
ตามรูปเป็นการแบ่งกลุ่มคู่ค้าตามแนวคิด Kraljic Model ครับ แกนตั้งเป็น profit impact หรือบางตำราเอาให้ง่ายหน่อยก็เป็นมูลค่าการสั่งซื้อก็ได้ แกนนอน คือ supply risk ยิ่งของที่ผลิตได้เจ้าเดียวบนโลกก็ยิ่งเสี่ยงสูง จากตารางก็แบ่งได้ 4 กล่ม
1. Non-critical Items
ซื้อไม่เยอะ+เสียงน้อย ถ้าบริษัทคุณขายของประเภทนี้ก็เหนื่อยหน่อยเพราะคู่แข่งก็เยอะ แถมลูกค้าไม่ง้อคุณอีกเพราะซื้อไม่เยอะ เช่นพวกเครื่องเขียน แต่ถ้าคุณมีกลยุทธ์ดีๆ คู่แข่งก็ตียากเหมือนกันเช่น OFM กินได้เรื่อยๆ
2. Bottleneck Items
ซื้อเยอะ+เสียงน้อย รับเหมามาเจ้าเดียวกินได้ตลอดชาติ แต่ลูกค้าเขาไม่ง้อคุณหรอกเพราะไม่เอาคุณก็ไปหาเจ้าใหม่ก็ได้ ลูกค้าจะหาข้อได้เปรียบมาต่อรอง เอานู่นนี่นั้นตลอด มาจิ้นกรูตำลงเรื่อยๆ
3. Leverage Items
ซื้อน้อย+เสี่ยงมาก สินค้าพวกนี้ซื้อไม่เยอะเช่นสารเคมีตัวเร่งปฎิกิริยาผลิตของตันนึงใช้อยู่ 2 โล แต่ทั้งโลกมีเราขายอยู่เจ้าเดียว ลูกค้าเริ่มง้อเราแล้วครับ บวกกำไรได้มากขึ้น เช่น WG กรูเน้นขายสารเคมีเกรดพิเศษ Ukem กับ GC ก็เริ่มย้ายสินค้ามากลุ่มนี้มากขึ้นส่วนสารเคมีธรรมดาก็ให้รายยิบรายย่อยแย่งเศษเนื้อกันเอง
4. Strategic Items
ซื้อมาก+เสี่ยงมาก ซื้อก็เยอะเสียงก็เยอะเพราะมีขายอยู่ไม่กี่เจ้าในจักรวาล ไม่ซื้อก็ไม่ได้ ใครถือหุ้นที่เน้นขายสินค้าประเภทนี้ก็นี้ดีใจด้วยครับ เพราะเขามองคุณเป็น supplyer เทวดา

พวกเราชาว VI ก็ต้องคิดล่ะครับว่าอยากเป็นเจ้าของบริษัทที่ขายสินค้าในกลุ่มไหน และบริษัทมีแน้วโน้มจะเน้นทำตลาดสินค้าตัวไหน ก็จะสะท้อนความสมารถในการทำกำไร และเงินปันผลที่จะมาหาเราด้วย