ข้อคิดจากนักลงทุนเอกของโลก>> Peter Lynch
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6447
- ผู้ติดตาม: 0
ข้อคิดจากนักลงทุนเอกของโลก>> Peter Lynch
โพสต์ที่ 1
**การตกต่ำของตลาดหุ้นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำไม่ต่างไปจากการเกิดฤดูหนาวที่เชียงใหม่ในเดือนมกราคมของทุกปี หากคุณมีการเตรียมตัว มันจะไม่สามารถทำร้ายคุณได้ การตกลงของตลาดหุ้นจะเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ของการเข้าไปซื้อหุ้นราคาถูก ซึ่งถูกนักลงทุนที่ตื่นตระหนกเทขายออกมา
**ใครๆก็มีสติปัญญาสูงพอสำหรับการสร้างกำไรจากตลาดหุ้น แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีภาวะอารมณ์อันเหมาะสม หากคุณมีแนวโน้มที่จะขายทุกสิ่งทุกอย่างออกไปในภาวะตื่นตระหนก คุณควรที่จะหลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้นรวมถึงกองทุนรวมหุ้นด้วย
**มันมีบางสิ่งบางอย่างให้วิตกกังวลอยู่เสมอ หลีกเลี่ยงการคิดวิตกกังวลในช่วงสุดสัปดาห์ และจงละเลยการคาดการณ์อันเลวร้ายตามรายการโทรทัศน์ รายการวิทยุ และตามเวปบอร์ดต่างๆ ขายหุ้นออกไปก็ต่อเมื่อปัจจัยพื้นฐานของบริษัทเสื่อมลง ไม่ใช่เพราะว่าฟ้ามันกำลังจะถล่ม
**ไม่มีใครสามารถที่จะทำนายอัตราดอกเบี้ย ทิศทางเศรษกิจในอนาคต หรือตลาดหุ้นได้ เลิกฟังการคาดการณ์เหล่านั้น และมุ่งเน้นไปยังสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับบริษัทที่คุณลงทุนอยู่
: คัดลอกจากลงทุนอย่างปีเตอร์ ลินช์ (Beating the Street) ฉบับแปลโดยคุณพรชัย รัตนนนทชัยสุข ดัดแปลงเล็กๆน้อยๆ :lol:
**ใครๆก็มีสติปัญญาสูงพอสำหรับการสร้างกำไรจากตลาดหุ้น แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีภาวะอารมณ์อันเหมาะสม หากคุณมีแนวโน้มที่จะขายทุกสิ่งทุกอย่างออกไปในภาวะตื่นตระหนก คุณควรที่จะหลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้นรวมถึงกองทุนรวมหุ้นด้วย
**มันมีบางสิ่งบางอย่างให้วิตกกังวลอยู่เสมอ หลีกเลี่ยงการคิดวิตกกังวลในช่วงสุดสัปดาห์ และจงละเลยการคาดการณ์อันเลวร้ายตามรายการโทรทัศน์ รายการวิทยุ และตามเวปบอร์ดต่างๆ ขายหุ้นออกไปก็ต่อเมื่อปัจจัยพื้นฐานของบริษัทเสื่อมลง ไม่ใช่เพราะว่าฟ้ามันกำลังจะถล่ม
**ไม่มีใครสามารถที่จะทำนายอัตราดอกเบี้ย ทิศทางเศรษกิจในอนาคต หรือตลาดหุ้นได้ เลิกฟังการคาดการณ์เหล่านั้น และมุ่งเน้นไปยังสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับบริษัทที่คุณลงทุนอยู่
: คัดลอกจากลงทุนอย่างปีเตอร์ ลินช์ (Beating the Street) ฉบับแปลโดยคุณพรชัย รัตนนนทชัยสุข ดัดแปลงเล็กๆน้อยๆ :lol:
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 0
ข้อคิดจากนักลงทุนเอกของโลก>> Peter Lynch
โพสต์ที่ 6
ไม่รู้ว่าอันนี้เป็นของปีเตอร์ ลินช์ หรือเกิดจากการดัดแปลงเล็กๆน้อยๆของลูกอิสาน แต่ผมเห็นด้วยมากเลยครับใครๆก็มีสติปัญญาสูงพอสำหรับการสร้างกำไรจากตลาดหุ้น แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีภาวะอารมณ์อันเหมาะสม
สติปัญญาสูงๆไม่ประสบผลสำเร็จในตลาดหุ้นเยอะมาก สติปัญญาสูงๆมีข้อดี แต่ก็มีข้อเสียที่อาจจะตกลงไปในกับดัก(สำหรับคนเก่งโดยเฉพาะ)ได้ง่าย เอ๊ะ......เคยเห็นแต่กับดักคนไม่เก่ง มีกับดักคนเก่งด้วยหรือ มีเหมือนกันครับแม้จะน้อยกว่า
อารมณ์ที่เหมาะสม อืม.......ผมเห็นด้วยมากเลยแต่ก็ไม่แน่ใจตัวเองว่าจะสามารถทำตามได้หรือไม่ ยากส์สสสสสส มากกกกกกกก แต่ก็อยากทำให้ได้
ขอดัดแปลงเพิ่มเติมเล็กน้อย ต้องมี concept ความคิดที่ถูกต้องด้วย คอนเซปจะพัฒนามาจากการเรียนรู้จากประสบการณ์ในอดีต ถ้าเรียนรู้ได้ถูกทางก็จะได้รางวัลที่ดี ถ้าผิดทางก็จะได้รางวัลเหมือนกันแต่เป็นรางวัลที่นอกลู่นอกทางและจะทำให้คอนเซปเบี่ยงเบนไป อันนี้ก็เป็นกับดักในกลุ่มยาเสพติดอย่างหนึ่งอีกเหมือนกัน
ผมคิดอย่างนี้นะ ผิดหรือถูกไม่รู้เหมือนกัน...........
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 0
ข้อคิดจากนักลงทุนเอกของโลก>> Peter Lynch
โพสต์ที่ 8
อันนี้ของลูกอิสานแน่ๆ ชอบมากเหมือนกันครับ**การตกต่ำของตลาดหุ้นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำไม่ต่างไปจากการเกิดฤดูหนาวที่เชียงใหม่ในเดือนมกราคมของทุกปี หากคุณมีการเตรียมตัว มันจะไม่สามารถทำร้ายคุณได้
บัฟเฟตต์ซื้อหุ้นแล้วมองไปในอนาคตว่าจะผ่านมรสุมไปได้หรือไม่ เมื่อมรสุมมาจริงบริษัทก็ต้านมรสุมได้จริง หุ้นก็ไม่ลงแถมยังขึ้นต่อเสียอีก บัฟเฟตต์ไม่ขายตอนมรสุมเขาก็ได้กำไรเป็นรางวัล แล้วเขาก็มุ่งหน้าไปในแนวทาง VI ต่อไป
นาย A ซื้อหุ้นโดยไม่ได้สนใจว่าจะผ่านมรสุมไปได้หรือไม่ เมื่อมรสุมมาถึงบริษัทก็ไม่สามารถผ่านมรสุมไปได้จริง นาย A ขายตอนเริ่มมรสุมแล้วหุ้นก็เริ่มตกลงไปเรื่อยๆ นาย Aก็ได้รางวัล เพราะถ้าถือต่อเขาขาดทุนแน่ แล้วเขาก็มั่นใจและฮึกเหิมและก็มุ่งมั่นพัฒนาไปในแนวทางเก็งกำไรและเล่นเทคนิคต่อไป
ใครผิดใครถูก
ก็ต้องดูผลลัพธ์ในระยะยาว
ต่างคอนเซปกันผลลัพธ์ของการพัฒนาย่อมต่างกัน แต่ในระยะยาวผมไม่เคยเห็นนักเก็งกำไรหรือนักเทคนิคร่ำรวยได้มหาศาลเพราะคอนเซปไม่สอดคล้องกับปรัชญาการลงทุน หรือเป็นเพราะสาเหตุอะไรอย่างอื่น ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน........
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
- naris
- Verified User
- โพสต์: 6726
- ผู้ติดตาม: 0
ข้อคิดจากนักลงทุนเอกของโลก>> Peter Lynch
โพสต์ที่ 10
**การตกต่ำของตลาดหุ้นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำไม่ต่างไปจากการเกิดน้ำท่วมที่หาดใหญ่ในเดือนพฤษจิกายนของทุกปี หากคุณมีการเตรียมตัว คุณจะสามารถจับปลาตัว"บักเอ้ง"ได้อยู่เสมอๆ :lol:
บักเอ้ง=ใหญ่มั๊กๆ
ขอบคุณแนวความคิดดีๆของคุณลูกอิสาน และพี่หมอ มากๆครับ
บักเอ้ง=ใหญ่มั๊กๆ
ขอบคุณแนวความคิดดีๆของคุณลูกอิสาน และพี่หมอ มากๆครับ
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
ข้อคิดจากนักลงทุนเอกของโลก>> Peter Lynch
โพสต์ที่ 11
:ohno: :ohno:naris เขียน:**การตกต่ำของตลาดหุ้นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำไม่ต่างไปจากการเกิดน้ำท่วมที่หาดใหญ่ในเดือนพฤษจิกายนของทุกปี หากคุณมีการเตรียมตัว คุณจะสามารถจับปลาตัว"บักเอ้ง"ได้อยู่เสมอๆ :lol:
บักเอ้ง=ใหญ่มั๊กๆ
ใช้คำได้เห็นภาพจริงๆครับ บักเอ้ง...
เอ้า...งง งง ... ฟ้งไม่รู้เรื่อง ชิมิล่ะ ... :lovl:
ปล. ชิมิล่ะ เอามาจากพี่ CK
"Winners never quit, and quitters never win."
-
- Verified User
- โพสต์: 2938
- ผู้ติดตาม: 0
ข้อคิดจากนักลงทุนเอกของโลก>> Peter Lynch
โพสต์ที่ 14
ผมว่ายุคนี้ไม่ต้องระวังน้ำท่วมแล้วครับ
เพราะดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา
ส่วนเดือนมกรา เชียงใหม่จะหนาวจริงรึเปล่า
ก็คงตอบยากนะครับ ในยุค โลกร้อน
ยุคนี้ สิ่งที่ควรระวัง มากกว่าเรื่องปกติ ทั่วไป มีอีกมาก
แม้แต่ สึนามิ ที่ไม่คิดว่าจะมี มันก็มีได้
ปรากฏการณ์ ลานีญ่า อะไรประมาณนี้ ก็ดูเหมือน จะน่ากลัวมากขึ้น
แม้แต่ปรากฏการณ์ อิหร่าน เกาหลีเหนือ อิสราเอล อะไรประมาณนี้
ก็ดูเหมือน ใกล้เป็นเรื่องใกล้ตัว
ยังมีปรากฏการณ์ ทักษิโด้ อีก กับปรากฏการณ์ ปฏิสนธิ และที่น่ากลัว
คือปรากฏการณ์ผู้มีบารมี ยังหาคำตอบไม่ได้เลย
ผมก็ตอบไม่ได้นะครับ ว่า คำว่า ไม่ประมาทของแต่ละคนนั้นอยู่ตรงไหน
ยังไงก็น่าจะประเมิน เรื่องของความไม่ประมาท ไว้หน่อยก็ดี
ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนหรือการใช้ชีวิต
อย่างน้อยผมก็จะเหลือเงินสดเผื่อไว้ ในระดับที่คิดว่าไม่เครียด
ไม่ว่าจะในธุรกิจหรือการลงทุน
เพราะดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา
ส่วนเดือนมกรา เชียงใหม่จะหนาวจริงรึเปล่า
ก็คงตอบยากนะครับ ในยุค โลกร้อน
ยุคนี้ สิ่งที่ควรระวัง มากกว่าเรื่องปกติ ทั่วไป มีอีกมาก
แม้แต่ สึนามิ ที่ไม่คิดว่าจะมี มันก็มีได้
ปรากฏการณ์ ลานีญ่า อะไรประมาณนี้ ก็ดูเหมือน จะน่ากลัวมากขึ้น
แม้แต่ปรากฏการณ์ อิหร่าน เกาหลีเหนือ อิสราเอล อะไรประมาณนี้
ก็ดูเหมือน ใกล้เป็นเรื่องใกล้ตัว
ยังมีปรากฏการณ์ ทักษิโด้ อีก กับปรากฏการณ์ ปฏิสนธิ และที่น่ากลัว
คือปรากฏการณ์ผู้มีบารมี ยังหาคำตอบไม่ได้เลย
ผมก็ตอบไม่ได้นะครับ ว่า คำว่า ไม่ประมาทของแต่ละคนนั้นอยู่ตรงไหน
ยังไงก็น่าจะประเมิน เรื่องของความไม่ประมาท ไว้หน่อยก็ดี
ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนหรือการใช้ชีวิต
อย่างน้อยผมก็จะเหลือเงินสดเผื่อไว้ ในระดับที่คิดว่าไม่เครียด
ไม่ว่าจะในธุรกิจหรือการลงทุน
เฝ้าดูไป โดยใจที่เป็นกลาง
-
- Verified User
- โพสต์: 1822
- ผู้ติดตาม: 0
ข้อคิดจากนักลงทุนเอกของโลก>> Peter Lynch
โพสต์ที่ 16
555 :lol: :lol: :lol:
เชียงใหม่นี่หนาวทุกปีนะครับ ตั้งแต่ผมเติบโตรู้ความมา คงน้อยปีที่จะร้อน
แต่ กรุงเทพ นี่ ไม่ว่าปีไหนๆ หน้าหนาว ก็หนาวแค่ 3 วันครับ นอกนั้น ร้อน ร้อนมาก ร้อนสุดๆ ฝนตกก็มีไว้แค่คลายร้อน
เชียงใหม่นี่หนาวทุกปีนะครับ ตั้งแต่ผมเติบโตรู้ความมา คงน้อยปีที่จะร้อน
แต่ กรุงเทพ นี่ ไม่ว่าปีไหนๆ หน้าหนาว ก็หนาวแค่ 3 วันครับ นอกนั้น ร้อน ร้อนมาก ร้อนสุดๆ ฝนตกก็มีไว้แค่คลายร้อน
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 0
ข้อคิดจากนักลงทุนเอกของโลก>> Peter Lynch
โพสต์ที่ 17
เรื่องความไม่ประมาทเป็นเรื่องดีแน่ครับ คุณนันพูดไว้ตรงใจผมทีเดียวครับ
ตอนวัยรุ่นก็ลุยเยอะหน่อยเหล้ายาปลาปิ้งครบสูตรดูตื่นเต้นดี ผู้ใหญ่ขึ้นก็ระมัดระวังมากขึ้น แก่ขึ้นมาอีกก็เริ่มกลัวโน่นกลัวนี่ กลัวความดันเบาหวานมะเร็ง
ถ้าเทียบกับนักลงทุนก็คงกลัวเศรษฐกิจถดถอย สงคราม ยิ่งถ้ามีเงินเยอะแล้วยิ่งไม่อยากเสี่ยง เล่นหุ้นใหม่ๆก็กล้าลุยเพราะอยากได้ เสี่ยงแค่ไหนก็ไม่กลัว ความโลภมักเป็นฝ่ายชนะเสมอ
เล่นไปนานๆเริ่มระมัดระวัง ยิ่งเล่นนานยิ่งกลัวขาดทุนเพราะเวลาเหลือน้อยที่จะแก้มือคืน
ทั้งหมดนี้เป็นความเห็นคนทั่วๆไป
แต่ไม่ใช่ลินช์และบัฟเฟตต์ สองคนนี้อายุมากแล้ว ประสบการณ์ก็เหลือเฟือ มีทีมงานวิเคราะห์เศรษฐกิจทั้งจุลภาคมหภาค แนวโน้มธุรกิจก็รู้ก่อนใครๆเพราะเข้าถึงข้อมูลได้เยอะกว่า แต่กลับไม่คิดเหมือนคนทั่วไป
กลับบอกว่า
นี่คงเป็นความแตกต่างที่ทำให้เขาไม่เหมือนเรา และเราไม่เหมือนเขา
ผมว่าวัยและประสบการณ์มีส่วนทำให้จุดพอดีต่างกันผมก็ตอบไม่ได้นะครับ ว่า คำว่า ไม่ประมาทของแต่ละคนนั้นอยู่ตรงไหน
ตอนวัยรุ่นก็ลุยเยอะหน่อยเหล้ายาปลาปิ้งครบสูตรดูตื่นเต้นดี ผู้ใหญ่ขึ้นก็ระมัดระวังมากขึ้น แก่ขึ้นมาอีกก็เริ่มกลัวโน่นกลัวนี่ กลัวความดันเบาหวานมะเร็ง
ถ้าเทียบกับนักลงทุนก็คงกลัวเศรษฐกิจถดถอย สงคราม ยิ่งถ้ามีเงินเยอะแล้วยิ่งไม่อยากเสี่ยง เล่นหุ้นใหม่ๆก็กล้าลุยเพราะอยากได้ เสี่ยงแค่ไหนก็ไม่กลัว ความโลภมักเป็นฝ่ายชนะเสมอ
เล่นไปนานๆเริ่มระมัดระวัง ยิ่งเล่นนานยิ่งกลัวขาดทุนเพราะเวลาเหลือน้อยที่จะแก้มือคืน
ทั้งหมดนี้เป็นความเห็นคนทั่วๆไป
แต่ไม่ใช่ลินช์และบัฟเฟตต์ สองคนนี้อายุมากแล้ว ประสบการณ์ก็เหลือเฟือ มีทีมงานวิเคราะห์เศรษฐกิจทั้งจุลภาคมหภาค แนวโน้มธุรกิจก็รู้ก่อนใครๆเพราะเข้าถึงข้อมูลได้เยอะกว่า แต่กลับไม่คิดเหมือนคนทั่วไป
กลับบอกว่า
**ไม่มีใครสามารถที่จะทำนายอัตราดอกเบี้ย ทิศทางเศรษกิจในอนาคต หรือตลาดหุ้นได้ เลิกฟังการคาดการณ์เหล่านั้น และมุ่งเน้นไปยังสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับบริษัทที่คุณลงทุนอยู่
นี่คงเป็นความแตกต่างที่ทำให้เขาไม่เหมือนเรา และเราไม่เหมือนเขา
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
- KGYF
- Verified User
- โพสต์: 399
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ข้อคิดจากนักลงทุนเอกของโลก>> Peter Lynch
โพสต์ที่ 19
earthcu เขียน:เข้ามาอ่านเพื่อเตือนสติการลงทุนครับ
ขอบคุณพี่ๆทุกท่านครับที่ช่วยเตือนสติน้องๆอยู่เสมอ
ขอบคุณที่ขุดขึ้นมาให้อ่านครับ
เป็นประโยชน์มากครับ
" สัพพะทานัง ธัมมะทานัง ชินาติ = การให้ธรรมะเป็นทาน ย่อมชนะการให้ทั้งปวง "
" ทุกข์มี เพราะยึด ทุกข์ยืด เพราะอยาก ทุกข์มาก เพราะพลอย ทุกข์น้อย เพราะหยุด ทุกข์หลุด เพราะปล่อย"
" ทุกข์มี เพราะยึด ทุกข์ยืด เพราะอยาก ทุกข์มาก เพราะพลอย ทุกข์น้อย เพราะหยุด ทุกข์หลุด เพราะปล่อย"
- newbie_12
- Verified User
- โพสต์: 2904
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ข้อคิดจากนักลงทุนเอกของโลก>> Peter Lynch
โพสต์ที่ 20
เข้ากับบรรยากาศและสถานการณ์ตอนนี้มากๆเลยครับลูกอิสาน เขียน:**การตกต่ำของตลาดหุ้นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำไม่ต่างไปจากการเกิดฤดูหนาวที่เชียงใหม่ในเดือนมกราคมของทุกปี หากคุณมีการเตรียมตัว มันจะไม่สามารถทำร้ายคุณได้ การตกลงของตลาดหุ้นจะเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ของการเข้าไปซื้อหุ้นราคาถูก ซึ่งถูกนักลงทุนที่ตื่นตระหนกเทขายออกมา
**ใครๆก็มีสติปัญญาสูงพอสำหรับการสร้างกำไรจากตลาดหุ้น แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีภาวะอารมณ์อันเหมาะสม หากคุณมีแนวโน้มที่จะขายทุกสิ่งทุกอย่างออกไปในภาวะตื่นตระหนก คุณควรที่จะหลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้นรวมถึงกองทุนรวมหุ้นด้วย
**มันมีบางสิ่งบางอย่างให้วิตกกังวลอยู่เสมอ หลีกเลี่ยงการคิดวิตกกังวลในช่วงสุดสัปดาห์ และจงละเลยการคาดการณ์อันเลวร้ายตามรายการโทรทัศน์ รายการวิทยุ และตามเวปบอร์ดต่างๆ ขายหุ้นออกไปก็ต่อเมื่อปัจจัยพื้นฐานของบริษัทเสื่อมลง ไม่ใช่เพราะว่าฟ้ามันกำลังจะถล่ม
**ไม่มีใครสามารถที่จะทำนายอัตราดอกเบี้ย ทิศทางเศรษกิจในอนาคต หรือตลาดหุ้นได้ เลิกฟังการคาดการณ์เหล่านั้น และมุ่งเน้นไปยังสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับบริษัทที่คุณลงทุนอยู่
: คัดลอกจากลงทุนอย่างปีเตอร์ ลินช์ (Beating the Street) ฉบับแปลโดยคุณพรชัย รัตนนนทชัยสุข ดัดแปลงเล็กๆน้อยๆ :lol:
.
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง
----------------------------
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง
----------------------------
- BeSmile
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1178
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ข้อคิดจากนักลงทุนเอกของโลก>> Peter Lynch
โพสต์ที่ 21
มีข้อสังเกตุ จาก ปี 2006 จนถึง ปี 2011
1. Technical หรือ Temple Boxing ที่ Success อย่างป๋า Nanchan มีความระมัดระวังอย่างมาก ในเรื่องความเสี่ยง หรือ อาจจะเรียกว่าเป็น Mos ของ Technical ซึ่งแต่ละคนคงมีไม่เท่ากัน ขึ้นกับความสามารถในการประเมินความเสี่ยง
2. VI ที่ Success นี่ ก็ยังยึดหลัก ดู ผลประกอบการและประเมินเป็นรายบริษัทเป็นหลัก แล้วก็คงถือยาว จนบริษัท พื้นฐานเปลี่ยน หรือจะ ล่มสลาย ไป
3. คำว่า ชิมิ มีมาตั้งแต่ ปี 2006
1. Technical หรือ Temple Boxing ที่ Success อย่างป๋า Nanchan มีความระมัดระวังอย่างมาก ในเรื่องความเสี่ยง หรือ อาจจะเรียกว่าเป็น Mos ของ Technical ซึ่งแต่ละคนคงมีไม่เท่ากัน ขึ้นกับความสามารถในการประเมินความเสี่ยง
2. VI ที่ Success นี่ ก็ยังยึดหลัก ดู ผลประกอบการและประเมินเป็นรายบริษัทเป็นหลัก แล้วก็คงถือยาว จนบริษัท พื้นฐานเปลี่ยน หรือจะ ล่มสลาย ไป
3. คำว่า ชิมิ มีมาตั้งแต่ ปี 2006
มีสติ - อย่าประมาทในการใช้ชีวิต
-
- Verified User
- โพสต์: 282
- ผู้ติดตาม: 0
Re:
โพสต์ที่ 22
สามัญชน เขียน:ไม่รู้ว่าอันนี้เป็นของปีเตอร์ ลินช์ หรือเกิดจากการดัดแปลงเล็กๆน้อยๆของลูกอิสาน แต่ผมเห็นด้วยมากเลยครับใครๆก็มีสติปัญญาสูงพอสำหรับการสร้างกำไรจากตลาดหุ้น แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีภาวะอารมณ์อันเหมาะสม
สติปัญญาสูงๆไม่ประสบผลสำเร็จในตลาดหุ้นเยอะมาก สติปัญญาสูงๆมีข้อดี แต่ก็มีข้อเสียที่อาจจะตกลงไปในกับดัก(สำหรับคนเก่งโดยเฉพาะ)ได้ง่าย เอ๊ะ......เคยเห็นแต่กับดักคนไม่เก่ง มีกับดักคนเก่งด้วยหรือ มีเหมือนกันครับแม้จะน้อยกว่า
อารมณ์ที่เหมาะสม อืม.......ผมเห็นด้วยมากเลยแต่ก็ไม่แน่ใจตัวเองว่าจะสามารถทำตามได้หรือไม่ ยากส์สสสสสส มากกกกกกกก แต่ก็อยากทำให้ได้
ขอดัดแปลงเพิ่มเติมเล็กน้อย ต้องมี concept ความคิดที่ถูกต้องด้วย คอนเซปจะพัฒนามาจากการเรียนรู้จากประสบการณ์ในอดีต ถ้าเรียนรู้ได้ถูกทางก็จะได้รางวัลที่ดี ถ้าผิดทางก็จะได้รางวัลเหมือนกันแต่เป็นรางวัลที่นอกลู่นอกทางและจะทำให้คอนเซปเบี่ยงเบนไป อันนี้ก็เป็นกับดักในกลุ่มยาเสพติดอย่างหนึ่งอีกเหมือนกัน
ผมคิดอย่างนี้นะ ผิดหรือถูกไม่รู้เหมือนกัน...........
เอ๊ะ......เคยเห็นแต่กับดักคนไม่เก่ง มีกับดักคนเก่งด้วยหรือ (อันนี้ในหนังสือ Peter Lynch หมายถึงกับดักทางอารมณ์ใช่ไหมครับ) ตัวอย่าง ถ้าดูว่าราคาหุ้นมันขึ้นไปแล้วแล้วคิดว่ามันแพงมันเป็นสิ่งที่ผิด ถ้าStoryดีมันก็ยังสามารถขึ้นไปได้อีก
เสริมอีกข้อครับ มองการลงทุนแต่ล่ะครั้งเหมือนกับว่ามันไม่เคยมีประวัติการซื้อขายมาก่อน By Peter Lynch
Power Of Thinking
- thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ข้อคิดจากนักลงทุนเอกของโลก>> Peter Lynch
โพสต์ที่ 23
กับดักคนเก่ง คือ ความคิดว่าข้าเก่งที่สุด ข้าถูกเสมอ
ลงทุนเพื่อชีวิต
- T50
- Verified User
- โพสต์: 408
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ข้อคิดจากนักลงทุนเอกของโลก>> Peter Lynch
โพสต์ที่ 25
มันก็คงเหมือนกับการดูดวงมั้งครับ มีแต่คนสนใจไปหาหมอดูดังๆแม่นๆ ทั้งๆที่ก็รู้อยู่ว่ามันแม่นแค่ 20%boat37564 เขียน:ไม่มีใครคาดการอนาคตได้จริงๆ แต่น่าแปลกที่ข้อมูลการคาดการอนาคตต่างๆกลับมีคนสนใจ และเชื่อมากทั้งๆที่มันก็ผิดแล้วผิดอีก
อย่าไปพนันกับการฟื้นตัวในขณะที่ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทกำลังเสื่อมลง
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ข้อคิดจากนักลงทุนเอกของโลก>> Peter Lynch
โพสต์ที่ 26
เรื่องกับดักคนเก่งมีอยู่ครับ
คล้ายๆกับกรณีที่เราหาหุ้นด้วยวิธีของวีไอซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ได้ดีมากและกำไรก็ดีมาก
แต่เมื่อนำไปใช้กับหุ้นวัฏจักร กลายเป็นตกลงไปในหลุมพรางและทำให้ขาดทุน
และกลายเป็นกับดักไปเสียได้
แต่ว่าเรื่องกับดักคนเก่งนั้นพอผ่านวันเวลามานานขนาดนี้ผมก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าตอนนั้นคิดอะไรอยู่
แต่อันนี้มีต่อนิดหน่อยครับ
ต่างคอนเซปกันผลลัพธ์ของการพัฒนาย่อมต่าง ... ัน........
คอนเซ็บของเดย์เทรดหรือนักเก็งกำไรคือการเดาในระยะสั้น
ซึ่งปัจจัยที่จะทำให้เดาถูกได้แก่ เรื่องจิตวิทยามวลชน
เรื่องเงินทุนจะไหลเข้าหรือออก รวมทั้งเศรษฐศาสตร์มหภาค และฯลฯ
เรื่องการวิเคราะห์ทางเทคนิคก็คล้ายๆกัน
วิเคราะห์โดยใช้ราคาหุ้นย้อนหลังซึ่งเหตุของมันก็คือเรื่องจิตวิทยามหาชน
ซึ่งถ้าใครเชี่ยวชาญในเรื่องเหล่านี้ก็ย่อมจะทำกำไรได้ดี
แต่ก็อย่างที่เห็นกันบ่อยๆว่าเป็นการยากมากที่จะเดาได้แม่นยำและถูกต้องติดต่อกันยาวนาน
เพราะปัจจัยเหล่านี้มีความแปรปรวนมาก
รวมทั้งผลที่เกิดก็มีความแปรปรวนมากเป็นทวีคูณ
ทฤษฎีเคออสอาจจะช่วยได้เยอะ
แต่ทฤษฎีนี้ก็ยังล้มลุกคลุกคลานไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควรก็ด้วยเพราะความแปรปรวนที่มากและ unpredictable น้ัน
จึงหวังจะยึดทฤษฎีนี้เป็นสรณะยังไม่ได้
และข้อเสียอีกอย่างก็คือมันไม่ตรงกับคอนเซ็บของหุ้น
คือมันอาจจะใช้แทนกันได้แต่มันไม่ใช่ตัวจริง
เพราะมันไม่ validity
มันมีความเที่ยงอยู่(realiable). แต่มันขาดความตรง(validity)
เพราะหุ้นคือ บริษัทที่ทำธุรกิจจริงๆ
ปัจจัยที่จะทำให้บริษัทรุ่งเรืองมีกำไรก็คือปัจจัยพื้นฐานในแง่ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจ
ปัจจัยอันนี้ต่างหากที่เป็นตัวจริง
เพราะมีทั้งความเที่ยงและความตรง
ตัวจริงย่อมเที่ยงตรงกว่าตัวแทน และดีกว่าในระยะยาว
คล้ายๆกับกรณีที่เราหาหุ้นด้วยวิธีของวีไอซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ได้ดีมากและกำไรก็ดีมาก
แต่เมื่อนำไปใช้กับหุ้นวัฏจักร กลายเป็นตกลงไปในหลุมพรางและทำให้ขาดทุน
และกลายเป็นกับดักไปเสียได้
แต่ว่าเรื่องกับดักคนเก่งนั้นพอผ่านวันเวลามานานขนาดนี้ผมก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าตอนนั้นคิดอะไรอยู่
แต่อันนี้มีต่อนิดหน่อยครับ
ต่างคอนเซปกันผลลัพธ์ของการพัฒนาย่อมต่าง ... ัน........
คอนเซ็บของเดย์เทรดหรือนักเก็งกำไรคือการเดาในระยะสั้น
ซึ่งปัจจัยที่จะทำให้เดาถูกได้แก่ เรื่องจิตวิทยามวลชน
เรื่องเงินทุนจะไหลเข้าหรือออก รวมทั้งเศรษฐศาสตร์มหภาค และฯลฯ
เรื่องการวิเคราะห์ทางเทคนิคก็คล้ายๆกัน
วิเคราะห์โดยใช้ราคาหุ้นย้อนหลังซึ่งเหตุของมันก็คือเรื่องจิตวิทยามหาชน
ซึ่งถ้าใครเชี่ยวชาญในเรื่องเหล่านี้ก็ย่อมจะทำกำไรได้ดี
แต่ก็อย่างที่เห็นกันบ่อยๆว่าเป็นการยากมากที่จะเดาได้แม่นยำและถูกต้องติดต่อกันยาวนาน
เพราะปัจจัยเหล่านี้มีความแปรปรวนมาก
รวมทั้งผลที่เกิดก็มีความแปรปรวนมากเป็นทวีคูณ
ทฤษฎีเคออสอาจจะช่วยได้เยอะ
แต่ทฤษฎีนี้ก็ยังล้มลุกคลุกคลานไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควรก็ด้วยเพราะความแปรปรวนที่มากและ unpredictable น้ัน
จึงหวังจะยึดทฤษฎีนี้เป็นสรณะยังไม่ได้
และข้อเสียอีกอย่างก็คือมันไม่ตรงกับคอนเซ็บของหุ้น
คือมันอาจจะใช้แทนกันได้แต่มันไม่ใช่ตัวจริง
เพราะมันไม่ validity
มันมีความเที่ยงอยู่(realiable). แต่มันขาดความตรง(validity)
เพราะหุ้นคือ บริษัทที่ทำธุรกิจจริงๆ
ปัจจัยที่จะทำให้บริษัทรุ่งเรืองมีกำไรก็คือปัจจัยพื้นฐานในแง่ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจ
ปัจจัยอันนี้ต่างหากที่เป็นตัวจริง
เพราะมีทั้งความเที่ยงและความตรง
ตัวจริงย่อมเที่ยงตรงกว่าตัวแทน และดีกว่าในระยะยาว
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
-
- Verified User
- โพสต์: 464
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ข้อคิดจากนักลงทุนเอกของโลก>> Peter Lynch
โพสต์ที่ 27
จอร์จ โซรอส จัดเป็นนักลงทุนประเภทไหน ???
ผมเชื่อว่านักลงทุนประเภทไหนก็ประสบความสำเร็จได้
ถ้าเขารู้จักยอมรับความจริง ยอมรับข้อผิดพลาดของตัวเอง และพร้อมที่จะแก้ไขข้อบกพร่องนั้นๆ
โดยไม่มัวแต่โทษฟ้าโทษดิน โทษหมูหมากาไก่ โดยที่ไม่ยอมมองหาความบกพร่องของตัวเอง
ผมเชื่อว่านักลงทุนประเภทไหนก็ประสบความสำเร็จได้
ถ้าเขารู้จักยอมรับความจริง ยอมรับข้อผิดพลาดของตัวเอง และพร้อมที่จะแก้ไขข้อบกพร่องนั้นๆ
โดยไม่มัวแต่โทษฟ้าโทษดิน โทษหมูหมากาไก่ โดยที่ไม่ยอมมองหาความบกพร่องของตัวเอง