มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
- sorn adis
- Verified User
- โพสต์: 295
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 2221
แนวคิด money and risk management สรุปง่ายๆเป็น อย่าโลภเกินความรู้ ได้ไหมครับ
ขั้นแรกคือ ให้มีสถานะการเงินที่มั่นคงก่อน ทำให้มี positive cash flow
โดยขยันทำงาน ลดค่าใช้จ่าย และไม่ก่อหนี้เกินตัว
ขั้นที่สอง เอา cash flow ที่ได้ไปลงทุนให้ได้ IRR สูงๆ โดยมีความเสี่ยงน้อยที่สุด(โดยการหาความรู้ และมีแนวทางการลงทุนที่ถูกต้อง)
ขั้นที่สาม มีความสุขอย่างง่ายๆ พอเพียง ไม่โลภ เพราะอัตราผลตอบแทนที่ได้มักวิ่งตามความโลภไม่ทัน
วลี อย่าโลภเกินความรู้ นี่พี่หมอเอ๋ใช้บ่อยนะครับ และทำตามนั้นได้จริงๆ เพราะได้ผลตอบแทนน่าประทับใจ
ทั้งๆที่โฟกัสในการลงทุนแค่ตัวเดียวแถมยังใช้มาร์จิ้นอีกต่างหาก
ขั้นแรกคือ ให้มีสถานะการเงินที่มั่นคงก่อน ทำให้มี positive cash flow
โดยขยันทำงาน ลดค่าใช้จ่าย และไม่ก่อหนี้เกินตัว
ขั้นที่สอง เอา cash flow ที่ได้ไปลงทุนให้ได้ IRR สูงๆ โดยมีความเสี่ยงน้อยที่สุด(โดยการหาความรู้ และมีแนวทางการลงทุนที่ถูกต้อง)
ขั้นที่สาม มีความสุขอย่างง่ายๆ พอเพียง ไม่โลภ เพราะอัตราผลตอบแทนที่ได้มักวิ่งตามความโลภไม่ทัน
วลี อย่าโลภเกินความรู้ นี่พี่หมอเอ๋ใช้บ่อยนะครับ และทำตามนั้นได้จริงๆ เพราะได้ผลตอบแทนน่าประทับใจ
ทั้งๆที่โฟกัสในการลงทุนแค่ตัวเดียวแถมยังใช้มาร์จิ้นอีกต่างหาก
คาถาลงทุน
BuVaPiCaMos
BuVaPiCaMos
- jek ae
- Verified User
- โพสต์: 899
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 2222
อย่าโลภเกินความรู้
รู้มากเสี่ยงน้อย รู้น้อยเสี่ยงมาก
ลงทุนแบบความเสี่ยงต่ำ ความไม่แน่นอนสูง
มันคือการสร้าง margin of safty ให้กับภาพรวมของการลงทุน
ก่อนหน้าที่ผมมาลงทุนหุ้น โชคดีที่ผมมีการลงทุนในอสังหามาบ้าง การเสี่ยงของการซื้อหุ้นในรอบ2 ปีที่ผ่านมาผมรับได้ใน downside risk แต่จนถึงตอนนี้ผมก็ลดความเสี่ยงลงไปบ้าง เพราะในสถานการณ์ตอนนี้เราคงไม่สามารถบอกได้ว่าอยู่ในช่วง ความเสี่ยงต่ำ ได้อย่างเต็มคำ
ที่พูดอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่าผมถอนตัวจากการลงทุนหุ้นนะครับ ผมยังมีหุ้นอยู่ในพอร์ต 100% เพียงแต่ปลอดการใช้มาร์จินแล้ว วงเงินที่คงอยู่ก็สามารถเป็น back up plan ได้เวลามี situation เกิดขึ้น
รู้มากเสี่ยงน้อย รู้น้อยเสี่ยงมาก
ลงทุนแบบความเสี่ยงต่ำ ความไม่แน่นอนสูง
มันคือการสร้าง margin of safty ให้กับภาพรวมของการลงทุน
ก่อนหน้าที่ผมมาลงทุนหุ้น โชคดีที่ผมมีการลงทุนในอสังหามาบ้าง การเสี่ยงของการซื้อหุ้นในรอบ2 ปีที่ผ่านมาผมรับได้ใน downside risk แต่จนถึงตอนนี้ผมก็ลดความเสี่ยงลงไปบ้าง เพราะในสถานการณ์ตอนนี้เราคงไม่สามารถบอกได้ว่าอยู่ในช่วง ความเสี่ยงต่ำ ได้อย่างเต็มคำ
ที่พูดอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่าผมถอนตัวจากการลงทุนหุ้นนะครับ ผมยังมีหุ้นอยู่ในพอร์ต 100% เพียงแต่ปลอดการใช้มาร์จินแล้ว วงเงินที่คงอยู่ก็สามารถเป็น back up plan ได้เวลามี situation เกิดขึ้น
เหลือขุนเขาแมกไม้ มิต้องวิตกไร้ฟืนไฟ
- sorn adis
- Verified User
- โพสต์: 295
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 2223
คมกริบอีกแล้วjek ae เขียน: ลงทุนแบบความเสี่ยงต่ำ ความไม่แน่นอนสูง
มันคือการสร้าง margin of safty ให้กับภาพรวมของการลงทุน
ลงทุนแบบความเสี่ยงต่ำ ความไม่แน่นอนสูง
นอกจากจะมี downside risk ต่ำแล้วมีโอกาสได้ return สูงมาก
ถ้าเจอตัวต่อไป อย่าลืมกระซิบบอกผมด้วยนะครับ
คาถาลงทุน
BuVaPiCaMos
BuVaPiCaMos
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10538
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 2225
ความคิดส่วนตัวนะครับ ผมว่าพวกเราลงทุนในหุ้นก็นับว่า เป็นการลงทุนที่จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงกว่าชาวบ้านเค้าแล้ว
แล้วพวกเราก็ลงทุนในหุ้นกันเกือบจะเต็มพอร์ตกัน ยิ่งนับว่ามากกว่านักลงทุนหุ้นประเภทอื่นๆ
ผมจึงมีความเห็นส่วนตัวว่า เราไม่จำเป็นต้องเสี่ยงให้มากเกินไปโดยใช้ margin แน่นอนเวลาที่หุ้นเป็นช่วงขาขึ้นมันย่อมสร้างผลตอบแทนแบบทวีคูณ แต่ถ้าเป็นช่วงที่ขาลง หรือเกิด panic sell เอาง่ายๆ แค่ช่วงต้นๆเดือนที่ดัชนีปรับมาพอควรแค่ 9-10 % จากเดิม ผมว่าหลายคนที่ใช้ margin นี่ก็นอนกันไม่ค่อยหลับแล้ว
แต่ส่วนตัวผมก็ลงทุนหุ้นไม่เต็มพอร์ตนะครับ ผมจะถือพวกกลุ่มอื่นๆเช่น ตราสารหนี้ทั้งหลายที่เปลี่ยนเป็นเงินสดได้ทันทีที่ต้องการ แล้วก็พวกอื่นๆเช่น หุ้นกู้ หรือ ตั๋ว B/E
ช่วงหุ้นปรับตัวลง ผมก็เลยได้ shop หุ้นที่อยากเก็บเข้ามาเพิ่มอีกเยอะเลย
แต่ผมว่า จะยกเว้น เมื่อนักลงทุนคนนั้นได้ศึกษาหุ้นตัวนัี้้นมาเป็นอย่างดี และจำกัดความเสี่ยงโดยการศึกษาอย่างละเอียด อย่างหมอเอ๋
แล้วพวกเราก็ลงทุนในหุ้นกันเกือบจะเต็มพอร์ตกัน ยิ่งนับว่ามากกว่านักลงทุนหุ้นประเภทอื่นๆ
ผมจึงมีความเห็นส่วนตัวว่า เราไม่จำเป็นต้องเสี่ยงให้มากเกินไปโดยใช้ margin แน่นอนเวลาที่หุ้นเป็นช่วงขาขึ้นมันย่อมสร้างผลตอบแทนแบบทวีคูณ แต่ถ้าเป็นช่วงที่ขาลง หรือเกิด panic sell เอาง่ายๆ แค่ช่วงต้นๆเดือนที่ดัชนีปรับมาพอควรแค่ 9-10 % จากเดิม ผมว่าหลายคนที่ใช้ margin นี่ก็นอนกันไม่ค่อยหลับแล้ว
แต่ส่วนตัวผมก็ลงทุนหุ้นไม่เต็มพอร์ตนะครับ ผมจะถือพวกกลุ่มอื่นๆเช่น ตราสารหนี้ทั้งหลายที่เปลี่ยนเป็นเงินสดได้ทันทีที่ต้องการ แล้วก็พวกอื่นๆเช่น หุ้นกู้ หรือ ตั๋ว B/E
ช่วงหุ้นปรับตัวลง ผมก็เลยได้ shop หุ้นที่อยากเก็บเข้ามาเพิ่มอีกเยอะเลย

แต่ผมว่า จะยกเว้น เมื่อนักลงทุนคนนั้นได้ศึกษาหุ้นตัวนัี้้นมาเป็นอย่างดี และจำกัดความเสี่ยงโดยการศึกษาอย่างละเอียด อย่างหมอเอ๋
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10538
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 2226
kotaro เขียน:เข้ามาเก็บเกี่ยวความรู้ด้วยคนครับ ขอบคุณพี่ stemcell ด้วยครับ
Happy Valentine's day ทุกท่านครับ
แทบจะลืมไปเลยว่า วันนี้วันวาเลนไทน์
เลยบอก รักนะ จุ๊บๆ ให้แฟนไปแล้ว อายจัง

รักเพื่อนๆมนุษย์ด้วยกันเป็นสิ่งที่ดี แต่
อย่าลืมรักตัวเอง ด้วยนะครับ

- reiter
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2308
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 2228
:lovl: :lovl: :lovl:Paul VI เขียน:มาปูเสื่อรอฟัง หมอ stemcell ภาคต่อ
ระหว่างนั่งดูหนัง ดราม่า 555
-
- Verified User
- โพสต์: 760
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 2230
happy valentine day too
บ้านผมอยู่ อ.สอยดาว จันทบุรี อยู่ชายแดนเขมรเลย (30 km) น่ากัวจังคับ
กลัวรบกันแล้วหนีไม่ทัน
บ้านผมอยู่ อ.สอยดาว จันทบุรี อยู่ชายแดนเขมรเลย (30 km) น่ากัวจังคับ
กลัวรบกันแล้วหนีไม่ทัน
- จุดแข็งทางธุรกิจที่เลียนแบบได้ยาก มักต้องใช้ระยะเวลายาวนานในการสร้างและเพาะบ่มเสมอ ไม่สามารถเนรมิตได้ด้วยเงิน (สุมาอี้)
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
- Fon^^
- Verified User
- โพสต์: 604
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 2231
อ่านแล้วแอบเขิน โรแมนติกมากพี่หมอมุข เขียน:แทบจะลืมไปเลยว่า วันนี้วันวาเลนไทน์
เลยบอก รักนะ จุ๊บๆ ให้แฟนไปแล้ว อายจัง



ผิดหนึ่งพึงจดไว้.....ในสมอง
เร่งระวังผิดสอง.....ภายหน้า
สามผิดเร่งคิดตรอง จงหนัก.....เพื่อนเอย
ถึงสี่อีกทีห้า.....หกซ้ำ อภัยไฉน
เร่งระวังผิดสอง.....ภายหน้า
สามผิดเร่งคิดตรอง จงหนัก.....เพื่อนเอย
ถึงสี่อีกทีห้า.....หกซ้ำ อภัยไฉน
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10538
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 2233
Fon^^ เขียน:อ่านแล้วแอบเขิน โรแมนติกมากพี่หมอมุข เขียน:แทบจะลืมไปเลยว่า วันนี้วันวาเลนไทน์
เลยบอก รักนะ จุ๊บๆ ให้แฟนไปแล้ว อายจัง![]()
![]()
อยากฟังต่อเปล่า หมอฝน
แอบหนีลูกๆ แปีบนึงไปกิน ไอติมรสสตรอเบอรี่ มาด้วย
เป็นไงบ้างล่ะ หวานเลี่ยนเลยมั้ย :lovl:
-
- Verified User
- โพสต์: 666
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 2234
ตอนที่3 กระบวนการคิดลดเสี่ยง
คนเรามีวิถึชีวิตต่างกัน มีอารมณ์ ความรู้สึก พฤติกรรม และ การเรียนรู้ เป็นที่มาของประสบการณ์ที่แตกต่างกัน ทำให้การเรียนรู้เรื่องเดียวกัน การกระทำจากเหตุเดียวกัน ส่งให้เกิดผลลัพท์แตกต่างกัน เช่น ตำราแพทย์เล่มเดียวกัน แต่ส่งผลให้เกิดการรักษาแตกต่างกัน ดังนั้นเมื่อเราได้เลือกลงทุนกิจการ หรือ เก็งกำไร หรือ พนันหุ้น จะต้องมีกระบวนการคิดให้สามารถลดความเสี่ยง ที่น่าสนใจคือกระบวนการคิดแบบวงจรคุณภาพ PDCA ( plan do check act ) คนที่ทำ HA , JCI หรือระบบคุณภาพอื่นๆอาจเคยได้ยินและทำมาแล้ว
plan คือ การเตรียมการขั้นตอนการลงทุน ซึ่งจะต้องมีแผน มีทางหนีทีไล่ในกรณีที่เป็นอย่างที่คิด และ ไม่เป็นอย่างที่คิด อย่างที่เคยเกริ่นไว้ตามหลักไตรลักษณ์ ( อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ) เหมือนอย่างที่เราเล่นหมากรุก ก็จะมีกระบวนการคิดว่าถ้าเราเดินแบบนี้ คู่ต่อสู้เดินแบบนี้ เราจะเดินแบบไหน ล่วงหน้า ก่อนที่จะเดินหมากจริงๆ
do คือ การทำตามแผนการลงทุน
check คือ การตรวจสอบแผนการลงทุนเป็นระยะๆ ทั้งผลประกอบการ ข่าว หรือ ข้อมูลที่มากระทบ
act คือ หลังจากตรวจสอบการลงทุนแล้ว เราก็ตอบสนองต่อสิ่งที่มากระทบแตกต่างกัน บางครั้งเราพบว่า ถึงแม้มีแผนเตรียมการไว้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็อยู่นอกแผน เราต้องดำเนินการแก้ไขอย่างมีสติ และ นำไปสู่การ plan ใหม่เป็นวงจรต่อเนื่อง
เมื่อเราทำตามขั้นตอนที่เรียกว่า วงจรคุณภาพความคิด ( PDCA ) ก็จะเกิดการเรียนรู้ขึ้น นำมาสะสมเป็นประสบการณ์ ในที่สุดก็นำมาสู่สิ่งที่เรียกว่า "สติ" มากขึ้นจากกระบวนการคิดเป็นระบบ
ไม่มีใครที่รู้อนาคตเนื่องจากมันไม่แน่นอน แต่ถ้าเรามีการเตรียมกระบวนความคิดอย่างเป็นระบบ ก็จะช่วยลดผลกระทบลงได้
น่าจะเหลืออีก 2 - 3 ตอนสั้นๆ ถ้าไม่เบื่อกันนะครับ
( เขียนเหนื่อย
)
คนเรามีวิถึชีวิตต่างกัน มีอารมณ์ ความรู้สึก พฤติกรรม และ การเรียนรู้ เป็นที่มาของประสบการณ์ที่แตกต่างกัน ทำให้การเรียนรู้เรื่องเดียวกัน การกระทำจากเหตุเดียวกัน ส่งให้เกิดผลลัพท์แตกต่างกัน เช่น ตำราแพทย์เล่มเดียวกัน แต่ส่งผลให้เกิดการรักษาแตกต่างกัน ดังนั้นเมื่อเราได้เลือกลงทุนกิจการ หรือ เก็งกำไร หรือ พนันหุ้น จะต้องมีกระบวนการคิดให้สามารถลดความเสี่ยง ที่น่าสนใจคือกระบวนการคิดแบบวงจรคุณภาพ PDCA ( plan do check act ) คนที่ทำ HA , JCI หรือระบบคุณภาพอื่นๆอาจเคยได้ยินและทำมาแล้ว
plan คือ การเตรียมการขั้นตอนการลงทุน ซึ่งจะต้องมีแผน มีทางหนีทีไล่ในกรณีที่เป็นอย่างที่คิด และ ไม่เป็นอย่างที่คิด อย่างที่เคยเกริ่นไว้ตามหลักไตรลักษณ์ ( อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ) เหมือนอย่างที่เราเล่นหมากรุก ก็จะมีกระบวนการคิดว่าถ้าเราเดินแบบนี้ คู่ต่อสู้เดินแบบนี้ เราจะเดินแบบไหน ล่วงหน้า ก่อนที่จะเดินหมากจริงๆ
do คือ การทำตามแผนการลงทุน
check คือ การตรวจสอบแผนการลงทุนเป็นระยะๆ ทั้งผลประกอบการ ข่าว หรือ ข้อมูลที่มากระทบ
act คือ หลังจากตรวจสอบการลงทุนแล้ว เราก็ตอบสนองต่อสิ่งที่มากระทบแตกต่างกัน บางครั้งเราพบว่า ถึงแม้มีแผนเตรียมการไว้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็อยู่นอกแผน เราต้องดำเนินการแก้ไขอย่างมีสติ และ นำไปสู่การ plan ใหม่เป็นวงจรต่อเนื่อง
เมื่อเราทำตามขั้นตอนที่เรียกว่า วงจรคุณภาพความคิด ( PDCA ) ก็จะเกิดการเรียนรู้ขึ้น นำมาสะสมเป็นประสบการณ์ ในที่สุดก็นำมาสู่สิ่งที่เรียกว่า "สติ" มากขึ้นจากกระบวนการคิดเป็นระบบ

ไม่มีใครที่รู้อนาคตเนื่องจากมันไม่แน่นอน แต่ถ้าเรามีการเตรียมกระบวนความคิดอย่างเป็นระบบ ก็จะช่วยลดผลกระทบลงได้

น่าจะเหลืออีก 2 - 3 ตอนสั้นๆ ถ้าไม่เบื่อกันนะครับ


- erickiros
- Verified User
- โพสต์: 415
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 2236
ไม่เบื่อครับพี่หมอ stemcell
ว่างๆแวะไปเยี่ยมชม blog ของซันได้นะคะ Economics Blog
เนื้อหาของบล็อกนี้จะเกี่ยวกับการนำทฤษฎีเศรษฐศาสตร์มาอธิบายเรื่องราวต่างๆค่ะ
เนื้อหาของบล็อกนี้จะเกี่ยวกับการนำทฤษฎีเศรษฐศาสตร์มาอธิบายเรื่องราวต่างๆค่ะ
-
- Verified User
- โพสต์: 666
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 2238
ตอนที่4 กำไรพอเพียง
คนเราทุกคนยังไม่พ้นทุกข์ ยังมี "รัก โลภ โกรธ หลง และ ความกลัว" สิ่งนี้เป็นที่มาของการศึกษาหลายเรื่องที่ดูความเกี่ยวข้องทางเศรษฐศาสตร์ การลงทุน การพนัน กับ อารมณ์และพฤติกรรมของมนุษย์ ตลาดหุ้น กิจการ ราคาหุ้น ปริมาณการซื้อขายหุ้นเป็นภาวะไม่อยู่นิ่ง dynamic ตลอดเวลา เพราะมันคืออารมณ์และพฤติกรรมของมนุษย์
เมื่อเราลงทุน หรือ เก็งกำไร หรือ พนันหุ้น เราทำการซื้อหุ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของกิจการ ลึกๆเราก็อยากกำไร อาจเป็นได้หลายแง่ เช่น ส่วนต่างราคาหุ้น , เงินปันผล , มีชื่อเสียง , สนองตัณหา แล้วเราจะทำกำไรเมื่อไหร่ คำว่า"พอเพียง" จะมาร่วมกันกับคำว่า "positive attitude or positive thinking"
เมื่อเราโชคดีได้กำไรมากขึ้นเรื่อยๆ ก็จะเกิดสิ่งที่เรียกว่า รักในหุ้น โลภในกำไร โกรธถ้ามันผันผวน หลงกับพื้นฐานที่มี dynamic และ กลัวจะขาดทุนกำไร และ ความไม่รู้ก็จะเกิดขึ้น ก็จะมีแนวทาง "พอเพียง" ช่วยได้แต่เทคนิกในการทำขึ้นอยู่กับแนวทางของแต่ละคน เช่น
ถ้าลงทุนด้วยความสุข เมื่อไหร่ที่เริ่มไม่มีความสุข อันเกิดจากความไม่รู้ว่า " ความเสี่ยงเป็นอย่างไร" "เหลือ margin of safety เท่าไหร่" "กิจการจะเป็นอย่างไรในอนาคต" เราก็ขายกิจการ หรือ ขายหุ้นออกมา มีหลายแนวทาง เช่น คลายเครียดเรโช ( หาอ่านเพิ่มเติมเองนะครับ ) แต่ของผมใช้ความรู้สึกเป็นเกณฑ์วัด ก็ขายจนกระทั่งมีความรู้สึกว่า ถ้าที่เหลืออยู่ขาดทุนจนหมดก็ไม่เป็นไร 55555+
หรือบางคนลงทุนจนกว่ากิจการจะมีพื้นฐานเปลี่ยนไป ก็จะขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน แต่มีข้อแม้ว่าอย่าปล่อยให้"ความไม่รู้" มากำหนดการลงทุน ซึ่งก็จะมีกระบวนการคิดแบบ PDCA มาช่วย
หรือบางคนลงทุนโดยอาศัยการ switch ระหว่างหุ้นที่มี margin of safety ต่ำ ไป สูง หรือ บางคนกำหนด zoning ของกำไรไว้ว่าเมื่อถึงจุดหนึ่งก็ขายทำกำไรออกมา เมื่อถึงจุดหนึ่งที่เราพอใจแล้ว อยู่ในแผนที่เราตั้งไว้ ซึ่งก็หมายถึงความพอเพียง นั่นเอง
และ สิ่งหนึ่งที่พบได้บ่อยหลังจากการขายกิจการ หรือขายหุ้นไปแล้ว พบว่ากิจการยังดี หรือ ราคาหุ้นขึ้นไปต่อ ทำให้เราขาดทุนกำไร เราควรมี positive attitude หรือ positive thinking ว่า ในโลกนี้ไม่มีใครทำกำไรได้สูงสุดตลอดไป และ เราได้แบ่งกำไรให้กับคนที่ซื้อกิจการหรือหุ้นต่อจากเราไป ได้ทำกำไรบ้าง อย่างนี้จึงจะเกิดความสุขในการลงทุน
บางครั้งภาษาก็ไม่สามารถอธิบายสิ่งที่ต้องการบรรยายได้หมด
ใกล้จะจบบทความสั้นแล้ว 
คนเราทุกคนยังไม่พ้นทุกข์ ยังมี "รัก โลภ โกรธ หลง และ ความกลัว" สิ่งนี้เป็นที่มาของการศึกษาหลายเรื่องที่ดูความเกี่ยวข้องทางเศรษฐศาสตร์ การลงทุน การพนัน กับ อารมณ์และพฤติกรรมของมนุษย์ ตลาดหุ้น กิจการ ราคาหุ้น ปริมาณการซื้อขายหุ้นเป็นภาวะไม่อยู่นิ่ง dynamic ตลอดเวลา เพราะมันคืออารมณ์และพฤติกรรมของมนุษย์
เมื่อเราลงทุน หรือ เก็งกำไร หรือ พนันหุ้น เราทำการซื้อหุ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของกิจการ ลึกๆเราก็อยากกำไร อาจเป็นได้หลายแง่ เช่น ส่วนต่างราคาหุ้น , เงินปันผล , มีชื่อเสียง , สนองตัณหา แล้วเราจะทำกำไรเมื่อไหร่ คำว่า"พอเพียง" จะมาร่วมกันกับคำว่า "positive attitude or positive thinking"
เมื่อเราโชคดีได้กำไรมากขึ้นเรื่อยๆ ก็จะเกิดสิ่งที่เรียกว่า รักในหุ้น โลภในกำไร โกรธถ้ามันผันผวน หลงกับพื้นฐานที่มี dynamic และ กลัวจะขาดทุนกำไร และ ความไม่รู้ก็จะเกิดขึ้น ก็จะมีแนวทาง "พอเพียง" ช่วยได้แต่เทคนิกในการทำขึ้นอยู่กับแนวทางของแต่ละคน เช่น
ถ้าลงทุนด้วยความสุข เมื่อไหร่ที่เริ่มไม่มีความสุข อันเกิดจากความไม่รู้ว่า " ความเสี่ยงเป็นอย่างไร" "เหลือ margin of safety เท่าไหร่" "กิจการจะเป็นอย่างไรในอนาคต" เราก็ขายกิจการ หรือ ขายหุ้นออกมา มีหลายแนวทาง เช่น คลายเครียดเรโช ( หาอ่านเพิ่มเติมเองนะครับ ) แต่ของผมใช้ความรู้สึกเป็นเกณฑ์วัด ก็ขายจนกระทั่งมีความรู้สึกว่า ถ้าที่เหลืออยู่ขาดทุนจนหมดก็ไม่เป็นไร 55555+

หรือบางคนลงทุนจนกว่ากิจการจะมีพื้นฐานเปลี่ยนไป ก็จะขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน แต่มีข้อแม้ว่าอย่าปล่อยให้"ความไม่รู้" มากำหนดการลงทุน ซึ่งก็จะมีกระบวนการคิดแบบ PDCA มาช่วย
หรือบางคนลงทุนโดยอาศัยการ switch ระหว่างหุ้นที่มี margin of safety ต่ำ ไป สูง หรือ บางคนกำหนด zoning ของกำไรไว้ว่าเมื่อถึงจุดหนึ่งก็ขายทำกำไรออกมา เมื่อถึงจุดหนึ่งที่เราพอใจแล้ว อยู่ในแผนที่เราตั้งไว้ ซึ่งก็หมายถึงความพอเพียง นั่นเอง
และ สิ่งหนึ่งที่พบได้บ่อยหลังจากการขายกิจการ หรือขายหุ้นไปแล้ว พบว่ากิจการยังดี หรือ ราคาหุ้นขึ้นไปต่อ ทำให้เราขาดทุนกำไร เราควรมี positive attitude หรือ positive thinking ว่า ในโลกนี้ไม่มีใครทำกำไรได้สูงสุดตลอดไป และ เราได้แบ่งกำไรให้กับคนที่ซื้อกิจการหรือหุ้นต่อจากเราไป ได้ทำกำไรบ้าง อย่างนี้จึงจะเกิดความสุขในการลงทุน

บางครั้งภาษาก็ไม่สามารถอธิบายสิ่งที่ต้องการบรรยายได้หมด


- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10538
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 2242
plan คือ การเตรียมการขั้นตอนการลงทุน ซึ่งจะต้องมีแผน มีทางหนีทีไล่ในกรณีที่เป็นอย่างที่คิด และ ไม่เป็นอย่างที่คิด อย่างที่เคยเกริ่นไว้ตามหลักไตรลักษณ์ ( อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ) เหมือนอย่างที่เราเล่นหมากรุก ก็จะมีกระบวนการคิดว่าถ้าเราเดินแบบนี้ คู่ต่อสู้เดินแบบนี้ เราจะเดินแบบไหน ล่วงหน้า ก่อนที่จะเดินหมากจริงๆ
do คือ การทำตามแผนการลงทุน
check คือ การตรวจสอบแผนการลงทุนเป็นระยะๆ ทั้งผลประกอบการ ข่าว หรือ ข้อมูลที่มากระทบ
act คือ หลังจากตรวจสอบการลงทุนแล้ว เราก็ตอบสนองต่อสิ่งที่มากระทบแตกต่างกัน บางครั้งเราพบว่า ถึงแม้มีแผนเตรียมการไว้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็อยู่นอกแผน เราต้องดำเนินการแก้ไขอย่างมีสติ และ นำไปสู่การ plan ใหม่เป็นวงจรต่อเนื่อง
ชอบมากเลยครัีบ
อย่าเพิ่งจบเร็วสิครับ ขออีกซัก 2 ตอน

- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10538
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 2247
ดู Money Talk เพิ่งทราบว่า ดร.ไพบูลย์ อยากเป็นหมอ ครับ
ไม่เคยรู้เลยนะเนี่ย :lol:
http://blip.tv/file/4767305
ไม่เคยรู้เลยนะเนี่ย :lol:
http://blip.tv/file/4767305
- Pn3um0n1a
- Verified User
- โพสต์: 1935
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 2250
ผมคุ้นๆ ว่าก่อนหน้านี้เคยเกิดกับหุ้นตัวหนึ่งPaul VI เขียน:วันนี้ เป็นวันที่ เวปเรา มีคนเข้าดูสูงสุด
Most users ever online was 528 on Wed Feb 16, 2011 11:49 am
ไม่แน่ใจว่าเป็น S__I หรือเปล่า
ตอนนั้นก็เข้ากันหลายร้อย