การลงทุนซื้อหุ้นใน 2 แบบนี้ แบบไหนน่าจะให้ผลตอบแทนสูงกว่ากัน
-
- Verified User
- โพสต์: 3
- ผู้ติดตาม: 0
การลงทุนซื้อหุ้นใน 2 แบบนี้ แบบไหนน่าจะให้ผลตอบแทนสูงกว่ากัน
โพสต์ที่ 1
ระหว่างการนำเงินออมที่ได้ในแต่ละเดือนมาค่อยๆ ทะยอยซื้อหุ้นสะสมไปเรื่อยๆ เป็นเวลา 10 ปี จากนั้นถือต่ออีก 3-10 ปี เพื่อรอราคาให้สูงขึ้นไป กับ
การนำเงินออมเก็บเข้าธนาคารสะสมไปเรื่อยๆ เป็นเวลา 10 ปี จนมีเงินก้อน จึงนำมาซื้อหุ้นทั้งหมดในครั้งเดียว แล้วถือหุ้นไว้ 3-10 ปี
แบบไหนน่าจะให้ผลตอบแทนสูงกว่ากันครับ
ปล. ตอนนี้อายุ 30 กว่าแล้ว แต่ยังไม่มีเงินก้อนเงินเก็บกับเขาเลย ต้องการหาวิธีการออม การลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดในเวลา 10-20 ปีครับ
ขอบคุณครับ
การนำเงินออมเก็บเข้าธนาคารสะสมไปเรื่อยๆ เป็นเวลา 10 ปี จนมีเงินก้อน จึงนำมาซื้อหุ้นทั้งหมดในครั้งเดียว แล้วถือหุ้นไว้ 3-10 ปี
แบบไหนน่าจะให้ผลตอบแทนสูงกว่ากันครับ
ปล. ตอนนี้อายุ 30 กว่าแล้ว แต่ยังไม่มีเงินก้อนเงินเก็บกับเขาเลย ต้องการหาวิธีการออม การลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดในเวลา 10-20 ปีครับ
ขอบคุณครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3653
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การลงทุนซื้อหุ้นใน 2 แบบนี้ แบบไหนน่าจะให้ผลตอบแทนสูงกว่
โพสต์ที่ 2
ตอบไม่ได้ครับ
เพราะผลตอบแทน
ไม่ได้ขึ้นอยู่กับวิธีการเพียงอย่างเดียว
แต่มันอยู่ที่วิธีคิดด้วย
และที่สำคัญ
ผลตอบแทนสูงสุด
ผมไม่รู้จักครับ
และไม่รู้ว่ามันมีอยู่จริงหรือเปล่า
แล้วผมก็ไม่คิดจะหาด้วย
ปล.
ออมก็คือออม
ลงทุนก็คือลงทุน
การออมต้องคิดแบบการออม
ส่วนการลงทุน
ต้องคิดแบบลงทุน
ไม่ใช่คิดแบบการออมครับ
เพราะผลตอบแทน
ไม่ได้ขึ้นอยู่กับวิธีการเพียงอย่างเดียว
แต่มันอยู่ที่วิธีคิดด้วย
และที่สำคัญ
ผลตอบแทนสูงสุด
ผมไม่รู้จักครับ
และไม่รู้ว่ามันมีอยู่จริงหรือเปล่า
แล้วผมก็ไม่คิดจะหาด้วย
ปล.
ออมก็คือออม
ลงทุนก็คือลงทุน
การออมต้องคิดแบบการออม
ส่วนการลงทุน
ต้องคิดแบบลงทุน
ไม่ใช่คิดแบบการออมครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 3
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การลงทุนซื้อหุ้นใน 2 แบบนี้ แบบไหนน่าจะให้ผลตอบแทนสูงกว่
โพสต์ที่ 3
ขออภัยครับ ผมหมายถึงการนำเงินออมที่ได้มาแต่ละเดือนมาลงทุนครับ แต่จะลงทุนแบบไหนถึงจะได้ผลตอบแทนดีกว่า คุ้มค่ากว่ากัน ระหว่าง เอาเงินออมของแต่ละเดือนมาทะยอยซื้อหุ้น เมื่อราคาหุ้นลง ก็ซื้อเก็บไปเรื่อยๆ เป็นเวลา 10 ปี ซึ่งก็จะสะสมได้ทั้งตัวหุ้น และเงินปันผลของหุ้นที่ถืออยู่ ยิ่งซื้อหุ้นสะสมไว้มากขึ้นก็ยิ่งได้เงินปันผลมากตามไปด้วย แต่กำไรที่ได้จากราคาหุ้นอาจไม่ได้มากเท่าไหร่ เพราะเท่ากับเป็นการเข้าซื้อแบบถัวเฉลี่ยไปเรื่อยๆ ในระหว่างนี้ก็คอยดูไปด้วยว่าหุ้นตัวไหนบริษัททำท่าจะแย่ก็อาจมีการขายออกเปลี่ยนหุ้นตัวใหม่ที่อาจจะดีกว่า สะสมหุ้นไปจนครบ 10 ปี ลงทุนไปเป็นเงินตามที่ตั้งเป้าไว้ หรือเก็บหุ้นได้ครบตามต้องการก็หยุดซื้อ และถือหุ้นต่อไปอีก 3-10 ปี ตอนนี้อาจจะได้กำไรจากราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งยังได้เงินปันผลมาอีกเรื่อยๆ จนหุ้นตัวไหนมีราคาสูงขึ้น บริษัทเริ่มอิ่มตัว จึงขายออกทำกำไร
แต่กับอีกวิธี คือเอาเงินออมแต่ละเดือนเก็บเข้าธนาคารไปก่อนเป็นเวลา 10 ปี ก็จะได้ดอกเบี้ยไปเรื่อยๆ แต่ก็คงไม่มากเท่าเงินปันผลจากหุ้น จนได้เงินตามเป้าแล้ว จึงเอาไปซื้อหุ้นทั้งหมดในครั้งเดียว แล้วถือไว้ 3-10 ปี วิธีนี้จะทำให้การเลือกหุ้นเข้าพอร์ตง่ายกว่าการทะยอยสะสมหุ้น เช่นถ้าเราต้องการหุ้นที่ให้เงินปันผลเกิน 10% เราก็สามารถเลือกหาหุ้นทีมีราคาในระดับที่ทำให้ได้เงินปันผลในอัตรา 10% เข้าพอร์ตได้ทันที แต่ถ้าเป็นการทะยอยซื้อสะสมหุ้น ครั้ง สองครั้งแรก อาจได้ราคาหุ้นที่ทำให้เงินปันผลมีอัตรา 10% ได้ แต่ต่อไปราคาหุ้นสูงขึ้น เราก็ต้องเก็บหุ้นในราคาสูงขึ้น อัตราเงินปันผลก็น้อยกว่า 10% ลงมาด้วย ทำให้ได้เงินปันผลในอัตราที่ไม่คงที่ วิธีที่สองจึงอาจได้อัตราเงินปันผลที่คงที่กว่า และยังทำกำไรจากราคาหุ้นได้อีกด้วย แต่ในช่วง 10 ปีแรก อาจได้ผลตอบแทนที่น้อยกว่าจากดอกเบี้ยธนาคาร
แต่โดยรวมแล้วในสองวิธีนี้ วิธีไหนที่มีความเป็นไปได้มากกว่า และให้ผลตอบแทนดีกว่า
แต่กับอีกวิธี คือเอาเงินออมแต่ละเดือนเก็บเข้าธนาคารไปก่อนเป็นเวลา 10 ปี ก็จะได้ดอกเบี้ยไปเรื่อยๆ แต่ก็คงไม่มากเท่าเงินปันผลจากหุ้น จนได้เงินตามเป้าแล้ว จึงเอาไปซื้อหุ้นทั้งหมดในครั้งเดียว แล้วถือไว้ 3-10 ปี วิธีนี้จะทำให้การเลือกหุ้นเข้าพอร์ตง่ายกว่าการทะยอยสะสมหุ้น เช่นถ้าเราต้องการหุ้นที่ให้เงินปันผลเกิน 10% เราก็สามารถเลือกหาหุ้นทีมีราคาในระดับที่ทำให้ได้เงินปันผลในอัตรา 10% เข้าพอร์ตได้ทันที แต่ถ้าเป็นการทะยอยซื้อสะสมหุ้น ครั้ง สองครั้งแรก อาจได้ราคาหุ้นที่ทำให้เงินปันผลมีอัตรา 10% ได้ แต่ต่อไปราคาหุ้นสูงขึ้น เราก็ต้องเก็บหุ้นในราคาสูงขึ้น อัตราเงินปันผลก็น้อยกว่า 10% ลงมาด้วย ทำให้ได้เงินปันผลในอัตราที่ไม่คงที่ วิธีที่สองจึงอาจได้อัตราเงินปันผลที่คงที่กว่า และยังทำกำไรจากราคาหุ้นได้อีกด้วย แต่ในช่วง 10 ปีแรก อาจได้ผลตอบแทนที่น้อยกว่าจากดอกเบี้ยธนาคาร
แต่โดยรวมแล้วในสองวิธีนี้ วิธีไหนที่มีความเป็นไปได้มากกว่า และให้ผลตอบแทนดีกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 1475
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การลงทุนซื้อหุ้นใน 2 แบบนี้ แบบไหนน่าจะให้ผลตอบแทนสูงกว่
โพสต์ที่ 4
แบบที่สองต้องรอจนวิกฤติค่อยซื้อถึงเอาชนะแบบหนึ่งได้ครับ แบบหนึ่งเลือกหุ้นราคาเหมาะสมปันผลค่อนข้างสูงเอาปันผลมาซื้อทบต้นสัก 10 ปี มันเยอะกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก 10 ปีมากโขอยู่ครับ แต่แบบหนึ่งต้องเลือกหุ้นให้ดีครับ
- jojolorsud
- Verified User
- โพสต์: 101
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การลงทุนซื้อหุ้นใน 2 แบบนี้ แบบไหนน่าจะให้ผลตอบแทนสูงกว่
โพสต์ที่ 5
ตอบยากอ่ะ *0*
วิธีแรกถ้าหุ้นที่กำลังทะยอยมันเกิดเน่าขึ้นมาละ ทำไง เดาตลาดยากน๊า วิธีแรกค่าคอมปีๆนึงก็จุกนะครับถ้านับเป็นปี 10ปีนี่จุกมากด้วย
วิธีที่สอง ระหว่างเก็บ 10 ปี อาจจะจำเป็นต้องใช้เงิน แล้วทำไง *0* รอวิกฤติ คนเค้าก็คิดแบบนี้ทั้งประเทศแหละคร๊าบบบ ผมก็รอ คุณก็รอ
ก็ลองวิธีที่ 3 คริ คริ
เอามันมารวมกันแมร่งเลย ชื้อรายไตรมาสไปเลย เก็บเงินให้ครบ 1 ไตรแล้วก็ชื้อทีนึง หรือลดลงมาเป็น 6เดือนชื้อ 1 ครั้ง
มันก็ช่วยลดความเสี่ยงในความผันผวนของตลาดไปได้บ้าง และได้มีเงินสดถือไว้ด้วย เผื่ออาจจะต้องไปทำอย่างอื่นในชีวิตของเรา
ปล.ทำแบบนี้อาจจะตกรถได้นะครับ ถ้าหุ้นตัวนั้นได้เครื่องรุ่นใหม่มา เพราะมันจะวิ่งไปไวมากกกกกกก
แนวไหนเหมาะกับเราเลือกได้เลย
ส่วนตัวเป็น vi แบบชิวๆ ใช้เงินเดือนให้เต้มที่เหลือค่อยเอามาโยนไว้ในพอต อิอิ
วิธีแรกถ้าหุ้นที่กำลังทะยอยมันเกิดเน่าขึ้นมาละ ทำไง เดาตลาดยากน๊า วิธีแรกค่าคอมปีๆนึงก็จุกนะครับถ้านับเป็นปี 10ปีนี่จุกมากด้วย
วิธีที่สอง ระหว่างเก็บ 10 ปี อาจจะจำเป็นต้องใช้เงิน แล้วทำไง *0* รอวิกฤติ คนเค้าก็คิดแบบนี้ทั้งประเทศแหละคร๊าบบบ ผมก็รอ คุณก็รอ
ก็ลองวิธีที่ 3 คริ คริ
เอามันมารวมกันแมร่งเลย ชื้อรายไตรมาสไปเลย เก็บเงินให้ครบ 1 ไตรแล้วก็ชื้อทีนึง หรือลดลงมาเป็น 6เดือนชื้อ 1 ครั้ง
มันก็ช่วยลดความเสี่ยงในความผันผวนของตลาดไปได้บ้าง และได้มีเงินสดถือไว้ด้วย เผื่ออาจจะต้องไปทำอย่างอื่นในชีวิตของเรา
ปล.ทำแบบนี้อาจจะตกรถได้นะครับ ถ้าหุ้นตัวนั้นได้เครื่องรุ่นใหม่มา เพราะมันจะวิ่งไปไวมากกกกกกก
แนวไหนเหมาะกับเราเลือกได้เลย
ส่วนตัวเป็น vi แบบชิวๆ ใช้เงินเดือนให้เต้มที่เหลือค่อยเอามาโยนไว้ในพอต อิอิ
หุ้นมันไม่ได้สวยหรู่
แต่ถ้าได้รอ . . . รับรองว่าคุ้ม
แต่ถ้าได้รอ . . . รับรองว่าคุ้ม
-
- Verified User
- โพสต์: 483
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การลงทุนซื้อหุ้นใน 2 แบบนี้ แบบไหนน่าจะให้ผลตอบแทนสูงกว่
โพสต์ที่ 6
ขึ้นอยู่กับคนน่ะครับ บางคนซื้อหุ้นรวย บ้างคนก็ติดดอย หมดตูดก็เยอะ (เขาว่าคนเล่นหุ้น 80%เจ๊ง กำไร 20% รวยมากๆ1% คนแถวนี้เยอะเลย) แต่ถ้ามองเอาปันผลดีๆ บ.ดีๆ ระยะยาวการลงทุนในหุ้นก็ได้ผลตอบแทนมากกว่าการฝากเงินในธนาคาร หรือซื้อหุ้นกู้ เพราะตอนนี้การฝากเงินในธนาคารยังแพ้เงินเฟ้ออยู่เลย ดีไม่ดีแค่ปันผลก็มากกว่าดอกเบี้ยธนาคาร แต่มูลค่าหุ้นอาจจะลดลงมากกว่า หรือติดดอย อาจจะมีการเพิ่มทุน ถ้าโชคร้ายมาก บ.แย่ล้มละลายเงินก็ศูนย์ได้
ซื้อหุ้นก็ต้องคอยติดตามข้อมูลของบ.ที่เราลงทุนด้วย เขาถึงว่า ให้นึกว่าเราเป็นเจ้าของ ก็ต้องใช้เวลาเหมือนกัน ไม่สบายเหมือนเอาเงินฝากธนาคาร ที่รัฐการันตีไว้ ซึ่งตอนนี้ก็จำกัดไม่เกิน 1 ล้านต่อธนาคาร (การลดลงเป็นแบบขั้นบันไดน่ะครับ ไม่ใช่ปีนี้ แต่จะทยอยลดลงเรื่อยๆ ถ้าจำไม่ผิดปีนี้ การันตี 50 ล้าน )ก็ต้องแบ่งไปฝาก SCB bay kbank kk tisco ktb bbl ออมสิน ธกส. และอื่นๆเพื่อให้ได้หลายล้าน
ส่วนตัวคิดว่าใหม่ๆใครเล่นหุ้นก็น่าจะขาดทุนก่อน อ่านประวัติ เซียนหุ้นส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนี้ และทุกคนที่เล่นหุ้นต้องเคยติดดอย มากน้อยก็แล้วแต่ ค่อยๆเริ่มจากเงินน้อยๆก่อนดีกว่าครับ เก่งแล้วค่อยลงเงินมากขึ้น ทะยอยๆแบ่งจากเงินเก็บ หรือการลงทุนรูปแบบอื่น ไม่ว่าทอง ที่ดิน พันธบัตร กองทุนรวม ส่วนตัวคิดว่าการกระจายความเสี่ยงดีที่สุดครับ เพราะเราไม่รู้ว่าปีนี้อะไรดี อะไรร้าย แล้วก็แล้วแต่ความรู้ที่เรามี ครับเหมาะที่สุด
ซื้อหุ้นก็ต้องคอยติดตามข้อมูลของบ.ที่เราลงทุนด้วย เขาถึงว่า ให้นึกว่าเราเป็นเจ้าของ ก็ต้องใช้เวลาเหมือนกัน ไม่สบายเหมือนเอาเงินฝากธนาคาร ที่รัฐการันตีไว้ ซึ่งตอนนี้ก็จำกัดไม่เกิน 1 ล้านต่อธนาคาร (การลดลงเป็นแบบขั้นบันไดน่ะครับ ไม่ใช่ปีนี้ แต่จะทยอยลดลงเรื่อยๆ ถ้าจำไม่ผิดปีนี้ การันตี 50 ล้าน )ก็ต้องแบ่งไปฝาก SCB bay kbank kk tisco ktb bbl ออมสิน ธกส. และอื่นๆเพื่อให้ได้หลายล้าน
ส่วนตัวคิดว่าใหม่ๆใครเล่นหุ้นก็น่าจะขาดทุนก่อน อ่านประวัติ เซียนหุ้นส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนี้ และทุกคนที่เล่นหุ้นต้องเคยติดดอย มากน้อยก็แล้วแต่ ค่อยๆเริ่มจากเงินน้อยๆก่อนดีกว่าครับ เก่งแล้วค่อยลงเงินมากขึ้น ทะยอยๆแบ่งจากเงินเก็บ หรือการลงทุนรูปแบบอื่น ไม่ว่าทอง ที่ดิน พันธบัตร กองทุนรวม ส่วนตัวคิดว่าการกระจายความเสี่ยงดีที่สุดครับ เพราะเราไม่รู้ว่าปีนี้อะไรดี อะไรร้าย แล้วก็แล้วแต่ความรู้ที่เรามี ครับเหมาะที่สุด
- boat37564
- Verified User
- โพสต์: 105
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การลงทุนซื้อหุ้นใน 2 แบบนี้ แบบไหนน่าจะให้ผลตอบแทนสูงกว่
โพสต์ที่ 8
แบบแรกรู้สึกว่า ดร.นิเวศน์ จะเคยกล่าวไว้ในหนังสือชนะอย่างเต่า(ถ้าจำไม่ผิดนะครับ) แต่แกจะเน้นให้เก็บเพิ่มไปเรื่อยๆไม่มีหยุดจนเกรียณอายุเลยครับ แกเรียกว่า "ทฤษฎีผ่อนความสุข"(ถ้าสนใจลองไปหามาอ่านดูครับ) ซึ่งความเห็นของผมผมว่าเป็นวิธีที่ดีกว่าเนื่องจากมันเป็นการช่วยกระจายความเสี่ยงได้ไม่ซื้อตอนที่ราคาสูงเกินไปและไม่ตํ่าเกินไป
แต่หลักที่สำคัญคือต้องเลือกบริษัทที่มีคุณภาพจริงๆไม่ว่าจะใช้วิธีไหนถ้าเลือกบริษัทได้ดีก็ทำผลตอบแทนได้ดีเหมือนกันแหละครับ
แต่หลักที่สำคัญคือต้องเลือกบริษัทที่มีคุณภาพจริงๆไม่ว่าจะใช้วิธีไหนถ้าเลือกบริษัทได้ดีก็ทำผลตอบแทนได้ดีเหมือนกันแหละครับ
.......ทำยังไงได้ก็ไม่ได้เกิดมาบนกองทอง........
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3653
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การลงทุนซื้อหุ้นใน 2 แบบนี้ แบบไหนน่าจะให้ผลตอบแทนสูงกว่
โพสต์ที่ 9
วิธีไหนเป็นไปได้ ?pomtsl เขียน:...แต่โดยรวมแล้วในสองวิธีนี้ วิธีไหนที่มีความเป็นไปได้มากกว่า และให้ผลตอบแทนดีกว่า
ทุกวิธีเป็นไปได้ทั้งนั้นครับ
ถ้าพี่ลงมือทำ
แต่ผมคิดว่าที่พี่กังวลคือคำถามที่ว่า...
แล้วเจ้าวิธีไหนจะให้ผลตอบแทนดีกว่ากัน ?
ผมตอบไม่ได้ครับ
เพราะคำตอบ อยู่ในสิ่งที่พี่คิด สิ่งที่พี่ทำครับ