วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม
- aviruth
- Verified User
- โพสต์: 334
- ผู้ติดตาม: 0
วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม
โพสต์ที่ 124
อยากให้เจ้าของกระทู้ขยายความคำว่ากำไรที่ได้คืนไปหมด เพราะอะไรครับ ตอนที่หุ้นลงมากๆ ยอมขายขาดทุนออกไปหรือครับ ตอนนั้นคิดยังไงครับ อยากทราบแนวคิด เพราะผมเป็นคนที่ถือผ่านมันมาตลอด สุดท้ายมันก็กลับมาอยู่ที่เดิม
อย่าคาดหวังผลลัพธ์ที่แตกต่างด้วยการทำแบบเดิม
-
- Verified User
- โพสต์: 3350
- ผู้ติดตาม: 0
วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม
โพสต์ที่ 125
ผมขาดทุนทางบัญชีเกือบทุกปี
ได้แต่เงินสด นิดๆหน่อยๆ
แต่หลายๆปีเข้ารวมปีนี้มันก็เลยเยอะละ
ส่วนตัวไม่เคยล้างพอร์ททัน
รู้ว่า ข้อด้อยของตัวเองคือ ทำการบ้านน้อย
จับแต่จังหวะ หุ้นใหญ่ ที่ขึ้นลง
ก็พอได้กำไรซัก เกือบ 10% ต่อปี
แต่ยังไงก็จะไม่เป็นเด้งเหมือนหลายๆท่าน
และการซื้อขายไม่มี
ความเชื่อมั่นหรือข้อมูลรองรับ
กลับมาเข้าบอร์ดรอบนี้ตั้งใจว่าจะเอาจริงซะที
ผมถือหุ้นเกือบ 20 ตัว เกินด้วยมั้ง
สนุกดี นึกภาพคนด่าปีเตอร์ ลินช์ออกว่า
มีหุ้นตัวไหนที่ลินช์ไม่ชอบ
ผมเดาใจลินช์ว่าหุ้นดีต้องมีจังหวะที่ดีด้วยมั้ง
ที่สำคัญ นอกจากกระจายความเสี่ยง
การกระจายหมุเวลาขายก็ลดลงด้วย
อยากพูดเรือ่งบัฟเฟต์ว่า เค้ารวยจากหุ้นไม่กี่ตัวก็จริง
แต่ บัฟเฟต์ก็รีโทรสเปคตีฟ ตัวเองเหมือนกัน
ถ้าเอาเข้าจริงๆ ผมเห็นบัฟเฟต มองหาการทำกำไร
รอบตัว ทั้ง อาร์บิตาจ ทั้งการซื้อพันธบัตร
ทั้งเรื่องซับไพร์ม ทั้งเรื่องน้ำมันในจีน
เหมือนการที่จะบอกว่า การซื้อเพียงแค่ไม่กี่ตัว
แล้ว ได้กำไรมหาศาล ดีกว่า การกระจายไข่หลายๆตระกร้า
ผมคิดว่าน้อยคนจะทำได้ อีกอย่าง
บัฟเฟตก็ต้องมีการรวบรวมเงินทุนก่อน
ตัวเค้าเองก็มีวิวัฒนการทางความคิดและวิธีเล่นเช่นกันคับ
ได้แต่เงินสด นิดๆหน่อยๆ
แต่หลายๆปีเข้ารวมปีนี้มันก็เลยเยอะละ
ส่วนตัวไม่เคยล้างพอร์ททัน
รู้ว่า ข้อด้อยของตัวเองคือ ทำการบ้านน้อย
จับแต่จังหวะ หุ้นใหญ่ ที่ขึ้นลง
ก็พอได้กำไรซัก เกือบ 10% ต่อปี
แต่ยังไงก็จะไม่เป็นเด้งเหมือนหลายๆท่าน
และการซื้อขายไม่มี
ความเชื่อมั่นหรือข้อมูลรองรับ
กลับมาเข้าบอร์ดรอบนี้ตั้งใจว่าจะเอาจริงซะที
ผมถือหุ้นเกือบ 20 ตัว เกินด้วยมั้ง
สนุกดี นึกภาพคนด่าปีเตอร์ ลินช์ออกว่า
มีหุ้นตัวไหนที่ลินช์ไม่ชอบ
ผมเดาใจลินช์ว่าหุ้นดีต้องมีจังหวะที่ดีด้วยมั้ง
ที่สำคัญ นอกจากกระจายความเสี่ยง
การกระจายหมุเวลาขายก็ลดลงด้วย
อยากพูดเรือ่งบัฟเฟต์ว่า เค้ารวยจากหุ้นไม่กี่ตัวก็จริง
แต่ บัฟเฟต์ก็รีโทรสเปคตีฟ ตัวเองเหมือนกัน
ถ้าเอาเข้าจริงๆ ผมเห็นบัฟเฟต มองหาการทำกำไร
รอบตัว ทั้ง อาร์บิตาจ ทั้งการซื้อพันธบัตร
ทั้งเรื่องซับไพร์ม ทั้งเรื่องน้ำมันในจีน
เหมือนการที่จะบอกว่า การซื้อเพียงแค่ไม่กี่ตัว
แล้ว ได้กำไรมหาศาล ดีกว่า การกระจายไข่หลายๆตระกร้า
ผมคิดว่าน้อยคนจะทำได้ อีกอย่าง
บัฟเฟตก็ต้องมีการรวบรวมเงินทุนก่อน
ตัวเค้าเองก็มีวิวัฒนการทางความคิดและวิธีเล่นเช่นกันคับ
show me money.
- simplelife
- Verified User
- โพสต์: 756
- ผู้ติดตาม: 0
วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม
โพสต์ที่ 127
Peter Lynch เขา manage mutual fund ที่มีขนาดใหญ่มากๆครับ จำไม่ผิดประมาณ 20,000 ล้าน USD กองทุนประเภทนี้ในสหรัฐมีกฏว่าห้ามถือหุ้นเกิน x% ของบริษัทใดบริษัทหนึ่งในตลาด (คือซื้อได้บริษัทละนิดละหน่อย) เขาเลยต้องซื้อหลายหุ้นบริษัทมากๆ เพราะว่าเงินมันเยอะครับnut776 เขียน:สนุกดี นึกภาพคนด่าปีเตอร์ ลินช์ออกว่า มีหุ้นตัวไหนที่ลินช์ไม่ชอบ ผมเดาใจลินช์ว่าหุ้นดีต้องมีจังหวะที่ดีด้วยมั้ง ที่สำคัญ นอกจากกระจายความเสี่ยง การกระจายหมุเวลาขายก็ลดลงด้วย
จำไม่ผิดในเล่มไหนเล่มนึง lynch พูดหลายรอบมากว่านักลงทุนรายย่อย ถือหุ้นซักไม่เกิน 6 ตัวน่าจะเหมาะครับ
nut776 เขียน: อยากพูดเรือ่งบัฟเฟต์ว่า เค้ารวยจากหุ้นไม่กี่ตัวก็จริง แต่ บัฟเฟต์ก็รีโทรสเปคตีฟ ตัวเองเหมือนกัน ถ้าเอาเข้าจริงๆ ผมเห็นบัฟเฟต มองหาการทำกำไร รอบตัว ทั้ง อาร์บิตาจ
"I believe what I said yesterday. I don't know what I said, but I know what I think... and I assume it's what I said." -- Donald Rumsfeld
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3227
- ผู้ติดตาม: 4
วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม
โพสต์ที่ 129
พี่ BlueBlood เปรียบเทียบการ "ใช้มาร์จิ้น" เหมือน "สูบบุหรี่" เลยเหรอครับ?
ผมกลับเห็นต่าง คือ
การใช้มาร์จิ้น ก็เหมือนกับกิจการที่กู้เพื่อใช้ในดำเนินธุรกิจ ซึ่งเป็นดาบสองคม ด้านดีคือเพิ่มกำไรสุทธิให้สูงขึ้น ในขณะที่หากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็อาจจะล้มละลายจากเมื่อขาดสภาพคล่องได้
ในขณะที่บุหรี่ ด้านดีของมันมีน้อยเหลือเกิน แต่ด้านร้ายนี้ชัดเจนมาก ซึ่งสมควรเลิกอย่างยิ่ง
ดังนั้นผมจึงไม่เห็นด้วยกับการเปรียบเทียบว่า "เลิกใช้มาร์จิ้น" ก็เหมือนกับการ "เลิกบุหรี่"
คำถามที่สำคัญ คือ เวลากิจการกู้ยืมเงินไปลงทุน โครงการที่ลงทุนมีความเสี่ยงมากน้อยขนาดไหน สถานะของบริษัทฯ แข็งแกร่งขนาดไหน ถ้าโชคร้ายบริษัทฯ จะแก้ไขปัญหาจากการกู้เงินก้อนนั้นยังไงมากกว่า
ฉันใดก็ฉันนั้น...
การใช้มาร์จิ้น ควรที่จะมี ปัจจัยที่จะพิจารณาเพิ่มขึ้นจากการไม่ใช่มาร์จิ้น คือ
- สภาพคล่องของหุ้นมีมากน้อยขนาดไหน?
- ความผันผวน (Varaince) ของราคาหุ้นมีมากน้อยขนาดไหน?
- Upside ของพอร์ต เมื่อเทียบกับ Downside ที่จะถูก Call/Force มีมากขนาดไหน?
- พอร์ตของเรามีการกระจายความเสี่ยงมากขนาดไหน?
- สภาวะตลาดในขณะนั้นเหมาะสมที่จะใช้มาร์จิ้นขนาดไหน?
- ความเสียหายจาก Tail Risk เพิ่มขึ้นกว่าการไม่ใช้มาร์จิ้นขนาดไหน?
- ฯลฯ
จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ความรู้ที่สำคัญที่สุดสำหรับการใช้มาร์จิ้น คือ Portfolio Management กับ Risk Management ครับ ซึ่งตามปกติแนวความคิดแบบ VI หมายถึง การไม่เชื่อในทฤษฎีตลาดมีประสิทธิภาพ แต่การจะใช้มาร์จิ้น คนใช้ 'จิ้น น่าจะรู้จักทฤษฎีการเงินสมัยใหม่เอาไว้บ้าง แม้ว่ามันจะเป็นความเชื่อที่ขัดแย้งกันก็ตาม และควรที่จะหาดัชนีอะไรสักตัว เพื่อใช้ชี้วัดความเสี่ยงจากการใช้มาร์จิ้น เพื่อป้องกันความตายมาเยือนแบบไม่รู้ตัว
ปล. โปรดอย่าถามว่า indicator ที่ใช้ในการบริหารพอร์ตที่อัดมาร์จิ้นนี่ควรใช้ตัวไหน ยังไงนะครับ เพราะว่า เครื่องมือของผมตอนนี้ใช้อยู่ตอนนี้ มีแค่ "ใจ" กับสัญชาตญาณดิบของสัตว์ป่าเพียวๆ... แง้วๆ... :lol: :lol: :lol:
ผมกลับเห็นต่าง คือ
การใช้มาร์จิ้น ก็เหมือนกับกิจการที่กู้เพื่อใช้ในดำเนินธุรกิจ ซึ่งเป็นดาบสองคม ด้านดีคือเพิ่มกำไรสุทธิให้สูงขึ้น ในขณะที่หากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็อาจจะล้มละลายจากเมื่อขาดสภาพคล่องได้
ในขณะที่บุหรี่ ด้านดีของมันมีน้อยเหลือเกิน แต่ด้านร้ายนี้ชัดเจนมาก ซึ่งสมควรเลิกอย่างยิ่ง
ดังนั้นผมจึงไม่เห็นด้วยกับการเปรียบเทียบว่า "เลิกใช้มาร์จิ้น" ก็เหมือนกับการ "เลิกบุหรี่"
คำถามที่สำคัญ คือ เวลากิจการกู้ยืมเงินไปลงทุน โครงการที่ลงทุนมีความเสี่ยงมากน้อยขนาดไหน สถานะของบริษัทฯ แข็งแกร่งขนาดไหน ถ้าโชคร้ายบริษัทฯ จะแก้ไขปัญหาจากการกู้เงินก้อนนั้นยังไงมากกว่า
ฉันใดก็ฉันนั้น...
การใช้มาร์จิ้น ควรที่จะมี ปัจจัยที่จะพิจารณาเพิ่มขึ้นจากการไม่ใช่มาร์จิ้น คือ
- สภาพคล่องของหุ้นมีมากน้อยขนาดไหน?
- ความผันผวน (Varaince) ของราคาหุ้นมีมากน้อยขนาดไหน?
- Upside ของพอร์ต เมื่อเทียบกับ Downside ที่จะถูก Call/Force มีมากขนาดไหน?
- พอร์ตของเรามีการกระจายความเสี่ยงมากขนาดไหน?
- สภาวะตลาดในขณะนั้นเหมาะสมที่จะใช้มาร์จิ้นขนาดไหน?
- ความเสียหายจาก Tail Risk เพิ่มขึ้นกว่าการไม่ใช้มาร์จิ้นขนาดไหน?
- ฯลฯ
จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ความรู้ที่สำคัญที่สุดสำหรับการใช้มาร์จิ้น คือ Portfolio Management กับ Risk Management ครับ ซึ่งตามปกติแนวความคิดแบบ VI หมายถึง การไม่เชื่อในทฤษฎีตลาดมีประสิทธิภาพ แต่การจะใช้มาร์จิ้น คนใช้ 'จิ้น น่าจะรู้จักทฤษฎีการเงินสมัยใหม่เอาไว้บ้าง แม้ว่ามันจะเป็นความเชื่อที่ขัดแย้งกันก็ตาม และควรที่จะหาดัชนีอะไรสักตัว เพื่อใช้ชี้วัดความเสี่ยงจากการใช้มาร์จิ้น เพื่อป้องกันความตายมาเยือนแบบไม่รู้ตัว
ปล. โปรดอย่าถามว่า indicator ที่ใช้ในการบริหารพอร์ตที่อัดมาร์จิ้นนี่ควรใช้ตัวไหน ยังไงนะครับ เพราะว่า เครื่องมือของผมตอนนี้ใช้อยู่ตอนนี้ มีแค่ "ใจ" กับสัญชาตญาณดิบของสัตว์ป่าเพียวๆ... แง้วๆ... :lol: :lol: :lol:
- SEHJU
- Verified User
- โพสต์: 1238
- ผู้ติดตาม: 0
วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม
โพสต์ที่ 130
อยากเป็นพอร์ต ที่อยู่ในสถานภาพเช่นนี้จัง... :(
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3645
- ผู้ติดตาม: 0
วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม
โพสต์ที่ 131
ขอโทษที่ทำให้เข้าใจผิดครับ กำไรคืนไปหมดในปี 2008 จริงๆครับ แต่เป็นกำไรที่ได้มาปี 2007 อ่ะครับ แต่เหตุการณ์หลังจากนั้น โชคดีที่ผมยังอยู่ในตลาดครับ ก็เลยได้คืนมาอีกทีเหมือนหลายๆท่านครับaviruth เขียน:อยากให้เจ้าของกระทู้ขยายความคำว่ากำไรที่ได้คืนไปหมด เพราะอะไรครับ ตอนที่หุ้นลงมากๆ ยอมขายขาดทุนออกไปหรือครับ ตอนนั้นคิดยังไงครับ อยากทราบแนวคิด เพราะผมเป็นคนที่ถือผ่านมันมาตลอด สุดท้ายมันก็กลับมาอยู่ที่เดิม
It's earnings that count
-
- Verified User
- โพสต์: 35
- ผู้ติดตาม: 0
วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม
โพสต์ที่ 134
ขอบคุณมากค่ะ สำหรับประสบการณ์การลงทุนที่มีปัญหา ให้บทเรียนและคุณค่ามากมาย จำไม่ได้ว่าคุณ moomoo เคย postในกระทู้ไหนสักแห้งเกี่ยวกับความล้มเหลวในการลงทุน ถ้าจำไม่ผิดนาจะเกี่ยวกับการใช้ margin กว่าจะผ่านมาได้ไม่เรื่องงาย ขอบคุณจริงๆสำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่ยังต้องศึกษามากมายทั้งความรู้และอารมย์ตลาด และตัวเอง[/img]
- sai
- Verified User
- โพสต์: 4090
- ผู้ติดตาม: 2
วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม
โพสต์ที่ 136
อ่านย้อนไปกี่ที ก็ทึ่งทุกที คุณ blueblood เป็นคนที่ฉลาดเฉลียวจริงจริงครับ (คือคนฉลาดอาจจะแค่ฉลาด แต่นี่เฉลียวดูพินิจพิเคราะห์ประสบการณ์ตัวเองอย่างละเอียดอีกด้วย ที่มาของคำ อันนี้ผมคิดเองนะ ไม่รู้ว่าฉลาดเฉลียวมันมาจากอย่างนี้หรือเปล่า ) :lol:
Small Details Make a Big Difference
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10538
- ผู้ติดตาม: 0
วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม
โพสต์ที่ 137
[quote="sai"]อ่านย้อนไปกี่ที ก็ทึ่งทุกที คุณ blueblood เป็นคนที่ฉลาดเฉลียวจริงจริงครับ (คือคนฉลาดอาจจะแค่ฉลาด แต่นี่เฉลียวดูพินิจพิเคราะห์ประสบการณ์ตัวเองอย่างละเอียดอีกด้วย ที่มาของคำ อันนี้ผมคิดเองนะ ไม่รู้ว่าฉลาดเฉลียวมันมาจากอย่างนี้หรือเปล่า )
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 0
วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม
โพสต์ที่ 138
เจ๋งมากๆ พี่หนู
ผมว่าคนที่จะประสบความสำเร็จยาวๆ นั้นไม่ใช่คนที่ล้มเหลวน้อยครั้งที่สุดหรอก แต่คือคนที่เรียนรู้จากความล้มเลวของทั้งตัวเองและคนอื่นๆได้ดีต่างหาก .... พี่หนูกับพี่ moomoo เป็นหนึ่งคนที่ผ่านพ้นวิกฤตมาเล่าประสบการณ์ดีๆให้เพื่อนฟังได้ ผมเชื่อว่ามีอีกหลายคนที่พ้นมาได้แต่ไม่ยังไม่ได้เล่า ในขณะเดียวกันผมก็คิดว่าคนที่ไม่สามารถเอาตัวรอดจากวิกฤตจึงไม่มีโอกาสพูดก็มีจำนวนอยู่ไม่เยอะ พวกเราส่วนใหญ่มีโอกาสเห็น successful story มากมายจากเพื่อนๆ แต่ยังไม่มีค่อยมีโอกาสได้ฟังเรื่องราวล้มเหลวกันซักเท่าไหร่ ลงทุนด้วยความระมัดระวังกันนะครับทุกท่าน
ผมว่าคนที่จะประสบความสำเร็จยาวๆ นั้นไม่ใช่คนที่ล้มเหลวน้อยครั้งที่สุดหรอก แต่คือคนที่เรียนรู้จากความล้มเลวของทั้งตัวเองและคนอื่นๆได้ดีต่างหาก .... พี่หนูกับพี่ moomoo เป็นหนึ่งคนที่ผ่านพ้นวิกฤตมาเล่าประสบการณ์ดีๆให้เพื่อนฟังได้ ผมเชื่อว่ามีอีกหลายคนที่พ้นมาได้แต่ไม่ยังไม่ได้เล่า ในขณะเดียวกันผมก็คิดว่าคนที่ไม่สามารถเอาตัวรอดจากวิกฤตจึงไม่มีโอกาสพูดก็มีจำนวนอยู่ไม่เยอะ พวกเราส่วนใหญ่มีโอกาสเห็น successful story มากมายจากเพื่อนๆ แต่ยังไม่มีค่อยมีโอกาสได้ฟังเรื่องราวล้มเหลวกันซักเท่าไหร่ ลงทุนด้วยความระมัดระวังกันนะครับทุกท่าน
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 0
วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม
โพสต์ที่ 142
[quote="newbie_12"][quote="yoyo"]เจ๋งมากๆ พี่หนู
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
- Financeseed
- Verified User
- โพสต์: 1304
- ผู้ติดตาม: 0
-
- Verified User
- โพสต์: 315
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม
โพสต์ที่ 145
ขอเรียนรู้ด้วยคนนะครับ
ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณมากครับ
-----------------------------------------
เกิดเหตุอะไร อย่าตื่นใจ ไปตามเขา
ปัญญาเรา มีหน้าที่ พิพากษา
ต้องดูน้ำ ดูลม ระดมมา
พิจารณา เชิงชั้น หมั่นตริตรอง
-----------------------------------------
ท่านพุทธทาสภิกขุ
เกิดเหตุอะไร อย่าตื่นใจ ไปตามเขา
ปัญญาเรา มีหน้าที่ พิพากษา
ต้องดูน้ำ ดูลม ระดมมา
พิจารณา เชิงชั้น หมั่นตริตรอง
-----------------------------------------
ท่านพุทธทาสภิกขุ