Margin of Safety : แค่เรื่องเกี่ยวกับ MOS
-
- Verified User
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 0
Margin of Safety : แค่เรื่องเกี่ยวกับ MOS
โพสต์ที่ 1
สวัสดีครับ
ผมแวะอ่านบทความเก่า ๆ
เรื่องนี้เกี่ยว Margin of Safety (MOS)
อ่านแล้วเตือนใจตนเองได้ดี
ผมเขียนด้วยอคติ
โปรดอ่านด้วยความาระมัดระวัง
ผมอาจผิด อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น
-------------------------------------
มีใครเคยอยู่สังคมที่เราถูกเยียดยามไหมครับ?
เหมือนที่ผมเห็นคนไทยบางท่านเหยียดยามคนขะแมร์ หรือเหยียดยามคนอีสาน ถ้าเราไปอยู๋ในอเมริกา ท่านต้องเจอการเหยียดยามไม่มากก็น้อย
ผมโดนบ่อยครับ พนักงานเคยไม่ขายของให้ผม ผมเคยโดนขับรถผ่านแล้วมันกระจกมาด่าว่า Fuc U แล้วมันขับรถไป เคยโดนถ่มน้ำลายใส่ เคยโดนอาจารย์ไม่สนใจในคำตอบเรา ผมโดนมาเยอะพอสมควรครับ
ลูกจ้างพม่า ลูกจ้างต่าด่าวพวกนี้ มีสัญชาติญาณของการเอาตัวรอดสูงมาก การทีเราอยูในสังคมทีเป็นปฎิปักากับเรามันทำให้เราเดาคนได้อย่างถูกต้องว่าเขามาจากชาติอะไร ทำงานอะไร ดูการแต่งตัว มองแวบเดียว เราก็เดาได้ เรื่องของการจดจำรายละเอียดต่างๆ การวิเตราะห์คน ลูกจ้างพม่าเก่งเรื่องพวกนี้ เหมือนผมที่ต้องพัฒนาการเอาใจใส่ในรายละเอียดต่างๆ ด้วยเหตุผลเพื่อรับมือกับเหตุการร์และสถานการร์ที่อาจเปลี่ยนแปลงไปอย่าวงไรก็ได้ เหมือนที่ผมเคยไปซื้อบุหรี่ตอนเที่ยงคืน แล้วโดนตำรวจสั่งให้ยืนชิดหน้าเข้ากำแพง แล้วเข้าค้นตัวหาอาวุธ เหมือนตอนขับรถที่นิวยอร์ค ผมโดนประกบหน้าหลังด้วยมอเตอร์ไซค์ตำรวจ
คุณลักษณะการเอาตัวรอดให้ได้ เกี่ยวข้องกับ MOS อย่างมาก ดั้งนั้นความรูสึกสะดวกสบายจึงไม่เคยอยู๋ในควาคิดผมเลย การใช้ชีวิตอยู๋ในอเมริกา เราต้องตืนตัวเสมอ ถ้าท่านไปกวางเจา ไปเรียกรถ taxi เราต้องใช้ทั้งไหวพริบอย่างมาก ถ้าแบบคนไทยไปยืนข้างถนนแล้วโบกรถ พอรถมาจอดหน้าท่าน ถ้าท่านไม่รีบขึ้น จะมีคนวิ่งตดหน้าท่านไปเลย
ผมเคยไปยืนสั่งแฮมเบอร์เกอร์ ยืนเว้นห่างพอมีที่แทรกได้ พี่ท่านแทรกผมไปเลยครับ ถ้าไปจีนบ่อยๆ จะเห็นว่า คนเขาเยอะ เขาต้องดินรนแย่งกันกิน แย่งกันเอาชีวิตให้รอด เพราะฉะนั้นวิวิตเขาจะแกร่งกับคนไทยมาก นั่น MOS ครับ ภายใต้ความกดดันต่างๆ มันมีความเสี่ยงตลอด เราต้องมีปฎิกริยาที่รวดเร็วต่อสิ่งต่างๆ ทีมีความไม่แน่นอนในชีวิต ความคิดและการโต้ตอบอบ่างรวดเร็วอย่างนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก ภาวะการดำรงชีวิตที่ยากลำบากอย่างนี้ มันบังคับให้เราต้องคิดล่วงหน้าสองสามขั้นเสมอ อย่างที่ท่านสุมาอี้พุดข้างบน เหมือนการเรียกแทกซี่ในกวางเจาอย่างไรอย่างนั้น
แต่การมี MOS หรือ สัญชาติญาณของการเอารอดให้ได้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม มันต้องมีความคิดทีเปิดกว้าง มันต้องไม่เชื่อในสิ่งที่คนส่วนใหญ่ทำ เราต้องเคลื่อนไหวก้าวหน้าทุกวันทั้งร่างกายและความคิด ที่ว่าความคิดนี่คิอเราต้องทันใจตัวเอง เพราะคนเราชอบความสบาย ถ้าเราสบายกับสิ่งใดก็ตาม เราจะเริ่มยอมรับสิ่งต่างๆ ตามสภาพ เราจะหยุดคิด หยุดตั้งคำถามต่างๆ เราจะเป็นเพียงใบหน้าหนึ่งในฝูงชน ทำได้เพียงคล้อยตามกับทุกสิ่งที่คนอื่นกำลังทำอยู๋ ถ้าพวกเขาไปทางไหน ท่านก็ไปทางนั้น
ถ้าท่านไม่มี MOS ท่านจะไม่เห็นสิ่งใหม่ เมื่อท่านอยู๋ที่ไหนนานๆ ท่านจะไม่มีแรงกระตุ้น ประสาทการรับรู้มันจะเฉื่อยฉาลงเรื่อยๆ
MOS คือ ทำอย่างไรอย่าให้ขาดทุน เหมือนผมอยู๋ในอเมริกาทำอย่างไรให้อยู๋รอดให้ได้ ยิ่งเรายึดติดกับวัตถุมากเท่าใด ท่านยิ่งมี MOS น้อยเท่านั้น อย่ายึดติดความสะดวกสบาย ทั้งทางร่างกายและจิตใจครับ
ฝึกแบบเราก็ถือศีลห้า อดข้าวมิอเย็น นั่นฝีก MOS ได้เยอะ ถ้าท่านยิ่งจำกัดตัวเองให้น้อยเท่าใด ท่านจะยิ่งเข้าใจ MOS มากเท่านั้น
กูญแจสำคัญในการลงทุน คือ เราต้องรู้ว่าจะอยู๋รอดอย่างไร มันหมายถึงถ้าเราทำได้ไม่ดี เราต้องยอมรับตัวเองและถอนตัวออกอย่างรวดเร็ว ถ้าเราข้ามสะพาน 10000 ปอนด์อย่าง Buffett ว่า ถ้าข้ามแล้วสะพานมันพัง วันนั้นมันเกิดทรุดลงพอดี เพราะอายุการใช้งานมันเก่าแล้ว ท่านตกลงไป ท่านว่ายน้ำได้ไหม ถ้าท่านแน่ใจ รอให้คนอื่นข้ามก่อนดีไหม หรือจะลองคิดหาวิธีอื่น ถ้าเราก้าวขาข้ามไปได้สามก้าว สะพานมันทรุดเราต้องเตียมโดดกลับอย่างเร็ว เราต้องมีสมุติฐานก่อน และทดสอบมันว่าสะพานมันแข็งแรงจริงๆ
แต่การที่เราจะมี MOS ได้ เราต้องแยกอารมณ์ออกจากการตัดสินใจก่อน ต้องมีวินัย ต้องทมองทุกอย่างตามสภาพความเป็นจริง
สำหรับในตลาดหุ้นแล้ว เราต้องเข้าใจก่อนว่า อะไรมีอิทธิพลต่อการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น นอกจากหุ้นเองแล้ว มันมีอารมณ์ของตลาดเข้าไปเกี่ยวด้วย ผมให้น้ำหนัก 70:30 คือ ตลาด : หุ้น ตัวมันเองมันขึ้นเองไม่ได้ มันต้องมีการรับรู้จากตลาด การเข้าใจจิตวิทยาการอยู๋ร่วมกันเป็นฝูง นั่นสำคัญกับ MOS
MOs มันต้องลับสมองทุกวัน ถ้าเราอยากซื้อ เราต้องถามตัวเองว่า จะขายดีไหม ถ้าไม่ขายจะซื้อเพิ่มเท่าไหร่ มันต้องคิด invert ตลอดเวลา เหตุผลคือ นั่นคือทักษะของการเอาตัวรอดในตลาดและผมคิดว่ามันเป็นศิลปะมากกว่าที่จะอธิบายด้วยหลัก logic ทั้งหมดได้ มันมีทั้ง สมอง ความกล้าหาญ เหตุผลเหนืออารมณ์ และสัญชาติฐานในการตั้งคำถาม ในการตั้งสมมุติฐาน
การลงุทนน้อยๆ เพือตรวจสอบสถานการณ์ สร้างสมุติฐานขึ้นมาสักอย่างแล้วดูว่าที่เราคิดจริงหรือไม่ มาดูว่าตลาดมีปฎิกีริยาอย่างไรบ้าง ดูว่าตลาดรูสึกอย่างไร ถ้าเราขาย เราจะรู้สึกอย่างไร ถ้าเราซื้อเราจะรู้สุกอย่างไร ลองผิดลองถุกในสมองตัวเองก่อนที่ซื้อ/ขายจริง ผมลองทุกอย่างในหัว ก่อนที่ผมจะซื้อ/ขายห้นจริงในตอนเช้า ผมเตรียมทุกอย่างเป็นแผนผังต้นไม้ในหัวเสร็จเรียบร้อยก่อนลงทุนทุกครั้ง เวลามีอะไรผิดพลาด เราต้องเปลี่ยนแปลงได้ ถ้าเราข้ามถนนแล้วรถบรรทุกวิ่งมา เราต้องหลบให่ได้ ถ้าท่านไม่เตรียมคิดเรื่องพวกนี้ เวลาหุ้นตก ท่านจะเหมือนยืนแช่แข็งกลางถนนให้รถบรรทุกวิ่งทับท่าน ท่านต้องมีสติตลอด
คนส่วนใหญ่เข้าใจผืดเกี่ยวกับความสารถ Buffett อย่างมาก เขาทำผิดพลาดเหมือนพวกเราครับ แต่สิ่ที่เขาเก่งกว่าพวกเราคือ เขายอมรับความผิดลพลาดของเขา เขาจดจำความผิดพลาดของเขา และเขามีวิวัฒนาการตลอด การลงทุนมันต้อง evolve ตลอดเวลา ไม่มีใครหยุดนิ่งกับที่
MOS มันเป้นศิลปะ มันต้องมีการปรับปรุงให้ทันตามสถานการณ์เช่นเดียวกัน..........
shalom_________________
-
- Verified User
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 0
Margin of Safety : แค่เรื่องเกี่ยวกับ MOS
โพสต์ที่ 2
Margin of Safety
ส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัย
ท่านปรมาจารย์มุซาชิ
"จุดอ่อนของคนทั่วไปคือคิดแต่จะฟาดฟันผู้อื่นโดยลืมเลือนตัวเอง
จึงปล่อยให้ตู๋ต่อสู้สวนกลับมาได้
อย่าลืมว่าเมื่อดาบเราไปถึงปรปักษ์ได้ ดาบของปรปักษ์ก็มาถึงเราได้เช่นกัน"
คุณหมอยรรยง
" อะไรที่ผมไม่รู้ คือ ความเสี่ยง แต่ลงทุนไปแล้ว
ถ้าผิดครั้งแรกแสดงว่าตาถั่ว มองหุ้นไม่ออก
แสดงว่าสิ่งเรามองมันผิดตั้งแต่แรก อย่างนี้ลงเวทีออกมาชั่วคราว"
ED Seykota
" ทุกครั้งที่ผมเข้าไปลงทุน ผมคิดเผื่อทางออกไว้ก่อนที่ผมจะเข้าเสียอีก"
อาจารย์ชาลี มังเกอร์
" ถ้าต้องการชนะในเกมทุกอย่าง ต้องเอาชนะตัวเองก่อนเสมอ"
คุณไตรภพ
" ผมจินตนาการทุกอย่างที่ผมจะลงมือทำ ผมได้ยินเสียงคนปรบมือ ได้กลิ่นน้ำหอม ได้เห็นแสงไฟ
ผมเห็นด้วยดวงตาแห่งความคิดจินตนาการ
ไม่ใช่ความคิดที่ฟุ้งซ่าน คิดอย่างนี้ไปล่วงหน้าทุกครั้ง
แล้วโอกาสผิดพลาดจะมีน้อย"
อาจารย์โซรอส
"ทุกเย็นผมนั่งย้อนมองเห็นตัวคุณกำลังทำทุกอย่างจากมุมบนลงมา
จับผืดตัวเอง หาข้อบกพร่อง
ถ้าผืดแล้ว ผมจะแแก้ไขอย่างไร
ถ้ามันถูก มันจะเป้นอย่างไร ถ้ามันผิด มันจะเป้นอย่างไร
ผมไม่ทำนายอนาคต แค่ผมจะรับมือกับสิ่งต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นเสมอ
แล้วหาทางแก้ไขสิ่งต่างๆ ให้ดีขึ้น "
ส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัย
ท่านปรมาจารย์มุซาชิ
"จุดอ่อนของคนทั่วไปคือคิดแต่จะฟาดฟันผู้อื่นโดยลืมเลือนตัวเอง
จึงปล่อยให้ตู๋ต่อสู้สวนกลับมาได้
อย่าลืมว่าเมื่อดาบเราไปถึงปรปักษ์ได้ ดาบของปรปักษ์ก็มาถึงเราได้เช่นกัน"
คุณหมอยรรยง
" อะไรที่ผมไม่รู้ คือ ความเสี่ยง แต่ลงทุนไปแล้ว
ถ้าผิดครั้งแรกแสดงว่าตาถั่ว มองหุ้นไม่ออก
แสดงว่าสิ่งเรามองมันผิดตั้งแต่แรก อย่างนี้ลงเวทีออกมาชั่วคราว"
ED Seykota
" ทุกครั้งที่ผมเข้าไปลงทุน ผมคิดเผื่อทางออกไว้ก่อนที่ผมจะเข้าเสียอีก"
อาจารย์ชาลี มังเกอร์
" ถ้าต้องการชนะในเกมทุกอย่าง ต้องเอาชนะตัวเองก่อนเสมอ"
คุณไตรภพ
" ผมจินตนาการทุกอย่างที่ผมจะลงมือทำ ผมได้ยินเสียงคนปรบมือ ได้กลิ่นน้ำหอม ได้เห็นแสงไฟ
ผมเห็นด้วยดวงตาแห่งความคิดจินตนาการ
ไม่ใช่ความคิดที่ฟุ้งซ่าน คิดอย่างนี้ไปล่วงหน้าทุกครั้ง
แล้วโอกาสผิดพลาดจะมีน้อย"
อาจารย์โซรอส
"ทุกเย็นผมนั่งย้อนมองเห็นตัวคุณกำลังทำทุกอย่างจากมุมบนลงมา
จับผืดตัวเอง หาข้อบกพร่อง
ถ้าผืดแล้ว ผมจะแแก้ไขอย่างไร
ถ้ามันถูก มันจะเป้นอย่างไร ถ้ามันผิด มันจะเป้นอย่างไร
ผมไม่ทำนายอนาคต แค่ผมจะรับมือกับสิ่งต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นเสมอ
แล้วหาทางแก้ไขสิ่งต่างๆ ให้ดีขึ้น "
- VSนักลงทุนอริยะ
- Verified User
- โพสต์: 349
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Margin of Safety : แค่เรื่องเกี่ยวกับ MOS
โพสต์ที่ 3
ผมชอบบทความนี้จังเลยล่ะครับ ไม่เขียนและเรียบเรียงต่อหรือครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1601
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Margin of Safety : แค่เรื่องเกี่ยวกับ MOS
โพสต์ที่ 7
อ่านรอบสอง อ่านรอบแรกตอนที่พี่ humdrum โพสใหม่ ๆ วันนี้รู้สึกเข้าใจดีขึ้นลึกซึ้งมากขึ้น ขอบคุณพี่ humdrum ครับ