ทำไม "ทฤษฎีเคนส์" จึงล้มเหลว
-
- Verified User
- โพสต์: 680
- ผู้ติดตาม: 0
ทำไม "ทฤษฎีเคนส์" จึงล้มเหลว
โพสต์ที่ 1
ทำไม ทฤษฎีเคนส์ จึงล้มเหลว
ตั้งแต่สมัยของอดัม สมิธ แนวคิดของเศรษฐศาสตร์คลาสิคได้บังเกิดขึ้น โดยมีพื้นฐานมาจากการแบ่งชนชั้นคล้ายศักดินา โดยปัจจัยการผลิตแบ่งออกเป็น ทุน ที่ดิน แรงงาน และ ผู้ประกอบการ ดังนั้นชนชั้นของนายทุน และ เจ้าที่ดิน จึงอยู่สูงกว่า ชนชั้นแรงงานที่มีจำนวนมากกว่า โดยประเมินว่า ทุน มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดในฐานะปัจจัยการผลิต ซึ่งมีอยู่น้อยคนที่เป็นเจ้าของปัจจัยการผลิตนี้ เขายังสนับสนุนการผลิตแบบแบ่งงานกันทำเฉพาะอย่าง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการใช้แรงงาน อย่างไรก็ดีมนุษย์ได้ถูกแปรสภาพให้ทำงานซ้ำๆ คล้ายกับเครื่องจักร นี่เป็นจุดเริ่มต้นของ ทุนนิยม
เมื่อมาถึงยุคของคาร์ล มาร์กซ์ ได้ปฏิเสธแนวคิดนี้ โดยคิดว่า ทุน นั้นไม่ควรคิดว่าเป็นปัจจัยการผลิต เขารังเกียจชนชั้นนายทุนมาก ขณะที่เขาคิดว่า มีแต่ แรงงาน เท่านั้นที่เป็นปัจจัยการผลิต บุคคลไม่สมควรมีทรัพย์สินเป็นส่วนตัว นี่คือแนวคิดของ เศรษฐกิจสังคมนิยม
เมื่อมาถึงยุคของจอห์น เมย์นาร์ด เคนส์ ผู้ซึ่งเห็นใจประชาชนผู้ว่างงาน ซึ่งไร้ทั้งงาน และ ไร้ทั้งเงิน ในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำสุดขีด ในช่วงทศวรรษที่ 1930 เขาเสนอให้รัฐบาลทำการกู้ยืมเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อช่วยเหลือประชาชน แนวคิดนี้ได้ช่วยลดแรงกดดันความขัดแย้งระหว่างชนชั้น โดยชนชั้นนายทุนก็สูญเสียทุนไปมาก จากการล่มสลายของตลาดหุ้นและอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่ชนชั้นแรงงานก็สูญเสียงาน...ซึ่งเป็นปัจจัยการผลิตของตนเองไปเช่นเดียวกัน ดังนั้น ทุกฝ่ายพยายามรักษาผลประโยชน์ของตนเอง ภายใต้สภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ เคนส์จึงเสนอแนวคิดให้ยืมเงินคนรุ่นลูกหลานมาใช้ก่อนเพื่อไม่ให้คนรุ่นนี้ต้องลำบาก และ ขัดแย้งกันรุนแรง โดยใช้รัฐบาลเป็นตัวกลาง
เมื่อรัฐบาลเข้ามาเป็นตัวกลางในการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น โดยไม่ต้องรอให้ตลาดปรับตัวเองในระยะยาวตามแนวคิดของเศรษฐศาสตร์คลาสิค ก็ช่วยเหลือประชาชนไปได้มาก ตามประโยคดังก้องโลกของเคนส์ที่ว่า In the long run, we are all dead. หากรอให้ถึงระยะยาวเราก็ตายกันหมดแล้ว แต่หากจะแปรประโยคนี้ให้ละเอียดลึกซึ้งลงไปอาจหมายความถึง ในระยะยาว พวกเรา (คนรุ่นเรา) ก็จะตายกันหมด ส่วนภาระหนี้สาธารณะนั้น ปล่อยให้ลูกหลานไปคิดกันเองในอนาคต
ทฤษฎีของเคนส์ประสบความสำเร็จอย่างดีในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจระยะสั้นๆ เพื่อช่วยฟื้นเศรษฐกิจและช่วยปัญหาการว่างงาน ญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกที่ได้นำแนวคิดของเคนส์มาใช้ โดย นายทาคาฮาชิ ซึ่งดำรงตำแหน่ง รมว.คลังสมัยนั้น ได้รับฉายา เคนส์ของญี่ปุ่น นำแนวคิดนี้มาใช้ก่อนประเทศอเมริกาและอังกฤษ ตั้งแต่ปี คศ.1931 ก่อนที่ความคิดของเคนส์จะออกมาเป็นหนังสือในปี คศ.1936 และญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกเช่นกันที่ติด กับดักเคนส์ จนมีหนี้สาธารณะสูงถึงกว่า 200 เปอร์เซ็นต์จีดีพี
แนวคิดของเคนส์นั้น เป็นที่พอใจของรัฐบาลเกือบทั้งโลก เพราะ ทำให้รัฐสามารถดำเนินการโดยมีเป้าหมายแอบแฝงได้เสมอมา หากจะศึกษาถึงความสำเร็จและความล้มเหลวของทฤษฎีเคนส์ ผมคิดว่าเราควรศึกษาประเทศญี่ปุ่นเป็นต้นแบบ
ไม่เพียงแต่มุ่งหวังเพื่อฟื้นเศรษฐกิจ และ ช่วยปัญหาการว่างงานเท่านั้น ในสมัยทศวรรษ 1930 รัฐบาลญี่ปุ่นได้กู้เงินมาเพื่อใช้ในการสร้างแสนยานุภาพทางการทหาร โดยมีเป้าหมายสูงสุดคืออาณาจักรมหาเอเชียบูรพาอีกด้วย ในช่วง 15 ปีแห่งเศรษฐกิจในห้วงสงคราม มีการใช้เงินการคลังเพื่อการทหารสูงขึ้นเรื่อยๆ จนบางปีสัดส่วนนี้สูงถึง 80 เปอร์เซ็นต์ของงบประมาณ เป้าหมายแฝง คือ ช่วยเหลือนายทุนบริษัทผลิตอาวุธ และ อุปกรณ์เครื่องใช้เพื่อการสงคราม เมื่อ รมว.คลัง นายทาคาฮาชิ ได้เริ่มรู้ว่าหลงกลทหารเข้าแล้ว ก็คิดจะเริ่มปฏิเสธแนวทางกู้เงินมาเพื่อทหาร แต่เขาก็ถูกลอบสังหารอย่างรวดเร็ว
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นได้สร้างประเทศใหม่ด้วยการทุ่มงบประมาณมหาศาลเพื่อสร้างสาธารณูปโภค จนอาจกล่าวได้ว่า มีระบบเครือข่ายรถไฟฟ้าที่ครอบคลุมและทันสมัยที่สุดในโลก หนี้สาธารณะได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างเร็ว โดยมีเป้าหมายแฝงเพื่อช่วยเหลือนายทุนรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่
เมื่อมาถึงยุคปัจจุบันที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก ในการสร้างถนนที่ไม่มีรถวิ่ง สร้างสะพานที่ไม่มีรถข้าม ญี่ปุ่นก็หันมากู้เงินเพื่อส่งเสริมในด้านประกันสังคม (เบี้ยบำนาญ และ ประกันสุขภาพ) พร้อมๆ กับกู้เงินมาเพื่อจ่ายดอกเบี้ยพันธบัตรแทน เป้าหมายแฝงเพื่อช่วยเหลือบริษัทยา โรงพยาบาล บริษัทประกันชีวิต และ บริษัทจัดการกองทุนรวมต่างๆ
แต่ไม่ว่ายุคใด...นักการเมืองล้วนมีเป้าหมายแฝงเหมือนกัน เพื่อหวังการรั่วไหลของเงินเข้าสู่กระเป๋าตนเอง หรือ การทุจริตคอรัปชั่นนั่นเอง
เพราะเหตุใดประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเคยประสบความสำเร็จกับทฤษฎีของเคนส์มาเป็นอย่างดี จึงได้ล้มเหลวเมื่อประสบกับปัญหาฟองสบู่แตกตั้งแต่ปี 1991 ประเทศนี้ได้เข้าติด กับดักเคนส์ โดยสร้างหนี้สาธารณะเพิ่มเฉลี่ย 8 เปอร์เซ็นต์จีดีพีต่อปี โดยเศรษฐกิจแทบไม่ได้เติบโตเลย ในช่วงเวลา 17 ปีที่ผ่านมา
ผมคิดว่าเหตุผลสำคัญก็คือ โครงสร้างประชากร จากสภาพที่เป็นลักษณะ ปิรามิด เหมือนประเทศกำลังพัฒนาทั่วๆ ไปในอดีต ปัจจุบันโครงสร้างประชากรได้เปลี่ยนมาเป็น ปิรามิดหัวกลับ ซึ่งหมายถึง ประชากรผู้สูงอายุได้สูงขึ้นถึง 1 ใน 4 ของทั้งหมด และเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ
เมื่อเป็นเช่นนี้จึงส่งผลลบ 4 ประการต่อ สัดส่วนหนี้สินต่อ จีดีพี 1. เมื่อคนชรามากขึ้น รายได้มีแนวโน้มเติบโตลดลง หมายถึง จีดีพีที่เติบโต้ช้าลง 2. เมื่อคนชรามากขึ้น การเก็บภาษี ซึ่งคือ รายได้ของรัฐบาลลดลง 3. เมื่อคนชรามากขึ้น ต้องมีการใช้จ่ายเพื่องานประกันสังคม เช่น เบี้ยบำนาญ และ ประกันสุขภาพที่สูงขึ้นมาก 4. เมื่อคนชรามากขึ้น รัฐบาลต้องจ่ายดอกเบี้ยพันธบัตรมากขึ้นตาม ให้กับกองทุนบำนาญซึ่งเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของรัฐบาล
หากเป็นเช่นนี้แล้ว เราน่าจะคาดการณ์ได้ว่า ประเทศพัฒนาแล้วอย่าง อเมริกา และ ยุโรป จะประสบความล้มเหลวกับการใช้ทฤษฎีเคนส์เช่นกัน โดยมีสาเหตุหลักคือ โครงสร้างประชากร ที่เป็นสังคมผู้สูงอายุนั่นเอง ประเทศไทยก็ไม่ควรประมาทเพราะ หากเดินตามเส้นทางนี้ สัดส่วนหนี้สินสาธารณะต่อจีดีพี ที่คาดว่าจะสูงสุดที่ 60 เปอร์เซ็นต์นั้น อาจไม่ลดลงตามที่คาดกันไว้ ในทางตรงกันข้ามโอกาสที่จะวิ่งไม่หยุดเหมือนกับประเทศญี่ปุ่นนั้นน่าจะมีโอกาสสูงกว่า
ดังนั้น สมควรหรือไม่ที่จะหากรอบแนวคิดใหม่เพื่อเป็นทางออกสำรองไว้สำหรับประเทศไทยของเรา เศรษฐศาสตร์ไท้เก๊ก ซึ่งใช้หลักการยืมพลังศัตรู และ รักษาสมดุลหยินหยาง อาจเป็นทางออกที่เหมาะสมครับ
ตั้งแต่สมัยของอดัม สมิธ แนวคิดของเศรษฐศาสตร์คลาสิคได้บังเกิดขึ้น โดยมีพื้นฐานมาจากการแบ่งชนชั้นคล้ายศักดินา โดยปัจจัยการผลิตแบ่งออกเป็น ทุน ที่ดิน แรงงาน และ ผู้ประกอบการ ดังนั้นชนชั้นของนายทุน และ เจ้าที่ดิน จึงอยู่สูงกว่า ชนชั้นแรงงานที่มีจำนวนมากกว่า โดยประเมินว่า ทุน มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดในฐานะปัจจัยการผลิต ซึ่งมีอยู่น้อยคนที่เป็นเจ้าของปัจจัยการผลิตนี้ เขายังสนับสนุนการผลิตแบบแบ่งงานกันทำเฉพาะอย่าง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการใช้แรงงาน อย่างไรก็ดีมนุษย์ได้ถูกแปรสภาพให้ทำงานซ้ำๆ คล้ายกับเครื่องจักร นี่เป็นจุดเริ่มต้นของ ทุนนิยม
เมื่อมาถึงยุคของคาร์ล มาร์กซ์ ได้ปฏิเสธแนวคิดนี้ โดยคิดว่า ทุน นั้นไม่ควรคิดว่าเป็นปัจจัยการผลิต เขารังเกียจชนชั้นนายทุนมาก ขณะที่เขาคิดว่า มีแต่ แรงงาน เท่านั้นที่เป็นปัจจัยการผลิต บุคคลไม่สมควรมีทรัพย์สินเป็นส่วนตัว นี่คือแนวคิดของ เศรษฐกิจสังคมนิยม
เมื่อมาถึงยุคของจอห์น เมย์นาร์ด เคนส์ ผู้ซึ่งเห็นใจประชาชนผู้ว่างงาน ซึ่งไร้ทั้งงาน และ ไร้ทั้งเงิน ในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำสุดขีด ในช่วงทศวรรษที่ 1930 เขาเสนอให้รัฐบาลทำการกู้ยืมเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อช่วยเหลือประชาชน แนวคิดนี้ได้ช่วยลดแรงกดดันความขัดแย้งระหว่างชนชั้น โดยชนชั้นนายทุนก็สูญเสียทุนไปมาก จากการล่มสลายของตลาดหุ้นและอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่ชนชั้นแรงงานก็สูญเสียงาน...ซึ่งเป็นปัจจัยการผลิตของตนเองไปเช่นเดียวกัน ดังนั้น ทุกฝ่ายพยายามรักษาผลประโยชน์ของตนเอง ภายใต้สภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ เคนส์จึงเสนอแนวคิดให้ยืมเงินคนรุ่นลูกหลานมาใช้ก่อนเพื่อไม่ให้คนรุ่นนี้ต้องลำบาก และ ขัดแย้งกันรุนแรง โดยใช้รัฐบาลเป็นตัวกลาง
เมื่อรัฐบาลเข้ามาเป็นตัวกลางในการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น โดยไม่ต้องรอให้ตลาดปรับตัวเองในระยะยาวตามแนวคิดของเศรษฐศาสตร์คลาสิค ก็ช่วยเหลือประชาชนไปได้มาก ตามประโยคดังก้องโลกของเคนส์ที่ว่า In the long run, we are all dead. หากรอให้ถึงระยะยาวเราก็ตายกันหมดแล้ว แต่หากจะแปรประโยคนี้ให้ละเอียดลึกซึ้งลงไปอาจหมายความถึง ในระยะยาว พวกเรา (คนรุ่นเรา) ก็จะตายกันหมด ส่วนภาระหนี้สาธารณะนั้น ปล่อยให้ลูกหลานไปคิดกันเองในอนาคต
ทฤษฎีของเคนส์ประสบความสำเร็จอย่างดีในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจระยะสั้นๆ เพื่อช่วยฟื้นเศรษฐกิจและช่วยปัญหาการว่างงาน ญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกที่ได้นำแนวคิดของเคนส์มาใช้ โดย นายทาคาฮาชิ ซึ่งดำรงตำแหน่ง รมว.คลังสมัยนั้น ได้รับฉายา เคนส์ของญี่ปุ่น นำแนวคิดนี้มาใช้ก่อนประเทศอเมริกาและอังกฤษ ตั้งแต่ปี คศ.1931 ก่อนที่ความคิดของเคนส์จะออกมาเป็นหนังสือในปี คศ.1936 และญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกเช่นกันที่ติด กับดักเคนส์ จนมีหนี้สาธารณะสูงถึงกว่า 200 เปอร์เซ็นต์จีดีพี
แนวคิดของเคนส์นั้น เป็นที่พอใจของรัฐบาลเกือบทั้งโลก เพราะ ทำให้รัฐสามารถดำเนินการโดยมีเป้าหมายแอบแฝงได้เสมอมา หากจะศึกษาถึงความสำเร็จและความล้มเหลวของทฤษฎีเคนส์ ผมคิดว่าเราควรศึกษาประเทศญี่ปุ่นเป็นต้นแบบ
ไม่เพียงแต่มุ่งหวังเพื่อฟื้นเศรษฐกิจ และ ช่วยปัญหาการว่างงานเท่านั้น ในสมัยทศวรรษ 1930 รัฐบาลญี่ปุ่นได้กู้เงินมาเพื่อใช้ในการสร้างแสนยานุภาพทางการทหาร โดยมีเป้าหมายสูงสุดคืออาณาจักรมหาเอเชียบูรพาอีกด้วย ในช่วง 15 ปีแห่งเศรษฐกิจในห้วงสงคราม มีการใช้เงินการคลังเพื่อการทหารสูงขึ้นเรื่อยๆ จนบางปีสัดส่วนนี้สูงถึง 80 เปอร์เซ็นต์ของงบประมาณ เป้าหมายแฝง คือ ช่วยเหลือนายทุนบริษัทผลิตอาวุธ และ อุปกรณ์เครื่องใช้เพื่อการสงคราม เมื่อ รมว.คลัง นายทาคาฮาชิ ได้เริ่มรู้ว่าหลงกลทหารเข้าแล้ว ก็คิดจะเริ่มปฏิเสธแนวทางกู้เงินมาเพื่อทหาร แต่เขาก็ถูกลอบสังหารอย่างรวดเร็ว
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นได้สร้างประเทศใหม่ด้วยการทุ่มงบประมาณมหาศาลเพื่อสร้างสาธารณูปโภค จนอาจกล่าวได้ว่า มีระบบเครือข่ายรถไฟฟ้าที่ครอบคลุมและทันสมัยที่สุดในโลก หนี้สาธารณะได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างเร็ว โดยมีเป้าหมายแฝงเพื่อช่วยเหลือนายทุนรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่
เมื่อมาถึงยุคปัจจุบันที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก ในการสร้างถนนที่ไม่มีรถวิ่ง สร้างสะพานที่ไม่มีรถข้าม ญี่ปุ่นก็หันมากู้เงินเพื่อส่งเสริมในด้านประกันสังคม (เบี้ยบำนาญ และ ประกันสุขภาพ) พร้อมๆ กับกู้เงินมาเพื่อจ่ายดอกเบี้ยพันธบัตรแทน เป้าหมายแฝงเพื่อช่วยเหลือบริษัทยา โรงพยาบาล บริษัทประกันชีวิต และ บริษัทจัดการกองทุนรวมต่างๆ
แต่ไม่ว่ายุคใด...นักการเมืองล้วนมีเป้าหมายแฝงเหมือนกัน เพื่อหวังการรั่วไหลของเงินเข้าสู่กระเป๋าตนเอง หรือ การทุจริตคอรัปชั่นนั่นเอง
เพราะเหตุใดประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเคยประสบความสำเร็จกับทฤษฎีของเคนส์มาเป็นอย่างดี จึงได้ล้มเหลวเมื่อประสบกับปัญหาฟองสบู่แตกตั้งแต่ปี 1991 ประเทศนี้ได้เข้าติด กับดักเคนส์ โดยสร้างหนี้สาธารณะเพิ่มเฉลี่ย 8 เปอร์เซ็นต์จีดีพีต่อปี โดยเศรษฐกิจแทบไม่ได้เติบโตเลย ในช่วงเวลา 17 ปีที่ผ่านมา
ผมคิดว่าเหตุผลสำคัญก็คือ โครงสร้างประชากร จากสภาพที่เป็นลักษณะ ปิรามิด เหมือนประเทศกำลังพัฒนาทั่วๆ ไปในอดีต ปัจจุบันโครงสร้างประชากรได้เปลี่ยนมาเป็น ปิรามิดหัวกลับ ซึ่งหมายถึง ประชากรผู้สูงอายุได้สูงขึ้นถึง 1 ใน 4 ของทั้งหมด และเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ
เมื่อเป็นเช่นนี้จึงส่งผลลบ 4 ประการต่อ สัดส่วนหนี้สินต่อ จีดีพี 1. เมื่อคนชรามากขึ้น รายได้มีแนวโน้มเติบโตลดลง หมายถึง จีดีพีที่เติบโต้ช้าลง 2. เมื่อคนชรามากขึ้น การเก็บภาษี ซึ่งคือ รายได้ของรัฐบาลลดลง 3. เมื่อคนชรามากขึ้น ต้องมีการใช้จ่ายเพื่องานประกันสังคม เช่น เบี้ยบำนาญ และ ประกันสุขภาพที่สูงขึ้นมาก 4. เมื่อคนชรามากขึ้น รัฐบาลต้องจ่ายดอกเบี้ยพันธบัตรมากขึ้นตาม ให้กับกองทุนบำนาญซึ่งเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของรัฐบาล
หากเป็นเช่นนี้แล้ว เราน่าจะคาดการณ์ได้ว่า ประเทศพัฒนาแล้วอย่าง อเมริกา และ ยุโรป จะประสบความล้มเหลวกับการใช้ทฤษฎีเคนส์เช่นกัน โดยมีสาเหตุหลักคือ โครงสร้างประชากร ที่เป็นสังคมผู้สูงอายุนั่นเอง ประเทศไทยก็ไม่ควรประมาทเพราะ หากเดินตามเส้นทางนี้ สัดส่วนหนี้สินสาธารณะต่อจีดีพี ที่คาดว่าจะสูงสุดที่ 60 เปอร์เซ็นต์นั้น อาจไม่ลดลงตามที่คาดกันไว้ ในทางตรงกันข้ามโอกาสที่จะวิ่งไม่หยุดเหมือนกับประเทศญี่ปุ่นนั้นน่าจะมีโอกาสสูงกว่า
ดังนั้น สมควรหรือไม่ที่จะหากรอบแนวคิดใหม่เพื่อเป็นทางออกสำรองไว้สำหรับประเทศไทยของเรา เศรษฐศาสตร์ไท้เก๊ก ซึ่งใช้หลักการยืมพลังศัตรู และ รักษาสมดุลหยินหยาง อาจเป็นทางออกที่เหมาะสมครับ
เศรษฐศาสตร์ไท้เก๊ก... กรอบแนวคิดใหม่ใช้หลักยืมพลัง และ รักษาสมดุลเพื่อช่วยฟื้น ศก.ไทย และ ศก.โลก
หุ้นเงา... หุ้นอยู่ในเงาทำให้คนมองเห็นไม่ชัด ราคาหุ้นพร้อมจะปรับขึ้น 2 เด้งจาก EPS ที่สูงขึ้น และ การปรับค่า P/E ให้สูงขึ้นในอนาคต
หุ้นเงา... หุ้นอยู่ในเงาทำให้คนมองเห็นไม่ชัด ราคาหุ้นพร้อมจะปรับขึ้น 2 เด้งจาก EPS ที่สูงขึ้น และ การปรับค่า P/E ให้สูงขึ้นในอนาคต
-
- Verified User
- โพสต์: 374
- ผู้ติดตาม: 0
ทำไม "ทฤษฎีเคนส์" จึงล้มเหลว
โพสต์ที่ 2
แล้วยังไงต่อครับ เขียนได้น่าสนใจดีครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 680
- ผู้ติดตาม: 0
ทำไม "ทฤษฎีเคนส์" จึงล้มเหลว
โพสต์ที่ 3
ขอบคุณครับ...บทต่อ ก็ลองหาอ่าน "เศรษฐศาสตร์ไท้เก๊ก" ดูนะครับeconometrica เขียน:แล้วยังไงต่อครับ เขียนได้น่าสนใจดีครับ
เป็นกรอบแนวคิดใหม่ ที่ไม่ใช่นโยบายการเงิน นโยบายการคลัง
แต่สามารถฟื้นฟู ศก.ได้ โดยใช้หลักการยืมพลัง และ รักษาสมดุล ครับ
เศรษฐศาสตร์ไท้เก๊ก... กรอบแนวคิดใหม่ใช้หลักยืมพลัง และ รักษาสมดุลเพื่อช่วยฟื้น ศก.ไทย และ ศก.โลก
หุ้นเงา... หุ้นอยู่ในเงาทำให้คนมองเห็นไม่ชัด ราคาหุ้นพร้อมจะปรับขึ้น 2 เด้งจาก EPS ที่สูงขึ้น และ การปรับค่า P/E ให้สูงขึ้นในอนาคต
หุ้นเงา... หุ้นอยู่ในเงาทำให้คนมองเห็นไม่ชัด ราคาหุ้นพร้อมจะปรับขึ้น 2 เด้งจาก EPS ที่สูงขึ้น และ การปรับค่า P/E ให้สูงขึ้นในอนาคต
- leaderinshadow
- Verified User
- โพสต์: 1765
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไม "ทฤษฎีเคนส์" จึงล้มเหลว
โพสต์ที่ 6
เท่าที่รู้มา คือ การเมือง ครับ
เพราะนักการเมืองชอบฟองสบู่ เศรษฐกิจไม่ดี ก็กระตุ้น เศรษฐกิจดี ก็กระตุ้น
เพราะฟองสบู่ทำให้ที่ดิน และหุ้นขึ้น และนักการเมืองก็ได้ประโยชน์
เหมือนปี 40 ของไทย ที่นักการเมืองไม่เคยคิดชะลอเศรษฐกิจกันเลย
ประเทศที่ประสบความสำเร็จในการนำ ทฤษฎีเคนส์ มาใช้จริงๆคือจีนครับ
เพราะจริงๆ เคนส์ บอกเสมอว่า ให้หยุดกระตุ้น เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว แต่ในทางปฏิบัติจะโดนการเมืองขวาง
เพราะนักการเมืองเสพติดฟองสบู่
แต่จีน ไม่ได้เสพติดฟองสบู่ จึงกระตุ้นได้ถูกจังหวะ และหยุดกระตุ้นได้ถูกจังหวะอีก
เพราะนักการเมืองชอบฟองสบู่ เศรษฐกิจไม่ดี ก็กระตุ้น เศรษฐกิจดี ก็กระตุ้น
เพราะฟองสบู่ทำให้ที่ดิน และหุ้นขึ้น และนักการเมืองก็ได้ประโยชน์
เหมือนปี 40 ของไทย ที่นักการเมืองไม่เคยคิดชะลอเศรษฐกิจกันเลย
ประเทศที่ประสบความสำเร็จในการนำ ทฤษฎีเคนส์ มาใช้จริงๆคือจีนครับ
เพราะจริงๆ เคนส์ บอกเสมอว่า ให้หยุดกระตุ้น เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว แต่ในทางปฏิบัติจะโดนการเมืองขวาง
เพราะนักการเมืองเสพติดฟองสบู่
แต่จีน ไม่ได้เสพติดฟองสบู่ จึงกระตุ้นได้ถูกจังหวะ และหยุดกระตุ้นได้ถูกจังหวะอีก
- gradius173
- Verified User
- โพสต์: 198
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไม "ทฤษฎีเคนส์" จึงล้มเหลว
โพสต์ที่ 7
เห็นด้วยครับเพราะการเมือง และประชาชนระดับล่างได้ประโยชน์
เศรษฐกิจดี ประชาชนมีความสุข นักการเมืองได้กลับมามีอำนาจใหม่ เรื่องอนาคตชั่งมัน
เพราะสุดท้ายทุกคนก็ตายกันหมด
เศรษฐกิจดี ประชาชนมีความสุข นักการเมืองได้กลับมามีอำนาจใหม่ เรื่องอนาคตชั่งมัน
เพราะสุดท้ายทุกคนก็ตายกันหมด