cpall p/e เกิน 27 เท่า p/bv เกิน 9 เท่า ยังน่าสนใจอีกหรือ

[Warantact]

ที่ระดับราคานี้ บริษัทต้องทำROE 22% ติดกันไปเป็นเวลา30ปีครับ
ผลตอบแทนจึงจะชนะดัชนีในระยะยาว ถ้าคิดว่าได้ก็เอาเลยครับ ไม่แพง
ถ้าบริษัททำได้ ผลตอบแทนของคุณจะเท่ากับการถัวดัชนีคือ 10%ทบต้นครับ

แต่ถ้าบริษัทรักษา ROE ที่ระดับ 34%นี้ได้เรื่อยๆ ท่านจะได้ผลตอบแทน
ร้อยละ12% ต่อปีทบต้นครับ

เอ ตกลงมันดีไหมเนี่ย

เอาเป็นว่า ถ้าซื้อที่ราคานี้แล้วบริษัทมันโตตามที่คิด คุณจะชนะดัชนีนิดหน่อยครับ
สำหรับผม ถ้าผมมีถือไว้ก็ไม่ขาย

แต่จะซื้อไหมอีกเรื่อง

[Stock lover]

ที่ระดับราคานี้ บริษัทต้องทำROE 22% ติดกันไปเป็นเวลา30ปีครับ
ผลตอบแทนจึงจะชนะดัชนีในระยะยาว ถ้าคิดว่าได้ก็เอาเลยครับ ไม่แพง
ถ้าบริษัททำได้ ผลตอบแทนของคุณจะเท่ากับการถัวดัชนีคือ 10%ทบต้นครับ

แต่ถ้าบริษัทรักษา ROE ที่ระดับ 34%นี้ได้เรื่อยๆ ท่านจะได้ผลตอบแทน
ร้อยละ12% ต่อปีทบต้นครับ

เอ ตกลงมันดีไหมเนี่ย

เอาเป็นว่า ถ้าซื้อที่ราคานี้แล้วบริษัทมันโตตามที่คิด คุณจะชนะดัชนีนิดหน่อยครับ
สำหรับผม ถ้าผมมีถือไว้ก็ไม่ขาย

แต่จะซื้อไหมอีกเรื่อง

ไม่ทราบว่าคำนวณอย่างไงเหรอครับ

[jo7393]

เอาอย่างนี้ละกัน
คำนวณแบบที่เป็นไปได้ใน5ปีก็พอครับ นานกว่านั้นเกินความสามารถครับ
สมมติ แค่ บ.โต ปี 2554 โต 15%
ปี 2555 โต 15%
ปี 2556 โต 13%
ปี 2557 โต 12%
ปี 2558 โต 12%อัตราการเติบโตที่ประมาณ ผมว่ามีความเป็นไปได้สูงมาก เพราะเราประมาณการต่ำไว้ก่อน
มาดูครับ
eps 2553 คาด 1.32 พอถึงปี 2558 eps ก็จะเป็น 2.47
ค่าพีอีให้แค่ 20 เท่าก็พอครับ ราคา ณ ปี 2558 ก็จะเป็น 49.40 บาท
หากรวมปันผลตลอดทาง 49.40+1.518+1.74+1.97+2.2+2.47= 59.29 บาท ครับ
ราคาปัจจุบัน 37 บ เท่ากับมี upside 60% ใน 5ปี ครับ
ก็ดูกันเองว่า พอใจผลตอบแทนที่ระดับนี้ไหม
อีกอย่าง ที่คำนวนเป็น บ.อื่นที่ไม่ได้อยู่ในตลาด เพียงแต่ทำธุรกิจเหมือน cpall และ มีการซื้อขายนอกตลาดสภาพคล่องเหมือน cpall นะครับ
หากวิเคราะห์ cpall เด่วจะโดน mod ลบ ครับ อีกอย่างผมก็ไม่ใช่นักวิเคราะห์ด้วยไม่มีใบอนุญาติครับ

[teenoys]

ตอนราคาสิบบาทกว่า ผมเองก็ถามคำถามแนวนี้กับตัวเอง
ตอนราคาหลักยี่สิบบาทกว่า ผมเองก็ถามคำถามนี้กับตัวเอง
ตอนนี้ราคาหลักสามสิบ บางช่วงไปสี่สิบ ผมก็ยังถามคำถามนี้กับตัวเอง เลยไม่มีหุ้นซักที

[บูรพาไม่แพ้]

ตอนราคาสิบบาทกว่า ผมเองก็ถามคำถามแนวนี้กับตัวเอง
ตอนราคาหลักยี่สิบบาทกว่า ผมเองก็ถามคำถามนี้กับตัวเอง
ตอนนี้ราคาหลักสามสิบ บางช่วงไปสี่สิบ ผมก็ยังถามคำถามนี้กับตัวเอง เลยไม่มีหุ้นซักที

เหมือนกันเลยครับแต่ผมเข้ามาได้ปีกว่าเองตอนมาใหม่ๆราคา11บาทผมก็บ่นว่าแพงเกินไป มาที่23บาทผมก็ว่าแพงเกินไป แต่ผมก็ซื้อทั้งสองราคาแต่ทนถือนานไม่ได้เลยขายหมูไปหมดเลยครับ

[lipton]

ซี.พี. ออลล์ บมจ.(CPALL) สุวิทย์ กิ่งแก้ว ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 20/01/2554 19/01/2554 100,000 0.00 โอนออก


โอนออก นี้ เป็น สัญญาณ ที่ดี หรือ ไม่ดี คับ
แล้ว โอนออก นี้เค้า โอนไปให้ใครคับ

[KimVi]

เอาอย่างนี้ละกัน
คำนวณแบบที่เป็นไปได้ใน5ปีก็พอครับ นานกว่านั้นเกินความสามารถครับ
สมมติ แค่ บ.โต ปี 2554 โต 15%
ปี 2555 โต 15%
ปี 2556 โต 13%
ปี 2557 โต 12%
ปี 2558 โต 12%อัตราการเติบโตที่ประมาณ ผมว่ามีความเป็นไปได้สูงมาก เพราะเราประมาณการต่ำไว้ก่อน
มาดูครับ
eps 2553 คาด 1.32 พอถึงปี 2558 eps ก็จะเป็น 2.47
ค่าพีอีให้แค่ 20 เท่าก็พอครับ ราคา ณ ปี 2558 ก็จะเป็น 49.40 บาท
หากรวมปันผลตลอดทาง 49.40+1.518+1.74+1.97+2.2+2.47= 59.29 บาท ครับ
ราคาปัจจุบัน 37 บ เท่ากับมี upside 60% ใน 5ปี ครับ
ก็ดูกันเองว่า พอใจผลตอบแทนที่ระดับนี้ไหม
อีกอย่าง ที่คำนวนเป็น บ.อื่นที่ไม่ได้อยู่ในตลาด เพียงแต่ทำธุรกิจเหมือน cpall และ มีการซื้อขายนอกตลาดสภาพคล่องเหมือน cpall นะครับ
หากวิเคราะห์ cpall เด่วจะโดน mod ลบ ครับ อีกอย่างผมก็ไม่ใช่นักวิเคราะห์ด้วยไม่มีใบอนุญาติครับ

ผมขอทบทวนแนวคิดผมนะครับ จริงๆเราต้องการธุรกิจที่มี PEG ประมาณหนี่งใช่ไหมครับ ไม่วาจะมองไปนานกี่ปี ยิ่ง G มากกว่า PE มากๆ ยิ่งดี และยิ่งสม่ำเสมอต่อเนื่องยิ่งดีใหญ่ คราวนี้ตัวอย่างที่พี่ยกมาถ้ามองว่าโตลดลงเรื่อยๆ และก็โตน้อยกว่า PE ด้วยทุกปี เอาเฉพาะตัวอย่างตุ๊กตาอันนี้นะครับ ไม่มองว่าเป็นชื่อธุรกิจอะไร ตลาดควรจะให้ PE ตอนนี้และในอนาคตอย่างไรครับ ขอคำชี้แนะด้วยครับ

[jo7393]

ผมขอทบทวนแนวคิดผมนะครับ จริงๆเราต้องการธุรกิจที่มี PEG ประมาณหนี่งใช่ไหมครับ ไม่วาจะมองไปนานกี่ปี ยิ่ง G มากกว่า PE มากๆ ยิ่งดี และยิ่งสม่ำเสมอต่อเนื่องยิ่งดีใหญ่ คราวนี้ตัวอย่างที่พี่ยกมาถ้ามองว่าโตลดลงเรื่อยๆ และก็โตน้อยกว่า PE ด้วยทุกปี เอาเฉพาะตัวอย่างตุ๊กตาอันนี้นะครับ ไม่มองว่าเป็นชื่อธุรกิจอะไร ตลาดควรจะให้ PE ตอนนี้และในอนาคตอย่างไรครับ ขอคำชี้แนะด้วยครับ

ใครๆก็ต้องการ บ. ที่มี G มากๆครับและต่อเนื่องยาวๆด้วยยิ่งดี แต่ในโลกความเป็นจริงไม่มี บ.ไหน สามารถมี G มากๆและต่อเนื่องได้ตลอด หรอกครับเพราะไม่อย่างนั้น บ.ที่ว่้าจะกลืนกินโลกนี้ทั้งโลกครับ ในระยะยาวแล้ว G ส่วนมากจะไม่เกิน GDP และมักจะไม่เกินเงินเฟ้อด้วยซ้ำไป ลองไปอ่านหนังสือ ปีเตอร์ ลินช์ ดูนะครับ ลินช์ชอบโกรทมากๆก็จริง แต่ บ.ไหนโกรทมากเกินไปเขาก็จะระวังว่าจะไม่สามารถโกรทได้นานพอ หรือหาหนังสือของ พี่ สุมาอี้ วัดมูลค่าหุ้นด้วยตัวเองมาอ่านให้เข้าใจกับวิธีคิดก่อนก็ได้ครับ
ลองถามพวกพี่ๆที่เขาลงทุนวธีนี้นานๆดูนะครับ ว่าเขาคาดหวังว่าจะได้โกรท ในระยะยาว จาก บ. สักกี่ % ยิ่งระยะเวลายาวนานเท่าไร ความคาดหวังโกรทก็จะลดลงเรื่อยๆครับ
ส่วนเรื่องตลาดจะให้ค่า พีอีตอนนี้เท่าไร ไม่มีใครรู้ล่วงหน้าครับ เพราะหากรู้ก็คงรวยกันไปแล้ว
แต่สำหรับอนาคต แล้ว ราคาตลาดจะวิ่งเข้าสู่มูลค่าที่แท้จริงเสมอ ครับ ไม่ว่า ราคาตลาดจะอยู่ต่ำกว่าแล้ววิ่งเข้าหามูลค่าที่แท้จริง หรือราคาตลาดอยู่สูงกว่าแล้ววิ่งเข้้าหามูลค่าที่แท้จริง ครับ สิ่งสำคัญคือ ใจเราต่างหากมั่นคงพอที่จะถือรอ ให้ราคาตลาด ที่ต่ำกว่าวิ่งเข้าหามูลค่าที่แท้จริงได้หรือไม่ แต่หากราคาตลาดสูงกว่า เราก็คงไม่ซื้อใช่ไหมครับเพราะไม่มี mos การไม่มี mos ก็ผิดหลักการของ vi อยู่แล้วครับ

[pbnetgame]

ขอแชร์ไอเดียบ้างนะครับ
cpall เป็นหุ้นดีไม่มีคนเถียงแน่ แต่เรื่องราคาแพงเกินหรือเปล่าคุณจะวัดจากอะไร
eps ณ.ปัจจุบันที่คุณ jo7393 คาดคือ 1.32 ราคา36 peก็ราวๆ 27.27
ในมุมมองผม pe นี้ไม่ได้มาจากตลาดเห็นคุณค่า แต่ราคามันได้สะท้อนคุณค่าในอนาคต
และข่าวสารการลงทุนต่างๆของบริษัทไว้หมดแล้ว ทีนี้ถามว่าแล้วทำไมถึงเทรดกันที่ pe สูงลิ่ว

ก็น่าจะเพราะภาพรวมตลาดยังดี ตัวหุ้นมีอดีตที่เก่งและเรื่องราวในอนาคตที่อาจจะเพิ่มศักยภาพของบริษัท
แต่นายตลาดคาดเดาได้ยาก แม้แต่นักลงทุนเก่งๆหลายท่าน ยังไม่กล้าจะทำนายอนาคตระดับ2-3ปีขึ้นไปเลย
ถ้าคุณซื้อตอนนี้ โดยที่คุณซื้ออนาคตไปด้วย2-3ปี แล้วอนาคตมันไม่สวยอย่างที่คิดหล่ะ
1.ภาพรวมตลาดแย่ << เป็นโอกาสให้เราคว้าหุ้นดีในราคาที่เหมาะสม
2.ตัวธุรกิจเกิดปัญหาเอง << เราวิเคราะห์พลาดเอง

คนนึงซื้อตั้งแต่ยังไม่ขึ้นมองอนาคต3ปี ถ้าราคาหุ้นมันสะท้อนอนาคตระดับ3ปีเค้าก็ขาย
แต่เราไม่รู้หรอกว่าขายที่ราคานั้นตลาดยังจะเล่นต่อไหม แต่ที่เรารู้คือราคานี้จะเกิดได้ก็ต่อเมื่อ
อีก3ปีข้างหน้าหุ้นจะต้องดีตามที่เราคาดการณ์ทั้งหมด

ส่วนอีกคนซื้อในราคาที่สะท้อนอนาคต1ปีข้างหน้าไว้ ที่ราคานี้เราต้องลุ้นด้วยว่า1ปีนี้จะต้องดีตามคาด
เพราะถ้าต่ำกว่าคาดเมื่อไหร่ ราคาที่เราซื้อมีสิทธิแพงเกินไปทันที

ซึ่งทั้งหมดจะอยู่ในกรอบของตลาด
ตลาดแย่ ราคาต่ำกว่าความเป็นจริง
ตลาดธรรมดา ราคาก็จะสะท้อน fair value
ตลาดดีมาก ก็จะเริ่มเอาราคาอนาคตมาเล่นกัน

ดังนั้นถ้าถามว่า cpall ราคานี้ยังน่าสนใจไหมสำหรับผมคนซื้อราคานี้ต้องเป็นคนมองโลกแง่ดีมากๆ
คิดว่าตลาดหุ้นจะดีไปต่อเนื่อง3-4ปีกันเลยทีเดียว

[VI Wannabe]

เอาอย่างนี้ละกัน
คำนวณแบบที่เป็นไปได้ใน5ปีก็พอครับ นานกว่านั้นเกินความสามารถครับ
สมมติ แค่ บ.โต ปี 2554 โต 15%
ปี 2555 โต 15%
ปี 2556 โต 13%
ปี 2557 โต 12%
ปี 2558 โต 12%อัตราการเติบโตที่ประมาณ ผมว่ามีความเป็นไปได้สูงมาก เพราะเราประมาณการต่ำไว้ก่อน

ผมขอทบทวนแนวคิดผมนะครับ จริงๆเราต้องการธุรกิจที่มี PEG ประมาณหนี่งใช่ไหมครับ ไม่วาจะมองไปนานกี่ปี ยิ่ง G มากกว่า PE มากๆ ยิ่งดี และยิ่งสม่ำเสมอต่อเนื่องยิ่งดีใหญ่ คราวนี้ตัวอย่างที่พี่ยกมาถ้ามองว่าโตลดลงเรื่อยๆ และก็โตน้อยกว่า PE ด้วยทุกปี เอาเฉพาะตัวอย่างตุ๊กตาอันนี้นะครับ ไม่มองว่าเป็นชื่อธุรกิจอะไร ตลาดควรจะให้ PE ตอนนี้และในอนาคตอย่างไรครับ ขอคำชี้แนะด้วยครับ

จากโจทย์นี้สำหรับผม
ถ้าเป็น บ ทั่วๆไป ถ้าผมประเมินแล้ว growth แค่ 10-15% ต่อปี ใน 3-5ปี ข้างหน้า คงให้ PE 8-15 ขึ้นอยู่กับคุณภาพของ บ. ธุรกิจที่ทำ และ สภาพคล่อง ครับ

[jo7393]

แม้แต่นักลงทุนเก่งๆหลายท่าน ยังไม่กล้าจะทำนายอนาคตระดับ2-3ปีขึ้นไปเลย

การคาดอนาคตล่วงหน้า 2-3 ปี ยังบอกว่าไม่กล้าคาด แสดงว่าคงจะต้องคาดการณ์สั้นกว่านั้น อาจจะ 1ปี หรือเพียงรายไตรมาส แสดงว่า ไม่เป็นนักเก็งกำไร ก็คงเป็น vi รายไตรมาส
เพราะพี่ๆที่ประสบความสำเร็จเท่าที่ผมรู้มาล้วนแต่มองเกินที่ผมมองทั้งนั้นเลยครับ
วอเร็น มองที่ตลอดอายุของกิจการ ยกเว้น พื้นฐานเปลี่ยน หรือ ราคาเกินมูลค่าที่แท้จริงมากๆ
ดร นิเวศน์ มองเกิน 2-3 ปีแน่นอน
พี่ฉัตรชัย ถือ WG นานขนาดนั้นคงไม่ได้มองแค่ 2-3ปี
พี่มน ถือ makro ตั้งแต่ 60 กว่าบาท จนปัจจุบัน ผมว่าพวกพี่ๆเหล่านี้มองเกิน 2-3ปีนะครับ
ผมเองมองแค่ 3-5ปี ก็บอกอยู่แล้วครับว่ามองนานกว่านั้นเกินความสามารถ
เราก็เลือกลงทุนเฉพาะที่อยู่ในขอบข่ายความสามารถของเราเท่านั้นเอง
อย่างที่บอกครับใครเห็นว่ามี mos มากพก็ลงทุน ใครเห็นว่า mos ต่ำไปก็อย่าลงทุน เท่านั้นเองครับ

ส่วนการให้ค่าพีีอี ก็คงต้องดูความจริงกันในอนาคตครับว่าตลาดในอนาคตจะให้เท่าไร
หากที่ผมคาดผิดคงขาดทุนแน่ครับ เป็นธรรมดาของการลงทุนหากวิเคราะห์พลาด โอกาสขาดทุนย่อมมีอยู่แล้ว รอดูตลาดสัก 3-5ปีว่าจะให้พีอี ตัวนี้เท่าไร
ปีนี้ปี 54 อีก3ปี ก็ปี 56 ปลายปี หรืออีก 5 ปีก็ปี 58
ถึงเวลานั้น ผมจะขุดกระทู้นี้มาอ่านอีกรอบครับ

[pbnetgame]

ดูเหมือนคุณ jo7393 จะเข้าใจที่ผมบอกผิด
เรื่องการคาดการณ์ตลาด2-3ปีล่วงหน้าเนี้ย ผมก็เอามาจากคำพูดของดร.นิเวศน์หรือวอเร็นเนี้ยแหล่ะ(ไม่มั่นใจว่าคนไหนพูดไว้)ใครจำได้ช่วยเสริมทีนะครับ

เรื่องการถือยาวของหลายๆท่าน ผมคิดว่าพวกพี่ๆเหล่านั้นคงไม่ได้ซื้อในราคาที่สะท้อนคุณค่าอนาคตไปแล้ว
คือเค้าน่าจะซื้อตั้งแต่ราคายังต่ำกว่า fair value อาจจะ pe4-5 เท่า
ถือไปเรื่อยๆตลาดก็ดีขึ้น บริษัทก็โตตาม หาก pe ยังอยู่ระดับ8-9 เท่า
มันก็ไม่ได้น่ากลัว ต่ำกว่า pe ตลาดด้วยซ้ำ แต่ถ้า pe มันโตเกินจริงระดับ20-30เท่า
ต่อให้เป็นหุ้นพื้นฐานดียังไง ก็คงไม่มี mos เหลือพอให้คุณเข้าไปซื้อจริงไหม

ปล. wg ผ่านไป3ปี pe ก็ยัง7.5 ไม่แปลกที่คนถือจะยังคงถือต่อไป

[jo7393]

จากโจทย์นี้สำหรับผม
ถ้าเป็น บ ทั่วๆไป ถ้าผมประเมินแล้ว growth แค่ 10-15% ต่อปี ใน 3-5ปี ข้างหน้า คงให้ PE 8-15 ขึ้นอยู่กับคุณภาพของ บ. ธุรกิจที่ทำ และ สภาพคล่อง ครับ

ก่อนอื่น ต้องขอบคุณ คุณ VI Wannabe มากเลยครับ
ต้องบอกว่ากระทู้นี้การถกกันทำให้ได้ประโยชน์มากเลยครับ
หลังจากที่นำสิ่งที่ถกกันมาคิดซ้ำอย่างละเอียด ทำให้ผมคิดได้อยู่อย่างนึงเกี่ยวกับค่า PE
ค่า PE ที่เราต้องการจะซื้อไม่จำเป็นต้อง เป็นตัวเดียวกับ ค่า PE ที่เราจะขาย
เราอาจคาดได้ว่าในอนาคต ตลาดจะให้ PE ที่ประมาณเท่าไร แต่นั่นอาจไม่ใช่ค่า PE ตัวเดียวกับค่า PE ที่เราอยากจะซื้อ
ที่ผมเคยใช้คือ ค่าพีอีตัวเดียวกันแล้วเอามาคิดส่วนลด จาก เงินในอนาคตมาเป็น มูลค่าเงินปัจจุบันแล้วเอามาคิดลดสำหรับ mos ที่เราต้องการอีกครั้ง แต่พบว่าหุ้นบางตัวที่มีการแกว่งราคาในตลาดสูง เราไม่จำเป็นต้องใช้ พีอีตัวเดียวกัน เมื่อก่อนผมคิดว่ามันไม่แฟร์ที่จะใช้พีอีคนละตัวกัน ในการหาราคาซื้อกับราคาขาย
แต่หลังจากวันนี้ที่ถกกัน ทำให้คิดได้ว่า พีอีที่เราจะซื้อควรอยู่บน ความต้องการค่าพีอีของเรา หรือพูดง่ายๆคือจำนวนปีที่เราต้องคืนทุน
ส่วนค่าพีอีที่เราจะขาย เราอาจมองหาค่าพีอีที่ตลาดจะให้ในอนาคตได้
ถึงแม้ค่าพีอีที่เราจะซื้ออาจจะไม่เท่ากับ 15 อย่างที่คุณ VI Wannabe คิด แต่มันก็ควรเป็นตัวเลขสักตัวที่เราคิดว่าเหมาะสมที่จะซื้อ ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นตัวเดียวกับที่เราจะขาย ซึ่งผลที่ได้คือจะได้ mos มากขึ้นประเด็นก็คือจะมีความอดทนที่จะรอราคาที่จะซื้อได้หรือไม่ หากไม่ได้ก็คงต้องหาดูหุ้นอื่นต่อไป
ทุกครั้งที่ได้ ถก ลักษณะนี้ในบอร์ด ทำให้ผมได้ความรู้เพิ่มขึ้นทุกครั้งเลยครับ ขอบคุณอีกครั้งครับ

[VI Wannabe]

เรื่องหลาย PE ลองอ่าน post คุณ picatos ดูครับผมว่ามันตกผลึกมากๆเลย

http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=46060

[Warantact]

ได้ข้อสรุปครับ
อันนี้ของผมนะ

ถ้าลงทุนแบบเกรแฮม ซึ่งเป็นสายที่ผมใช้อยู่ เขาจะบอกว่าแพงไป
อะไรP/E เกิน25 เกรแฮมจะรังเกียจ แถม P/b ตั้ง9เท่า สรุป เขาปาทิ้งครับ

ถ้าแบบบัฟเฟต มีหุ้นสามแบบที่จะเอา
ของดี ราคาถูก
ของดีราคา ยุติธรรม
ของงั้นๆ ราคายิ่งใหญ่

ส่วนพวกที่เขาไม่เอาคือ
ของดี ราคาแพง
ของงั้นๆ ราคายุติธรรม

หุ้นตัวนี้ ผมว่าเป็นของดี ไม่ใช่ของงั้นๆแน่นอน
แต่จากราคาปัจจุบัน ไม่ใช่ของถูกตามนิยามแน่ๆ

เพราะฉะนั้น คุณมีทางเลือกสองทางคือ
ของดีราคายุติธรรม (อันนี้เดาถูก ถือยาวคุณชนะ)
ของดีราคาแพง (อันนี้เดาผิด แต่ไม่แย่มาก ผลตอบแทนจะงั้นๆ)
กรณีนี้ 50:50

พอลองไปถามฟิชเชอร์ ก็ลองถาม20คำถามของฟิชเชอร์ดูครับ
ถ้าคำตอบว่าผ่าน หมดทุกคำถาม PE 25 เท่า รับได้ครับ

[jo7393]

ถ้าแบบบัฟเฟต มีหุ้นสามแบบที่จะเอา
ของดี ราคาถูก
ของดีราคา ยุติธรรม
ของงั้นๆ ราคายิ่งใหญ่

ส่วนพวกที่เขาไม่เอาคือ
ของดี ราคาแพง
ของงั้นๆ ราคายุติธรรม

ถูกใจครับ

พอลองไปถามฟิชเชอร์ ก็ลองถาม20คำถามของฟิชเชอร์ดูครับ
ถ้าคำตอบว่าผ่าน หมดทุกคำถาม PE 25 เท่า รับได้ครับ

ต้องไปหาหนังสือเกี่ยวกับฟิชเชอร์ดู มีแนะนำไหมครับ
ผมศึกษาแต่ของ เกรแฮม วอเรน และ ลินซ์ อ้อ ของ ดร. ด้วย

[pasaaris]

หุ้น growth ที่เป็นขวัญใจนักลงทุนเมื่อหลายๆปีก่อนที่ซื้อขาย่กันที่ p/e สูงลิ่ว มาถึงวันนี้บางตัวมี growth ไม่ได้สูงมากมายเพียงแค่ประมาณ 10-20% ต่อปี และ มี roe ที่ก็ไม่ได้สูงมากอีกเล่นกัน ( ไม่เกิน 20 ) เมื่อเวลาผ่านไป ค่า p/e ก็ไม่ได้ปรับลงเท่าไหร่ เพียงแต่ที่ราคาหุ้นไม่ขึ้นหรือขึ้นน้อยกว่าหุ้นตัวอื่นๆก็เพราะว่ากำไรเติบโตในอัตราที่ช้ากว่าหุ้นตัวอื่นที่กำไรขึ้นลงหวือหวา หรือ หุ้น growth ที่ถือกำเนิดใหม่ได้รับการปรับ p/e ขึ้นมา

เท่าที่สังเกตุส่วนใหญ่จะเป็นไปตามที่อ่านเจอในหนังสือเล่มนึงที่ว่าถ้า p/e ถูกปรับขึ้นมาสำหรับบริษัทใดบริษัทหนึ่งแล้วการที่มันยากที่จะถูกปรับขึ้นมาก็มีแนวโน้มที่จะถูกปรับลงยากเช่นกัน อาจจะต้องโตช้ามากๆหรือไม่โตเลยติดๆกันหลายๆปี จน investment community เห็นชัดแน่ๆว่าอืดแน่ๆแล้ว ถึงจะปรับ p/e ให้บริษัทมันกลับลงมา ที่ 10 เท่ากว่าๆอีกครั้ง

[monoheart]

ถ้ามองที่ตัวบริษัทแล้วยังคิดว่าบริษัทสามารถโตไปได้อีก P/E จะแพงไม่แพงอยู่ที่คนกำหนด มองปัจจุบันคุณอาจจะว่าแพง แต่การเป็นหุ้นส่วนขึ้นอยู่กับว่าคุณมองแค่บัจจุบัน หรือมองไปที่อนาคตของบริษัท

[nut776]

พวกพี่ๆ พอรวยแล้ว
ไม่ค่อยเข้ามาดูแลน้องๆเลย

ลินช์ กลัวgrowth เกิน 25 เพราะคิดว่ามันไม่น่าไปต่อได้ระยะยาว
พอ บ. มันไม่ี growth pe ปันผลมันก็ มันก็เริ่มเข้าสู่ ระดับราคา
เหมาะสม pe เริ่มต่ำลง ปันผล ก็สูงขึ้น
เมื่อมีปัจจัยมากระทบ มันก็ต่ำกว่าความเป็นจริง(ของแต่ละคน)
ต่อไป cpall ก็ต้องเข้าสู่วัฏจักรนั้น
ซึ่งตอนที่ pe ถูก(โตจนไม่รู้จะโตยังไง) แล้วจะเข้าไปซื้อ
ท่านจะหวังให้มันขยายตัวมากๆ เพื่อ ลด pe ลงไปอีกได้หรือ
ตรงจุดนี้ กระมัง
ที่ทำให้ ต้องมีการวิเคราะห์เชิงคุณภาพ เข้ามาช่วย
ว่าไอ้ pe ที่เยอะ จะยังคงเยอะ ต่อไปได้นานแค่ไหน
อิ่มตัวหรือยัง ยั่งยืนแค่ไหน
capacity ที่จะโตเต็มหรือยัง
อย่าลืม ว่าเราคงเป็นชาวสวนไปทุกเรื่องไม่ได้
ตลาดหุ้นไม่หมูนะครับ การที่คนยอมซื้อ ที่ pe สูง
(ทั้ง vi, non vi) ก็ต้องมีเหตุผลพอควร ที่ให้ ค่า premium หุ้นตัวใดตัวหนึ่งสูงๆ


ส่วน ดร. เซียน พี่ที่รวยกันแล้ว ผมว่า เค้าก็มองภาพใหญ่ ทั้งบ. และเศรษฐกิจทั้งนั้นแหละ
เค้าไม่พูด หรือบอกว่าไม่สำคัญ เราไม่มีทางรู้ใจเค้าหรอกคับ
อีกอย่างคนที่ไปถึงระดับนั้นได้ ไม่กระจอกหรอกคับ
บางที เหตุการณ์หรือ อะไรต่างๆ มันประมวลผลแบบ spinal cord
จนเจ้าตัวเองอาจจะไม่ทันรู้ว่าเค้าประมวลผลกันแล้วด้วยซ้ำ
เค้าไม่พูด ไม่ใช่เค้าไม่รู้ หรือ ไม่สนใจนะครับ อย่าลืม


่ส่วนตัวและที่เห็นจากเพื่อน ถ้าเราวิเคราะห์ เชิงตัวเลขมากไป
เราอาจจะต้องมองข้าม หุ้น growth
แต่ผมมองว่า ถ้าport เล็ก ก็ต้องหาหุ้น growth (วิธี ก็รอพี่โจ เปิดคอร์ส)
ซึ่งต้องทำการบ้านหนักมาก เพราะมันเสี่ยงกว่า
แต่ถ้า ไม่คิดอะไรมาก เอาsafe side จริงท่านก็ ให้เวลา และจังหวะ
เป็นอาวุธละกัน
เพื่อนผม คนแรก strict กับตัวเลขมาก แต่ถือไม่นานพอ
บ.มีัปัญหา ขายทิ้งทันที ไม่มีการซื้อเพิ่ม ไม่สนใจหุ้นgrowth เพราะกรองทีไรไม่เข้า criteria
ผลตอบทาน ประมาณ ไม่เกิน 10 % แต่กินอิ่มนอนหลับ เพราะ มีคอนโดให้คนเช่าด้วย

อีกคนเป็นลูกจ้างระดับสูง เล่นหุ้นแบบ ตกซื้อเพิ่มเรื่อยๆ เลือกไม่เกิน 5 ตัว แต่เอาตัวที่รู้จักดี
ถือนานหลายปี ผลตอบแทน ดีกว่า 10 % กินอิ่ม นอนหลับ บ้ากาม สบายใจเหมือนเดิม


เล่นหุ้นดร.บอก มันเป็น ศิลป์ 80 % คงประมาณนี้มั้งคับ

[nut776]

แก้ไข หน่อยคับ
ไม่ใช่ลินช์กลัว growth เกิน 25
แต่กลัว roe 25
ผมมึน ขอโทษคัุบ

[nut776]

ถ้าแบบบัฟเฟต มีหุ้นสามแบบที่จะเอา
ของดี ราคาถูก
ของดีราคา ยุติธรรม
ของงั้นๆ ราคายิ่งใหญ่

ส่วนพวกที่เขาไม่เอาคือ
ของดี ราคาแพง
ของงั้นๆ ราคายุติธรรม

ถูกใจครับ

พอลองไปถามฟิชเชอร์ ก็ลองถาม20คำถามของฟิชเชอร์ดูครับ
ถ้าคำตอบว่าผ่าน หมดทุกคำถาม PE 25 เท่า รับได้ครับ

ต้องไปหาหนังสือเกี่ยวกับฟิชเชอร์ดู มีแนะนำไหมครับ
ผมศึกษาแต่ของ เกรแฮม วอเรน และ ลินซ์ อ้อ ของ ดร. ด้วย

common stock and uncommon profits หุ้นสามัญ กับกำไรไม่สามัญ

เหล่า ทวยเทพ vi ทั้งหลาย อ่านหนังสือกันเยอะมากนะคับ
ไหนจะ บัญชี ของ ดร. ภาพร
การบริหารเชิงกลยุทธ์
การตลาด
ถ้าเป็นโยโย่ มีหนังสือ ธรรมะอีก
แต่ถ้าเป็นพี่พอใจ ก็ ต้องเสริมด้วย fhm penhouse


เหล่าทวยเทพ เค้าก้าวไปไกลแล้วครับ
เค้าไม่พูดเรื่องเทคนิค ไม่ใช่เค้าไม่รู้ ดูไม่เป็น อย่างเราๆนะคับ
เพียงแต่เค้าให้น้ำหนักน้่อยคับ


เสียดาย ถ้าผมไม่ทิ้งเรื่องหุ้น ไปทำธุรกิจ ป่านนี้คง ได้ดีกว่านี้
กลับไปดูโพสต์เก่าๆ ได้เห็นพัฒนาการของเหล่าทวยเทพ
แต่เห็นความขาดตอนของตัวเองอย่างมาก
เสียดาย ผ่านมา 2 วิกฤต โดยไม่ได้่อะไรเลย

[jo7393]

ขอบคุณครับ สำหรับหนังสือ
ซื้อไว้เยอะไล่อ่านทีละเล่ม บางเล่มอ่านไปสามรอบ
แต่ของฟิชชเชอร์เพิ่งจะเริ่มอ่าน ทั้งที่ซื้อไว้นานแล้วจนลืมไปว่ามีครับ
ครับ ลินซ์กลััวหุ้นที่โตมากไป เพราะจะโตได้ไม่ตลอด ครับ

[nut776]

ขอบคุณครับ สำหรับหนังสือ
ซื้อไว้เยอะไล่อ่านทีละเล่ม บางเล่มอ่านไปสามรอบ
แต่ของฟิชชเชอร์เพิ่งจะเริ่มอ่าน ทั้งที่ซื้อไว้นานแล้วจนลืมไปว่ามีครับ
ครับ ลินซ์กลััวหุ้นที่โตมากไป เพราะจะโตได้ไม่ตลอด ครับ

ผมลงผิดคับ ลินช์กลัวหุ้น roe มากกว่า 25 ว่ามันจะไม่ 25 จริงหรือ 25 ได้ตลอด

[pbnetgame]

นั่งคิดอยู่หลายวันจนได้สิ่งที่อยากอธิบายให้คุณ jo7393 เข้าใจแต่ไม่รู้จะได้กลับมาอ่านไหม
ต้องถามว่าคุณ jo มอง intrinsic ของcpall ที่เท่าไหร่ และขณะนี้หุ้นในตลาดหลายตัว
ราคามันเกิน intrinsic ไปบ้างไหมในสายตาคุณ

Mos ที่มองคือส่วนต่างจาก intrinsic ณ.ปัจจุบัน ไม่ใช่ intrinsic ในอนาคตอีก5ปี
ถ้ามองแบบนั้นเราคงซื้อหุ้นได้เกือบทุกตัวที่มีอัตราเติบโตของ eps จริงไหม

จุดหลักคือซื้อในราคาที่ต่ำกว่า intrinsic และถือมันไปเรื่อยๆ ตราบเท่าที่บริษัทยังดี

[jo7393]

นั่งคิดอยู่หลายวันจนได้สิ่งที่อยากอธิบายให้คุณ jo7393 เข้าใจแต่ไม่รู้จะได้กลับมาอ่านไหม
ต้องถามว่าคุณ jo มอง intrinsic ของcpall ที่เท่าไหร่ และขณะนี้หุ้นในตลาดหลายตัว
ราคามันเกิน intrinsic ไปบ้างไหมในสายตาคุณ

Mos ที่มองคือส่วนต่างจาก intrinsic ณ.ปัจจุบัน ไม่ใช่ intrinsic ในอนาคตอีก5ปี
ถ้ามองแบบนั้นเราคงซื้อหุ้นได้เกือบทุกตัวที่มีอัตราเติบโตของ eps จริงไหม

จุดหลักคือซื้อในราคาที่ต่ำกว่า intrinsic และถือมันไปเรื่อยๆ ตราบเท่าที่บริษัทยังดี

Intrinsic ถึงผมจะหาของอนาคตอีก 5 ปีข้างหน้า แต่ต้องทำให้เป็น present value ก่อนครับ หลังจากนั้นค่อยเอามาคิดลด mos อีกครั้งครับ
ขอบคุณครับที่เป็นห่วง แต่ต้นทุนผมไม่สูงครับ
2-3 วันมานี้ลงแรงๆ ผมก็ยังหาหุ้นซื้อไม่ได้เลยครับถึงแม้จะคิด intrinsic ของ 5 ปีข้างหน้าแล้วก็ตาม

[jo7393]

นั่งไล่ดูกระทู้เก่า ตอนนั้น cpall ราคาลงจากประมาณ 43 ไป 37-38 จึงเกิดกระทู้นี้ขึ้นมา

[Boyadvance]

ตอนนี้ หลายคนรวมถึงผมด้วย มองกันที่ 10,000 สาขา กันอยู่
แต่สำหรับผู้บริหารผมคิดว่า นา่จะฝันไกลกว่านี้นะครับ อาจจะ 2หมื่นสาขา
ซึ่งก็ทำให้มีคนหลายคนฝันไปตามผู้บริหารด้วยว่าซื้อแล้วถือไว้ตอนนี้ก็น่าจะคุ้มค่า

ถ้าพูดถึง biz model ใครๆก็รู้ว่าดีกัน แตผมมองว่ายังมีปัญหาเรื่องการควบคุม สาขาที่ต่างจังหวัดนะครับ เรื่องคุณภาพ ถ้าสาขาในกรุงเทพ และปริมณฑล ไม่มีปัญหาแน่ครับ เพราะอยู่ใกล้กับศุนย์กระจายสินค้า และมีคนจากปัญญาภิวัฒน์สนับสนุนตลอดเวลา

ผมมองว่ามันเป็นการยากที่จะผลิตคนของปัญญาภิวัฒน์ได้ทันความต้องการ ของสาขาต่างๆในเวลาอันสั้น ส่วนเรื่องคุ๋แข่ง พวกเค้าก็จะต้องเผชิญกับปัญหานี้เช่นกันเรื่องขาดบุคคลากร ในเรื่องการขยายสาขา ประเด็นของเรื่องค้าปลีกนี้มีข้อจำกัดคือเรื่องทำเลที่ตั้ง และคนขององค์กร ถ้าใครอยากจะทำอย่าง 7-11 ต้องเตรียมรับมือกับปัญหานี้

ส่วนเรื่อง p/e สำหรับคนที่ยังไม่ซื้อ ผมว่าไม่ต้องรีบก็ได้นะครับ เพราะไม่ใช่ว่าหุ้นจะไม่มีวันลง นอกจากว่าหาตัวอื่นที่ให้ผลตอบแทนมากกว่าไม่ได้ ค่อยดูกันใหม่

[jo7393]

นั่งไล่ดูกระทู้เก่า ตอนนั้น cpall ราคาลงจากประมาณ 43 ไป 37-38 จึงเกิดกระทู้นี้ขึ้นมา

ขุดมาให้อ่านกันคับ บันทึกกันลืมหน่อย วันนี้ cpall 65.50บ

งวดงบการเงิน
ณ วันที่ งบปี 51
31/12/2551 งบปี 52
31/12/2552 งบปี 53
31/12/2553 งบปี 54
31/12/2554


บัญชีทางการเงินที่สำคัญ

สินทรัพย์รวม 40,158.63 44,441.46 47,904.12 55,340.87

หนี้สินรวม 23,259.10 25,504.92 29,945.93 33,642.01

ส่วนของผู้ถือหุ้น 16,738.68 18,740.32 17,755.67 21,490.60

มูลค่าหุ้นที่เรียกชำระแล้ว 4,493.15 4,493.15 4,493.15 4,493.15

รายได้รวม 129,454.46 117,760.78 141,083.55 161,889.78

กำไรสุทธิ 3,301.47 4,992.07 6,663.46 8,007.57

กำไรต่อหุ้น (บาท) 0.74 1.11 1.48 1.78

อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ

ROA(%) 9.43 16.05 19.83 21.30

ROE(%) 25.49 28.14 36.52 40.81

อัตรากำไรสุทธิ(%) 2.55 4.24 4.72 4.95


ค่าสถิติสำคัญ
ณ วันที่ 30/12/2551 30/12/2552 30/12/2553 30/12/2554 12/04/2555



ราคาล่าสุด(บาท) 12.30 24.80 39.25 51.75 66.25

มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 55,265.72 111,430.07 176,356.06 232,520.41 297,671.06

วันที่ของงบการเงินที่ใช้คำนวณค่าสถิติ 30/09/2551 30/09/2552 30/09/2553 30/09/2554 31/12/2554

P/E (เท่า) 17.60 25.29 28.40 29.16 37.17

P/BV (เท่า) 5.31 6.29 9.78 11.72 13.85

มูลค่าหุ้นทางบัญชีต่อหุ้น (บาท) 2.32 3.94 4.01 4.41 4.78

อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน(%) 2.84 2.42 2.04 2.71 1.89

[thanadee]

ผ่านไปกว่าหนึ่งปี ตอนนี้ P/E 37 เท่า P/BV 16 เท่า
หลังจากที่เราได้แสดงความเห็นกันหลากหลาย ไม่ทราบมีใครตัดสินใจซื้อช่วงนั้นบ้าง
เมื่อเวลาผ่านไป สิ่งเกิดขึ้นเป็นอย่างที่คาดการณ์หรือเปล่า ที่นำมาพูดเวลานี้เพื่อลองถามดูว่า
พวกได้เรียนรู้อะไรจากกรณีนี้บ้าง ลองบอกเล่ากันบ้างครับ
รอฟังเพื่อนๆอยู่ครับ

[NORMALMAN]

ราคาปัจจุบัน 38*2=76 ครับ
คิดว่ายังไงกันบ้างคับ