หนังสือหุ้นห่านทองคำภาค 4
- luckyman
- Verified User
- โพสต์: 2153
- ผู้ติดตาม: 0
- luckyman
- Verified User
- โพสต์: 2153
- ผู้ติดตาม: 0
หนังสือหุ้นห่านทองคำภาค 4
โพสต์ที่ 4
ขอถกหน่อยครับ
คือ ผมไม่ค่อยเก๊ตเรื่องการตกแต่งสวนครับ
คุณเทพบอกว่า สมมติหุ้น A ราคา 100 บาท yield 10% = 10 บาท
ถ้าเราซื้อมาสัก แสนบาท ได้พันหุ้น พอหุ้นขึ้นไป 200 บาท ก็ให้ขายซะครึ่งนึง
ทำให้พอร์ตเรามีหุ้น A 500 หุ้น ต้นทุน 0 บาท ปันผลหุ้นละ 10 บาท
ซึ่ง dividen / market price = 10 / 200 = 5%
ผมไม่เข้าใจว่า ถ้าเราเจอหุ้นที่ดีกว่านี้ เช่นหุ้น B ปันผล 10% เราก็น่าจะขาย A ทั้งหมดมาซื้อ B ดีกว่าไหม ได้ปันผลมากกว่าด้วย
คือ ผมไม่ค่อยเก๊ตเรื่องการตกแต่งสวนครับ
คุณเทพบอกว่า สมมติหุ้น A ราคา 100 บาท yield 10% = 10 บาท
ถ้าเราซื้อมาสัก แสนบาท ได้พันหุ้น พอหุ้นขึ้นไป 200 บาท ก็ให้ขายซะครึ่งนึง
ทำให้พอร์ตเรามีหุ้น A 500 หุ้น ต้นทุน 0 บาท ปันผลหุ้นละ 10 บาท
ซึ่ง dividen / market price = 10 / 200 = 5%
ผมไม่เข้าใจว่า ถ้าเราเจอหุ้นที่ดีกว่านี้ เช่นหุ้น B ปันผล 10% เราก็น่าจะขาย A ทั้งหมดมาซื้อ B ดีกว่าไหม ได้ปันผลมากกว่าด้วย
website for the value investor
=> https://hoonapp.com
=> https://hoonapp.com
- luckyman
- Verified User
- โพสต์: 2153
- ผู้ติดตาม: 0
หนังสือหุ้นห่านทองคำภาค 4
โพสต์ที่ 6
ผมหมายถึงเงินปันผลทั้งหมดในพอร์ตครับlpapal เขียน:สไตล์ห่านทองคำ คิดเทียบกับต้นทุนที่ถือครับ ไม่ได้คิดเทียบราคาตลาด
website for the value investor
=> https://hoonapp.com
=> https://hoonapp.com
-
- Verified User
- โพสต์: 404
- ผู้ติดตาม: 0
หนังสือหุ้นห่านทองคำภาค 4
โพสต์ที่ 8
น่าจะเทียบกะต้นทุนของเราครับ เพราะราคาตลาดของหุ้น A ไม่ใช่ต้นทุนของเรา dividend yield ถ้าเทียบจาก mkt. price ก็เป็น yield ของคนที่ซื้อในราคาตลาดวันนั้นครับluckyman เขียน:ขอถกหน่อยครับ
คือ ผมไม่ค่อยเก๊ตเรื่องการตกแต่งสวนครับ
คุณเทพบอกว่า สมมติหุ้น A ราคา 100 บาท yield 10% = 10 บาท
ถ้าเราซื้อมาสัก แสนบาท ได้พันหุ้น พอหุ้นขึ้นไป 200 บาท ก็ให้ขายซะครึ่งนึง
ทำให้พอร์ตเรามีหุ้น A 500 หุ้น ต้นทุน 0 บาท ปันผลหุ้นละ 10 บาท
ซึ่ง dividen / market price = 10 / 200 = 5%
ผมไม่เข้าใจว่า ถ้าเราเจอหุ้นที่ดีกว่านี้ เช่นหุ้น B ปันผล 10% เราก็น่าจะขาย A ทั้งหมดมาซื้อ B ดีกว่าไหม ได้ปันผลมากกว่าด้วย
-
- Verified User
- โพสต์: 233
- ผู้ติดตาม: 0
หนังสือหุ้นห่านทองคำภาค 4
โพสต์ที่ 12
ขอร่วมด้วยช่วยเสนอความคิดเห็นนะครับluckyman เขียน:ขอถกหน่อยครับ
คือ ผมไม่ค่อยเก๊ตเรื่องการตกแต่งสวนครับ
คุณเทพบอกว่า สมมติหุ้น A ราคา 100 บาท yield 10% = 10 บาท
ถ้าเราซื้อมาสัก แสนบาท ได้พันหุ้น พอหุ้นขึ้นไป 200 บาท ก็ให้ขายซะครึ่งนึง
ทำให้พอร์ตเรามีหุ้น A 500 หุ้น ต้นทุน 0 บาท ปันผลหุ้นละ 10 บาท
ซึ่ง dividen / market price = 10 / 200 = 5%
ผมไม่เข้าใจว่า ถ้าเราเจอหุ้นที่ดีกว่านี้ เช่นหุ้น B ปันผล 10% เราก็น่าจะขาย A ทั้งหมดมาซื้อ B ดีกว่าไหม ได้ปันผลมากกว่าด้วย
ผมคิดว่าวิธีการตกแต่งสวนโดยการขายหุ้นออกครึ่งหนึ่งเป็นตัวอย่างที่คุณเทพได้ยกตัวอย่างไว้เพื่อให้นักลงทุนรู้สึกสบายใจเพราะได้มีการขายหุ้นเพื่อเก็บเงินต้นเราขึ้นไป ทำให้เหมือนกับว่าหุ้นที่ลงทุนอยู่เป็นหุ้นที่ได้มาฟรีๆ แนวคิดนี้คล้ายกับคลายเครียดเรโช แต่ผมจะไม่คิดว่าหุ้นที่เหลืออยู่เป็นหุ้นที่ได้มาฟรีๆเด็ดขาด เรื่องนี้อ่านได้จากบทความดร.นิเวศน์เรื่อง "เงินบ่อน" ก็ได้ครับ
ส่วนที่ว่าทำไมเมื่อเจอหุ้นที่ดีกว่าเราไม่ขาย A ออกไปให้หมดเพื่อไปซื้อ B ผมคิดว่าคุณเทพคงเพียงยกตัวอย่างให้ขายเพียง 50% แต่จริงๆแล้วเราจะขายให้หมดหรือเหลือเพียง 100 หุ้นเพื่อติดตามกิจการต่อก็ได้ (สงสัยเพราะมันเป็นกลยุทธ์ห่านทองคำ ชาวนาจะต้องไม่ฆ่า(ขายหมด) ห่านโดยเด็ดขาดมั๊ง :D
ผมเองก็เป็นคนที่ใช้กลยุทธ์ห่านทองคำในการจัด portfolios เหมือนกัน ซึ่งผมคิดว่าเป็นวิธีการลงทุนที่ดีมากวิธีหนึ่ง โดยเฉพาะสำหรับผมซึ่งคำนวณหามูลค่าที่แท้จริงของหุ้นไม่แม่นอย่างมาก :lol: เพราะการใช้เงินปันผลมาคิดเป็นวิธีการที่ไม่ยุ่งยากมาก แต่ก็มักจะมีการโต้แย้งวิธีการนี้ว่าให้ระวังกับดักเงินปันผล ซึ่งจุดนี้ หากเราอ่านวิธีการคัดเลือกห่านที่คุณเทพเขียนให้ดีๆจะพบว่า การเลือกหุ้นต้องพิจารณาปัจจัยทางคุณภาพและปริมาณด้วย นอกเหนือจากเพียงแค่เอา dividend มาหารด้วยราคาปัจจุบันเพียงอย่างเดียว
วิธีนี้หากเอามาประยุกต์ใช้ โดยเอา Dividend Yield เปรียบเทียบกับผลตอบแทนจากพันธบัตรหรือหุ้นกู้ เราจะได้จุดซื้อและจุดขายของหุ้นในแบบฉบับหุ้นห่านทองคำ เช่น หุ้น A เป็นหุ้นที่มีกระแสเงินสดเป็นบวกสม่ำเสมอ ใช้เงินลงทุนไม่เยอะ มีตราสินค้าที่ดี รายได้และผลกำไรเติบโตอย่างสม่ำเสมอ และพิจารณาแล้วบริษัทน่าจะมีการเติบโตขึ้นในอนาคตด้วย บริษัทมีหนี้น้อย มีการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ และจ่ายตามนโยบายบริษัทที่ให้ไว้ ซึ่งหากเราประมาณการกำไรและเงินปันผลเทียบกับราคาหุ้นปัจจุบันแล้วพบว่าให้อัตรา dividend yield อยู่ในระดับที่เราพอใจเราก็ควรจะซื้อ (เช่นให้ yield ที่ 10%) และหากราคายิ่งลงก็ยิ่งควรซื้อเพราะ dividend yield ที่เราจะได้รับจะยิ่งสูงขึ้น แต่หากหุ้นตัวนี้ราคาเริ่มสูงขึ้น dividend yield ก็จะลดลง และหากมันลดลงใกล้เคียงกับผลตอบแทนจากหุ้นกู้หรือพันธบัตรแล้ว เราก็ควรจะขายและเอาเงินไปซื้อหุ้น B ที่มี dividend yield ที่สูงกว่า :lol:
-
- Verified User
- โพสต์: 79
- ผู้ติดตาม: 0
หนังสือหุ้นห่านทองคำภาค 4
โพสต์ที่ 14
เพราะว่าความเสี่ยงเป็นคำตอบสุดท้าย++luckyman เขียน:ขอถกหน่อยครับ
คือ ผมไม่ค่อยเก๊ตเรื่องการตกแต่งสวนครับ
คุณเทพบอกว่า สมมติหุ้น A ราคา 100 บาท yield 10% = 10 บาท
ถ้าเราซื้อมาสัก แสนบาท ได้พันหุ้น พอหุ้นขึ้นไป 200 บาท ก็ให้ขายซะครึ่งนึง
ทำให้พอร์ตเรามีหุ้น A 500 หุ้น ต้นทุน 0 บาท ปันผลหุ้นละ 10 บาท
ซึ่ง dividen / market price = 10 / 200 = 5%
ผมไม่เข้าใจว่า ถ้าเราเจอหุ้นที่ดีกว่านี้ เช่นหุ้น B ปันผล 10% เราก็น่าจะขาย A ทั้งหมดมาซื้อ B ดีกว่าไหม ได้ปันผลมากกว่าด้วย
ที่เขาเก็บไว้ครึ่งนึงเพราะเขากระจายความเสี่ยง เพราะเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหุ้น A กับ B อันไหนราคาจะขึ้นได้มากกว่ากัน ดูจาก A ขึ้นมา 100% ถ้าผมรู้ว่า A จะขึ้นมา 100% ตั้งแต่ก่อนซื้อผมก็จะซื้อหุ้น A เพราะเก็งราคาดีกว่า ผมไม่รอปันผลหรอก++
**การลงทุนคือศิลปะ ไม่มีอะไรถูกทั้งหมด หรือผิดทั้งหมด มันถูกถ้าเราพอใจผลของมัน มันผิดถ้าเราไม่พอใจผลของมัน**