บริหารชีวิตและลงทุนอย่างหมอ FON ^^
- BABY TERMITE
- Verified User
- โพสต์: 368
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บริหารชีวิตและลงทุนอย่างหมอ FON ^^
โพสต์ที่ 421
จิบชารอจนท้องอืดแล้วครับหมอฝน ...
ปลวกน้อยคอยวันเติบใหญ่
- Fon^^
- Verified User
- โพสต์: 604
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บริหารชีวิตและลงทุนอย่างหมอ FON ^^
โพสต์ที่ 422
ฝนหนีไปศึกษา QE2 แล้วงงมากค่ะ กำลังปวดหัวๆ
ก็เลยหยุดพักแวะเล่นเน็ต เปิดจอเจอดาวตก ตกใจรีบอธิษฐาน
"ขอให้หุ้นของลูกช้างปลอดภัยจากภยันตรายด้วยเถอะ โย่ว"
ช่วงนี้เห็นใครๆเขาก็พูดเรื่อง QE2 กำลัง intrend ขอคุยกับเค้าบ้างค่ะ
QE (Quantitative Easing) ภาษาวิชาการเรียกว่า การผ่อนคลายเชิงปริมาณ
ภาษาชาวบ้านเรียกว่าการพิมพ์แบงค์กงเต๊ก ^^
โดยหลักการคือ ต้องการให้เงินเข้าสู่ระบบมากขึ้น
เปิดประเด็นใว้ก่อน
วันนี้ดึกแล้ว...เค้ามาเม้าต่อวันพรุ่งนี้นะคะ
ก็เลยหยุดพักแวะเล่นเน็ต เปิดจอเจอดาวตก ตกใจรีบอธิษฐาน
"ขอให้หุ้นของลูกช้างปลอดภัยจากภยันตรายด้วยเถอะ โย่ว"
ช่วงนี้เห็นใครๆเขาก็พูดเรื่อง QE2 กำลัง intrend ขอคุยกับเค้าบ้างค่ะ
QE (Quantitative Easing) ภาษาวิชาการเรียกว่า การผ่อนคลายเชิงปริมาณ
ภาษาชาวบ้านเรียกว่าการพิมพ์แบงค์กงเต๊ก ^^
โดยหลักการคือ ต้องการให้เงินเข้าสู่ระบบมากขึ้น
เปิดประเด็นใว้ก่อน
วันนี้ดึกแล้ว...เค้ามาเม้าต่อวันพรุ่งนี้นะคะ
ผิดหนึ่งพึงจดไว้.....ในสมอง
เร่งระวังผิดสอง.....ภายหน้า
สามผิดเร่งคิดตรอง จงหนัก.....เพื่อนเอย
ถึงสี่อีกทีห้า.....หกซ้ำ อภัยไฉน
เร่งระวังผิดสอง.....ภายหน้า
สามผิดเร่งคิดตรอง จงหนัก.....เพื่อนเอย
ถึงสี่อีกทีห้า.....หกซ้ำ อภัยไฉน
- BeSmile
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1178
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บริหารชีวิตและลงทุนอย่างหมอ FON ^^
โพสต์ที่ 424
ต้องจุดธูป แล้วขอ เล่าเอี้ย ป่อห่อ ด้วยครับ หุ้นจะได้ไม่ลง :lol: :lol: :lol:Fon^^ เขียน:...ตกใจรีบอธิษฐาน
"ขอให้หุ้นของลูกช้างปลอดภัยจากภยันตรายด้วยเถอะ โย่ว"
...
เข้ามาแซวนะคร้าบ
มีสติ - อย่าประมาทในการใช้ชีวิต
-
- Verified User
- โพสต์: 69
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บริหารชีวิตและลงทุนอย่างหมอ FON ^^
โพสต์ที่ 425
คนเกือบแก่แต่มือใหม่ ขออนุญาตมานั่งฟัง คุณหมอฝนบรรยายอีก 1 ที่ครับ
เท่าที่หมอฝนเปิดหัวเรื่องจั่วประเด็นมา+ฟังคนโน้นนี้มา แปลว่าแบบนี้ถูกหรือเปล่าครับ
1.ภาษานักเรียนเศรษฐศาสตร์นอกเวลาชั้น ม3.ภาคค่ำ =
Supply เงิน USD >>> สินค้าและบริการจริงในระบบเศรษฐกิจ
QE1>>>สินค้าและบริการจริงในระบบเศรษฐกิจของ US
QE1+QE2 ถ้าทางจะ>>>สินค้าและบริการจริงในระบบเศรษฐกิจของ US
+Europe+ลามมาบางส่วนของ Asia
2.ภาษาเศรษฐศาสตร์ป.ตรี =
เงินที่มีแต่อากาศธาตุ คือ ความเชื่อมั่นว่า ไอ้กันจะจ่ายหนี้ เป็นตัวBackupค่าเงิน
ขณะที่สกุลอื่นมีของจริง เช่น ทองคำ+ระบบอื่นอาทิ Money basket Backupค่าเงิน
3.ภาษานักเลง
ตรูใหญ่ ตรูจะทำซะอย่างใครจะทำไม พวกลื้อต้องเอาข้าวปลา เงินทอง บริการมาแลกกระดาษเปล่าที่อั๋วเขียนขึ้น แล้วอนาคตสัก 20 ปีอั๋วอาจจะให้รางวัลพวกลื้อ มีปัญหาไม๊
4.ภาษาอาแปะขายน้ำใบบัวบกข้างบ้าน อีเรียกว่า เงินเก๊ หากฟองสบู่น้อยตลาดหุ้นแตก อย่าลืมซื้อน้ำใบบัวบกของ แกซดแก้ช้ำในนะ อาตี๋อาหมวยเอ้ย
แจมนิดหน่อยแบบ ฟังมาแล้วเอามาจับแพะชนแกะ ตามปะสามือใหม่นะครับ อย่าถือสาครับ
เท่าที่หมอฝนเปิดหัวเรื่องจั่วประเด็นมา+ฟังคนโน้นนี้มา แปลว่าแบบนี้ถูกหรือเปล่าครับ
1.ภาษานักเรียนเศรษฐศาสตร์นอกเวลาชั้น ม3.ภาคค่ำ =
Supply เงิน USD >>> สินค้าและบริการจริงในระบบเศรษฐกิจ
QE1>>>สินค้าและบริการจริงในระบบเศรษฐกิจของ US
QE1+QE2 ถ้าทางจะ>>>สินค้าและบริการจริงในระบบเศรษฐกิจของ US
+Europe+ลามมาบางส่วนของ Asia
2.ภาษาเศรษฐศาสตร์ป.ตรี =
เงินที่มีแต่อากาศธาตุ คือ ความเชื่อมั่นว่า ไอ้กันจะจ่ายหนี้ เป็นตัวBackupค่าเงิน
ขณะที่สกุลอื่นมีของจริง เช่น ทองคำ+ระบบอื่นอาทิ Money basket Backupค่าเงิน
3.ภาษานักเลง
ตรูใหญ่ ตรูจะทำซะอย่างใครจะทำไม พวกลื้อต้องเอาข้าวปลา เงินทอง บริการมาแลกกระดาษเปล่าที่อั๋วเขียนขึ้น แล้วอนาคตสัก 20 ปีอั๋วอาจจะให้รางวัลพวกลื้อ มีปัญหาไม๊
4.ภาษาอาแปะขายน้ำใบบัวบกข้างบ้าน อีเรียกว่า เงินเก๊ หากฟองสบู่น้อยตลาดหุ้นแตก อย่าลืมซื้อน้ำใบบัวบกของ แกซดแก้ช้ำในนะ อาตี๋อาหมวยเอ้ย
แจมนิดหน่อยแบบ ฟังมาแล้วเอามาจับแพะชนแกะ ตามปะสามือใหม่นะครับ อย่าถือสาครับ
"ปฏิกจฺเจว กยิรา ยํ ชญญา หิตมตฺตโน
รู้ว่าอะไรเป็นประโยชน์แก่ชีวิต ก็ให้รีบลงมือทำ"
รู้ว่าอะไรเป็นประโยชน์แก่ชีวิต ก็ให้รีบลงมือทำ"
-
- Verified User
- โพสต์: 69
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บริหารชีวิตและลงทุนอย่างหมอ FON ^^
โพสต์ที่ 426
TheViZ เขียน:คนเกือบแก่แต่มือใหม่ ขออนุญาตมานั่งฟัง คุณหมอฝนบรรยายอีก 1 ที่ครับ
เท่าที่หมอฝนเปิดหัวเรื่องจั่วประเด็นมา+ฟังคนโน้นนี้มา แปลว่าแบบนี้ถูกหรือเปล่าครับ
1.ภาษานักเรียนเศรษฐศาสตร์นอกเวลาชั้น ม3.ภาคค่ำ =
Supply เงิน USD >>> สินค้าและบริการจริงในระบบเศรษฐกิจ
QE1>>>สินค้าและบริการจริงในระบบเศรษฐกิจของ US
QE1+QE2 ถ้าทางจะ>>>สินค้าและบริการจริงในระบบเศรษฐกิจของ US +Europe+ลามมาบางส่วนของ Asia
2.ภาษาเศรษฐศาสตร์ป.ตรี =
เงินที่มีแต่อากาศธาตุ คือ ความเชื่อมั่นว่า ไอ้กันจะจ่ายหนี้ เป็นตัวBackupค่าเงิน
ขณะที่สกุลอื่นมีของจริง เช่น ทองคำ+ระบบอื่นอาทิ Money basket เป็นตัวBackupค่าเงิน
3.ภาษานักเลง
ตรูใหญ่ ตรูจะทำซะอย่างใครจะทำไม พวกลื้อต้องเอาข้าวปลา เงินทอง บริการมาแลกกระดาษเปล่าที่อั๋วเขียนขึ้น แล้วอนาคตสัก 20 ปีอั๋วอาจจะให้รางวัลพวกลื้อ มีปัญหาไม๊
4.ภาษาอาแปะขายน้ำใบบัวบกข้างบ้าน อีเรียกว่า เงินเก๊ หากฟองสบู่น้อยตลาดหุ้นแตก บรรดาจอมยุทธเซียนหุ้น อย่าลืมซื้อน้ำใบบัวบกของแกซดแก้ช้ำในนะ อาตี๋อาหมวยเอ้ย
แจมนิดหน่อยแบบ ฟังมาแล้วเอามาจับแพะชนแกะ ตามปะสามือใหม่นะครับ อย่าถือสาครับ
"ปฏิกจฺเจว กยิรา ยํ ชญญา หิตมตฺตโน
รู้ว่าอะไรเป็นประโยชน์แก่ชีวิต ก็ให้รีบลงมือทำ"
รู้ว่าอะไรเป็นประโยชน์แก่ชีวิต ก็ให้รีบลงมือทำ"
- pacabee
- Verified User
- โพสต์: 380
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บริหารชีวิตและลงทุนอย่างหมอ FON ^^
โพสต์ที่ 427
เคยอ่านเจอว่าหมอฝนชอบ Steve Jobs เลยเอา link อันนี้มาฝากครับ
http://www.bloomberg.com/video/63722844/
http://www.bloomberg.com/video/63722844/
Invest or Don't. There is no try.
- Fon^^
- Verified User
- โพสต์: 604
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บริหารชีวิตและลงทุนอย่างหมอ FON ^^
โพสต์ที่ 428
ขออนุญาติติดค้างเรื่อง QE2 ก่อนนะคะ
ฝนกำลังสรุปการเรียนรู้จากท่านอาจารย์ในงานมีทติ้งภาคใต้ค่ะ ^^
ฝนกำลังสรุปการเรียนรู้จากท่านอาจารย์ในงานมีทติ้งภาคใต้ค่ะ ^^
ผิดหนึ่งพึงจดไว้.....ในสมอง
เร่งระวังผิดสอง.....ภายหน้า
สามผิดเร่งคิดตรอง จงหนัก.....เพื่อนเอย
ถึงสี่อีกทีห้า.....หกซ้ำ อภัยไฉน
เร่งระวังผิดสอง.....ภายหน้า
สามผิดเร่งคิดตรอง จงหนัก.....เพื่อนเอย
ถึงสี่อีกทีห้า.....หกซ้ำ อภัยไฉน
- Fon^^
- Verified User
- โพสต์: 604
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บริหารชีวิตและลงทุนอย่างหมอ FON ^^
โพสต์ที่ 429
ไม่รู้จะโพสตรงใหน
เอามาโพสในกระทู้ห้องนั่งเล่นของฝนเองดีกว่าค่ะ
จะไปโพสที่อื่นก็เกรงว่าจะไปเลอะกระทู้หน้าหลัก Value investing ^^"
ก่อนอื่นต้องขอบคุณพี่ๆทุกท่านสำหรับคำแนะนำดีๆเสมอค่ะ
พี่โจ พี่การ พี่ตี้ 3 เทพแห่งแดนใต้ และอาจารย์ที่ฝนนับถือมากแต่ขออนุญาตไม่เอ่ยนามค่ะ
( คารวะท่านอาจารย์สำหรับคำแนะนำค่ะ )
สิ่งที่ฝนได้เรียนรู้จากท่านอาจารย์
ขอสรุปเป็นหมวดหมู่นะคะ
เอามาโพสในกระทู้ห้องนั่งเล่นของฝนเองดีกว่าค่ะ
จะไปโพสที่อื่นก็เกรงว่าจะไปเลอะกระทู้หน้าหลัก Value investing ^^"
ก่อนอื่นต้องขอบคุณพี่ๆทุกท่านสำหรับคำแนะนำดีๆเสมอค่ะ
พี่โจ พี่การ พี่ตี้ 3 เทพแห่งแดนใต้ และอาจารย์ที่ฝนนับถือมากแต่ขออนุญาตไม่เอ่ยนามค่ะ
( คารวะท่านอาจารย์สำหรับคำแนะนำค่ะ )
สิ่งที่ฝนได้เรียนรู้จากท่านอาจารย์
ขอสรุปเป็นหมวดหมู่นะคะ
ผิดหนึ่งพึงจดไว้.....ในสมอง
เร่งระวังผิดสอง.....ภายหน้า
สามผิดเร่งคิดตรอง จงหนัก.....เพื่อนเอย
ถึงสี่อีกทีห้า.....หกซ้ำ อภัยไฉน
เร่งระวังผิดสอง.....ภายหน้า
สามผิดเร่งคิดตรอง จงหนัก.....เพื่อนเอย
ถึงสี่อีกทีห้า.....หกซ้ำ อภัยไฉน
- Fon^^
- Verified User
- โพสต์: 604
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บริหารชีวิตและลงทุนอย่างหมอ FON ^^
โพสต์ที่ 430
สำหรับคำแนะนำขอสรุปเป็นหมวดหมู่นะคะ
1 การลงทุนสร้างความมั่งคั่งในตลาดหุ้น
อาจารย์กล่าวว่า
“ เวลาเรามองแนวโน้มอนาคต ประเทศไทยเราเหมือนสหรัฐอเมริกาในอดีต ชนชั้นกลางมากขึ้น เศรษฐกิจภาพรวมประเทศดีขึ้น
หลังจากคนมีเงินมากขึ้น สังเกตจากร้านกาแฟหรูๆ สมัยก่อนไม่มี(ตอนอาจารย์เป็นเด็กไม่มี ตอนนี้แก่ขึ้นเริ่มสังเกตเห็นว่าร้านแบบนี้เยอะ)
ชนชั้นกลางมีเงินออมมากขึ้น ต้องหาสิ่งที่ทำให้เงินได้ผลตอบแทน นอกจากฝากธนาคารดอกเบี้ย 1%
ดังนั้นตลาดหุ้นจึงเป็นหนึ่งในทางเลือกสำหรับลงทุนเพื่อปันผลในระยะยาว”
อาจารย์กล่าวว่า
“พวกเราลงทุนในตลาดหุ้น ได้ผลตอบแทน 10 – 15% ต่อปี
ถ้ามองภาพใหญ่เราเดินมาถูกทางแล้ว เพราะเหมือนเป็น megatrend สำหรับการออมแทนการฝากธนาคาร “
1 การลงทุนสร้างความมั่งคั่งในตลาดหุ้น
อาจารย์กล่าวว่า
“ เวลาเรามองแนวโน้มอนาคต ประเทศไทยเราเหมือนสหรัฐอเมริกาในอดีต ชนชั้นกลางมากขึ้น เศรษฐกิจภาพรวมประเทศดีขึ้น
หลังจากคนมีเงินมากขึ้น สังเกตจากร้านกาแฟหรูๆ สมัยก่อนไม่มี(ตอนอาจารย์เป็นเด็กไม่มี ตอนนี้แก่ขึ้นเริ่มสังเกตเห็นว่าร้านแบบนี้เยอะ)
ชนชั้นกลางมีเงินออมมากขึ้น ต้องหาสิ่งที่ทำให้เงินได้ผลตอบแทน นอกจากฝากธนาคารดอกเบี้ย 1%
ดังนั้นตลาดหุ้นจึงเป็นหนึ่งในทางเลือกสำหรับลงทุนเพื่อปันผลในระยะยาว”
อาจารย์กล่าวว่า
“พวกเราลงทุนในตลาดหุ้น ได้ผลตอบแทน 10 – 15% ต่อปี
ถ้ามองภาพใหญ่เราเดินมาถูกทางแล้ว เพราะเหมือนเป็น megatrend สำหรับการออมแทนการฝากธนาคาร “
ผิดหนึ่งพึงจดไว้.....ในสมอง
เร่งระวังผิดสอง.....ภายหน้า
สามผิดเร่งคิดตรอง จงหนัก.....เพื่อนเอย
ถึงสี่อีกทีห้า.....หกซ้ำ อภัยไฉน
เร่งระวังผิดสอง.....ภายหน้า
สามผิดเร่งคิดตรอง จงหนัก.....เพื่อนเอย
ถึงสี่อีกทีห้า.....หกซ้ำ อภัยไฉน
- Fon^^
- Verified User
- โพสต์: 604
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บริหารชีวิตและลงทุนอย่างหมอ FON ^^
โพสต์ที่ 431
2 การเลือกหุ้นลงทุน
อาจารย์กล่าวว่า
“ การเลือกหุ้นลงทุนเราต้องมองภาพใหญ่ให้ชัดเจนก่อน ถ้าภาพใหญ่ถูก ภาพเล็กพลาดบ้างไม่เป็นไร”
อาจารย์กล่าวว่า
“ เลือกอุตสาหกรรมในตำแหน่งถูกที่ และ ถูกเวลา “
(ตอนฝนฟังถึงกับอึ้ง ความไม่ซับซ้อนที่ยากสุดๆ )
การมองภาพใหญ่ให้ถูกคือ (Top Down approach )
1 เลือกอุตสาหกรรมอยู่ในตำแหน่งถูกที่ และ ถูกเวลา
ขออนุญาติขยายความนะคะ (เท่าที่ฝนพอจะจับใจความได้นะคะ แฮ่ๆ)
การเลือกอุตสาหกรรมมองภาพใหญ่ เหมือนการเดินทางของความเจริญ (Megatrend)
เช่น อุตสาหกรรมอาหาร
ถูกที่คือ เมื่อคนประกอบอาชิพเกษตรน้อยลง ภัยธรรมชาติ การกีดกันด้านสิ่งแวดล้อม โรคระบาด
ถูกเวลาคือ พฤติกรรมการเดินทางของความเจริญคนไทย ต้องการความสะดวกมากขึ้น
ดังนั้น Food Industry ปัจจุบันอยู่ในตำแหน่งถูกที่ และ ถูกเวลา
2 เลือกบริษัทในอุตสาหกรรม
ดังนั้น บริษัทที่เลือก ต้องมองให้เห็นภาพชัดเจนว่า ภาพใหญ่สำหรับบริษัทอยู่ณ.ตำแหน่งใดในอุตสาหกรรม (Position and Market Share)
นอกจากนั้นแล้วต้องมองให้ชัดเจนว่า บริษัทมาจากจุดใดและในอนาคตจะเป็นอย่างไร
3 มองหาความสามารถในการแข่งขัน (DCA)
หลังจากมองอุตสาหกรรมและบริษัทแล้ว ต้องมองหาความสามารถในการแข่งขัน ดังนี้
การเติบโตของอุตสาหกรรมในอนาคต
ความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดของบริษัท
ความได้เปรียบจากการแข่งขันในอุตสาหกรรม
อาจารย์กล่าวว่า
“ การเลือกหุ้นลงทุนเราต้องมองภาพใหญ่ให้ชัดเจนก่อน ถ้าภาพใหญ่ถูก ภาพเล็กพลาดบ้างไม่เป็นไร”
อาจารย์กล่าวว่า
“ เลือกอุตสาหกรรมในตำแหน่งถูกที่ และ ถูกเวลา “
(ตอนฝนฟังถึงกับอึ้ง ความไม่ซับซ้อนที่ยากสุดๆ )
การมองภาพใหญ่ให้ถูกคือ (Top Down approach )
1 เลือกอุตสาหกรรมอยู่ในตำแหน่งถูกที่ และ ถูกเวลา
ขออนุญาติขยายความนะคะ (เท่าที่ฝนพอจะจับใจความได้นะคะ แฮ่ๆ)
การเลือกอุตสาหกรรมมองภาพใหญ่ เหมือนการเดินทางของความเจริญ (Megatrend)
เช่น อุตสาหกรรมอาหาร
ถูกที่คือ เมื่อคนประกอบอาชิพเกษตรน้อยลง ภัยธรรมชาติ การกีดกันด้านสิ่งแวดล้อม โรคระบาด
ถูกเวลาคือ พฤติกรรมการเดินทางของความเจริญคนไทย ต้องการความสะดวกมากขึ้น
ดังนั้น Food Industry ปัจจุบันอยู่ในตำแหน่งถูกที่ และ ถูกเวลา
2 เลือกบริษัทในอุตสาหกรรม
ดังนั้น บริษัทที่เลือก ต้องมองให้เห็นภาพชัดเจนว่า ภาพใหญ่สำหรับบริษัทอยู่ณ.ตำแหน่งใดในอุตสาหกรรม (Position and Market Share)
นอกจากนั้นแล้วต้องมองให้ชัดเจนว่า บริษัทมาจากจุดใดและในอนาคตจะเป็นอย่างไร
3 มองหาความสามารถในการแข่งขัน (DCA)
หลังจากมองอุตสาหกรรมและบริษัทแล้ว ต้องมองหาความสามารถในการแข่งขัน ดังนี้
การเติบโตของอุตสาหกรรมในอนาคต
ความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดของบริษัท
ความได้เปรียบจากการแข่งขันในอุตสาหกรรม
ผิดหนึ่งพึงจดไว้.....ในสมอง
เร่งระวังผิดสอง.....ภายหน้า
สามผิดเร่งคิดตรอง จงหนัก.....เพื่อนเอย
ถึงสี่อีกทีห้า.....หกซ้ำ อภัยไฉน
เร่งระวังผิดสอง.....ภายหน้า
สามผิดเร่งคิดตรอง จงหนัก.....เพื่อนเอย
ถึงสี่อีกทีห้า.....หกซ้ำ อภัยไฉน
- Fon^^
- Verified User
- โพสต์: 604
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บริหารชีวิตและลงทุนอย่างหมอ FON ^^
โพสต์ที่ 432
3 Commodities และ Economic cycle
อาจารย์กล่าวว่า
“กลุ่ม commodities และ economic cycle เป็นกลุ่มที่ได้ผลตอบแทนจาการลงทุนสูงมาก
แต่ไม่ใช่สิ่งที่เกิดเป็นประจำ สิ่งเหล่านี้มักเกิดหลังจากวิกฤติเศรษฐกิจเพิ่งผ่านพ้นไป
และสิ่งที่จะมาก่อนคือ บ้าน และ รถยนต์ หลังจากนั้นจึงตามมาด้วย cycle อื่นตาม demand และ supply “
อาจารย์กล่าวว่า
“การลงทุนกลุ่ม commodities cycle ได้ผลตอบแทนสูง แต่ตามมาด้วยความเสี่ยงสูงมากเช่นกัน “
ฝนขออนุญาติขยายความ
การลงทุนกลุ่ม Cyclical stock ขึ้นกับ การประมาณการ Demand Supply
การประมาณการผลประกอบการ
และการประมาณการความคาดหวังราคาหุ้น
ซึ่งการประมาณการความคาดหวัง ส่งผลต่อราคาหุ้นค่อนข้างมาก
ถ้าสังเกตราคาหุ้นกลุ่ม cyclical stock มักจะตอบสนอง ก่อนผลประกอบการบริษัทสูงสุดประมาณ 1-2 ไตรมาส
อาจารย์กล่าวว่า
“Cyclical Stock อธิบายตามหลัก reflexivity ของ Soros ”
เริ่มต้น โดยการบริษัทเห็นตรงกันว่าอุตสาหกรรมกำลังสู่ขาขึ้น หลังจากนั้นขึ้นราคา และราคาตอบสนองทางบวก
ทำให้มวลชนเห็นตรงกันว่า
อุตสาหกรรมขาขึ้น-->ขึ้นราคาสินค้า-->ราคาสินค้าขึ้น-->อุตสาหกรรมขาขึ้น--> …
เป็น Positive Feedback
ดังนั้นลักษณะการตอบสนองของราคาจึงเป็น
ระยะแรก ราคาจะค่อยๆเพิ่มขึ้น
ระยะต่อมาเมื่อมวลชนมั่นใจมากขึ้น ราคาจะชันมากขึ้น
จนถึงจุดสูงสุดของอุตสาหกรรมจะเห็นราคาขึ้นในอัตราที่สูงมากอย่างไม่มีเหตุผล
หากเริ่มไม่สามารถต่อรองได้หรือมีคนไม่มั่นใจ ราคาจะตอบสนองแบบลูกดึ่งนรก
เป็นอันจบ cycle
อาจารย์กล่าวว่า
“กลุ่ม commodities และ economic cycle เป็นกลุ่มที่ได้ผลตอบแทนจาการลงทุนสูงมาก
แต่ไม่ใช่สิ่งที่เกิดเป็นประจำ สิ่งเหล่านี้มักเกิดหลังจากวิกฤติเศรษฐกิจเพิ่งผ่านพ้นไป
และสิ่งที่จะมาก่อนคือ บ้าน และ รถยนต์ หลังจากนั้นจึงตามมาด้วย cycle อื่นตาม demand และ supply “
อาจารย์กล่าวว่า
“การลงทุนกลุ่ม commodities cycle ได้ผลตอบแทนสูง แต่ตามมาด้วยความเสี่ยงสูงมากเช่นกัน “
ฝนขออนุญาติขยายความ
การลงทุนกลุ่ม Cyclical stock ขึ้นกับ การประมาณการ Demand Supply
การประมาณการผลประกอบการ
และการประมาณการความคาดหวังราคาหุ้น
ซึ่งการประมาณการความคาดหวัง ส่งผลต่อราคาหุ้นค่อนข้างมาก
ถ้าสังเกตราคาหุ้นกลุ่ม cyclical stock มักจะตอบสนอง ก่อนผลประกอบการบริษัทสูงสุดประมาณ 1-2 ไตรมาส
อาจารย์กล่าวว่า
“Cyclical Stock อธิบายตามหลัก reflexivity ของ Soros ”
เริ่มต้น โดยการบริษัทเห็นตรงกันว่าอุตสาหกรรมกำลังสู่ขาขึ้น หลังจากนั้นขึ้นราคา และราคาตอบสนองทางบวก
ทำให้มวลชนเห็นตรงกันว่า
อุตสาหกรรมขาขึ้น-->ขึ้นราคาสินค้า-->ราคาสินค้าขึ้น-->อุตสาหกรรมขาขึ้น--> …
เป็น Positive Feedback
ดังนั้นลักษณะการตอบสนองของราคาจึงเป็น
ระยะแรก ราคาจะค่อยๆเพิ่มขึ้น
ระยะต่อมาเมื่อมวลชนมั่นใจมากขึ้น ราคาจะชันมากขึ้น
จนถึงจุดสูงสุดของอุตสาหกรรมจะเห็นราคาขึ้นในอัตราที่สูงมากอย่างไม่มีเหตุผล
หากเริ่มไม่สามารถต่อรองได้หรือมีคนไม่มั่นใจ ราคาจะตอบสนองแบบลูกดึ่งนรก
เป็นอันจบ cycle
ผิดหนึ่งพึงจดไว้.....ในสมอง
เร่งระวังผิดสอง.....ภายหน้า
สามผิดเร่งคิดตรอง จงหนัก.....เพื่อนเอย
ถึงสี่อีกทีห้า.....หกซ้ำ อภัยไฉน
เร่งระวังผิดสอง.....ภายหน้า
สามผิดเร่งคิดตรอง จงหนัก.....เพื่อนเอย
ถึงสี่อีกทีห้า.....หกซ้ำ อภัยไฉน
- Fon^^
- Verified User
- โพสต์: 604
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บริหารชีวิตและลงทุนอย่างหมอ FON ^^
โพสต์ที่ 433
จบ....สิ่งที่ได้เรียนรู้จากงานมีทติ้ง ภาคปฐมบท
จริงๆฝนยังสรุปไม่เสร็จค่ะ เหลืออีกเยอะมาก
ขอรวบรวมความคิดต่อก่อนนะคะ
นานๆทีจะโพสเรื่องมีสาระ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ปรับตัวเองกลับสู่โหมดปกติ โหมดบ้าๆบวมๆ โย่ว
จริงๆฝนยังสรุปไม่เสร็จค่ะ เหลืออีกเยอะมาก
ขอรวบรวมความคิดต่อก่อนนะคะ
นานๆทีจะโพสเรื่องมีสาระ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ปรับตัวเองกลับสู่โหมดปกติ โหมดบ้าๆบวมๆ โย่ว
ผิดหนึ่งพึงจดไว้.....ในสมอง
เร่งระวังผิดสอง.....ภายหน้า
สามผิดเร่งคิดตรอง จงหนัก.....เพื่อนเอย
ถึงสี่อีกทีห้า.....หกซ้ำ อภัยไฉน
เร่งระวังผิดสอง.....ภายหน้า
สามผิดเร่งคิดตรอง จงหนัก.....เพื่อนเอย
ถึงสี่อีกทีห้า.....หกซ้ำ อภัยไฉน
- doremonblue
- Verified User
- โพสต์: 146
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บริหารชีวิตและลงทุนอย่างหมอ FON ^^
โพสต์ที่ 440
ผมคิดว่าถ้าคิดว่าความมั่งคั่งจะ move มาฝั่ง asia ผมคิดว่าการลงทุนกลุ่มหุ้นที่เน้นการบริโภคในประเทศตนเอง หรือ ในประเทศฝั่งเอเชีย จะดีไหมครับ หมอฝน
ยกตัวอย่าง ดร.นิเวศน์ ส่วนใหญ่ ท่านจะลงทุนในกิจการที่บริโภคกันในประเทศเป็นหลัก (ช่วงนี้ก็เช่นกัน) jmart bigc makro it svoa hmpro cpall ขอความคิดเห็นของหมอฝนด้วยนะครับ
ขอความกรุณาขอรายชื่อหุ้นที่น้องฝนติดตามหน่อยได้ไหมครับ พี่จะเอาไปวิแคะดูหน่อย ขอบคุณมากครับ
ยกตัวอย่าง ดร.นิเวศน์ ส่วนใหญ่ ท่านจะลงทุนในกิจการที่บริโภคกันในประเทศเป็นหลัก (ช่วงนี้ก็เช่นกัน) jmart bigc makro it svoa hmpro cpall ขอความคิดเห็นของหมอฝนด้วยนะครับ
ขอความกรุณาขอรายชื่อหุ้นที่น้องฝนติดตามหน่อยได้ไหมครับ พี่จะเอาไปวิแคะดูหน่อย ขอบคุณมากครับ
- BABY TERMITE
- Verified User
- โพสต์: 368
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บริหารชีวิตและลงทุนอย่างหมอ FON ^^
โพสต์ที่ 443
นั่นจิ.... รออ่านมาหลายวันแล้วนา
สงสัยมัวแต่ยุ่งดูพื้นฐานหุ้นในพอร์ทว่าแข็งแกร่งขึ้นหรืออ่อนแอลงอยู่มั้งนี่... :lol:
สงสัยมัวแต่ยุ่งดูพื้นฐานหุ้นในพอร์ทว่าแข็งแกร่งขึ้นหรืออ่อนแอลงอยู่มั้งนี่... :lol:
ปลวกน้อยคอยวันเติบใหญ่
- Fon^^
- Verified User
- โพสต์: 604
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บริหารชีวิตและลงทุนอย่างหมอ FON ^^
โพสต์ที่ 445
ฝนต้องรบกวนขอคำแนะนำอาจารย์mprandy เขียน: อย่าหลอกให้อยาก แล้วจากไปดิหมอฝน
รีบมาต่อด่วน
เพราะว่าฝนยิ่งอ่านยิ่งงงเชียว ^^"
ผิดหนึ่งพึงจดไว้.....ในสมอง
เร่งระวังผิดสอง.....ภายหน้า
สามผิดเร่งคิดตรอง จงหนัก.....เพื่อนเอย
ถึงสี่อีกทีห้า.....หกซ้ำ อภัยไฉน
เร่งระวังผิดสอง.....ภายหน้า
สามผิดเร่งคิดตรอง จงหนัก.....เพื่อนเอย
ถึงสี่อีกทีห้า.....หกซ้ำ อภัยไฉน
- Fon^^
- Verified User
- โพสต์: 604
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บริหารชีวิตและลงทุนอย่างหมอ FON ^^
โพสต์ที่ 446
QE ภาษาวิชาการเรียกว่า มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ
ภาษาชาวบ้านแบบฝนเรียกว่า พิมพ์แบงค์กงเต๊ก
ตั้งแต่ Subprime สหรัฐอเมริกามีปัญหา เรื่องสภาพคล่อง อัตราว่างงานและภาวะเงินฝืด
จนเริ่มกังวลว่าหากเงินในระบบไม่เพียงพอ ภาวะเงินฝืด (Deflation) จะเกิดสุญญากาศเหมือนประเทศญี่ปุ่น
ท่าน Ben Bernanke จึงต้องพยายามพยุงให้มีภาวะเงินเฟ้อมากกว่า 2%
ด้วยความเชื่อว่าหากสภาพคล่องเพียงพอ เกิดภาวะเงินเฟ้อ (Inflation)
จะส่งผลให้สภาพคล่องในระบบสูงขึ้น เกิดการใช้จ่ายภาคครัวเรือน อัตราการว่างงานต่ำลง
Fed จึงต้องลดดอกเบี้ย ลดจนดอกเบี้ยต่ำติดดิน
หากลดไปมากกว่านี้คงได้เห็นอัตราดอกเบี้ยติดลบครั้งแรกของโลก แฮ่ๆ
เมื่อหมดความสามารถเรื่องการลดดอกเบี้ย
การเสริมสภาพคล่องจึงเป็นคำตอบ ทำโดยใช้แบงค์กงเต๊ก เข้าซื้อ พันธบัตรรัฐบาล สินทรัพย์เสี่ยง (MBs)
ทั้งหนี้เน่าและไม่เน่า (แต่ส่วนใหญ่หนี้เริ่มส่งกลิ่น ตุๆ )
มีผลทำให้สถาบันการเงินมีสภาพคล่องมากขึ้น และเหมือนการลดดอกเบี้ยทางอ้อมนี่เอง ^^
ทำให้ฝนคิดถึง Keynes ขึ้นมาทันที ท่านกล่าวว่า "In the long run, we are all dead"
จงจ้างคนมาขุด และ จงจ้างคนมาถม
อาจารย์ mprandy มองว่ามันจะมีผลถึงบ้านเรายังไงบ้างคะ
นักวิชาการบอกว่า การพิมพ์แบงค์กงเต๊กเข้าซื้อพ้นธบัตรรัฐบาล เหมือนการลดดอกเบี้ยทางอ้อม
ตรงนี้ฝนอ่านแล้ว งงๆ ค่ะ
รอ อาจารย์ mprandy มาชี้แนะ
ภาษาชาวบ้านแบบฝนเรียกว่า พิมพ์แบงค์กงเต๊ก
ตั้งแต่ Subprime สหรัฐอเมริกามีปัญหา เรื่องสภาพคล่อง อัตราว่างงานและภาวะเงินฝืด
จนเริ่มกังวลว่าหากเงินในระบบไม่เพียงพอ ภาวะเงินฝืด (Deflation) จะเกิดสุญญากาศเหมือนประเทศญี่ปุ่น
ท่าน Ben Bernanke จึงต้องพยายามพยุงให้มีภาวะเงินเฟ้อมากกว่า 2%
ด้วยความเชื่อว่าหากสภาพคล่องเพียงพอ เกิดภาวะเงินเฟ้อ (Inflation)
จะส่งผลให้สภาพคล่องในระบบสูงขึ้น เกิดการใช้จ่ายภาคครัวเรือน อัตราการว่างงานต่ำลง
Fed จึงต้องลดดอกเบี้ย ลดจนดอกเบี้ยต่ำติดดิน
หากลดไปมากกว่านี้คงได้เห็นอัตราดอกเบี้ยติดลบครั้งแรกของโลก แฮ่ๆ
เมื่อหมดความสามารถเรื่องการลดดอกเบี้ย
การเสริมสภาพคล่องจึงเป็นคำตอบ ทำโดยใช้แบงค์กงเต๊ก เข้าซื้อ พันธบัตรรัฐบาล สินทรัพย์เสี่ยง (MBs)
ทั้งหนี้เน่าและไม่เน่า (แต่ส่วนใหญ่หนี้เริ่มส่งกลิ่น ตุๆ )
มีผลทำให้สถาบันการเงินมีสภาพคล่องมากขึ้น และเหมือนการลดดอกเบี้ยทางอ้อมนี่เอง ^^
ทำให้ฝนคิดถึง Keynes ขึ้นมาทันที ท่านกล่าวว่า "In the long run, we are all dead"
จงจ้างคนมาขุด และ จงจ้างคนมาถม
อาจารย์ mprandy มองว่ามันจะมีผลถึงบ้านเรายังไงบ้างคะ
นักวิชาการบอกว่า การพิมพ์แบงค์กงเต๊กเข้าซื้อพ้นธบัตรรัฐบาล เหมือนการลดดอกเบี้ยทางอ้อม
ตรงนี้ฝนอ่านแล้ว งงๆ ค่ะ
รอ อาจารย์ mprandy มาชี้แนะ
ผิดหนึ่งพึงจดไว้.....ในสมอง
เร่งระวังผิดสอง.....ภายหน้า
สามผิดเร่งคิดตรอง จงหนัก.....เพื่อนเอย
ถึงสี่อีกทีห้า.....หกซ้ำ อภัยไฉน
เร่งระวังผิดสอง.....ภายหน้า
สามผิดเร่งคิดตรอง จงหนัก.....เพื่อนเอย
ถึงสี่อีกทีห้า.....หกซ้ำ อภัยไฉน
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4740
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บริหารชีวิตและลงทุนอย่างหมอ FON ^^
โพสต์ที่ 447
ตามหาตั้งนาน...
ย้ายมาอยู่ห้องนี้หรือนี่
จะตามไปอ่านทุกที่ ที่มีหมอฝน ฝอย เอ้ย....บรรยาย
ขอบคุณ คุณหมอฝนครับ
ย้ายมาอยู่ห้องนี้หรือนี่
จะตามไปอ่านทุกที่ ที่มีหมอฝน ฝอย เอ้ย....บรรยาย
ขอบคุณ คุณหมอฝนครับ
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
-
- Verified User
- โพสต์: 1992
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บริหารชีวิตและลงทุนอย่างหมอ FON ^^
โพสต์ที่ 448
ตอบอันนี้ก่อนเพราะง่ายกว่าFon^^ เขียน:นักวิชาการบอกว่า การพิมพ์แบงค์กงเต๊กเข้าซื้อพ้นธบัตรรัฐบาล เหมือนการลดดอกเบี้ยทางอ้อม
ตรงนี้ฝนอ่านแล้ว งงๆ ค่ะ
หน้าที่ของ Fed หลัก ๆ คือ ปรับสมดุลแห่งปริมาณเงินในระบบ เพื่อให้เกิดเสถียรภาพแห่งเศรษฐกิจและการเงิน โดยปกติ Fed อาศัยการปรับสมดุล (เพิ่ม/ลด) ปริมาณเงินผ่านการปรับอัตราดอกเบี้ยที่ชื่อ Fed Fund Rate (ส่วนอัตราอื่นเช่น Discount Rate ก็อ้างอิง FFR เปนหลัก) ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยสำหรับการกู้ยืมเงินระหว่างธนาคารที่ฝากไว้กับ Fed เปนเงินสำรอง
ถ้า Fed ต้องการดูดเงินออกจากระบบ ก็เพิ่ม FFR ถ้าฉีดเงินก็ลด FFR เอา .. ปัญหาของภาคเศรษฐกิจตอนนี้ ไม่ได้อยู่ที่ปริมาณเงินในระบบไม่พอ แต่เกิดจากเงินที่มีอยู่มากมายมหาศาล ไม่ตกไปสู่ภาคเศรษฐกิจและธุรกิจ แต่ยังอยู่ในแวดวงการเงิน ธนาคาร และการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ
แต่เดิม Fed ทำ QE1 เพื่อให้ธนาคารทำการล้างหนี้เสีย (พวก MBS, CDO ทั้งหลายแหล่ รวมถึงตราสารหนี้เอกชน) โดยเอามาขายให้ Fed แลกกับเงิน $ ไป ร่วมกับการลด FFR โดยหวังให้ธนาคาร มีฐานะทางการเงินดีขึ้น และสามารถปล่อยกู้สู่ธุรกิจต่าง ๆ ได้ดังเดิม
ปัญหาก็คือว่า พวกธนาคารเขี้ยวลากดินเหล่านี้ ไม่ได้เอาเงินที่ได้มาไปปล่อยกู้หรอก .. ในเมื่อการปล่อยกู้ต้องเสี่ยงต่อหนี้เสีย เศรษฐกิจก็ไม่ดี ดอกต่ำติดดิน เงินเหลือบานเบอะในแบงค์อย่างนี้ .. สู้เอาเงินพวกนี้ไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลกินดอกแม้จะไม่เยอะ (3-4%) แต่ยังไงก็กำไร (เพราะต้นทุนเปน 0 เนื่องจาก FFR = 0%) แถมไม่เสี่ยงอะไรเพราะพันธบัตรรัฐบาลไม่มีวันเจ๊ง
ตั้งแต่ Fed ลดดอก และทำ QE1 ปรากฏว่าธนาคารเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มขึ้นถึง 4-5 แสนล้านเหรียญ แล้ว Fed จะทำยังไง ดอกก็ขึ้นไม่ได้ จะไปบังคับเขาให้ปล่อยกู้ ก็ยาก วิธีที่ป๋าเบนเขาจะทำก็คือ QE2 โดยการฉีดเงินอีก 6 แสนล้าน เพื่อเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยเฉพาะ พูดตรง ๆ คือ แย่งแบงค์พวกนี้ซื้อซะเลย เมื่อแย่งเขาซื้อ อัตราดอกเบี้ยจะลดลง ของที่เคยคุ้มจะเริ่มไม่คุ้ม (spread เริ่มต่ำลงมาก), แถมการกดดอก ทำให้ความดึงดูดในตราสารหนี้เริ่มน้อยลง (ตราสารเหล่านี้มักอ้างอิงดอกเบี้ยพันธบัตรเปนหลัก) เมื่อเงินไม่มีที่ไป ก็น่าจะทำให้สถาบันการเงินทั้งหลาย ต้องยอมไปปล่อยกู้มากขึ้น นอกจากนี้อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรที่ต่ำ จะมีผลอีกหลายอย่างเพราะถือเปนอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงมาตรฐาน เช่นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้าน, เงินกู้ระยะยาวอื่น ๆ น่าจะทำให้หนี้เสียภาคอสังหา และภาคธุรกิจน้อยลงได้
การฉีดเงินเพิ่มเพื่อหวังให้แบงค์ปล่อยกู้ให้ภาคธุรกิจ แม้จะเปนจุดประสงค์หลัก แต่ด้วยเหตุที่เงินเปนสินทรัพย์สภาพคล่องสูง การ manipulate เงิน ย่อมหนีไม่พ้นผลที่เรียกว่า spill over effect คือเงินย่อมไหลไปยังส่วนอื่นด้วยไม่มากก็น้อย การไหลของเงินไปยังสินทรัพย์เสี่ยงกว่า (เช่น หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ อสังหา) ย่อมทำให้สินทรัพย์เหล่านี้มีมูลค่าสูงขึ้น (ผลทางอ้อม ทางบวกคือ คนที่มีสินทรัพย์เหล่านี้ อาจรู้สึก "รวย" ขึ้นและมีผลให้จับจ่ายใช้สอยกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น แต่ทางลบคือ เงินเฟ้อย่อมมากขึ้น) นอกจากนี้ เงิน $ ที่มีมากในระบบ ย่อมไหลจากเมกา ไปยังประเทศอื่น ทำให้ค่าเงิน $ ลดลงเมื่อเทียบกับสกุลอื่น และมีผลอื่น ๆ ตามมา เช่นการลดการขาดดุลการค้าของเมกาเอง, การไหลของเงินไปลงทุนในต่างประเทศ, การเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะกลุ่ม hard commodities เปนผลสะท้อนไปมาไม่จบสิ้น จนกว่าทุกภาคส่วนจะเข้าสู่สมดุลใหม่Fon^^ เขียน:อาจารย์ mprandy มองว่ามันจะมีผลถึงบ้านเรายังไงบ้างคะ
ผลที่เหน ๆ ในบ้านเราคือ ค่าเงินบาทที่ "ดูจะแข็งขึ้น" (เมื่อเทียบกับ $), การเพิ่มขึ้นของดัชนีตลท. เพราะเงินจากต่างประเทศเข้ามา ร่วมกับการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (กิจการใหญ่ ๆ ในบ้านเราล้วนแต่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์), การส่งออกที่ลำบากขึ้น ... ส่วนเงินเฟ้อ ขึ้นกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ กับค่าเงินบาทว่าน้ำหนักเทไปทางใดมากกว่ากัน
ไม่สน return rate เยอะ, ขอแค่ financial freedom ภายใน 14 ปีก็พอ..
------------------------
------------------------
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4740
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บริหารชีวิตและลงทุนอย่างหมอ FON ^^
โพสต์ที่ 450
Thank you P'mprandy krub
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"