ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

กระทู้คุณค่า มีประโยชน์ ความรู้ดีดี เป็นประโยชน์เสมอไม่ว่าเวลาจะผ่านมาเนิ่นนาน แค่ไหนก็ตาม
ภาพประจำตัวสมาชิก
jek ae
Verified User
โพสต์: 899
ผู้ติดตาม: 0

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์ที่ 91

โพสต์

เห็นด้วยครับว่าคนเราไม่ว่าจะเป็นใครมีบทบาทอย่างไรไม่ควรยึดมั่นใน ego หรือ อัตตา

แต่ในการลงทุนเน้นคุณค่า อย่างน้อยเราควรต้องมี attitude หรือทัศนคติต่อการลงทุนที่ถูกต้อง ซึ่งก็คือการลงทุนในกิจการที่ดีในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่า ถ้าทำได้ตามนิยามแล้วผมก็เห็นว่าเราไม่จำเป็นต้องมานั่งกังวลกับการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นตามอารมณ์ตลาดอยู่ หลักการนี้ก็เป็นสิ่งที่ผมยึดถือตลอดมาในช่วงเวลาที่ผมได้ลงทุน ซึ่งเป็นหลักการลงทุนที่ถูกจริต ให้ผลตอบแทนตามสมควรและทำให้ผมมีความสุขกับการลงทุน

ส่วนประเด็นคำถามเรื่องทำใจไม่ขายหุ้นได้อย่างไรเวลาเห้นหุ้นตกเอาตกเอา ก็เพียงเพราะว่าพื้นฐานของกิจการและมูลค่าที่แท้จริงมันไม่ได้เปลี่ยนไปตามราคาหุ้นที่ตกเอานะครับ เลยไม่รู้จะขายทำไม และผมไม่มีปัญญาความสามารถจะซื้อขายหากินกับส่วนต่างราคาได้ด้วย
เหลือขุนเขาแมกไม้ มิต้องวิตกไร้ฟืนไฟ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Fon^^
Verified User
โพสต์: 604
ผู้ติดตาม: 0

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์ที่ 92

โพสต์

ไม่ได้เห็นท่านอาจารย์ mprandy และ ท่าน Muffin นานมากค่ะ
ฝนติดตามผลงานเสมอนะคะ
ตอนนี้ฝนคิดถึงรุ่นพี่เก่าๆในเวป ทยอยหายไปทีละคนสองคน เศร้า T_T
(กำลังอินนะคะกับวันแห่งความรัก มาทำกระทู้เปื้อนรึเปล่าเนี่ย)

ในมุมมองฝน ความสำคัญมีทั้งหมดทั้งในแง่ stock selection , money management และอื่นๆมากมาย

นอกจากหลักการดังกล่าวแล้ว

แต่ด้วยความเป็นมนุษย์ ตัวแปรที่สำคัญต่อการตัดสินใจจึงไม่สามารถมาจากเหตุและผลอย่างสมบูรณ์
ดังนั้นจึงขึ้นกับกระบวนการเรียนรู้ ซึ่งสมองจะวิเคราะห์และประมวลผลตาม
ประสบการณ์ในอดีต ข้อมูลในปัจจุบัน พื้นฐานอารมณ์
ทั้ง 3 สิ่งตามกระบวนการเรียนรู้จะออกมาเป็นผลลัพธ์และนำไปสู่การกระทำ

ดังนั้นตัวแปร
1 ประสบการณ์ในอดีต ยกตัวอย่างเช่น คนที่ผ่านวิกฤติ และคนที่ยังไม่ผ่านวิกฤติ จะเกิดการเรียนรู้ต่างกัน
บางท่านอาจจะได้บทเรียน stock selection หรืออาจจะให้ความสำคัญกับ money management
2 ข้อมูลในปัจจุบัน เกี่ยวกับ หุ้น ภาวะตลาดหรืออะไรก็แล้วแต่
บางท่านอาจจะ complete information หรือ บางท่านอาจจะ incomplete information
แต่ล้วนตั้งอยู่บนสมมติฐานของ imbalance information
(เพราะถ้าไม่ imbalance ทำไมบางคนขาย บางคนซื้อ ^^ )
3 อารมณ์

ทั้ง 3 สิ่งก่อให้เกิดผลต่อการกระทำ
ร่ายมาตั้งยาว สรุปว่า
ฝนเปิดพอร์ตเล่นหุ้นมาก็หลายปี

ตอนเริ่มลงทุน รู้สึกมั่นใจมาก
พอผ่านไปซักระยะ รู้สึกมั่นใจน้อยลง แต่ทำไมมีอะไรที่ไม่รู้เยอะจัง
พอผ่านไปซักระยะใหญ่ๆ ทำไมฝนไม่รู้อะไรเยอะขนาดนี้
ปัจจุบัน... ทำไมฝนไม่รู้อะไรเลย ฮาๆๆๆ

ฝนอยู่ในตลาดนานไปก็เรียนรู้ว่าไม่มีวิธีใดถูกหรือวิธีไดผิด
มีแค่เหมาะสมกับตัวเองและมีความสุขแล้วรึยังค่ะ
(ห้ามหลอกตัวเองด้วยนะ ฝนเคยหลอกตัวเองว่าหุ้นตกไม่เป็นไร แต่กัดฟันพูดเลือดกลบปากเลย ฮาๆ )

ฝนเลือกวิธีที่เหมาะสมกับตัวเองและลงทุนอย่างมีความสุขค่ะ
ผิดหนึ่งพึงจดไว้.....ในสมอง
เร่งระวังผิดสอง.....ภายหน้า
สามผิดเร่งคิดตรอง จงหนัก.....เพื่อนเอย
ถึงสี่อีกทีห้า.....หกซ้ำ อภัยไฉน
ภาพประจำตัวสมาชิก
Na'vi
Verified User
โพสต์: 46
ผู้ติดตาม: 0

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์ที่ 93

โพสต์

Nevercry.boy เขียน:
ก้อนกรวด เขียน:ถ้าแนว VI, สมมติผมซื้อราคา 100 แล้วมันถล่มลงมาเหลือ 50 ก็คงคิดในอีกแง่นึงว่า ถ้าตอนนี้ผมมีเงินในแบงค์อยู่ 50, ผมจะซื้อไอ้หุ้นตัวนี้รึเปล่า ถ้าไม่ก็ขายทิ้งซะถ้าซื้อก็ถือไว้ แค่นั้นละมั้งครับ

โดยส่วนตัวผมตัดทิ้งที่จุดที่ตั้งไว้แล้วมาดูๆอีกทีว่ามีไรผิดไปหรือเปล่า ถ้าไม่ก็ว่ากันใหม่
อันนี้มีสองคำตอบครับ

ส่วนตัวนะครับ หุ้นที่ผมถือจะมี Earning ในระดับที่รับได้ พูดง่าย ๆ คือคิดจากราคาที่ซื้อแล้วยังไงก็ดีกว่าสินทรัพย์อื่น

ถ้าเป็นหุ้นที่มีในมือตอนนี้ และบังเอิญ ด้วยเหตุผลต่าง ๆ ที่ทำให้ราคามาถึงครึ่ง

ผมเตรียมแผนสองคือ "ซื้อเพิ่ม" ด้วยเงินสำรองจำนวนหนึ่ง

และหากผิดพลาดอีก ลงมาอีก

คราวนี้ ฟ้าเปิด เลย

ผมพร้อมจะอัดมาร์จิ้นเข้าไปเต็มที่ ด้วยความมั่นใจยิ่งกว่าเดิม

นั่นเป็นเพราะอะไร?
เป็นหลักการ Money mangement ที่แปลกมากครับ พอแนะนำหนังสือให้ศึกษาเพิ่มเติมมั้ยครับ

แล้วนั่นเป็นเพราอะไรเหรอครับ :la:
ภาพประจำตัวสมาชิก
naris
Verified User
โพสต์: 6726
ผู้ติดตาม: 0

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์ที่ 94

โพสต์

chaitorn เขียน:คุณ Naris
เห็นด้วยทุกประการกับติครับ พี่อยากจะขอเพิ่มในเรื่องธรรมมะสักหน่อยนะครับ
คำว่าอัตตา เราต้องแยกออกมาเป็นสองเรื่อง

เรื่องแรก อัตตา กับ อนัตตา ถ้าพูดแบบนี้หมายถึงการแบ่งสิ่งต่างๆเพื่อจำแนกการมีตัวตนและไม่มีตัวตน
แต่ในสิ่งที่เรากำลังถกกันนี้เป็นอัตตาแบบที่สองคือเรื่องความคิด ความยึดมั่นถือมั่น
อัตตาแบบนี้น่าจะคล้ายๆกับทิฐิ หมายถึงความยึดมั่นถือมั่นในแนวความคิดของตนเอง

อัตตาหรือทิฐิในส่วนนี้พี่คิดว่ามันเป็นคำกลางๆไม่มีบวกหรือลบ ถ้าคนไม่มีทิฐิในส่วนนี้ก็อาจจะถูกต่อว่าว่าเป็นคนหูเบา ไม่มีแนวความคิดของตนเอง พี่เลยคิดว่าคำว่าอัตตาหรือทิฐิในทางโลก(ขอย้ำว่าทางโลกไม่ใช่ทางธรรม เพื่อจะบรรลุ)ทุกคนต้องมี แต่จุดที่จะทำให้คนประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวไม่ใช่เป็นอัตตา แต่เป็น อัตตาที่ผิดหรือถูก หรือจะเรียกว่า เป็นมิจฉาทิฐิ หรือ สัมมาทิฐิ มากกว่านะครับ

พี่เชื่อว่าปัจจัยที่สำคัญประการหนึ่งที่จะทำให้คนๆนั้นประสบความสำเร็จในชีวิตได้ ปัจจัยนั้นคือ ความยึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่ถูกต้องครับ
ขอโทษทีที่มาแจมไม่ถูกจังหวะครับ :lol:

ไม่รู้ว่ากระทู้นี้คุย ๆ ไปคุยมา กลายเป็นคุญเรื่องธรรมะไปด้วยเลย

ขอแจมนิดหน่อย เพราะศึกษาธรรมะมานิดหน่อยเหมือนกันครับ

เห็นด้วยกับคุณนริศว่า ปัจจัยที่สำคัญประการหนึ่งที่จะทำให้คนๆนั้นประสบความสำเร็จในชีวิตได้ ปัจจัยนั้นคือ ความยึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่ถูกต้องครับ

แต่ปัญหาของการตีความในสิ่งที่ถูกต้อง บางครั้งเราใช้อะไรตีความสิ่งที่ถูกต้องด้วย เพราะจิตที่ยังมีกิเลสของคนมีทั้งหยาบและละเอียดไม่เท่ากัน และมีการปรุงแต่งด้วยกิเลสของแต่ละคนที่แตกต่างกันด้ว

ผมคิดว่า เราทั้งหมดควรพยายามทำใจให้เป็นจิตว่าง ไม่ปรุงแต่ง ไม่คิดไปก่อนแต่ต้องพยายามตั้งใจวิเคราะห์ความเห็นอย่างเป็นกลางให้ได้ การเปิดกว้างรับฟังความเห็นของบุคคลให้มากซึ่งมีทั้งเห็นด้วย หรือเห็นแตกต่างก็ตาม ต้องนำมาอบรมจิต แล้วมาคิดพิจารณาด้วยตนเองอย่างมีสติ และใช้ปัญญาพิจารณาไตร่ตรองด้วยตนเองทุกครั้ง เราก็จะเห็นการพัฒนาของจิตที่มีคุณภาพของเรายกระดับสูงขึ้นเรื่อย ๆ จากความเห็นถูกหรือเห็นผิดอย่างหยาบก็ตาม ไปสู่ความเห็นถูกมากขึ้น ที่ละเอียดมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ไปตามลำดับ แล้วเราก็นำความรู้ที่ได้จากการพิจารณาของเราที่ได้ศึกษาด้วยตนเอง มาอบรมอบรมจิตให้มีคุณภาพสูงขึ้นต่อเนื่อง ให้ละเอียดมากขึ้น ก็จะทำให้เรามีคุณภาพการตัดสินใจที่ดีขึ้นตามไปด้วย และมีเมตตาเผื่อแผ่ไปยังผู้อื่นให้มีความสุขด้วย


ผมให้ทุก ๆ ความเห็นนั้นทั้งเห็นด้วยและเห็นต่างนั้น เป็นครูของผมในการอบรมจิตของผมครับ

เพื่อสุดท้ายสิ่งที่อยากได้ก็คือการลดอัตตา ตัวกูของกูของตนเอง ลดกิเลสของตนเอง เพื่อไปสู่คุณภาพของ

จิตที่สูงขึ้นเรื่อยๆ เพื่อลดกิเลสความ โลภ โกรธ และหลง ของตนเองในที่สุดให้เบาบางลง ด้วยการพิจารณาในเรื่องไตรลักษณ์ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป เป็นธรรมดาครับ

หากเราทุก ๆ คนในกระทู้แห่งนี้สามารถพัฒนาความเห็นถูกของเราเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

ผมก็เชื่อว่าเวปแห่งนี้ก็คงทำให้ทุกคนมีความสุขมากขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะการให้ความรู้ที่ถูกต้องกับผู้ลงทุนทุก ๆ คน ทำให้เขามีคุณภาพการลงทุนที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับครับ

ซึ่งคงตรงกับที่คุณนริศกล่าวถึงก็คือปัจจัยที่สำคัญประการหนึ่งที่จะทำให้คนๆนั้นประสบความสำเร็จในชีวิตได้ ปัจจัยนั้นคือ ความยึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่ถูกต้องครับ หรือเห็นให้ตรงตามความเป็นจริงแท้นั่นเองครับ
แค่ได้อ่านก็อยากทำความรู้จักกับพี่ chaitorn เหลือเกิน สงสัยเราจะคอเดียวกันครับ :D
ขอบคุณมากๆสำหรับความเห็นนะครับ
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
mprandy
Verified User
โพสต์: 1992
ผู้ติดตาม: 0

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์ที่ 95

โพสต์

ขออนุญาตหยุดโพสต์ในกระทู้นี้ก่อนครับ ขออภัยน้อง picatos และพี่นริศ และสมาชิกทุกท่านด้วยครับ

ผมว่าเรากำลังมีปัญหาในกระทู้นี้ละ ... ไว้ค่อยคุยกันเป็นการส่วนตัวดีกว่า

ป.ล. มด ... โปรดเช็ค PM ของท่านด้วยครับ จะว่าอย่างไร
ไม่สน return rate เยอะ, ขอแค่ financial freedom ภายใน 14 ปีก็พอ..
------------------------
chaitorn
Verified User
โพสต์: 2545
ผู้ติดตาม: 0

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์ที่ 96

โพสต์

คุณ mprandy
บัฟเฟตบอกไว้เสมอว่า กฏข้อแรก อย่ายอมขาดทุน นี่คือกฏแห่งการลงทุนทุกแนวไม่ว่าแนวใด การขาดทุนอย่างหนักเท่าใด การฟื้นตัวของพอร์ทเรามันจะยากเป็นทวีคูณ เมื่อใดที่มุมมองของเราเริ่มผิดทางกับตลาด สิ่งที่เราควรจะมองก่อนคือ มีอะไรที่เรามองข้ามหรือผิดพลาดหรือไม่ ถ้าไม่ผิดก็แล้วไป แต่ถ้าผิดพลาด ก็ควรจะยอมรับความผิดพลาดนั้นมากกว่าจะจำทนกับสภาพ แล้วพยายามที่จะหลีกหนี หรือปกปิดความผิดพลาดนั้น เพราะลงท้ายการสูญเสียมันก็ยังเกิดขึ้นอยู่ดีไม่หายไป มีคนที่ผมนับถือคนหนึ่งกล่าวไว้ว่า "จะมีประโยชน์อะไรที่เราจะดันทุรังคิดว่าเราถูกอยู่คนเดียว แล้วทนเห็นหุ้นตัวที่เราถือมันราคาร่วงเอาร่วงเอา ในขณะที่คนอื่นเขาคิดไม่เหมือนเรา ไล่ขายออกมาตลอดเวลา และลงท้ายคนที่บาดเจ็บที่สุดจากการลงทุนนี้ ก็คือตัวเรา"
มีโอกาสไล่อ่านกระทู้เพิ่มเติมของคุณหมอ mprandy น่าสนใจครับ
เผอิญมีประสบการณ์เรื่องนี้อยู่และอ่านหลายความเห็น ทั้งทางเทคนิคและการวิเคราะห์พื้นฐานคุณค่าหุ้นด้วยซึ่งก็มีวิธีคิดที่แตกต่างกัน ผมก็ยังไม่แน่ใจว่าประสบการณ์ที่ผมมีอยู่ จะช่วยพัฒนาการลงทุนของผมให้เพิ่มขึ้นได้อย่างไร จึงอยากรบกวนสอบถามคุณหมอ mprandy หน่อยครับ

เรื่องของหุ้นตกร่วงเอาร่วงเอานั้น แล้วเราควรทนถือต่อหรือไม่ หรือควรขายทิ้งไปก่อนแล้วซื้อคืนตอนหลังดีกว่านั้น

ประเด็นที่ผมเคยเจอสมัยเป็นกึ่งลงทุนกึ่งเก็งกำไรครับ 5555 เป็นมือใหม่ ๆ จริง ๆ :lol: ก็คือ เป็นหุ้นอีเลคโทรนิค หุ้น C และ หุ้น K ลักษณะอาการคือ หุ้นค่อย ๆ ล่วงลง เราก็มั่นใจว่าหุ้นตัวนี้คุณค่ามันสูงกว่าราคาค่อนข้างมาก จึงเข้าทะยอยเข้าซื้อเพิ่ม แล้วหุ้นก็ล่วงลงมาตลอด ความรู้สึกตอนนั้นก็คือ เรากระจายความเสี่ยงน้อยไปหน่อย ทำให้ Focus หุ้นตัวนั้นมากไป

สถานการณ์ในขณะตอนนั้นก็มาทบทวนว่าตนเองวิเคราะห์ถูกหรือมองอะไรที่ผิดไปหรือไม่ ซึ่งสุดท้าย จำใจต้องขายหุ้นออกไปเพื่อรักษาเงินไว้รอโอกาสแก้ตัวภายหลัง เพราะผลงานที่เป็นผลประกอบการระยะสั้นยังไม่ค่อยดี

ซึ่งหลังจากขายไปได้ระยะหนึ่ง ราคาก็ยังตกลงไปอีกสักพักหนึ่ง ต่อมาหลังจากนั้นอีกประมาณ 1 ปี ราคาของหุ้นทั้ง 2 ตัวก็ปรับตัวขึ้น ตัวแรก ขึ้นสูงจากต้นทุนที่ผมเคยถืออยู่เกือบ 1 เด้ง อีกตัว เพิ่มประมาณเกือบ 10 เด้ง เป็นต้น

คำถามก็คือ

1. การอดทนรอคอยต่อไป กับการขายออกไปก่อนเพื่อรักษาเอาตัวรอด แล้วรอจังหวะเข้าซื้อตอนหลังนั้น

คุณหมอมีเทคนิคแก้ไขปัญหาตรงนี้อย่างไรครับ ตอนนั้นหลังจากขายออกไปแล้ว เพราะมีความรู้สึกว่า เมื่อไม่แน่ใจ ก็เป็นความเสี่ยง จึงขายออกไปก่อน และทำให้เสียโอกาสไม่ไปแตะอีกเลย แต่สุดท้ายผลงานก็ออกมาตามที่เราได้เคยวิเคราะห์ไว้ทุกประการครับ เป็นประสบการณ์เมื่อหลายปีก่อนครับ คุณหมอพอมีคำตอบแก้ไข หรือให้คำแนะนำอย่างไรครับ เผื่อจะเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ ทุก ๆ คนนะครับ

2. เวลาเรือค่อย ๆ จมนั้น มันไม่เป็นไร แต่ผมเคยมีประสบการณ์หลายปีก่อนอีกเช่นกัน คือเวลามันเจอข่าวร้าย มันลง Floor เลย ไม่ทันตั้งตัว เป็นกลุ่ม Finance แบบนี้เราควรจะทำอย่างไรดีครับ หุ้นตัวนี้อีกเช่นกัน หลังจากนั้นมันก็ขึ้นไปอีก 1 เด้ง หลังจากผ่านช่วงเวลาเลวร้ายสักประมาณ 1 ปีครับ

ผมลองกับไปทบทวนสถานการณ์ตอนนั้นดู ก็พบว่า

ความยากการตัดสินใจ "แบบไม่ใช่ว่า เพราะรู้งี้ ควรทำอย่างไร เพราะวันนี้คำตอบมันออกมาแล้ว " ก็คือ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราคิดถูกแล้ว ควรอดทนต่อไป หรือเราผิดพลาดแล้ว ต้องถอยจากการลงทุนไปก่อนเป็นต้น

ขอบคุณล่วงหน้าครับ :lol:
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
nokkrajok
Verified User
โพสต์: 5
ผู้ติดตาม: 0

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์ที่ 97

โพสต์

รบกวนถามคุณ pak หน่อยค่ะว่ามีประสบการณ์ถือหุ้น turn around แล้วราคามันลงไปเรือ่ยๆไหมคะ จนเราหวั่นไหวว่ามันจะ turn จริงไหม
nanchan
Verified User
โพสต์: 2938
ผู้ติดตาม: 0

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์ที่ 98

โพสต์

ถามหน่อยได้ไม๊คุณนริศขายPtl ทำไม
ส่วนilink tnh nbc อาจขายเพราะเจอเรือลำที่ดีกว่าคงไม่ถามหละ
เฝ้าดูไป โดยใจที่เป็นกลาง
nanchan
Verified User
โพสต์: 2938
ผู้ติดตาม: 0

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์ที่ 99

โพสต์

ไม่ตอบก็ได้นะไม่ว่าไร เผื่อถามผม ผมคงใช้สิทธิไม่ตอบเช่นกัน
เฝ้าดูไป โดยใจที่เป็นกลาง
akrapong
Verified User
โพสต์: 108
ผู้ติดตาม: 0

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์ที่ 100

โพสต์

nanchan เขียน:ถามหน่อยได้ไม๊คุณนริศขายPtl ทำไม
ส่วนilink tnh nbc อาจขายเพราะเจอเรือลำที่ดีกว่าคงไม่ถามหละ
อ่ะ...ขายไปแล้วจริงๆเหรอครับ จริงๆผมว่าผลประกอบการของ PTL ที่ออกมาแล้วไม่ได้น่าเกลียดอะไรเลยนี่ครับ eps 3 บาทกว่าแล้ว แค่ 3Q ...รึว่ามีข่าวร้ายอะไรที่ผมคาดไม่ถึง แต่พี่คนอื่นๆคาดไปถึงแล้วกันเนี่ย

แล้วผมจะต้องทำยังไงกับที่มีอยู่ล่ะเนี่ย ...
ทำใจยังไงดีครับ เมื่อกลัวว่าจะวิเคราะห์ผิด เพราะหุ้นมันตกเอา ตกเอา...แล้วพรรคพวกที่ช่วยกันวิเคราะห์ก็ขายไปก่อนหน้าโดยไม่บอกก่อนแล้ว T^T
If u focus on what u've left behind, u'll never be able to see what lies ahead.
ภาพประจำตัวสมาชิก
naris
Verified User
โพสต์: 6726
ผู้ติดตาม: 0

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์ที่ 101

โพสต์

nanchan เขียน:ถามหน่อยได้ไม๊คุณนริศขายPtl ทำไม
ส่วนilink tnh nbc อาจขายเพราะเจอเรือลำที่ดีกว่าคงไม่ถามหละ
คำถามที่มีประโยชน์ ไม่ตอบคงไม่ได้ครับ นักลงทุนมาอ่านทีหลังจะได้เรียนรู้ทางลัดจากประการณ์ตรงของคนอื่นๆ
การขายหุ้นของแต่ละคนคงจะไม่มีใครถูกหรือผิดทั้งหมด กลยุทธ์ที่วางไว้ อาจจะผิดในบางกรณีและในบางโอกาส กลยุทธ์เดียวกัน อาจจะประสบความสำเร็จก็ได้

ขอเกริ่นก่อนนะครับ ที่คุณนันถามถึงptlนี่ในสมัยประมาณปี2551 ช่วงนั้นผมจำได้เลาๆว่าsisประมาณ4บาท ส่วนptlอยู่ราวๆ5บาทกว่าๆ(ที่จำได้เพราะมีน้องคนหนึ่งมาย้ำความจำนี้ให้ฟังอีกรอบเมื่อปีที่แล้ว แต่ถ้าจำผิดต้องขอโทษด้วย)

ในสมัยนั้น ผมกำลังไฟแรง แบบหมูไม่กลัวน้ำร้อนครับ อยากลองเล่นอะไรที่มันแรงๆเร็วๆในประเภทหุ้นโภคภัณฑ์ดู แต่พอลองถือครองดู ตอนนั้นถึงแม้นว่าจะถือไม่มาก กลับไม่มีความสบายใจในการถือครอง การถือครองหุ้นโภคภัณฑ์ในตอนนั้น ได้บทเรียนดีๆมาสองข้อครับ

1 จุดแข็งของผมคือเรื่องการมองหุ้นเติบโต และ หาหุ้นเทิร์น อะราวด์จากการเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจ ไม่ใช่หุ้นโภคภัณฑ์ ที่ผมยังโง่ในเรื่องนี้ เพราะผมไม่สามารถคาดการ์ณผลกำไรในอีก1-2ปีข้างหน้าเขาได้เลย

2 โดยส่วนตัว ผมจะชอบมีความสุขในระหว่างการเดินทาง มากกว่าความสุขที่ถึงเป้าหมายครับ
พอสรุปได้แนวความคิดอย่างนั้นแล้ว จึงเพิ่มสัดส่วนการถือครองหุ้นที่ผมรู้และคำนวณกำไรออกในระยะยาว
และลดการถือครองหุ้นที่ทำให้ผมไม่มีความสุขครับ
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
ภาพประจำตัวสมาชิก
Pn3um0n1a
Verified User
โพสต์: 1935
ผู้ติดตาม: 0

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์ที่ 102

โพสต์

ถูกทุกคนเลยคร้าบ ได้ความรู้มากมาย
จริตแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ถ้าไปดัดเพื่อตามคนอื่น ไงๆก็คงยากที่จะประสบความสำเร็จ
ทำตามจริตตัวดีสุด
เพราะงั้นอาจารย์ทุกท่านในที่นี้ ลงทุนประสบความสำเร็จกันทั้งนั้น ต่างกันที่วีถีก็แค่นั้น

เสียดาย มาไม่ทันโพสที่โดนลบไป... :lovl:
akrapong
Verified User
โพสต์: 108
ผู้ติดตาม: 0

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์ที่ 103

โพสต์

akrapong เขียน:
nanchan เขียน:ถามหน่อยได้ไม๊คุณนริศขายPtl ทำไม
ส่วนilink tnh nbc อาจขายเพราะเจอเรือลำที่ดีกว่าคงไม่ถามหละ
แล้วผมจะต้องทำยังไงกับที่มีอยู่ล่ะเนี่ย ...
ทำใจยังไงดีครับ เมื่อกลัวว่าจะวิเคราะห์ผิด เพราะหุ้นมันตกเอา ตกเอา...แล้วพรรคพวกที่ช่วยกันวิเคราะห์ก็ขายไปก่อนหน้าโดยไม่บอกก่อนแล้ว T^T
บางทีผมแค่อยากทราบความเห็นของหลายๆท่านในที่นี้บ้างครับ ว่า ในขณะที่ทุกท่านเอาภาพของบริษัทต่างๆที่วิเคราะห์แล้วว่าดียังงั้นดียังงี้ มานำเสนอจูงใจให้ซื้อ ครั้นแล้วเมื่อท่านเปลี่ยนใจขาย ซึ่งอาจจะมาจากการไปทราบข่าวที่ท่านได้แต่ใดมาก็ตาม เหตุใดไม่เห็นมีใครเอามาแนะนำขาย หรือนำเสนอให้ขายบ้าง เพื่อให้นักลงทุนที่ร่วมหัวจมท้ายหาข้อมูลดีๆตอนซื้อมาด้วยกัน ให้ได้มีส่วนร่วมตัดสินใจขายด้วยไม่
If u focus on what u've left behind, u'll never be able to see what lies ahead.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Pn3um0n1a
Verified User
โพสต์: 1935
ผู้ติดตาม: 0

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์ที่ 104

โพสต์

akrapong เขียน: บางทีผมแค่อยากทราบความเห็นของหลายๆท่านในที่นี้บ้างครับ ว่า ในขณะที่ทุกท่านเอาภาพของบริษัทต่างๆที่วิเคราะห์แล้วว่าดียังงั้นดียังงี้ มานำเสนอจูงใจให้ซื้อ ครั้นแล้วเมื่อท่านเปลี่ยนใจขาย ซึ่งอาจจะมาจากการไปทราบข่าวที่ท่านได้แต่ใดมาก็ตาม เหตุใดไม่เห็นมีใครเอามาแนะนำขาย หรือนำเสนอให้ขายบ้าง เพื่อให้นักลงทุนที่ร่วมหัวจมท้ายหาข้อมูลดีๆตอนซื้อมาด้วยกัน ให้ได้มีส่วนร่วมตัดสินใจขายด้วยไม่
ผมก็สงสัยเหมือนกันเลยครับ

แต่ถ้า พี่ akrapong เป็นคนทำการบ้านมาเยอะแยะ เหนื่อยกว่าคนอื่นเยอะแยะ
พี่จะมานั่งบอกให้คนอื่นขายก่อน ตัวเองขายหรือเปล่าครับ?

ไม่ต่างอะไรกับผู้บริหารที่มีหุ้นอยู่ ถ้าข้อมูลที่มี ทำให้ wealth ตัวเองลดลง จะเอามาประกาศก่อนไหมครับ?

ใครพอจะตอบให้ผมรู้ได้บ้างครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
naris
Verified User
โพสต์: 6726
ผู้ติดตาม: 0

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์ที่ 105

โพสต์

akrapong เขียน:
akrapong เขียน:
nanchan เขียน:ถามหน่อยได้ไม๊คุณนริศขายPtl ทำไม
ส่วนilink tnh nbc อาจขายเพราะเจอเรือลำที่ดีกว่าคงไม่ถามหละ
แล้วผมจะต้องทำยังไงกับที่มีอยู่ล่ะเนี่ย ...
ทำใจยังไงดีครับ เมื่อกลัวว่าจะวิเคราะห์ผิด เพราะหุ้นมันตกเอา ตกเอา...แล้วพรรคพวกที่ช่วยกันวิเคราะห์ก็ขายไปก่อนหน้าโดยไม่บอกก่อนแล้ว T^T
บางทีผมแค่อยากทราบความเห็นของหลายๆท่านในที่นี้บ้างครับ ว่า ในขณะที่ทุกท่านเอาภาพของบริษัทต่างๆที่วิเคราะห์แล้วว่าดียังงั้นดียังงี้ มานำเสนอจูงใจให้ซื้อ ครั้นแล้วเมื่อท่านเปลี่ยนใจขาย ซึ่งอาจจะมาจากการไปทราบข่าวที่ท่านได้แต่ใดมาก็ตาม เหตุใดไม่เห็นมีใครเอามาแนะนำขาย หรือนำเสนอให้ขายบ้าง เพื่อให้นักลงทุนที่ร่วมหัวจมท้ายหาข้อมูลดีๆตอนซื้อมาด้วยกัน ให้ได้มีส่วนร่วมตัดสินใจขายด้วยไม่
หุ้นตัวนี้ต้องถามคนที่รู้นะครับ พี่ออกตัวก่อนว่าไม่รู้ เพราที่คุณนันถามพี่นั้น ถ้าในสมัยพระเจ้าสาม...เมื่อปี51มั๊งครับ ลองไปอ่านที่พี่เขียนข้างบนก็จะถึงบางอ้อ ส่วนความเห็นตอนขายทำไมไม่บอกต้องให้คนอื่นมาตอบนะครับ :lol:
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
ภาพประจำตัวสมาชิก
zesar
Verified User
โพสต์: 390
ผู้ติดตาม: 0

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์ที่ 106

โพสต์

ผมว่าตอนขาย แล้วบอกว่าตัวเองขาย มีผลเสียที่สำคัญมากต่อผู้ที่ยังอยากถืออยู่ครับ

เช่น สมมุติว่าพี่คนหนึ่งเป็นคนมีต้นทุนทางสังคมสูงบอกว่า ขายยยยยย
แต่ตัวพี่เองถือหุ้นอยู่ แต่ยังไม่ได้ขาย เพราะยังคิดว่าราคาแฟร์แวยู่ที่พี่คิดมันสูงกว่านี้มากกกก
แต่ราคาก็ร่วงเอาร่วงเอา เพราะแรงขายตามท่านพี่ผู้นำ

แล้วพี่ที่ถือหุ้นอยู่จะรู้สึกยังไงครับ ?
น้้ำพริก
Verified User
โพสต์: 14
ผู้ติดตาม: 0

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์ที่ 107

โพสต์

akrapong เขียน:
akrapong เขียน:
nanchan เขียน:ถามหน่อยได้ไม๊คุณนริศขายPtl ทำไม
ส่วนilink tnh nbc อาจขายเพราะเจอเรือลำที่ดีกว่าคงไม่ถามหละ
แล้วผมจะต้องทำยังไงกับที่มีอยู่ล่ะเนี่ย ...
ทำใจยังไงดีครับ เมื่อกลัวว่าจะวิเคราะห์ผิด เพราะหุ้นมันตกเอา ตกเอา...แล้วพรรคพวกที่ช่วยกันวิเคราะห์ก็ขายไปก่อนหน้าโดยไม่บอกก่อนแล้ว T^T
บางทีผมแค่อยากทราบความเห็นของหลายๆท่านในที่นี้บ้างครับ ว่า ในขณะที่ทุกท่านเอาภาพของบริษัทต่างๆที่วิเคราะห์แล้วว่าดียังงั้นดียังงี้ มานำเสนอจูงใจให้ซื้อ ครั้นแล้วเมื่อท่านเปลี่ยนใจขาย ซึ่งอาจจะมาจากการไปทราบข่าวที่ท่านได้แต่ใดมาก็ตาม เหตุใดไม่เห็นมีใครเอามาแนะนำขาย หรือนำเสนอให้ขายบ้าง เพื่อให้นักลงทุนที่ร่วมหัวจมท้ายหาข้อมูลดีๆตอนซื้อมาด้วยกัน ให้ได้มีส่วนร่วมตัดสินใจขายด้วยไม่
เจตนาตอนโพสท์ ณ จุดเริ่มต้น เป็นตัวกำหนดผลมั้งครับ

อย่างเช่น ถ้าตอนเริ่มต้นเจตนาโพสท์เพื่อให้ความรู้ ผลก็คงเป็นการโพสท์ที่ให้ความรู้กันตลอด

แต่ถ้าตอนเริ่มต้นมีเจตนาเป็นอย่างอื่น ผลก็คงไม่เหมือนกันครับ
ก้อนกรวด
Verified User
โพสต์: 141
ผู้ติดตาม: 0

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์ที่ 108

โพสต์

ความเห็นแต่ละคนสุดยอดมากเลยครับ ในแง่นักลงทุนแบบ VI ที่เก๋าจริงๆ ถ้าเห็นหุ้นตัวเองถล่มลงไปเยอะโดยที่พื้นฐานไม่เปลี่ยนก็อาจจะถือได้มั้งครับ แต่ผมลองมาคิดในมุมมองของคนอื่นแบบพวก Fund Manager ที่บริหารเงินจำนวนมากให้คนอื่น ถ้าพวกพี่เป็นคนเหล่านั้นผมไม่รู้จะยอมให้ port ตัวเองตกลงขนาดนั้นได้หรือเปล่าเพราะว่านักลงทุนที่เอาเงินมาฝากคุยย่อมมีการโวยวายแน่นอน ที่ Hedge Fund แบบเน้นลงทุนในมูลค่าหรือไม่ก็แบบอื่นๆต้องปิดไปในปี 2008 ก็เพราะว่า NAV ของพวกเขาถล่มลงมาเกินที่นักลงทุนจะรับได้ ผมอยากถามพวกพี่ๆหน่อยครับว่าในเคสแบบนั้นพี่จะทำอย่างไรถึงแน้นว่าพวกพี่ๆจะรู้ว่า intrinsic value ของ NAV บริษัทนั้นสูงกว่าที่เห็นอยู่ตอนนั้นมากๆ
Hughes
Verified User
โพสต์: 1088
ผู้ติดตาม: 0

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์ที่ 109

โพสต์

สวัสดีครับน้องก้อนกรวด พี่รู้สึกว่าน้องก้อนกรวดมีออร่าความเป็น s.t.e.p inw อยู่นะครับ

ขอตอบน้องก้อนกรวดรึกันนะครับ ถ้าพี่เป็น fund manager ธรรมดาแล้วรู้ว่าหุ้นจะถล่ม เห็น yield curve แปลกๆคงต้องรีบขายย้ายเงินไปไว้ที่ bond หรืออะไรอย่างอื่นนะครับ
แต่ว่ามองกลับกันถ้าเป็นคนที่เตรียม cash ไว้เยอะๆแบบ buffet เห็นเขาก็ปล่อยไว้แล้วเอา cash มาซื้อหุ้น

ส่วนตัวพี่ว่าถ้าเรารู้ได้ว่าหุ้นจะถล่มก็ขายก่อนดิครับจะถือไว้ทำไม คริๆ แล้วค่อยไปซื้อถูกๆ
แต่ถ้าเราขายไม่ทันด้วยสาเหตุอะไรก็ตามแล้วหุ้นเป็นหุ้นที่บริษัทพื้นฐานโอเคแล้วมีความนิยม ราคาหุ้นคงกลับมาหลังวิกฤตินะครับ ถ้าราคาไม่ได้แพงเวอร์ตอนซื้อนะ

คิดว่าไงคับน้องก้อนกรวด
เล่นหุ้นคนแก่ แต่แอบเปรี้ยวเป็นบางเวลา
ก้อนกรวด
Verified User
โพสต์: 141
ผู้ติดตาม: 0

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์ที่ 110

โพสต์

เห็นด้วยเลยคับพี่ Hughes แต่ถ้าผมเป็น VI จะรู้ได้อย่างไรว่าหุ้นมันจะถล่มล่ะครับเพราะว่าผมไม่ได้ตามตลาดทุกๆวัน?
Hughes
Verified User
โพสต์: 1088
ผู้ติดตาม: 0

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์ที่ 111

โพสต์

ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจแน่ชัดนะครับน้องก้อนกรวดว่า VI หมายถึงยังไงกันแน่ ตอนแรกนึกว่าแค่การซื้อขายหุ้น โดนการอิงมูลค่าพื้นฐาน

แต่หลังๆคนบอกว่าต้องถือยาวมั่งหรือต้องไม่ดูหุ้นนานๆมั่ง

ส่วนตัวพี่ว่าที่คนที่ อเมริกาเขาถือหุ้นนานๆเพราะมันมีข้อจำกัดทางด้านภาษี capital gain tax นะครับ ถ้าเขาซื้อขายหุ้นบ่อยๆเขาต้องเสียภาษีในอัตราที่สูงกว่า โดยเขามี rate ภาษีที่ต่ำกว่าให้คนที่ถือหุ้นยาวๆ

ในบ้านเราที่ไม่มีการคิด capital gain tax, การซื้อขายหุ้นบ่อยๆก็ไม่ได้เสียหายอะไรอาจจะมีแต่ค่าคอมมิชชั่นที่ทำให้มีต้นทุนที่สูงขึ้น

แล้วเรื่องการไม่ติดตามหุ้น พี่ว่าการติดตามหุ้นก็สำคัญนะ แล้วเข้าใจว่าคนในเว็ปหลายๆคนก็ตามข่าวคราวบริษัทอยู่สมำเสมอ เพราะมันก็อาจมีข่าวอะไรที่ทำให้พื้นฐานบริษัทเปลี่ยนไปในทาง VI นะ
แต่มันก็มีเรื่องอื่นๆที่ทำให้ราคาหุ้นตกได้เช่นกันที่ไม่เกี่ยวกับพื้นฐานบริษัทซึ่งถ้าเรารู้ทันก็อาจทำให้มีโอกาสทำกำไรมากขึ้น

เอาเข้าจริงๆก็คิดว่าการเรียนรู้หลายๆอย่างไม่ทำให้เสียหายอะไร เราก็ลองๆไปอะไรที่ลองแล้วใช้ได้ก็ใช้ไปที่่ลองแล้วเจ๊งก็อย่าไปใช้มันเนอะ
เล่นหุ้นคนแก่ แต่แอบเปรี้ยวเป็นบางเวลา
ภาพประจำตัวสมาชิก
picatos
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3227
ผู้ติดตาม: 4

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์ที่ 112

โพสต์

mprandy เขียน:ขออนุญาตหยุดโพสต์ในกระทู้นี้ก่อนครับ ขออภัยน้อง picatos และพี่นริศ และสมาชิกทุกท่านด้วยครับ

ผมว่าเรากำลังมีปัญหาในกระทู้นี้ละ ... ไว้ค่อยคุยกันเป็นการส่วนตัวดีกว่า

ป.ล. มด ... โปรดเช็ค PM ของท่านด้วยครับ จะว่าอย่างไร
:shock:

ขออภัยอะไรผมเหรอ? งง...

แต่จะให้ความร่วมมือครับ...ไว้คุยกัน 2 ต่อ 2 นะพี่

:juju: :ep:

ล้อเล่นนะครับอย่าคิดลึก
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
sattaya
Verified User
โพสต์: 1372
ผู้ติดตาม: 0

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์ที่ 113

โพสต์

chaitorn เขียน: 1. การอดทนรอคอยต่อไป กับการขายออกไปก่อนเพื่อรักษาเอาตัวรอด แล้วรอจังหวะเข้าซื้อตอนหลังนั้น

คุณหมอมีเทคนิคแก้ไขปัญหาตรงนี้อย่างไรครับ ตอนนั้นหลังจากขายออกไปแล้ว เพราะมีความรู้สึกว่า เมื่อไม่แน่ใจ ก็เป็นความเสี่ยง จึงขายออกไปก่อน และทำให้เสียโอกาสไม่ไปแตะอีกเลย แต่สุดท้ายผลงานก็ออกมาตามที่เราได้เคยวิเคราะห์ไว้ทุกประการครับ เป็นประสบการณ์เมื่อหลายปีก่อนครับ คุณหมอพอมีคำตอบแก้ไข หรือให้คำแนะนำอย่างไรครับ เผื่อจะเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ ทุก ๆ คนนะครับ
ไม่ใช่ อ.mprandy แต่ขออนุญาตแชร์ประสบการ์ณครับ
เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาผมเคยถือหุ้นที่ถูกเรียกว่าหุ้นนางฟ้าตัวหนึ่ง ด้วยต้นทุนประมาณ 9 บาท จากนั้นไม่นานหุ้นตัวนี้ก็ทะยานขึ้นไปเป็น 1x บาท ด้วยกำไรที่เพิ่มขึ้นและข่าวว่ามีงานใหม่เข้ามาเยอะ บริษัทจะขยายงานไปสู่งานต้นน้ำ ซึ่งงานที่เพิ่มขึ้นบวกงานต้นน้ำที่ว่า ทำให้บริษัทต้องประกาศเพิ่มทุน ที่ราคา 12.3 บาท ซึ่งผ่านไปด้วยดี แทนที่ราคาจะไดลูท แต่หุ้นนางฟ้าตัวนี้กลับทะยานไปเกือบ 20 บาท สวนทางกับผลประกอบการที่ลดลงด้วยงานต้นน้ำยังไม่ break even point แต่ความโลภกลับเข้ามา บวกกับความคิดหลอกตัวเองเรื่องผลประกอบการ จึงทนถือดูราคาที่สาระวันเตี้ยลง จากกำไร เกือบ 100% กลายเป็นขาดทุน ก็ยังถือและหลอกตัวเองต่อไป จนกระทั่งมีพี่ที่เคารพท่านหนึ่งพูดให้ได้สติ จึงตัดใจขายไปรับรู้ขาดทุนไปเกือบ 30% หลังจากนั้นผมก็เป็นเหมือนหลายๆคนคือ จิตตก ไม่ดูหุ้นตัวนี้อีกนาน จนได้พูดคุยกับพี่ท่านเดิม ท่านได้เตือนสติว่า ทำไมเราไม่ติดตามหุ้นตัวที่เรารู้จักดี ด้วยเหตุว่าผลประกอบการตกต่ำเพียงชั่วครั้งคราว ผมจึงกลับมาถือหุ้นนางฟ้าอีกรอบ (ตอนนี้ไม่มีแล้ว)
chaitorn เขียน: 2. เวลาเรือค่อย ๆ จมนั้น มันไม่เป็นไร แต่ผมเคยมีประสบการณ์หลายปีก่อนอีกเช่นกัน คือเวลามันเจอข่าวร้าย มันลง Floor เลย ไม่ทันตั้งตัว เป็นกลุ่ม Finance แบบนี้เราควรจะทำอย่างไรดีครับ หุ้นตัวนี้อีกเช่นกัน หลังจากนั้นมันก็ขึ้นไปอีก 1 เด้ง หลังจากผ่านช่วงเวลาเลวร้ายสักประมาณ 1 ปีครับ

ผมลองกับไปทบทวนสถานการณ์ตอนนั้นดู ก็พบว่า

ความยากการตัดสินใจ "แบบไม่ใช่ว่า เพราะรู้งี้ ควรทำอย่างไร เพราะวันนี้คำตอบมันออกมาแล้ว " ก็คือ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราคิดถูกแล้ว ควรอดทนต่อไป หรือเราผิดพลาดแล้ว ต้องถอยจากการลงทุนไปก่อนเป็นต้น
เพราะไม่รู้งี้ จึงต้องมี money management เพราะถ้าย้อนกลับไปวันนั้นก็ไม่มีใครรู้ว่ามันจะกลับขึ้นไปอีก 1 เด้งลงต่อไปอีก 50%
สติมา ปัญญาเกิด
comrade
Verified User
โพสต์: 737
ผู้ติดตาม: 0

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์ที่ 114

โพสต์

เพิ่งเข้ามาดูครับ
เห็นชื่อคนโพสเป็นรุ่นพี่รุ่นเก่า ๆ หลาย ๆ คนแล้วดีใจครับ แม้บรรยากาศ "การลงทุนแบบเน้นคุณค่า" จะไม่เหมือนเดิมก็เถอะ
ดีใจครับ
SURE I AM OF THIS
THAT YOU HAVE ONLY TO ENDURE
TO CONQUER
nanchan
Verified User
โพสต์: 2938
ผู้ติดตาม: 0

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์ที่ 115

โพสต์

naris เขียน:
woody เขียน:
naris เขียน: ขอเพิ่มอีกข้อว่า ท่านชอบซื้อของใช้ ในราคาส่วนลดหรือราคาพรีเมี่ยม ......,..ถ้าท่านแย้งว่านั่นของใช้ เอาใหม่ก็ได้ สมมุติว่าท่านจะซื้อห้องแถวให้คนอื่นเช่า มีคนเช่าค่อนข้างชัวร์ในราคา20000ต่อห้อง และขึ้นค่าห้องเช่าทุกปีปีละ10เปอร์เซนต์ วันนี้มีคนขายให้ท่านห้องละ2.4ล้าน ผลตอบแทนได้10% ผ่านไป1ปี เกิดวิกฤต ค่าเช่าลดลงเหลือ 18000 ตึกข้างๆกันมีคนอยากขาย ขายในราคา2.0 ท่านจะซื้อตึกข้างๆเพิ่มหรืออยู่เฉยๆหรือติดป้ายขายห้องในราคา2ล้านตามเขา
สวัสดีครับพี่ naris ไม่ได้เห็นพี่โพสท์บ่อยๆ เหมือนเคย หวังว่าพี่ยังคงสุขภาพแข็งแรงดีเช่นเคยนะครับ :D

อ่านตัวอย่างตรรกะของพี่ naris ด้านบนแล้ว ผมก็คงตอบว่าซื้อตึกข้างๆ เพิ่มแน่นอนครับ ...แต่........

ผมเกิดข้อสงสัยในใจเพิ่มขึ้นเล็กน้อยกับตัวอย่างสถานการณ์ข้างต้นครับ และขอเรียนปรึกษาพี่ naris ดังนี้ครับ
1. Money Management ผมว่าเหตุการณ์ที่ยกมา ยังไม่ได้ใส่ Assumption เรื่องของเงินสดที่มีอยู่ในมือ
เกิดมีนักลงทุนใหม่ๆ ที่สนใจในแนว vi และเข้าใจผิดว่าเราจะสามารถหาเงินสดมาซื้อตึกข้างๆ ได้ตลอดเวลา ผมเกรงว่าคำตอบที่จะต้องซื้อตึกข้างๆ นั้นอาจจะไม่ได้เป็นคำตอบที่ควรเลือกเสมอไปเสียแล้วหรือเปล่าครับ

2. ปัจจัยเสี่ยง เราจะทราบได้อย่างไรครับว่า วิกฤติมันจะเกิดเพียงแค่ปีเดียว ถ้าปีถัดไปวิกฤติยังคงต่อเนื่องค่าเช่าลดลงต่อไปอีก หรือคนเช่าไม่สามารถจ่ายค่าเช่าให้เราได้แล้ว ที่คิดว่าเป็นไปได้ก็เพราะตอนแรกโจทย์บอกว่าค่าเช่า 20K ค่อนข้างชัวร์ แต่ปีถัดไปมันดันลดเหลือ 18K เสียนี่ มากไปกว่านั้นถ้าวิกฤติมันนานพอที่จะฉุดดึงราคาตึกทั้งแถบลงมาเหลือเพียง 1.4M พี่ว่าจะเป็นการดีหรือไม่ถ้าเราขายตึกของเราไปก่อนตอน 2M

3. โอกาสและต้นทุนเสียโอกาส เหตุการณ์ที่ยกตัวอย่างด้านบนดู เหมือนว่าจะเป็นระบบปิดเกินไป อาจไม่ตรงกับสภาพโลกแห่งความเป็นจริงนักในแง่ที่ว่าเรามีสิทธิ์เลือกตึกแห่งนี้เพียงแห่งเดียวเท่านั้นหรือเปล่าครับ เกิดสมมติว่าด้วยวิกฤติที่เกิดขึ้นทำให้เกิดความผันผวนในตลาดจนทำให้คนเริ่มใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลขายตึกอีกแห่งหนึ่งที่มี location ที่ดีกว่า มีศักยภาพมากกว่าในราคาที่เท่ากัน หรือถูกกว่า จะเป็นการดีหรือไม่ถ้าเราตั้งขายตึกของเราแล้วไปซื้อตึกนั้น ด้วยหลักการเดียวกัน หุ้นในตลาดมีมากกว่าห้าร้อยตัว หลายต่อหลายครั้งหุ้นที่ตกไม่ใช่หุ้นที่เราถือครองเพียงตัวเดียวแต่อาจจะมีหุ้นดีๆ อื่นๆ ที่ตกมากกว่าก็เป็นได้ ที่คิดสถานการณ์แบบนี้ออกเพราะเคยเห็นจากชีวิตการลงทุนของพี่ๆ vi ที่ผมนับถือหลายคนซึ่งก็ไม่เคยปฏิเสธการ switch หุ้นเมื่อเห็นว่าหุ้นอีกตัวหนึ่ง undervalue มากกว่า เช่นกันครับ

ท้ายนี้ก็ขอขอบคุณพี่ naris อีกครั้งที่ช่วยเสียสละเวลามาแบ่งปันความรู้ และประสบการณ์ดีๆ ให้กับ น้องๆ อย่างเสมอมาครับ
สวัสดีครับwoody ไม่ได้คุยกันนานมากแล้วนะครับ

พี่คิดว่าการเคลื่อนไหวของเรื่องราวต่างๆในโลกเริ่มมาจากแนวคิดทั้งสิ้น แนวคิดทุกๆอย่างไม่มีถูกหรือผิดทั้งหมด ทุกๆแนวคิดจะมีจุดอ่อนและจุดแข็งในตัวของมันเอง เสมือนหยิบด้ามพล้าก็ต้องติดตัวพล้าฉันใดฉันนั้น
การยกตัวอย่างมันต้องเป็นระบบปิด เพราะเราไม่สามารถใส่แฟกเตอร์ต่างๆได้ครบถ้วน แต่ยังไงเราก็ยังต้องมีตุ๊กตาไว้เป็นสิ่งที่สมมุติเพื่อการศึกษาและทำความเข้าใจในเรื่องนั้นๆ

ในกรณีนี้น้องเขาถามหลักการทางการลงทุนในเวป thaivi.org ซึ่งเป็นเวปที่ส่งเสริมการลงทุนโดยดูจากพื้นฐานของกิจการ ไม่ใช่เวปที่สอนดูฟันโฟลว์หรือเวปแนวเทคนิค(ซึ่งถ้าในเวปประเภทนั้น ถ้าพี่เข้าไปตอบก็คงจะตอบอีกรูปแบบอย่างแน่นอน)

และถ้าถามถึงนิสัยส่วนตัวของพี่เอง พี่ก็ชอบอะไรที่มีเหตุมีผล ความรู้พี่สามารถแกะได้ ไม่ซับซ้อน และที่ผ่านชีวิตค้าขายมาตั้งแต่ ม.2 รับซื้อมะม่วงจากชาวบ้าน ไปขายตลาดมหานาค ประสบการณ์ธุรกิจกว่า2โหลปี ชีวิตได้ผ่านการทำธุรกิจมาหลายรูปแบบ ผ่านมาทั้งความสำเร็จและล้มเหลว เลยคิดว่าประสบการณ์ที่ผ่านมาพอมีประโยชน์ในการมองหุ้นในเชิงหุ้นส่วนธุรกิจ มุมมองของพี่จึงคิดว่าวิธีที่เหมาะสมและน่าจะดีที่สุดของพี่ คือการมองหุ้นในเชิงการลงทุน ไม่ใช่มองในเชิงการไหลของเม็ดเงิน หรือเชิงเทคนิค
ผมเข้าใจนะเริ่มต้นมันก็ขึ้นกับพื้นฐาน แต่มันก็ต้องมีสมมุติฐานและองค์ประกอบอื่นในการเอาตัวรอดหรือในการเพิ่มโอกาสหรือศักยภาพในการบริหารจัดการ

woodyเค้าไม่ได้พูดถึงfund flowหรือแนวเทคนิคอะไรเลยนะ

ตอนวิกฤติต้มยำกุ้ง คุณตันเคยขายตึกแถวเพื่อมาแก้วิกฤติ ผ่านมา10กว่าปีไปซื้อคืนยังได้ราคาเดิม
เคสนี้เห็นชัดๆเลยครับ เวลาที่เกิดวิกฤติขึ้นมา ถ้าบริหารเงินไม่ดี เอาแต่เก็บทรัพย์สินที่ด้อยค่าหรือตกต่ำ ถ้ายังดันทุรังไปซื้อเพิ่มเพราะคิดว่ามันถูก ผมว่าเจ๊งนะ
จะว่าไปเคสนี้ช่วงต้มยำกุ้งนี่เห็นชัดมาก มันมี2เคสคือ
1.คนที่จำเป็นต้องขายขาดทุน คือสินทรัพย์ราคาเท่าไหร่ ก็จำเป็นต้องขายเพราะสภาพคล่องหรือหนี้สิน
2.คนที่มาซื้อเก็บจากคนที่ขาดทุนนั่นแหละ จะเรียกว่าตาถึงก็ได้
แต่ถามว่าคนที่1 ผิดไม๊ ผมว่าไม่ผิดนะ ถ้าไม่ขายวันนั้น ผมว่าอาจจะแย่นะ
ส่วนคนที่2 ก็มีทั้งซื้อถูกไปขายแพงได้ กับ ซื้อถูกไปขายถูกเท่าเดิม เช่นคนซื้อตึกคุณตัน

ผมว่าถ้าให้ชัดก็ต้องบอกว่าคนบริหารเงินคุณอย่างไร ถ้าหุ้นตกมาเยอะๆแล้ว คุณจำเป็นต้องขายไม๊
ถ้าไม่ขาย คุณคิดว่าคุณเสียโอกาสไม๊ ถ้ามีลู่ทางที่ดีกว่า
ถาจะซื้อเพิ่ม คุณมั่นใจแค่ไหนว่าสิ่งที่จะเอาเพิ่มดีพอ
เฝ้าดูไป โดยใจที่เป็นกลาง
ภาพประจำตัวสมาชิก
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10538
ผู้ติดตาม: 0

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์ที่ 116

โพสต์

ที่ คุณ nanchan โพสต์ ผมเห็นด้วย

ไม่ในโลกธุรกิจ ไม่มีวันได้ถูก หรือ ผิด 100 %

จะว่าไม่ว่าอะไรก็เหมือนกัน ทุกสถานการณ์มีข้อยกเว้น หรือ เหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงมากมาย

ต้องขึ้นกับ factors ของแต่ละคน ณ จุดนั้นๆ

ปล. ตอนนี้เป็น คุณพ่อลูกอ่อน คงเหนื่อยนะครับ

อย่าลืมพักผ่อนให้เพียงพอด้วยนะครับ :D
nanchan
Verified User
โพสต์: 2938
ผู้ติดตาม: 0

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์ที่ 117

โพสต์

naris เขียน:
nanchan เขียน:ถามหน่อยได้ไม๊คุณนริศขายPtl ทำไม
ส่วนilink tnh nbc อาจขายเพราะเจอเรือลำที่ดีกว่าคงไม่ถามหละ
คำถามที่มีประโยชน์ ไม่ตอบคงไม่ได้ครับ นักลงทุนมาอ่านทีหลังจะได้เรียนรู้ทางลัดจากประการณ์ตรงของคนอื่นๆ
การขายหุ้นของแต่ละคนคงจะไม่มีใครถูกหรือผิดทั้งหมด กลยุทธ์ที่วางไว้ อาจจะผิดในบางกรณีและในบางโอกาส กลยุทธ์เดียวกัน อาจจะประสบความสำเร็จก็ได้

ขอเกริ่นก่อนนะครับ ที่คุณนันถามถึงptlนี่ในสมัยประมาณปี2551 ช่วงนั้นผมจำได้เลาๆว่าsisประมาณ4บาท ส่วนptlอยู่ราวๆ5บาทกว่าๆ(ที่จำได้เพราะมีน้องคนหนึ่งมาย้ำความจำนี้ให้ฟังอีกรอบเมื่อปีที่แล้ว แต่ถ้าจำผิดต้องขอโทษด้วย)

ในสมัยนั้น ผมกำลังไฟแรง แบบหมูไม่กลัวน้ำร้อนครับ อยากลองเล่นอะไรที่มันแรงๆเร็วๆในประเภทหุ้นโภคภัณฑ์ดู แต่พอลองถือครองดู ตอนนั้นถึงแม้นว่าจะถือไม่มาก กลับไม่มีความสบายใจในการถือครอง การถือครองหุ้นโภคภัณฑ์ในตอนนั้น ได้บทเรียนดีๆมาสองข้อครับ

1 จุดแข็งของผมคือเรื่องการมองหุ้นเติบโต และ หาหุ้นเทิร์น อะราวด์จากการเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจ ไม่ใช่หุ้นโภคภัณฑ์ ที่ผมยังโง่ในเรื่องนี้ เพราะผมไม่สามารถคาดการ์ณผลกำไรในอีก1-2ปีข้างหน้าเขาได้เลย

2 โดยส่วนตัว ผมจะชอบมีความสุขในระหว่างการเดินทาง มากกว่าความสุขที่ถึงเป้าหมายครับ
พอสรุปได้แนวความคิดอย่างนั้นแล้ว จึงเพิ่มสัดส่วนการถือครองหุ้นที่ผมรู้และคำนวณกำไรออกในระยะยาว
และลดการถือครองหุ้นที่ทำให้ผมไม่มีความสุขครับ
ผมว่าคำตอบคุณนริศก็ชัดเจนนิครับ

1.แต่คุณนริศพลาดตั้งแต่แรกแล้วนะ คือ ถ้าคุณคิดว่าไม่เข้าใจหุ้นโภคภัณฑ์ คุณก็ไม่ควรลงทุนตั้งแต่แรก
ผมก็ไม่แน่ใจนะว่าคุณนริศมีหุ้นที่ตัวเองยังไม่เข้าใจถ่องแท้จริงๆแล้ว แสดงความมั่นใจออกไปมากเกินไปรึเปล่านะตอนนี้
ขนาดระดับคุณนริศยังพลาดได้ ผมว่ามือใหม่ๆที่พึ่งเข้ามาลงทุน
เราควรต้องสมมุติฐานที่มันเป็นกลางๆไว้เผื่อพลาดบ้างนะ
จะว่าไปมือเก่าๆที่ผมคุยด้วย บางทียังไม่เข้าใจผมเลยนะ บางทีassumptionคนเรามันไม่เหมือนกันด้วย
ดังนั้น จริตแต่ละคนก็สำคัญ
2.การมีความสุขในการเดินทางแต่ละคน แต่ละสถานการณ์มันก็ต่างกันไป จะใช้เราเป็นเกณฑ์ไม่ได้
ถ้าผมไม่ได้ลงทุนในSta,Ptlปีสองปีที่ผ่านมา ผมคงไม่มีความสุขเลยนะ

ย้อนกลับมาข้อ1 ทุกคน โดยเฉพาะมือใหม่ มีโอกาสพลาดกันได้ทั้งนั้น
ถ้ายึดมั่นในสิ่งที่ถูกต้อง แล้วสิ่งที่ถูกต้องมันเกิดพลาดขึ้นมาหละครับ
คนเราต้องยึดทางสายกลาง ที่ไม่ประมาทนะครับ
เฝ้าดูไป โดยใจที่เป็นกลาง
nanchan
Verified User
โพสต์: 2938
ผู้ติดตาม: 0

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์ที่ 118

โพสต์

Paul VI เขียน:ที่ คุณ nanchan โพสต์ ผมเห็นด้วย

ไม่ในโลกธุรกิจ ไม่มีวันได้ถูก หรือ ผิด 100 %

จะว่าไม่ว่าอะไรก็เหมือนกัน ทุกสถานการณ์มีข้อยกเว้น หรือ เหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงมากมาย

ต้องขึ้นกับ factors ของแต่ละคน ณ จุดนั้นๆ

ปล. ตอนนี้เป็น คุณพ่อลูกอ่อน คงเหนื่อยนะครับ

อย่าลืมพักผ่อนให้เพียงพอด้วยนะครับ :D
ไม่เหนื่อยหรอกครับ สนุกดี
เพราะผมรู้ว่าคงเหนื่อยตั้งแต่แรกแล้ว ตอนนี้จึงไม่จำเป็นต้องรู้สึกเช่นนั้นอีก
เฝ้าดูไป โดยใจที่เป็นกลาง
woody
Verified User
โพสต์: 3763
ผู้ติดตาม: 0

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์ที่ 119

โพสต์

nanchan เขียน:
naris เขียน:
woody เขียน:
naris เขียน: ขอเพิ่มอีกข้อว่า ท่านชอบซื้อของใช้ ในราคาส่วนลดหรือราคาพรีเมี่ยม ......,..ถ้าท่านแย้งว่านั่นของใช้ เอาใหม่ก็ได้ สมมุติว่าท่านจะซื้อห้องแถวให้คนอื่นเช่า มีคนเช่าค่อนข้างชัวร์ในราคา20000ต่อห้อง และขึ้นค่าห้องเช่าทุกปีปีละ10เปอร์เซนต์ วันนี้มีคนขายให้ท่านห้องละ2.4ล้าน ผลตอบแทนได้10% ผ่านไป1ปี เกิดวิกฤต ค่าเช่าลดลงเหลือ 18000 ตึกข้างๆกันมีคนอยากขาย ขายในราคา2.0 ท่านจะซื้อตึกข้างๆเพิ่มหรืออยู่เฉยๆหรือติดป้ายขายห้องในราคา2ล้านตามเขา
สวัสดีครับพี่ naris ไม่ได้เห็นพี่โพสท์บ่อยๆ เหมือนเคย หวังว่าพี่ยังคงสุขภาพแข็งแรงดีเช่นเคยนะครับ :D

อ่านตัวอย่างตรรกะของพี่ naris ด้านบนแล้ว ผมก็คงตอบว่าซื้อตึกข้างๆ เพิ่มแน่นอนครับ ...แต่........

ผมเกิดข้อสงสัยในใจเพิ่มขึ้นเล็กน้อยกับตัวอย่างสถานการณ์ข้างต้นครับ และขอเรียนปรึกษาพี่ naris ดังนี้ครับ
1. Money Management ผมว่าเหตุการณ์ที่ยกมา ยังไม่ได้ใส่ Assumption เรื่องของเงินสดที่มีอยู่ในมือ
เกิดมีนักลงทุนใหม่ๆ ที่สนใจในแนว vi และเข้าใจผิดว่าเราจะสามารถหาเงินสดมาซื้อตึกข้างๆ ได้ตลอดเวลา ผมเกรงว่าคำตอบที่จะต้องซื้อตึกข้างๆ นั้นอาจจะไม่ได้เป็นคำตอบที่ควรเลือกเสมอไปเสียแล้วหรือเปล่าครับ

2. ปัจจัยเสี่ยง เราจะทราบได้อย่างไรครับว่า วิกฤติมันจะเกิดเพียงแค่ปีเดียว ถ้าปีถัดไปวิกฤติยังคงต่อเนื่องค่าเช่าลดลงต่อไปอีก หรือคนเช่าไม่สามารถจ่ายค่าเช่าให้เราได้แล้ว ที่คิดว่าเป็นไปได้ก็เพราะตอนแรกโจทย์บอกว่าค่าเช่า 20K ค่อนข้างชัวร์ แต่ปีถัดไปมันดันลดเหลือ 18K เสียนี่ มากไปกว่านั้นถ้าวิกฤติมันนานพอที่จะฉุดดึงราคาตึกทั้งแถบลงมาเหลือเพียง 1.4M พี่ว่าจะเป็นการดีหรือไม่ถ้าเราขายตึกของเราไปก่อนตอน 2M

3. โอกาสและต้นทุนเสียโอกาส เหตุการณ์ที่ยกตัวอย่างด้านบนดู เหมือนว่าจะเป็นระบบปิดเกินไป อาจไม่ตรงกับสภาพโลกแห่งความเป็นจริงนักในแง่ที่ว่าเรามีสิทธิ์เลือกตึกแห่งนี้เพียงแห่งเดียวเท่านั้นหรือเปล่าครับ เกิดสมมติว่าด้วยวิกฤติที่เกิดขึ้นทำให้เกิดความผันผวนในตลาดจนทำให้คนเริ่มใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลขายตึกอีกแห่งหนึ่งที่มี location ที่ดีกว่า มีศักยภาพมากกว่าในราคาที่เท่ากัน หรือถูกกว่า จะเป็นการดีหรือไม่ถ้าเราตั้งขายตึกของเราแล้วไปซื้อตึกนั้น ด้วยหลักการเดียวกัน หุ้นในตลาดมีมากกว่าห้าร้อยตัว หลายต่อหลายครั้งหุ้นที่ตกไม่ใช่หุ้นที่เราถือครองเพียงตัวเดียวแต่อาจจะมีหุ้นดีๆ อื่นๆ ที่ตกมากกว่าก็เป็นได้ ที่คิดสถานการณ์แบบนี้ออกเพราะเคยเห็นจากชีวิตการลงทุนของพี่ๆ vi ที่ผมนับถือหลายคนซึ่งก็ไม่เคยปฏิเสธการ switch หุ้นเมื่อเห็นว่าหุ้นอีกตัวหนึ่ง undervalue มากกว่า เช่นกันครับ

ท้ายนี้ก็ขอขอบคุณพี่ naris อีกครั้งที่ช่วยเสียสละเวลามาแบ่งปันความรู้ และประสบการณ์ดีๆ ให้กับ น้องๆ อย่างเสมอมาครับ
สวัสดีครับwoody ไม่ได้คุยกันนานมากแล้วนะครับ

พี่คิดว่าการเคลื่อนไหวของเรื่องราวต่างๆในโลกเริ่มมาจากแนวคิดทั้งสิ้น แนวคิดทุกๆอย่างไม่มีถูกหรือผิดทั้งหมด ทุกๆแนวคิดจะมีจุดอ่อนและจุดแข็งในตัวของมันเอง เสมือนหยิบด้ามพล้าก็ต้องติดตัวพล้าฉันใดฉันนั้น
การยกตัวอย่างมันต้องเป็นระบบปิด เพราะเราไม่สามารถใส่แฟกเตอร์ต่างๆได้ครบถ้วน แต่ยังไงเราก็ยังต้องมีตุ๊กตาไว้เป็นสิ่งที่สมมุติเพื่อการศึกษาและทำความเข้าใจในเรื่องนั้นๆ

ในกรณีนี้น้องเขาถามหลักการทางการลงทุนในเวป thaivi.org ซึ่งเป็นเวปที่ส่งเสริมการลงทุนโดยดูจากพื้นฐานของกิจการ ไม่ใช่เวปที่สอนดูฟันโฟลว์หรือเวปแนวเทคนิค(ซึ่งถ้าในเวปประเภทนั้น ถ้าพี่เข้าไปตอบก็คงจะตอบอีกรูปแบบอย่างแน่นอน)

และถ้าถามถึงนิสัยส่วนตัวของพี่เอง พี่ก็ชอบอะไรที่มีเหตุมีผล ความรู้พี่สามารถแกะได้ ไม่ซับซ้อน และที่ผ่านชีวิตค้าขายมาตั้งแต่ ม.2 รับซื้อมะม่วงจากชาวบ้าน ไปขายตลาดมหานาค ประสบการณ์ธุรกิจกว่า2โหลปี ชีวิตได้ผ่านการทำธุรกิจมาหลายรูปแบบ ผ่านมาทั้งความสำเร็จและล้มเหลว เลยคิดว่าประสบการณ์ที่ผ่านมาพอมีประโยชน์ในการมองหุ้นในเชิงหุ้นส่วนธุรกิจ มุมมองของพี่จึงคิดว่าวิธีที่เหมาะสมและน่าจะดีที่สุดของพี่ คือการมองหุ้นในเชิงการลงทุน ไม่ใช่มองในเชิงการไหลของเม็ดเงิน หรือเชิงเทคนิค
ผมเข้าใจนะเริ่มต้นมันก็ขึ้นกับพื้นฐาน แต่มันก็ต้องมีสมมุติฐานและองค์ประกอบอื่นในการเอาตัวรอดหรือในการเพิ่มโอกาสหรือศักยภาพในการบริหารจัดการ

woodyเค้าไม่ได้พูดถึงfund flowหรือแนวเทคนิคอะไรเลยนะ

ตอนวิกฤติต้มยำกุ้ง คุณตันเคยขายตึกแถวเพื่อมาแก้วิกฤติ ผ่านมา10กว่าปีไปซื้อคืนยังได้ราคาเดิม
เคสนี้เห็นชัดๆเลยครับ เวลาที่เกิดวิกฤติขึ้นมา ถ้าบริหารเงินไม่ดี เอาแต่เก็บทรัพย์สินที่ด้อยค่าหรือตกต่ำ ถ้ายังดันทุรังไปซื้อเพิ่มเพราะคิดว่ามันถูก ผมว่าเจ๊งนะ
จะว่าไปเคสนี้ช่วงต้มยำกุ้งนี่เห็นชัดมาก มันมี2เคสคือ
1.คนที่จำเป็นต้องขายขาดทุน คือสินทรัพย์ราคาเท่าไหร่ ก็จำเป็นต้องขายเพราะสภาพคล่องหรือหนี้สิน
2.คนที่มาซื้อเก็บจากคนที่ขาดทุนนั่นแหละ จะเรียกว่าตาถึงก็ได้
แต่ถามว่าคนที่1 ผิดไม๊ ผมว่าไม่ผิดนะ ถ้าไม่ขายวันนั้น ผมว่าอาจจะแย่นะ
ส่วนคนที่2 ก็มีทั้งซื้อถูกไปขายแพงได้ กับ ซื้อถูกไปขายถูกเท่าเดิม เช่นคนซื้อตึกคุณตัน

ผมว่าถ้าให้ชัดก็ต้องบอกว่าคนบริหารเงินคุณอย่างไร ถ้าหุ้นตกมาเยอะๆแล้ว คุณจำเป็นต้องขายไม๊
ถ้าไม่ขาย คุณคิดว่าคุณเสียโอกาสไม๊ ถ้ามีลู่ทางที่ดีกว่า
ถาจะซื้อเพิ่ม คุณมั่นใจแค่ไหนว่าสิ่งที่จะเอาเพิ่มดีพอ
ขอบคุณพี่นันที่ช่วยมาขยายความหมายของคำถามครับ ผมคงจะสื่อความหมายผ่านตัวอักษรไม่ดีเอง ได้ตัวสีแดงที่พี่ช่วยกำกับไว้้ข้างหน้าทำให้ภาพของคำถามชัดเจนขึ้นอีกเยอะมากครับ
Impossible is Nothing
ภาพประจำตัวสมาชิก
charnengi
Verified User
โพสต์: 2388
ผู้ติดตาม: 0

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์ที่ 120

โพสต์

ถึงไม่เข้าใจลึกซึ้ง แต่ราคาถูกเมื่อเทียบกับผลประกอบการย้อนหลัง และ ความสามารถในการแข่งขันก็ลงทุนได้ครับ

แต่พอกำไรซักนิดหน่อย 20-30% จะเริ่มกระวนกระวาย ใจมันอยากขาย ฮ่าๆๆ

มือใหม่ผมว่าเราไม่ต้องห่วงมากหรอกครับ ตลาดจะคัดผู้แข็งแกร่งที่อยู่รอดเอง
low PROFILE but HIGH PROFITS