นักลงทุนที่เยี่ยมยอดจะต้องเรียนอะไร?(วิชาลงทุน)
-
- Verified User
- โพสต์: 224
- ผู้ติดตาม: 0
นักลงทุนที่เยี่ยมยอดจะต้องเรียนอะไร?(วิชาลงทุน)
โพสต์ที่ 1
นักลงทุนที่เยี่ยมยอดจะต้องเรียนอะไร?(วิชาลงทุน)
ดร นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ถ้าถามว่า จะเป็นนักลงทุนที่เยี่ยมยอดจะต้องเรียนอะไร? คำตอบของคน
จำนวนมากจะบอกว่า ต้องจบปริญญาบริหารธุรกิจโดยเฉพาะสาขาการเงิน
เพราะหลักสูตรนี้ประกอบไปด้วยวิชาที่เกี่ยวข้องกับการเงินและการลงทุนที่
จำ เป็นทุกด้าน ไล่ตั้งแต่การวิเคราะห์งบการเงินของกิจการ การวิเคราะห์หลัก
ทรัพย์ การบริหารพอร์ตโฟลิโอ นอกจากนั้นยังสอนพื้นฐานของการทำธุรกิจ
อื่นๆทุกด้าน ตั้งแต่การตลาด การผลิต การบริหารงานบุคคล และกลยุทธ์อื่นๆ
ของธุรกิจ
ถ้าการลงทุนเป็นศาสตร์ แบบเดียวกับวิศวกรรมหรือการแพทย์แล้วละก็ คำ
ตอบก็น่าจะถูกต้อง เพราะคงเป็นเรื่องยากที่คนจบวิชาตบแต่งภายในจะมา
เป็นผู้เชี่ยวชาญในการออก แบบโครงสร้างตึก หรือคนจบนิเทศศาสตร์จะ
กลายเป็นหมอชื่อดัง แต่การลงทุนนั้นเป็นเรื่องของศาสตร์ไม่ถึงครึ่ง และ
ศาสตร์ที่ใช้ก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร ว่าที่จริง ผมคิดว่าคนที่เรียน จบระดับมัธยม
ถ้าตั้งใจจริง ก็สามารถที่จะเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง ส่วนที่สำคัญกว่าและยากกว่า
ในเรื่องของการลงทุนนั้นเป็นศิลปะ และนี่คือส่วนที่จะสร้างความแตกต่าง
ระหว่างเซียนหุ้นกับนักลงทุนธรรมดา
ปี เตอร์ ลินช์ เรียนจบปริญญาตรี ดูเหมือนจะทางด้านภาษา เช่น
เดียวกับปริญญาโททางด้านบริหารธุรกิจ เขาบอกว่า วิชาที่มีประโยชน์จริงๆ
ต่อการลงทุนเป็นวิชาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และปรัชญา ส่วนวิชาการเงินและ
การลงทุนที่เขาเรียนมาในระดับปริญญาโท นอกจากจะไม่ช่วยอะไรแล้ว เขา
รู้สึกว่าทำให้เขาหลงทาง เข้าใจผิด ถึงขนาดบอกว่าคนที่เรียนวิชาเหล่านี้จะ
มีปัญหาที่จะต้องลบล้างสิ่งที่เรียน มา ถ้าต้องการที่จะประสบความสำเร็จใน
การลงทุน
บิล มิลเลอร์ เซียนหุ้นระดับเดียวกับ ปีเตอร์ ลินช์ แม้จะดังน้อยกว่า
เรียนจบมาทางด้านปรัชญา ซึ่งดูไปแล้วห่างจากเรื่องของการเงินและการลง
ทุนที่จะต้องพิจารณาถึงตัวเลข การคาดการณ์อนาคต การวิเคราะห์ในเรื่อง
ของการแข่งขัน และการบริหารจัดการของบริษัทธุรกิจต่างๆ แต่ มิลเลอร์
กลับเป็นคนที่ประสบความสำเร็จสูงสุดจากการลงทุนในหุ้นเทคโนโลยี ซึ่ง
เป็นเรื่องของวิทยาศาสตร์ล้วนๆ
ชาร์ลี มังเจอร์ รองประธานของเบิร์กไชร์ และเพื่อนคู่หูของ บัฟ
เฟตต์ เรียนจบทางด้านกฎหมาย และเป็นนักกฎหมายมานานก่อนที่จะเข้ามา
เป็นนักลงทุนเต็มตัว แต่เบื้องหลังจริงๆของเขานั้น เขาเป็น “นัก
ศึกษา” ตัวยง เขาเรียนรู้วิชาต่างๆมากมาย ซึ่งน่าจะรวมไปถึงฟิสิกส์
และปรัชญา เช่นเดียวกับสถิติและจิตวิทยา เขาบอกว่าการลงทุนที่จะประสบ
ความสำเร็จนั้นต้องอาศัยการสอดประสานของวิชา ต่างๆ เช่นนำความคิด
ของฟิสิกส์มาประยุกต์รวมกับปรัชญา หรือ นำวิชาสถิติมาเกี่ยวข้องกับ
จิตวิทยา พูดโดยสรุปก็คือ ยิ่งคุณมีความรู้กว้างในศาสตร์และศิลป์ที่แตกต่าง
กันคนละเรื่องเลยมากเท่าไร คุณก็จะได้เปรียบในการลงทุนมากขึ้นเท่านั้น
วอเร็น บัฟเฟตต์ นั้นเรียนจบสายตรงมาทางด้านของธุรกิจและการ
ลงทุน แต่อาจารย์ของเขาคือ เบน เกรแฮม ซึ่งถือเป็นบิดาแห่งการลงทุน
แบบ Value Investment นั้น เป็นพหูสูตรในหลายๆเรื่อง เขาเป็นเซียนด้าน
คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ภาษากรีก ละติน และดนตรี เรียนจบระดับเกียรติ
นิยมอันดับหนึ่ง และถ้าจำไม่ผิด เขาเขียนบทละครเป็นงานอดิเรก
สิ่งที่เซียนหุ้นดูเหมือนจะมี เหมือนๆกันหมดก็คือ คนเหล่านั้นมักเป็นนักอ่าน
ตัวยง เป็นนักคิด หลายๆคนสนใจและเรียนเกี่ยวกับปรัชญา บางคนก็ชอบ
ศึกษาประวัติศาสตร์ ทั้งหมดมีความรู้กว้างขวางในหลายๆสาขาวิชา ซึ่งส่วน
หนึ่งก็คงจะมาจากนิสัยรักการอ่าน และดูเหมือนว่า “ความ
ลึก” จะเป็นเรื่องรอง เห็นได้จากการที่เซียนหุ้นส่วนใหญ่มักจะมีมุม
มองที่ “กว้าง” และมักจะหลีกเลี่ยงประเด็นที่ลึกและเข้าใจ
ยาก วอเร็น บัฟเฟตต์ เคยบอกว่า คุณไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นอัจฉริยะที่จะ
ประสบความสำเร็จในการลงทุน และการลงทุนนั้น คุณไม่ต้องเรียนรู้ตัวอักษร
กรีกในคณิตศาสตร์ประเภท เบตา ซิกมา ที่นักวิชาการใช้กัน
ในความเห็นของผม วิชาพื้นฐานการลงทุนที่จะต้องเรียนรู้คงจะต้องมีเพื่อ
ให้สามารถ “อ่าน” ธุรกิจออก ก็คือ วิชาบัญชีพื้นฐานและ
การวิเคราะห์การเงินพื้นฐาน ซึ่งหาหนังสือที่จะอ่านเองได้ไม่ยาก นอกจาก
นั้น คุณควรรู้เกี่ยวกับกลยุทธ์การตลาดหรือกลยุทธ์การแข่งขันของธุรกิจ ซึ่งมี
หนังสือที่เขียนให้คนทั่วไปอ่านเข้าใจได้ไม่ยาก จากนั้น คุณก็สามารถอ่าน
หนังสือเกี่ยวกับการลงทุน โดยเฉพาะหนังสือคลาสสิคหลายๆเล่มทางด้าน
Value Investment เหล่านี้คือพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการลงทุน แต่จะทำได้
ดีแค่ไหนผมคิดว่า ความ “กว้าง” ของความรู้ น่าจะมีส่วน
มากกว่า
การเรียน MBA ทางด้านการเงินนั้น แน่นอนว่ามันเป็นการปูพื้นฐานที่ครบ
ครันในที่เดียว หรือเรียกว่า One Stop Service แต่ไม่ใช่สิ่งจำเป็นในการที่จะ
ประสบความสำเร็จจากการลงทุน นอกจากนั้น คุณจะต้องระวังว่า สิ่งที่สอน
บางอย่างอาจจะทำให้คุณไขว้เขว และอาจทำให้คุณล้มเหลวจากการลงทุน
ได้ โดยเฉพาะถ้าคุณเชื่อตามที่นักวิชาการส่วนใหญ่เชื่อกันว่า ตลาดหุ้นมี
ประสิทธิภาพสูงสุด คุณไม่มีโอกาสชนะในการลงทุน ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องคิด
"ถ้าซ้ำขออภัย"
ดร นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ถ้าถามว่า จะเป็นนักลงทุนที่เยี่ยมยอดจะต้องเรียนอะไร? คำตอบของคน
จำนวนมากจะบอกว่า ต้องจบปริญญาบริหารธุรกิจโดยเฉพาะสาขาการเงิน
เพราะหลักสูตรนี้ประกอบไปด้วยวิชาที่เกี่ยวข้องกับการเงินและการลงทุนที่
จำ เป็นทุกด้าน ไล่ตั้งแต่การวิเคราะห์งบการเงินของกิจการ การวิเคราะห์หลัก
ทรัพย์ การบริหารพอร์ตโฟลิโอ นอกจากนั้นยังสอนพื้นฐานของการทำธุรกิจ
อื่นๆทุกด้าน ตั้งแต่การตลาด การผลิต การบริหารงานบุคคล และกลยุทธ์อื่นๆ
ของธุรกิจ
ถ้าการลงทุนเป็นศาสตร์ แบบเดียวกับวิศวกรรมหรือการแพทย์แล้วละก็ คำ
ตอบก็น่าจะถูกต้อง เพราะคงเป็นเรื่องยากที่คนจบวิชาตบแต่งภายในจะมา
เป็นผู้เชี่ยวชาญในการออก แบบโครงสร้างตึก หรือคนจบนิเทศศาสตร์จะ
กลายเป็นหมอชื่อดัง แต่การลงทุนนั้นเป็นเรื่องของศาสตร์ไม่ถึงครึ่ง และ
ศาสตร์ที่ใช้ก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร ว่าที่จริง ผมคิดว่าคนที่เรียน จบระดับมัธยม
ถ้าตั้งใจจริง ก็สามารถที่จะเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง ส่วนที่สำคัญกว่าและยากกว่า
ในเรื่องของการลงทุนนั้นเป็นศิลปะ และนี่คือส่วนที่จะสร้างความแตกต่าง
ระหว่างเซียนหุ้นกับนักลงทุนธรรมดา
ปี เตอร์ ลินช์ เรียนจบปริญญาตรี ดูเหมือนจะทางด้านภาษา เช่น
เดียวกับปริญญาโททางด้านบริหารธุรกิจ เขาบอกว่า วิชาที่มีประโยชน์จริงๆ
ต่อการลงทุนเป็นวิชาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และปรัชญา ส่วนวิชาการเงินและ
การลงทุนที่เขาเรียนมาในระดับปริญญาโท นอกจากจะไม่ช่วยอะไรแล้ว เขา
รู้สึกว่าทำให้เขาหลงทาง เข้าใจผิด ถึงขนาดบอกว่าคนที่เรียนวิชาเหล่านี้จะ
มีปัญหาที่จะต้องลบล้างสิ่งที่เรียน มา ถ้าต้องการที่จะประสบความสำเร็จใน
การลงทุน
บิล มิลเลอร์ เซียนหุ้นระดับเดียวกับ ปีเตอร์ ลินช์ แม้จะดังน้อยกว่า
เรียนจบมาทางด้านปรัชญา ซึ่งดูไปแล้วห่างจากเรื่องของการเงินและการลง
ทุนที่จะต้องพิจารณาถึงตัวเลข การคาดการณ์อนาคต การวิเคราะห์ในเรื่อง
ของการแข่งขัน และการบริหารจัดการของบริษัทธุรกิจต่างๆ แต่ มิลเลอร์
กลับเป็นคนที่ประสบความสำเร็จสูงสุดจากการลงทุนในหุ้นเทคโนโลยี ซึ่ง
เป็นเรื่องของวิทยาศาสตร์ล้วนๆ
ชาร์ลี มังเจอร์ รองประธานของเบิร์กไชร์ และเพื่อนคู่หูของ บัฟ
เฟตต์ เรียนจบทางด้านกฎหมาย และเป็นนักกฎหมายมานานก่อนที่จะเข้ามา
เป็นนักลงทุนเต็มตัว แต่เบื้องหลังจริงๆของเขานั้น เขาเป็น “นัก
ศึกษา” ตัวยง เขาเรียนรู้วิชาต่างๆมากมาย ซึ่งน่าจะรวมไปถึงฟิสิกส์
และปรัชญา เช่นเดียวกับสถิติและจิตวิทยา เขาบอกว่าการลงทุนที่จะประสบ
ความสำเร็จนั้นต้องอาศัยการสอดประสานของวิชา ต่างๆ เช่นนำความคิด
ของฟิสิกส์มาประยุกต์รวมกับปรัชญา หรือ นำวิชาสถิติมาเกี่ยวข้องกับ
จิตวิทยา พูดโดยสรุปก็คือ ยิ่งคุณมีความรู้กว้างในศาสตร์และศิลป์ที่แตกต่าง
กันคนละเรื่องเลยมากเท่าไร คุณก็จะได้เปรียบในการลงทุนมากขึ้นเท่านั้น
วอเร็น บัฟเฟตต์ นั้นเรียนจบสายตรงมาทางด้านของธุรกิจและการ
ลงทุน แต่อาจารย์ของเขาคือ เบน เกรแฮม ซึ่งถือเป็นบิดาแห่งการลงทุน
แบบ Value Investment นั้น เป็นพหูสูตรในหลายๆเรื่อง เขาเป็นเซียนด้าน
คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ภาษากรีก ละติน และดนตรี เรียนจบระดับเกียรติ
นิยมอันดับหนึ่ง และถ้าจำไม่ผิด เขาเขียนบทละครเป็นงานอดิเรก
สิ่งที่เซียนหุ้นดูเหมือนจะมี เหมือนๆกันหมดก็คือ คนเหล่านั้นมักเป็นนักอ่าน
ตัวยง เป็นนักคิด หลายๆคนสนใจและเรียนเกี่ยวกับปรัชญา บางคนก็ชอบ
ศึกษาประวัติศาสตร์ ทั้งหมดมีความรู้กว้างขวางในหลายๆสาขาวิชา ซึ่งส่วน
หนึ่งก็คงจะมาจากนิสัยรักการอ่าน และดูเหมือนว่า “ความ
ลึก” จะเป็นเรื่องรอง เห็นได้จากการที่เซียนหุ้นส่วนใหญ่มักจะมีมุม
มองที่ “กว้าง” และมักจะหลีกเลี่ยงประเด็นที่ลึกและเข้าใจ
ยาก วอเร็น บัฟเฟตต์ เคยบอกว่า คุณไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นอัจฉริยะที่จะ
ประสบความสำเร็จในการลงทุน และการลงทุนนั้น คุณไม่ต้องเรียนรู้ตัวอักษร
กรีกในคณิตศาสตร์ประเภท เบตา ซิกมา ที่นักวิชาการใช้กัน
ในความเห็นของผม วิชาพื้นฐานการลงทุนที่จะต้องเรียนรู้คงจะต้องมีเพื่อ
ให้สามารถ “อ่าน” ธุรกิจออก ก็คือ วิชาบัญชีพื้นฐานและ
การวิเคราะห์การเงินพื้นฐาน ซึ่งหาหนังสือที่จะอ่านเองได้ไม่ยาก นอกจาก
นั้น คุณควรรู้เกี่ยวกับกลยุทธ์การตลาดหรือกลยุทธ์การแข่งขันของธุรกิจ ซึ่งมี
หนังสือที่เขียนให้คนทั่วไปอ่านเข้าใจได้ไม่ยาก จากนั้น คุณก็สามารถอ่าน
หนังสือเกี่ยวกับการลงทุน โดยเฉพาะหนังสือคลาสสิคหลายๆเล่มทางด้าน
Value Investment เหล่านี้คือพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการลงทุน แต่จะทำได้
ดีแค่ไหนผมคิดว่า ความ “กว้าง” ของความรู้ น่าจะมีส่วน
มากกว่า
การเรียน MBA ทางด้านการเงินนั้น แน่นอนว่ามันเป็นการปูพื้นฐานที่ครบ
ครันในที่เดียว หรือเรียกว่า One Stop Service แต่ไม่ใช่สิ่งจำเป็นในการที่จะ
ประสบความสำเร็จจากการลงทุน นอกจากนั้น คุณจะต้องระวังว่า สิ่งที่สอน
บางอย่างอาจจะทำให้คุณไขว้เขว และอาจทำให้คุณล้มเหลวจากการลงทุน
ได้ โดยเฉพาะถ้าคุณเชื่อตามที่นักวิชาการส่วนใหญ่เชื่อกันว่า ตลาดหุ้นมี
ประสิทธิภาพสูงสุด คุณไม่มีโอกาสชนะในการลงทุน ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องคิด
"ถ้าซ้ำขออภัย"
- kurapica
- Verified User
- โพสต์: 587
- ผู้ติดตาม: 0
นักลงทุนที่เยี่ยมยอดจะต้องเรียนอะไร?(วิชาลงทุน)
โพสต์ที่ 2
ถึงว่า อ.นิเวศน์ เซียนเต่าแนะนำว่าถ้าอยากมาทางด้านการลงทุน ควรเรียน ป.ตรี ในสาขาวิชากว้างๆ เช่น เศรษฐศาสตร์ ฯลฯ แล้วค่อยไปเจาะลึกทางที่ถนัดใน ป.โท รู้สึกจะเคยได้ยินท่านบอกไว้ในรายการมันนี่ชาแนล
ยอดดอยอยู่ไหนจ๊ะ ขึ้นมามากแล้วนะ
- watermusic
- Verified User
- โพสต์: 62
- ผู้ติดตาม: 0
นักลงทุนที่เยี่ยมยอดจะต้องเรียนอะไร?(วิชาลงทุน)
โพสต์ที่ 3
สำหรับผมต้องเรียนรู้ใจตัวเอง
เห็นความกลัว และความโลภของตัวเอง
เห็นความกลัว และความโลภของตัวเอง
สิ่งมีชีวิตซึ่งขับเคลื่อนด้วยความกลัวและความโลภ
-
- Verified User
- โพสต์: 322
- ผู้ติดตาม: 0
นักลงทุนที่เยี่ยมยอดจะต้องเรียนอะไร?(วิชาลงทุน)
โพสต์ที่ 5
ส่วนตัวแล้วผมไม่คิดว่าการลงทุนเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์
เพราะผมแทบไม่เคยเห็นว่าจิตกร หรือคนที่จบ สาขาศิลปะ
ประสบความสำเร็จด้านการลงทุน(จริงๆคงมีแต่คิดว่าน้อย)
โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับกลุ่มที่จบ วิศวะ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น
สาขาที่ฝึกตรรกะ และเหตุผลได้เป็นอย่างดี
ผมเชื่อว่าจิตกร มักจะเป็นผู้ที่มีอารมณ์ที่อ่อนไหว ดังนั้น
จึงไม่เหมาะกับการลงทุนนัก เนื่องจากการลงทุนนั้นจะเป็น
อย่างมากที่จะต้องควบคุมอารมณ์และความรู้สึกต่างๆได้
ดังนั้นในมุมมองและความเชื่อของผม การลงทุนต้องใช้ความรู้
และความสามารถในการควบคุมอารมณ์ ซึ่งผู้ที่่มีตรรกะ
และเหตุผล(ผมคิดว่าคนที่จบปรัญญาก็มีสิ่งเหล่านี้)
จะสามาถควบคุมอารมณ์ได้ดี
แต่มุมมองนี้ต่างอาจกรูรูหลายๆท่าน นะครับ
เพราะผมแทบไม่เคยเห็นว่าจิตกร หรือคนที่จบ สาขาศิลปะ
ประสบความสำเร็จด้านการลงทุน(จริงๆคงมีแต่คิดว่าน้อย)
โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับกลุ่มที่จบ วิศวะ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น
สาขาที่ฝึกตรรกะ และเหตุผลได้เป็นอย่างดี
ผมเชื่อว่าจิตกร มักจะเป็นผู้ที่มีอารมณ์ที่อ่อนไหว ดังนั้น
จึงไม่เหมาะกับการลงทุนนัก เนื่องจากการลงทุนนั้นจะเป็น
อย่างมากที่จะต้องควบคุมอารมณ์และความรู้สึกต่างๆได้
ดังนั้นในมุมมองและความเชื่อของผม การลงทุนต้องใช้ความรู้
และความสามารถในการควบคุมอารมณ์ ซึ่งผู้ที่่มีตรรกะ
และเหตุผล(ผมคิดว่าคนที่จบปรัญญาก็มีสิ่งเหล่านี้)
จะสามาถควบคุมอารมณ์ได้ดี
แต่มุมมองนี้ต่างอาจกรูรูหลายๆท่าน นะครับ
การเปลี่ยนแปลง เริ่มต้นจากการยอมรับ
-
- Verified User
- โพสต์: 322
- ผู้ติดตาม: 0
นักลงทุนที่เยี่ยมยอดจะต้องเรียนอะไร?(วิชาลงทุน)
โพสต์ที่ 6
ดังนั้นนักลงทุน อาจเรียน MBA เพื่อเป็นความรู้
และพยายามฝึกตรรกะและการใช้เหตุผล เพื่อ
กรองว่าอะไรควรเชื่อและไม่ควรเชื่อ รวมทั้งฝึก
ควบคุมอารมณ์ โดยเอาตรรกะมาใช้
และพยายามฝึกตรรกะและการใช้เหตุผล เพื่อ
กรองว่าอะไรควรเชื่อและไม่ควรเชื่อ รวมทั้งฝึก
ควบคุมอารมณ์ โดยเอาตรรกะมาใช้
การเปลี่ยนแปลง เริ่มต้นจากการยอมรับ
- Visute
- Verified User
- โพสต์: 55
- ผู้ติดตาม: 0
นักลงทุนที่เยี่ยมยอดจะต้องเรียนอะไร?(วิชาลงทุน)
โพสต์ที่ 7
ผมคิดว่า จบสาขาไหนก็ได้เพราะว่าคนที่จบสาขาเดียวกันก็มีความคิดแตกต่างกัน แต่ผู้ที่จะประสบความสำเร็จ จะต้องมีหลักคิดที่มีตรรกะ เหตุผล และ สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองให้อยู่ในเหตุผลได้
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
- peacedev
- Verified User
- โพสต์: 668
- ผู้ติดตาม: 0
นักลงทุนที่เยี่ยมยอดจะต้องเรียนอะไร?(วิชาลงทุน)
โพสต์ที่ 9
ชอบวิธีคิดของท่านมังเจอร์จังเลยครับชาร์ลี มังเจอร์ รองประธานของเบิร์กไชร์ และเพื่อนคู่หูของ บัฟ
เฟตต์ เรียนจบทางด้านกฎหมาย และเป็นนักกฎหมายมานานก่อนที่จะเข้ามา
เป็นนักลงทุนเต็มตัว แต่เบื้องหลังจริงๆของเขานั้น เขาเป็น นัก
ศึกษา ตัวยง เขาเรียนรู้วิชาต่างๆมากมาย ซึ่งน่าจะรวมไปถึงฟิสิกส์
และปรัชญา เช่นเดียวกับสถิติและจิตวิทยา เขาบอกว่าการลงทุนที่จะประสบ
ความสำเร็จนั้นต้องอาศัยการสอดประสานของวิชา ต่างๆ เช่นนำความคิด
ของฟิสิกส์มาประยุกต์รวมกับปรัชญา หรือ นำวิชาสถิติมาเกี่ยวข้องกับ
จิตวิทยา พูดโดยสรุปก็คือ ยิ่งคุณมีความรู้กว้างในศาสตร์และศิลป์ที่แตกต่าง
กันคนละเรื่องเลยมากเท่าไร คุณก็จะได้เปรียบในการลงทุนมากขึ้นเท่านั้น
http://peacedev.wordpress.com
"The Quant"
"The Quant"
- PRO_BABY
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1584
- ผู้ติดตาม: 0
นักลงทุนที่เยี่ยมยอดจะต้องเรียนอะไร?(วิชาลงทุน)
โพสต์ที่ 10
ผมว่าขีดเส้นใต้ ที่ คุณแสดงให้เห็นมันก็คือทั้งศาสตร์และศิลป์ ครับ :lol:send เขียน:ส่วนตัวแล้วผมไม่คิดว่าการลงทุนเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์
เพราะผมแทบไม่เคยเห็นว่าจิตกร หรือคนที่จบ สาขาศิลปะ
ประสบความสำเร็จด้านการลงทุน(จริงๆคงมีแต่คิดว่าน้อย)
โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับกลุ่มที่จบ วิศวะ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น
สาขาที่ฝึกตรรกะ และเหตุผลได้เป็นอย่างดี
ผมเชื่อว่าจิตกร มักจะเป็นผู้ที่มีอารมณ์ที่อ่อนไหว ดังนั้น
จึงไม่เหมาะกับการลงทุนนัก เนื่องจากการลงทุนนั้นจะเป็น
อย่างมากที่จะต้องควบคุมอารมณ์และความรู้สึกต่างๆได้
ดังนั้นในมุมมองและความเชื่อของผม การลงทุนต้องใช้ความรู้
และความสามารถในการควบคุมอารมณ์ ซึ่งผู้ที่่มีตรรกะ
และเหตุผล(ผมคิดว่าคนที่จบปรัญญาก็มีสิ่งเหล่านี้)
จะสามาถควบคุมอารมณ์ได้ดี
แต่มุมมองนี้ต่างอาจกรูรูหลายๆท่าน นะครับ
- leaderinshadow
- Verified User
- โพสต์: 1765
- ผู้ติดตาม: 0
นักลงทุนที่เยี่ยมยอดจะต้องเรียนอะไร?(วิชาลงทุน)
โพสต์ที่ 11
สำหรับผม วิชาที่ต้องเรียน สำหรับนักลงทุน
1. วิชาจิตใจมั่นคง ดั่งหินผา
ใช้สำหรับถือหุ้นดี ไม่หวั่นไหว เสียงนินทา
ภาษาอังกฤษ Let Profit Run
2. วิชาเผ่นพันลี้
เจอหุ้นเน่า ผู้บริหารไม่มีธรรมาภิบาล ต้องเผ่นพันลี้
3. วิชาเนตรสีขาว (จากการ์ตูน นารุโตะ เป็นวิชานินจา ที่มองหาสิ่งที่ถูกพรางไว้)
อ่านธุรกิจได้ขาด เห็นสิ่งที่ซ่อนเร้น
4. วิชาหัตเทวะ (ฮิคารุ เซียนโก๊ะ)
คีย์หุ้น อย่าคีย์ซื้อผิดตัว ฮาๆ...
สถานที่เรียน มหาวิทยาลัยชีวิต และ หนังสือการ์ตูน :lovl:
__________________________________________
การลงทุนที่เสี่ยงที่สุด คือ การลงทุนโดยปราศจากความรู้
1. วิชาจิตใจมั่นคง ดั่งหินผา
ใช้สำหรับถือหุ้นดี ไม่หวั่นไหว เสียงนินทา
ภาษาอังกฤษ Let Profit Run
2. วิชาเผ่นพันลี้
เจอหุ้นเน่า ผู้บริหารไม่มีธรรมาภิบาล ต้องเผ่นพันลี้
3. วิชาเนตรสีขาว (จากการ์ตูน นารุโตะ เป็นวิชานินจา ที่มองหาสิ่งที่ถูกพรางไว้)
อ่านธุรกิจได้ขาด เห็นสิ่งที่ซ่อนเร้น
4. วิชาหัตเทวะ (ฮิคารุ เซียนโก๊ะ)
คีย์หุ้น อย่าคีย์ซื้อผิดตัว ฮาๆ...
สถานที่เรียน มหาวิทยาลัยชีวิต และ หนังสือการ์ตูน :lovl:
__________________________________________
การลงทุนที่เสี่ยงที่สุด คือ การลงทุนโดยปราศจากความรู้
-
- Verified User
- โพสต์: 42
- ผู้ติดตาม: 0
นักลงทุนที่เยี่ยมยอดจะต้องเรียนอะไร?(วิชาลงทุน)
โพสต์ที่ 15
ผมเรียนเสดสาดอยู่ครับ ไม่เห้นมันจะช่วยอะไรได้เลย น่าจะเป้นการตลาดที่มองภาพรวมออกมากกว่าkurapica เขียน:ถึงว่า อ.นิเวศน์ เซียนเต่าแนะนำว่าถ้าอยากมาทางด้านการลงทุน ควรเรียน ป.ตรี ในสาขาวิชากว้างๆ เช่น เศรษฐศาสตร์ ฯลฯ แล้วค่อยไปเจาะลึกทางที่ถนัดใน ป.โท รู้สึกจะเคยได้ยินท่านบอกไว้ในรายการมันนี่ชาแนล
เอ๊ะหรือว่าเราโง่ 555
-
- Verified User
- โพสต์: 258
- ผู้ติดตาม: 0
นักลงทุนที่เยี่ยมยอดจะต้องเรียนอะไร?(วิชาลงทุน)
โพสต์ที่ 16
อ่านบทความนี้แล้ว มีอยู่ประโยคนึง นึกขึ้นมาได้ อาจารย์เคยเขียนไว้ คือ
แต่อาจารย์มีตัวเลขคนที่ไม่ประสบความสำเร็จด้วยรึป่าว ว่าเป็นสัดส่วนเท่าไร
ในขณะเดียวกันคนที่ประสบความสำเร็จในการลงทุน โดยเรียน MBA กับคนที่ไม่ประสบความสำเร็จ ตัวเลขเป็นอย่างไร
เราไม่มีตัวเลข เราไม่รู้ ผมถึงนึกถึงคำว่า "คนตายไม่ได้พูด"
อาจารย์ยกตัวอย่างคนที่ประสบความสำเร็จในการลงทุน โดยไม่ต้องการเรียน MBA ทางด้านการเงิน เป็นเรื่องจริงครับคนตายไม่ได้พูด
แต่อาจารย์มีตัวเลขคนที่ไม่ประสบความสำเร็จด้วยรึป่าว ว่าเป็นสัดส่วนเท่าไร
ในขณะเดียวกันคนที่ประสบความสำเร็จในการลงทุน โดยเรียน MBA กับคนที่ไม่ประสบความสำเร็จ ตัวเลขเป็นอย่างไร
เราไม่มีตัวเลข เราไม่รู้ ผมถึงนึกถึงคำว่า "คนตายไม่ได้พูด"
-
- Verified User
- โพสต์: 158
- ผู้ติดตาม: 0
นักลงทุนที่เยี่ยมยอดจะต้องเรียนอะไร?(วิชาลงทุน)
โพสต์ที่ 17
เรื่องสำคัญอย่างแรกเลยที่เจอในวิชาเศรษฐศาสตร์ ก็ Demand & Supply ไงครับ จากนั้นก็ยังมีอีกหลายอย่าง ฯลฯboattaman เขียน:ผมเรียนเสดสาดอยู่ครับ ไม่เห้นมันจะช่วยอะไรได้เลย น่าจะเป้นการตลาดที่มองภาพรวมออกมากกว่าkurapica เขียน:ถึงว่า อ.นิเวศน์ เซียนเต่าแนะนำว่าถ้าอยากมาทางด้านการลงทุน ควรเรียน ป.ตรี ในสาขาวิชากว้างๆ เช่น เศรษฐศาสตร์ ฯลฯ แล้วค่อยไปเจาะลึกทางที่ถนัดใน ป.โท รู้สึกจะเคยได้ยินท่านบอกไว้ในรายการมันนี่ชาแนล
เอ๊ะหรือว่าเราโง่ 555
ทุกวันนี้ผมยังรู้สึกเสียใจอยู่เลย ที่ตอนเรียนดันไม่ค่อยตั้งใจเรียน
- mulcomp
- Verified User
- โพสต์: 47
- ผู้ติดตาม: 0
นักลงทุนที่เยี่ยมยอดจะต้องเรียนอะไร?(วิชาลงทุน)
โพสต์ที่ 19
[quote="leaderinshadow"]สำหรับผม วิชาที่ต้องเรียน สำหรับนักลงทุน
1. วิชาจิตใจมั่นคง ดั่งหินผา
ใช้สำหรับถือหุ้นดี ไม่หวั่นไหว เสียงนินทา
ภาษาอังกฤษ Let Profit Run
2. วิชาเผ่นพันลี้
เจอหุ้นเน่า ผู้บริหารไม่มีธรรมาภิบาล ต้องเผ่นพันลี้
3. วิชาเนตรสีขาว (จากการ์ตูน นารุโตะ เป็นวิชานินจา ที่มองหาสิ่งที่ถูกพรางไว้)
อ่านธุรกิจได้ขาด เห็นสิ่งที่ซ่อนเร้น
4. วิชาหัตเทวะ (ฮิคารุ เซียนโก๊ะ)
คีย์หุ้น อย่าคีย์ซื้อผิดตัว ฮาๆ...
สถานที่เรียน มหาวิทยาลัยชีวิต และ หนังสือการ์ตูน
1. วิชาจิตใจมั่นคง ดั่งหินผา
ใช้สำหรับถือหุ้นดี ไม่หวั่นไหว เสียงนินทา
ภาษาอังกฤษ Let Profit Run
2. วิชาเผ่นพันลี้
เจอหุ้นเน่า ผู้บริหารไม่มีธรรมาภิบาล ต้องเผ่นพันลี้
3. วิชาเนตรสีขาว (จากการ์ตูน นารุโตะ เป็นวิชานินจา ที่มองหาสิ่งที่ถูกพรางไว้)
อ่านธุรกิจได้ขาด เห็นสิ่งที่ซ่อนเร้น
4. วิชาหัตเทวะ (ฮิคารุ เซียนโก๊ะ)
คีย์หุ้น อย่าคีย์ซื้อผิดตัว ฮาๆ...
สถานที่เรียน มหาวิทยาลัยชีวิต และ หนังสือการ์ตูน
อาจารย์ผม ชื่อนาย "ประสบการณ์"
- thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 0
นักลงทุนที่เยี่ยมยอดจะต้องเรียนอะไร?(วิชาลงทุน)
โพสต์ที่ 20
:lol: :lol: :lol:
ลงทุนเพื่อชีวิต
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3645
- ผู้ติดตาม: 0
นักลงทุนที่เยี่ยมยอดจะต้องเรียนอะไร?(วิชาลงทุน)
โพสต์ที่ 21
ไม่เกี่ยวกับหัวข้อแต่ชอบชื่อนี้ของดร.มากเลยครับ เซียนเต่าkurapica เขียน:ถึงว่า อ.นิเวศน์ เซียนเต่าแนะนำว่าถ้าอยากมาทางด้านการลงทุน ควรเรียน ป.ตรี ในสาขาวิชากว้างๆ เช่น เศรษฐศาสตร์ ฯลฯ แล้วค่อยไปเจาะลึกทางที่ถนัดใน ป.โท รู้สึกจะเคยได้ยินท่านบอกไว้ในรายการมันนี่ชาแนล
It's earnings that count
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3227
- ผู้ติดตาม: 4
นักลงทุนที่เยี่ยมยอดจะต้องเรียนอะไร?(วิชาลงทุน)
โพสต์ที่ 22
คิดถึงผู้เฒ่าเต่าในดราก้อนบอลขึ้นมาทันทีBlueblood เขียน:ไม่เกี่ยวกับหัวข้อแต่ชอบชื่อนี้ของดร.มากเลยครับ เซียนเต่าkurapica เขียน:ถึงว่า อ.นิเวศน์ เซียนเต่าแนะนำว่าถ้าอยากมาทางด้านการลงทุน ควรเรียน ป.ตรี ในสาขาวิชากว้างๆ เช่น เศรษฐศาสตร์ ฯลฯ แล้วค่อยไปเจาะลึกทางที่ถนัดใน ป.โท รู้สึกจะเคยได้ยินท่านบอกไว้ในรายการมันนี่ชาแนล
-
- Verified User
- โพสต์: 495
- ผู้ติดตาม: 0
นักลงทุนที่เยี่ยมยอดจะต้องเรียนอะไร?(วิชาลงทุน)
โพสต์ที่ 23
แบบนี้ใครจะเป็น ศิษย์เอก โงกุน ล่ะครับเนี่ย :lol: :lol:picatos เขียน:คิดถึงผู้เฒ่าเต่าในดราก้อนบอลขึ้นมาทันทีBlueblood เขียน:ไม่เกี่ยวกับหัวข้อแต่ชอบชื่อนี้ของดร.มากเลยครับ เซียนเต่าkurapica เขียน:ถึงว่า อ.นิเวศน์ เซียนเต่าแนะนำว่าถ้าอยากมาทางด้านการลงทุน ควรเรียน ป.ตรี ในสาขาวิชากว้างๆ เช่น เศรษฐศาสตร์ ฯลฯ แล้วค่อยไปเจาะลึกทางที่ถนัดใน ป.โท รู้สึกจะเคยได้ยินท่านบอกไว้ในรายการมันนี่ชาแนล
- Sorgios
- Verified User
- โพสต์: 368
- ผู้ติดตาม: 0
นักลงทุนที่เยี่ยมยอดจะต้องเรียนอะไร?(วิชาลงทุน)
โพสต์ที่ 24
[quote="leaderinshadow"]สำหรับผม วิชาที่ต้องเรียน สำหรับนักลงทุน
1. วิชาจิตใจมั่นคง ดั่งหินผา
ใช้สำหรับถือหุ้นดี ไม่หวั่นไหว เสียงนินทา
ภาษาอังกฤษ Let Profit Run
2. วิชาเผ่นพันลี้
เจอหุ้นเน่า ผู้บริหารไม่มีธรรมาภิบาล ต้องเผ่นพันลี้
3. วิชาเนตรสีขาว (จากการ์ตูน นารุโตะ เป็นวิชานินจา ที่มองหาสิ่งที่ถูกพรางไว้)
อ่านธุรกิจได้ขาด เห็นสิ่งที่ซ่อนเร้น
4. วิชาหัตเทวะ (ฮิคารุ เซียนโก๊ะ)
คีย์หุ้น อย่าคีย์ซื้อผิดตัว ฮาๆ...
สถานที่เรียน มหาวิทยาลัยชีวิต และ หนังสือการ์ตูน
1. วิชาจิตใจมั่นคง ดั่งหินผา
ใช้สำหรับถือหุ้นดี ไม่หวั่นไหว เสียงนินทา
ภาษาอังกฤษ Let Profit Run
2. วิชาเผ่นพันลี้
เจอหุ้นเน่า ผู้บริหารไม่มีธรรมาภิบาล ต้องเผ่นพันลี้
3. วิชาเนตรสีขาว (จากการ์ตูน นารุโตะ เป็นวิชานินจา ที่มองหาสิ่งที่ถูกพรางไว้)
อ่านธุรกิจได้ขาด เห็นสิ่งที่ซ่อนเร้น
4. วิชาหัตเทวะ (ฮิคารุ เซียนโก๊ะ)
คีย์หุ้น อย่าคีย์ซื้อผิดตัว ฮาๆ...
สถานที่เรียน มหาวิทยาลัยชีวิต และ หนังสือการ์ตูน
CHIN UP, Do not give up !!!
-
- Verified User
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 0
นักลงทุนที่เยี่ยมยอดจะต้องเรียนอะไร?(วิชาลงทุน)
โพสต์ที่ 25
เห็นติดกระทู้เรื่องอาจารย์ MUNGERชาร์ลี มังเจอร์ รองประธานของเบิร์กไชร์ และเพื่อนคู่หูของ บัฟ
เฟตต์ เรียนจบทางด้านกฎหมาย และเป็นนักกฎหมายมานานก่อนที่จะเข้ามา
เป็นนักลงทุนเต็มตัว แต่เบื้องหลังจริงๆของเขานั้น เขาเป็น นัก
ศึกษา ตัวยง เขาเรียนรู้วิชาต่างๆมากมาย ซึ่งน่าจะรวมไปถึงฟิสิกส์
และปรัชญา เช่นเดียวกับสถิติและจิตวิทยา เขาบอกว่าการลงทุนที่จะประสบ
ความสำเร็จนั้นต้องอาศัยการสอดประสานของวิชา ต่างๆ เช่นนำความคิด
ของฟิสิกส์มาประยุกต์รวมกับปรัชญา หรือ นำวิชาสถิติมาเกี่ยวข้องกับ
จิตวิทยา พูดโดยสรุปก็คือ ยิ่งคุณมีความรู้กว้างในศาสตร์และศิลป์ที่แตกต่าง
กันคนละเรื่องเลยมากเท่าไร คุณก็จะได้เปรียบในการลงทุนมากขึ้นเท่านั้น
กระผมจำบทความเต็ม ๆได้ว่าท่าเคยกล่าวไว้นานแล้ว
เผื่อท่านใดไม่เคยอ่านครับ
ART OF STOCK PICKING
http://www.grahamanddoddsville.net/word ... icking.pdf
อย่างน้อยในความคิดกระผม วิชาแต่ละอย่างอ่านแล้วเข้าใจในตัวมันเองลำบากมาก
ตอนเรียน.... วิ่งจับเศรษศาสตร์ไม่ค่อยอยู่ แต่ชอบวิ่งไล่มัน ไปถามเพื่อน คนนี้ได้ที่หนึ่งของคณะและได้ทุนไปต่อเอกที่ฮาร์เวริด มันสอนว่าเศรษศาสตร์เป็นวิชาที่เข้าใจง่ายที่สุดเมื่อเรียนในมุมมองของประวัติศาสตร์และปรัชญา ถ้าวิชาเศรษศาสตร์เป็นปลาเงินปลาทอง ทั้งสองวิชาที่กล่าวมาข้างตนก็เป็นน้ำอย่างไรอย่างนั้น
มันพูดให้ฟัง เราก็เห็นภาพ
เห็นอาจารย์มังเกอร์กล่าวถึงการลงทุน กระผมเข้าใจว่า ถ้าวิชาการลงทุนเป็นปลา ศาสตร์ต่างๆ ที่ท่านกล่าวถึงก็เหมือนน้ำ ถ้าไม่มีบริบทของวิชาอื่นๆ ให้เชื่องโยงกันแล้ว วิชาการลงทุนก็เป็นเพียงปลาที่ตายแล้วตัวหนึ่งเท่านั้น
ตอนอ่าน ART OF STOCK PICKING ครั้งแรกนั้น ผมหวังกับตัวเองว่าจะจำเรื่องที่ท่านอาจารย์พูดไว้ทั้งหมดได้ แต่ผมก็จำไม่ได้ อาจารย์ก็บอกแล้วว่า ท่านรับประกันได้เลยว่าเราจะต้องใช้พวกมันในวันใดวันหนึ่งข้างหน้า
ส่วนท่านจะคิดอย่างไร ลองนึกสมมุตินี้นะครับ......
เวลากระผมอ่านบทความ ART นี้ ผมชอบจินตนาว่าบทความนี้ก็เหมือนรถเข็น อาจารย์กำลังเข็นรถเข็นขันนี้ข้ามถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งคือ เกมการลงทุนในตลาด รถที่วิ่งไปมาก็เหมือนผู้ที่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียในตลาด
ที่นี้อาจารย์ก็หันมาถามผมว่า "คิดว่าอาจารย์ข้ามได้ไหม" กระผมดูจากความสำเร็จของอาจารย์ที่วัดจากความมั่งคั่งทางตัวเงินของอาจารย์แล้ว กระผมตอบกลับไปว่า " เชื่อครับ"
อาจารย์ถามกลับว่า " มั่นใจไหม?"
"มั่นใจมากครับ ว่าอาจารย์ทำได้"
"ขอบใจมากนะ.........ถ้ามั่นใจอาจารย์อยากให้เอ็งลงมานั่งในรถเข็นคันนี้หน่อยนะ"
หา....
การสมมุติสิ่งที่อาจารย์สอนนั้น....
เป็นจิตวิทยาในการลงทุนสอนตัวเองที่ดีมากทีเดียว นอกเหนือจากสิ่งที่เพื่อน THAIVI ช่วยกันเติมความรู้ต่างๆ ลงไปจน เว็บนี้กลายเป็นแหล่งสอนจิตวิทยาการลงทุนที่ดีที่สุดแห่งหนึงของโลกอินเตอเนต
กระผมชอบนึกเล่นๆ เสมอ กระผมก็เหมือนนักลงทุนอีกหลายท่าน ตรงที่เรารู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องจิตวิทยาการลงทุนมากมาย แต่อีกสิ่งหนึ่งที่เราไม่รู้คือ เราจะพบกับสถานการณ์ในการลงทุนบางครั้งที่ความรู้ไม่สำคัญเท่ากับความกล้าที่จะเข้าไปเผชิญกับสถานการณ์แบบที่ต้องตัดสินใจว่าจะเข้าไปนั่งในรถเข็นดีหรือไม่ เราจะมีช่วงเวลาที่ความสำเร็จต้องใช้ความศัทธาแรงกล้าและความกล้าหาญอย่างมาก เมื่อเวลานั้นมาถึง กระผมหวังว่าตัวเองจะกลืนความกลัวเข้าไปแล้วก้าวเข้าไปนั่งในรถ
ไม่ว่าจะอย่างไร อย่างน้อยเปิดใจกว้างว่ามีความเป้นไปได้ที่ความเชื่อและความศัทธาของเราจะผิดพลาด กระผมหวังว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นระหว่างนั่งในรถนั้น กระผมจะยอมรับมันอย่างเข้าใจและด้วยความถ่อมตนว่ากระผมก็อาจถูกรถที่ขับด้วยคนเมาชนได้
ไม่ว่าไปที่ไหน มันมีสถานที่และเวลาที่เราไม่คาดหวังทำนายได้อย่างถูกต้องทั้งหมด ด้วยกฏของ Reflexivity นั่นเอง กระผมสอนตัวเองว่า อย่าวางแผนให้มากเกินเหตู อย่าเอาการวิเคราะห์ต้นทุนและผลตอบแทนมาใช้กับอนาคตของบริษัทมากเกินไป มันมีตัวแปรที่สามารถสะท้อนกลับไปทิศทางตรงข้ามเยอะมากกว่าที่คิด
อย่าพยายามตอบสนองความคาดหวังของตลาดที่มีต่อหุ้นตัวนั้นด้านเดียวจนลืมกฏของการสะท้อนกลับ แต่ต้องระมัดระวังในความพยายามที่เราจะตอบสนองความคาดหวังที่เราตั้งไว้สำหรับตนเอง เราอาจไม่รู้จักตัวเองดีพอที่จะมีความคาดหวังที่แม่นยำชัดเจนไปเสียทุกเรื่อง ดังนั้นเราไม่มีทางตอบสนองมันได้อย่างที่ถูกจังหวะได้ทุกครั้ง
เผื่อ MOS เอาไว้ เผื่อพื้นที่หายใจให้ตัวเองได้แก้ไขเปลี่ยบนแปลงและเติบโตขึ้นจากความผิดพลาด
กระผมไม่คิดว่า เราต้องเข้าเรียนคณะนิติศาสตร์ คณะเศรษศาสตร์ หรือ บริหาร MBA หรือที่ไหนก็ตามที่จัดวิชาชีพต่างๆเอาไว้เป็นหีบห่อสำเร็จรูปอย่างนั้น ยกเว้นว่าเราสนใจอาชีพเหล่านั้นมากจริงๆ จนกระทั่งมันเป้นสิ่งที่ขาดไม่ได้
ความรู้ที่มีค่ามากที่สุดมาจากความล้มเหลว การวิ่งเอาหัวชนกำแพง Circle Of Competence ในแบบเฉพาะของตนเอง มันต้องล้มเหลวกันบ้างละครับ ว่ากันตามจริง ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เราพุ่งเอาหัวชนกำแพงความรู้เหล่านั้นครั้งแล้วครั้งเล่าจนเราเริ่มตะหนักว่ามันมีกำแพงอยู่ตรงนั้นด้วย ชนจนกำแพงล้มลงถึงได้รู้ วิชาภายนอกที่อาจารย์ MUNGER ท่านสอนเราทั้งหมดนั้น ไม่เท่าเรียนที่จะรู้จักตนเองจากข้างใน
แต่มันต้องใช้ความซื่อสัตย์ในการยอมรับข้อผิดพลาดของตนเองก่อนอื่นใดครับ
- kurapica
- Verified User
- โพสต์: 587
- ผู้ติดตาม: 0
นักลงทุนที่เยี่ยมยอดจะต้องเรียนอะไร?(วิชาลงทุน)
โพสต์ที่ 26
ที่ยกให้ท่านเป็นเซียนเต่า เพราะว่าเต่าเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความหนักแน่น มั่นคง เหมือนกับการลงทุนของท่านpicatos เขียน:คิดถึงผู้เฒ่าเต่าในดราก้อนบอลขึ้นมาทันทีBlueblood เขียน:ไม่เกี่ยวกับหัวข้อแต่ชอบชื่อนี้ของดร.มากเลยครับ เซียนเต่าkurapica เขียน:ถึงว่า อ.นิเวศน์ เซียนเต่าแนะนำว่าถ้าอยากมาทางด้านการลงทุน ควรเรียน ป.ตรี ในสาขาวิชากว้างๆ เช่น เศรษฐศาสตร์ ฯลฯ แล้วค่อยไปเจาะลึกทางที่ถนัดใน ป.โท รู้สึกจะเคยได้ยินท่านบอกไว้ในรายการมันนี่ชาแนล