เก็บเงินแต่งงานทำยังไง
- กล้วยไม้ขาว
- Verified User
- โพสต์: 1074
- ผู้ติดตาม: 0
เก็บเงินแต่งงานทำยังไง
โพสต์ที่ 61
เอ้อมีเรื่องนึง อยากจะบอกเวย์นะ
อย่าโกรธผมนะ
เท่าที่อ่านดูที่โพสในกระทู้นี้ ผมเข้าใจได้อย่างนึง
ที่แสดงว่าความคิดของเวย์ยังไม่เป็นอิสระจริงๆ
เวย์กำลังติดหลุมพลางที่เรียกว่า ต่อต้านพ่อแม่
หมายความว่าความคิดเวย์กำลังเป็นฟังก์ชั่นง่ายๆ ที่ำพ่อแม่บอกหรืออยากให้ทำอะไร
เวย์จะคิดและทำตรงข้าม
และมันจะทำให้เวย์กลายเป็นคนไม่มีจุดยืน และพลาดโอกาสดีๆไป
อย่างเรื่องเรียนภาษาอังกฤษ
หลายคนอยากมีโอกาสเรียน ใขว่ขว้าแทบตายก็ไม่ได้เรียน
เวย์มีโอกาสแต่ไม่เรียน เพราะไม่อยากทำตามที่ำพ่อแม่บอกให้เรียนต่างประเทศ
ถึงเวย์จะเก่งอังกฤษแต่ไม่อยากไปต่างประเทศ เวย์ก็ทีเหตุผลอื่นปฏิเสธได้
แต่การเอาโอกาสที่จะรู้ภาษาอังกฤษมาแลก บอกตรงๆโคตรเสียดายเลย
เวย์อาจจะคิดว่าตัวเองมีความคิดเป็นของตัวเองนะ
แต่จริงๆ ก็ยังถูกชักจูงโดยพ่อแม่... ชักจูงไปยังด้านตรงข้าม...
สิ่งนี้มันแสดงถึงความอ่อนแอในจิตใจของเวย์เอง
และเป็นจุดที่พี่ๆ ทุกคนในเว็บเป็นห่วง
ต้องหลุดจากกับดักนี้ก่อน
เวลาเขาบอกอะไรให้มองเหมือนคนในบอร์ดมาให้ความเห็นหรือทางเลือกก็ได้
ไม่ต้องไปมองว่ามันคือคำำพูดของพ่อแม่ เราไม่ชอบ เราต้องต่อต้าน
เอาแค่เนื้อหามาพิจารณาว่ามันดี มันถูก มันได้ประโยชน์ไหม มันจริงไหม
แล้วตัดสินใจตามที่พิจารณาด้วยปัญญา
ถ้าทำได้ตามนี้เราถึงจะมีอิสระทางความคิดอย่างแท้จริง
เวย์จะเป็นคนมีจุดยืนของตัวเองจริงๆ
และคนรอบข้างก็จะเปลี่ยนไป ทั้งความคิดที่มีต่อตัวเวย์
และการกระทำ
ลองพิจารณาดูนะ
ขอให้โชคดี
อย่าโกรธผมนะ
เท่าที่อ่านดูที่โพสในกระทู้นี้ ผมเข้าใจได้อย่างนึง
ที่แสดงว่าความคิดของเวย์ยังไม่เป็นอิสระจริงๆ
เวย์กำลังติดหลุมพลางที่เรียกว่า ต่อต้านพ่อแม่
หมายความว่าความคิดเวย์กำลังเป็นฟังก์ชั่นง่ายๆ ที่ำพ่อแม่บอกหรืออยากให้ทำอะไร
เวย์จะคิดและทำตรงข้าม
และมันจะทำให้เวย์กลายเป็นคนไม่มีจุดยืน และพลาดโอกาสดีๆไป
อย่างเรื่องเรียนภาษาอังกฤษ
หลายคนอยากมีโอกาสเรียน ใขว่ขว้าแทบตายก็ไม่ได้เรียน
เวย์มีโอกาสแต่ไม่เรียน เพราะไม่อยากทำตามที่ำพ่อแม่บอกให้เรียนต่างประเทศ
ถึงเวย์จะเก่งอังกฤษแต่ไม่อยากไปต่างประเทศ เวย์ก็ทีเหตุผลอื่นปฏิเสธได้
แต่การเอาโอกาสที่จะรู้ภาษาอังกฤษมาแลก บอกตรงๆโคตรเสียดายเลย
เวย์อาจจะคิดว่าตัวเองมีความคิดเป็นของตัวเองนะ
แต่จริงๆ ก็ยังถูกชักจูงโดยพ่อแม่... ชักจูงไปยังด้านตรงข้าม...
สิ่งนี้มันแสดงถึงความอ่อนแอในจิตใจของเวย์เอง
และเป็นจุดที่พี่ๆ ทุกคนในเว็บเป็นห่วง
ต้องหลุดจากกับดักนี้ก่อน
เวลาเขาบอกอะไรให้มองเหมือนคนในบอร์ดมาให้ความเห็นหรือทางเลือกก็ได้
ไม่ต้องไปมองว่ามันคือคำำพูดของพ่อแม่ เราไม่ชอบ เราต้องต่อต้าน
เอาแค่เนื้อหามาพิจารณาว่ามันดี มันถูก มันได้ประโยชน์ไหม มันจริงไหม
แล้วตัดสินใจตามที่พิจารณาด้วยปัญญา
ถ้าทำได้ตามนี้เราถึงจะมีอิสระทางความคิดอย่างแท้จริง
เวย์จะเป็นคนมีจุดยืนของตัวเองจริงๆ
และคนรอบข้างก็จะเปลี่ยนไป ทั้งความคิดที่มีต่อตัวเวย์
และการกระทำ
ลองพิจารณาดูนะ
ขอให้โชคดี
-
- Verified User
- โพสต์: 1400
- ผู้ติดตาม: 0
เก็บเงินแต่งงานทำยังไง
โพสต์ที่ 62
น้องเวย์
พี่ขอเล่าอะไรบางอย่าง ก่อนเข้านอนคืนนี้นะครับ
แม้ว่าก่อนจบ พี่ได้รับ A คนเดียวในการสอบโปรเจคของรุ่น GPA 3.2 นิดๆ มี
ความเข้าใจในสิ่งที่เรียนอย่างดี จนเอาไปเล่าเนื้องานให้ใครฟังก็เห็นภาพตามได้
แต่...จากการที่พี่เกลียดภาษาอังกฤษ มาตั้งแต่เรียน ม. ปลาย จนจบมหาลัย ทำให้พี่ไม่มีความพร้อมไปสอบเพือเอาผลคะแนนภาษาอังกฤษมาตรฐาน
ไปยื่น และพี่ก็ไม่ได้คิดจะไปสอบด้วย สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ตอนสมัครงาน
ไม่มีบริษัทที่มีระบบสอนงานดีๆ+สวัสดิการดีๆ อ้าแขนรับพี่เข้าทำงาน
ไม่ว่าจะเป็น Toyota Motor Honda ExxonMobil PTT P&G พี่มีคุณสมบัติที่จะเข้ารับการทดสอบเพื่อเข้าทำงาน แต่ไม่มีใครรับเข้าทำงานจนบัดนี้
มารู้อีกที จากรุ่นน้องที่เคยผ่านบริษัทเหล่านี้ ยืนยันว่า ผลคะแนนมาตรฐานภาษาอังกฤษครับ GPA สำคัญ แต่เป็นเรื่องรองลงไป ที่ผิดความคาดหมายพี่คือเรื่องการสัมภาษณ์งานในบริษัทชั้นนำนั้น หลังจากที่เห็นคะแนนภาษาอังกฤษนั้น แทบไม่ได้เจาะลึกอะไร และก็ไม่ได้ใช้เวลามากมาย :lol:
ในขณะที่ตอนจบมา ก่อนจะได้งานแรกที่บริษัทร่วมทุนระหว่าง SCG+ญี่ปุ่นแห่งนึง พี่ต้องทุ่มเทสติปัญญา+ ขายไอเดียทั้งหมดในการตอบคำถามผู้บริหาร 8 คนที่มาจาก SCG ทั้งหมด เป็นเวลากว่าครึ่ง ชม. ได้ จึงจะได้งาน โดยที่ไม่มีคะแนนภาษาอังกฤษอยู่กับตัวเลย
พี่ขอเล่าอะไรบางอย่าง ก่อนเข้านอนคืนนี้นะครับ
แม้ว่าก่อนจบ พี่ได้รับ A คนเดียวในการสอบโปรเจคของรุ่น GPA 3.2 นิดๆ มี
ความเข้าใจในสิ่งที่เรียนอย่างดี จนเอาไปเล่าเนื้องานให้ใครฟังก็เห็นภาพตามได้
แต่...จากการที่พี่เกลียดภาษาอังกฤษ มาตั้งแต่เรียน ม. ปลาย จนจบมหาลัย ทำให้พี่ไม่มีความพร้อมไปสอบเพือเอาผลคะแนนภาษาอังกฤษมาตรฐาน
ไปยื่น และพี่ก็ไม่ได้คิดจะไปสอบด้วย สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ตอนสมัครงาน
ไม่มีบริษัทที่มีระบบสอนงานดีๆ+สวัสดิการดีๆ อ้าแขนรับพี่เข้าทำงาน
ไม่ว่าจะเป็น Toyota Motor Honda ExxonMobil PTT P&G พี่มีคุณสมบัติที่จะเข้ารับการทดสอบเพื่อเข้าทำงาน แต่ไม่มีใครรับเข้าทำงานจนบัดนี้
มารู้อีกที จากรุ่นน้องที่เคยผ่านบริษัทเหล่านี้ ยืนยันว่า ผลคะแนนมาตรฐานภาษาอังกฤษครับ GPA สำคัญ แต่เป็นเรื่องรองลงไป ที่ผิดความคาดหมายพี่คือเรื่องการสัมภาษณ์งานในบริษัทชั้นนำนั้น หลังจากที่เห็นคะแนนภาษาอังกฤษนั้น แทบไม่ได้เจาะลึกอะไร และก็ไม่ได้ใช้เวลามากมาย :lol:
ในขณะที่ตอนจบมา ก่อนจะได้งานแรกที่บริษัทร่วมทุนระหว่าง SCG+ญี่ปุ่นแห่งนึง พี่ต้องทุ่มเทสติปัญญา+ ขายไอเดียทั้งหมดในการตอบคำถามผู้บริหาร 8 คนที่มาจาก SCG ทั้งหมด เป็นเวลากว่าครึ่ง ชม. ได้ จึงจะได้งาน โดยที่ไม่มีคะแนนภาษาอังกฤษอยู่กับตัวเลย
เราต่างตื่นขึ้นมาทุกวัน เพื่อสร้างผลงานให้ได้ เราควรรู้ว่า ในทุกวันมีอะไรที่ต้องทำเพื่อให้เกิดผลงาน หากการตื่นขึ้นมา ไม่ได้เป็นไปเพื่อผลงาน เราก็ไม่สมควรที่จะตื่นขึ้นมาให้รกหูรกตาคนรอบข้าง
- .way
- Verified User
- โพสต์: 271
- ผู้ติดตาม: 0
เก็บเงินแต่งงานทำยังไง
โพสต์ที่ 63
^
^
^
ผมชักจะกลัวแล้วซิครับ ตอนสอบ GAT ครั้งที่แล้วภาษาอังกฤษเต็ม 150 ผมได้ 60คะแนนเองไม่ผ่านด้วยซ้ำ แต่โชดดีที่การวิเคาระห์ผมได้ 130 คะแนนรวม GAT เลยผ่านพอดี เด็กเตรียมอุดมเพื่อนผมที่เรียนพิเศษที่เดียวกัน เขาก็เตือนผมอยู่บ่อยๆ แต่ทำไงได้ผมไม่อยากไปเรียนนอก ก็เลยประชดพ่อ แม่ไป
มาคราวนี้รู้สึกว่าตัวเองจะพลาดอะไรบางอย่างแล้วซิครับเนี่ย หนังสือลงทุนดีๆที่เป็นภาษาอังกฤษผมก็อ่านไม่ได้ ต้องไปเสียเงินให้เพื่อนแปลให้ เพื่อนก็ไม่ค่อยรู้ศัพท์ทางการเงินเท่าไร แปลผิดรึเปล่าผมก็ไม่รู้
คราวนี้ผมควรทำยังไงดีครับ มีที่ไหนแนะนำให้ไปเรียนมัง เพราะผมลองเอาข้อสอบ toefl และ cu มาทำก็ไม่เคยผ่านเลย อยากเรียนอยากเรียนแล้วซิ ไปติวกับพี่แนนผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไร มีที่ไหนแนะนำบางครับ
และอีกอย่างถ้าสอบไม่ติดหมอจุฬา หรือ คณะอะไรก็ได้ที่เป็นสีชมพู ผมคิดว่าจะไปเรียน CFA แต่พอไปดูมันอังกฤษนี่หว่า สงสัยต้องไปเรียน cisa แทน
^
^
ผมชักจะกลัวแล้วซิครับ ตอนสอบ GAT ครั้งที่แล้วภาษาอังกฤษเต็ม 150 ผมได้ 60คะแนนเองไม่ผ่านด้วยซ้ำ แต่โชดดีที่การวิเคาระห์ผมได้ 130 คะแนนรวม GAT เลยผ่านพอดี เด็กเตรียมอุดมเพื่อนผมที่เรียนพิเศษที่เดียวกัน เขาก็เตือนผมอยู่บ่อยๆ แต่ทำไงได้ผมไม่อยากไปเรียนนอก ก็เลยประชดพ่อ แม่ไป
มาคราวนี้รู้สึกว่าตัวเองจะพลาดอะไรบางอย่างแล้วซิครับเนี่ย หนังสือลงทุนดีๆที่เป็นภาษาอังกฤษผมก็อ่านไม่ได้ ต้องไปเสียเงินให้เพื่อนแปลให้ เพื่อนก็ไม่ค่อยรู้ศัพท์ทางการเงินเท่าไร แปลผิดรึเปล่าผมก็ไม่รู้
คราวนี้ผมควรทำยังไงดีครับ มีที่ไหนแนะนำให้ไปเรียนมัง เพราะผมลองเอาข้อสอบ toefl และ cu มาทำก็ไม่เคยผ่านเลย อยากเรียนอยากเรียนแล้วซิ ไปติวกับพี่แนนผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไร มีที่ไหนแนะนำบางครับ
และอีกอย่างถ้าสอบไม่ติดหมอจุฬา หรือ คณะอะไรก็ได้ที่เป็นสีชมพู ผมคิดว่าจะไปเรียน CFA แต่พอไปดูมันอังกฤษนี่หว่า สงสัยต้องไปเรียน cisa แทน
ความล้มเหลวจะสอนเราให้แข็งเกร่ง"เด็ก18กับตลาดหุ้น"
-
- Verified User
- โพสต์: 1980
- ผู้ติดตาม: 0
เก็บเงินแต่งงานทำยังไง
โพสต์ที่ 64
เล่าบ้างครับ
ตอนพี่เป็นนักเรียนนายเรืออากาศ
การสอบสัมภาษณ์เพื่อคัดเลือกนักบินของTHAI
รอบสุดท้าย ผู้เข้าสอบจะต้องสัมภาษณ์ตัวต่อตัวกับนักจิตวิทยาชาวสวีเดน
ซึ่งในวงการผู้ทำการในอากาศ นี่คือการสอบที่โหดร้ายมาก
อย่างที่พี่บิ๊กว่าแหละครับ
ของพี่น้อยกว่าหน่อยคือแค่ตัวต่อตัว ประมาณสองชั่วโมง
คนที่สอบผ่านโดยGPAต่ำสุดคือGPAแค่2.28เท่านั้นครับ
แต่อาศัยว่าพูดกับเขารู้เรื่อง ขยายความคิดเเละทัศนคติให้เขาฟังได้
ก็เลยสอบผ่านครับ
นอกจากนี้ ตำราหลายๆอย่างที่เกี่ยวกับการลงทุนที่เป็นภาษาอังกฤษ
บางทีพี่เว็บแกก็คงขี้เกียจแปล มัวแต่ไปขอวีซ่าเข้าสหรัฐ
หาโหลดจากเน็ตก็เป็นภาษาอังกฤษ
ถ้าเราไม่มีความรู้ด้านการสื่อสาร
โลกของเราจะมืดและล้าสมัยอย่างรวดเร็ว
ถ้าน้องเวย์ไม่อยากไปเรียนตามที่พ่อแม่บอก ก็เรียนด้วยตัวเองได้ครับ
ใช้เวลาว่างๆสักสองปีก่อนจะเปิดพอร์ตลงทุน เรียนอะไรที่คิดว่าควรเรียนให้เต็มที่ แล้ววันนึงข้างหน้าน้องจะเสียใจที่เรียนรู้ช้าเกินไปครับ
Stop studying, start learning
ตอนพี่เป็นนักเรียนนายเรืออากาศ
การสอบสัมภาษณ์เพื่อคัดเลือกนักบินของTHAI
รอบสุดท้าย ผู้เข้าสอบจะต้องสัมภาษณ์ตัวต่อตัวกับนักจิตวิทยาชาวสวีเดน
ซึ่งในวงการผู้ทำการในอากาศ นี่คือการสอบที่โหดร้ายมาก
อย่างที่พี่บิ๊กว่าแหละครับ
ของพี่น้อยกว่าหน่อยคือแค่ตัวต่อตัว ประมาณสองชั่วโมง
คนที่สอบผ่านโดยGPAต่ำสุดคือGPAแค่2.28เท่านั้นครับ
แต่อาศัยว่าพูดกับเขารู้เรื่อง ขยายความคิดเเละทัศนคติให้เขาฟังได้
ก็เลยสอบผ่านครับ
นอกจากนี้ ตำราหลายๆอย่างที่เกี่ยวกับการลงทุนที่เป็นภาษาอังกฤษ
บางทีพี่เว็บแกก็คงขี้เกียจแปล มัวแต่ไปขอวีซ่าเข้าสหรัฐ
หาโหลดจากเน็ตก็เป็นภาษาอังกฤษ
ถ้าเราไม่มีความรู้ด้านการสื่อสาร
โลกของเราจะมืดและล้าสมัยอย่างรวดเร็ว
ถ้าน้องเวย์ไม่อยากไปเรียนตามที่พ่อแม่บอก ก็เรียนด้วยตัวเองได้ครับ
ใช้เวลาว่างๆสักสองปีก่อนจะเปิดพอร์ตลงทุน เรียนอะไรที่คิดว่าควรเรียนให้เต็มที่ แล้ววันนึงข้างหน้าน้องจะเสียใจที่เรียนรู้ช้าเกินไปครับ
Stop studying, start learning
The mother of all evils is speculation, leverage debt. Bottom line, is borrowing to the hilt. And I hate to tell you this, but it's a bankrupt business model. It won't work. It's systemic, malignant, and it's global, like cancer.
- Renne
- Verified User
- โพสต์: 322
- ผู้ติดตาม: 0
เก็บเงินแต่งงานทำยังไง
โพสต์ที่ 66
ผมว่าไม่ช้านะ เวลาเหลือมากกว่าคนอื่นเยอะด้วยซ้ำ ภาษาอังกฤษมันอยู่ที่การใช้ ใช้บ่อยๆก็ได้เยอะ ดูหนังก็ดู sub eng , อ่านหนังสือพิมพ์ก็อ่านภาษาอัีงกฤษ
อย่่างน้อยๆส่วนที่ที่เรียนพิเศษสอนกันได้ไม่เต็มที่หรือได้ผลน้อยมันอยู่ที่ listening , reading อ่านเยอะได้เยอะ คำแสลง ศัำพท์ต่างๆหาได้จากหนังสือพิมพ์ทั้งนั้น ใช้เวลาไม่เกิน1-2 ปีก็ฝึกได้ครับภาษาอังกฤษ
ส่วนไปเรียนอังกฤษที่เมืองนอกนั้น ได้เยอะจริงๆครับ มันได้เพราะสภาพสังคมมันบังคับให้ใช้ ไป 3 เดือนได้มากกว่าเรียนภาษาในไทยเป็นปี (ในสายตาผมนะ)
ส่วนตัวผมว่าภาษาอังกฤษมันอยู่ที่การใช้บ่อยๆครับ ใช้บ่อยๆก็ได้เอง
สมัยผมฝึกงาน ตอนเข้าไปฝึกใหม่ๆนี่ ที่บริษัทดันได้advisorเป็นฝรั่ง(เพราะฝรั่งก็ปาเข้าไป 60-70%ได้บริษัท โอกาสไ้ด้คนไทยยากเหอๆ) ก็เคยกังวลว่าจะรู้เรื่องไหมนะ ปรากฏว่าแรกๆก็เป็นตา่มคาด ไม่รู้เรื่องจริงๆ แต่ฝึกไปสัก2-3อาทิตย์ พอหูมันเริ่มชิน ฟังบ่อยๆมันได้เองจริงๆครับ
จะมีที่ต้องเรียนเพิ่มเติมบ้างก็พวกเวลาไปสอบ TOEFL IELTS ที่มันบังคับเรียนจริงๆ เพราะศึกษาด้วยตัวเองมันใช้เวลาเยอะมาก (ถ้าพื้นภาษาไม่ได้ดีมากๆน่ะนะ)
อย่่างน้อยๆส่วนที่ที่เรียนพิเศษสอนกันได้ไม่เต็มที่หรือได้ผลน้อยมันอยู่ที่ listening , reading อ่านเยอะได้เยอะ คำแสลง ศัำพท์ต่างๆหาได้จากหนังสือพิมพ์ทั้งนั้น ใช้เวลาไม่เกิน1-2 ปีก็ฝึกได้ครับภาษาอังกฤษ
ส่วนไปเรียนอังกฤษที่เมืองนอกนั้น ได้เยอะจริงๆครับ มันได้เพราะสภาพสังคมมันบังคับให้ใช้ ไป 3 เดือนได้มากกว่าเรียนภาษาในไทยเป็นปี (ในสายตาผมนะ)
ส่วนตัวผมว่าภาษาอังกฤษมันอยู่ที่การใช้บ่อยๆครับ ใช้บ่อยๆก็ได้เอง
สมัยผมฝึกงาน ตอนเข้าไปฝึกใหม่ๆนี่ ที่บริษัทดันได้advisorเป็นฝรั่ง(เพราะฝรั่งก็ปาเข้าไป 60-70%ได้บริษัท โอกาสไ้ด้คนไทยยากเหอๆ) ก็เคยกังวลว่าจะรู้เรื่องไหมนะ ปรากฏว่าแรกๆก็เป็นตา่มคาด ไม่รู้เรื่องจริงๆ แต่ฝึกไปสัก2-3อาทิตย์ พอหูมันเริ่มชิน ฟังบ่อยๆมันได้เองจริงๆครับ
จะมีที่ต้องเรียนเพิ่มเติมบ้างก็พวกเวลาไปสอบ TOEFL IELTS ที่มันบังคับเรียนจริงๆ เพราะศึกษาด้วยตัวเองมันใช้เวลาเยอะมาก (ถ้าพื้นภาษาไม่ได้ดีมากๆน่ะนะ)
"มีสติ คิดก่อนทำ และอย่าดูถูกตลาดมากเกินไป"
"เป็นเรื่องง่ายที่จะถือหุ้นเอาไว้ให้นานและี่ยากที่จะรอซื้อในราคาที่เหมาะสม"
"เป็นเรื่องง่ายที่จะถือหุ้นเอาไว้ให้นานและี่ยากที่จะรอซื้อในราคาที่เหมาะสม"
-
- Verified User
- โพสต์: 18134
- ผู้ติดตาม: 0
เก็บเงินแต่งงานทำยังไง
โพสต์ที่ 67
[quote="กล้วยไม้ขาว"]ตามสถิติคนที่คบกันตั้งแต่มัธยม
95% จะเลิกกันเมื่อเข้ามหาวิทยาลัย ยิ่งอยู่คนละมหาลัยยิ่งโอกาสสูง
คนที่คบกันตอนปี 1
80% จะเลิกกันเมื่อขึ้นปีสอง
คนที่คบกันตอนปี 2 ปลายๆขึ้นไปโอกาสได้แต่งานจะสูงขึ้นตามปี
แต่คนที่ไม่มีแฟนตอนมหาสัย มากกว่าครึ่งจะได้แฟนตอนเกือบๆ 30 หรือมากกว่า
95% จะเลิกกันเมื่อเข้ามหาวิทยาลัย ยิ่งอยู่คนละมหาลัยยิ่งโอกาสสูง
คนที่คบกันตอนปี 1
80% จะเลิกกันเมื่อขึ้นปีสอง
คนที่คบกันตอนปี 2 ปลายๆขึ้นไปโอกาสได้แต่งานจะสูงขึ้นตามปี
แต่คนที่ไม่มีแฟนตอนมหาสัย มากกว่าครึ่งจะได้แฟนตอนเกือบๆ 30 หรือมากกว่า
- Croyoty
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3617
- ผู้ติดตาม: 0
เก็บเงินแต่งงานทำยังไง
โพสต์ที่ 68
ชื่นชมน้องเวย์ครับ
น้องเวย์ศักยภาพแบบนี้ ไปได้ไกลคับ แต่ต้องอาศัยการขัดเกลาตัวเอง และประสบการณ์ให้ตัวเองกลมกล่อมมากกว่านี้ บางที เวลา อาจจะช่วยเรื่องนี้ได้แต่ประสบการณ์ต่างๆจะช่วยเราคับ
อย่าวิ่งแรงพุ่งพรวดทีเดียว คับ
ปล.พี่เป็นคนถ่ายทอดแนวคิดความเห็นอะไรไม่ค่อยไม่เก่งคับ แต่มันอยู่ในสมองพี่เยอะมาก เป็นนักคิดเหมือนกัน
น้องเวย์ศักยภาพแบบนี้ ไปได้ไกลคับ แต่ต้องอาศัยการขัดเกลาตัวเอง และประสบการณ์ให้ตัวเองกลมกล่อมมากกว่านี้ บางที เวลา อาจจะช่วยเรื่องนี้ได้แต่ประสบการณ์ต่างๆจะช่วยเราคับ
อย่าวิ่งแรงพุ่งพรวดทีเดียว คับ
ปล.พี่เป็นคนถ่ายทอดแนวคิดความเห็นอะไรไม่ค่อยไม่เก่งคับ แต่มันอยู่ในสมองพี่เยอะมาก เป็นนักคิดเหมือนกัน
- san
- Verified User
- โพสต์: 1675
- ผู้ติดตาม: 0
เก็บเงินแต่งงานทำยังไง
โพสต์ที่ 69
[quote="croyoty"]ชื่นชมน้องเวย์ครับ
น้องเวย์ศักยภาพแบบนี้ ไปได้ไกลคับ แต่ต้องอาศัยการขัดเกลาตัวเอง และประสบการณ์ให้ตัวเองกลมกล่อมมากกว่านี้
น้องเวย์ศักยภาพแบบนี้ ไปได้ไกลคับ แต่ต้องอาศัยการขัดเกลาตัวเอง และประสบการณ์ให้ตัวเองกลมกล่อมมากกว่านี้
ขอบคุณ รุ่นพี่ๆ รุ่นน้องๆ ครูบา อาจารย์ ในนี้ ที่แนะนำเรื่อง วิธีการลงทุนที่ดี นะครับ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
-
- Verified User
- โพสต์: 760
- ผู้ติดตาม: 0
เก็บเงินแต่งงานทำยังไง
โพสต์ที่ 70
ตอนนี้ผมอายุ 36ปีครับ แต่แต่งงานตอนอายุ 27ปี เรียนจบมีการมีงานทำแล้วเงินเดือน รพ รัฐบาล รวมราว 40000-50000 บาท ไม่นับคลินิก
ตอบตรงๆตอนแต่งอาศัยเงินพ่อแม่ครับ ถ้ามีหน้ามีตาในสังคมก็ควรจัดงานให้สมศักศรีคุณพ่อคุณม่ด้วย ท่านไม่ว่าหรอกจะใช้เงินท่านผสมด้วยก็ได้ แค่ให้พอเหมาะกับฐานะ แต่ห้ามถึงขึ้นกู้หนี้ยืมสินจัดงานแต่งก็พอ ของผมแขกเหรื่อในงาน 80% เป็นแขกของพ่อแม่ จัดโตะจีน 150 ตัว ของน้องเวย์น่าจะจัดสัก 200-300 ตัว ถ้าเก็บเงินได้เองเพื่อจัดงานแต่งพ่อแม่น้องเวย์คงปลื้มและภูมิใจมากๆว่าลูกเก่ง เอาตัวรอดหาเงินใช้ได้แน่ๆแล้ว ส่วนพ่อตาแม่ยายก็คงไว้วางใจแทบจะยกลูกสาวให้แน่ๆ เห็นด้วยกับน้องเวย์ แต่ตอนนี้ตั้งใจเรียนมากๆก่อนนะครับ
ตอบตรงๆตอนแต่งอาศัยเงินพ่อแม่ครับ ถ้ามีหน้ามีตาในสังคมก็ควรจัดงานให้สมศักศรีคุณพ่อคุณม่ด้วย ท่านไม่ว่าหรอกจะใช้เงินท่านผสมด้วยก็ได้ แค่ให้พอเหมาะกับฐานะ แต่ห้ามถึงขึ้นกู้หนี้ยืมสินจัดงานแต่งก็พอ ของผมแขกเหรื่อในงาน 80% เป็นแขกของพ่อแม่ จัดโตะจีน 150 ตัว ของน้องเวย์น่าจะจัดสัก 200-300 ตัว ถ้าเก็บเงินได้เองเพื่อจัดงานแต่งพ่อแม่น้องเวย์คงปลื้มและภูมิใจมากๆว่าลูกเก่ง เอาตัวรอดหาเงินใช้ได้แน่ๆแล้ว ส่วนพ่อตาแม่ยายก็คงไว้วางใจแทบจะยกลูกสาวให้แน่ๆ เห็นด้วยกับน้องเวย์ แต่ตอนนี้ตั้งใจเรียนมากๆก่อนนะครับ
- จุดแข็งทางธุรกิจที่เลียนแบบได้ยาก มักต้องใช้ระยะเวลายาวนานในการสร้างและเพาะบ่มเสมอ ไม่สามารถเนรมิตได้ด้วยเงิน (สุมาอี้)
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 234
- ผู้ติดตาม: 0
เก็บเงินแต่งงานทำยังไง
โพสต์ที่ 71
ผมเห็นด้วยกับคำแนะนำของพี่หลายๆท่านในนี้นะครับ
ถ้าจะเสริม คือ อยากบอกว่า ก่อนแต่งงาน ควรมองให้กว้างเข้าไว้ เมื่อเวลาเปลี่ยน คนก็เปลี่ยน ทั้งตัวน้อง ทั้งแฟนของน้อง อย่าเพิ่งตั้งมั่นจะแต่งงานอะไรขนาดนั้นครับ
แต่การวางแผนชีวิตล่วงหน้า ก็มีข้อดี คือทำให้น้องมีวิสัยทัศน์ที่ไกลมากกว่าเด็กม.ปลายส่วนใหญ่ ที่มองแค่การสอบเข้ามหาลัยเพียงอย่างเดียว
ตอนพี่เรียนอยู่ พี่มีควา่มคิดคล้ายๆน้อง.way เลยครับ ที่ไม่อยากพึ่งพาพ่อแม่
พี่หมายมั่นปั้นมือ ว่าเมื่อเรียนจบมหาลัยแล้ว ถือว่าทุกสิ่งทุกอย่างต้องยืนบนลำแข้งตัวเองให้ได้ อยากเรียนต่อก็ต้องเก็บเงินเอง อยากได้อะไรก็ซื้อเองทั้งหมด
เรียนจบใหม่ๆ อายุ 22 พี่ถึงตั้งหน้าตั้งตาทำงาน รู้ว่าเราไม่มีอะไรเลย นอกจากวิชาความรู้และแรงกาย ก็ต้องเริ่มจากการออม อัตราเก็บออมอยู่ระดับ 70%-85%ของรายได้(ใช้ของมือสองต่อจากพ่อ แม่ น้องอยู่ตลอด ไม่เคยซื้ออะไรใหม่เองเลย ทั้งnotebook มือถือ) และค่อยศึกษาเรื่องลงทุน จนมาเจอแฟนที่มีแนวคิดเรื่องการเงินคล้ายๆกัน
สำหรับเรื่องแต่งงาน พี่ว่าไม่มีความจำเป็นต้องจัดใหญ่โตครับ
ตอนนี้พี่อายุ 27 กะจะแต่งงานปีหน้า โดยที่ทั้งตัวพี่และแฟน เห็นความสำคัญของการออมเพื่ออนาคตค่อนข้างมาก วางงบประมาณจัดงานไว้ไม่เกิน 150,000 บาทครับ(ขณะที่มีพอร์ทหุ้นอยู่ 7 หลักกลางๆ) คุยกับแฟนแล้ว ถ้าจัดงานที่โรงแรม ยังไงก็บานปลายแน่ เลยคิดว่าจะจัดที่ร้านอาหาร ได้ทั้งจำนวนโต๊ะที่มากพอ ที่จอดรถ อาหารอร่อย และประหยัดของสิ้นเปลืองไปได้หลายอย่าง
เรื่อง เงินส่วนอื่น เอาไปเที่ยว honeymoon กับเก็บไว้เป็นทุนก่อร่างสร้างครอบครัวกันดีกว่า
ถ้าจะแต่งงานจริงๆ การที่แม่แฟนมีความรู้ทางการเงิน เป็นสิ่งที่ดีมากอย่างหนึ่ง เพราะท่านจะเข้าใจได้ว่า แม้เรามีเงินมาก ก็ควรเก็บเงินเอาไว้ซื้อสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้เพื่ออนาคตอีกหลายสิบปี ดีกว่าเอามาใช้หมดในคืนสำคัญคืนเดียว
ถ้าจะเสริม คือ อยากบอกว่า ก่อนแต่งงาน ควรมองให้กว้างเข้าไว้ เมื่อเวลาเปลี่ยน คนก็เปลี่ยน ทั้งตัวน้อง ทั้งแฟนของน้อง อย่าเพิ่งตั้งมั่นจะแต่งงานอะไรขนาดนั้นครับ
แต่การวางแผนชีวิตล่วงหน้า ก็มีข้อดี คือทำให้น้องมีวิสัยทัศน์ที่ไกลมากกว่าเด็กม.ปลายส่วนใหญ่ ที่มองแค่การสอบเข้ามหาลัยเพียงอย่างเดียว
ตอนพี่เรียนอยู่ พี่มีควา่มคิดคล้ายๆน้อง.way เลยครับ ที่ไม่อยากพึ่งพาพ่อแม่
พี่หมายมั่นปั้นมือ ว่าเมื่อเรียนจบมหาลัยแล้ว ถือว่าทุกสิ่งทุกอย่างต้องยืนบนลำแข้งตัวเองให้ได้ อยากเรียนต่อก็ต้องเก็บเงินเอง อยากได้อะไรก็ซื้อเองทั้งหมด
เรียนจบใหม่ๆ อายุ 22 พี่ถึงตั้งหน้าตั้งตาทำงาน รู้ว่าเราไม่มีอะไรเลย นอกจากวิชาความรู้และแรงกาย ก็ต้องเริ่มจากการออม อัตราเก็บออมอยู่ระดับ 70%-85%ของรายได้(ใช้ของมือสองต่อจากพ่อ แม่ น้องอยู่ตลอด ไม่เคยซื้ออะไรใหม่เองเลย ทั้งnotebook มือถือ) และค่อยศึกษาเรื่องลงทุน จนมาเจอแฟนที่มีแนวคิดเรื่องการเงินคล้ายๆกัน
สำหรับเรื่องแต่งงาน พี่ว่าไม่มีความจำเป็นต้องจัดใหญ่โตครับ
ตอนนี้พี่อายุ 27 กะจะแต่งงานปีหน้า โดยที่ทั้งตัวพี่และแฟน เห็นความสำคัญของการออมเพื่ออนาคตค่อนข้างมาก วางงบประมาณจัดงานไว้ไม่เกิน 150,000 บาทครับ(ขณะที่มีพอร์ทหุ้นอยู่ 7 หลักกลางๆ) คุยกับแฟนแล้ว ถ้าจัดงานที่โรงแรม ยังไงก็บานปลายแน่ เลยคิดว่าจะจัดที่ร้านอาหาร ได้ทั้งจำนวนโต๊ะที่มากพอ ที่จอดรถ อาหารอร่อย และประหยัดของสิ้นเปลืองไปได้หลายอย่าง
เรื่อง เงินส่วนอื่น เอาไปเที่ยว honeymoon กับเก็บไว้เป็นทุนก่อร่างสร้างครอบครัวกันดีกว่า
ถ้าจะแต่งงานจริงๆ การที่แม่แฟนมีความรู้ทางการเงิน เป็นสิ่งที่ดีมากอย่างหนึ่ง เพราะท่านจะเข้าใจได้ว่า แม้เรามีเงินมาก ก็ควรเก็บเงินเอาไว้ซื้อสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้เพื่ออนาคตอีกหลายสิบปี ดีกว่าเอามาใช้หมดในคืนสำคัญคืนเดียว
"Many shall be restored that are now fallen and many shall fall that are now in honor."
- leaderinshadow
- Verified User
- โพสต์: 1765
- ผู้ติดตาม: 0
เก็บเงินแต่งงานทำยังไง
โพสต์ที่ 72
โอ๊ะโอ๋ พี่หมดชัท จะแต่งงานแล้วหรอครับ
แต่เอ๋ ...
ใช่พี่หมอชัท ที่แข่ง MMA&YRC ใช่หรือเปล่าครับ
(กลัวทักผิด เดี๋ยวหน้าแตก :lol: )
แต่เอ๋ ...
ใช่พี่หมอชัท ที่แข่ง MMA&YRC ใช่หรือเปล่าครับ
(กลัวทักผิด เดี๋ยวหน้าแตก :lol: )
- นพพร
- Verified User
- โพสต์: 1039
- ผู้ติดตาม: 0
เก็บเงินแต่งงานทำยังไง
โพสต์ที่ 73
อ่ะ เปลี่ยนไปคุยกันเรื่องอื่นแล้วเรอะ
สำหรับตัวพี่เองแต่ตอนอายุ 27 ครับ ผ่านมาสามปีแล้วล่ะ
ค่าสินสอดหนึ่งแสนครับ เก็บเงินเดือนกันเดือนละหมื่นกว่าบาทสิบเดือนก็ได้แล้วครับ ค่ากินเลี้ยงโต๊ะจีนเอาไม่กี่โต๊ะ โต๊ะละหมื่นกว่าบาทครับ ค่าดนตรีรู้สึกสามหมื่นบาท ก็เก็บจากเงินเดือนเอาน่ะครับ เก็บเล็กผสมน้อยไปเรื่อยๆ ถ้าเรารักกันจริงก็ต้องรอกันได้ครับ และไม่ต้องตีค่าให้มูลค่าเงินมันสูงไปมากๆหรอกครับ บังเอิญพี่อาจจะเป็นเด็กบ้านนอกด้วยเลยแต่งงานแบบบ้านนอกใช้เงินไม่มากนัก เมื่อวานไปงานแต่งเพื่อนมาเป็นเพื่อนที่บ้านอยู่ใกล้กัน ได้แฟนในกรุงเทพ แค่ค่าช่างถ่ายภาพก็หมื่นกว่าบาทแล้ว พี่ก็งง ว่าเฮ้ยไมแพงจังวะ ต้นกล้วยต้นอ้อยซื้อเอาประมาณห้าพัน พี่ก็ว่า บ้าไปแล้ว แล้วงานก็ใหญ่มาก จัดที่ วปอ. ไม่รู้ว่าลงทุนไปเท่าไหร่ ไม่ได้ถาม แต่แค่เห็นมันมีความสุขก็โอเคแล้ว
สำหรับตัวพี่เองแต่ตอนอายุ 27 ครับ ผ่านมาสามปีแล้วล่ะ
ค่าสินสอดหนึ่งแสนครับ เก็บเงินเดือนกันเดือนละหมื่นกว่าบาทสิบเดือนก็ได้แล้วครับ ค่ากินเลี้ยงโต๊ะจีนเอาไม่กี่โต๊ะ โต๊ะละหมื่นกว่าบาทครับ ค่าดนตรีรู้สึกสามหมื่นบาท ก็เก็บจากเงินเดือนเอาน่ะครับ เก็บเล็กผสมน้อยไปเรื่อยๆ ถ้าเรารักกันจริงก็ต้องรอกันได้ครับ และไม่ต้องตีค่าให้มูลค่าเงินมันสูงไปมากๆหรอกครับ บังเอิญพี่อาจจะเป็นเด็กบ้านนอกด้วยเลยแต่งงานแบบบ้านนอกใช้เงินไม่มากนัก เมื่อวานไปงานแต่งเพื่อนมาเป็นเพื่อนที่บ้านอยู่ใกล้กัน ได้แฟนในกรุงเทพ แค่ค่าช่างถ่ายภาพก็หมื่นกว่าบาทแล้ว พี่ก็งง ว่าเฮ้ยไมแพงจังวะ ต้นกล้วยต้นอ้อยซื้อเอาประมาณห้าพัน พี่ก็ว่า บ้าไปแล้ว แล้วงานก็ใหญ่มาก จัดที่ วปอ. ไม่รู้ว่าลงทุนไปเท่าไหร่ ไม่ได้ถาม แต่แค่เห็นมันมีความสุขก็โอเคแล้ว
ก้าวแรกที่เล็กๆ แต่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ของชีวิต
-
- Verified User
- โพสต์: 224
- ผู้ติดตาม: 0
เก็บเงินแต่งงานทำยังไง
โพสต์ที่ 75
ข้อคำแนะนำเรื่องการศึกษาครับ
พอดีช่วงนี้อยู่ในช่วงการสอบเข้ามหาลัยครับ แต่ผมมีปัญหาหนักใจมาขอคำแนะนำปรึกษาครับ
ว่าแต่ละทางเลือกมีข้อดีข้อเสียอย่างไร คือตอนที่ผมเรียนม.ปลาย
ผมได้ลงเรียนพีดีกรีของรามไป เท่ากับว่าจบม.6ก็จะจบพร้อมปริญญาตรีอีก
1 ใบ( เหลืออีก 25 หน่วยกิจ ) ผมก็เลยไม่แน่ใจว่าควรจะเลือกเดินทางไหนดี
มีข้อดีข้อเสียอย่างไร
1. เรียนเนติ + cisa + โทบริหาร
2. เรียนปริญญาตรีใบที่2 ที่มหาลัยปิด ( ลูกแม่โดม หรือ ลูกพระเกี้ยว )
3. เรียนตรีที่รามอีก2ใบ เศรษฐศาสตร์ + บัญชี ( เรียนควบตั้งใจไว้ไม่ให้เกิด4ปี )
4. หางานทำเพื่อหาประสบการณ์ชีวิต
5. หยุดเรียนแล้วมาศึกษาการลงทุนเต็มรูปแบบ
ตอนนี้ก็เลยยังมืดแปดด้านว่าจบม.6 แล้วจะเดินตามตัวเลือกไหนดี
ขอบคุณทุกท่านครับ
พอดีช่วงนี้อยู่ในช่วงการสอบเข้ามหาลัยครับ แต่ผมมีปัญหาหนักใจมาขอคำแนะนำปรึกษาครับ
ว่าแต่ละทางเลือกมีข้อดีข้อเสียอย่างไร คือตอนที่ผมเรียนม.ปลาย
ผมได้ลงเรียนพีดีกรีของรามไป เท่ากับว่าจบม.6ก็จะจบพร้อมปริญญาตรีอีก
1 ใบ( เหลืออีก 25 หน่วยกิจ ) ผมก็เลยไม่แน่ใจว่าควรจะเลือกเดินทางไหนดี
มีข้อดีข้อเสียอย่างไร
1. เรียนเนติ + cisa + โทบริหาร
2. เรียนปริญญาตรีใบที่2 ที่มหาลัยปิด ( ลูกแม่โดม หรือ ลูกพระเกี้ยว )
3. เรียนตรีที่รามอีก2ใบ เศรษฐศาสตร์ + บัญชี ( เรียนควบตั้งใจไว้ไม่ให้เกิด4ปี )
4. หางานทำเพื่อหาประสบการณ์ชีวิต
5. หยุดเรียนแล้วมาศึกษาการลงทุนเต็มรูปแบบ
ตอนนี้ก็เลยยังมืดแปดด้านว่าจบม.6 แล้วจะเดินตามตัวเลือกไหนดี
ขอบคุณทุกท่านครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1400
- ผู้ติดตาม: 0
เก็บเงินแต่งงานทำยังไง
โพสต์ที่ 76
จริงๆ สิ่งเหล่านี้ ล้วนต้องตัดสินใจเอง เพราะเป็นคนเดียวที่รู้เป้าหมายในชีวิตว่าอยากให้ออกมาเป็นแบบไหน ช่วงที่พี่อยู่ ม.ปลาย เคยไปถามอาจารย์ในลักษณะนี้ ก็ถูกผลักไสไล่ส่งออกมา :evil: ซึ่งพี่คิดว่าจะไม่เอาอย่างอาจารย์ท่านนั้นเด็ดขาด หากแต่น้องเขียนเป้าหมายในแต่ละช่วงเวลาไว้อย่างไรบ้าง เบาหนักแค่ไหน พี่ๆก็จะพอให้มุมมองได้ระดับนึงน่ะครับ
น้องให้เงื่อนไข เครื่องมือเครื่องไม้มาแล้ว โจทย์คืออะไร พอเล่าให้ฟังในนี้ได้ไหม :idea:
น้องให้เงื่อนไข เครื่องมือเครื่องไม้มาแล้ว โจทย์คืออะไร พอเล่าให้ฟังในนี้ได้ไหม :idea:
เราต่างตื่นขึ้นมาทุกวัน เพื่อสร้างผลงานให้ได้ เราควรรู้ว่า ในทุกวันมีอะไรที่ต้องทำเพื่อให้เกิดผลงาน หากการตื่นขึ้นมา ไม่ได้เป็นไปเพื่อผลงาน เราก็ไม่สมควรที่จะตื่นขึ้นมาให้รกหูรกตาคนรอบข้าง
- Linzhi
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1464
- ผู้ติดตาม: 1
เก็บเงินแต่งงานทำยังไง
โพสต์ที่ 77
ดูจากตัวเลือกแล้ว พี่ว่าเราควรค้นหาตัวเองให้เจอก่อนนะEND เขียน:ข้อคำแนะนำเรื่องการศึกษาครับ
พอดีช่วงนี้อยู่ในช่วงการสอบเข้ามหาลัยครับ แต่ผมมีปัญหาหนักใจมาขอคำแนะนำปรึกษาครับ
ว่าแต่ละทางเลือกมีข้อดีข้อเสียอย่างไร คือตอนที่ผมเรียนม.ปลาย
ผมได้ลงเรียนพีดีกรีของรามไป เท่ากับว่าจบม.6ก็จะจบพร้อมปริญญาตรีอีก
1 ใบ( เหลืออีก 25 หน่วยกิจ ) ผมก็เลยไม่แน่ใจว่าควรจะเลือกเดินทางไหนดี
มีข้อดีข้อเสียอย่างไร
1. เรียนเนติ + cisa + โทบริหาร
2. เรียนปริญญาตรีใบที่2 ที่มหาลัยปิด ( ลูกแม่โดม หรือ ลูกพระเกี้ยว )
3. เรียนตรีที่รามอีก2ใบ เศรษฐศาสตร์ + บัญชี ( เรียนควบตั้งใจไว้ไม่ให้เกิด4ปี )
4. หางานทำเพื่อหาประสบการณ์ชีวิต
5. หยุดเรียนแล้วมาศึกษาการลงทุนเต็มรูปแบบ
ตอนนี้ก็เลยยังมืดแปดด้านว่าจบม.6 แล้วจะเดินตามตัวเลือกไหนดี
ขอบคุณทุกท่านครับ
ถ้าจะให้แนะนำ น่าจะเป็นแบบนี้
ลองสมัครงานดู พร้อม ๆ กับเตรียมตัวเรียนต่อ จะเป็นสาขาไหนต้องถามใจตัวเอง แต่เรียนป.ตรีในมหาลัยปิด ได้อะไรเยอะเหมือนกันครับ
ระหว่างนี้ก็ค่อย ๆ ศึกษาการลงทุนไป
ก้าวช้า ๆ และเชื่อในปาฎิหารย์ของหุ้นเปลี่ยนชีวิต
There is no secret ingredient. It's just you.
There is no secret ingredient. It's just you.
-
- Verified User
- โพสต์: 1647
- ผู้ติดตาม: 0
เก็บเงินแต่งงานทำยังไง
โพสต์ที่ 80
ขอให้คำแนะนำนิดนึงนะครับ
ใจเย็นๆก่อนดีมั้ย
โฟกัสระยะใกล้ๆก่อนดีกว่ามั้ยครับ คือถ้าวางเป้าหมายแล้ว (แต่งงาน ต้องเก็บเงิน) ตอนนี้ต้องสร้างเหตุ เหตุคือ ตั้งใจเรียน ทำ quality ของตัวเองให้พร้อม เพื่อให้มีอนาคตการงานที่ดี ศึกษาการลงทุน เพื่อให้เงินงอกเงย เอาใจใส่แฟนให้ดีๆ ไม่นอกใจ (ถ้าว่าจะแต่งกับคนนี้แน่ๆ และเค้าก็จะแต่งกับเราแน่ๆนะ)
สร้างเหตุแล้วทุกวันๆ ผลจะสมเหตุเอง
ใจเย็นๆก่อนดีมั้ย
โฟกัสระยะใกล้ๆก่อนดีกว่ามั้ยครับ คือถ้าวางเป้าหมายแล้ว (แต่งงาน ต้องเก็บเงิน) ตอนนี้ต้องสร้างเหตุ เหตุคือ ตั้งใจเรียน ทำ quality ของตัวเองให้พร้อม เพื่อให้มีอนาคตการงานที่ดี ศึกษาการลงทุน เพื่อให้เงินงอกเงย เอาใจใส่แฟนให้ดีๆ ไม่นอกใจ (ถ้าว่าจะแต่งกับคนนี้แน่ๆ และเค้าก็จะแต่งกับเราแน่ๆนะ)
สร้างเหตุแล้วทุกวันๆ ผลจะสมเหตุเอง
. . .
-
- Verified User
- โพสต์: 1746
- ผู้ติดตาม: 0
เก็บเงินแต่งงานทำยังไง
โพสต์ที่ 81
น้องเวย์แน่ใจแค่ไหนครับว่า หากเข้ามหาวิทยาลัยไป จะไม่ไปหลงสาวอื่น หรือหากจบทำงาน จะยังรักเดียวใจเดียวอยู่
และแน่ใจแค่ไหนครับ ว่าหากแฟนเข้ามหาวิทยาลัยแล้วจะไม่สนใจใคร ๆ ที่อาจจะเข้ามาจีบ
หรือหากจบไปทำงานแล้ว จะไม่ไปหลงเสน่ห์หัวหน้าหนุ่มหรือเพื่อนร่วมงานที่ขับ Benz หรือ BMW ?
ไม่อยากพูดให้รู้สึกไม่ดีครับ แต่แค่จะบอกว่า หนทางยังอีกยาวไกล
ทำวันนี้ให้ดีที่สุดก่อน เพื่อเป็นรากฐานให้กับอนาคตจะดีกว่าครับ
ส่วนเรื่องการศึกษา เป็นตัวของตัวเองน่ะ ดีที่สุดแล้ว
อย่าให้ความสำคัญกับเรื่องการสร้างฐานะให้มากนัก เรายังอยู่แค่วัยเรียน
อายุยังแค่ 18 ตอนนี้เป็นเวลาต้องเรียน ต้องหาความรู้ ก็ต้องเรียนให้เต็มที่ ต้องพัฒนาสมองให้เต็มที่
เงินไม่ต้องไปหาหรอกครับตอนนี้น่ะ เอาการศึกษาก่อนดีกว่า อยากทำงาน อยากสร้างฐานะ ถึงเวลาได้เจอแน่ ๆ ครับ ไม่ต้องห่วง
อายุ 22-23 จบปริญญาตรีไป ถึงเวลานั้น ความพร้อมจะมาเอง ทิศทางของชีวิต จะเห็นได้ด้วยตัวเอง
ทำงานไปซักพัก พออายุซัก 25-26 ก็จะรู้เองครับ ว่าถึงเวลาจะต้องแต่งงานแล้วหรือยัง ...
ถ้าถึงเวลานั้นแล้ว ความเห็นในนี้อาจจะไม่ได้มีความจำเป็นอะไรแล้วก็ได้
และแน่ใจแค่ไหนครับ ว่าหากแฟนเข้ามหาวิทยาลัยแล้วจะไม่สนใจใคร ๆ ที่อาจจะเข้ามาจีบ
หรือหากจบไปทำงานแล้ว จะไม่ไปหลงเสน่ห์หัวหน้าหนุ่มหรือเพื่อนร่วมงานที่ขับ Benz หรือ BMW ?
ไม่อยากพูดให้รู้สึกไม่ดีครับ แต่แค่จะบอกว่า หนทางยังอีกยาวไกล
ทำวันนี้ให้ดีที่สุดก่อน เพื่อเป็นรากฐานให้กับอนาคตจะดีกว่าครับ
ส่วนเรื่องการศึกษา เป็นตัวของตัวเองน่ะ ดีที่สุดแล้ว
อย่าให้ความสำคัญกับเรื่องการสร้างฐานะให้มากนัก เรายังอยู่แค่วัยเรียน
อายุยังแค่ 18 ตอนนี้เป็นเวลาต้องเรียน ต้องหาความรู้ ก็ต้องเรียนให้เต็มที่ ต้องพัฒนาสมองให้เต็มที่
เงินไม่ต้องไปหาหรอกครับตอนนี้น่ะ เอาการศึกษาก่อนดีกว่า อยากทำงาน อยากสร้างฐานะ ถึงเวลาได้เจอแน่ ๆ ครับ ไม่ต้องห่วง
อายุ 22-23 จบปริญญาตรีไป ถึงเวลานั้น ความพร้อมจะมาเอง ทิศทางของชีวิต จะเห็นได้ด้วยตัวเอง
ทำงานไปซักพัก พออายุซัก 25-26 ก็จะรู้เองครับ ว่าถึงเวลาจะต้องแต่งงานแล้วหรือยัง ...
ถ้าถึงเวลานั้นแล้ว ความเห็นในนี้อาจจะไม่ได้มีความจำเป็นอะไรแล้วก็ได้