ปี 2536 หุ้นวิ่งจาก 800 ไป 1700 อารมณ์เหมือนตอนนี้มั๊ยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 172
- ผู้ติดตาม: 0
ปี 2536 หุ้นวิ่งจาก 800 ไป 1700 อารมณ์เหมือนตอนนี้มั๊ยครับ
โพสต์ที่ 1
ผมมาดู ๆ ตัวที่วิ่ง หุ้นปั่นทั้งนั้น ก่อนไม่มีคนเล่น
ตอนนี้ Top Value Top Volume กันใหญ่
ทั้ง TMB BTS TRUE JAS N-PARK และอื่น ๆ
ผมย้อนหลังดู SET จาก 800 จุดวิ่งไป 1700 ใช้เวลาประมาณ
4 เดือน ลองดูผู้นำประเทศตอนนั้น คล้ายหนังม้วนเดียวกัน
อยากรู้ว่าอารมณ์ตลาดช่วงนั้น เป็นเหมือนตอนนี้รึเปล่าครับ
SET ไม่ตามใคร พี่ที่เกิดทันเล่าให้ฟังหน่อยครับ :lol:
ตอนนี้ Top Value Top Volume กันใหญ่
ทั้ง TMB BTS TRUE JAS N-PARK และอื่น ๆ
ผมย้อนหลังดู SET จาก 800 จุดวิ่งไป 1700 ใช้เวลาประมาณ
4 เดือน ลองดูผู้นำประเทศตอนนั้น คล้ายหนังม้วนเดียวกัน
อยากรู้ว่าอารมณ์ตลาดช่วงนั้น เป็นเหมือนตอนนี้รึเปล่าครับ
SET ไม่ตามใคร พี่ที่เกิดทันเล่าให้ฟังหน่อยครับ :lol:
- picklife
- Verified User
- โพสต์: 2565
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปี 2536 หุ้นวิ่งจาก 800 ไป 1700 อารมณ์เหมือนตอนนี้มั๊ยคร
โพสต์ที่ 3
[quote="โดนแบนตลอด"]ผมมาดู ๆ ตัวที่วิ่ง หุ้นปั่นทั้งนั้น ก่อนไม่มีคนเล่น
ตอนนี้ Top Value Top Volume กันใหญ่
ทั้ง TMB BTS TRUE JAS N-PARK และอื่น ๆ
ผมย้อนหลังดู SET จาก 800 จุดวิ่งไป 1700 ใช้เวลาประมาณ
4 เดือน ลองดูผู้นำประเทศตอนนั้น คล้ายหนังม้วนเดียวกัน
อยากรู้ว่าอารมณ์ตลาดช่วงนั้น เป็นเหมือนตอนนี้รึเปล่าครับ
SET ไม่ตามใคร พี่ที่เกิดทันเล่าให้ฟังหน่อยครับ
ตอนนี้ Top Value Top Volume กันใหญ่
ทั้ง TMB BTS TRUE JAS N-PARK และอื่น ๆ
ผมย้อนหลังดู SET จาก 800 จุดวิ่งไป 1700 ใช้เวลาประมาณ
4 เดือน ลองดูผู้นำประเทศตอนนั้น คล้ายหนังม้วนเดียวกัน
อยากรู้ว่าอารมณ์ตลาดช่วงนั้น เป็นเหมือนตอนนี้รึเปล่าครับ
SET ไม่ตามใคร พี่ที่เกิดทันเล่าให้ฟังหน่อยครับ
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
-
- Verified User
- โพสต์: 172
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปี 2536 หุ้นวิ่งจาก 800 ไป 1700 อารมณ์เหมือนตอนนี้มั๊ยคร
โพสต์ที่ 5
[quote="picklife"][quote="โดนแบนตลอด"]ผมมาดู ๆ ตัวที่วิ่ง หุ้นปั่นทั้งนั้น ก่อนไม่มีคนเล่น
ตอนนี้ Top Value Top Volume กันใหญ่
ทั้ง TMB BTS TRUE JAS N-PARK และอื่น ๆ
ผมย้อนหลังดู SET จาก 800 จุดวิ่งไป 1700 ใช้เวลาประมาณ
4 เดือน ลองดูผู้นำประเทศตอนนั้น คล้ายหนังม้วนเดียวกัน
อยากรู้ว่าอารมณ์ตลาดช่วงนั้น เป็นเหมือนตอนนี้รึเปล่าครับ
SET ไม่ตามใคร พี่ที่เกิดทันเล่าให้ฟังหน่อยครับ
ตอนนี้ Top Value Top Volume กันใหญ่
ทั้ง TMB BTS TRUE JAS N-PARK และอื่น ๆ
ผมย้อนหลังดู SET จาก 800 จุดวิ่งไป 1700 ใช้เวลาประมาณ
4 เดือน ลองดูผู้นำประเทศตอนนั้น คล้ายหนังม้วนเดียวกัน
อยากรู้ว่าอารมณ์ตลาดช่วงนั้น เป็นเหมือนตอนนี้รึเปล่าครับ
SET ไม่ตามใคร พี่ที่เกิดทันเล่าให้ฟังหน่อยครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 27
- ผู้ติดตาม: 0
มือใหม่ครับ
โพสต์ที่ 6
ตัวอื่น ผมไม่ค่อยรู้ ตัวที่ผมพอรู้บ้าง คือ jas =ช่วงหลังที่มีคนเล่นเยอะเพราะว่า jas เองเป็นตัวที่มาแรงในแง่ 3bb จะกลายมาเป็นที่ 1-3 ของกลุ่มหุ้นแรงมาก และมีสิทธิ์ได้ 3G ทำให้มันแรงทะลัก ไม่รู้คนอื่นว่าไง แต่ผมว่ามันเป็นหุ้น ฟู่ฟ่า คือ P/E ขณะนี้ประมาณ 50 --> ผมว่าราคามันเกินผลประกอบการจริงมากไปอยู่ดี ซึ่งโอกาสที่ตัว jas เองจะทำกำไร ตามราคาหุ้น น่าจะยาก ผมว่าราคาขณะนี้แพงไป แต่ถ้าถามว่าราคามันจะพุ่งไปอีกไหม ผมว่าอาจจะขึ้นไปอีกระยะ แต่อาจหล่นตุ่บเมื่อไหร่ก็ได้
- picklife
- Verified User
- โพสต์: 2565
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มือใหม่ครับ
โพสต์ที่ 7
PE50 คิดยังไงครับ?wpatsawat เขียน:ตัวอื่น ผมไม่ค่อยรู้ ตัวที่ผมพอรู้บ้าง คือ jas =ช่วงหลังที่มีคนเล่นเยอะเพราะว่า jas เองเป็นตัวที่มาแรงในแง่ 3bb จะกลายมาเป็นที่ 1-3 ของกลุ่มหุ้นแรงมาก และมีสิทธิ์ได้ 3G ทำให้มันแรงทะลัก ไม่รู้คนอื่นว่าไง แต่ผมว่ามันเป็นหุ้น ฟู่ฟ่า คือ P/E ขณะนี้ประมาณ 50 --> ผมว่าราคามันเกินผลประกอบการจริงมากไปอยู่ดี ซึ่งโอกาสที่ตัว jas เองจะทำกำไร ตามราคาหุ้น น่าจะยาก ผมว่าราคาขณะนี้แพงไป แต่ถ้าถามว่าราคามันจะพุ่งไปอีกไหม ผมว่าอาจจะขึ้นไปอีกระยะ แต่อาจหล่นตุ่บเมื่อไหร่ก็ได้
P/E=50
E=P/50
E=1.46/50=0.03
ตอนนี้epsครึ่งปี0.06นะครับ การที่ทั้งปีจะเป็น0.03ได้
แสดงว่าครึ่งปีหลังQ3และQ4ไตรมาสละประมาณ-0.015นะครับ
พี่wpatsawatมองยังไงครับจึงคิดว่าครึ่งปีหลังจะขาดทุนขนาดนี้ช่วยแชร์ด้วยครับ
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
- picklife
- Verified User
- โพสต์: 2565
- ผู้ติดตาม: 0
ปี 2536 หุ้นวิ่งจาก 800 ไป 1700 อารมณ์เหมือนตอนนี้มั๊ยครับ
โพสต์ที่ 8
ครับเร็วมากครับพี่happiness เขียน:โห เพิ่งรู้ว่าใช้เวลาแค่ 4 เดือน
ตอนนั้นรูสึกว่าจะมีข่าวว่าไทยจะเป็นNICS จะกลายเป็นเสือตัวที่5ของเอเซีย GPSโต2ดิจิต ตอนนั้นใครๆก็คิดว่าไทยจะกลายเป็นญี่ปุ่น
ซึ่งยุคนี้....เอาระดับอาเซียนให้รอดก่อนครับ อ้ออาจจะมองภาพไกลไปมองว่าทำอย่างไรไม่ให้เวียดนามแซงให้ได้ก่อนดีครับ ไปทีละเสตปไม่อยากหวังมากละ :lol:
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
-
- Verified User
- โพสต์: 93
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มือใหม่ครับ
โพสต์ที่ 9
PE 50 เข้าใจว่าเอามาจาก PE ในอดีต 4 ไตรมาสย้อนหลัง แต่ถ้าในอนาคตความสามารถในการทำกำไรดีขึ้น PE จากแพงตอนนี้ อาจกลายเป็นถูกในอนาคต หุ้น Turn around มักมีลักษณะเป็นเช่นนี้ เช่นเดียวกับพวกหุ้นวัฎจักรwpatsawat เขียน:ตัวอื่น ผมไม่ค่อยรู้ ตัวที่ผมพอรู้บ้าง คือ jas =ช่วงหลังที่มีคนเล่นเยอะเพราะว่า jas เองเป็นตัวที่มาแรงในแง่ 3bb จะกลายมาเป็นที่ 1-3 ของกลุ่มหุ้นแรงมาก และมีสิทธิ์ได้ 3G ทำให้มันแรงทะลัก ไม่รู้คนอื่นว่าไง แต่ผมว่ามันเป็นหุ้น ฟู่ฟ่า คือ P/E ขณะนี้ประมาณ 50 --> ผมว่าราคามันเกินผลประกอบการจริงมากไปอยู่ดี ซึ่งโอกาสที่ตัว jas เองจะทำกำไร ตามราคาหุ้น น่าจะยาก ผมว่าราคาขณะนี้แพงไป แต่ถ้าถามว่าราคามันจะพุ่งไปอีกไหม ผมว่าอาจจะขึ้นไปอีกระยะ แต่อาจหล่นตุ่บเมื่อไหร่ก็ได้
อีกมุมนึงคับ ผมก็มือใหม่
-
- Verified User
- โพสต์: 31
- ผู้ติดตาม: 0
ปี 2536 หุ้นวิ่งจาก 800 ไป 1700 อารมณ์เหมือนตอนนี้มั๊ยครับ
โพสต์ที่ 10
ผมว่าน่าจะมีสิทธินะ จาก 900 ไป 300 ก็เกิดมาแล้ว
1800 มา 200 ก็มีแล้ว ยังไงคงไม่ใครคาดเดาได้หรอกครับ แต่ถ้าเราอยู่ในหุ้นตลอดเวลา ผมรับรองว่าจะไม่พลาดแน่ครับ แต่ไม่รู้ว่า ไปขึ้นหรือลงเท่านั้นเอง
1800 มา 200 ก็มีแล้ว ยังไงคงไม่ใครคาดเดาได้หรอกครับ แต่ถ้าเราอยู่ในหุ้นตลอดเวลา ผมรับรองว่าจะไม่พลาดแน่ครับ แต่ไม่รู้ว่า ไปขึ้นหรือลงเท่านั้นเอง
- picklife
- Verified User
- โพสต์: 2565
- ผู้ติดตาม: 0
ปี 2536 หุ้นวิ่งจาก 800 ไป 1700 อารมณ์เหมือนตอนนี้มั๊ยครับ
โพสต์ที่ 11
มะแน่นะครับ อเมริกา กับยุโรปไม่โอเท่าไหร่ ส่วยจีนก็ต้องเสียวๆอยู่jojo_s เขียน:ผมว่าน่าจะมีสิทธินะ จาก 900 ไป 300 ก็เกิดมาแล้ว
1800 มา 200 ก็มีแล้ว ยังไงคงไม่ใครคาดเดาได้หรอกครับ แต่ถ้าเราอยู่ในหุ้นตลอดเวลา ผมรับรองว่าจะไม่พลาดแน่ครับ แต่ไม่รู้ว่า ไปขึ้นหรือลงเท่านั้นเอง
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
- picklife
- Verified User
- โพสต์: 2565
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มือใหม่ครับ
โพสต์ที่ 12
งั้นในSETก็น่าจะเป็นเป็น Q2-Q4/52+Q1/53 ยังไม่ได้UpdateQ2เข้าไปMcDonald เขียน:PE 50 เข้าใจว่าเอามาจาก PE ในอดีต 4 ไตรมาสย้อนหลัง แต่ถ้าในอนาคตความสามารถในการทำกำไรดีขึ้น PE จากแพงตอนนี้ อาจกลายเป็นถูกในอนาคต หุ้น Turn around มักมีลักษณะเป็นเช่นนี้ เช่นเดียวกับพวกหุ้นวัฎจักรwpatsawat เขียน:ตัวอื่น ผมไม่ค่อยรู้ ตัวที่ผมพอรู้บ้าง คือ jas =ช่วงหลังที่มีคนเล่นเยอะเพราะว่า jas เองเป็นตัวที่มาแรงในแง่ 3bb จะกลายมาเป็นที่ 1-3 ของกลุ่มหุ้นแรงมาก และมีสิทธิ์ได้ 3G ทำให้มันแรงทะลัก ไม่รู้คนอื่นว่าไง แต่ผมว่ามันเป็นหุ้น ฟู่ฟ่า คือ P/E ขณะนี้ประมาณ 50 --> ผมว่าราคามันเกินผลประกอบการจริงมากไปอยู่ดี ซึ่งโอกาสที่ตัว jas เองจะทำกำไร ตามราคาหุ้น น่าจะยาก ผมว่าราคาขณะนี้แพงไป แต่ถ้าถามว่าราคามันจะพุ่งไปอีกไหม ผมว่าอาจจะขึ้นไปอีกระยะ แต่อาจหล่นตุ่บเมื่อไหร่ก็ได้
อีกมุมนึงคับ ผมก็มือใหม่
น่าจะแบบนี้ปะครับ
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
-
- Verified User
- โพสต์: 36
- ผู้ติดตาม: 0
ปี 2536 หุ้นวิ่งจาก 800 ไป 1700 อารมณ์เหมือนตอนนี้มั๊ยครับ
โพสต์ที่ 13
ผลประกอบการของ JAS ในปีที่แล้วไตรมาส 1 2 3 กำไรดีมากครับแต่ พอไตรมาส 4
มาตั้งสำรอง impairmentของ tt&t ทำให้ขาดทุน ปีนี้ดูราคา tt&t คงไม่ต้องตั้งเพิ่มแล้ว ถ้าดุผลประกอบการตอนนี้ประมาณการไปถึงสิ้นปีโดไม่มี growth เลย กำไรน่าจะได้ .12 ราคานี้ pe 12 ก็ยังไม่สูงมากนะครับ ผมดูยังงัย JAS ก็ไม่ใช่หุ้นปันเพราะพื้นฐานยังมีครับ เพียงแต่ดู pe ของ set trade มันเป็น pe ในอดีต ใครไม่ได้ดูละเอียดก็คง misleadได้
มาตั้งสำรอง impairmentของ tt&t ทำให้ขาดทุน ปีนี้ดูราคา tt&t คงไม่ต้องตั้งเพิ่มแล้ว ถ้าดุผลประกอบการตอนนี้ประมาณการไปถึงสิ้นปีโดไม่มี growth เลย กำไรน่าจะได้ .12 ราคานี้ pe 12 ก็ยังไม่สูงมากนะครับ ผมดูยังงัย JAS ก็ไม่ใช่หุ้นปันเพราะพื้นฐานยังมีครับ เพียงแต่ดู pe ของ set trade มันเป็น pe ในอดีต ใครไม่ได้ดูละเอียดก็คง misleadได้
-
- Verified User
- โพสต์: 36
- ผู้ติดตาม: 0
ปี 2536 หุ้นวิ่งจาก 800 ไป 1700 อารมณ์เหมือนตอนนี้มั๊ยครับ
โพสต์ที่ 14
ผลประกอบการของ JAS ในปีที่แล้วไตรมาส 1 2 3 กำไรดีมากครับแต่ พอไตรมาส 4
มาตั้งสำรอง impairmentของ tt&t ทำให้ขาดทุน ปีนี้ดูราคา tt&t คงไม่ต้องตั้งเพิ่มแล้ว ถ้าดุผลประกอบการตอนนี้ประมาณการไปถึงสิ้นปีโดไม่มี growth เลย กำไรน่าจะได้ .12 ราคานี้ pe 12 ก็ยังไม่สูงมากนะครับ ผมดูยังงัย JAS ก็ไม่ใช่หุ้นปันเพราะพื้นฐานยังมีครับ เพียงแต่ดู pe ของ set trade มันเป็น pe ในอดีต ใครไม่ได้ดูละเอียดก็คง misleadได้
มาตั้งสำรอง impairmentของ tt&t ทำให้ขาดทุน ปีนี้ดูราคา tt&t คงไม่ต้องตั้งเพิ่มแล้ว ถ้าดุผลประกอบการตอนนี้ประมาณการไปถึงสิ้นปีโดไม่มี growth เลย กำไรน่าจะได้ .12 ราคานี้ pe 12 ก็ยังไม่สูงมากนะครับ ผมดูยังงัย JAS ก็ไม่ใช่หุ้นปันเพราะพื้นฐานยังมีครับ เพียงแต่ดู pe ของ set trade มันเป็น pe ในอดีต ใครไม่ได้ดูละเอียดก็คง misleadได้
-
- Verified User
- โพสต์: 93
- ผู้ติดตาม: 0
ปี 2536 หุ้นวิ่งจาก 800 ไป 1700 อารมณ์เหมือนตอนนี้มั๊ยครับ
โพสต์ที่ 15
ผมก็จำไม่ค่อยได้ครับ เพราะไม่ค่อยได้ใช้ PE ในตลทเลย ดูได้จากpicklife เขียน:งั้นในSETก็น่าจะเป็นเป็น Q2-Q4/52+Q1/53 ยังไม่ได้UpdateQ2เข้าไปMcDonald เขียน:PE 50 เข้าใจว่าเอามาจาก PE ในอดีต 4 ไตรมาสย้อนหลัง แต่ถ้าในอนาคตความสามารถในการทำกำไรดีขึ้น PE จากแพงตอนนี้ อาจกลายเป็นถูกในอนาคต หุ้น Turn around มักมีลักษณะเป็นเช่นนี้ เช่นเดียวกับพวกหุ้นวัฎจักรwpatsawat เขียน:ตัวอื่น ผมไม่ค่อยรู้ ตัวที่ผมพอรู้บ้าง คือ jas =ช่วงหลังที่มีคนเล่นเยอะเพราะว่า jas เองเป็นตัวที่มาแรงในแง่ 3bb จะกลายมาเป็นที่ 1-3 ของกลุ่มหุ้นแรงมาก และมีสิทธิ์ได้ 3G ทำให้มันแรงทะลัก ไม่รู้คนอื่นว่าไง แต่ผมว่ามันเป็นหุ้น ฟู่ฟ่า คือ P/E ขณะนี้ประมาณ 50 --> ผมว่าราคามันเกินผลประกอบการจริงมากไปอยู่ดี ซึ่งโอกาสที่ตัว jas เองจะทำกำไร ตามราคาหุ้น น่าจะยาก ผมว่าราคาขณะนี้แพงไป แต่ถ้าถามว่าราคามันจะพุ่งไปอีกไหม ผมว่าอาจจะขึ้นไปอีกระยะ แต่อาจหล่นตุ่บเมื่อไหร่ก็ได้
อีกมุมนึงคับ ผมก็มือใหม่
น่าจะแบบนี้ปะครับ
http://www.set.or.th/th/market/files/SE ... ossary.pdf
-
- Verified User
- โพสต์: 165
- ผู้ติดตาม: 0
ปี 2536 หุ้นวิ่งจาก 800 ไป 1700 อารมณ์เหมือนตอนนี้มั๊ยครับ
โพสต์ที่ 16
แล้วใครพอจะเล่าเหตุการณ์ ปัจจัยต่างๆ รวมทั้งอารมณ์ตลาด จากตอนที่หุ้นวิ่งจาก 800 ไปแตะระดับ 1700 จุด และจาก 1700 ร่วงลงมาที่ 200 จุดได้บ้างครับ
หรือสามารถหาอ่านได้ที่ไหนรบกวนชี้แนะด้วยครับ
ตอนแรกผมก็อยากจะตั้งกระทู้ถามอยู่เหมือนกัน อยากจะรู้ไว้เป็นกรณีศึกษาน่ะครับ
สมัยที่เกิดเหตุการณ์นี้ผมยังอยู่อนุบาลหมีน้อยเลยครับ :lol: :lol:
หรือสามารถหาอ่านได้ที่ไหนรบกวนชี้แนะด้วยครับ
ตอนแรกผมก็อยากจะตั้งกระทู้ถามอยู่เหมือนกัน อยากจะรู้ไว้เป็นกรณีศึกษาน่ะครับ
สมัยที่เกิดเหตุการณ์นี้ผมยังอยู่อนุบาลหมีน้อยเลยครับ :lol: :lol:
-
- Verified User
- โพสต์: 172
- ผู้ติดตาม: 0
ปี 2536 หุ้นวิ่งจาก 800 ไป 1700 อารมณ์เหมือนตอนนี้มั๊ยครับ
โพสต์ที่ 17
[quote="blunaticz"]แล้วใครพอจะเล่าเหตุการณ์ ปัจจัยต่างๆ รวมทั้งอารมณ์ตลาด จากตอนที่หุ้นวิ่งจาก 800 ไปแตะระดับ 1700 จุด และจาก 1700 ร่วงลงมาที่ 200 จุดได้บ้างครับ
หรือสามารถหาอ่านได้ที่ไหนรบกวนชี้แนะด้วยครับ
ตอนแรกผมก็อยากจะตั้งกระทู้ถามอยู่เหมือนกัน อยากจะรู้ไว้เป็นกรณีศึกษาน่ะครับ
สมัยที่เกิดเหตุการณ์นี้ผมยังอยู่อนุบาลหมีน้อยเลยครับ
หรือสามารถหาอ่านได้ที่ไหนรบกวนชี้แนะด้วยครับ
ตอนแรกผมก็อยากจะตั้งกระทู้ถามอยู่เหมือนกัน อยากจะรู้ไว้เป็นกรณีศึกษาน่ะครับ
สมัยที่เกิดเหตุการณ์นี้ผมยังอยู่อนุบาลหมีน้อยเลยครับ
- Juninho
- Verified User
- โพสต์: 1050
- ผู้ติดตาม: 0
ปี 2536 หุ้นวิ่งจาก 800 ไป 1700 อารมณ์เหมือนตอนนี้มั๊ยครับ
โพสต์ที่ 18
ครับเร็วมากครับพี่picklife เขียน:happiness เขียน:โห เพิ่งรู้ว่าใช้เวลาแค่ 4 เดือน
ตอนนั้นรูสึกว่าจะมีข่าวว่าไทยจะเป็นNICS จะกลายเป็นเสือตัวที่5ของเอเซีย GPSโต2ดิจิต ตอนนั้นใครๆก็คิดว่าไทยจะกลายเป็นญี่ปุ่น
ซึ่งยุคนี้....เอาระดับอาเซียนให้รอดก่อนครับ
You Can Get It If You Really Want
But you must try, try and try
But you must try, try and try
- pornchai_w
- Verified User
- โพสต์: 244
- ผู้ติดตาม: 0
ปี 2536 หุ้นวิ่งจาก 800 ไป 1700 อารมณ์เหมือนตอนนี้มั๊ยครับ
โพสต์ที่ 19
ให้เครดิต
http://www.gotomanager.com/news/details.aspx?id=5557
นิตยสารผู้จัดการ พฤศจิกายน 2536
"กองทุนรวม ขาใหญ่ ตลาดหุ้น!?"
โดย สุปราณี คงนิรันดรสุข จิตติมา คุปตานนท์
การเกิดขึ้นของกองทุนรวมหรือบริษัทหลักทรัพย์กองทุนรวม เป็นผลพวงจากการยกเครื่องโครงสร้างตลาดทุน ภายใต้ พรบ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2535 โดยมีจุดประสงค์เพื่อเป็นเครื่องมือประการแรกในการสร้างความแข็งแกร่งและเสถียรภาพตลาดทุน ด้วยการเพิ่มนักลงทุนประเภทสถาบันในรูปของกองทุนรวม
กรณีที่ กลต. ประกาศดำเนินคดี "เสี่ยสอง" ในข้อหาปั่นหุ้นเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2535 แล้วทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงอยู่ที่ระดับ 868.04 หรือลดลงกว่า 23.45 จุดเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้านี้ ขณะที่มูลค่าการซื้อขายสูงถึง 10,692.54 ล้านบาท ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องหรือกว่า 33.87 โดยปิดที่ระดับ 834.17 ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6,492.54 ล้านบาท ในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2535 หากเปรียบเทียบกับวันที่ 5 พฤศจิกายน 2535 ซึ่งเป็นวันที่ดัชนีพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 963.03 ด้วยมูลค่าการซื้อขายถึง 20,314.23 ล้านบาท
หมายถึงว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ลดลงถึง 105 จุด ขณะที่มูลค่าการซื้อขายมลายหายไปกว่า 10,000 ล้านบาทในช่วงเวลาเพียง 10 กว่าวัน ซึ่งแน่นอนว่าแสดงถึงความเปราะบางของตลาดหุ้นไทยหรือ "อิทธิพล" ของขาใหญ่อย่างมิพักสงสัย??
เจ้าหน้าที่ตลาดหลักทรัพย์ และผู้ที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะหน่วยงานภาครัฐบาล หรือเอกชนได้ร่วมมือกันแก้ไขวิกฤติการณ์ดังกล่าวหลายประการที่สำคัญ คือ "การจัดตั้งกองทุน" เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในตลาดหลักทรัพย์
ขณะเดียวกันก็ตรงกับปรัชญาการลงทุนของกองทุนรวมที่ต้องการซื้อหุ้นที่มีพื้นฐานดี แต่ต้นทุนราคาต่ำ ทำให้การไล่เก็บซื้อหุ้นในภาวะผันผวนระยะสั้นเช่นนี้ ก่อให้เกิดผลตอบแทนสูงในระยะยาวเมื่อตลาดหุ้นคืนสภาพปกติและปรับดัชนีหุ้นสูงขึ้นเมื่อปล่อยขายก็ทำกำไรมาก
นี่คือข้อดีของการบริหารความเสี่ยงแบบนักลงทุนสถาบันในรูปกองทุนรวม ที่มีความเป็นมืออาชีพพร้อมกับระบบข้อมูลที่ดี ทำให้การตัดสินใจแบบระยะยาวไม่หวือหวา เมื่อเจอดัชนีผันผวนเนื่องจากภาวะการเมืองในประเทศตอนข่าวปรับคณะรัฐมนตรีของชวน หลีกภัย ดัชนีหุ้นตกมากในเดือนพฤษภาคมปีนี้ ปรับตัวลดลงถึงระดับ 761.52 กองทุนรวมและกองทุนต่างประเทศก็นำตลาดด้วยการเข้าไปเลือกซื้อหุ้นที่น่าลงทุน ทำให้การปรับตัวดัชนีไต่ระดับ 900 จนทะลุหลักพันในวันที่ 20 กันยายน มีการลดต่ำของดัชนีหุ้นบ้างก่อนจะปรับฐานใหม่เป็นดัชนี 1037.54 จุดในวันที่ 6 ตุลาคมปีนี้ และไต่ดัชนี 1157 จุดในช่วงนี้ พร้อมมีการปรับพอร์ตของกองทุนรวมบางแห่ง ด้วยการขายหุ้นบางตัวที่ให้ผลกำไรสูงแล้วซื้อเก็บตัวอื่นที่น่าลงทุนเข้ามาในพอร์ต
การทำให้สุขภาพตลาดแข็งแรงประการที่สองคือ สร้างเสถียรภาพ โดยเปลี่ยนพฤติกรรมนักลงทุนรายย่อยสู่รูปของการสร้างนักลงทุนสถาบันให้เกิดขึ้น ซึ่งทางการไม่เพียงให้ใบอนุญาตการจัดการกองทุนรวมแก่บริษัทใหม่ถึง 7 แห่ง ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2535 เพิ่มเติมจากเดิมที่มีเพียงบริษัทหลักทรัพย์กองทุนรวม เพียงแห่งเดียว
ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2536 ที่ประชุม กลต. ได้มีมติเห็นชอบให้สถาบันการเงินไม่ว่าจะเป็นบริษัทหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ธนาคารพาณิชย์ (รวมสาขาธนาคารต่างประเทศ) และบริษัทเงินทุนสามารถดำเนินการจัดการกองทุนส่วนบุคคล (PRIVATE FUND MANAGEMENT) ได้ นอกเหนือจากการรับประกันจำหน่ายตราสารหนี้ การให้ใบอนุญาตครบทั้ง 4 ประเภท คือการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ การค้าหลักทรัพย์ การเป็นที่ปรึกษาการลงทุนและการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ แก่บริษัทหลักทรัพย์และบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ โดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ
ปฏิเสธไม่ได้ว่ามาตรการต่าง ๆ ของทางการ ล้วนแล้วแต่เป็นการเพิ่มนักลงทุนประเภทสถาบัน นอกเหนือจากการลดความเหลื่อมล้ำในการแข่งขันดำเนินกิจการ อันจะก่อให้เกิดตลาดการเงินที่มีเสถียรภาพและประสิทธิภาพอย่างมิพักสงสัย
อย่างไรก็ตามบทบาทของ "กองทุน" ไม่ว่าจะเป็นกองทุนเปิด กองทุนปิด กองทุนส่วนบุคคลหรือเม็กซิกันทรัสต์ฟันด์ ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงนักลงทุนรายใหญ่หรือนักลงทุนสถาบันที่ทำให้ตลาดมีเสถียรภาพเท่านั้น เพราะ "การสร้างเงินออม" ก็เป็นอีกบทบาทที่สำคัญเช่นกัน โดยเฉพาะ "กองทุนบำเหน็จกลาง" ซึ่งจะเป็นสถาบันเงินออมภาครัฐ คาดว่าจะมีบทบาทไม่น้อยในอนาคต มติคณะรัฐมนตรีที่ว่าการปรับเงินเดือนข้าราชการพลเรือนจาก บัญชีหนึ่งไปบัญชีสอง จะต้องผูกเอากองทุนบำเหน็จกลางไปด้วยอธิบายได้ชัดเจน
"ประเด็นเรื่องการบริหารนั้นเราต้องดูละเอียดรอบคอบ โดยหลักเราจะยึดความมั่นคงไว้ก่อน เป็นสถาบันเงินออมมากกว่าเป็นสถาบันการลงทุนเพื่อที่จะแสวงหาผลประโยชน์สูงสุด" รมว. คลัง ธารินทร์กล่าวถึงนโยบายกองทุนใหม่นี้
ประการที่สามคือ เสริมสร้างสภาพคล่องและพัฒนาตลาดรอง (SECONDARY MARKET) ของสิทธิ์ในการซื้อหุ้นเพิ่มทุน การพัฒนาตลาดโอทีซีหรือศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ และการพัฒนาตราสารแห่งหนี้เอกชน รวมทั้งสนับสนุนให้มีการทำ CREDIT RATING ให้กับกิจการสาธารณูปโภคพื้นฐานหรือบริษัทขนาดใหญ่ที่จะสามารถออกพันธบัตรในต่างประเทศได้
ดังกรณีของเจ็ดหุ้นยักษ์ใหญ่ที่จะเสริมสภาพคล่องตลาดหุ้นไทยในปีหน้า ได้แก่ บริษัทเทเลคอมเอเชีย ซึ่งเพิ่มทุน 223 ล้านบาท บริษัททีทีแอนด์ที บริษัทน้ำมันบางจากซึ่งมีจุดทะเบียน 5,220 ล้านบาท แต่คาดว่าจะกระจายหุ้น 20% บริษัทปิโตรเคมี บริษัทผลิตไฟฟ้า(ระยอง) บริษัทชินวัตรแซทเทิลไลท์ ทุนจดทะเบียน 1,700 ล้านบาทแต่จะกระจายหุ้น 300 ล้านบาท และบริษัทไทยออยล์ซึ่งมีทุนจดทะเบียน 12,000 ล้านบาท แต่จะกระจายหุ้น 25%
หลังจากแสงเงินแสงทองเริ่มเจิดจ้าจากนโยบายเปิดเสรีตลาดเงินตลาดทุน เสถียรภาพที่มุ่งสร้างนักลงทุนสถาบันมาก ๆ เพื่อให้ดุลยภาพ ทำให้ในปีหน้ากองทุนเปิด กองทุนส่วนบุคคล (ไพรเวท์ ฟันด์) และการเปิดเสรีที่จะให้กองทุนไทยไปขายต่างประเทศได้ ก็จะทำให้ความมั่นใจของนักบริหารกองทุนรวมต่างก็พุ่งขึ้นสูง บ้างก็วาดหวังผลตอบแทนภายในระยะห้าปีว่าจะต้องไม่ต่ำกว่า 20% แน่นอน
จุดขายของแต่ละกองทุนจึงแข่งขันกัน จนกระทั่งในอนาคต ตลาดกองทุนรวมอาจจะทำการตลาดสินค้าเป็นแบบคอนซูเมอร์ โปรดักส์เหมือนที่เกิดขึ้นในอเมริกา ปัจจุบัน ยากที่จะปฏิเสธว่า บลจ. ที่มีแบงก์ใหญ่ถือหุ้นอยู่ไม่ว่าจะเป็น บลจ. กสิกรไทย บลจ. ไทยพาณิชย์ จะได้เปรียบในเชิงการแข่งขัน เนื่องจากมีเครือข่ายสาขาเป็นตัวแทนส่งคำสั่งซื้อขายหน่วยลงทุนของกองทุนมากกว่า บลจ. ที่มีแบงก์เล็กเป็นหุ้นส่วน
การมีแบงก์หนุนหลังยังมีข้อดีในแง่ที่มีโอกาสในการธุรกิจกับสถาบันต่างประเทศในอนาคตที่ทางรัฐบาลเปิดให้มีการขายให้ได้ นอกจากนี้ฐานข้อมูลวิจัยที่สมบูรณ์ถูกต้องจากในและต่างประเทศจะมีมาก
สำหรับกองทุนเล็กซึ่งได้เปรียบในแง่ความคล่องตัวเข้า-ออกได้เร็ว ส่วนกองทุนรวมที่ไม่มีเครือข่ายของแบงก์ช่วย จะเสียเปรียบเชิงการตลาดบ้าง แต่อาศัยจุดเสริมด้านอื่น ๆ ช่วยจูงใจ และลักษณะการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกับธนาคารขนาดเล็กบางแห่งจะเกิดขึ้น เช่น บล. กองทุนรวมซึ่งจับมือกับธนาคารขนาดเล็กอย่างธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชยการ ออกกองทุนเปิดใหม่ชื่อ "สตางค์แดง" เมื่อ 26 ตุลาคมที่ผ่านมานี้
ขณะนี้ ผู้บริหารกองทุนต่างประเทศอยู่ระหว่างรอการอนุมัติจาก กลต. ที่จะได้รับอนุญาตบริหารความเสี่ยงที่ถูกดีไซน์ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์กองทุนใหม่ ๆ เช่น กองทุนเปิด-ปิด กองทุนตราสารหนี้ กองทุนหุ้นบลูชิพ กองทุนหุ้นอสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ อันหลากหลายที่ตอบสนองกลุ่มลูกค้าที่ยอมรับความเสี่ยงและผลตอบแทนในระดับมาก-น้อยต่างกัน
"แต่อย่างไรก็ตามกองทุนที่ขยายตัวเร็วเกินไป ก็อาจจะทำให้กองทุนรวมกลายเป็น MARKET MAKER ตลาดควรจะเป็นพหุนิยม เช่น บริษัทประกันชีวิตซึ่งเป็นสถาบันเงินออมระยะยาว การขยายตัวผมคิดว่าควรจะมีดุลยภาพด้านกำหนดราคาและชี้ขาดตลาด" ดร. สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ให้ความเห็น
เป็นที่คาดหวังว่า จากนี้ไปตลาดหุ้นไทยในมือกองทุนรวมซึ่งเป็นนักลงทุนสถาบัน "ขาใหญ่" จะพัฒนาตลาดทุนอย่างมีเสถียรภาพ ความเป็นธรรมและแข็งแรงยิ่งกว่าที่เคยมีมาในอดีต มิใช่เพื่อแสวงหาผลประโยชน์โอนย้ายถ่ายหุ้น หรือลงทุนให้หุ้นนอกตลาดซึ่งอยู่ในเครือ
http://www.gotomanager.com/news/details.aspx?id=5557
นิตยสารผู้จัดการ พฤศจิกายน 2536
"กองทุนรวม ขาใหญ่ ตลาดหุ้น!?"
โดย สุปราณี คงนิรันดรสุข จิตติมา คุปตานนท์
การเกิดขึ้นของกองทุนรวมหรือบริษัทหลักทรัพย์กองทุนรวม เป็นผลพวงจากการยกเครื่องโครงสร้างตลาดทุน ภายใต้ พรบ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2535 โดยมีจุดประสงค์เพื่อเป็นเครื่องมือประการแรกในการสร้างความแข็งแกร่งและเสถียรภาพตลาดทุน ด้วยการเพิ่มนักลงทุนประเภทสถาบันในรูปของกองทุนรวม
กรณีที่ กลต. ประกาศดำเนินคดี "เสี่ยสอง" ในข้อหาปั่นหุ้นเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2535 แล้วทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงอยู่ที่ระดับ 868.04 หรือลดลงกว่า 23.45 จุดเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้านี้ ขณะที่มูลค่าการซื้อขายสูงถึง 10,692.54 ล้านบาท ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องหรือกว่า 33.87 โดยปิดที่ระดับ 834.17 ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6,492.54 ล้านบาท ในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2535 หากเปรียบเทียบกับวันที่ 5 พฤศจิกายน 2535 ซึ่งเป็นวันที่ดัชนีพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 963.03 ด้วยมูลค่าการซื้อขายถึง 20,314.23 ล้านบาท
หมายถึงว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ลดลงถึง 105 จุด ขณะที่มูลค่าการซื้อขายมลายหายไปกว่า 10,000 ล้านบาทในช่วงเวลาเพียง 10 กว่าวัน ซึ่งแน่นอนว่าแสดงถึงความเปราะบางของตลาดหุ้นไทยหรือ "อิทธิพล" ของขาใหญ่อย่างมิพักสงสัย??
เจ้าหน้าที่ตลาดหลักทรัพย์ และผู้ที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะหน่วยงานภาครัฐบาล หรือเอกชนได้ร่วมมือกันแก้ไขวิกฤติการณ์ดังกล่าวหลายประการที่สำคัญ คือ "การจัดตั้งกองทุน" เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในตลาดหลักทรัพย์
ขณะเดียวกันก็ตรงกับปรัชญาการลงทุนของกองทุนรวมที่ต้องการซื้อหุ้นที่มีพื้นฐานดี แต่ต้นทุนราคาต่ำ ทำให้การไล่เก็บซื้อหุ้นในภาวะผันผวนระยะสั้นเช่นนี้ ก่อให้เกิดผลตอบแทนสูงในระยะยาวเมื่อตลาดหุ้นคืนสภาพปกติและปรับดัชนีหุ้นสูงขึ้นเมื่อปล่อยขายก็ทำกำไรมาก
นี่คือข้อดีของการบริหารความเสี่ยงแบบนักลงทุนสถาบันในรูปกองทุนรวม ที่มีความเป็นมืออาชีพพร้อมกับระบบข้อมูลที่ดี ทำให้การตัดสินใจแบบระยะยาวไม่หวือหวา เมื่อเจอดัชนีผันผวนเนื่องจากภาวะการเมืองในประเทศตอนข่าวปรับคณะรัฐมนตรีของชวน หลีกภัย ดัชนีหุ้นตกมากในเดือนพฤษภาคมปีนี้ ปรับตัวลดลงถึงระดับ 761.52 กองทุนรวมและกองทุนต่างประเทศก็นำตลาดด้วยการเข้าไปเลือกซื้อหุ้นที่น่าลงทุน ทำให้การปรับตัวดัชนีไต่ระดับ 900 จนทะลุหลักพันในวันที่ 20 กันยายน มีการลดต่ำของดัชนีหุ้นบ้างก่อนจะปรับฐานใหม่เป็นดัชนี 1037.54 จุดในวันที่ 6 ตุลาคมปีนี้ และไต่ดัชนี 1157 จุดในช่วงนี้ พร้อมมีการปรับพอร์ตของกองทุนรวมบางแห่ง ด้วยการขายหุ้นบางตัวที่ให้ผลกำไรสูงแล้วซื้อเก็บตัวอื่นที่น่าลงทุนเข้ามาในพอร์ต
การทำให้สุขภาพตลาดแข็งแรงประการที่สองคือ สร้างเสถียรภาพ โดยเปลี่ยนพฤติกรรมนักลงทุนรายย่อยสู่รูปของการสร้างนักลงทุนสถาบันให้เกิดขึ้น ซึ่งทางการไม่เพียงให้ใบอนุญาตการจัดการกองทุนรวมแก่บริษัทใหม่ถึง 7 แห่ง ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2535 เพิ่มเติมจากเดิมที่มีเพียงบริษัทหลักทรัพย์กองทุนรวม เพียงแห่งเดียว
ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2536 ที่ประชุม กลต. ได้มีมติเห็นชอบให้สถาบันการเงินไม่ว่าจะเป็นบริษัทหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ธนาคารพาณิชย์ (รวมสาขาธนาคารต่างประเทศ) และบริษัทเงินทุนสามารถดำเนินการจัดการกองทุนส่วนบุคคล (PRIVATE FUND MANAGEMENT) ได้ นอกเหนือจากการรับประกันจำหน่ายตราสารหนี้ การให้ใบอนุญาตครบทั้ง 4 ประเภท คือการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ การค้าหลักทรัพย์ การเป็นที่ปรึกษาการลงทุนและการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ แก่บริษัทหลักทรัพย์และบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ โดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ
ปฏิเสธไม่ได้ว่ามาตรการต่าง ๆ ของทางการ ล้วนแล้วแต่เป็นการเพิ่มนักลงทุนประเภทสถาบัน นอกเหนือจากการลดความเหลื่อมล้ำในการแข่งขันดำเนินกิจการ อันจะก่อให้เกิดตลาดการเงินที่มีเสถียรภาพและประสิทธิภาพอย่างมิพักสงสัย
อย่างไรก็ตามบทบาทของ "กองทุน" ไม่ว่าจะเป็นกองทุนเปิด กองทุนปิด กองทุนส่วนบุคคลหรือเม็กซิกันทรัสต์ฟันด์ ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงนักลงทุนรายใหญ่หรือนักลงทุนสถาบันที่ทำให้ตลาดมีเสถียรภาพเท่านั้น เพราะ "การสร้างเงินออม" ก็เป็นอีกบทบาทที่สำคัญเช่นกัน โดยเฉพาะ "กองทุนบำเหน็จกลาง" ซึ่งจะเป็นสถาบันเงินออมภาครัฐ คาดว่าจะมีบทบาทไม่น้อยในอนาคต มติคณะรัฐมนตรีที่ว่าการปรับเงินเดือนข้าราชการพลเรือนจาก บัญชีหนึ่งไปบัญชีสอง จะต้องผูกเอากองทุนบำเหน็จกลางไปด้วยอธิบายได้ชัดเจน
"ประเด็นเรื่องการบริหารนั้นเราต้องดูละเอียดรอบคอบ โดยหลักเราจะยึดความมั่นคงไว้ก่อน เป็นสถาบันเงินออมมากกว่าเป็นสถาบันการลงทุนเพื่อที่จะแสวงหาผลประโยชน์สูงสุด" รมว. คลัง ธารินทร์กล่าวถึงนโยบายกองทุนใหม่นี้
ประการที่สามคือ เสริมสร้างสภาพคล่องและพัฒนาตลาดรอง (SECONDARY MARKET) ของสิทธิ์ในการซื้อหุ้นเพิ่มทุน การพัฒนาตลาดโอทีซีหรือศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ และการพัฒนาตราสารแห่งหนี้เอกชน รวมทั้งสนับสนุนให้มีการทำ CREDIT RATING ให้กับกิจการสาธารณูปโภคพื้นฐานหรือบริษัทขนาดใหญ่ที่จะสามารถออกพันธบัตรในต่างประเทศได้
ดังกรณีของเจ็ดหุ้นยักษ์ใหญ่ที่จะเสริมสภาพคล่องตลาดหุ้นไทยในปีหน้า ได้แก่ บริษัทเทเลคอมเอเชีย ซึ่งเพิ่มทุน 223 ล้านบาท บริษัททีทีแอนด์ที บริษัทน้ำมันบางจากซึ่งมีจุดทะเบียน 5,220 ล้านบาท แต่คาดว่าจะกระจายหุ้น 20% บริษัทปิโตรเคมี บริษัทผลิตไฟฟ้า(ระยอง) บริษัทชินวัตรแซทเทิลไลท์ ทุนจดทะเบียน 1,700 ล้านบาทแต่จะกระจายหุ้น 300 ล้านบาท และบริษัทไทยออยล์ซึ่งมีทุนจดทะเบียน 12,000 ล้านบาท แต่จะกระจายหุ้น 25%
หลังจากแสงเงินแสงทองเริ่มเจิดจ้าจากนโยบายเปิดเสรีตลาดเงินตลาดทุน เสถียรภาพที่มุ่งสร้างนักลงทุนสถาบันมาก ๆ เพื่อให้ดุลยภาพ ทำให้ในปีหน้ากองทุนเปิด กองทุนส่วนบุคคล (ไพรเวท์ ฟันด์) และการเปิดเสรีที่จะให้กองทุนไทยไปขายต่างประเทศได้ ก็จะทำให้ความมั่นใจของนักบริหารกองทุนรวมต่างก็พุ่งขึ้นสูง บ้างก็วาดหวังผลตอบแทนภายในระยะห้าปีว่าจะต้องไม่ต่ำกว่า 20% แน่นอน
จุดขายของแต่ละกองทุนจึงแข่งขันกัน จนกระทั่งในอนาคต ตลาดกองทุนรวมอาจจะทำการตลาดสินค้าเป็นแบบคอนซูเมอร์ โปรดักส์เหมือนที่เกิดขึ้นในอเมริกา ปัจจุบัน ยากที่จะปฏิเสธว่า บลจ. ที่มีแบงก์ใหญ่ถือหุ้นอยู่ไม่ว่าจะเป็น บลจ. กสิกรไทย บลจ. ไทยพาณิชย์ จะได้เปรียบในเชิงการแข่งขัน เนื่องจากมีเครือข่ายสาขาเป็นตัวแทนส่งคำสั่งซื้อขายหน่วยลงทุนของกองทุนมากกว่า บลจ. ที่มีแบงก์เล็กเป็นหุ้นส่วน
การมีแบงก์หนุนหลังยังมีข้อดีในแง่ที่มีโอกาสในการธุรกิจกับสถาบันต่างประเทศในอนาคตที่ทางรัฐบาลเปิดให้มีการขายให้ได้ นอกจากนี้ฐานข้อมูลวิจัยที่สมบูรณ์ถูกต้องจากในและต่างประเทศจะมีมาก
สำหรับกองทุนเล็กซึ่งได้เปรียบในแง่ความคล่องตัวเข้า-ออกได้เร็ว ส่วนกองทุนรวมที่ไม่มีเครือข่ายของแบงก์ช่วย จะเสียเปรียบเชิงการตลาดบ้าง แต่อาศัยจุดเสริมด้านอื่น ๆ ช่วยจูงใจ และลักษณะการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกับธนาคารขนาดเล็กบางแห่งจะเกิดขึ้น เช่น บล. กองทุนรวมซึ่งจับมือกับธนาคารขนาดเล็กอย่างธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชยการ ออกกองทุนเปิดใหม่ชื่อ "สตางค์แดง" เมื่อ 26 ตุลาคมที่ผ่านมานี้
ขณะนี้ ผู้บริหารกองทุนต่างประเทศอยู่ระหว่างรอการอนุมัติจาก กลต. ที่จะได้รับอนุญาตบริหารความเสี่ยงที่ถูกดีไซน์ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์กองทุนใหม่ ๆ เช่น กองทุนเปิด-ปิด กองทุนตราสารหนี้ กองทุนหุ้นบลูชิพ กองทุนหุ้นอสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ อันหลากหลายที่ตอบสนองกลุ่มลูกค้าที่ยอมรับความเสี่ยงและผลตอบแทนในระดับมาก-น้อยต่างกัน
"แต่อย่างไรก็ตามกองทุนที่ขยายตัวเร็วเกินไป ก็อาจจะทำให้กองทุนรวมกลายเป็น MARKET MAKER ตลาดควรจะเป็นพหุนิยม เช่น บริษัทประกันชีวิตซึ่งเป็นสถาบันเงินออมระยะยาว การขยายตัวผมคิดว่าควรจะมีดุลยภาพด้านกำหนดราคาและชี้ขาดตลาด" ดร. สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ให้ความเห็น
เป็นที่คาดหวังว่า จากนี้ไปตลาดหุ้นไทยในมือกองทุนรวมซึ่งเป็นนักลงทุนสถาบัน "ขาใหญ่" จะพัฒนาตลาดทุนอย่างมีเสถียรภาพ ความเป็นธรรมและแข็งแรงยิ่งกว่าที่เคยมีมาในอดีต มิใช่เพื่อแสวงหาผลประโยชน์โอนย้ายถ่ายหุ้น หรือลงทุนให้หุ้นนอกตลาดซึ่งอยู่ในเครือ
Blog ของคนใช้เงินเก่ง ^_^
http://pefinance.wordpress.com/about/
http://pefinance.wordpress.com/about/
- pornchai_w
- Verified User
- โพสต์: 244
- ผู้ติดตาม: 0
ปี 2536 หุ้นวิ่งจาก 800 ไป 1700 อารมณ์เหมือนตอนนี้มั๊ยครับ
โพสต์ที่ 20
เพิ่งเข้าไปอ่านที่น้องChamp_st สรุปจากงานเมื่อวานที่ TMB
พูดถึงกองทุนว่าจะเข้ามามีบทบาทเหมือนช่วง พย.2536 เลยแฮะบังเอิญจังเลยPosted: Sun Aug 22, 2010 9:26 pm Post subject:
--------------------------------------------------------------------------------
ธนชาติ : กังวลความผันผวนของฟัลโฟล ไทยก็เหมือนน้ำบ่อน้อย ต่างชาติเป้นช้างเวลากระโยนใส่ลงมาทีน้ำก็แตก (555) แต่ถ้าเขาขยับออกก็กระทบตรงๆ รอบนี้เขาเข้ามาด้วยความคาดหวังว่า ศก เราจะเติบโตกว่า ศก โลก และสัญยาณตอนนี้คือถ้าเขาออก ก็ได้กำไรสองต่อทั้งค่าเงินและส่วนต่างราคาหุ้น อีกด้านก็คือกรณียุบ ปชป เพราะสเถียรภาพของรัฐบาลจะส่งผลต่อโครงการต่างๆโดยตรง เงินเข้าง่าย ก้ออกง่าย ถ้าเงินบาทแข็งเร็วๆ ถึง 30 บาทก็จะกระตุ้นให้มีแรงขายทำกำไรเพราะทุนเฉลี่ยเข้าเอาเงินเข้าตอน 32 บาทได้กำไร 2 ต่อ แต่สิ่งที่ดีขึ้นคือนักลงทุนสถาบันของไทยที่เข้ามามีบทบาทมากขึ้นจากเดิม 10 ปีที่แล้วมีการซื้อขายประมาณ 4-5% ปัจจุบันมีถึง 20% ซึ่งจะลดความผันผวนของตลาดหุ้นบ้านเรา ตอนฝรั่งขาย 7 หมื่นล้านตอนนี้ซื้อคืน 2 หมื่นล้านก็ยังมีช่องว่างอยู่ แต่ระยะสั้นต้องระวังแรงขายทำกำไร
Blog ของคนใช้เงินเก่ง ^_^
http://pefinance.wordpress.com/about/
http://pefinance.wordpress.com/about/
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4740
- ผู้ติดตาม: 0
ปี 2536 หุ้นวิ่งจาก 800 ไป 1700 อารมณ์เหมือนตอนนี้มั๊ยครับ
โพสต์ที่ 21
อยากรู้หุ้นปั่น เป็นยังงายอะ
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
-
- Verified User
- โพสต์: 221
- ผู้ติดตาม: 0
ปี 2536 หุ้นวิ่งจาก 800 ไป 1700 อารมณ์เหมือนตอนนี้มั๊ยครับ
โพสต์ที่ 22
[quote="blunaticz"]แล้วใครพอจะเล่าเหตุการณ์ ปัจจัยต่างๆ รวมทั้งอารมณ์ตลาดจากตอนที่หุ้นวิ่งจาก 800 ไปแตะระดับ 1700 จุด และจาก 1700 ร่วงลงมาที่ 200 จุดได้บ้างครับหรือสามารถหาอ่านได้ที่ไหนรบกวนชี้แนะด้วยครับ
ตอนแรกผมก็อยากจะตั้งกระทู้ถามอยู่เหมือนกัน อยากจะรู้ไว้เป็นกรณีศึกษาน่ะครับ
สมัยที่เกิดเหตุการณ์นี้ผมยังอยู่อนุบาลหมีน้อยเลยครับ
ตอนแรกผมก็อยากจะตั้งกระทู้ถามอยู่เหมือนกัน อยากจะรู้ไว้เป็นกรณีศึกษาน่ะครับ
สมัยที่เกิดเหตุการณ์นี้ผมยังอยู่อนุบาลหมีน้อยเลยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 39
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปี 2536 หุ้นวิ่งจาก 800 ไป 1700 อารมณ์เหมือนตอนนี้มั๊ยคร
โพสต์ที่ 23
ถ้าเทียบราคาน้ำมัน
-
- Verified User
- โพสต์: 2
- ผู้ติดตาม: 0
Re:
โพสต์ที่ 24
อารมณ์น่าจะต่างกันblunaticz เขียน:แล้วใครพอจะเล่าเหตุการณ์ ปัจจัยต่างๆ รวมทั้งอารมณ์ตลาด จากตอนที่หุ้นวิ่งจาก 800 ไปแตะระดับ 1700 จุด และจาก 1700 ร่วงลงมาที่ 200 จุดได้บ้างครับ
หรือสามารถหาอ่านได้ที่ไหนรบกวนชี้แนะด้วยครับ
ตอนแรกผมก็อยากจะตั้งกระทู้ถามอยู่เหมือนกัน อยากจะรู้ไว้เป็นกรณีศึกษาน่ะครับ
สมัยที่เกิดเหตุการณ์นี้ผมยังอยู่อนุบาลหมีน้อยเลยครับ :lol: :lol:
(หากจำไม่ผิด) ..ตอนนั้นปล่อยปละให้มีการปั่นราคาที่ดิน ตลาดโตเพราะฟองสบู่(ไม่ทราบยี่ห้อ) ทุกฝ่ายเชื่อว่าไม่มีการปฎิวัติ
ตอนนี้ ไม่ทราบครับ แหะๆ
หนอนน้อยถลาลม