..
- ch_army
- Verified User
- โพสต์: 1352
- ผู้ติดตาม: 0
..
โพสต์ที่ 8
ไปๆมาๆ ก็กลายเป็น มาเชียร์หรือนี่ ผมงงจังเลยครับพี่ โลโซ
แต่การเชียร์นี่มีเหุตผลทีเดียว
อย่างน้อยหากคิดที่ราคาเท่ากับ NAV ใหม่ของ บริษัท ก็น่าสนใจทีเดียว
แต่การเชียร์นี่มีเหุตผลทีเดียว
อย่างน้อยหากคิดที่ราคาเท่ากับ NAV ใหม่ของ บริษัท ก็น่าสนใจทีเดียว
-
- Verified User
- โพสต์: 1477
- ผู้ติดตาม: 0
..
โพสต์ที่ 10
แล้วมันถูกหลักธรรมภิบาลเหรอครับ
สร้างโรงงานเสร็จก็ขายให้กองทุนที่ตัวเองเอาเงินชาวบ้านมาบริหารแล้วบันทึกเป็นกำไร ถึงจะถืออยู่ 20% มันก็ยังเป็น เงินยายซื้อขนมยาย ในสายตาของผมนะ
แล้วใครมันจะกล้ามาซื้อกองทุนละ รู้ได้ไงว่าราคาขายที่กองทุนจ่ายให้ ticon ไม่แพงเกินไป
สร้างโรงงานเสร็จก็ขายให้กองทุนที่ตัวเองเอาเงินชาวบ้านมาบริหารแล้วบันทึกเป็นกำไร ถึงจะถืออยู่ 20% มันก็ยังเป็น เงินยายซื้อขนมยาย ในสายตาของผมนะ
แล้วใครมันจะกล้ามาซื้อกองทุนละ รู้ได้ไงว่าราคาขายที่กองทุนจ่ายให้ ticon ไม่แพงเกินไป
I do not sleep. I dream.
- bangkokwu
- Verified User
- โพสต์: 71
- ผู้ติดตาม: 0
..
โพสต์ที่ 11
ผมว่าอาจไม่ถึงกับหลักธรรมาภิบาลนะครับ แต่ที่ผมก็สงสัยด้วยก็คือว่า ในเมื่อโดย Nature ของ Property Fund Type I นี้เป็น Equity คือ Ticon สามารถโอนถ่ายความเสี่ยงไปยังผู้ถือหุ้นในกองทุน Property Fund นี้ได้แล้ว (หรืออีกนัยหนึ่ง ผู้ถือหุ้นกองทุนดังกล่าวจะไม่ได้รับประกันรายได้แน่นอน) ทำไมนักลงทุนถึงเลือกที่จะลงทุนใน Property Fund แทนที่จะลงทุนในบริษัทเองโดยตรงล่ะครับ ใครพอช่วยตอบที
ในมุมของผู้ถือหุ้น Ticon ผมว่าการออก Property Fund นี้ดีมากๆ แต่ในทางกลับกันพยายามนึกว่าทำไมคนถึงจะลงทุนใน Property Fund แต่ก็ยังให้คำตอบตัวเองยังไม่ได้เหมือนกัน
ในมุมของผู้ถือหุ้น Ticon ผมว่าการออก Property Fund นี้ดีมากๆ แต่ในทางกลับกันพยายามนึกว่าทำไมคนถึงจะลงทุนใน Property Fund แต่ก็ยังให้คำตอบตัวเองยังไม่ได้เหมือนกัน
-
- ผู้ติดตาม: 0
..
โพสต์ที่ 15
ดูจะเป็นผลดีกับ TICON เต็มๆนะครับ
ที่ว่าใครจะมาซื้อหน่วยลงทุน ...ผมเองกำลังศึกษาอยากเริ่มลงทุนเองกับอสังหาฯ หากจะเปลี่ยนมาลงทุนกับ property fund ผมคาดหวังให้ได้ทั้งค่าเช่าและกำไรจากการขายอสังหาริมทรัพย์ โดยใช้เงินกู้ได้ด้วย ทำให้ผลตอบแทนดีขึ้น ผลตอบแทนต่ำสุด 6% เฉียดๆ MLR น่าจะแปลว่าทดแทนการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ไม่ได้ครับ ตอนนี้เห็นอสังหาเริ่มมีลดราคา แต่ค่าเช่าไม่ลด บางการลงทุนได้ ROA ในระดับ 10-12% แล้วนะครับ
อีกอย่างหากในแผนการลงทุนไม่มี exit strategy คือขายอสังหาริมทรัพย์ออกไป แต่ให้ซื้อขายหน่วยลงทุนในตลาดหุ้น ผมบอกตรงๆว่าไม่อยากลงทุนครับ เห็นราคาหน่วยไม่ดีเลย ดูสองกองทุนในตลาดหุ้นได้ สรุปก็คือกลุ่มเป้าหมายไม่ใช่นักลงทุนอสังหา และนักลงทุนหุ้นแน่นอน
ลูกค้าจริงๆ อาจจะเป็นพวกสถาบันครับ ... อย่างประกันภัยรถยนต์มีต้นทุนเงินลงทุนในรูปของเงินสินไหมประมาณ 2% พวกนี้ลงทุนกับอสังหาริมทรัพย์ตรงๆไม่ได้ นอกจากจะทำอาคารสำนักงาน แต่ซื้อหน่วยลงทุนได้...หากส่วนต่าง 4-6% นับว่าใช้ได้สำหรับเงินได้เปล่า
ที่ว่าใครจะมาซื้อหน่วยลงทุน ...ผมเองกำลังศึกษาอยากเริ่มลงทุนเองกับอสังหาฯ หากจะเปลี่ยนมาลงทุนกับ property fund ผมคาดหวังให้ได้ทั้งค่าเช่าและกำไรจากการขายอสังหาริมทรัพย์ โดยใช้เงินกู้ได้ด้วย ทำให้ผลตอบแทนดีขึ้น ผลตอบแทนต่ำสุด 6% เฉียดๆ MLR น่าจะแปลว่าทดแทนการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ไม่ได้ครับ ตอนนี้เห็นอสังหาเริ่มมีลดราคา แต่ค่าเช่าไม่ลด บางการลงทุนได้ ROA ในระดับ 10-12% แล้วนะครับ
อีกอย่างหากในแผนการลงทุนไม่มี exit strategy คือขายอสังหาริมทรัพย์ออกไป แต่ให้ซื้อขายหน่วยลงทุนในตลาดหุ้น ผมบอกตรงๆว่าไม่อยากลงทุนครับ เห็นราคาหน่วยไม่ดีเลย ดูสองกองทุนในตลาดหุ้นได้ สรุปก็คือกลุ่มเป้าหมายไม่ใช่นักลงทุนอสังหา และนักลงทุนหุ้นแน่นอน
ลูกค้าจริงๆ อาจจะเป็นพวกสถาบันครับ ... อย่างประกันภัยรถยนต์มีต้นทุนเงินลงทุนในรูปของเงินสินไหมประมาณ 2% พวกนี้ลงทุนกับอสังหาริมทรัพย์ตรงๆไม่ได้ นอกจากจะทำอาคารสำนักงาน แต่ซื้อหน่วยลงทุนได้...หากส่วนต่าง 4-6% นับว่าใช้ได้สำหรับเงินได้เปล่า
-
- Verified User
- โพสต์: 42
- ผู้ติดตาม: 0
วิเคราะห์ TICON โดย กิมเอ็ง
โพสต์ที่ 23
การก่อตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำและผลตอบแทนสูง
บมจ. ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น (TICON) ได้ประกาศการก่อตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ประเภท 1 ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเปิดตัวได้ในไตรมาส 1/47 ซึ่งขนาดของกองทุนนั้นจะอยู่ประมาณ 1.7-1.8 พันล้านบาท จากการลงทุนในโรงงานของ TICON ถึง 40 โรงงาน ทางผู้บริหารคาดว่ากองทุนอสังหาริมทรัพย์จะช่วยเพิ่มการเติบโตให้แก่บริษัทและสามารถเพิ่มเงินลงทุนในอนาคตได้โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน
กองทุนนี้จะมีขนาดผู้ถือหน่วยไม่ต่ำกว่า 250 คน ณ ที่ IPO และ 10 หน่วย/คน หลังจากเข้าซื้อขายในตลาด จากการที่กองทุนจะมีการจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 90% และมีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยอยู่ประมาณ 6-8% ต่อปี ให้แก่ผู้ถือหน่วย ซึ่งรวมถึง TICON ด้วย เราเชื่อว่ากองทุนอสังหาริมทรัพย์นี้จะดึงดูดนักลงทุนต่าง ๆ ซึ่ง TICON จะได้รับผลประโยชน์จากทั้งกำไรและเงินปันผล โดยที่ภาษีเงินได้ทั้งหมดจะถูกยกเว้น
เรายังคงการคาดการณ์กำไรในปี 2547 โดยคาดว่า TICON จะมีรายได้รวมที่ 936 ล้านบาทและ 342 ล้านบาท ในกำไรสุทธิหรือกำไรสุทธิต่อหุ้นที่ 0.74 บาท/หุ้น อย่างไรก็ตามเราได้ปรับการคาดการณ์รายได้ในปี 2548 ขึ้น 152% ที่ 2,717 ล้านบาท เพื่อสะท้อนกับผลประโยชน์จากกองทุนรวมนี้ กำไรสุทธิจึงคาดไว้ที่ 737 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นที่ 1.59 บาท/หุ้น
ด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสดและอัตราคิดลดที่ 12% เราได้ทำการปรับราคาเป้าหมายจาก 9.10 บาท/หุ้น เป็น 10.50 บาท/หุ้น และยังคงคำแนะนำเดิมที่ "ซื้อ" ที่ราคาปัจจุบันที่ 9 บาท/หุ้น ยังคงมีส่วนต่างจากราคาเป้าหมายอยู่ประมาณ 17% และซื้อขายโดยมี PER ของปี 2548 อยู่แค่เพียง 5.7 เท่า EV-EBITDA ที 2.9 เท่า P/BV ที 2.0 เท่า และอัตราปันผลตอบแทนที่ 8.4%
บมจ. ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น (TICON) ได้ประกาศการก่อตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ประเภท 1 ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเปิดตัวได้ในไตรมาส 1/47 ซึ่งขนาดของกองทุนนั้นจะอยู่ประมาณ 1.7-1.8 พันล้านบาท จากการลงทุนในโรงงานของ TICON ถึง 40 โรงงาน ทางผู้บริหารคาดว่ากองทุนอสังหาริมทรัพย์จะช่วยเพิ่มการเติบโตให้แก่บริษัทและสามารถเพิ่มเงินลงทุนในอนาคตได้โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน
กองทุนนี้จะมีขนาดผู้ถือหน่วยไม่ต่ำกว่า 250 คน ณ ที่ IPO และ 10 หน่วย/คน หลังจากเข้าซื้อขายในตลาด จากการที่กองทุนจะมีการจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 90% และมีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยอยู่ประมาณ 6-8% ต่อปี ให้แก่ผู้ถือหน่วย ซึ่งรวมถึง TICON ด้วย เราเชื่อว่ากองทุนอสังหาริมทรัพย์นี้จะดึงดูดนักลงทุนต่าง ๆ ซึ่ง TICON จะได้รับผลประโยชน์จากทั้งกำไรและเงินปันผล โดยที่ภาษีเงินได้ทั้งหมดจะถูกยกเว้น
เรายังคงการคาดการณ์กำไรในปี 2547 โดยคาดว่า TICON จะมีรายได้รวมที่ 936 ล้านบาทและ 342 ล้านบาท ในกำไรสุทธิหรือกำไรสุทธิต่อหุ้นที่ 0.74 บาท/หุ้น อย่างไรก็ตามเราได้ปรับการคาดการณ์รายได้ในปี 2548 ขึ้น 152% ที่ 2,717 ล้านบาท เพื่อสะท้อนกับผลประโยชน์จากกองทุนรวมนี้ กำไรสุทธิจึงคาดไว้ที่ 737 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นที่ 1.59 บาท/หุ้น
ด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสดและอัตราคิดลดที่ 12% เราได้ทำการปรับราคาเป้าหมายจาก 9.10 บาท/หุ้น เป็น 10.50 บาท/หุ้น และยังคงคำแนะนำเดิมที่ "ซื้อ" ที่ราคาปัจจุบันที่ 9 บาท/หุ้น ยังคงมีส่วนต่างจากราคาเป้าหมายอยู่ประมาณ 17% และซื้อขายโดยมี PER ของปี 2548 อยู่แค่เพียง 5.7 เท่า EV-EBITDA ที 2.9 เท่า P/BV ที 2.0 เท่า และอัตราปันผลตอบแทนที่ 8.4%
-
- Verified User
- โพสต์: 42
- ผู้ติดตาม: 0
..
โพสต์ที่ 24
จำนวนโรงงานปล่อยเช่า คาดว่าจะถึงที่คาดการณ์ไว้
เราคาดว่าจำนวนโรงงานปล่อยเช่าในปี 2547 จะถึงที่เราคาดไว้ที่ 140 โรงงานหรือมีอัตราการเติบโต 37% ต่อปี เมื่อรวมกับโรงงานที่เซ็นสัญญาให้เช่า และโรงงานที่ว่างอยู่ รวมถึงโรงงานที่กำลังก่อสร้าง เราคาดว่ายอดรวมจะมีถึง 232 โรงงาน ทาง TICON ไม่ได้ทำการปรับค่าเช่าในปีที่ผ่านมา โดยค่าเช่านั้นจะตกเฉลี่ยอยู่ที่ 173 บาท/ตารางเมตร/เดือน ซึ่งยังคงต่ำกว่าค่าเช่าในตลาดทั่วไปอยู่ประมาณ 20% เราจึงคาดว่ารายได้รวมในปี 2547 จะอยู่ประมาณ 936 ล้านบาท และกำไรสุทธิที่ 342 ล้านบาท (กำไรสุทธิต่อหุ้นที่ 0.74 บาท/หุ้น)
จากการ ที่ทาง TICON ได้เริ่มก่อตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เราได้มีการคาดการณ์รายได้ของบริษัทสำหรับปี 2548 เราคาดว่า TICON จะมีรายได้จากการขายโรงงานให้แก่กองทุนในปีนี้กว่า 40 โรงงาน โดยคิดเป็นยอดขายโรงงานถึง 1,800 ล้านบาท ซึ่งทางบริษัทคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะคงอยู่ประมาณ 50% หรือ 900 ล้านบาท เมื่อรวมรายได้จำนวน 67% เข้าไปบันทึกใน TICON เราคาดว่าทางบริษัทจะได้รับเงินจำนวนประมาณ 603 ล้านบาท แต่เนื่องจากเป็นรายการระหว่างกัน TICON จึงสามารถรวมรายได้เพียง 67% เพื่อทดแทนในส่วนที่ TICON ไม่ได้ถือในกองทุน ดังนั้นเราจึงปรับรายได้ของ TICON ในปี 2548 ขึ้น 152% หรือที่ 2,717 ล้านบาท และปรับกำไรสุทธิขึ้น 96% ที่ 726 ล้านบาท (กำไรสุทธิต่อหุ้นที่ 1.57 บาท/หุ้น) ภายใต้การสมมติฐานนี้ เราไม่ได้ทำการคาดการณ์ส่วนของกำไรและเงินปันผลจากกองทุนนี้ที่ TICON มีการถือสัดส่วนอยู่ประมาณ 33%
เราคาดว่าจำนวนโรงงานปล่อยเช่าในปี 2547 จะถึงที่เราคาดไว้ที่ 140 โรงงานหรือมีอัตราการเติบโต 37% ต่อปี เมื่อรวมกับโรงงานที่เซ็นสัญญาให้เช่า และโรงงานที่ว่างอยู่ รวมถึงโรงงานที่กำลังก่อสร้าง เราคาดว่ายอดรวมจะมีถึง 232 โรงงาน ทาง TICON ไม่ได้ทำการปรับค่าเช่าในปีที่ผ่านมา โดยค่าเช่านั้นจะตกเฉลี่ยอยู่ที่ 173 บาท/ตารางเมตร/เดือน ซึ่งยังคงต่ำกว่าค่าเช่าในตลาดทั่วไปอยู่ประมาณ 20% เราจึงคาดว่ารายได้รวมในปี 2547 จะอยู่ประมาณ 936 ล้านบาท และกำไรสุทธิที่ 342 ล้านบาท (กำไรสุทธิต่อหุ้นที่ 0.74 บาท/หุ้น)
จากการ ที่ทาง TICON ได้เริ่มก่อตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เราได้มีการคาดการณ์รายได้ของบริษัทสำหรับปี 2548 เราคาดว่า TICON จะมีรายได้จากการขายโรงงานให้แก่กองทุนในปีนี้กว่า 40 โรงงาน โดยคิดเป็นยอดขายโรงงานถึง 1,800 ล้านบาท ซึ่งทางบริษัทคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะคงอยู่ประมาณ 50% หรือ 900 ล้านบาท เมื่อรวมรายได้จำนวน 67% เข้าไปบันทึกใน TICON เราคาดว่าทางบริษัทจะได้รับเงินจำนวนประมาณ 603 ล้านบาท แต่เนื่องจากเป็นรายการระหว่างกัน TICON จึงสามารถรวมรายได้เพียง 67% เพื่อทดแทนในส่วนที่ TICON ไม่ได้ถือในกองทุน ดังนั้นเราจึงปรับรายได้ของ TICON ในปี 2548 ขึ้น 152% หรือที่ 2,717 ล้านบาท และปรับกำไรสุทธิขึ้น 96% ที่ 726 ล้านบาท (กำไรสุทธิต่อหุ้นที่ 1.57 บาท/หุ้น) ภายใต้การสมมติฐานนี้ เราไม่ได้ทำการคาดการณ์ส่วนของกำไรและเงินปันผลจากกองทุนนี้ที่ TICON มีการถือสัดส่วนอยู่ประมาณ 33%
-
- Verified User
- โพสต์: 42
- ผู้ติดตาม: 0
..
โพสต์ที่ 25
เพื่อรักษาการเติบโต TICON คาดว่าจะมีการสร้างโรงงานเพิ่มประมาณ 70-80 โรงงาน/ปี โดยจะมีงบการลงทุนในปี 2548 ถึง 2 พันล้านบาท เราเชื่อว่ากองทุนรวมนี้จะสามารถช่วย TICON สร้างโรงงานได้โดยไม่จำเป็นต้องกู้เงินหรือเพิ่มทุนอีกในอนาคต กระแสเงินสดยังคงคาดว่าจะแข็งแกร่งอยู่ที่ 1.6 พันล้านบาท หรือ 3.4 บาท/หุ้น หนี้สินต่อทุนคาดว่าจะลดลงเหลือเพียง 0.6 เท่าในปีนี้จาก 1.1 เท่า ในปี 2547 ซึ่งจะมาจากผลพลอยได้ในส่วนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์
- Minesweeper
- Verified User
- โพสต์: 472
- ผู้ติดตาม: 0
..
โพสต์ที่ 27
การที่ TICON ขายกองทุนอสังหาได้กำไรมากๆ ก็อาจจะไม่ได้หมายความว่า ราคาที่กองทุนซื้อไปแพงเกินไปก็ได้นะครับ
ผมเพิ่งได้ดูข้อมูลของ TICON พบว่ามี gross margin สูงมากทีเดียว (กว่า 60%) เป็นไปได้ว่า บริษัทอาจมีความสามารถอะไรบางอย่างที่สามารถทำให้ควบคุมต้นทุนได้ดีก็ได้ ดังนั้นการที่ราคาขายโรงงานของ TICON จะแพงกว่าราคาต้นทุนเท่าตัว จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้
ผมทึ่งจริงๆ กับการวิเคราะห์ตรงๆ ของคุณ IH ว่า โรงงาน 40 โรงมีราคา 1650 ล้าน ดังนั้น 165 โรงจึงเป็น 7 พันกว่าล้าน ง่ายๆ แต่ก็สมเหตุสมผล
ผมเพิ่งได้ดูข้อมูลของ TICON พบว่ามี gross margin สูงมากทีเดียว (กว่า 60%) เป็นไปได้ว่า บริษัทอาจมีความสามารถอะไรบางอย่างที่สามารถทำให้ควบคุมต้นทุนได้ดีก็ได้ ดังนั้นการที่ราคาขายโรงงานของ TICON จะแพงกว่าราคาต้นทุนเท่าตัว จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้
ผมทึ่งจริงๆ กับการวิเคราะห์ตรงๆ ของคุณ IH ว่า โรงงาน 40 โรงมีราคา 1650 ล้าน ดังนั้น 165 โรงจึงเป็น 7 พันกว่าล้าน ง่ายๆ แต่ก็สมเหตุสมผล
- คนขายของ
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 788
- ผู้ติดตาม: 0
..
โพสต์ที่ 29
ผมว่า....เขาคิดว่าการออก property fund เป็นแค่ extraordinary earning ครับ เกิดขึ้นแค่ครั้งเดียวและคงไม่เกิดขึ้นอีก
ผมก็ชอบครับวิเคราะห์อย่างนี้ แสดงว่าคงยังมีคนเก็บของไม่ครบ เลยกลัวว่าจะวิ่งเกินไปเก็บไม่ทัน
ผมก็ชอบครับวิเคราะห์อย่างนี้ แสดงว่าคงยังมีคนเก็บของไม่ครบ เลยกลัวว่าจะวิ่งเกินไปเก็บไม่ทัน
อดทนไว้ กำไรยั่งยืน
-
- Verified User
- โพสต์: 286
- ผู้ติดตาม: 0
..
โพสต์ที่ 30
ขอแจมด้วยคนครับ สำหรับสมาชิกใหม่
ที่เพิ่มเข้ามาแจมเพราะเงินที่มีทั้งหมดอยู่ใน TICON ตัวนี้เดียวเท่านั้น
คราวนี้ถ้าไม่หมดตัว ก็ ได้ทุนคืน แน่ๆ ฮิ ฮิ (เล่นมาตั้งแต่ปี 40 ยังขาดทุนสะสมอยู่เลย)
ใครๆก็บอกว่าซื้อหุ้นตัวเดียว เสี่ยงเกินไป แต่ผมเป็นคนดื้อ ก็เลยไม่ฟังใคร
(จริงๆก็คือยังหาเหตุผลไม่ได้ว่าการถือ TICON ตัวเดียว ความเสี่ยงมันอยู่ตรงไหน ถ้าใครรู้ช่วยบอกที เผื่อผมจะมองไม่เห็น)
แต่ในระยะสั้นนี้ผมน่าจะปลอดภัยแล้วเพราะต้นทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 7.05 เอง
ส่วนระยะยาวก็อีก 1 ปีรู้กัน ฮ่าๆๆๆๆๆ
ที่เพิ่มเข้ามาแจมเพราะเงินที่มีทั้งหมดอยู่ใน TICON ตัวนี้เดียวเท่านั้น
คราวนี้ถ้าไม่หมดตัว ก็ ได้ทุนคืน แน่ๆ ฮิ ฮิ (เล่นมาตั้งแต่ปี 40 ยังขาดทุนสะสมอยู่เลย)
ใครๆก็บอกว่าซื้อหุ้นตัวเดียว เสี่ยงเกินไป แต่ผมเป็นคนดื้อ ก็เลยไม่ฟังใคร
(จริงๆก็คือยังหาเหตุผลไม่ได้ว่าการถือ TICON ตัวเดียว ความเสี่ยงมันอยู่ตรงไหน ถ้าใครรู้ช่วยบอกที เผื่อผมจะมองไม่เห็น)
แต่ในระยะสั้นนี้ผมน่าจะปลอดภัยแล้วเพราะต้นทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 7.05 เอง
ส่วนระยะยาวก็อีก 1 ปีรู้กัน ฮ่าๆๆๆๆๆ