สงสัยเรื่องการจดทะเบียนเข้าตลาดครับ

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
JN_5480
Verified User
โพสต์: 43
ผู้ติดตาม: 0

สงสัยเรื่องการจดทะเบียนเข้าตลาดครับ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (Market for Alternative Investment - MAI) เป็นตลาดหลักทรัพย์แห่งที่สองของประเทศไทย ก่อตั้งเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2542 และเปิดทำการซื้อขายวันแรกเมื่อวันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2544 มีจุดประสงค์การทำงานโดยทั่วไป เหมือนกับ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) คือ ทำหน้าที่เป็นตลาดทุน เพื่อให้กิจการต่างๆ สามารถระดมเงินทุนเพิ่มเติมจากสาธารณะได้ แต่ตลาดใหม่นี้ จะเน้นไปที่กิจการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี - SME) และกิจการเกี่ยวกับนวัตกรรม โดยได้ผ่อนผันหลักเกณฑ์ต่างๆ ลง เช่น ทุนชำระแล้วขั้นต่ำของหลักทรัพย์ในตลาดหลัก คือ 200 ล้านบาท ในขณะที่ขั้นต่ำของตลาดใหม่ ลดลงเป็น 40 ล้านบาท เป็นต้น เพื่อเปิดโอกาสให้กิจการขนาดเล็ก ที่ไม่สามารถเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ ได้มีหนทางในการระดมทุน รวมทั้งสนับสนุนอุตสาหกรรมการร่วมลงทุน (venture capital) เพื่อเพิ่มจำนวนบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
1. แล้วอย่างงี้บริษัทจดทะเบียนจะจด SET ทำไมครับ ในเมื่อ mai ก็ทำได้เหมือนกันและยังได้ลดหย่อนภาษี

2. เข้าใจว่า มูลค่าบริษัท = PAR* ราคาหุ้น หรือเปล่าครับ ถ้าอย่างนั้น "ส่วนเกินมูลค่าหุ้น" ก็คือเงินส่วนเกินที่ได้จากการระดมทุนใช่ไหมครับ ..แล้วมูลค่าบริษัทที่ว่านี่ใช้อะไรวัดครับ แล้วเจ้าของบริษัทเดิมพอเข้าตลาดแล้วต้องเสียค่า "ส่วนเกิน" ด้วยไหม?

3. คชจ.ในการขาย ต่างกับ คชจ.ในการบริหาร อย่างไรครับ ค้นในเว็บมีแต่ไม่ละเอียด แล้วธุรกิจบริการนี่คิดยังไงหรือครับ


ขอบคุณครับ :pray:
o-bo-ja-ma
Verified User
โพสต์: 1601
ผู้ติดตาม: 0

Re: สงสัยเรื่องการจดทะเบียนเข้าตลาดครับ

โพสต์ที่ 2

โพสต์

JN_5480 เขียน:
ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (Market for Alternative Investment - MAI) เป็นตลาดหลักทรัพย์แห่งที่สองของประเทศไทย ก่อตั้งเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2542 และเปิดทำการซื้อขายวันแรกเมื่อวันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2544 มีจุดประสงค์การทำงานโดยทั่วไป เหมือนกับ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) คือ ทำหน้าที่เป็นตลาดทุน เพื่อให้กิจการต่างๆ สามารถระดมเงินทุนเพิ่มเติมจากสาธารณะได้ แต่ตลาดใหม่นี้ จะเน้นไปที่กิจการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี - SME) และกิจการเกี่ยวกับนวัตกรรม โดยได้ผ่อนผันหลักเกณฑ์ต่างๆ ลง เช่น ทุนชำระแล้วขั้นต่ำของหลักทรัพย์ในตลาดหลัก คือ 200 ล้านบาท ในขณะที่ขั้นต่ำของตลาดใหม่ ลดลงเป็น 40 ล้านบาท เป็นต้น เพื่อเปิดโอกาสให้กิจการขนาดเล็ก ที่ไม่สามารถเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ ได้มีหนทางในการระดมทุน รวมทั้งสนับสนุนอุตสาหกรรมการร่วมลงทุน (venture capital) เพื่อเพิ่มจำนวนบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
1. แล้วอย่างงี้บริษัทจดทะเบียนจะจด SET ทำไมครับ ในเมื่อ mai ก็ทำได้เหมือนกันและยังได้ลดหย่อนภาษี

2. เข้าใจว่า มูลค่าบริษัท = PAR* ราคาหุ้น หรือเปล่าครับ ถ้าอย่างนั้น "ส่วนเกินมูลค่าหุ้น" ก็คือเงินส่วนเกินที่ได้จากการระดมทุนใช่ไหมครับ ..แล้วมูลค่าบริษัทที่ว่านี่ใช้อะไรวัดครับ แล้วเจ้าของบริษัทเดิมพอเข้าตลาดแล้วต้องเสียค่า "ส่วนเกิน" ด้วยไหม?

3. คชจ.ในการขาย ต่างกับ คชจ.ในการบริหาร อย่างไรครับ ค้นในเว็บมีแต่ไม่ละเอียด แล้วธุรกิจบริการนี่คิดยังไงหรือครับ


ขอบคุณครับ :pray:
อย่างกว้าง ๆ นะครับ
1. น่าจะเป็นเรื่องของความน่าเชื่อถือ และการเข้าซื้อได้ของกองทุนต่าง ๆ ครับ อาจมีกำหนดไว้ว่า ต้องอยู่ใน SET
2. ใช่ครับ มูลค่าบริษัท ก็ใช้ค่าที่คุณพี่ว่ามา ซึ่งต่างจาก Book value หรือมูลค่าทางบัญชีครับ ท้ายสุด ผมไม่มั่นใจนะครับ เพราะไม่ได้ทำงานแบบนั้นอยู่ แต่เข้าใจว่าไม่เสีย แต่จะเสีย Premium จากหุ้นที่ขายได้นะครับ
3. ค่าใช้จ่ายในการขาย คือค่าใช้จ่ายที่ทำให้ขายได้ ค่าใช้จ่ายในการบริหารคือ ค่าใช้จ่ายที่ทำอย่างไรก็ได้ให้บริษัทสามารถดำเนินต่อไปได้ แต่บางครั้งมันอาจทับกันได้ขึ้นอยู่กับนโยบายของบริษัท หรือนโยบายบัญชีของบริษัทด้วย ตัวอย่างธุรกิจบริการ ค่าแรงพนักงาน ค่าไฟค่าน้ำ เป็นค่าใช้จ่ายในการบริหาร ค่าโฆษณา ค่าคอมมิสชั่นเป็นค่าใช้จ่ายในการขาย ครับ

รอท่านต่อไปมาต่อ หรือแก้ไขส่วนของผมครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
JN_5480
Verified User
โพสต์: 43
ผู้ติดตาม: 0

Re: สงสัยเรื่องการจดทะเบียนเข้าตลาดครับ

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ขอบคุมากนะครับ

..รอความเห็นอื่นต่อไปครับ :D
porzilla
Verified User
โพสต์: 298
ผู้ติดตาม: 0

Re: สงสัยเรื่องการจดทะเบียนเข้าตลาดครับ

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ตามที่เข้าใจนะครับ
1. ทั้งset และ mai เหมือนกันทุกกรณี ยกเว้นทุนจดทะเบียนครับ อย่างmaiขั้นต่ำ40ล้าน ส่วนset200ล้าน
บริษัทที่เข้าตลาด อยู่ในข่ายไหนก็เข้าตลาดนั้นครับ
2. มูลค่าบริษัทคือmarket cap ครับ มาจากราคาหุ้นคูณกับจำนวนหุ้นทั้งหมด แต่ถ้าเป็นหุ้นIPOคือหุ้นที่ เข้าตลาดใหม่ๆ เจ้าของจะเป็นคนตั้งราคาว่าราคาควรอยู่ที่เท่าไรโดยดูจากผลประกอบการที่ผ่านมาของบริษัท แต่สุดท้ายนักลงทุนและตลาดก็จะเป็นคนกำหนดราคาหุ้นเอง ส่วนเกินมูลค่าหุ้นน่าจะหมายถึงกำไรจากการเข้าตลาดในกรณีที่พึ่งเข้าตลาด เจ้าของนำบริษัทมาเข้าได้เงินลงทุนเพิ่ม ไม่ต้องเสียอะไรครับ
3. ค่าใช้จ่ายในการขาย คือต้นทุนขาย ส่วนค่าใช้จ่ายในการบริหาร ก็คือ ค่าใช้จ่ายทั้งหลายหลายที่จ่ายไปจากการบริหาร ค่าใช้จ่ายของการบริการ ก็คือต้นทุนของการบริการครับ(ส่วนนี้อยู่ในงบกำไรขาดทุน)
อย่า...วัดความลึกของแม่น้ำด้วยขาทั้ง2ข้าง
โพสต์โพสต์