย่ครับ

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ ผมคงค่อยๆทยอยลงทุนแหล่ะครับ

[chowbe76]

เงิน200ล้าน

ถ้าซื้อพันธบัตร10ปี ดอกเบี้ย5.5%
ก็ได้ปีละ11ล้าน
เดือนละเกือบล้าน

คงไม่ต้องลงทุนอะไรมากหรอกมั้งครับ

[navapon]

คนหมดตัวมาเยอะเพราะหุ้น แม้แต่พวกเราVIก็อย่าประมาทนะครับ
ถ้ายังไม่เก่งก็อย่าเพิ่งเอาเงินมาลงมาก สัก 5-10%ก่อนก็ได้
ผมเองก็ยังไม่กล้าลงมากเลย รอตลาดลงมากๆแล้วค่อยซื้อทีเดียวครับ

[pattybetty]

มีมากพอจนเรียกได้ว่าถ้ารู้จักพอเพียง แล้วอยู่ได้อย่างสบาย ๆ ฝากแบงค์หรือซื้อสลากออมสิน ไม่ต้องมานั่งเครียดกับหุ้นด้วย

[New low logist]

นี่แหละหนอ ตัวโลภ ที่พี่พอใจเคยพูดถึง
เยอะขนาดนี้ เอาดอกจากฝากแบงค์มาลงทุนหุ้นดีกว่าครับ (น่าจะได้ไม่ต่ำกว่าปีละล้าน หลังหักค่าใช้จ่ายในบ้าน)
แล้วก็เอาเวลาไปศึกษาสัจธรรมชีวิต อ้อ อย่าลืมสังสรรค์เพื่อนฝูงและหาภรรยาที่ดีสักคนที่เค้าำไม่ได้รักเราที่เงินครับ เรื่องพวกนี้ เลย อายุ 25ไป มีกี่พันกี่หมื่นล้านก็เรียกเวลาย้อนไปเอาคืนมาไม่ได้นะฮาฟฟ

[Linzhi]

ตามที่อ่าน คงตอบว่า ไม่ ครับ

จำนวนหุ้นขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ในการลงทุน 4-10 ตัว
และจำนวนอาจไม่ใช่ประเด็น แต่ตัวหุ้นมากกว่า คงต้องเป็นตัวใหญ่หน่อย

[blueplanet]

คุณ จขกท
บอกได้ไม๊ ว่าตอนนี้ ถือหุ้นอะไรบ้าง
อย่างละกี่เปอร์เซนต์ของพอร์ต
หุ้นแต่ละตัวซื้อเมื่อไร
ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะบอกตัวตนของคุณ
ว่าเป็นคนแบบไหน
คำแนะนำที่ดีคือ คำแนะนำที่จะลดจุดอ่อนของผู้ถูกแนะนำ