ถ้าลงทุนตาม Journal ของ ดร. นิเวศน์

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
tum
Verified User
โพสต์: 8
ผู้ติดตาม: 0

ถ้าลงทุนตาม Journal ของ ดร. นิเวศน์

โพสต์ที่ 1

โพสต์

คือผมไปอ่านเจอ Journal ดร. นิเวศน์ ที่ชื่อว่า

แนวทางการลงทุนในหุ้นคุณค่า
และผลตอบแทนในตลาดหุ้นไทย  
วารสารบริหารธุรกิจ นิด้า - เล่มที่ 5 พฤศจิกายน 2552

และท่านอาจารย์ได้มาสรุปอีกทีไว้ในบทความ  
มหัศจรรย์ของหุ้น VI
โลกในมุมมองของ Value Investor  6 มีนาคม 53

โดยเลือกลงทุนในหุ้นที่มีค่า  PE ไม่เกิน  10  เท่า  ค่า PB ไม่เกิน 1 เท่า  
และค่าผลตอบแทนปันผลหรือ Dividend Yield ไม่ต่ำกว่า 3%

ซึ่งถ้าเราลงทุนเริ่มต้นในปี 2543 จำนวน 1 ล้านบาท  
ภายในสิ้นปี 2551 พอร์ต VI จะโตขึ้นเป็นประมาณ 13.6 ล้านบาท  
ขณะที่ถ้าลงทุนตามดัชนีตลาดหุ้น  พอร์ตจะเพิ่มขึ้นเป็นเพียง 1.5 ล้านบาทในเวลา 9 ปี

อยากสอบถามว่า

1. เมื่อผมเข้าไปดูข้อมูลหุ้นในเวบ settrade แล้วพบว่า
หุ้นที่มีค่า PE เป็น 0 กับหุ้น property fund ที่ไม่มีค่า PE
แบบนี้ถือว่าเข้าข่ายมั้ยครับ

2. เราสามารถย้อนไปหาข้อมูลเมื่อต้นปี 2553
ว่าเดือนมกราคมมีหุ้นที่เข้าเกณฑ์นี้กี่ตัว เพื่อมาเทียบกับเวลา ณ ปัจจุบันนี้ได้มั้ยครับ

3.แต่ละท่านมีความคิดเห็นต่อวิธีนี้อย่างไรบ้างครับ

ขอขอบคุณล่วงหน้าครับ
Green
Verified User
โพสต์: 2606
ผู้ติดตาม: 0

Re: ถ้าลงทุนตาม Journal ของ ดร. นิเวศน์

โพสต์ที่ 2

โพสต์

[quote="tum"]คือผมไปอ่านเจอ Journal ดร. นิเวศน์ ที่ชื่อว่า

แนวทางการลงทุนในหุ้นคุณค่า
และผลตอบแทนในตลาดหุ้นไทย
tum
Verified User
โพสต์: 8
ผู้ติดตาม: 0

ถ้าลงทุนตาม Journal ของ ดร. นิเวศน์

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ขอบคุณ คุณ Green มากๆครับ ที่ช่วยตอบกระทู้ผม :D

สำหรับท่านใดที่อยากอ่านรายละเอียด Journal อยู่ที่ลิ้งค์นี้นะครับ

http://journal.nida.ac.th/journal/index ... 95&lang=th

อ่านแล้วมาแนะนำหรือแชร์กันได้นะครับ :D
Green
Verified User
โพสต์: 2606
ผู้ติดตาม: 0

ถ้าลงทุนตาม Journal ของ ดร. นิเวศน์

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ขอบคุณมากครับ

อืมม  ไปอ่านมาแล้ว น่าสนใจดีครับ แค่เราเลือกหุ้น แบบวิธีนี้

PE < 10 , PBV < 1 , DIV > 3  แล้วซื้อทุกตัวที่เข้าเกณฑ์ นี้เลย ( 70 - 80 ตัว ) หลังจากนั้นถือครบ 1 ปี แล้วมาดูใหม่ว่า มีตัวไหนที่ไม่เข้าเกณฑ์นี้ก็คัดออก ตัวในที่เข้าเกณฑ์ ก็ใส่เพิ่มเข้ามา ทำไปเรื่อยๆอย่างนี้ทุกๆ ปี ครบ 10 ปีก็จะชนะตลาดแบบกระจุย ผลตอบแทนทบต้น น่าจะเกือบๆ 30% ทบต้น เงิน 1 ล้านบาท แค่ 8 ปีก็กลายเป็น 13.5 ล้านบาท  อีกนะนี้ ( ปี 51 ยังแทบจะไม่ติดลบคือ ลบแค่ 2% เอง เทียบกับตลาดที่ลบไป 51% ซึ่งน่าสนใจมากๆ ว่าทำไมไม่ลดลงเลยอ่ะ ทั้งๆ หุ้นทั้งตลาดลดลงฮวบฮาบซะอย่างนั้น   )

อย่างนี้เค้าเรียกว่าหักปากกาเซียน หรือป่าว ว่าเล่นหุ้นแบบกระจายมากๆ หลายๆ ตัวจะไม่สามารถชนะตลาดได้ (อันนี้กระจายเกือบร้อยตัวแต่ ชนะขาดลอย) และไม่ต้องสนใจอะไรมาก ดู ratio เป็นพอ สิ้นปี กรองหุ้นให้เข้าเกณฑ์ นี้ แล้วลงทุนไปตามนี้ บริษัททำอะไร อนาคตน่าจะเป็นอย่างไร ก็ไม่ต้องดูอะไรมาก

ส่วนตัวผมว่าถ้าคุณ tum สนใจ วิธีการนี้ ก็ลอง Cross Check ข้อมูลเก่าดูน่าจะได้นะครับ ว่าผลงานออกมาเป็นอย่างไร เค้ามีเกณฑ์ในการคัดเลือกหุ้นนอกจากดูเรโซ หรือป่าว เพราะว่าใน journal นี้ทำไม่ค่อยละเอียดอ่ะครับ  ไม่ได้บอกรายละเอียด Method of Experiment อะไรมาก ( บอกแค่ว่าใช้ เรโช ในการเลือกอย่างเดียว  )  มันขาดขั้นตอนสำคัญคือการ ขั้นตอนการคำนวณผล Experiement ที่ บอกว่าในแต่ละปี เอาหุ้นตัวไหนมาคิด บ้าง และทำการทำ Portfoilo Allocation อย่างไร โดยข้ามมาเป็นในส่วนของ Result of Experiment  เลย ทำให้เราควรจะเชค ว่ามัน Valid จริงๆ อีกทีนึงครับ

ส่วนตัวผมยังไม่เชื่อว่า การลงทุนมันจะมีสูตรสำเร็จแบบนี้นะครับ มันดูง่ายจังอ่ะ  แต่ไงๆ ถ้าลองเชคดูแล้วได้ผลดีจริงๆ เอามาแชร์กันด้วยนะครับ น่าสนใจมาก
ภาพประจำตัวสมาชิก
jo7393
Verified User
โพสต์: 2486
ผู้ติดตาม: 0

ถ้าลงทุนตาม Journal ของ ดร. นิเวศน์

โพสต์ที่ 5

โพสต์

อืม  ผมว่าคงไม่ใช่ดูแต่ตัวเลข pe pb โดยไม่สนใจคุณภาพของตัวเลขเลยหรอกนะครับ อย่างค่า pe หากให้ e ย้อนหลัง 4ไตรมาส แล้วไตรมาสสุดท้ายขาดทุนโดยที่มีเหตุการณ์ที่ทำให้อนาคตของ บ.เปลี่ยนไป  ราคาคือ p ในตลาดร่วงอย่างแรง แต่เวลาคำนวณ pe ตัว e ใช้ฃองอีก 3ไตรมาสก่อนหน้าที่ยังมีกำไรมาร่วมคำนวณด้วย ก็จะกลายเป็น p ต่ำ e มาก หารออกมา pe ก็ต่ำ ดูแล้วเหมือนดี แต่ปัจจุบัน และอนาคตของ บ.กำลังแย่    เท่ากับโดนตัวเลขหลอกได้นะครับ ใช้ตัวเลขใด ควรดูคุณภาพของตัวเลขนั้นด้วยครับ หากใช้แบบซื้อสุ่มโดยดูแต่ตัวเลขอย่างเดียว อาจต้องนำกลุ่ม บ.ที่มีตัวเลขเข้าข่ายมาหาสถิติดูก่อนว่า ในกลุ่มเหล่านั้นมี % ที่เป็น บ.ดีกี่%  และมี บ.ที่ผมกล่าวถึงสักกี่%
“ถ้าราคาหุ้นแยกออกไปจากเส้นกำไร  ไม่ช้าก็เร็วมันจะวิ่งกลับไปหาเส้นกำไรเสมอ”
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม  และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่

อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
ภาพประจำตัวสมาชิก
ltf08
Verified User
โพสต์: 44
ผู้ติดตาม: 0

ถ้าลงทุนตาม Journal ของ ดร. นิเวศน์

โพสต์ที่ 6

โพสต์

เหมือนในหนังสือ  The little book that beats the market มั้งครับ
...
[/img]
Tochi
Verified User
โพสต์: 15
ผู้ติดตาม: 0

ถ้าลงทุนตาม Journal ของ ดร. นิเวศน์

โพสต์ที่ 7

โพสต์

โดยส่วนตัว ผมเลือกหุ้นที่ผ่านการวิเคราะห์ และเกณฑ์ที่เรา เป็นคนกำหนดเอาไว้ครับ ซื้อแบบเฉลี่ย หลายๆตัว ดูไม่ไหวครับ ^_^
prapon
Verified User
โพสต์: 56
ผู้ติดตาม: 0

ถ้าลงทุนตาม Journal ของ ดร. นิเวศน์

โพสต์ที่ 8

โพสต์

ปัจจุบันน่าจะมีหุ้นที่เข้าข่ายนี้ไม่ถึง 30 ตัว ยังไม่ได้ลองทำข้อมูลนะ เดาล้วนๆ
การลงทุนที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดคือ การลงทุนในความรู้
Green
Verified User
โพสต์: 2606
ผู้ติดตาม: 0

ถ้าลงทุนตาม Journal ของ ดร. นิเวศน์

โพสต์ที่ 9

โพสต์

EGCO  BCP  BECL  SUC  SIRI  SVH  SC  PF  NOBLE  MK  PRIN  MJD LALIN  LTX  PL  BSBM  PAP  CSC  SENA  CHOTI  MATI  TC  SAMCO  TMD THANI SUSCO  SVOA  MLINK  TIW  UST  CITY  DRACO  TOPP  RASA  PRECHA  TCMC  F_D  BUI  NIPPON  THIP  TCOAT


41 ตัวครับ ตามนี้ เลย ดูตามเลข Ratio ล้วนๆ ไม่ได้ดูตามคุณภาพกำไร ครับ ใครอยากลองจดราคาไว้ตอนนี้ ก็ลองดูได้นะครับ ครบหนึ่งปี มาเปรียบเทียบกับ set และพอร์ตของคุณเอง ว่าใครจะชนะใคร อิอิ
prapon
Verified User
โพสต์: 56
ผู้ติดตาม: 0

ถ้าลงทุนตาม Journal ของ ดร. นิเวศน์

โพสต์ที่ 10

โพสต์

ลองทำดูเล่นๆเฉพาะตัวเลขล้วนๆ ไม่ได้วิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานใดๆเลยครับ  ใครสนใจเอาไปศึกษาต่อดังนี้

Stock Sector P/E   P/B Yield
PRECHA PROP 3.13 0.76 8.82
BCP ENERG 4.23 0.73 11.18
PRIN PROP 4.37 0.83 5.78
RASA PROP 4.75 0.77 4.24
MK PROP 4.87 0.55 8.22
NOBLE PROP 5.07 0.73 5.67
SENA PROP 5.12 0.96 7.4
TIW CONMAT 5.19 0.67 8.11
F&D FOOD 5.20 0.71 3.82
SIRI PROP 5.27 0.89 8.66
TCOAT PKG 5.32 0.5 5.15
THIP PKG 5.48 0.44 6.06
UST TRANS 5.75 0.69 4.57
SC PROP 5.78 0.87 5.2
LALIN PROP 5.81 0.58 5.15
TOPP PKG 5.88 0.74 3.75
SVH HELTH 6.07 0.73 6
PL FIN 6.27 0.98 7.37
THANI FIN 6.30 0.87 7.38
TMD PKG 6.32 0.75 6.27
MJD PROP 6.32 0.93 9.32
PF PROP 6.36 0.52 5.46
MLINK ICT 6.68 0.42 7.63
EGCO ENERG 6.72 0.96 5.38
CSC PKG 7.12 0.98 3.2
SUC FASHION 7.17 0.81 4
NIPPON PKG 7.20 0.67 10.33
CHOTI AGRI 7.29 0.99 8.24
MATI MEDIA 7.32 0.73 3.73
PAP CONMAT 7.46 0.96 4.8
TCMC CONMAT 7.76 0.44 3.64
DRACO ETRON 7.93 0.59 3.66
SAMCO PROP 8.46 0.61 4.13
LTX FASHION 8.66 0.55 6.41
SVOA ICT 8.68 0.78 3.75
TC FOOD 8.72 0.74 3.34
SUSCO ENERG 8.77 0.62 6.64
BECL TRANS 8.80 0.82 6.65
BSBM CONMAT 9.14 0.88 5.3
BUI INSUR 9.17 0.54 5
CITY IMM 9.30 0.71 4
การลงทุนที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดคือ การลงทุนในความรู้
pawiga
Verified User
โพสต์: 870
ผู้ติดตาม: 0

ถ้าลงทุนตาม Journal ของ ดร. นิเวศน์

โพสต์ที่ 11

โพสต์

ปัญหาคือ พีอี ปัจจุบัน มันไม่ได้บอกถึงอนาคต นี่สิ  หลายๆตัว ไม่มีความสามารถแข่งขันเจออะไรไม่ดีมากระทบหน่อย ก็ขาดทุนล่ะ
dantedragon007
Verified User
โพสต์: 99
ผู้ติดตาม: 0

ถ้าลงทุนตาม Journal ของ ดร. นิเวศน์

โพสต์ที่ 12

โพสต์

ผมคิดว่าที่ดร.ว่าไว้น่าจะหมายถึงหุ้นนะครับ แต่นำไปประยุกต์ใช้กับproperty fundได้ก็ดีใจด้วยนะ  :)
nut776
Verified User
โพสต์: 3350
ผู้ติดตาม: 0

ถ้าลงทุนตาม Journal ของ ดร. นิเวศน์

โพสต์ที่ 13

โพสต์

[quote="Green"]EGCO
show me money.
nut776
Verified User
โพสต์: 3350
ผู้ติดตาม: 0

ถ้าลงทุนตาม Journal ของ ดร. นิเวศน์

โพสต์ที่ 14

โพสต์

[quote="Green"]ขอบคุณมากครับ

อืมม
show me money.
Tong n_n
Verified User
โพสต์: 75
ผู้ติดตาม: 0

ถ้าลงทุนตาม Journal ของ ดร. นิเวศน์

โพสต์ที่ 15

โพสต์

สูตรนี้ ผมเคยอ่านเจอในบทความที่ ดร.นิเวศน์เขียนลงหนังสือพิมกรุงเทพธุรกิจครับ
เด็กใหม่ไฟแรง
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 1575
ผู้ติดตาม: 0

ถ้าลงทุนตาม Journal ของ ดร. นิเวศน์

โพสต์ที่ 16

โพสต์

อดใจนิดนึงครับ
ผมจะไปหา research ใหม่ๆ มาให้ครับ
เห็น อ.ไพบูลย์ พูดๆอยู่เหมือนกันครับ
ดู clip รายการ money talk ย้อนหลังได้ที่
http://www.facebook.com/MoneyTalkTV
jinyong
Verified User
โพสต์: 455
ผู้ติดตาม: 0

ถ้าลงทุนตาม Journal ของ ดร. นิเวศน์

โพสต์ที่ 17

โพสต์

กรณีนี้ คงจะ กล่าวไว้เพื่อเปรียบเทียบให้ดูเฉยๆ  กรณีสำหรับคนทั่วไปที่จะลงทุน โดยไม่ต้องรู้ลึกมากนัก มั้ง

การซื้อหลายๆ ตัว ถ้าพูดอีกด้านนึงก็คงจะคล้ายๆ ลงทุนกับ set แต่ มีตัวช่วยกรอง  จะทำให้ประสิทธิภาพน่าจะดีขึ้น


คุณ สุมาอี้ ก็มีแนวทางคล้ายๆ กัน ที่ทดลองอยู่  โดยไม่ต้องดู จังหวะเข้าๆ ออกๆ
เด็กฝึกงาน...
ภาพประจำตัวสมาชิก
iluckyhappy
Verified User
โพสต์: 72
ผู้ติดตาม: 0

ถ้าลงทุนตาม Journal ของ ดร. นิเวศน์

โพสต์ที่ 18

โพสต์

ผมคิดว่า หุ้น PE ต่ำก็ไม่ได้บอกว่า เป็นหุ้นที่น่าลงทุน เพราะ การลงทุน ไม่ได้ดูแต่ ตัวเลข PE ถ้าเป็นผม ผมคงต้องดูแนวโน้ม ของธุรกิจ ที่สามารถมีศักยภาพในการแข่งขัน และเติบโตไปได้ในอนาคต  มีทีมผู้บริหาร ที่เก่ง และ น่าเชื่อถือ หรือไม่แต่ยอมรับ ครับ ว่าเป็น สิ่งที่ดูยาก เหมือนกัน สำหรับผู้บริหาร เพราะสร้างภาพกันได้

ท้ายสุดสรุป ก็คงต้องดู อะไร ที่มากกว่า ค่า PE, PB, DE, DIV, ROE, ROA, .... ต้องเน้น ทั้งเชิงคุณภาพ และ ปริมาณ ... และ อีกข้อที่น่าจะใช้ได้ ก็คือ ก่อนจะลงทุน คุณ ต้องถามตัวเองก่อนว่า คุณอยากเป็นเจ้าของธุรกิจ บริษัท นี้หรือไม่ คุณพร้อมที่จะ ร่วมธุรกิจ กับ บริษัท นั่น หรือไม่ ...ถ้าคำตอบของคุณ คือใช่ ก็อาจจะเป็น อีก 1 แนวทาง ในการเลือกบริษัทที่คุณ จะเข้า ลงทุนด้วย ...

โชคดีครับ
---------------------------
การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุน และตัดสินใจด้วยตัวท่านเอง ... :8)
nut776
Verified User
โพสต์: 3350
ผู้ติดตาม: 0

ถ้าลงทุนตาม Journal ของ ดร. นิเวศน์

โพสต์ที่ 19

โพสต์

เด็กใหม่ไฟแรง เขียน:อดใจนิดนึงครับ
ผมจะไปหา research ใหม่ๆ มาให้ครับ
เห็น อ.ไพบูลย์ พูดๆอยู่เหมือนกันครับ

รออย่างใจจดจ่อ
show me money.
support
Verified User
โพสต์: 193
ผู้ติดตาม: 0

ถ้าลงทุนตาม Journal ของ ดร. นิเวศน์

โพสต์ที่ 20

โพสต์

ถ้าตัดหุ้น วัฎจักร ออกไปก็น่าสนใจอยู่นะครับ เพราะหุ้นวัฎจักร ไม่ควรดู PE เป็นอย่างยิ่ง ให้เลือกเฉพาะหุ้นที่มีผลการดำเดินงานคงเส้นคงวา และมีเบต้าต่ำ ๆ น่าจะ โอเค
Dangdao
Verified User
โพสต์: 151
ผู้ติดตาม: 0

ถ้าลงทุนตาม Journal ของ ดร. นิเวศน์

โพสต์ที่ 21

โพสต์

เห็นด้วยกับคุณ Nut 776 ตัว nippon ไม่ควรเข้า เห็นติด SP อยู่ตอนนี้ และมีข่าวผู้บริหารนำเงินออกจากบริษัทอยู่
http://www.settrade.com/simsImg/news/2010/10026830.t10
http://www.settrade.com/simsImg/news/2010/10035244.t10
ภาพประจำตัวสมาชิก
dr_wern
Verified User
โพสต์: 20
ผู้ติดตาม: 0

ถ้าลงทุนตาม Journal ของ ดร. นิเวศน์

โพสต์ที่ 22

โพสต์

หลายครั้งหลายครา หุ้น PE PBV ต่ำ มันจะกลายร่างเป็นหุ้น "ถูกเรื้อรัง" รอ Mr.Market เห็นคุณค่า หรือไม่ก็รอเจ้าของ ปลดปล่อยมูลค่า

นอกจากนี้ ในความ PE PBV ต่ำ ก็มีความเป็นวัฏจักร ร่วมอยู่ คือ PE PBV สามารถต่ำ แล้วก็สูง แล้วเดี๋ยวก็ลงต่ำมาอีก

บทความนี้ของท่าน ดร.นิเวศน์ ผมคิดว่า น่าสนใจในแง่ของการสร้างตะแกรงร่อนหุ้นขึ้น เพื่อให้นักลงทุนค้นหาหุ้นที่มีศักยภาพ แต่ยังไม่ถูกปลดปล่อยมูลค่าที่แท้จริงครับ

ส่วนการทำตามสูตร (คล้าย Magic Formula ใน The Little Book That Beats The Markets ซึ่งใช้ค่า PE และ ROA ในการ scoring) คงต้องรอท่าน ดร.นิเวศน์ และผู้รู้ท่านอื่น พิสูจน์ และขยายต่อครับ
pinakorn
Verified User
โพสต์: 344
ผู้ติดตาม: 0

ถ้าลงทุนตาม Journal ของ ดร. นิเวศน์

โพสต์ที่ 23

โพสต์

สวัสดีคับ แอบอ่านมาหลายวัน เลยขอทดสอบโพสกระทู้หน่อย ครับ

การลงทุนในหุ้นไม่มีสูตรสำเร็จ ถ้าแนวทางที่ท่านลงทุนแล้วสำเร็จ ก็คือสูตรที่สำเร็จอีกหนึ่งสูตร อิอิ อ่านแล้วก็วนๆดี
หมูสนาม
Verified User
โพสต์: 3
ผู้ติดตาม: 0

ถ้าลงทุนตาม Journal ของ ดร. นิเวศน์

โพสต์ที่ 24

โพสต์

ลองไปอ่านฉบับเต็มครับ
http://journal.nida.ac.th/journal/attac ... %B9%8C.pdf
yoko
Verified User
โพสต์: 4337
ผู้ติดตาม: 0

ถ้าลงทุนตาม Journal ของ ดร. นิเวศน์

โพสต์ที่ 25

โพสต์

วิธีของดร มีปัญหาในทางปฏิบัติครับ


:lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:
Tui_Number2
Verified User
โพสต์: 47
ผู้ติดตาม: 0

ถ้าลงทุนตาม Journal ของ ดร. นิเวศน์

โพสต์ที่ 26

โพสต์

ถ้าใช้ Ratio ตามความหมายจริงๆของมัน และซื้อหุ้นมากขนาดเกือบร้อย โดยเฉลี่ยมีหุ้นเน่าบ้างดีบ้าง ผมว่าผลตอบแทนเฉลี่ยยังไงก็น่าจะดีกล่าวของตลาด เพราะอย่างน้อยก็คัดของดีบางส่วนมาจากตลาดบ้างแล้วแถมยังมีการคัดกร่องออกทุกปี ทฤษฏีก็น่าจะมีความเป็นไปได้ครับ แต่มากน้อยคงขึ้นกับซื้อตอนไหนด้วย
ยังไงก็แล้วแต่ผมคิดว่านี่เป็นการดึงตัวเลขมาดูจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาแล้วซึ่งใช่ว่าเป็นจริงอีกครั้งตามนั้นในอนาคตนี่ครับ
เพิ่งหัดลอง
pracha_n
Verified User
โพสต์: 184
ผู้ติดตาม: 0

ถ้าลงทุนตาม Journal ของ ดร. นิเวศน์

โพสต์ที่ 27

โพสต์

ตอนผมอ่านบทความนี้ครั้งแรกที่เผยแพร่ออกมาใน settrade.com 6 มี.ค.53 ตอน มหัศจรรย์ของหุ้น VI
ผมก็ลองเลือกหุ้นทันที ได้มา 2 ตัว คือ VNT กับ PTL จึงศึกษาข้อมูลบริษัทเล็กน้อยแล้วจึงลองซื้อดูเล่นๆแต่ไม่มาก ที่ราคา VNT 6.8 PTL 5.7 ต่อมาเห็นมันขึ้นอดทนไม่ได้ จึงทะยอยขายไป เสียดายมากครับโดยเฉพาะ PTL (ขายไปก่อน VNT เสียอีก) ที่ไม่ได้ศึกษาละเอียดและไม่ได้อ่านใน ร้อยคนร้อยหุ้น เพราะมัวแต่ไปดูตัวอื่น และคิดเอง (และกลัว) ว่า หุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ผันผวนเข้าใจยาก ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่เคย "ศึกษาให้ลึกซึ้งเลย"  หุ้น STA ก็อีกตัวที่เคยซื้อเมื่อต้นปี 52 ราคา 8 (PAR 5) ตอนนี้ 34.75 (PAR 1)

ปลายเดือน ก.ย.53 ก็ลองกลับมาดูสูตร PE < 10; PB < 1; div. > 3% ดูอีกแล้วเลือกได้ SPG แล้วซื้อไว้ ตอนนี้ก็ยังได้กำไรอยู่

ผมว่าสูตรนี้ใช้ได้ผลค่อนข้างดี โดยเฉพาะช่วยลด "ความเสี่ยงที่จะขาดทุน"
กฎการลงทุนสำคัญของวอร์เรน บัฟเฟต ข้อ1และ2 คือ อย่าขาดทุน
ตลาดหุ้นใช้ราคาเป็นเหยื่อล่อความโลภ มองหุ้นเหมือนการทำธุรกิจ ไม่โลภจะค่อยๆรวยเอง
เด็กใหม่ไฟแรง
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 1575
ผู้ติดตาม: 0

ถ้าลงทุนตาม Journal ของ ดร. นิเวศน์

โพสต์ที่ 28

โพสต์

เมื่อวานนี้มีการบันทึกเทปรายการมันนี่ทอล์ค
โดยเฉพาะเรื่อง "ลงทุนหุ้นอย่างไรให้ได้กำไรสูงสุด"
มีการกล่าวถึงงานวิจัย
p/b น้อยกว่า 1
p/e น้อยกว่า 10
d/p มากกว่า 3%
อธิบายกันละเอียดพอควร
รวมท้ังแนวทางการร่อนหุ้นแบบอื่นๆ

จะออกอากาศ
ทาง money channel
วันอาทิตย์ที่ 21 พย 53  9 โมงเช้า และ 6 โมงเย็น
วันพุธที่ 23 พย53 22 น.
รวมทั้งทาง nation channel วันเสาร์ 20 พย 16 น.
ทาง tnn2 วันอังคาร 22 พย 22 น.

ลองไปดูรายละเอียดกันนะครับ
ดู clip รายการ money talk ย้อนหลังได้ที่
http://www.facebook.com/MoneyTalkTV
โพสต์โพสต์