เพื่อนๆดูแล้ว ได้ข้อคิดอย่างไรบ้างครับ?
[img]I10157065-37.jpg[/img]
จากพันทิพครับ
โพสต์
29 โพสต์
• หน้า 1 จากทั้งหมด 1
-
thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จากพันทิพครับ
โพสต์ที่ 2
อัพรูปไม่เป็นครับ
กรุณาสอนด่วน
กรุณาสอนด่วน
ลงทุนเพื่อชีวิต
-
Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10538
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จากพันทิพครับ
โพสต์ที่ 3
-
thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จากพันทิพครับ
โพสต์ที่ 4
ขอบคุณครับ
ลงทุนเพื่อชีวิต
-
thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จากพันทิพครับ
โพสต์ที่ 5
ลงทุนเพื่อชีวิต
-
murder_doll
- Verified User
- โพสต์: 1608
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จากพันทิพครับ
โพสต์ที่ 7
แอบนอกเรื่องนิดนึง รูป Avatarโหดมากครับ :lovl:thaloengsak เขียน:เพื่อนๆดูแล้ว ได้ข้อคิดอย่างไรบ้างครับ?
[img]I10157065-37.jpg[/img]
เงินทองเป็นของมายา
ข้าวปลาคือของจริง
ข้าวปลาคือของจริง
-
thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จากพันทิพครับ
โพสต์ที่ 8
สิ่งที่ได้เรียนรู้หลังหุ้นลงเนื่องจากปัญหาsubprime โดยคุณIH
โดยคุณ Invisible Hand ครับ
Credit : http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=32177
สิ่งที่เราได้เรียนรู้หลังเหตุการณ์หุ้นลงอันเนื่องจากปัญหา subprime และเหตุการณ์การลงทุนอื่นๆ กระทู้นี้ไม่ได้เน้นข้อสังเกตเป็นวิชาการอะไรนัก เป็นข้อสังเกตเอาไว้อ่านสนุกๆ กันนะครับ
1 เวลาหุ้นลงก็จะมีข่าวร้ายเต็มตลาด แต่ถ้าหุ้นขึ้นกลับมานักลงทุนก็พร้อมจะลืมข่าวร้ายนั้นไป
2 นักลงทุนต่างชาติ แม้ว่าจะมี volume ซื้อขาย 30-40% ของตลาด แต่ก็สามารถกำหนดทิศทางตลาดได้ ตัวเลขการซื้อขายต่างชาติครึ่งวันเป็นตัวเลขที่สำคัญกว่าตัวเลข GDP ตัวเลขเศรษฐกิจ ธปท. ทุกสิ้นเดือน หรือการเพิ่มขึ้นการส่งออกของประเทศในแต่ละเดือนไปเสียแล้ว เพราะอย่างหลังมันไม่เคยทำให้หุ้นขึ้นหรือลงได้แต่อย่างไร การซื้อขายอย่างหนักของนักลงทุนต่างชาติ ก็ทำให้เราซื้อหุ้นบางตัวได้ถูกกว่าที่คิดได้ หรือขายหุ้นบางตัวแพงกว่าที่คิดได้
3 การซื้อหรือขายหุ้นแบบแบ่งไม้หรือหลายๆ order ก็ลดผลกระทบของโชคชะตาได้ เพราะมีบ่อยครั้งที่เราอาจจะพลาดการซื้อหรือขายหุ้นเพราะตั้งซื้อหรือต่ำไปหรือขายสูงไปเพียง 1 step โดยไม่ได้กระจาย order แล้วบอกว่าโชคไม่ดี ผมคิดว่าเราสามารถเอาชนะโชคชะตาในเรื่องนี้ได้ไม่ยากนัก การตั้งซื้อหรือขายที่เลขกลมๆ เช่น 0 5 อาจจะไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก หลายๆ ครั้งที่เสื้อตัวละ 99 บาทจะขายดีกว่าเสื้อตัวละ 100 บาททั้งๆ ที่ราคาต่างกันเพียง 1 บาท
4 การตั้งซื้อหุ้นไว้พอหุ้นใกล้ลงมาถึงแล้วถอน หรือตั้งขายไว้พอหุ้นขึ้นใกล้ถึงแล้วถอน ให้ลองถามตัวเองว่าตอนนี้เรามีเวลาในชีวิตมากเกินไปที่จะทำเรื่องที่ไม่เป็นประโยชน์เช่นนี้เชียวหรือ หรือกำลังฝึกทักษะการ key คอมฯ ของเราหรือ marketing ถ้าเราทำเช่นนี้ประจำก็อย่าไปต่อว่าคนดูละครน้ำเน่าตอนกลางคืนว่าไร้สาระเพราะเรากำลังทำเรื่องไร้สาระยิ่งกว่าเสียอีก
5 การดู bid offer นานเกินไปบางครั้งอาจจะทำให้เราไม่กล้าซื้อหรือขายได้ หุ้นขาลง bid-offer และการเคาะแต่ละไม้ชวนให้เคาะขายตามอย่างยิ่ง ในทางกลับกัน ในหุ้นขาขึ้นก็เช่นกัน
6 หุ้นบางตัวเมื่อตลาดปรับลงมา เมื่อตลาดขึ้นกลับอาจจะขึ้นได้สูงกว่าเดิม แต่หุ้นบางตัวลงแล้วลงเลยไม่กลับมา การเลือกซื้อหุ้นในตลาดขาลงนอกจากจะพิจารณาหุ้นที่ลงมาเยอะเป็นพิเศษ แต่เราจะต้องเลือกพื้นฐานของหุ้นด้วย ถ้ายังไม่ชำนาญหรือเกรงว่าทำได้ไม่ดี การซื้อ TDEX ก็อาจจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจกว่า
7 บางครั้งความคิดที่รอต่างชาติหยุดขายแล้วค่อยซื้อหุ้นนั้นอาจจะไม่ได้ผลทุกครั้งไป หลายๆ ครั้งหุ้นจะใกล้ๆ จุดต่ำสุดเมื่อต่างชาติเพลาการขายลง
8 นักลงทุนในประเทศหลายๆ คนที่ขายหุ้นเพราะกลัว subprime จริงๆ แล้วไม่ค่อยรู้รายละเอียดหรอกว่าปัญหา subprime มันเป็นยังไง แต่การบอกคนอื่นๆ ว่าขายหุ้นเพราะ subprime นั้นย่อมดูดีกว่าการขายหุ้นเพราะตกใจกลัวแน่นอน
9 FED มีการลดดอกเบี้ยเป็นพิเศษที่ไม่ต้องรอวาระการประชุมครั้งต่อไป แต่ธนาคารกลางบางประเทศไม่ค่อยมีความคิดจะทำเช่นนั้น ธนาคารกลางสหรัฐสามารถลดแรงกระแทกจากปัจจัยร้ายๆ ได้หลายต่อหลายครั้งแต่ธนาคารกลางบางประเทศหลายๆ ครั้งเพิ่มแรงกระแทกให้กับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจในประเทศ และนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำไมเงินเดือนผู้ว่าธนาคารกลางสหรัฐและคณะกรรมการ FED สูงกว่าผู้ว่าธนาคารกลางในหลายๆ ประเทศ
10 อย่าเผลอไปถามใครแม้ว่าจะคิดว่าคนนั้นมีประสบการณ์การลงทุนมาก ว่าพรุ่งนี้หุ้นจะขึ้นหรือลงต่อ เพราะถ้าคำตอบที่ได้นั้นแม่นยำ หมอดูชื่อดังคงมานั่งห้องค้ากันหมดแล้ว คงจะไม่ต้องเหนื่อยไปทำนายว่าดาราเค้าจะเลิกกันให้ถูกดาราเหล่านั้นด่ากลับออกหน้าหนังสือพิมพ์ และไม่ควรถามว่าทำไมหุ้นตัวนั้นๆ ถึงลงหรือหุ้นที่เค้าแนะนำให้เราลงทุนนั้นจะขึ้นไปถึงเป้าหมายเมื่อไหร่ เว้นเสียว่าเราเชื่อได้ว่าเค้าจะเป็นผู้ทำราคาหรือเราอยากช่วยฝึกความอดทนและการข่มจิตข่มใจของเค้า
11 หมอดูนั้นขายได้ทุกสถานการณ์จริงๆ เพราะผมเคยเห็นรายการ TV ที่เชิญหมอดูมาดูดวงให้สุนัขของดารา
12 การที่เราฟังนักวิเคราะห์ที่บอกว่า ถ้าหลุด 10 บาทจะมีสิทธิลงไป 9.5 บาท ถ้ายืนเหนือ 10 บาทได้แปลว่าจะไม่ลงแล้ว หรือถ้าทะลุ 5 บาทมีสิทธิไปทดสอบ 5.5 บาทนั้น เป็นคำอธิบายที่ถูกต้องตามหลักความน่าจะเป็นและดูเหมือนจะเป็นสัจธรรมหรือ fact มากกว่าการคาดการณ์
13 นักวิเคราะห์บางคนเริ่มบทวิเคราะห์หุ้นตัวหนึ่งครั้งแรกโดยแนะนำว่า sell เมื่อพื้นฐานดีขึ้นจึงปรับเป็น hold แต่ลืมคิดไปว่าเมื่อนักลงทุนขายหุ้นหมดไปแล้วตามคำแนะนำจะเอาหุ้นที่ไหนมาถือ ดังนั้นการปรับจาก sell เป็น hold แปลว่าให้หาหุ้นมาถือ ก็คือให้ซื้อนั่นเอง แต่การปรับจาก sell เป็น buy นั้นจะทำให้โดนเจ้านายและลูกค้าด่า ในทางกลับกัน การปรับจาก strong buy เป็น hold ก็มีนัยคล้ายๆ กัน
14 การซื้อขายทาง internet เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการความสะดวกและเข้าถึง internet ได้เกือบตลอดเวลา แต่ถ้าจุดประสงค์เพื่อประหยัดค่าคอมฯ บางครั้งการเติม 0 เกินไป 1 ตัวหรือ ซื้อเป็นขาย ขายเป็นซื้อ มันอาจจะมากกว่าค่าคอมฯ ที่ประหยัดได้ทั้งปี คล้ายๆ กับการซื้อบริการอะไรล่วงหน้าได้ส่วนลดเยอะแต่ท้ายสุดแล้วไม่ค่อยได้ไป
15 นักวิเคราะห์ที่วิเคราะห์ถูก 100% ทุกครั้งนั้นไม่มีแน่นอน ที่เห็นส่วนมากนั้นถูกครึ่งผิดครึ่งซึ่งไม่ช่วยอะไรได้มากนักเหมือนเล่นปั่นแปะ แต่คนที่มี value add ที่สุดคือคนที่ผิดเกือบทุกครั้งเพราะเราเพียงแค่ทำตรงข้ามก็ถูกแล้ว จึงเป็นเหตุให้บางคนจึงมีชื่อเสียงเพราะตลาดรู้ว่าคนนี้ออกมาฟันธงว่าเป็นขาขึ้นเมื่อไหร่ต้องให้ขายหุ้นทุกทีไป
16 บางครั้งผมเคยสงสัยว่าหุ้นเอเชียลงตามดาวโจนส์หรือดาวโจนส์ลงตามเรากันแน่ เพราะครั้งที่ผ่านมาหุ้นบ้านเราลงเยอะกว่าเค้าเสียอีก
17 หุ้นลงมากๆ หรือขึ้นมากๆ ไม่ใช่ว่า VI จะต้องไม่กลัวหรือเสียดายไม่เป็นเพราะเรายังมีชีวิตจิตใจ ทุกครั้งที่ซื้อกลัวลงต่อมั้ยผมคิดว่าคงต้องมีความรู้สึกนี้กันบ้าง หรือหุ้นขึ้นแรงๆ ขายแล้วกลัวขึ้นต่อมั้ย ก็กลัวเพราะมันก็เกิดประจำ การซื้อแล้วลงหรือขายแล้วขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่ต้องเกิดแน่ๆ หากเรายังเลือกที่จะลงทุนในตลาดหุ้นเป็นเรื่องที่ต้องทำใจยอมรับ ดังนั้นการซื้อหรือขายแต่ละครั้งต้องคิดให้ถี่ถ้วนและวินัยการลงทุนเป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน
18 pop up คุณมี 1 งานใหม่ ของ greenbull นั้นมันมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ที่แย่อยู่หน่อยคือถ้ากดกากบาทสีแดงก็เป็นการเปิดหน้า web เค้า แต่ปุ่มปิดจริงๆ นั้นเขียนว่า close สีจางๆ อยู่บนกากบาทสีแดง อย่าไปโกรธหรือหงุดหงิดเลยครับหากมันช่วยให้ web นั้นมีรายได้เข้ามาบ้าง แต่มีวิธีให้มันไม่อยู่กลางจอได้ไหมครับ
19 ในตลาดที่ผันผวนช่วง 1-2 ปีนี้ การถือเงินสดในพอร์ตไว้เสียหน่อย หรือหาหุ้นที่คล้ายๆ การถือเงินสดไว้บ้าง ก็น่าจะเป็นความคิดที่ดี การที่หุ้นผันผวนนั้นเรื่องภาวะจิตใจในการลงทุนนั้นมีความสำคัญมากขึ้น ตามบางส่วนของโคลง 4 สุภาพที่ว่าไว้ว่า ฝูงชนกำเนิด คล้าย คลึงกัน ใหญ่ย่อมเพศผิวพรรณ แผกบ้าง ความรู้อาจเรียนทัน กันหมด ยกแต่ชั่วดีกระด้าง อ่อนแก้ ฤาไหว
โดยคุณ Invisible Hand ครับ
Credit : http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=32177
สิ่งที่เราได้เรียนรู้หลังเหตุการณ์หุ้นลงอันเนื่องจากปัญหา subprime และเหตุการณ์การลงทุนอื่นๆ กระทู้นี้ไม่ได้เน้นข้อสังเกตเป็นวิชาการอะไรนัก เป็นข้อสังเกตเอาไว้อ่านสนุกๆ กันนะครับ
1 เวลาหุ้นลงก็จะมีข่าวร้ายเต็มตลาด แต่ถ้าหุ้นขึ้นกลับมานักลงทุนก็พร้อมจะลืมข่าวร้ายนั้นไป
2 นักลงทุนต่างชาติ แม้ว่าจะมี volume ซื้อขาย 30-40% ของตลาด แต่ก็สามารถกำหนดทิศทางตลาดได้ ตัวเลขการซื้อขายต่างชาติครึ่งวันเป็นตัวเลขที่สำคัญกว่าตัวเลข GDP ตัวเลขเศรษฐกิจ ธปท. ทุกสิ้นเดือน หรือการเพิ่มขึ้นการส่งออกของประเทศในแต่ละเดือนไปเสียแล้ว เพราะอย่างหลังมันไม่เคยทำให้หุ้นขึ้นหรือลงได้แต่อย่างไร การซื้อขายอย่างหนักของนักลงทุนต่างชาติ ก็ทำให้เราซื้อหุ้นบางตัวได้ถูกกว่าที่คิดได้ หรือขายหุ้นบางตัวแพงกว่าที่คิดได้
3 การซื้อหรือขายหุ้นแบบแบ่งไม้หรือหลายๆ order ก็ลดผลกระทบของโชคชะตาได้ เพราะมีบ่อยครั้งที่เราอาจจะพลาดการซื้อหรือขายหุ้นเพราะตั้งซื้อหรือต่ำไปหรือขายสูงไปเพียง 1 step โดยไม่ได้กระจาย order แล้วบอกว่าโชคไม่ดี ผมคิดว่าเราสามารถเอาชนะโชคชะตาในเรื่องนี้ได้ไม่ยากนัก การตั้งซื้อหรือขายที่เลขกลมๆ เช่น 0 5 อาจจะไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก หลายๆ ครั้งที่เสื้อตัวละ 99 บาทจะขายดีกว่าเสื้อตัวละ 100 บาททั้งๆ ที่ราคาต่างกันเพียง 1 บาท
4 การตั้งซื้อหุ้นไว้พอหุ้นใกล้ลงมาถึงแล้วถอน หรือตั้งขายไว้พอหุ้นขึ้นใกล้ถึงแล้วถอน ให้ลองถามตัวเองว่าตอนนี้เรามีเวลาในชีวิตมากเกินไปที่จะทำเรื่องที่ไม่เป็นประโยชน์เช่นนี้เชียวหรือ หรือกำลังฝึกทักษะการ key คอมฯ ของเราหรือ marketing ถ้าเราทำเช่นนี้ประจำก็อย่าไปต่อว่าคนดูละครน้ำเน่าตอนกลางคืนว่าไร้สาระเพราะเรากำลังทำเรื่องไร้สาระยิ่งกว่าเสียอีก
5 การดู bid offer นานเกินไปบางครั้งอาจจะทำให้เราไม่กล้าซื้อหรือขายได้ หุ้นขาลง bid-offer และการเคาะแต่ละไม้ชวนให้เคาะขายตามอย่างยิ่ง ในทางกลับกัน ในหุ้นขาขึ้นก็เช่นกัน
6 หุ้นบางตัวเมื่อตลาดปรับลงมา เมื่อตลาดขึ้นกลับอาจจะขึ้นได้สูงกว่าเดิม แต่หุ้นบางตัวลงแล้วลงเลยไม่กลับมา การเลือกซื้อหุ้นในตลาดขาลงนอกจากจะพิจารณาหุ้นที่ลงมาเยอะเป็นพิเศษ แต่เราจะต้องเลือกพื้นฐานของหุ้นด้วย ถ้ายังไม่ชำนาญหรือเกรงว่าทำได้ไม่ดี การซื้อ TDEX ก็อาจจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจกว่า
7 บางครั้งความคิดที่รอต่างชาติหยุดขายแล้วค่อยซื้อหุ้นนั้นอาจจะไม่ได้ผลทุกครั้งไป หลายๆ ครั้งหุ้นจะใกล้ๆ จุดต่ำสุดเมื่อต่างชาติเพลาการขายลง
8 นักลงทุนในประเทศหลายๆ คนที่ขายหุ้นเพราะกลัว subprime จริงๆ แล้วไม่ค่อยรู้รายละเอียดหรอกว่าปัญหา subprime มันเป็นยังไง แต่การบอกคนอื่นๆ ว่าขายหุ้นเพราะ subprime นั้นย่อมดูดีกว่าการขายหุ้นเพราะตกใจกลัวแน่นอน
9 FED มีการลดดอกเบี้ยเป็นพิเศษที่ไม่ต้องรอวาระการประชุมครั้งต่อไป แต่ธนาคารกลางบางประเทศไม่ค่อยมีความคิดจะทำเช่นนั้น ธนาคารกลางสหรัฐสามารถลดแรงกระแทกจากปัจจัยร้ายๆ ได้หลายต่อหลายครั้งแต่ธนาคารกลางบางประเทศหลายๆ ครั้งเพิ่มแรงกระแทกให้กับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจในประเทศ และนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำไมเงินเดือนผู้ว่าธนาคารกลางสหรัฐและคณะกรรมการ FED สูงกว่าผู้ว่าธนาคารกลางในหลายๆ ประเทศ
10 อย่าเผลอไปถามใครแม้ว่าจะคิดว่าคนนั้นมีประสบการณ์การลงทุนมาก ว่าพรุ่งนี้หุ้นจะขึ้นหรือลงต่อ เพราะถ้าคำตอบที่ได้นั้นแม่นยำ หมอดูชื่อดังคงมานั่งห้องค้ากันหมดแล้ว คงจะไม่ต้องเหนื่อยไปทำนายว่าดาราเค้าจะเลิกกันให้ถูกดาราเหล่านั้นด่ากลับออกหน้าหนังสือพิมพ์ และไม่ควรถามว่าทำไมหุ้นตัวนั้นๆ ถึงลงหรือหุ้นที่เค้าแนะนำให้เราลงทุนนั้นจะขึ้นไปถึงเป้าหมายเมื่อไหร่ เว้นเสียว่าเราเชื่อได้ว่าเค้าจะเป็นผู้ทำราคาหรือเราอยากช่วยฝึกความอดทนและการข่มจิตข่มใจของเค้า
11 หมอดูนั้นขายได้ทุกสถานการณ์จริงๆ เพราะผมเคยเห็นรายการ TV ที่เชิญหมอดูมาดูดวงให้สุนัขของดารา
12 การที่เราฟังนักวิเคราะห์ที่บอกว่า ถ้าหลุด 10 บาทจะมีสิทธิลงไป 9.5 บาท ถ้ายืนเหนือ 10 บาทได้แปลว่าจะไม่ลงแล้ว หรือถ้าทะลุ 5 บาทมีสิทธิไปทดสอบ 5.5 บาทนั้น เป็นคำอธิบายที่ถูกต้องตามหลักความน่าจะเป็นและดูเหมือนจะเป็นสัจธรรมหรือ fact มากกว่าการคาดการณ์
13 นักวิเคราะห์บางคนเริ่มบทวิเคราะห์หุ้นตัวหนึ่งครั้งแรกโดยแนะนำว่า sell เมื่อพื้นฐานดีขึ้นจึงปรับเป็น hold แต่ลืมคิดไปว่าเมื่อนักลงทุนขายหุ้นหมดไปแล้วตามคำแนะนำจะเอาหุ้นที่ไหนมาถือ ดังนั้นการปรับจาก sell เป็น hold แปลว่าให้หาหุ้นมาถือ ก็คือให้ซื้อนั่นเอง แต่การปรับจาก sell เป็น buy นั้นจะทำให้โดนเจ้านายและลูกค้าด่า ในทางกลับกัน การปรับจาก strong buy เป็น hold ก็มีนัยคล้ายๆ กัน
14 การซื้อขายทาง internet เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการความสะดวกและเข้าถึง internet ได้เกือบตลอดเวลา แต่ถ้าจุดประสงค์เพื่อประหยัดค่าคอมฯ บางครั้งการเติม 0 เกินไป 1 ตัวหรือ ซื้อเป็นขาย ขายเป็นซื้อ มันอาจจะมากกว่าค่าคอมฯ ที่ประหยัดได้ทั้งปี คล้ายๆ กับการซื้อบริการอะไรล่วงหน้าได้ส่วนลดเยอะแต่ท้ายสุดแล้วไม่ค่อยได้ไป
15 นักวิเคราะห์ที่วิเคราะห์ถูก 100% ทุกครั้งนั้นไม่มีแน่นอน ที่เห็นส่วนมากนั้นถูกครึ่งผิดครึ่งซึ่งไม่ช่วยอะไรได้มากนักเหมือนเล่นปั่นแปะ แต่คนที่มี value add ที่สุดคือคนที่ผิดเกือบทุกครั้งเพราะเราเพียงแค่ทำตรงข้ามก็ถูกแล้ว จึงเป็นเหตุให้บางคนจึงมีชื่อเสียงเพราะตลาดรู้ว่าคนนี้ออกมาฟันธงว่าเป็นขาขึ้นเมื่อไหร่ต้องให้ขายหุ้นทุกทีไป
16 บางครั้งผมเคยสงสัยว่าหุ้นเอเชียลงตามดาวโจนส์หรือดาวโจนส์ลงตามเรากันแน่ เพราะครั้งที่ผ่านมาหุ้นบ้านเราลงเยอะกว่าเค้าเสียอีก
17 หุ้นลงมากๆ หรือขึ้นมากๆ ไม่ใช่ว่า VI จะต้องไม่กลัวหรือเสียดายไม่เป็นเพราะเรายังมีชีวิตจิตใจ ทุกครั้งที่ซื้อกลัวลงต่อมั้ยผมคิดว่าคงต้องมีความรู้สึกนี้กันบ้าง หรือหุ้นขึ้นแรงๆ ขายแล้วกลัวขึ้นต่อมั้ย ก็กลัวเพราะมันก็เกิดประจำ การซื้อแล้วลงหรือขายแล้วขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่ต้องเกิดแน่ๆ หากเรายังเลือกที่จะลงทุนในตลาดหุ้นเป็นเรื่องที่ต้องทำใจยอมรับ ดังนั้นการซื้อหรือขายแต่ละครั้งต้องคิดให้ถี่ถ้วนและวินัยการลงทุนเป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน
18 pop up คุณมี 1 งานใหม่ ของ greenbull นั้นมันมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ที่แย่อยู่หน่อยคือถ้ากดกากบาทสีแดงก็เป็นการเปิดหน้า web เค้า แต่ปุ่มปิดจริงๆ นั้นเขียนว่า close สีจางๆ อยู่บนกากบาทสีแดง อย่าไปโกรธหรือหงุดหงิดเลยครับหากมันช่วยให้ web นั้นมีรายได้เข้ามาบ้าง แต่มีวิธีให้มันไม่อยู่กลางจอได้ไหมครับ
19 ในตลาดที่ผันผวนช่วง 1-2 ปีนี้ การถือเงินสดในพอร์ตไว้เสียหน่อย หรือหาหุ้นที่คล้ายๆ การถือเงินสดไว้บ้าง ก็น่าจะเป็นความคิดที่ดี การที่หุ้นผันผวนนั้นเรื่องภาวะจิตใจในการลงทุนนั้นมีความสำคัญมากขึ้น ตามบางส่วนของโคลง 4 สุภาพที่ว่าไว้ว่า ฝูงชนกำเนิด คล้าย คลึงกัน ใหญ่ย่อมเพศผิวพรรณ แผกบ้าง ความรู้อาจเรียนทัน กันหมด ยกแต่ชั่วดีกระด้าง อ่อนแก้ ฤาไหว
ลงทุนเพื่อชีวิต
-
thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 0
-
thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จากพันทิพครับ
โพสต์ที่ 10
หุ้นคือการพนันใช่หรือไม่?
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 50720.html
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 50720.html
ลงทุนเพื่อชีวิต
-
thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จากพันทิพครับ
โพสต์ที่ 11
เศรษฐกิจของแต่ละประเทศ
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 49163.html
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 49163.html
ลงทุนเพื่อชีวิต
-
thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จากพันทิพครับ
โพสต์ที่ 12
หุ้นอสังหาฯ จะได้ประโยชน์หรือไม่ ถ้ามีการขึ้นราคาขายบ้าน
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 48629.html
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 48629.html
ลงทุนเพื่อชีวิต
-
thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จากพันทิพครับ
โพสต์ที่ 13
เล่นหุ้นแบบ ที่มีเจ้าหน้าที่แบงค์ โทรมาบอกว่าตัวนั้นตัวนี้ดี น่าเชื่อถือ หรือเสี่ยง ไหมครับ(ไม่เคยเล่น) http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 48211.html
ลงทุนเพื่อชีวิต
-
thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จากพันทิพครับ
โพสต์ที่ 14
สิ่งที่นักลงทุนควรทำ (โดย อ.เทพ รุ่งธนาภิรมย์)
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id ... 26&gblog=2
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id ... 26&gblog=2
ลงทุนเพื่อชีวิต
-
thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จากพันทิพครับ
โพสต์ที่ 15
จิตวิทยาการลงทุน
เขียนโดยคุณ ชาตรี โรจนอาภา จาก fundamental talk.com
จิตวิทยาการลงทุน 1
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?i ... 26&gblog=3
จิตวิทยาการลงทุน 2
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?i ... 26&gblog=4
เขียนโดยคุณ ชาตรี โรจนอาภา จาก fundamental talk.com
จิตวิทยาการลงทุน 1
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?i ... 26&gblog=3
จิตวิทยาการลงทุน 2
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?i ... 26&gblog=4
ลงทุนเพื่อชีวิต
-
thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จากพันทิพครับ
โพสต์ที่ 16
ลงทุนเพื่อชีวิต
-
thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จากพันทิพครับ
โพสต์ที่ 17
สรรพากรชี้ปี "55 ลดภาษีนิติบุคคล
นายอนันต์ สิริแสงทักษิณ รองอธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้เกี่ยวกับการปรับโครงสร้างภาษี เพื่อเตรียมตัวรองรับการเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสมาชิกประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ในปี"58 สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจทั้งไทยและประเทศเพื่อนบ้าน
"โดยเฉพาะการปรับลดภาษีเงินได้นิติ บุคคลลงจากเดิมที่ 30% มาอยู่ที่ 25% คาดจะแล้วเสร็จในปี"55 นอกจากนี้กรมกำลังอยู่ในขั้นตอนการแก้ไขกฎระเบียบต่างๆ ด้านภาษี เพื่อให้เกิดความรวดเร็วในการลงทุนมากขึ้น โดยไม่ให้ส่งผลกระทบกับการจัดเก็บรายได้โดยรวมของกรมด้วย"นายอนันต์ กล่าว
นายอนันต์ กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันทางกรมยังไม่มีแนวคิดปรับเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) จากปัจจุบันเก็บอยู่ที่ 7% ซึ่งมีทั้งผลดีและผลเสีย ดังนั้นการขยายฐานภาษีจึงมีความสำคัญมากกว่า จึงต้องศึกษารายละเอียดอีกครั้ง
ขณะที่กรมจะปรับเพิ่มเป้าจัดเก็บรายได้ขึ้นอีก 2 หมื่นล้านบาท หรือ 1% ของเป้าเดิมในปี"54 ที่ตั้งไว้ 1.299 ล้านล้านบาท เพื่อใช้จัดทำงบประมาณกลางปี"54
นายอนันต์ สิริแสงทักษิณ รองอธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้เกี่ยวกับการปรับโครงสร้างภาษี เพื่อเตรียมตัวรองรับการเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสมาชิกประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ในปี"58 สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจทั้งไทยและประเทศเพื่อนบ้าน
"โดยเฉพาะการปรับลดภาษีเงินได้นิติ บุคคลลงจากเดิมที่ 30% มาอยู่ที่ 25% คาดจะแล้วเสร็จในปี"55 นอกจากนี้กรมกำลังอยู่ในขั้นตอนการแก้ไขกฎระเบียบต่างๆ ด้านภาษี เพื่อให้เกิดความรวดเร็วในการลงทุนมากขึ้น โดยไม่ให้ส่งผลกระทบกับการจัดเก็บรายได้โดยรวมของกรมด้วย"นายอนันต์ กล่าว
นายอนันต์ กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันทางกรมยังไม่มีแนวคิดปรับเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) จากปัจจุบันเก็บอยู่ที่ 7% ซึ่งมีทั้งผลดีและผลเสีย ดังนั้นการขยายฐานภาษีจึงมีความสำคัญมากกว่า จึงต้องศึกษารายละเอียดอีกครั้ง
ขณะที่กรมจะปรับเพิ่มเป้าจัดเก็บรายได้ขึ้นอีก 2 หมื่นล้านบาท หรือ 1% ของเป้าเดิมในปี"54 ที่ตั้งไว้ 1.299 ล้านล้านบาท เพื่อใช้จัดทำงบประมาณกลางปี"54
ลงทุนเพื่อชีวิต
-
thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จากพันทิพครับ
โพสต์ที่ 18
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 60678.html
แนวโน้มเศรฐกิจและหุ้นไทยปี 54
จากงานวันที่ 15 มกราคม ที่ผ่านมาครับ... กด Link ข้างล่างเลยครับ กำลังออกอากาศ ^^"
http://tv.truelife.com/tvonline-player. ... l_id=money
ปล.อ้างอิงจากกระทู้เหล่านี้เป็นข้อมูลเพิ่มเติมได้ครับ
.. ดร.นิเวศน์ฯ บอกว่าแนวโน้มปีนี้ตลาดฯเติบโต -15% ถึง 30% (จากงานสัมมนา)
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 34788.html
ข้อมูลเพิ่มเติมจากคุณ champ_st ณ Thai VI ครับ
.. สรุปงานสัมนา 15 มกราคม แนวโน้ม ศกและหุ้นไทยปี 54 ..
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=46029
แนวโน้มเศรฐกิจและหุ้นไทยปี 54
จากงานวันที่ 15 มกราคม ที่ผ่านมาครับ... กด Link ข้างล่างเลยครับ กำลังออกอากาศ ^^"
http://tv.truelife.com/tvonline-player. ... l_id=money
ปล.อ้างอิงจากกระทู้เหล่านี้เป็นข้อมูลเพิ่มเติมได้ครับ
.. ดร.นิเวศน์ฯ บอกว่าแนวโน้มปีนี้ตลาดฯเติบโต -15% ถึง 30% (จากงานสัมมนา)
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 34788.html
ข้อมูลเพิ่มเติมจากคุณ champ_st ณ Thai VI ครับ
.. สรุปงานสัมนา 15 มกราคม แนวโน้ม ศกและหุ้นไทยปี 54 ..
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=46029
ลงทุนเพื่อชีวิต
-
thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จากพันทิพครับ
โพสต์ที่ 19
ลงทุนเพื่อชีวิต
-
thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จากพันทิพครับ
โพสต์ที่ 20
เหตุการณ์ช็อค ช็อค ในที่ทำงาน ของคุณล่ะ อะไรบ้าง เอามาเล่าให้ฉันฟังหน่อยสิ
http://www.pantip.com/cafe/silom/topic/ ... 29618.html
http://www.pantip.com/cafe/silom/topic/ ... 29618.html
ลงทุนเพื่อชีวิต
-
monetization
- Verified User
- โพสต์: 27
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จากพันทิพครับ
โพสต์ที่ 21
O_o pantip #2 
-
thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จากพันทิพครับ
โพสต์ที่ 22
เหตุการณ์ช็อคอันนี้น่าติดตามมากนะครับ
หากไม่อ่านแล้วจะเสียดาย อิอิ
หากไม่อ่านแล้วจะเสียดาย อิอิ
ลงทุนเพื่อชีวิต
-
thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จากพันทิพครับ
โพสต์ที่ 23
ลงทุนเพื่อชีวิต
-
thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จากพันทิพครับ
โพสต์ที่ 24
กองทุนยักษ์ข้ามชาติจ่อลุยตลาดหุ้นไทย
http://www.bangkokbiznews.com/home/deta ... ้นไทย.html
"ซีแอลเอสเอ"เผยกองทุนยักษ์ข้ามชาติขนาดกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์ จ่อขนเงินลุยหุ้นไทย หลังจากประเมินดัชนีมีโอกาสไปต่อ ผลประกอบการบจ.แกร่ง
นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานการลงทุนภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ เครดิต ลียองเนส์ (ฮ่องกง) หรือ ซีแอลเอสเอ) เปิดเผยว่า กองทุนข้ามชาติที่มีเม็ดเงินภายใต้การบริหารไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในแต่ละกองทุน กำลังให้ความสำคัญกับการลงทุนในตลาดหุ้นของไทยมากขึ้น เนื่องจากมองว่าหุ้นไทยยังมีแนวโน้มขยายตัวได้อีกมาก ควบคู่ไปกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ ที่สะท้อนออกมาถึงผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่คาดว่าจะออกมาดี
"ในช่วงที่ผ่านมา เรา (ซีแอลเอสเอ) เริ่มนำนักลงทุนจากฟันด์ต่างๆ เข้ามา Company Visit ในไทยแล้ว โดยมองว่า หุ้นแบงก์ ยังน่าสนใจ พลังงานก็ยังโอเค และกลุ่มสื่อสารที่เราไม่เคยลงทุน รอบนี้ก็ต้องกลับมามองมากขึ้น"
นายปริญญ์ กล่าวว่า การลงทุนของบรรดากองทุนข้ามชาติในตลาดหุ้นไทยรอบนี้ หลายกองทุนเริ่มให้ความสนใจกับหุ้นขนาดกลาง ที่มีพื้นฐานดี มีศักยภาพ ที่คาดว่าจะสร้างผลตอบแทนให้กับการลงทุนที่ดีในอนาคต ซึ่งที่ผ่านมาได้เข้าไปเยี่ยมเยียนและขอข้อมูลบริษัทเป้าหมายหลายแห่งแล้ว ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดี
"กองทุนที่เข้ามารอบนี้เป็นกองทุนข้ามชาติระดับ Global Fund นอกจากหุ้นใหญ่ที่เป็นเป้าหมายแล้ว เขายังให้ความสำคัญไปที่หุ้นขนาดกลางที่มีศักยภาพมากขึ้น ซึ่งก็ไปมาหลายที่แล้ว เช่น เอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ ผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศตามคำสั่งของลูกค้า และ บริษัท ไดนาสตี้เซรามิค ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดี"
นายปริญญ์ กล่าวว่า นักลงทุนข้ามชาติเหล่านี้ ไม่ได้กังวลต่อปัญหาทางการเมืองในประเทศไทยมากนัก เนื่องจากเป็นการลงทุนระยะยาว และนักลงทุนส่วนใหญ่จะซึมซับปัญหาการเมืองไทยได้มากพอสมควร เมื่อเทียบกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดี ทำให้มั่นใจว่า จะได้รับผลที่ดีจากการลงทุน
"ปัญหาการเมือง สำหรับ ซีแอลเอสเอ แล้ว เรามองเป็นบวก เรายังเชื่อว่า พรรคประชาธิปัตย์จะกลับมาเป็นรัฐบาลภายหลังการเลือกตั้งรอบใหม่ จะเข้ามาสานต่อนโยบายเดิม ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนก็อยู่ในเกณฑ์ดี" นายปริญญ์ กล่าว
นายปริญญ์ กล่าวว่า ซีแอลเอสเอ เตรียมที่จะจัดสัมมนาใหญ่ในประเทศไทย ในเดือนก.พ. นี้ ซึ่งจะเป็นเวทีเปิดช่องทางการลงทุนในประเทศไทย โดยจะเชิญบริษัทขนาดใหญ่จากต่างประเทศทั่วเอเชียมาให้ข้อมูลแก่นักลงทุนที่คาดว่าจะมาจากกองทุนข้ามชาติขนาดใหญ่ และจะเชิญบริษัทจดทะเบียนของไทยประมาณ 10 แห่ง มาร่วมให้ข้อมูลด้วย
ด้านแหล่งข่าวจากบริษัท เอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ ผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศตามคำสั่งของลูกค้า ยอมรับว่า ที่ผ่านมามีกองทุนขนาดยักษ์ที่ได้รับคำแนะนำมาจากซีแอลเอสเอ ได้ติดต่อขอข้อมูล และติดต่อขอซื้อหุ้นของบริษัทจำนวนหนึ่ง แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป ในขณะนี้
"คิดว่าไตรมาสแรกเมื่อผลประกอบการออกมา คงจะมีข้อสรุปร่วมกันว่า เข้าจะซื้อหุ้นเราเท่าไหร่ และราคาอะไร ตอนนี้ยังเป็นขั้นตอนการแลกเปลี่ยนข้อมูล เราได้ยื่นเงื่อนไขไปว่า หากต้องการลงทุนหุ้นเรา ต้องถือยาว อย่างน้อย 5 ปี เพราะเราไม่ต้องการฝรั่งที่เข้ามาซื้อแล้วขายในช่วงสั้นๆ เพราะจะกระทบต่อราคาหุ้น"แหล่งข่าวกล่าว
ราคาหุ้นบริษัทเอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ ปิดตลาดเมื่อวันที่ 14 ม.ค. ที่ 21.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.90 บาท หรือ 9.69% มูลค่าการซื้อขาย 215 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีหุ้นปิดตลาดที่ 1,032.26 จุด ลดลง 2.82 จุด นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิกว่า 4.3 พันล้านบาท
แหล่งข่าวกล่าวว่า ขณะนี้บริษัทมีหุ้นที่ได้จากโครงการรับซื้อคืนจำนวน 13,625,900 หุ้น คิดเป็น 4.52% ของทุนจดทะเบียนที่ยังไม่ได้จำหน่ายออกไป ซึ่งมีอยู่ 2 ทางเลือกคือ การคืนทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมด้วยการลดทุน และการขายให้แก่ผู้สนใจ ซึ่งบริษัทต้องการขายให้แก่พันธมิตรทางธุรกิจ ให้แก่ซัพพลายเออร์ รวมทั้งขายให้แก่ผู้ที่มีเทคโนโลยี
นายมารุต แสงศาสตรา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสารสนเทศ บริษัท ไดนาสตี้ เซรามิค กล่าวว่า หุ้นของบริษัทได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่องและในเดือนก.พ. นี้ จะมีนักลงทุนสถาบันต่างประเทศเข้าพบเพื่อทำ Company Visit ราว 16 ราย และมีแผนโรดโชว์อีก 4 ครั้ง
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บริษัทและผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่มีนโยบายขายหุ้นให้กองทุน แต่จะเน้นการนำเสนอปัจจัยพื้นฐานและผลประกอบการที่เกิดขึ้นจริงให้นักลงทุนสถาบันได้รู้ และหากเกิดความต้องการเข้าถือครองหุ้นจริง ก็จะปล่อยให้เป็นไปตามกลไกในตลาดหลักทรัพย์
นายมารุต กล่าวอีกว่า ปี 2554 บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตของรายได้ 10% จากปี 2553 โดยเป็นการเพิ่มขึ้นตามกำลังซื้อที่เชื่อว่าจะเพิ่มขึ้น กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น และการทำโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นยอดขาย ส่วนปี 2553 ยอมรับว่ายอดขายต่ำกว่าเป้าที่วางไว้ที่ 15% โดยเติบโตเพียง 12-13% เนื่องจากในปีช่วงครึ่งแรกปี 2553 เศรษฐกิจในประเทศไทยเกิดปัญหา ซึ่งส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อผู้บริโภคโดยตรง
ด้านกำไรสุทธิปี 2553 เชื่อว่าจะดีกว่าปี 2552 เนื่องจากยอดขายเพิ่ม และต้นทุนต่ำลง ส่วนปี 2554 เชื่อมั่นว่ากำไรสุทธิจะเติบโตสอดคล้องกับยอดขายที่เพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้ารักษาอัตรากำไรขั้นต้นที่ 42-43%
http://www.bangkokbiznews.com/home/deta ... ้นไทย.html
"ซีแอลเอสเอ"เผยกองทุนยักษ์ข้ามชาติขนาดกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์ จ่อขนเงินลุยหุ้นไทย หลังจากประเมินดัชนีมีโอกาสไปต่อ ผลประกอบการบจ.แกร่ง
นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานการลงทุนภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ เครดิต ลียองเนส์ (ฮ่องกง) หรือ ซีแอลเอสเอ) เปิดเผยว่า กองทุนข้ามชาติที่มีเม็ดเงินภายใต้การบริหารไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในแต่ละกองทุน กำลังให้ความสำคัญกับการลงทุนในตลาดหุ้นของไทยมากขึ้น เนื่องจากมองว่าหุ้นไทยยังมีแนวโน้มขยายตัวได้อีกมาก ควบคู่ไปกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ ที่สะท้อนออกมาถึงผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่คาดว่าจะออกมาดี
"ในช่วงที่ผ่านมา เรา (ซีแอลเอสเอ) เริ่มนำนักลงทุนจากฟันด์ต่างๆ เข้ามา Company Visit ในไทยแล้ว โดยมองว่า หุ้นแบงก์ ยังน่าสนใจ พลังงานก็ยังโอเค และกลุ่มสื่อสารที่เราไม่เคยลงทุน รอบนี้ก็ต้องกลับมามองมากขึ้น"
นายปริญญ์ กล่าวว่า การลงทุนของบรรดากองทุนข้ามชาติในตลาดหุ้นไทยรอบนี้ หลายกองทุนเริ่มให้ความสนใจกับหุ้นขนาดกลาง ที่มีพื้นฐานดี มีศักยภาพ ที่คาดว่าจะสร้างผลตอบแทนให้กับการลงทุนที่ดีในอนาคต ซึ่งที่ผ่านมาได้เข้าไปเยี่ยมเยียนและขอข้อมูลบริษัทเป้าหมายหลายแห่งแล้ว ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดี
"กองทุนที่เข้ามารอบนี้เป็นกองทุนข้ามชาติระดับ Global Fund นอกจากหุ้นใหญ่ที่เป็นเป้าหมายแล้ว เขายังให้ความสำคัญไปที่หุ้นขนาดกลางที่มีศักยภาพมากขึ้น ซึ่งก็ไปมาหลายที่แล้ว เช่น เอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ ผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศตามคำสั่งของลูกค้า และ บริษัท ไดนาสตี้เซรามิค ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดี"
นายปริญญ์ กล่าวว่า นักลงทุนข้ามชาติเหล่านี้ ไม่ได้กังวลต่อปัญหาทางการเมืองในประเทศไทยมากนัก เนื่องจากเป็นการลงทุนระยะยาว และนักลงทุนส่วนใหญ่จะซึมซับปัญหาการเมืองไทยได้มากพอสมควร เมื่อเทียบกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดี ทำให้มั่นใจว่า จะได้รับผลที่ดีจากการลงทุน
"ปัญหาการเมือง สำหรับ ซีแอลเอสเอ แล้ว เรามองเป็นบวก เรายังเชื่อว่า พรรคประชาธิปัตย์จะกลับมาเป็นรัฐบาลภายหลังการเลือกตั้งรอบใหม่ จะเข้ามาสานต่อนโยบายเดิม ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนก็อยู่ในเกณฑ์ดี" นายปริญญ์ กล่าว
นายปริญญ์ กล่าวว่า ซีแอลเอสเอ เตรียมที่จะจัดสัมมนาใหญ่ในประเทศไทย ในเดือนก.พ. นี้ ซึ่งจะเป็นเวทีเปิดช่องทางการลงทุนในประเทศไทย โดยจะเชิญบริษัทขนาดใหญ่จากต่างประเทศทั่วเอเชียมาให้ข้อมูลแก่นักลงทุนที่คาดว่าจะมาจากกองทุนข้ามชาติขนาดใหญ่ และจะเชิญบริษัทจดทะเบียนของไทยประมาณ 10 แห่ง มาร่วมให้ข้อมูลด้วย
ด้านแหล่งข่าวจากบริษัท เอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ ผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศตามคำสั่งของลูกค้า ยอมรับว่า ที่ผ่านมามีกองทุนขนาดยักษ์ที่ได้รับคำแนะนำมาจากซีแอลเอสเอ ได้ติดต่อขอข้อมูล และติดต่อขอซื้อหุ้นของบริษัทจำนวนหนึ่ง แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป ในขณะนี้
"คิดว่าไตรมาสแรกเมื่อผลประกอบการออกมา คงจะมีข้อสรุปร่วมกันว่า เข้าจะซื้อหุ้นเราเท่าไหร่ และราคาอะไร ตอนนี้ยังเป็นขั้นตอนการแลกเปลี่ยนข้อมูล เราได้ยื่นเงื่อนไขไปว่า หากต้องการลงทุนหุ้นเรา ต้องถือยาว อย่างน้อย 5 ปี เพราะเราไม่ต้องการฝรั่งที่เข้ามาซื้อแล้วขายในช่วงสั้นๆ เพราะจะกระทบต่อราคาหุ้น"แหล่งข่าวกล่าว
ราคาหุ้นบริษัทเอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ ปิดตลาดเมื่อวันที่ 14 ม.ค. ที่ 21.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.90 บาท หรือ 9.69% มูลค่าการซื้อขาย 215 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีหุ้นปิดตลาดที่ 1,032.26 จุด ลดลง 2.82 จุด นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิกว่า 4.3 พันล้านบาท
แหล่งข่าวกล่าวว่า ขณะนี้บริษัทมีหุ้นที่ได้จากโครงการรับซื้อคืนจำนวน 13,625,900 หุ้น คิดเป็น 4.52% ของทุนจดทะเบียนที่ยังไม่ได้จำหน่ายออกไป ซึ่งมีอยู่ 2 ทางเลือกคือ การคืนทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมด้วยการลดทุน และการขายให้แก่ผู้สนใจ ซึ่งบริษัทต้องการขายให้แก่พันธมิตรทางธุรกิจ ให้แก่ซัพพลายเออร์ รวมทั้งขายให้แก่ผู้ที่มีเทคโนโลยี
นายมารุต แสงศาสตรา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสารสนเทศ บริษัท ไดนาสตี้ เซรามิค กล่าวว่า หุ้นของบริษัทได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่องและในเดือนก.พ. นี้ จะมีนักลงทุนสถาบันต่างประเทศเข้าพบเพื่อทำ Company Visit ราว 16 ราย และมีแผนโรดโชว์อีก 4 ครั้ง
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บริษัทและผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่มีนโยบายขายหุ้นให้กองทุน แต่จะเน้นการนำเสนอปัจจัยพื้นฐานและผลประกอบการที่เกิดขึ้นจริงให้นักลงทุนสถาบันได้รู้ และหากเกิดความต้องการเข้าถือครองหุ้นจริง ก็จะปล่อยให้เป็นไปตามกลไกในตลาดหลักทรัพย์
นายมารุต กล่าวอีกว่า ปี 2554 บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตของรายได้ 10% จากปี 2553 โดยเป็นการเพิ่มขึ้นตามกำลังซื้อที่เชื่อว่าจะเพิ่มขึ้น กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น และการทำโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นยอดขาย ส่วนปี 2553 ยอมรับว่ายอดขายต่ำกว่าเป้าที่วางไว้ที่ 15% โดยเติบโตเพียง 12-13% เนื่องจากในปีช่วงครึ่งแรกปี 2553 เศรษฐกิจในประเทศไทยเกิดปัญหา ซึ่งส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อผู้บริโภคโดยตรง
ด้านกำไรสุทธิปี 2553 เชื่อว่าจะดีกว่าปี 2552 เนื่องจากยอดขายเพิ่ม และต้นทุนต่ำลง ส่วนปี 2554 เชื่อมั่นว่ากำไรสุทธิจะเติบโตสอดคล้องกับยอดขายที่เพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้ารักษาอัตรากำไรขั้นต้นที่ 42-43%
ลงทุนเพื่อชีวิต
-
thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จากพันทิพครับ
โพสต์ที่ 25
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 63554.html
Daily VI Discussion (DVD 123) กระทู้การลงทุนแนวเน้นคุณค่า ประจำวันที่ 24/01/11{แตกประเด็นจาก I10158098}
Daily VI Discussion (DVD 123) กระทู้การลงทุนแนวเน้นคุณค่า ประจำวันที่ 24/01/11{แตกประเด็นจาก I10158098}
ลงทุนเพื่อชีวิต
-
SEHJU
- Verified User
- โพสต์: 1238
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จากพันทิพครับ
โพสต์ที่ 27
ท่านพี่ thaloengsak ครับ
Avartar ท่านน่ากลัวเหลือคณานับ...
Avartar ท่านน่ากลัวเหลือคณานับ...
-
thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จากพันทิพครับ
โพสต์ที่ 28
อย่ากลัวเลยครับ ถือเป็นการฝึกฝนจิตใจให้เข้มแข็งkindaichi เขียน:คุณ thaloengsak ครับ
avatar น่าจะโดน censor นะครับ (พอ ๆ กับรูปโป๊ ติด Rate)
ผมรู้สึกว่ามันน่ากลัว จริง ๆ
จะได้ทนต่อสภาวการณ์ต่างๆของตลาดหุ้นได้นะครับ
ลงทุนเพื่อชีวิต
โพสต์
29 โพสต์
• หน้า 1 จากทั้งหมด 1
บันทึกไม่สำเร็จ