บทความ ของท่านอาจรย์ ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 21สค 2010

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
nw108
Verified User
โพสต์: 503
ผู้ติดตาม: 0

บทความ ของท่านอาจรย์ ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 21สค 2010

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ทฤษฎีเล่นหุ้นของนักลงทุน

โลกในมุมมองของ Value Investor           21 สิงหาคม 53

ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

ผมเรียนจบปริญญาเอกทางด้านการเงินในสาขาการลงทุน  และได้เรียนรู้เกี่ยวกับทฤษฎีการเงินต่าง ๆ  มากมาย  ทฤษฎีเหล่านั้น  แน่นอน  ก่อนที่จะเป็นที่ยอมรับต้องได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นจริงโดยใช้ตัวเลขทางสถิติ  แต่พอมาเป็นนักปฏิบัติ  เป็นนักลงทุนจริง ๆ   ผมก็พบว่า  ยังมีทฤษฎีอีกมากมายที่มีการพูดกันโดยที่ไม่มีการพิสูจน์  ไม่มีการใช้สถิติ  แต่เป็นเรื่องที่มาจากประสบการณ์ของคนในวงการที่พูดแล้วมีคนเห็นด้วยและเชื่อว่าน่าจะเป็นความจริง   ผมเองเห็นว่าเป็นเรื่องน่าสนใจและอาจจะเข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันจึงนำเสนอทฤษฎีการลงทุนซักสองเรื่องดังต่อไปนี้

ทฤษฎีแรกคือ  ทฤษฎี  งานค็อกเทล  ซึ่งเสนอโดย ปีเตอร์ ลินช์  ทฤษฎีนี้บอกว่าภาวะหรือดัชนีตลาดหุ้นนั้น  สามารถทำนายได้จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงแบบค็อกเทลที่ตัวเขาซึ่งเป็นผู้บริหารกองทุนรวมจะประสบ  นั่นคือ

ในช่วงที่ 1)  ซึ่งมักจะเป็นช่วงที่ตลาดหุ้นได้ตกลงมาระยะหนึ่งแล้วและไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะขึ้นมาได้อีก   คนในงานจะไม่มีใครพูดถึงตลาดหุ้น  ที่จริงถ้าพวกเขารู้ว่าลินช์เป็น ผู้บริหารกองทุนรวม  พวกเขาก็จะพยักหน้าอย่างสุภาพแล้วก็จะรีบเดินจากไป  หรือไม่อย่างนั้นก็จะเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็วไปเป็นเรื่องการแข่งฟุตบอลหรือเรื่องการเลือกตั้งที่กำลังมาถึง  ในไม่ช้าก็จะหันไปคุยกับหมอฟันเรื่องฟันผุมากกว่า  ถ้าลินช์เจอสถานการณ์แบบนี้  ที่คนยินดีที่จะพูดกับหมอฟันมากกว่าผู้จัดการกองทุน  เขาบอกว่าเป็นไปได้ที่ตลาดหุ้นกำลังจะขึ้นแล้ว  เตรียมเก็บหุ้นได้

ช่วงที่ 2)  เมื่อลินช์แนะนำตัวว่าทำมาหากินอะไรแล้ว  คนหน้าใหม่จะอ้อยอิ่งอยู่กับเขานานขึ้นเล็กน้อย บางทีอาจจะนานพอที่จะพูดกับเขาว่าหุ้นนั้นมีความเสี่ยงแค่ไหนก่อนที่จะย้ายไปพูดคุยกับหมอฟัน  อย่างไรก็ตาม  คนก็ยังอยากพูดคุยกับหมอฟันมากกว่า เซียนหุ้น  ขณะนั้นหุ้นก็มักจะปรับตัวขึ้นมาแล้วจากช่วงที่หนึ่งประมาณ 15%  แต่คนก็ยังไม่ค่อยใส่ใจ  ช่วงนี้หุ้นก็น่าจะยังดีอยู่

ช่วงที่ 3)  ขณะนี้ดัชนีหุ้นอาจจะปรับตัวขึ้นไป 30%  แล้วจากช่วงที่หนึ่ง   กลุ่มคนที่สนใจจะเลิกสนใจหมอฟันและหันมาล้อม ปีเตอร์ ลินช์  คนแล้วคนเล่าจะพยายามดึงเขาออกมาอยู่ข้าง ๆ  ห้องเพื่อที่จะคุยกับเขาเกี่ยวกับหุ้น   แม้แต่หมอฟันก็ยังถามเขาว่าควรจะซื้อหุ้นตัวไหน  ทุกคนในงานดูเหมือนจะได้ใช้เงินซื้อหุ้นตัวใดตัวหนึ่งไปแล้วและต่างก็สนทนากันว่าเกิดอะไรขึ้น

ช่วงที่ 4)  นี่ก็เป็นอีกครั้งที่ ปีเตอร์ ลินช์ จะถูกแขกในงานห้อมล้อม  แต่ครั้งนี้จะเป็นคนอื่นที่จะบอกกับลินช์ว่าหุ้นตัวไหนที่เขาควรซื้อ  แม้แต่หมอฟันก็ยังมี หุ้นเด็ด  ให้เขา 3-4 ตัว  และในเวลา 2-3 วันต่อมาเมื่อเขาเปิดหนังสือพิมพ์ดูก็พบว่าหุ้นที่แนะนำทุกตัวนั้นขึ้นกันหมด  ลินช์บอกว่าเมื่อเพื่อนบ้านหรือคนในงานเลี้ยงบอกว่าควรจะซื้อหุ้นตัวไหนและเขาหวังว่าตนเองจะได้เชื่อคำแนะนำนั้น  มันก็เป็นสัญญาณที่แน่ชัดว่า  ตลาดหุ้นได้ขึ้นไปถึงยอดดอยและพร้อมที่จะตกแล้ว  รีบขายหุ้นเสียถ้าคุณเป็นนักเล่นหุ้น

ถ้าถามว่าสถานการณ์ตลาดหุ้นไทยเราในช่วงนี้เป็นอย่างไร?   ผมวิเคราะห์โดยใช้ประสบการณ์ส่วนตัวในฐานะที่เป็นคนที่อยู่ในแวดวงการลงทุนมานานและมักได้สัมผัสกับนักลงทุนเป็นจำนวนมาก   ผมคิดว่าตลาดหุ้นไทยกำลังอยู่ในช่วงที่สามช่วงท้าย ๆ    นั่นก็คือ  มีคนสนใจและถามเรื่องตลาดหุ้นและตัวหุ้นกับผมเป็นจำนวนมาก  บางคนก็เริ่มแนะนำหุ้นให้ผมและผมพบว่าหุ้นเหล่านั้นปรับตัวขึ้นเร็วมากและผมเสียดายที่ไม่ได้ซื้อไว้  ซึ่งนี่เป็นสัญญาณของช่วงที่สี่  อย่างไรก็ตาม  คนที่แนะนำผมนั้น  ยังไม่ใช่  หมอฟัน  หรือคนที่เป็นมือใหม่อย่างในทฤษฎีของ ปีเตอร์ ลินช์

ทฤษฎีที่สองผมขอเรียกว่า ทฤษฎี  ปลาใหญ่-ปลาเล็ก  นี่เป็นทฤษฎีของใครผมไม่ค่อยแน่ใจ  แต่ถ้าจำไม่ผิด คุณไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม  อดีตผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเคยพูดไว้  เขาพูดว่าการเล่นหุ้นในตลาดนั้น  บางทีก็เหมือนกับการหากินของฝูงปลา  ที่มักไปกันเป็นฝูง  นั่นคือ  ปลาตัวใหญ่จะว่ายนำ  ส่วนปลาตัวเล็กจะว่ายตาม  ในยามที่อาหารอุดมสมบูรณ์  ปลาทุกตัวต่างก็อิ่มหมีพีมันกันหมด  แต่เมื่ออาหารร่อยหรอไปจนหมด  สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ  ปลาใหญ่ก็จะหันกลับมากินปลาเล็กเป็นอาหารแทน

เปรียบไปก็เหมือนกับการเล่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์  ขาใหญ่  หรือนักลงทุนรายใหญ่ในตลาดนั้น   ในยามที่ภาวะตลาดดี  พวกเขาก็มักจะเป็นผู้ ซื้อนำ  ในหุ้นบางตัวที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับการเก็งกำไร  เช่น  กำลังมีผลประกอบการที่ดีเยี่ยม  มีข่าวน่าตื่นเต้น  และเป็นหุ้นที่มีขนาดเล็กหรือไม่ใหญ่เกินไป เป็นต้น   การซื้อนำพร้อม ๆ  กับการกระจายข่าวออกไปในตลาดนั้น  ทำให้นักเล่นหุ้นรายย่อยจำนวนมากแห่ซื้อตาม  ผลก็คือ  ราคาหุ้นก็มักจะปรับตัวขึ้นไปอย่างโดดเด่น  คนที่เข้ามาลงทุนเกือบทุกคนต่างก็ อิ่ม หรือได้กำไรกันหมด  ทุกคนมีความสุข   อย่างไรก็ตาม  พอถึงจุดที่ตลาดตกต่ำหรือหุ้นที่ถูกนำมาเล่นตกลงมาอย่างแรงเนื่องจากเหตุผลอะไรก็ตาม   รายย่อยต่างก็ขาดทุนกันจำนวนมาก  แต่รายใหญ่ซึ่งเป็นคนซื้อนำนั้น  มักจะขายหุ้นทำกำไรไปก่อนแล้ว  นี่เท่ากับว่า  ในท้ายที่สุด  นักลงทุนรายใหญ่ก็ กิน นักลงทุนรายย่อยหลาย ๆ  คนที่  หนี หรือขายหุ้นไม่ทันก่อนที่มันจะตกลงมา

ถ้าถามว่าผมเชื่อในทฤษฎีทั้งสองหรือไม่?  คำตอบก็คือ  ผมคิดว่ามันมีส่วนที่เป็นจริงอยู่พอสมควรทีเดียว  แต่ถ้าถามว่าผมจะมีปฏิกริยาอย่างไร?  คำตอบสำหรับทฤษฎีของ ปีเตอร์ ลินช์  ก็เช่นเดียวกับความคิดของตัว ปีเตอร์ ลินช์  เอง  นั่นก็คือ  ผมไม่สนใจเรื่องภาวะตลาดหุ้น  ผมคิดว่าหากหุ้นที่ผมถือนั้นเป็นกิจการที่ดีเยี่ยม  มันก็มักดูแลตัวมันเองได้ไม่ว่าในภาวะตลาดไหน  ส่วนในทฤษฎีที่สองนั้น   ผมก็ต้องสร้าง  วินัย  ให้กับตัวเองว่า  เราจะไม่เป็น ปลาเล็ก  จริงอยู่  เราอาจจะ อิ่มท้อง หรือทำกำไรได้ง่าย ๆ  จากการ หากิน  หรือซื้อหุ้นตาม  ปลาใหญ่ หรือรายใหญ่ที่กำลัง  โปรโมต หุ้น  เพราะผมคิดว่าการทำแบบนี้มีความเสี่ยงพอสมควร  และถ้ามันเกิดขึ้น  คุณก็จะกลายเป็น  อาหาร  นั่นก็คือ  เสียหายหนักจากการลงทุนได้
nw108
Verified User
โพสต์: 503
ผู้ติดตาม: 0

บทความ ของท่านอาจรย์ ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 21สค 2010

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ค่อยๆอ่านกันนะครับ ท่านอาจารย์  มอบความรู้ที่มีประโยชน์  เหมาะสมกับ


ช่วงเวลาครับ


   ขอบคุณครับ




มีสติ เเละมีความสุขกับการลงทุนครับ
sc26
Verified User
โพสต์: 41
ผู้ติดตาม: 0

บทความ ของท่านอาจรย์ ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 21สค 2010

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ขอบคุณครับ ได้ข้อคิดจริง ๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
bhudhorn
Verified User
โพสต์: 54
ผู้ติดตาม: 0

บทความ ของท่านอาจรย์ ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 21สค 2010

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ท่านอาจารย์พูดเรื่องการ "ซื้อนำ"
แวบแรก ผมนึกถึงหุ้นตัวนึงทันทีเลยครับ

ขอบคุณครับ
56-1=555
ภาพประจำตัวสมาชิก
simpleBE
Verified User
โพสต์: 2333
ผู้ติดตาม: 0

บทความ ของท่านอาจรย์ ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 21สค 2010

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ขอบคุณครับ
:)
Notelio
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1018
ผู้ติดตาม: 0

บทความ ของท่านอาจรย์ ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 21สค 2010

โพสต์ที่ 6

โพสต์

ขอบคุณ สำหรับบทความดีๆ ครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
j21
Verified User
โพสต์: 690
ผู้ติดตาม: 0

บทความ ของท่านอาจรย์ ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 21สค 2010

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ขอบคุณครับ   :D
ภาพประจำตัวสมาชิก
picatos
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3227
ผู้ติดตาม: 4

บทความ ของท่านอาจรย์ ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 21สค 2010

โพสต์ที่ 8

โพสต์

:cool:  :cool:  :cool:
ภาพประจำตัวสมาชิก
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10538
ผู้ติดตาม: 0

บทความ ของท่านอาจรย์ ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 21สค 2010

โพสต์ที่ 9

โพสต์

ยอดเยี่ยมครับ
Dangdao
Verified User
โพสต์: 151
ผู้ติดตาม: 0

บทความ ของท่านอาจรย์ ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 21สค 2010

โพสต์ที่ 10

โพสต์

ขอบคุณมาก ช่วยเตือนสติกันได้ดีมากเลย
peedcheee
Verified User
โพสต์: 78
ผู้ติดตาม: 0

บทความ ของท่านอาจรย์ ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 21สค 2010

โพสต์ที่ 11

โพสต์

ความรู้สึกผมตอนนี้เหมือนอยู่ในช่วงที่สามแล้วครับ
ต่อไปต้องลองสักเกตุคนรอบข้างเรื่อยๆ ละ :8)
jojo4624
Verified User
โพสต์: 48
ผู้ติดตาม: 0

บทความ ของท่านอาจรย์ ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 21สค 2010

โพสต์ที่ 12

โพสต์

ขอบคุณมากครับ :)
ภาพประจำตัวสมาชิก
SunShine@Night
Verified User
โพสต์: 2196
ผู้ติดตาม: 0

บทความ ของท่านอาจรย์ ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 21สค 2010

โพสต์ที่ 13

โพสต์

ขอบคุณครับ :)
VI ฝึกหัด สำนักปีเตอร์ ลินช์

หวังผลต่อแทนทบต้นมากกว่า 15% ต่อปี :)
ภาพประจำตัวสมาชิก
hsf
Verified User
โพสต์: 256
ผู้ติดตาม: 0

บทความ ของท่านอาจรย์ ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 21สค 2010

โพสต์ที่ 14

โพสต์

ขอบคุณมากครับบทความเตือนสติ

อ่านแล้วหนาวชอบกล แถมใกล้โดนซื้อเงินสดด้วย

:shock:  :shock:  :shock:  :shock:  :shock:

เอาไงดี :idea: ถือต่อละกัน ต้นทุนต่ำแถมเหตุผลที่ซื้อเพราะชอบในสินค้าของ บ. ไม่ใช้ปลาใหญ่ซื้อนำ เพราะซื้อไว้ก่อน งั้นไม่ขายละกันปล่อยไป
ฟ้าหลังฝนย่อมสดใส แต่ทำไมฝนตกนานจัง
ภาพประจำตัวสมาชิก
dome@perth
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 4740
ผู้ติดตาม: 0

บทความ ของท่านอาจรย์ ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 21สค 2010

โพสต์ที่ 15

โพสต์

:bow:  :bow:
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง
"
wasan_yu
Verified User
โพสต์: 608
ผู้ติดตาม: 0

บทความ ของท่านอาจรย์ ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 21สค 2010

โพสต์ที่ 16

โพสต์

ขอบคุณครับ :bow:
เด็กสระบุรี
pockiee
Verified User
โพสต์: 99
ผู้ติดตาม: 0

บทความ ของท่านอาจรย์ ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 21สค 2010

โพสต์ที่ 17

โพสต์

ขอบคุณครับ :bow:
ภาพประจำตัวสมาชิก
unnop.t
Verified User
โพสต์: 924
ผู้ติดตาม: 0

บทความ ของท่านอาจรย์ ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 21สค 2010

โพสต์ที่ 18

โพสต์

ช่วงนี้อาจารย์มาสะกิดเตือนบ่อย ๆ

นึกถึงคำพูดที่บอกว่า เมื่อใดที่คนที่มีอำนาจเงินซื้อตาม เปลี่ยนมาเป็นผู้ซื้อนำ ราคาจะวิ่งไปสูงเกินจริง ตามแรงความโลภ
ตลาดหุ้นมักจะหลอกเราด้วย ความโลภ และความกลัว.....
Dekfaifah
Verified User
โพสต์: 1220
ผู้ติดตาม: 0

บทความ ของท่านอาจรย์ ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 21สค 2010

โพสต์ที่ 19

โพสต์

ขอบคุณสำหรับบทความดีๆครับ
atitus.b
Verified User
โพสต์: 165
ผู้ติดตาม: 0

บทความ ของท่านอาจรย์ ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 21สค 2010

โพสต์ที่ 20

โพสต์

ค่อนข้างเห็นด้วยกับอาจารย์เลยครับ ว่า ณ ขณะนี้ อยู่ในช่วงที่สามแล้ว
แต่จะสามต้นๆหรือปลายๆ อันนี้ไม่ทราบครับ เพราะ กลุ่มคนรู้จักไม่กว้างขวาง

ผมไม่ได้มีพฤติกรรมฝูงนะครับ 55+ แต่เหตุการณ์มันเกิดขึ้นจริงกับคนใกล้ตัวหลายๆคน  :lol:
ภาพประจำตัวสมาชิก
picklife
Verified User
โพสต์: 2565
ผู้ติดตาม: 0

บทความ ของท่านอาจรย์ ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 21สค 2010

โพสต์ที่ 21

โพสต์

ขอบคุณมากครับ
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
suport495562
Verified User
โพสต์: 94
ผู้ติดตาม: 0

บทความ ของท่านอาจรย์ ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 21สค 2010

โพสต์ที่ 22

โพสต์

ใกล้ได้ซื้อแล้วใช่มั๋ย อิอิ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Linzhi
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1464
ผู้ติดตาม: 1

บทความ ของท่านอาจรย์ ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 21สค 2010

โพสต์ที่ 23

โพสต์

ผมแอบสงสัยหลายครั้งว่า แกเข้ามาอ่านเวปบอร์ดนี้บ่อย ๆ หรือมีคนเล่าให้แกฟังนะ
ก้าวช้า ๆ และเชื่อในปาฎิหารย์ของหุ้นเปลี่ยนชีวิต
There is no secret ingredient. It's just you.
ภาพประจำตัวสมาชิก
boat37564
Verified User
โพสต์: 105
ผู้ติดตาม: 0

บทความ ของท่านอาจรย์ ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 21สค 2010

โพสต์ที่ 24

โพสต์

เอาเวบมาฝากครับ
www.nidambe11.net
สำหรับคนที่สนใจอยากจะอ่านบทความของอาจารย์ย้อนหลัง
รู้สึกว่าจะมีของ 2-3 ปีย้อนหลังเลยนะครับ
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

บทความ ของท่านอาจรย์ ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 21สค 2010

โพสต์ที่ 25

โพสต์

สติ สมาธิ และ ปัญญา

ดำรงตนในความไม่ประมาท
:)
:)
nw108
Verified User
โพสต์: 503
ผู้ติดตาม: 0

บทความ ของท่านอาจรย์ ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 21สค 2010

โพสต์ที่ 26

โพสต์

เป็นความรู้สึกจากประสบการณ์ที่เจอมรสุมมาหลายครั้ง

เป็นความรู้สึกส่วนตัวนะครับ


  คนกลัวๆเเล้วราคาก็ดูไม่ถูกเลยเเต่มันก็sideway up ไปเรื่อยๆ จนบรรดา

ไทยมุงทนไม่ไหวเเปลงร่างกลายเป็นเเมลงยอดฮิต

สถานะการณ์เสียวๆเเต่ได้เงินไปอีกพักใหญ่


ก่อนนำข้อมูลนี้ไปใช้ขอเน้นเป็นความรู้สึก ล้วนๆ อาจจะอ้างอิงกับประ

สบกราณ์ส่วนตัว เเต่ก็ไม่ได้เป็นหลักประกันว่าจะเป็นไปตามนี้ โปรดพิจารณา
chrisac118
Verified User
โพสต์: 20
ผู้ติดตาม: 0

บทความ ของท่านอาจรย์ ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 21สค 2010

โพสต์ที่ 27

โพสต์

หนังสือหุ้นติด best sellerในร้านหนังสือใหญ่ๆหลายเล่ม เท่าที่เคยสังเกตุมาหลายปี ไม่เคยเจอมาก่อน คนพูดถึงตลาดหุ้นมากขึ้น มีคนลาออกจากงานมาเล่นหุ้นเต็มตัว
ถุงเงินเก่า
Verified User
โพสต์: 358
ผู้ติดตาม: 0

บทความ ของท่านอาจรย์ ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 21สค 2010

โพสต์ที่ 28

โพสต์

ในนี้ใครจะสร้างทฤษฎีใหม่บ้างนะ  :D
yoko
Verified User
โพสต์: 4337
ผู้ติดตาม: 0

บทความ ของท่านอาจรย์ ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 21สค 2010

โพสต์ที่ 29

โพสต์

ผมไม่แน่ใจว่าใช่ช่วงที่สามแล้ว   เพราะต่างชาติซื้อน้อยเหลือเกิน
คนควน
Verified User
โพสต์: 46
ผู้ติดตาม: 0

บทความ ของท่านอาจรย์ ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 21สค 2010

โพสต์ที่ 30

โพสต์

ผมคิดว่าดร.นิเวศน์ออกบทความนี้มาได้ถูกจังหวะ สะท้อนบรรยากาศที่เกิดขึ้นตอนนี้จริงๆ ผมเองก็ิถามตัวเองมาได้สักพัก จะลดพอร์ตดีหรือเปล่า

ผมเห็นว่า คนใหม่ๆเข้ามาสนใจหุ้นเยอะจนน่ากลัว เพราะคนที่เข้ามาที่เข้ามาไม่นานเนื่่องจากเห็นว่าน่าจะกำไรได้ง่ายจากหุ้น มักจะ (แต่ไม่เสมอไป)ไม่ได้ศึกษาข้อมูลมากนัก จึงมีแนวโน้มจะเข้ามาซื้อไล่เพื่อหวังกำไรในอนาคต ตามข่าวเป็นหลัก จนอาจจะกลายเป็นคนดันให้ราคาหุ้นสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้นคนเหล่านี้เป็นตัวเร่งราคาหุ้น  

คำถามที่อยากจะขอให้ช่วยกันวิเคราะห์ครับ
1. คนที่เข้ามาใหม่ๆ เหล่านี้ จะส่งผลอะไรกับผลประกอบการของหุ้น หรือไม่ นอกจากราคา
2. ถ้าไม่มี เราคาดการว่ามูลค่ากับรับราคาที่เป็นอยู่ ยังเหลือ  Upside ที่น่าสนใจหรือเปล่า  
3. ที่เหลือผมคิดว่า พวกเราตอบกันได้ทุกคนครับ ว่าต้องทำอะไรต่อ

ส่วนตัวผม หุ้นที่ไม่มั่นใจนัก ผมทำการบ้านมากขึ้นเืพื่่่อตอบข้อสองให้ได้อย่างมั่นใจ ถ้าทำการบ้านแล้วยังไม่มั่นใจ ผมทยอยขายออกครับ


ถ้าท่านอื่นเห็นว่าที่ผมคิดมาไม่ค่อยเหมาะ ช่วยชี้แนะด้วยครับ เพราะยังมือใหม่เหมือนกัน
โพสต์โพสต์