รุ้งกินน้ำ
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 2761
เพียงสิ้นประโยค เสียงอุทานก็ดังขึ้นพร้อมเพรียงจากกลุ่มชาวยุทธ์ บางคนทนทานแรงกดดันไม่ไหว ถึงกับผายลมเหม็นคลุ้งปู๊ดป๊าดออกมา คาดว่าความลับอันยิ่งใหญ่ของแผ่นดินคงจะได้รับการเปิดเผยแน่แล้ว
กูรูเล่าโจ้วกล่าวว่า "ในผืนแผ่นดินนี้ ค่ายสำนักที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ย่อมเป็นสำนัก "นั่งเล่น" ชื่อของสำนักอื่นใดก็มิอาจเทียบเคียงได้"
"อา สำนักนั่งเล่น" เหล่าชาวยุทธ์พากันร่ำร้องด้วยความตระหนก กูรูเล่าโจ้วไม่สนใจกล่าวสืบต่อว่า
"เจ้าสำนักนั่งเล่น ปรมาจารย์พอใจ ผีจิ่วเสิน(เบียร์เทพเจ้า) พอใจโจ้วซือ นับเป็นยอดฝีมือไร้ผู้ต่อต้าน อาศัยยอดวิชาตีแบดสะท้านฟ้า จ๊อกกิ้งสะเทือนดิน ก็สร้างชื่อลือเลื่องไปทั่วยุทธภพ ชื่อของปรมาจารย์พอใจโจ้วซือ เพียงเอ่ยถึงเด็กร้องไห้ยังต้องหยุดร้อง"
ผมเลิกจิบเบียร์มาสองปีแล้วนะครับริวงะ
วิชาไม้ตายตอนนี้ก็เป็นกระบวนท่า เหาฉลาม ลอกหุ้นเขาไปวันๆ
แล้วอีกเรื่องที่สำคัญทุกวันนี้เด็กๆที่ร้องไห้มันกลับมาหัวเราะแล้วละครับ
น้องๆที่มาเล่นแบดแล้วเสียไอ๊ซที
บัดนี้ตบผมซะกระจายหัวฟูไปหมดแล้ว
พวกที่มาฝึกวิ่งล่าสุดเมื่อวานนี้เอง
มันวิ่ง50นาที
ผมวิ่งชั่วโมงนึง ฮ่า...คลื่นลูกหลัง ทยอยไล่ลูกแรกเข้าฝั่งซะแล้ว
ชาวยุทธ์ที่รับฟังอยู่จำนวนมากพากันแตกตื่นแทบขวัญบิน บางคนเพียงได้ยินชื่อปรมาจารย์พอใจก็ถึงกับอวัยวะภายในบอบช้ำ ต้องกระอักโลหิตออกมา ทุกคนล้วนทราบว่าคำที่ปทานุกรมบู๊ลิ้มกล่าวหาเป็นความเท็จไม่ เพราะเด็กๆ จะหยุดร้องไห้มานั่งหัวเราะแทน
กูรูเล่าโจ้วกล่าวต่อว่า "ทราบมาว่าปรมาจารย์พอใจฝึกปรือวิชาบำรุงหยินหยาง ทำให้รูปโฉมภายนอกดูอย่างไรก็มีอายุเพียงยี่สิบแปดปีเท่านั้น (ยี่สิบแปดจะร้อย) ไม่เพียงเท่านี้ แม้แต่รองเจ้าสำนักนั่งเล่น จอมยุทธ์จ้าวอินทรี เอี้ยหวี ก็มียอดวิชาตกแต่งภายใน เจียวไข่ด้วยกระทะไฟฟ้าเป็นที่เลิศล้ำพิสดาร ฟังว่าไม่นานมานี้ ยังเพิ่มพลังการฝึกปรือด้วยยอดวิชาหูทอง ยอดยุทธ์เอี้ยหวีหูทองนี้นับว่ามีฝีมือเป็นที่พรั่นพรึงครั่นคร้ามอย่างแท้ จริง"
ยอดยุทธ์เอี้ยหวีหูทอง
พอแต่งงานกับแม่นางหมออูโน่แล้ว
หูก็ถูกดึงเอ๊ยครอบครองโดยแม่นางอูโน่ไป
ทำให้ใช้ิวิชาหูทองไม่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย
เลยหันไปฝึกวิชามือทองตาทองผ่านทางกล้องหัวโตทั้งหลาย
แทบทุกผู้คนในเหลาล้วนรับฟังจนมือไม้สั่น ตะเกียบร่วงหล่นลงพื้นมากหลาย ชามข้าวปลาอาหารล้วนหกคว่ำเลอะเทอะ มีเพียงส่วนน้อยที่ชามข้าวยังคงปกติสุข
องครักษ์อู๋ระงับขวัญอันแตกตื่น กล่าวถามขึ้นว่า "ในค่ายสำนัก สำนักนั่งเล่นนับเป็นเอกอุ แล้วในบรรดาค่ายพรรคเล่า ผู้อาวุโสได้โปรดประทานบอก"
กูรูเล่าโจ้วยกมือลูบเครา ปากกล่าวว่า "บรรดาประมุขพรรคทั้งหลาย ทั่วทั้งแผ่นดินต้องยกให้ยอดฝีมืออันดับหนึ่ง โมโมปู้ป้ายเท่านั้น"
โมโม่ปุ๊นั้นก็สบายดีครับเจอกันในงานจิบเบียร์ทุกรอบ
กูรูเล่าโจ้วกล่าวว่า "ในผืนแผ่นดินนี้ ค่ายสำนักที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ย่อมเป็นสำนัก "นั่งเล่น" ชื่อของสำนักอื่นใดก็มิอาจเทียบเคียงได้"
"อา สำนักนั่งเล่น" เหล่าชาวยุทธ์พากันร่ำร้องด้วยความตระหนก กูรูเล่าโจ้วไม่สนใจกล่าวสืบต่อว่า
"เจ้าสำนักนั่งเล่น ปรมาจารย์พอใจ ผีจิ่วเสิน(เบียร์เทพเจ้า) พอใจโจ้วซือ นับเป็นยอดฝีมือไร้ผู้ต่อต้าน อาศัยยอดวิชาตีแบดสะท้านฟ้า จ๊อกกิ้งสะเทือนดิน ก็สร้างชื่อลือเลื่องไปทั่วยุทธภพ ชื่อของปรมาจารย์พอใจโจ้วซือ เพียงเอ่ยถึงเด็กร้องไห้ยังต้องหยุดร้อง"
ผมเลิกจิบเบียร์มาสองปีแล้วนะครับริวงะ
วิชาไม้ตายตอนนี้ก็เป็นกระบวนท่า เหาฉลาม ลอกหุ้นเขาไปวันๆ
แล้วอีกเรื่องที่สำคัญทุกวันนี้เด็กๆที่ร้องไห้มันกลับมาหัวเราะแล้วละครับ
น้องๆที่มาเล่นแบดแล้วเสียไอ๊ซที
บัดนี้ตบผมซะกระจายหัวฟูไปหมดแล้ว
พวกที่มาฝึกวิ่งล่าสุดเมื่อวานนี้เอง
มันวิ่ง50นาที
ผมวิ่งชั่วโมงนึง ฮ่า...คลื่นลูกหลัง ทยอยไล่ลูกแรกเข้าฝั่งซะแล้ว
ชาวยุทธ์ที่รับฟังอยู่จำนวนมากพากันแตกตื่นแทบขวัญบิน บางคนเพียงได้ยินชื่อปรมาจารย์พอใจก็ถึงกับอวัยวะภายในบอบช้ำ ต้องกระอักโลหิตออกมา ทุกคนล้วนทราบว่าคำที่ปทานุกรมบู๊ลิ้มกล่าวหาเป็นความเท็จไม่ เพราะเด็กๆ จะหยุดร้องไห้มานั่งหัวเราะแทน
กูรูเล่าโจ้วกล่าวต่อว่า "ทราบมาว่าปรมาจารย์พอใจฝึกปรือวิชาบำรุงหยินหยาง ทำให้รูปโฉมภายนอกดูอย่างไรก็มีอายุเพียงยี่สิบแปดปีเท่านั้น (ยี่สิบแปดจะร้อย) ไม่เพียงเท่านี้ แม้แต่รองเจ้าสำนักนั่งเล่น จอมยุทธ์จ้าวอินทรี เอี้ยหวี ก็มียอดวิชาตกแต่งภายใน เจียวไข่ด้วยกระทะไฟฟ้าเป็นที่เลิศล้ำพิสดาร ฟังว่าไม่นานมานี้ ยังเพิ่มพลังการฝึกปรือด้วยยอดวิชาหูทอง ยอดยุทธ์เอี้ยหวีหูทองนี้นับว่ามีฝีมือเป็นที่พรั่นพรึงครั่นคร้ามอย่างแท้ จริง"
ยอดยุทธ์เอี้ยหวีหูทอง
พอแต่งงานกับแม่นางหมออูโน่แล้ว
หูก็ถูกดึงเอ๊ยครอบครองโดยแม่นางอูโน่ไป
ทำให้ใช้ิวิชาหูทองไม่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย
เลยหันไปฝึกวิชามือทองตาทองผ่านทางกล้องหัวโตทั้งหลาย
แทบทุกผู้คนในเหลาล้วนรับฟังจนมือไม้สั่น ตะเกียบร่วงหล่นลงพื้นมากหลาย ชามข้าวปลาอาหารล้วนหกคว่ำเลอะเทอะ มีเพียงส่วนน้อยที่ชามข้าวยังคงปกติสุข
องครักษ์อู๋ระงับขวัญอันแตกตื่น กล่าวถามขึ้นว่า "ในค่ายสำนัก สำนักนั่งเล่นนับเป็นเอกอุ แล้วในบรรดาค่ายพรรคเล่า ผู้อาวุโสได้โปรดประทานบอก"
กูรูเล่าโจ้วยกมือลูบเครา ปากกล่าวว่า "บรรดาประมุขพรรคทั้งหลาย ทั่วทั้งแผ่นดินต้องยกให้ยอดฝีมืออันดับหนึ่ง โมโมปู้ป้ายเท่านั้น"
โมโม่ปุ๊นั้นก็สบายดีครับเจอกันในงานจิบเบียร์ทุกรอบ
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 2762
องครักษ์อู๋อุทานดัง อา กล่าวว่า "โมโมปู้ป้าย ประมุขพรรคสุริยันกันดั้มน่ะหรือ"
"มิผิด" กูรูเล่าโจ้วรับคำ "โมโมปู้ป้าย ประมุขพรรคสุริยันกันดั้มนี้ คร่ำเคร่งฝึกปรือพลังลมปราณกันดั้ม เป็นผลให้พลังวัตรแข็งแกร่งลึกล้ำยิ่งกว่ามหาสมุทร หากได้เขามาปกครองบ้านเมือง สถานการณ์วุ่นวายทั้งหลายเห็นทีจะสงบยับยั้งลงได้"
เถ้าแก่เฉินกล่าวขึ้นว่า "ข้าพเจ้าทราบมาว่า ภายในพรรคสุริยันกันดั้ม มีคัมภีร์ยุทธ์ลึกล้ำสุดยอดอยู่เล่มหนึ่งชื่อว่าคัมภีร์ทานตะวัน เป็นประมุขโมโมปู้ป้ายได้ฝึกปรือยอดวิชานี้ด้วยกระมัง"
กูรูเล่าโจ้วกล่าวว่า "นั่นกลับมิใช่ คัมภีร์ทานตะวันเคยเป็นสมบัติของพรรคสุริยันกันดั้มจริง แต่หลายปีมานี้คัมภีร์กลับสูญหายน้อยคนนักที่จะรู้ แต่นั่นหาใช่เราผู้เฒ่าไม่ ทราบว่าคัมภีร์ทานตะวันในที่สุดกลับปรากฏขึ้นอีกครั้งในมือบุรุษหนุ่มอายุ เยาว์ผู้หนึ่ง บุรุษหนุ่มผู้นี้พากเพียรฝึกปรือฝีมือตามคัมภีร์จนในที่สุดก็บรรลุแก่นแท้ ของยอดวิชา จึงขนานนามตนเองขึ้นว่า จอมยุทธ์อาทิตย์อุทัย ซันไรส์กงจื้อ"
จอมยุทธ์ทั้งหลายรับฟังจนปากอ้าตาค้าง อุทานจนไม่รู้จะอุทานอย่างไรแล้ว หลายคนใบหน้าบัดเดี๋ยวเขียวบัดเดี๋ยวแดง ธาตุไฟจวนเจียนจะเข้าแทรก กูรูเล่าโจ้วกล่าวต่อไปว่า
"ด้วยพลังแห่งคัมภีร์ทานตะวัน ซันไรส์กงจื้อได้กลายเป็นยอดฝีมือที่น่าตื่นตระหนกยิ่งกว่าผู้ใดในประวัติ ศาสตร์ พลังซันไรส์เอฟเฟกต์ของเขา ยังมีผู้ใดต้านทานรับได้"
ซันไรส์กงจื๊อได้ข่าวว่าจะแต่งงานในเร็ววันนี้เหมือนกัน
ไม่ทราบว่าเป็นเทคนิคเพิ่มพลังวัตรอะไรหรือเปล่า
ผมก็เตือนแล้วเตือนอีกมิเชื่อฟัง
นับว่าเข้าข่าย
คนในอยากออก คนนอกอยากเข้าโดยแท้
ล่าสุดจอมยุทธลูตี้เพิ่งสบเทียบเชิญแต่งงานมาให้ผมหนึ่งฉบับ
นับว่าเจ้าพวกนี้มิเชื่อฟังผู้ใหญ่สอนอย่างแท้จริง...ฮ่า...
บรรดาชาวยุทธ์เพียงได้ยินชื่อพลังซันไรส์เอฟเฟกต์ บางคนถึงกับอาเจียนโอ้กอ๊าก บางคนอุจจาระแตกเรี่ยราดบันดาลกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วเหลา ยอดวิชาอันโหดร้ายอำมหิตเช่นนี้ ยังมีผู้ใดไม่รู้จัก
บรรยากาศอันตึงเครียดครอบงำไปทั่วทั้งห้อง ฉับพลันกลับบังเกิดเสียงหัวร่อดังสอดแทรกขึ้นมา เหล่าชาวยุทธ์ตกใจแทบลืมกลั้นอุจจาระ ต่างพากันเหลียวมองหาเจ้าของเสียง เถ้าแก่เฉินพลันลุกขึ้นกล่าววาจาดังกังวาน
"ยอดคนสารทิศใดให้เกียรติมายังร้านข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่ได้ออกต้อนรับ ขอให้ท่านโปรดให้อภัย"
ได้ยินเสียงกล่าวตอบว่า "ข้าพเจ้าเพียงออกเดินทางผ่านมา ได้ยินพวกท่านกล่าวถึงเหล่ายอดฝีมือในยุทธจักร ข้าพเจ้าเพียงอยากถามว่า พวกท่านทราบหรือไม่ ว่าผู้ใดเป็นเลิศในวิชาการจีบอิสตรีทั้งแผ่นดิน"
"มิผิด" กูรูเล่าโจ้วรับคำ "โมโมปู้ป้าย ประมุขพรรคสุริยันกันดั้มนี้ คร่ำเคร่งฝึกปรือพลังลมปราณกันดั้ม เป็นผลให้พลังวัตรแข็งแกร่งลึกล้ำยิ่งกว่ามหาสมุทร หากได้เขามาปกครองบ้านเมือง สถานการณ์วุ่นวายทั้งหลายเห็นทีจะสงบยับยั้งลงได้"
เถ้าแก่เฉินกล่าวขึ้นว่า "ข้าพเจ้าทราบมาว่า ภายในพรรคสุริยันกันดั้ม มีคัมภีร์ยุทธ์ลึกล้ำสุดยอดอยู่เล่มหนึ่งชื่อว่าคัมภีร์ทานตะวัน เป็นประมุขโมโมปู้ป้ายได้ฝึกปรือยอดวิชานี้ด้วยกระมัง"
กูรูเล่าโจ้วกล่าวว่า "นั่นกลับมิใช่ คัมภีร์ทานตะวันเคยเป็นสมบัติของพรรคสุริยันกันดั้มจริง แต่หลายปีมานี้คัมภีร์กลับสูญหายน้อยคนนักที่จะรู้ แต่นั่นหาใช่เราผู้เฒ่าไม่ ทราบว่าคัมภีร์ทานตะวันในที่สุดกลับปรากฏขึ้นอีกครั้งในมือบุรุษหนุ่มอายุ เยาว์ผู้หนึ่ง บุรุษหนุ่มผู้นี้พากเพียรฝึกปรือฝีมือตามคัมภีร์จนในที่สุดก็บรรลุแก่นแท้ ของยอดวิชา จึงขนานนามตนเองขึ้นว่า จอมยุทธ์อาทิตย์อุทัย ซันไรส์กงจื้อ"
จอมยุทธ์ทั้งหลายรับฟังจนปากอ้าตาค้าง อุทานจนไม่รู้จะอุทานอย่างไรแล้ว หลายคนใบหน้าบัดเดี๋ยวเขียวบัดเดี๋ยวแดง ธาตุไฟจวนเจียนจะเข้าแทรก กูรูเล่าโจ้วกล่าวต่อไปว่า
"ด้วยพลังแห่งคัมภีร์ทานตะวัน ซันไรส์กงจื้อได้กลายเป็นยอดฝีมือที่น่าตื่นตระหนกยิ่งกว่าผู้ใดในประวัติ ศาสตร์ พลังซันไรส์เอฟเฟกต์ของเขา ยังมีผู้ใดต้านทานรับได้"
ซันไรส์กงจื๊อได้ข่าวว่าจะแต่งงานในเร็ววันนี้เหมือนกัน
ไม่ทราบว่าเป็นเทคนิคเพิ่มพลังวัตรอะไรหรือเปล่า
ผมก็เตือนแล้วเตือนอีกมิเชื่อฟัง
นับว่าเข้าข่าย
คนในอยากออก คนนอกอยากเข้าโดยแท้
ล่าสุดจอมยุทธลูตี้เพิ่งสบเทียบเชิญแต่งงานมาให้ผมหนึ่งฉบับ
นับว่าเจ้าพวกนี้มิเชื่อฟังผู้ใหญ่สอนอย่างแท้จริง...ฮ่า...
บรรดาชาวยุทธ์เพียงได้ยินชื่อพลังซันไรส์เอฟเฟกต์ บางคนถึงกับอาเจียนโอ้กอ๊าก บางคนอุจจาระแตกเรี่ยราดบันดาลกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วเหลา ยอดวิชาอันโหดร้ายอำมหิตเช่นนี้ ยังมีผู้ใดไม่รู้จัก
บรรยากาศอันตึงเครียดครอบงำไปทั่วทั้งห้อง ฉับพลันกลับบังเกิดเสียงหัวร่อดังสอดแทรกขึ้นมา เหล่าชาวยุทธ์ตกใจแทบลืมกลั้นอุจจาระ ต่างพากันเหลียวมองหาเจ้าของเสียง เถ้าแก่เฉินพลันลุกขึ้นกล่าววาจาดังกังวาน
"ยอดคนสารทิศใดให้เกียรติมายังร้านข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่ได้ออกต้อนรับ ขอให้ท่านโปรดให้อภัย"
ได้ยินเสียงกล่าวตอบว่า "ข้าพเจ้าเพียงออกเดินทางผ่านมา ได้ยินพวกท่านกล่าวถึงเหล่ายอดฝีมือในยุทธจักร ข้าพเจ้าเพียงอยากถามว่า พวกท่านทราบหรือไม่ ว่าผู้ใดเป็นเลิศในวิชาการจีบอิสตรีทั้งแผ่นดิน"
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 2763
.........
ได้ยินเสียงกล่าวตอบว่า "ข้าพเจ้าเพียงออกเดินทางผ่านมา ได้ยินพวกท่านกล่าวถึงเหล่ายอดฝีมือในยุทธจักร ข้าพเจ้าเพียงอยากถามว่า พวกท่านทราบหรือไม่ ว่าผู้ใดเป็นเลิศในวิชาการจีบอิสตรีทั้งแผ่นดิน"
เพียงได้ฟังคำถามจบสิ้น กูรูเล่าโจ้วก็แหงนหน้าหัวร่อฮาฮา กล่าวว่า "ได้ยินกิตติศัพท์มานาน วันนี้ได้พานพบนับเป็นวาสนา ท่านต้องเป็นคุณชายมากรัก ซีเหมินเคแล้ว"
ในชั่วพริบตา เพดานห้องก็ถูกทะลวงทะลาย ปรากฏบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งเค้าหน้าหล่อเหลากรุ้มกริ่ม แต่งกายล้วนด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์หรูหรา ในมือโบกพัดจีบ พลันประสานมือเข้าด้วยกัน คารวะต่อกูรูเล่าโจ้ว กล่าวว่า
"ได้ยินชื่อปทานุกรมบู๊ลิ้มมานาน วันนี้พบว่าชื่อเสียงที่เล่าลือกันหาผิดเพี้ยนไม่ ข้าพเจ้าคาสโนว่ามือปืน (ถามหา) คำคุณชายมากรัก มิกล้ารับ"
เหล่าชาวยุทธ์ได้เห็นคุณชายมากรักผู้นี้ถนัดตา ล้วนตื่นตะลึงในรูปโฉมใบหน้า บางคนก็ตื่นเต้นสงสัย องครักษ์อู๋กล่าวถามขึ้นว่า
"คุณชายมากรักท่าน ปกติแต่งกายด้วยอาภรณ์หรูหราเช่นนี้ตลอดเลยหรือ"
คุณชายมากรักแย้มยิ้มเล็กน้อย กล่าวตอบว่า "มิผิด นั่นเพราะข้าพเจ้านิยมชมชอบแต่ของแบรนด์เนมเท่านั้น"
องครักษ์อู๋อุทานดังอา กูรูเล่าโจ้ว กล่าวว่า "ท่านกล่าวถามว่าผู้ใดเป็นเลิศในวิชาการจีบอิสตรี คำตอบย่อมง่ายดายยิ่ง หากมิใช่ท่านยังจะเป็นผู้ใด"
คุณชายมากรักรับฟังจนยิ้มกว้าง ทราบดีว่าด้วยพลังการหว่านเสน่ห์รัดรึงใจหญิงของตัว ในแผ่นดินนี้ล้วนไม่มีใครจะเทียบเทียมได้
ทุกวันนี้คุณชายมากรักถูกขอดเกล็ดหมดสภาพ
กลายเป็นคนงานเสิร์ฟอาหารทะเลของจ๊ะจ๋าโกวเนี้ยน้อย
ที่ภัตตาคารอันลือชื่อข้างเจ้าพระยาหนึ่งไปแล้วครับ
ฉับพลันกลับมีเสียงหัวเราะขันดังขึ้นดุจอัสนีบาตยามแล้ง เห็นได้ชัดว่าจงใจเย้ยหยัน คุณชายมากรักสีหน้าแปรเปลี่ยนไปกวาดสายตามองไปยังที่มาของเสียง พบว่าที่โต๊ะมุมห้องยังนั่งด้วยบุรุษหนุ่มผู้หนึ่ง แต่แรกที่มีการสนทนากันไม่ว่าผู้ใดล้วนไม่สังเกตเห็น มาบัดนี้ค่อยรู้สึกนับว่าเหนือความคาดหมาย คุณชายมากรักลอบสงสัยใจครุ่นคิดขึ้นว่า มันผู้นี้เห็นทีจะมีฝีมืออยู่ไม่น้อย กลับซ่อนคมงำประกายไว้ได้เป็นเวลานาน มาบัดนี้กลับส่งเสียงเย้ยหยันเรา หากไม่กำราบมันเอาไว้นับว่าวันนี้ต้องเสื่อมเสียหน้าต่อเหล่าผู้กล้าชาว ยุทธ์ ดังนั้นประสานมือขึ้น กล่าวว่า
"พี่ท่านนี้มีชื่อสูงส่งนามยิ่งใหญ่ใด เหตุไฉนจึงมาเสพสุราอาหารในที่นี้แต่เพียงผู้เดียวเล่า"
ได้ยินเสียงกล่าวตอบว่า "ข้าพเจ้าเพียงออกเดินทางผ่านมา ได้ยินพวกท่านกล่าวถึงเหล่ายอดฝีมือในยุทธจักร ข้าพเจ้าเพียงอยากถามว่า พวกท่านทราบหรือไม่ ว่าผู้ใดเป็นเลิศในวิชาการจีบอิสตรีทั้งแผ่นดิน"
เพียงได้ฟังคำถามจบสิ้น กูรูเล่าโจ้วก็แหงนหน้าหัวร่อฮาฮา กล่าวว่า "ได้ยินกิตติศัพท์มานาน วันนี้ได้พานพบนับเป็นวาสนา ท่านต้องเป็นคุณชายมากรัก ซีเหมินเคแล้ว"
ในชั่วพริบตา เพดานห้องก็ถูกทะลวงทะลาย ปรากฏบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งเค้าหน้าหล่อเหลากรุ้มกริ่ม แต่งกายล้วนด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์หรูหรา ในมือโบกพัดจีบ พลันประสานมือเข้าด้วยกัน คารวะต่อกูรูเล่าโจ้ว กล่าวว่า
"ได้ยินชื่อปทานุกรมบู๊ลิ้มมานาน วันนี้พบว่าชื่อเสียงที่เล่าลือกันหาผิดเพี้ยนไม่ ข้าพเจ้าคาสโนว่ามือปืน (ถามหา) คำคุณชายมากรัก มิกล้ารับ"
เหล่าชาวยุทธ์ได้เห็นคุณชายมากรักผู้นี้ถนัดตา ล้วนตื่นตะลึงในรูปโฉมใบหน้า บางคนก็ตื่นเต้นสงสัย องครักษ์อู๋กล่าวถามขึ้นว่า
"คุณชายมากรักท่าน ปกติแต่งกายด้วยอาภรณ์หรูหราเช่นนี้ตลอดเลยหรือ"
คุณชายมากรักแย้มยิ้มเล็กน้อย กล่าวตอบว่า "มิผิด นั่นเพราะข้าพเจ้านิยมชมชอบแต่ของแบรนด์เนมเท่านั้น"
องครักษ์อู๋อุทานดังอา กูรูเล่าโจ้ว กล่าวว่า "ท่านกล่าวถามว่าผู้ใดเป็นเลิศในวิชาการจีบอิสตรี คำตอบย่อมง่ายดายยิ่ง หากมิใช่ท่านยังจะเป็นผู้ใด"
คุณชายมากรักรับฟังจนยิ้มกว้าง ทราบดีว่าด้วยพลังการหว่านเสน่ห์รัดรึงใจหญิงของตัว ในแผ่นดินนี้ล้วนไม่มีใครจะเทียบเทียมได้
ทุกวันนี้คุณชายมากรักถูกขอดเกล็ดหมดสภาพ
กลายเป็นคนงานเสิร์ฟอาหารทะเลของจ๊ะจ๋าโกวเนี้ยน้อย
ที่ภัตตาคารอันลือชื่อข้างเจ้าพระยาหนึ่งไปแล้วครับ
ฉับพลันกลับมีเสียงหัวเราะขันดังขึ้นดุจอัสนีบาตยามแล้ง เห็นได้ชัดว่าจงใจเย้ยหยัน คุณชายมากรักสีหน้าแปรเปลี่ยนไปกวาดสายตามองไปยังที่มาของเสียง พบว่าที่โต๊ะมุมห้องยังนั่งด้วยบุรุษหนุ่มผู้หนึ่ง แต่แรกที่มีการสนทนากันไม่ว่าผู้ใดล้วนไม่สังเกตเห็น มาบัดนี้ค่อยรู้สึกนับว่าเหนือความคาดหมาย คุณชายมากรักลอบสงสัยใจครุ่นคิดขึ้นว่า มันผู้นี้เห็นทีจะมีฝีมืออยู่ไม่น้อย กลับซ่อนคมงำประกายไว้ได้เป็นเวลานาน มาบัดนี้กลับส่งเสียงเย้ยหยันเรา หากไม่กำราบมันเอาไว้นับว่าวันนี้ต้องเสื่อมเสียหน้าต่อเหล่าผู้กล้าชาว ยุทธ์ ดังนั้นประสานมือขึ้น กล่าวว่า
"พี่ท่านนี้มีชื่อสูงส่งนามยิ่งใหญ่ใด เหตุไฉนจึงมาเสพสุราอาหารในที่นี้แต่เพียงผู้เดียวเล่า"
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 2764
บุรุษหนุ่มยืดกายขึ้นกล่าวว่า "ข้าพเจ้าชื่อเสียงต่ำต้อย จะกล่าวไปให้เป็นที่ระคายหูไยกัน บัดนี้ข้าพเจ้าอิ่มแล้ว กำลังคิดจะไปปลดทุกข์"
คุณชายมากรักเห็นบุรุษหนุ่มผู้นี้กล่าววาจาอย่างปลอดโปร่งเขื่องโข ไหนเลยยินยอมให้จากไปโดยง่ายดาย เมื่อสังเกตถนัดตาจึงพบว่า มันผู้นี้เป็นหนุ่มน้อยรูปร่างสันทัดองอาจ เค้าหน้าหล่อเหลาสง่างามยิ่ง แต่ชุดแต่งกายกลับเก่าคร่ำคร่า มีรอยขาดเปรอะเปื้อนมากหลาย แต่อย่างไรไม่ได้พกพากระสอบผ้าคาดว่าคงมิใช่ศิษย์พรรคกระยาจก ดังนั้นไม่เกรงใจอีก กล่าวว่า
"เราท่านพึ่งพบพานไยต้องรีบหลบลี้หนีหน้า เชิญท่านมาดื่มสุรากับข้าพเจ้าก่อนเป็นอย่างไร"
บุรุษหนุ่มหัวร่อฮิฮะ จากนั้นกลับผินหน้าจากไปโดยไม่แยแส คุณชายมากรักงงงันวูบ เห็นว่ามันผู้นี้ไม่รับสุรามิตรภาพใคร่รับสุราจับกรอก ดังนั้นโคจรลมปราณหยิบฉวยจอกสุราที่มีสุราเต็มใบหนึ่งซัดขว้างออกไปด้วย สภาวะเผ็ดร้อน ท่วงท่าที่ใช้รวดเร็วลี้ลับกลับแฝงด้วยเคล็ดวิชาดรรชนีไร้ลักษณ์ บรรดาชาวยุทธ์ทั้งหลายแทบไม่มีผู้ใดเห็นกระบวนท่าชัดถนัดตา มีเพียงปทานุกรมบู๊ลิ้มที่เอ่ยปากชมเชยขึ้นว่า "กระบวนท่าอันประเสริฐ"
จอกสุราอันอุ้ยอ้ายเมื่อถูกซัดขว้างโดยคุณชายมากรักกลับปรากฏดังอาวุธลับ เกาทัณฑ์ ยิ่งไปกว่านั้นน้ำสุราที่บรรจุอยู่เต็มกลับไม่มีที่กระเซ็นออกแม้แต่น้อยนิด นับเป็นวิชาฝีมือที่น่าตื่นตระหนก
บุรุษหนุ่มผู้นั้นเพียงเดินไปไม่กี่ก้าว พลันรู้สึกถึงกระแสพลังคุกคามทางด้านหลัง คาดว่าอีกฝ่ายลงมือทำร้าย ดังนั้นโคจรลมปราณสู่มือขวา เบี่ยงตัวไปทางซ้ายเล็กน้อยพลันสะบัดมือกลับหลังคว้าจับจอกสุราไว้ได้ แต่สภาวะที่ซัดขว้างมามีความเร่งร้อนยิ่ง ในฉับพลันไม่ได้คลี่คลายทั้งหมด บุรุษหนุ่มบังเกิดปฏิภาณจึงเบี่ยนเบนทิศทางของพลังอย่างแยบคาย บังคับจอกสุราหมุนคว้างละลิ่วกลับไปทางคุณชายมากรัก
การซัดขว้างกลับไปครั้งนี้ยังแฝงพลังวัตรของตนเข้าไปไม่น้อย สภาวะนับว่าดุดันแกร่งกร้าว คุณชายมากรักพลันคลี่กางพัดจีบโบกสะบัดเข้าปะทะ จอกสุราพลันลอยละลิ่วออกไปเจ็ดเชียะก่อนที่จะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ น้ำสุราภายในล้วนกระเซ็นซ่านกระจายออกดังละอองพิรุณ กระทบถูกชาวยุทธ์ตามโต๊ะระหว่างกลางจนเปียกปอนทั่วหน้า
กูรูเล่าโจ้วพลันกล่าวว่า "วิชาคลื่นซึนามิซัดหัตถ์โลหิต เจ้าเป็นอะไรกับสิบคนโสด"
คุณชายมากรักเห็นบุรุษหนุ่มผู้นี้กล่าววาจาอย่างปลอดโปร่งเขื่องโข ไหนเลยยินยอมให้จากไปโดยง่ายดาย เมื่อสังเกตถนัดตาจึงพบว่า มันผู้นี้เป็นหนุ่มน้อยรูปร่างสันทัดองอาจ เค้าหน้าหล่อเหลาสง่างามยิ่ง แต่ชุดแต่งกายกลับเก่าคร่ำคร่า มีรอยขาดเปรอะเปื้อนมากหลาย แต่อย่างไรไม่ได้พกพากระสอบผ้าคาดว่าคงมิใช่ศิษย์พรรคกระยาจก ดังนั้นไม่เกรงใจอีก กล่าวว่า
"เราท่านพึ่งพบพานไยต้องรีบหลบลี้หนีหน้า เชิญท่านมาดื่มสุรากับข้าพเจ้าก่อนเป็นอย่างไร"
บุรุษหนุ่มหัวร่อฮิฮะ จากนั้นกลับผินหน้าจากไปโดยไม่แยแส คุณชายมากรักงงงันวูบ เห็นว่ามันผู้นี้ไม่รับสุรามิตรภาพใคร่รับสุราจับกรอก ดังนั้นโคจรลมปราณหยิบฉวยจอกสุราที่มีสุราเต็มใบหนึ่งซัดขว้างออกไปด้วย สภาวะเผ็ดร้อน ท่วงท่าที่ใช้รวดเร็วลี้ลับกลับแฝงด้วยเคล็ดวิชาดรรชนีไร้ลักษณ์ บรรดาชาวยุทธ์ทั้งหลายแทบไม่มีผู้ใดเห็นกระบวนท่าชัดถนัดตา มีเพียงปทานุกรมบู๊ลิ้มที่เอ่ยปากชมเชยขึ้นว่า "กระบวนท่าอันประเสริฐ"
จอกสุราอันอุ้ยอ้ายเมื่อถูกซัดขว้างโดยคุณชายมากรักกลับปรากฏดังอาวุธลับ เกาทัณฑ์ ยิ่งไปกว่านั้นน้ำสุราที่บรรจุอยู่เต็มกลับไม่มีที่กระเซ็นออกแม้แต่น้อยนิด นับเป็นวิชาฝีมือที่น่าตื่นตระหนก
บุรุษหนุ่มผู้นั้นเพียงเดินไปไม่กี่ก้าว พลันรู้สึกถึงกระแสพลังคุกคามทางด้านหลัง คาดว่าอีกฝ่ายลงมือทำร้าย ดังนั้นโคจรลมปราณสู่มือขวา เบี่ยงตัวไปทางซ้ายเล็กน้อยพลันสะบัดมือกลับหลังคว้าจับจอกสุราไว้ได้ แต่สภาวะที่ซัดขว้างมามีความเร่งร้อนยิ่ง ในฉับพลันไม่ได้คลี่คลายทั้งหมด บุรุษหนุ่มบังเกิดปฏิภาณจึงเบี่ยนเบนทิศทางของพลังอย่างแยบคาย บังคับจอกสุราหมุนคว้างละลิ่วกลับไปทางคุณชายมากรัก
การซัดขว้างกลับไปครั้งนี้ยังแฝงพลังวัตรของตนเข้าไปไม่น้อย สภาวะนับว่าดุดันแกร่งกร้าว คุณชายมากรักพลันคลี่กางพัดจีบโบกสะบัดเข้าปะทะ จอกสุราพลันลอยละลิ่วออกไปเจ็ดเชียะก่อนที่จะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ น้ำสุราภายในล้วนกระเซ็นซ่านกระจายออกดังละอองพิรุณ กระทบถูกชาวยุทธ์ตามโต๊ะระหว่างกลางจนเปียกปอนทั่วหน้า
กูรูเล่าโจ้วพลันกล่าวว่า "วิชาคลื่นซึนามิซัดหัตถ์โลหิต เจ้าเป็นอะไรกับสิบคนโสด"
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 2765
เพียงได้ยินชื่อ "สิบคนโสด" เหล่าชาวยุทธ์มากหลายต่างพากันครั่นคร้ามหวาดเสียว มีไม่น้อยที่พากันห่อปากขนลุกซู่ๆ
บุรุษหนุ่มยิ้มเล็กน้อย คาดว่าเป็นช่วงที่ตนโคจรพลังแล้วทำให้มือขวาแดงขึ้นดุจโลหิต แม้เพียงวูบหนึ่งก็จางหายไปแต่ปทานุกรมบู๊ลิ้มกลับมองออก แม้อายุจะปูนนี้แล้วแต่สายตาก็ยังหาฝ้าฟางไม่ ดังนั้นประสานมือคารวะต่อกูรูเล่าโจ้วกล่าวว่า
"ผู้อาวุโสสายตาร้ายกาจยิ่ง ข้าพเจ้าได้ร่ำเรียนวิชาฝีมือมาจากสิบคนโสดจริง พวกเขาเหล่านั้นล้วนเป็นอาของข้าพเจ้า"
ได้ยินดังนั้นบรรดาชาวยุทธ์ก็พากันร่ำร้องด้วยความตระหนก ด้วยทราบว่าประวัติความเป็นมาของ "สิบคนโสด" ล้วนใหญ่หลวงนัก ต่างคนต่างมีวิชาฝีมือลึกล้ำอำมหิตแต่กระนั้นกลับต้องประสบกับภาวะอกหัก รักคุด ตุ๊ดเมิน มีรักคราใดล้วนต้องอกหักดังเป๊าะ ดังนั้นจึงประชดชีวิตเข้ามารวมตัวปลอบใจกันเองเป็นหมู่คณะ ครั้นครบสิบคนก็ลอบเร้นกายอยู่แต่ภายในหุบเขาอันลี้ลับแห่งหนึ่งจึงขนานนาม สถานที่นั้นว่า "หุบเขาคนโสด" มาบัดนี้ เหล่าคนโสดหวนคืนสู่ยุทธภพ นับว่าต้องเกิดเภทภัยร้ายแรงใหญ่หลวง
กูรูเล่าโจ้วกล่าวว่า "มิน่าเล่า เมื่อเจ็ดวันก่อน เล่าฮูกลับพบร่องรอยของคนผู้หนึ่ง คลับคล้ายว่าจะเป็นหนึ่งในบรรดาสิบคนโสด ตอนนั้นยังไม่แน่ใจนัก แต่มาบัดนี้นับว่าปริศนาทั้งหมดไขกระจ่างแล้ว คนที่เล่าฮูพบร่องรอยเห็นจะเป็นซ่อนดาบในยิ้ม สามจุดยี้ เป็นแน่แท้"
สามจุดยี้ล่าสุดเจอกันที่งานแต่งของเอี้ยหวีหูทอง
หายไปไม่เจอะเจอเหมือนกันครับ
บุรุษหนุ่มกล่าวว่า "ท่านอาฮาฮาสามจุดยี้เพิ่งแยกทางกับข้าพเจ้าเมื่อไม่กี่วันก่อน นั่นเพราะท่านอาเบื่อหน่ายหุบเขาคนโสดที่อยู่เดิม จึงแสวงหาที่อยู่ใหม่"
กูรูเล่าโจ้วกล่าวว่า "นั่นกลับทำให้ชาวยุทธ์ทั้งหลายต้องครั่นคร้ามหวาดเกรงแล้ว สถานที่ใหม่นั้นคงมิใช่..." กล่าวได้เพียงนี้กูรูเล่าโจ้วกลับหยุดคำกลางคัน นัยว่านี่ต้องเป็นสถานที่ที่น่าสะพรึงกลัวอย่างถึงที่สุดจนแม้แต่ชนชั้นยอด ฝีมือยังไม่กล้าเอ่ยชื่อโดยเปิดเผย
บุรุษหนุ่มกล่าวว่า "ท่านย่อมทราบดี ถูกแล้ว สถานที่นั้นก็คือ ผาหำหด"
เหล่าชาวยุทธ์เมื่อได้ยินต้องร่ำร้องแทบไม่เป็นภาษา ต่างคนต่างหวาดกลัวจนออกนอกหน้าพากันคิดไปว่า ปกติก็มีแค่เล็กๆ น้อยๆ อยู่แล้ว ครั้นไปอยู่ผาหำหด ยังจะมีอะไรเหลืออยู่อีกเล่า
กูรูเล่าโจ้วกล่าวว่า "เจ้าอายุเพียงแค่นี้กลับรับสืบทอดวิชาฝีมืออันร้ายกาจมาจากเหล่าคนโสด เล่าฮูทราบมาว่าสิบกว่าปีก่อนเหล่าคนโสดได้อุปการะเลี้ยงดูทารกน้อยคนหนึ่ง ชะรอยเห็นจะเป็นเจ้ากระมัง"
บุรุษหนุ่มกล่าวว่า "เมื่อผู้อาวุโสคาดเดาได้ข้าพเจ้าก็มิกล้าปิดบัง ถูกต้องแล้วข้าพเจ้าคือ ลูกปลาน้อย เซียวริวงะ"
บุรุษหนุ่มยิ้มเล็กน้อย คาดว่าเป็นช่วงที่ตนโคจรพลังแล้วทำให้มือขวาแดงขึ้นดุจโลหิต แม้เพียงวูบหนึ่งก็จางหายไปแต่ปทานุกรมบู๊ลิ้มกลับมองออก แม้อายุจะปูนนี้แล้วแต่สายตาก็ยังหาฝ้าฟางไม่ ดังนั้นประสานมือคารวะต่อกูรูเล่าโจ้วกล่าวว่า
"ผู้อาวุโสสายตาร้ายกาจยิ่ง ข้าพเจ้าได้ร่ำเรียนวิชาฝีมือมาจากสิบคนโสดจริง พวกเขาเหล่านั้นล้วนเป็นอาของข้าพเจ้า"
ได้ยินดังนั้นบรรดาชาวยุทธ์ก็พากันร่ำร้องด้วยความตระหนก ด้วยทราบว่าประวัติความเป็นมาของ "สิบคนโสด" ล้วนใหญ่หลวงนัก ต่างคนต่างมีวิชาฝีมือลึกล้ำอำมหิตแต่กระนั้นกลับต้องประสบกับภาวะอกหัก รักคุด ตุ๊ดเมิน มีรักคราใดล้วนต้องอกหักดังเป๊าะ ดังนั้นจึงประชดชีวิตเข้ามารวมตัวปลอบใจกันเองเป็นหมู่คณะ ครั้นครบสิบคนก็ลอบเร้นกายอยู่แต่ภายในหุบเขาอันลี้ลับแห่งหนึ่งจึงขนานนาม สถานที่นั้นว่า "หุบเขาคนโสด" มาบัดนี้ เหล่าคนโสดหวนคืนสู่ยุทธภพ นับว่าต้องเกิดเภทภัยร้ายแรงใหญ่หลวง
กูรูเล่าโจ้วกล่าวว่า "มิน่าเล่า เมื่อเจ็ดวันก่อน เล่าฮูกลับพบร่องรอยของคนผู้หนึ่ง คลับคล้ายว่าจะเป็นหนึ่งในบรรดาสิบคนโสด ตอนนั้นยังไม่แน่ใจนัก แต่มาบัดนี้นับว่าปริศนาทั้งหมดไขกระจ่างแล้ว คนที่เล่าฮูพบร่องรอยเห็นจะเป็นซ่อนดาบในยิ้ม สามจุดยี้ เป็นแน่แท้"
สามจุดยี้ล่าสุดเจอกันที่งานแต่งของเอี้ยหวีหูทอง
หายไปไม่เจอะเจอเหมือนกันครับ
บุรุษหนุ่มกล่าวว่า "ท่านอาฮาฮาสามจุดยี้เพิ่งแยกทางกับข้าพเจ้าเมื่อไม่กี่วันก่อน นั่นเพราะท่านอาเบื่อหน่ายหุบเขาคนโสดที่อยู่เดิม จึงแสวงหาที่อยู่ใหม่"
กูรูเล่าโจ้วกล่าวว่า "นั่นกลับทำให้ชาวยุทธ์ทั้งหลายต้องครั่นคร้ามหวาดเกรงแล้ว สถานที่ใหม่นั้นคงมิใช่..." กล่าวได้เพียงนี้กูรูเล่าโจ้วกลับหยุดคำกลางคัน นัยว่านี่ต้องเป็นสถานที่ที่น่าสะพรึงกลัวอย่างถึงที่สุดจนแม้แต่ชนชั้นยอด ฝีมือยังไม่กล้าเอ่ยชื่อโดยเปิดเผย
บุรุษหนุ่มกล่าวว่า "ท่านย่อมทราบดี ถูกแล้ว สถานที่นั้นก็คือ ผาหำหด"
เหล่าชาวยุทธ์เมื่อได้ยินต้องร่ำร้องแทบไม่เป็นภาษา ต่างคนต่างหวาดกลัวจนออกนอกหน้าพากันคิดไปว่า ปกติก็มีแค่เล็กๆ น้อยๆ อยู่แล้ว ครั้นไปอยู่ผาหำหด ยังจะมีอะไรเหลืออยู่อีกเล่า
กูรูเล่าโจ้วกล่าวว่า "เจ้าอายุเพียงแค่นี้กลับรับสืบทอดวิชาฝีมืออันร้ายกาจมาจากเหล่าคนโสด เล่าฮูทราบมาว่าสิบกว่าปีก่อนเหล่าคนโสดได้อุปการะเลี้ยงดูทารกน้อยคนหนึ่ง ชะรอยเห็นจะเป็นเจ้ากระมัง"
บุรุษหนุ่มกล่าวว่า "เมื่อผู้อาวุโสคาดเดาได้ข้าพเจ้าก็มิกล้าปิดบัง ถูกต้องแล้วข้าพเจ้าคือ ลูกปลาน้อย เซียวริวงะ"
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 2766
คุณชายมากรักแต่เดิมที่ซัดขว้างจอกสุราออกไปก็หมาย จะหยั่งทดสอบแนวทางฝีมือของเซียวริวงะ คาดว่าหากฝีมือของมันอ่อนด้อย จอกสุราย่อมกระทบถูกจุดเส้นชีพจร น้ำสุราย่อมราดรดบนตัวจนแปดเปื้อนสร้างความอับอายแก่มัน มิคาดเซียวริวงะกับสวนกลับด้วยวิชาฝีมืออันลึกล้ำ หากเมื่อครู่ตนหักหาญรับไว้ จอกสุราจะแตกระเบิดราดรดตนเองจนเปียกชุ่ม สร้างความอัปยศใหญ่หลวงแล้ว ดังนั้น จึงโบกพัดใช้ออกด้วยเคล็ดวิชาสองสลึงปาดพันชั่ง คลี่คลายสภาวะร้ายกาจเบนเบี่ยงจอกสุรากลับไปได้ระยะหนึ่งจึงค่อยแตกระเบิด วันนี้นับว่าพบคู่ต้องสู้อันตึงมือ เห็นทีต้องทุ่มเทพลังฝีมือทั้งหมดจึงจะสามารถเอาชนะได้ เมื่อคิดใคร่ครวญชั่วครู่ก็เปล่งเสียงหัวร่อออกมา กล่าวว่า
"เจ้าเป็นลูกปลาน้อย ลูกเต่าน้อยอันใด มีฝีมือแค่นี้ก็คิดมาอวดโอ่ ช่างสร้างความขบขันให้กับผู้คนนัก"
เซียวริวงะแค่นเสียงดังเฮอะ กล่าวว่า "ข้าพเจ้ามีฝีมืออยู่อีกหลายท่า แต่จะเทียบกับคุณชายมากรักท่านที่มีสารพัดท่า เกี้ยวพาแทะโลมสตรีดีงาม ประพฤติเป็นโจรราคะอันประเสริฐได้อย่างไร"
คุณชายมากรักร้องเพ้ย เห็นว่าถ้อยคำที่กล่าวมากึ่งชื่นชมกึ่งต่อว่า จะอย่างไรยากปฏิเสธ ดังนั้นกล่าวขึ้นว่า
"นับว่าศัตรูหนทางคับแคบ วันนี้ข้าพเจ้าจะขอรับทราบฝีมือของจอมโสดน้อยดู ว่าวิชาของข้าพเจ้ากับวิชาของสิบคนโสด ผู้ใดจะเหนือล้ำกว่ากัน"
เซียวริวงะกล่าวว่า "นั่นเป็นท่านตอแยหาความอัปยศใส่ตัวแล้ว เข้ามาเถอะ ข้าพเจ้าหาเกรงกลัวไม่"
เถ้าแก่เฉินนั่งรับฟังอยู่ตั้งแต่ต้น เห็นว่าเรื่องราวยิ่งมายิ่งหวาดเสียว สุดท้ายเกิดจะต่อยตีกันเข้าจนได้ ต้องรีบกล่าวว่า "ท่านทั้งสองโปรดเห็นแก่หน้าข้าพเจ้าเฉินยึสุ่ย หากพวกท่านประลองฝีมือกันในที่นี้ กระทบถูกโต๊ะเก้าอี้ข้าพเจ้าเสียหาย ข้าพเจ้าจะเก็บเงินกับพวกท่านแล้ว"
คุณชายมากรักกล่าวว่า "เถ้าแก่เฉินมิต้องลำบากใจ ข้าพเจ้าเพียงคิดประลองในเชิงยุทธ์ เมื่อจี้ถึงก็หยุดมือ จอมโสดน้อยรับกระบวนท่า"
"เจ้าเป็นลูกปลาน้อย ลูกเต่าน้อยอันใด มีฝีมือแค่นี้ก็คิดมาอวดโอ่ ช่างสร้างความขบขันให้กับผู้คนนัก"
เซียวริวงะแค่นเสียงดังเฮอะ กล่าวว่า "ข้าพเจ้ามีฝีมืออยู่อีกหลายท่า แต่จะเทียบกับคุณชายมากรักท่านที่มีสารพัดท่า เกี้ยวพาแทะโลมสตรีดีงาม ประพฤติเป็นโจรราคะอันประเสริฐได้อย่างไร"
คุณชายมากรักร้องเพ้ย เห็นว่าถ้อยคำที่กล่าวมากึ่งชื่นชมกึ่งต่อว่า จะอย่างไรยากปฏิเสธ ดังนั้นกล่าวขึ้นว่า
"นับว่าศัตรูหนทางคับแคบ วันนี้ข้าพเจ้าจะขอรับทราบฝีมือของจอมโสดน้อยดู ว่าวิชาของข้าพเจ้ากับวิชาของสิบคนโสด ผู้ใดจะเหนือล้ำกว่ากัน"
เซียวริวงะกล่าวว่า "นั่นเป็นท่านตอแยหาความอัปยศใส่ตัวแล้ว เข้ามาเถอะ ข้าพเจ้าหาเกรงกลัวไม่"
เถ้าแก่เฉินนั่งรับฟังอยู่ตั้งแต่ต้น เห็นว่าเรื่องราวยิ่งมายิ่งหวาดเสียว สุดท้ายเกิดจะต่อยตีกันเข้าจนได้ ต้องรีบกล่าวว่า "ท่านทั้งสองโปรดเห็นแก่หน้าข้าพเจ้าเฉินยึสุ่ย หากพวกท่านประลองฝีมือกันในที่นี้ กระทบถูกโต๊ะเก้าอี้ข้าพเจ้าเสียหาย ข้าพเจ้าจะเก็บเงินกับพวกท่านแล้ว"
คุณชายมากรักกล่าวว่า "เถ้าแก่เฉินมิต้องลำบากใจ ข้าพเจ้าเพียงคิดประลองในเชิงยุทธ์ เมื่อจี้ถึงก็หยุดมือ จอมโสดน้อยรับกระบวนท่า"
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 2768
เหตุการณ์การดวลโกะ
สามารถติดตามอ่านได้ตามนี้
http://www.thaivi.com/webboard/viewtopi ... &start=150
เอามาลงละเอียดจะเป็นการซ้ำเติมคุณชายมากรักมากไปหน่อย
เพราะเห็นมาบ่นๆว่าอยากแก้ตัวเหมือนกัน
เพราะตอนเดินหมากนั้นเพิ่งทะเลาะกะน้องจ๊ะจ๋ามา
จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวซะเท่าไหร่
สามารถติดตามอ่านได้ตามนี้
http://www.thaivi.com/webboard/viewtopi ... &start=150
เอามาลงละเอียดจะเป็นการซ้ำเติมคุณชายมากรักมากไปหน่อย
เพราะเห็นมาบ่นๆว่าอยากแก้ตัวเหมือนกัน
เพราะตอนเดินหมากนั้นเพิ่งทะเลาะกะน้องจ๊ะจ๋ามา
จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวซะเท่าไหร่
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 2769
เซียวริวงะพักหอบหายใจค่อยโคจรลมปราณจนกลับคืนความ สงบแจ่มใส กล่าวขึ้นว่า "ข้าพเจ้าพลั้งมือทำร้ายคุณชายมากรัก นับว่าข้าพเจ้าฝีมืออ่อนด้อยยังมิอาจใช้ออกรั้งเข้าดังใจปรารถนา วันนี้ขอลาทุกท่านไปก่อน"
คุณชายมากรักขุ่นแค้นจนสุดระงับ เอ่ยปากออกมาว่า "เจ้า เจ้า...ถ้าแน่จริง ครั้งหน้าเจ้าต้องมาสู้กับข้าพเจ้าที่สนามบอล ยอดวิชาเตะบอลของข้าพเจ้านี้ไม่มีทางที่ผู้ใดจะรับมือได้"
ทุกวันนี้ถ้าจับคุณชายมากรักไปยืนเท้าชนกับกองหลัง
กรรมการก็เป่าล้ำหน้าแล้วละครับ
เพราะพุงยื่นล้ำกองหลังเขาออกมาเยอะ
เอ...ไปว่าคุณชายเขาอย่างนี้
เขาจะยอมพาคนแก่ไปเที่ยวอีกหรือเปล่าเนี่ย
ล่าสุดคุณชายมากรักพาผมไปเที่ยวหลีเป๊ะกันมา
สนุกสนานเฉียดตายพอสมควร...ฮ่า...
ยังไม่ทันที่เซียวริวงะจะตอบรับคำท้า ทันใดนั้นกลับปรากฏเสียงกู่ก้องครืนครั่นดุจฟ้าถล่มดินทลาย หยากไย่ใยแมงมุมล้วนสั่นสะท้านร่วงหล่น ทุกคนในเหลารู้สึกแก้วหูลั่นแทบแตกปริ คนที่พลังการฝึกปรืออ่อนด้อยล้วนสิ้นสติไปแต่แรก แม้แต่ปทานุกรมบู๊ลิ้มซึ่งเป็นยอดฝีมือยังต้องทรุดนั่งโคจรลมปราณต้านทานไว้ บนใบหน้าปรากฏหยาดเหงื่อผุดพรายขึ้น ปากกล่าวว่า
"เป็นพลังราชสีห์สวนลุมคำราม ปรมาจารย์พอใจโจ้วซือมาถึงแล้ว"
ไม่ทันขาดคำ ปรากฏชายชราท่วงท่าองอาจปราดเปรียว ใบหน้าหล่อๆ คล้ายพงษ์พัฒน์ ถาโถมเข้ามาทางหน้าต่างร้าน ท่าร่างกลับงดงามราวเซียนวิเศษเหยียบเวหา กล่าววาจาออกมาว่า
"เจ้าลูกปลาน้อย กล้าดีอย่างไรจึงมาร้ายบุตรชายเราจนรับบาดเจ็บ รำคาญการมีชีวิตสืบไปแล้วหรือ"
ชื่อปรมาจารย์พอใจยิ่งใหญ่ลือลั่นเพียงไหน วันนี้ชาวยุทธ์ทั้งหลายล้วนได้เห็นกับตา ปรมาจารย์พอใจสำแดงออกด้วยยอดวิชาสุกรแรลลี่ราชสีห์สวนลุม ที่เพิ่งใช้ไปย่อมเป็นวิชาราชสีห์สวนลุมคำรามโฮกฮาก กระแทกสะท้อนผู้ฟังจนเป็นลม ยังเหลือยอดวิชาสุกรแรลลี่ร้องอู๊ดๆ อี๊ดๆ กระแทกสะท้อนผู้ฟังให้ตลกขบขันท้องคัดท้องแข็ง เซียวริวงะถูกพลังราชสีห์สวนลุมคำรามกระแทกทำร้ายจนทรวงอกอึดอัดขัดข้อง ต้องใช้ความพยายามชั่วครู่จึงเอื้อนเอ่ยวาจาออกมาได้ว่า
"ข้าพเจ้าเพียงคิดจะไปถ่ายท้อง บุตรชายท่านกลับมาตอแยพัวพัน ข้าพเจ้าไม่อึรดก็นับว่าดีนักหนาแล้ว"
พอใจโจ้วซือครั้นได้ฟังก็แหงนหน้าหัวร่อฮาฮา เห็นว่าเจ้าลูกปลาน้อยผู้นี้แม้อายุเยาว์ก็มีธาตุแท้ของวีรบุรุษผู้กล้า แม้อยู่ต่อหน้าผู้เยี่ยมยุทธ์เช่นตนยังไม่แสดงความอ่อนแอขลาดเขลา จะอย่างไรลูกชายของตนก็เจ้าชู้กรุ่มกริ่ม ในอดีตเคยโดนมือปืน(ถามหา) มาแล้ว ดังนั้นกล่าวออกมาว่า
"วันนี้เล่าฮูอารมณ์ดี เพียงเจ้าทิ้งเบอร์โทรศัพท์ เบอร์บ้านเบอร์มือถือเอาไว้ เล่าฮูจะไม่ติดใจเอาความ หาไม่แล้วก็อย่าได้คิดออกไปจากที่นี่แม้แต่ก้าวเดียว"
คุณชายมากรักขุ่นแค้นจนสุดระงับ เอ่ยปากออกมาว่า "เจ้า เจ้า...ถ้าแน่จริง ครั้งหน้าเจ้าต้องมาสู้กับข้าพเจ้าที่สนามบอล ยอดวิชาเตะบอลของข้าพเจ้านี้ไม่มีทางที่ผู้ใดจะรับมือได้"
ทุกวันนี้ถ้าจับคุณชายมากรักไปยืนเท้าชนกับกองหลัง
กรรมการก็เป่าล้ำหน้าแล้วละครับ
เพราะพุงยื่นล้ำกองหลังเขาออกมาเยอะ
เอ...ไปว่าคุณชายเขาอย่างนี้
เขาจะยอมพาคนแก่ไปเที่ยวอีกหรือเปล่าเนี่ย
ล่าสุดคุณชายมากรักพาผมไปเที่ยวหลีเป๊ะกันมา
สนุกสนานเฉียดตายพอสมควร...ฮ่า...
ยังไม่ทันที่เซียวริวงะจะตอบรับคำท้า ทันใดนั้นกลับปรากฏเสียงกู่ก้องครืนครั่นดุจฟ้าถล่มดินทลาย หยากไย่ใยแมงมุมล้วนสั่นสะท้านร่วงหล่น ทุกคนในเหลารู้สึกแก้วหูลั่นแทบแตกปริ คนที่พลังการฝึกปรืออ่อนด้อยล้วนสิ้นสติไปแต่แรก แม้แต่ปทานุกรมบู๊ลิ้มซึ่งเป็นยอดฝีมือยังต้องทรุดนั่งโคจรลมปราณต้านทานไว้ บนใบหน้าปรากฏหยาดเหงื่อผุดพรายขึ้น ปากกล่าวว่า
"เป็นพลังราชสีห์สวนลุมคำราม ปรมาจารย์พอใจโจ้วซือมาถึงแล้ว"
ไม่ทันขาดคำ ปรากฏชายชราท่วงท่าองอาจปราดเปรียว ใบหน้าหล่อๆ คล้ายพงษ์พัฒน์ ถาโถมเข้ามาทางหน้าต่างร้าน ท่าร่างกลับงดงามราวเซียนวิเศษเหยียบเวหา กล่าววาจาออกมาว่า
"เจ้าลูกปลาน้อย กล้าดีอย่างไรจึงมาร้ายบุตรชายเราจนรับบาดเจ็บ รำคาญการมีชีวิตสืบไปแล้วหรือ"
ชื่อปรมาจารย์พอใจยิ่งใหญ่ลือลั่นเพียงไหน วันนี้ชาวยุทธ์ทั้งหลายล้วนได้เห็นกับตา ปรมาจารย์พอใจสำแดงออกด้วยยอดวิชาสุกรแรลลี่ราชสีห์สวนลุม ที่เพิ่งใช้ไปย่อมเป็นวิชาราชสีห์สวนลุมคำรามโฮกฮาก กระแทกสะท้อนผู้ฟังจนเป็นลม ยังเหลือยอดวิชาสุกรแรลลี่ร้องอู๊ดๆ อี๊ดๆ กระแทกสะท้อนผู้ฟังให้ตลกขบขันท้องคัดท้องแข็ง เซียวริวงะถูกพลังราชสีห์สวนลุมคำรามกระแทกทำร้ายจนทรวงอกอึดอัดขัดข้อง ต้องใช้ความพยายามชั่วครู่จึงเอื้อนเอ่ยวาจาออกมาได้ว่า
"ข้าพเจ้าเพียงคิดจะไปถ่ายท้อง บุตรชายท่านกลับมาตอแยพัวพัน ข้าพเจ้าไม่อึรดก็นับว่าดีนักหนาแล้ว"
พอใจโจ้วซือครั้นได้ฟังก็แหงนหน้าหัวร่อฮาฮา เห็นว่าเจ้าลูกปลาน้อยผู้นี้แม้อายุเยาว์ก็มีธาตุแท้ของวีรบุรุษผู้กล้า แม้อยู่ต่อหน้าผู้เยี่ยมยุทธ์เช่นตนยังไม่แสดงความอ่อนแอขลาดเขลา จะอย่างไรลูกชายของตนก็เจ้าชู้กรุ่มกริ่ม ในอดีตเคยโดนมือปืน(ถามหา) มาแล้ว ดังนั้นกล่าวออกมาว่า
"วันนี้เล่าฮูอารมณ์ดี เพียงเจ้าทิ้งเบอร์โทรศัพท์ เบอร์บ้านเบอร์มือถือเอาไว้ เล่าฮูจะไม่ติดใจเอาความ หาไม่แล้วก็อย่าได้คิดออกไปจากที่นี่แม้แต่ก้าวเดียว"
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 2770
เซียวริวงะร่ำร้องย่ำแย่ในใจ วันนี้สถานการณ์นับว่าเลวร้ายจนถึงที่สุด ตอนสู้กับคุณชายมากรักก็ใช้กำลังภายในออกไปมากหลาย มิคาดพอใจโจ้วซือกลับออกโรง ต้องเผชิญหน้ากับผู้เฒ่าเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเช่นนี้ หากรอดพ้นออกไปได้ต้องนับเป็นปาฏิหาริย์ แต่จะให้รามือรับการจับกุมย่อมทำไม่ได้
ปรมาจารย์พอใจเห็นเซียวริวงะตั้งท่าคล้ายหลบหนี ดังนั้นจึงล้วงควักไม้ไตไล อาวุธประจำกายอันยาวใหญ่ออกมา ร้องว่า "คิดหนีรึ พลังลูกตบ ปุยนุ่น"
พอใจโจ้วซือตวัดอาวุธอันแข็งแกร่งบังเกิดเสียงดังเปรี้ยงปร้างดังฟ้าร้อง อัสนีพิโรธ ปรากฏเป็นคลื่นพลังนับพันนับหมื่นชั่งพุ่งโถมไปเบื้องหน้า เซียวริวงะพยายามเบี่ยงตัวหลบหลีกแต่หาพ้นไม่ กลับถูกคลื่นพลังสายหนึ่งกระแทกเข้าที่ทรวงอก ร่างลอยละลิ่วไปเบื้องหลังกระแทกผนังห้องจนทะลุเป็นรูใหญ่ ได้รับบาดเจ็บบอบช้ำกระอักโลหิตออกมา
ฮ่า...บางเกมพี่ก่าทิ๊งแดง พี่วีไอจูเนียร์เขาก็อ่อนให้ครับ
บางวันก็ยังได้กินไอ๊ซทีหวานๆไม่ต้องจ่ายตังอยู่บ้างเหมือนกัน
แต่จอมยุทธก้อนหินที่เรื้อเวทีไปเป็นปีเนี่ย
บอกได้เลยว่าเตรียมตังมาจ่ายค่าน้ำเยอะหน่อย...ฮ่า...
พอใจโจ้วซือแย้มยิ้มที่มุมปากพลางย่างสามขุมหมายเข้าไปจัดการต่อ พลันได้ยินเสียงลูกศิษย์เบื้องนอกร้องตะโกนว่า
"ท่านอาจารย์ ฮูหยินให้มาตาม"
พอใจโจ้วซือใจหายวาบ นี่เป็นความลับอันยิ่งใหญ่ประการหนึ่งที่น้อยคนจะล่วงรู้ ปรมาจารย์พอใจแม้มีฝีมือถึงขั้นไร้ผู้ต่อต้านแต่แท้จริงกลับเคารพยำเกรงฮูหยินยิ่งนัก ทุกวันนี้ฮูหยินก็ให้เงินใช้เพียงวันละสองร้อยอีแปะ หากไม่รีบกลับไปตอแยฮูหยินมีโทสะ เกรงว่าต้องประสบกับผลลัพธ์เลวร้ายสุดคาดคิด ดังนั้นยืดกายขึ้นกล่าวว่า
จริงครับ ตอแยท่านมีโทสะ
เกรงว่าต้องประสบกับผลลัพธ์เลวร้ายสุดคาดคิด
"เราผู้เฒ่าใจดี ละเว้นชีวิตเจ้าครั้งหนึ่ง" พลันเหินร่างออกจากเหลาไปอย่างรวดเร็ว
สถานการณ์เกิดขึ้นแปรเปลี่ยนรวดเร็วยิ่ง เหล่าชาวยุทธ์ได้ยลบุคลิกผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุทธภพวันนี้นับว่าได้เปิดหูเปิดตา ใหญ่หลวง กูรูเล่าโจ้วพลันทอดถอนใจหนักหน่วง องครักษ์อู๋ไร้ซีนมาพักหนึ่งแล้วจึงกล่าวขึ้นว่า
"ผู้อาวุโส ในยามนี้เราต้องตัดสินใจแล้วว่า จะให้วีรบุรุษผู้กล้าท่านใดมารับตำแหน่งผู้นำยุทธภพ"
กูรูเล่าโจ้วกล่าวว่า "เราผู้เฒ่าเหนื่อยแล้วล่ะ เอาไว้พรุ่งนี้เถิด" พลางเบนสายตาออกนอกหน้าต่าง ฝนเบื้องนอกเริ่มซาเม็ด ที่ขอบฟ้าไกลเมฆฝนเริ่มคลี่คลาย เผยให้เห็นอาทิตย์อัสดงลับเหลี่ยมเขา ปรากฏเงาของต้นไม้ใหญ่เคียงข้าง กูรูเล่าโจ้วรำพึงขึ้นว่า
"เหล่าชนทั้งหลายล้วนวุ่นวายแก่งแย่งอำนาจ นำมาซึ่งความขัดแย้งมากมายเหลือคณานับ หารู้ไม่ว่า สุดท้ายทุกสิ่งล้วนหลุดลอยไปกับสายลม"
เถ้าแก่เฉินพลันกล่าวแทรกว่า "ค่าโต๊ะเก้าอี้ของข้าพเจ้าด้วย"
เถ้าแก่เฉินเอง ทุกวันนี้ก็ล้างมือจากสำนักโออิิชิัอันโด่งดังไปแล้วเหมือนกัน
ปรมาจารย์พอใจเห็นเซียวริวงะตั้งท่าคล้ายหลบหนี ดังนั้นจึงล้วงควักไม้ไตไล อาวุธประจำกายอันยาวใหญ่ออกมา ร้องว่า "คิดหนีรึ พลังลูกตบ ปุยนุ่น"
พอใจโจ้วซือตวัดอาวุธอันแข็งแกร่งบังเกิดเสียงดังเปรี้ยงปร้างดังฟ้าร้อง อัสนีพิโรธ ปรากฏเป็นคลื่นพลังนับพันนับหมื่นชั่งพุ่งโถมไปเบื้องหน้า เซียวริวงะพยายามเบี่ยงตัวหลบหลีกแต่หาพ้นไม่ กลับถูกคลื่นพลังสายหนึ่งกระแทกเข้าที่ทรวงอก ร่างลอยละลิ่วไปเบื้องหลังกระแทกผนังห้องจนทะลุเป็นรูใหญ่ ได้รับบาดเจ็บบอบช้ำกระอักโลหิตออกมา
ฮ่า...บางเกมพี่ก่าทิ๊งแดง พี่วีไอจูเนียร์เขาก็อ่อนให้ครับ
บางวันก็ยังได้กินไอ๊ซทีหวานๆไม่ต้องจ่ายตังอยู่บ้างเหมือนกัน
แต่จอมยุทธก้อนหินที่เรื้อเวทีไปเป็นปีเนี่ย
บอกได้เลยว่าเตรียมตังมาจ่ายค่าน้ำเยอะหน่อย...ฮ่า...
พอใจโจ้วซือแย้มยิ้มที่มุมปากพลางย่างสามขุมหมายเข้าไปจัดการต่อ พลันได้ยินเสียงลูกศิษย์เบื้องนอกร้องตะโกนว่า
"ท่านอาจารย์ ฮูหยินให้มาตาม"
พอใจโจ้วซือใจหายวาบ นี่เป็นความลับอันยิ่งใหญ่ประการหนึ่งที่น้อยคนจะล่วงรู้ ปรมาจารย์พอใจแม้มีฝีมือถึงขั้นไร้ผู้ต่อต้านแต่แท้จริงกลับเคารพยำเกรงฮูหยินยิ่งนัก ทุกวันนี้ฮูหยินก็ให้เงินใช้เพียงวันละสองร้อยอีแปะ หากไม่รีบกลับไปตอแยฮูหยินมีโทสะ เกรงว่าต้องประสบกับผลลัพธ์เลวร้ายสุดคาดคิด ดังนั้นยืดกายขึ้นกล่าวว่า
จริงครับ ตอแยท่านมีโทสะ
เกรงว่าต้องประสบกับผลลัพธ์เลวร้ายสุดคาดคิด
"เราผู้เฒ่าใจดี ละเว้นชีวิตเจ้าครั้งหนึ่ง" พลันเหินร่างออกจากเหลาไปอย่างรวดเร็ว
สถานการณ์เกิดขึ้นแปรเปลี่ยนรวดเร็วยิ่ง เหล่าชาวยุทธ์ได้ยลบุคลิกผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุทธภพวันนี้นับว่าได้เปิดหูเปิดตา ใหญ่หลวง กูรูเล่าโจ้วพลันทอดถอนใจหนักหน่วง องครักษ์อู๋ไร้ซีนมาพักหนึ่งแล้วจึงกล่าวขึ้นว่า
"ผู้อาวุโส ในยามนี้เราต้องตัดสินใจแล้วว่า จะให้วีรบุรุษผู้กล้าท่านใดมารับตำแหน่งผู้นำยุทธภพ"
กูรูเล่าโจ้วกล่าวว่า "เราผู้เฒ่าเหนื่อยแล้วล่ะ เอาไว้พรุ่งนี้เถิด" พลางเบนสายตาออกนอกหน้าต่าง ฝนเบื้องนอกเริ่มซาเม็ด ที่ขอบฟ้าไกลเมฆฝนเริ่มคลี่คลาย เผยให้เห็นอาทิตย์อัสดงลับเหลี่ยมเขา ปรากฏเงาของต้นไม้ใหญ่เคียงข้าง กูรูเล่าโจ้วรำพึงขึ้นว่า
"เหล่าชนทั้งหลายล้วนวุ่นวายแก่งแย่งอำนาจ นำมาซึ่งความขัดแย้งมากมายเหลือคณานับ หารู้ไม่ว่า สุดท้ายทุกสิ่งล้วนหลุดลอยไปกับสายลม"
เถ้าแก่เฉินพลันกล่าวแทรกว่า "ค่าโต๊ะเก้าอี้ของข้าพเจ้าด้วย"
เถ้าแก่เฉินเอง ทุกวันนี้ก็ล้างมือจากสำนักโออิิชิัอันโด่งดังไปแล้วเหมือนกัน
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 2771
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 2772
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- Ryuga
- Verified User
- โพสต์: 1771
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 2773
กร๊ากกกกกก.......
ฟังพี่พอใจอัพเดทแซวชาวบ้าน :lol: เห็นกระทู้เตะบอลไม่ค่อยวิ่งเลยนะครับ เป็นเพราะว่าพี่หมอมากรักไม่ค่อยเตะบอลนี่เอง หุ่นอาเสี่ยขึ้นทุกวัน :lol:
แล้วพี่มิเปาเปียว พี่คิริเจ๊เจ้ พี่สถาปนิกซือเจ๊ก พี่ ฯลฯ ยังมีอะไรแซวอีกมั้ยคับ
ฟังพี่พอใจอัพเดทแซวชาวบ้าน :lol: เห็นกระทู้เตะบอลไม่ค่อยวิ่งเลยนะครับ เป็นเพราะว่าพี่หมอมากรักไม่ค่อยเตะบอลนี่เอง หุ่นอาเสี่ยขึ้นทุกวัน :lol:
แล้วพี่มิเปาเปียว พี่คิริเจ๊เจ้ พี่สถาปนิกซือเจ๊ก พี่ ฯลฯ ยังมีอะไรแซวอีกมั้ยคับ
Low Profile High Profit
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
- Ryuga
- Verified User
- โพสต์: 1771
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 2774
เห็นพี่พอใจเอาบทความอาจารย์ไพบูลย์ เอ๊ย เฮียไพบูลย์ มาให้อ่าน ไม่ได้จะการเมืองอะไรหรอกนะครับแต่เพราะกิจกรรมของพวกเค้ามันกระทบเศรษฐกิจจริงๆพี่ป้อม(ลิ๊) เขียน:http://www.bangkokbiznews.com/home/deta ... B8%A2.html
อิจฉาอินโดนีเซีย-ไพบูลย์ นลินทรางกูร
ผมเฝ้าดูสถานการณ์ ทางการเมืองของบ้านเราแล้ว ทำให้อดคิดถึงประเทศที่อยู่ใกล้กับเราอย่าง อินโดนีเซีย ไม่ได้
ไม่ ใช่เพราะประเทศเขาก็ กำลังมีการชุมนุมประท้วงขับไล่รัฐบาลกันอยู่ หรือมีการแบ่งประชาชนออกเป็นฝ่ายเหลือง ฝ่ายแดง ฝ่ายชมพู อย่างที่เรากำลังประสบอยู่ แต่เป็นเพราะ อินโดนีเซีย ซึ่งก็เคยมีเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองสารพัดรูปแบบเมื่อหลายปีก่อน และในบางครั้งดูจะรุนแรงไปกว่าที่เรากำลังเผชิญอยู่เสียด้วยซ้ำ
แต่ มาในระยะหลังนี้ สถานการณ์ทางการเมืองของอินโดนีเซียดีขึ้น และมีเสถียรภาพมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และเพราะเหตุนี้เอง ตลาดทุนของอินโดนีเซีย ได้กลายเป็น Investment Destination (จุดหมายของการลงทุน) ที่เป็นที่หมายปองของนักลงทุนทั่วโลกไปแล้ว
ผิด กับของเราที่นับวัน มีแต่นักลงทุนจะคอยตีจากไป เม็ดเงินต่างชาติที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในตลาดหุ้นส่วนมาก จะเป็นเงินลงทุนของ กองทุน Hedge Funds หรือไม่ก็กองทุน ประเภท Index Funds ส่วนอีกกลุ่มก็เป็นพวก Opportunistic Funds ซึ่งจะเข้ามาลงทุนแบบเก็งกำไร เมื่อคิดว่าตลาดหุ้นจะเกิดการ Rebound ในช่วงสั้นๆ พอได้กำไรแล้วก็จะเทขายหุ้นออกทั้งหมด
เม็ดเงินจากนักลง ทุนระยะยาวประเภท Long-Only Funds ในระยะ 3-4 ปีมานี้ ไหลเข้าตลาดหุ้นไทยน้อยมาก เพราะปัญหาความไม่แน่นอนทางการเมืองของเรา Long Funds ที่ยังเข้ามาอยู่ก็จะเป็น พวก Bottom Up (Stock Selection) หรือ พวกที่เน้นของถูกซะเป็นส่วนใหญ่ Long Funds พวกที่ใช้ Top-Down Approach ที่เน้นลงทุนในประเทศ ที่มี Macro Fundamentals ที่แข็งแกร่งนั้น แทบจะไม่เหลืออยู่ในตลาดไทยแล้ว ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายอย่างมาก เพราะนักลงทุนประเภทหลังนี้ เป็นกลุ่มที่มีเม็ดเงินภายใต้การบริหารมากที่สุด
ผมยังจำได้เมื่อ ช่วงวิกฤติเศรษฐกิจเอเชียปี 1997 เศรษฐกิจและตลาดหุ้นของไทยและอินโดนีเซียบอบช้ำไม่แพ้กัน ทั้ง 2 ประเทศต้องเผชิญกับวิกฤติสถาบันการเงินซึ่งลุกลามไปเป็นวิกฤติเศรษฐกิจใน ที่สุด แต่ช่วงนั้นตลาดหุ้นไทยได้รับผลกระทบมากกว่าอินโดนีเซียมาก SET INDEX ลดลงจากจุดสูงสุดเมื่อต้นปี 1994 ที่ 1,789 จุด มาเหลือเพียง 204 จุด เมื่อเดือนกันยายน ปี 1998 ขณะที่ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ปรับลดลงจากจุดสูงสุด (ณ เวลานั้น) ที่ 742 จุดมาอยู่ที่ 255 จุด
ที่ น่าเศร้าใจ ก็คือ มาถึงวันนี้ 12 ปีหลังจากที่ตลาดหุ้นไทย และอินโดนีเซียประสบชะตากรรม เดียวกัน ตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวกลับมาอยู่ที่เพียง 726 จุด ซึ่งยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของจุดสูงสุดช่วงก่อนปี 1997 เสียด้วยซ้ำ ขณะที่ ณ วันนี้ ดัชนีตลาดหุ้นอินโดนีเซีย อยู่สูงถึง 2,840 จุด หรือเกือบ 4 เท่าของจุดสูงสุดเดิม
เกิดอะไรขึ้นกับอินโดนีเซีย
ผมเชื่อว่า เหตุผลหลัก คือ สถานการณ์การเมืองที่มีเสถียรภาพมากขึ้นในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา นำไปสู่การดำเนินนโยบายเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพ และมีความต่อเนื่อง บวกกับความพยายามที่จะ Reform โครงสร้างทางเศรษฐกิจอย่างจริงจัง สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดความเชื่อมั่นในหมู่นักลงทุนต่างประเทศว่า เศรษฐกิจอินโดนีเซียน่าจะสามารถขยายตัว ได้อย่างต่อเนื่องในระดับ 5-6% ต่อปีในอนาคต
มุมมองที่เป็นบวกของนักลงทุนต่างชาติ สะท้อนออกมาให้เห็นชัดเจนในตัวเลขการลงทุนในตลาดหุ้นของอินโดนีเซียช่วง 4 ปีที่ผ่านมา หรือตั้งแต่ปี 2006 ซึ่งเป็นช่วงที่สถานการณ์ทางการเมืองของอินโดนีเซียเริ่มดีขึ้น (ในสายตานักลงทุนต่างชาติ) เม็ดเงินลงทุนสุทธิ (NET BUY) ของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นอินโดนีเซียระหว่างปี 2006 ถึง 2009 มีจำนวนสูงถึงประมาณ 8,500 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 280,000 ล้านบาท
ขณะ ที่เงินลงทุนของต่างชาติในตลาดหุ้นไทยในช่วงเวลาเดียวกัน มีแค่เพียง 14,348 ล้านบาท หรือน้อยกว่ากันถึงเกือบ 20 เท่า ทั้งที่ตลาดหลักทรัพย์ของทั้ง 2 ประเทศมีขนาดที่ใกล้เคียงกัน แม้กระทั่งในปี 2008 ที่เกิดวิกฤติสถาบันการเงินโลกและนักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้น (Net Sell) ไทยออกถึง 162,347 ล้านบาท แต่กลับมีเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้าซื้อ (Net Buy) หุ้นในอินโดนีเซียถึงประมาณ 1,720 ล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 57,000 ล้านบาท
ทั้งที่จริงๆ แล้ว ผมเชื่อว่าพื้นฐานของเศรษฐกิจไทย มีความแข็งแกร่งกว่าอินโดนีเซียมาก ไม่ว่าจะเป็นภูมิประเทศของเรา โครงสร้างพื้นฐานที่ดีกว่า แรงงานที่มีคุณภาพ ภาคการผลิตและการส่งออกที่มีความสามารถในการแข่งขันสูง ภาคการท่องเที่ยวและบริการที่จัดอยู่ในอันดับต้นๆ ของโลก เงินเฟ้อและดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า แต่เพราะการเมืองที่ขาดเสถียรภาพ และมีความไม่แน่นอนสูง ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อความเชื่อมั่นที่นักลงทุนต่างชาติมีต่อประเทศไทย
สัด ส่วนการลงทุนของต่างชาติในตลาดหุ้นไทย ลดลงเหลือเพียง 20% ของมูลค่าการซื้อขายจากประมาณ 35% เมื่อหลายปีก่อน ค่า P/E Ratio ของตลาดหุ้นไทยซึ่งเคยอยู่สูงกว่าอินโดนีเซียมาก เมื่อ 10 ปีที่แล้ว มาวันนี้ ค่า Forward P/E ของเราอยู่ที่ 11 เท่า ขณะที่ตลาดหุ้นอินโดนีเซียมีค่า Forward P/E สูงถึง 15 เท่า หรือแปลอีกความหมายหนึ่ง ก็คือ หุ้นในอินโดนีเซียมีราคาแพงกว่าหุ้นของ ไทยถึงเกือบ 30%
Fact (ความจริง) อีกประการหนึ่งที่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบ ก็คือ ตลาดหุ้นไทยเป็นเพียงตลาดหุ้นเดียวในเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) ที่ดัชนีหุ้นยังไม่เคยกลับไปสู่ระดับสูงสุดในช่วงก่อนวิกฤติเศรษฐกิจเอเชีย เมื่อปี 1997
นี่เป็นเพียงบางส่วนของผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับตลาดทุน ของเรา จากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา จริงๆ แล้ว ยังมีผลทางลบที่เกิดขึ้นอีกมาก ไม่ว่าจะเป็นในด้านของเม็ดเงินที่ระดมผ่านตลาดหุ้นไทย ก็มีจำนวนลดลงมาก จำนวน IPO ที่มีน้อย และปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นที่แทบจะไม่มีการขยายตัวในช่วงหลายปีที่ผ่าน มา
นอกจากนั้นแล้ว การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment) ก็มีทิศทางที่ลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2007 ที่เม็ดเงินลงทุนโดยตรงลดลง 2% จากปีก่อนหน้า ปี 2008 ลดลง 30% ขณะที่ปี 2009 FDI ลดลงอีก 35% เหลือเพียง 5,324 ล้านดอลลาร์ จาก 10,479 ล้านดอลลาร์ เมื่อปี 2006
ถ้าเหตุการณ์บ้านเมืองยังเป็นอย่างนี้อยู่ ไม่แน่นะครับตลาดหุ้นไทยอาจจะถูกลดชั้นลงจากกลุ่ม Emerging Markets ไปอยู่ในกลุ่ม Frontier Markets ก็เป็นได้ ซึ่งตลาดหุ้นกลุ่มนี้ จะมีประเทศ อาทิเช่น ศรีลังกา ปากีสถาน เวียดนาม และ ในอนาคตอันใกล้นี้ ก็จะมี ลาว และ เขมร ตามมา
ไม่รู้ว่าพี่พอใจเคยเห็นกราฟรึยัง นักท่องเที่ยวเข้าไทยหายไปจากเหตุการณ์ต่างๆ มากมายทีเดียว
นักท่องเที่ยวหายไปจากเหตุการณ์
9-11 0.10 ล้านคน
สงครามอิรัก 1.27 ล้านคน
หวัดนก 0.08 ล้านคน
ซึนามิ 0.33 ล้านคน
รัฐประหาร 0.02 ล้านคน
สรรพพราหมณ์+เสื้อเหลืองปิดสนามบิน 2.71 ล้านคน
เสื้อแดงปิดสวนลุม - รอตัวเลขที่สมบูรณ์อยู่
ส่วนหวัด 2009 นี่มาตอนกลางปี นักท่องเที่ยวเกือบจะโลว์สุดอยู่แล้ว ผลกระทบน้อยไม่ต่างจากหวัดนกเท่าไหร่ ตอนเป็นข่าวคนเค้าก็กลัวๆ กันไปอย่างนั้นเอง แต่เสื้อเหลืองกับสรรพพราหมณ์นี่มาพร้อมกันแยกไม่ออกว่าใครทำนักท่องเที่ยวหายไปเท่าไหร่
ความเสียหายกี่หมื่นกี่แสนล้านไม่พูดละกัน พวกเสื้อแดงเขาทำลับๆ ล่อๆ ตอนนี้แกนนำก็โดนจับไป เสื้อเหลืองเขาเปิดเผยออกแต่ไม่โดนจับแฮะ ก่อเรื่องเสียหายมากมายปานนี้ ถ้าเอาเรื่องไม่ได้เห็นจะต้องฝากพี่พอใจไปฟ้องศาลไคฟงให้ซะแล้ว
ชาวบ้านๆ อย่างเราก็ต้องทำพอใจ เอ๊ย ทำใจ ครับ :8)
Low Profile High Profit
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 2775
ดูตามกราฟ
รอบล่าสุดพวกบักสีดานี่ก็กลับกันมาเร็วใช้ได้เลยนะครับ
พวกท่องเที่ยวผมมองว่าไงๆก็มาเมืองไทยครับ
เรื่องบริการ ที่เที่ยว ที่พัก อากาศ ที่ไหนก็สู้พี่ไทยไม่ได้
แต่ที่เฮียไพบูลย์ นลิน แกว่า คงหมายถึงพวกที่เป็นนักลงทุน
ทั้งที่มาลงทุนทำอุตสาหกรรมต่างๆ
อีกทั้งพวกที่มาลงเงินในหุ้น ตราสารหนี้ประเภทต่างๆ
ผมดูจากกราฟพี่ร็อคแล้วนักลงทุนกลุ่มนี้ก็หายไปเยอะเหมือนกัน
รอบล่าสุดพวกบักสีดานี่ก็กลับกันมาเร็วใช้ได้เลยนะครับ
พวกท่องเที่ยวผมมองว่าไงๆก็มาเมืองไทยครับ
เรื่องบริการ ที่เที่ยว ที่พัก อากาศ ที่ไหนก็สู้พี่ไทยไม่ได้
แต่ที่เฮียไพบูลย์ นลิน แกว่า คงหมายถึงพวกที่เป็นนักลงทุน
ทั้งที่มาลงทุนทำอุตสาหกรรมต่างๆ
อีกทั้งพวกที่มาลงเงินในหุ้น ตราสารหนี้ประเภทต่างๆ
ผมดูจากกราฟพี่ร็อคแล้วนักลงทุนกลุ่มนี้ก็หายไปเยอะเหมือนกัน
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- Ryuga
- Verified User
- โพสต์: 1771
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 2776
แหม เที่ยวไทยไม่ไปไม่รู้นี่ครับ เพราะการท่องเที่ยวมันเป็นรายได้ส่งออกสำคัญมากและยังกระจายไปถึงรายเล็กรายย่อยรายละเอียดทั่วประเทศ อย่าง FDI น่ะ พี่พอใจคงเคยดูแล้วใช่ม๊า นี่เอามาลงให้คนอื่นดูละกัน (พี่พอใจห้ามดู ติดยศก็ไม่ยอมติดให้ ต้องไปขอพี่หวีซะละมั้ง )
เป็นรูปประกอบบทความ เห็นว่าต้นปี 49 ที่พุ่งๆ น่ะ มันเงินเทมาเซคซื้อ SHIN นะครับ ตอนนี้ตะแกอยากออกของจะตายอยู่แล้ว เพียงแต่หาคนซื้อต่อไม่ได้ ราคาก็เหี่ยวซะ :P
เป็นรูปประกอบบทความ เห็นว่าต้นปี 49 ที่พุ่งๆ น่ะ มันเงินเทมาเซคซื้อ SHIN นะครับ ตอนนี้ตะแกอยากออกของจะตายอยู่แล้ว เพียงแต่หาคนซื้อต่อไม่ได้ ราคาก็เหี่ยวซะ :P
Low Profile High Profit
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 2779
ผมไม่ได้พิมพ์ครับsuperboy เขียน:พี่พอใจ พิมพ์ ซะยาว ทำได้ไง เนี้ย
สุดยอด ง่ะ
อ่านซะมืนหัวเลย อิอิอิ
เรื่องราวที่อัพเดตมาจากนิยาย'หมากล้อมเย้ยยุทธจักร'ที่ริวงะแต่งไว้ครับ
พี่ซุปเป้อร์บอยอยากดูหมากกระดานที่ริวงะสยบคุณชายมากรัก(ที่หมดเขี้ยวเล็บไปแล้ว)
ก็คลิ๊กเบาๆที่ตรงนี้ครับ
http://www.thaivi.com/webboard/viewtopi ... &start=120
triple c triple one เขียน:สำนวนแบบนี้ น. นพรัตน์ ชัดๆ
อ่านไปได้สองสามหน้ารู้สึกสมองพองโต
สงสัยเราจะเริ่มชราแล้ว ผายลมมารดาเจ้า
ถอดกางเกงผายลม ทั้งยุ่งยากทั้งไม่จำเป็น
(จากเล่มหนึ่งของโกวเล้ง จำชื่อไม่ได้แล้ว)
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 2780
อาจารย์ผู้เข้าใจรีแอคท์ของตลาดได้ดีกว่าใครไหนๆทั้งนั้น
คนเหมือนกันทั้งโลก
โลกในมุมมองของ Value Investor 31 กรกฎาคม 2553
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ใน การวิเคราะห์เรื่องการลงทุนนั้น แนวความคิดที่สำคัญมากอย่างหนึ่งที่ผมยึดถือก็คือความคิดที่ว่า “คนนั้นเหมือนกันทั้งโลก” ความแตกต่างของพฤติกรรมที่เราเห็นจากคนในแต่ละสังคมหรือแต่ละประเทศนั้น ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่เกิดจากความแตกต่างของรายได้ นั่นคือ สังคมที่รวยกว่าจะมีพฤติกรรมในการบริโภคและการใช้ชีวิตแตกต่างจากคนในสังคม ที่จนกว่า
แต่ในสังคมที่รวยพอ ๆ กันก็จะประพฤติหรือบริโภคสิ่งที่คล้าย ๆ กัน พูดง่าย ๆ คนไม่ได้แตกต่างกันเพราะเชื้อชาติ สีผิว หรือแม้แต่วัฒนธรรม แต่คนแตกต่างกันเพราะมีรายได้ไม่เท่ากัน แต่ถ้าจะพูดให้ถูกต้องชัดเจนก็คือ
แท้ที่จริงแล้ว คนเรานั้นชอบหรืออยากทำอะไรเหมือน ๆ กัน เพียงแต่คน ๆ หนึ่งอาจจะมีรายได้มากพอที่จะทำในสิ่งที่ต้องการได้ ในขณะที่คนอีกคนหนึ่งทำไม่ได้เพราะไม่มีเงิน
จากแนวความคิดดังกล่าว ทำให้เราสามารถคาดการณ์ว่า ประเทศไทยหรือสังคมไทยจะเคลื่อนไหวไปทางไหน
สินค้า หรือบริการอะไรจะขายได้หรือขายดีในอนาคต วิธีการก็คือ ศึกษาจากประเทศหรือสังคมที่รวยกว่าเรา ดูว่าเคยเป็นอย่างไรและปัจจุบันเป็นอย่างไร ใช้ผลิตภัณฑ์อะไรมากน้อยแค่ไหน จากนั้นหันมาดูเมืองไทยว่า เราจะเดินตามแบบเดียวกับเขาเมื่อไร หัวใจสำคัญก็คือ ดูว่าเมื่อไรรายได้ของคนไทยจะเพิ่มขึ้นหรือราคาของสินค้าจะลดลงจนทำให้คน ไทยมีปัญญาใช้สินค้านั้นได้เช่นกัน
ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดก็คือ เรื่องของโทรศัพท์มือถือ เมื่อราวสิบกว่าปีก่อน ถ้ายังจำกันได้ การใช้โทรศัพท์มือถือในประเทศไทยเพิ่งเริ่มเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม คนใช้ยังมีจำนวนน้อยมาก แต่ละปีจะมีผู้ใช้รายใหม่เพียงไม่กี่แสนราย
ใน ขณะที่ประเทศในกลุ่มสแกนดิเนเวียนั้น เกือบทุกคนแม้แต่เด็กเล็กก็ใช้กันแล้ว เหตุผลของความแตกต่างก็คือ ราคาของการใช้โทรศัพท์มือถือในเมืองไทยยังแพงเกินกว่าที่คนไทยส่วนใหญ่จะ สามารถใช้ได้
แต่แล้ว ราคาค่าเครื่องและค่าบริการการใช้โทรศัพท์มือถือก็ลดลงอย่างรวดเร็วจนคนไทย ส่วนใหญ่สามารถใช้ได้ ผลก็คือ การใช้ในประเทศไทยก็พุ่งขึ้นจนปัจจุบันคนไทยเกือบทั้งหมดต่างก็ใช้โทรศัพท์ มือถือเหมือนกับประเทศเจริญแล้ว
บางคนอาจจะบอกว่า เรื่องการบริโภคหรือเรื่องเกี่ยวกับเศรษฐกิจนั้น คนอาจจะทำตามกันเมื่อมีรายได้ใกล้เคียงกัน แต่ในเรื่องของความเชื่อ รสนิยม ความคิดทางสังคมหรือการเมืองนั้น แต่ละสังคมหรือแต่ละประเทศน่าจะมีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมของแต่ ละกลุ่ม
แต่ผมเองคิดว่า ความแตกต่างเหล่านั้นน่าจะเป็นในเรื่องของ “รายละเอียด” ในภาพใหญ่แล้ว ผมก็ยังคิดว่า “คนเราเหมือนกันทั้งโลก” ถ้าพวกเขามีรายได้หรือความมั่งคั่งใกล้เคียงกัน
ยกตัวอย่างเช่น ประเทศที่ร่ำรวยมากขึ้น ในทางการเมืองก็จะเป็นประเทศที่ยึดหลักเสรีประชาธิปไตย ไม่มีประเทศไหนเป็นประเทศที่ปกครองแบบเผด็จการ ในทางตรงกันข้าม ประเทศที่ยากจนอาจจะมีระบอบการปกครองเป็นเผด็จการได้ แต่เมื่อใดที่พวกเขารวยขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงจุดหนึ่ง พวกเขาก็ต้องเป็นประเทศประชาธิปไตย เพราะหัวใจของเรื่องก็คือ มนุษย์ทุกคนในโลกต้องการมีเสรีภาพ แต่บางครั้งเขาเลือกไม่ได้เมื่อเขายังจนอยู่ แต่เมื่อรวยขึ้นแล้ว พวกเขาก็จะต้องเรียกหาและได้เสรีภาพและประชาธิปไตยในที่สุด
ผมเอง ชอบย้อนรำลึกถึงความหลังในสมัยที่ยังเด็ก ถึงวันนี้ผมรู้สึกทึ่งกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยที่เกิดขึ้นได้อย่างไม่ น่าเชื่อ ในสมัยก่อนนั้นผมรู้สึกว่าสังคมไทยมีลักษณะพิเศษที่แตกต่างจากสังคมอื่น ๆ โดยเฉพาะที่ไม่ใช่คนเอเซีย ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะการได้รับการสอนหรือพร่ำบอกผ่านสื่อต่าง ๆ ว่าประเทศไทยจะต้องเป็นหรือเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
คนไทยเป็นคนที่ มีค่านิยมอย่างนั้นอย่างนี้ที่ “ดี” กว่าคนอื่น แต่พอถึงวันนี้ หลังจากที่เศรษฐกิจไทยเติบโตขึ้นมหาศาลและคนไทยเริ่มรวยขึ้นพอสมควร ผมก็เริ่มเห็นว่าคนไทยรุ่นใหม่โดยเฉพาะที่พ่อแม่มีรายได้และความมั่งคั่งสูง ขึ้นนั้น ได้เปลี่ยนค่านิยมไปมากมาย นั่นคือ พวกเขามีความคิดและค่านิยมเหมือน ๆ กับฝรั่งและชาวต่างชาติอื่น ๆ ที่มีรายได้เฉลี่ยสูงกว่า ความ “เป็นไทย” นั้นดูเหมือนจะเป็นเรื่องในอดีตและไม่น่าที่จะมีใครสามารถ “หมุนเข็มนาฬิกา” กลับคืนไปได้ ดังนั้น สิ่งที่ผมทำก็คือ พยายาม “ปรับตัว” และ “ปรับใจ” เพื่อรับกับ “สังคมใหม่” ที่มาพร้อมกับความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นของสังคมไทย และไม่ไปตัดสินว่าสิ่งเหล่านั้นดีหรือไม่ดี
ผมพูดมายืดยาวและดู เหมือนว่าจะไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับการลงทุนนัก แต่ที่จริงมันเกี่ยวกับการวิเคราะห์หาแนวโน้มในอนาคตของประเทศไทย อนาคตของเศรษฐกิจไทย และอนาคตของบริษัทไทย สิ่งเหล่านี้มีความสำคัญมากต่อการลงทุนระยะยาวที่เราจำเป็นต้องรู้ว่าอนาคต มันจะไปถึงจุดไหน
อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้น ๆ นั้น บางครั้งสิ่งที่เราคิดว่าจะเกิดขึ้นอาจจะยังไม่เกิดและหลายครั้งกลับเดินไป ในทิศตรงกันข้ามทำให้เราไม่มั่นใจและอาจจะคิดไปว่า “เมืองไทยไม่เหมือนที่อื่นเพราะ…”
แต่ในความเห็นของผมหลังจากที่ ผ่านประสบการณ์มานานพอสมควรในชีวิต ผมคิดว่า “คนเหมือนกันทั้งโลก เพราะเรามียีนส์แบบเดียวกัน” การเป็น “คนไทย” นั้น เป็นเรื่องของ “รายละเอียด” ที่ไม่สามารถจะไปเปลี่ยนโครงสร้างใหญ่ที่ธรรมชาติได้กำหนดมาแล้วสำหรับ มนุษย์ทุกคน
ดังนั้น สำหรับผมแล้ว ถ้าผมเห็นว่า เทรนด์หรือแนวโน้มของโลกที่เจริญแล้วไปทางไหน ไม่ช้าก็เร็ว ประเทศไทยก็จะพัฒนาไปทางนั้น ไม่มีข้อยกเว้น เราต้องมั่นใจและตัดสินใจลงทุนได้แม้ว่าสถานการณ์ที่เป็นอยู่อาจจะไม่เป็น เช่นนั้นหรือชี้ไปในทิศตรงกันข้าม
คนเหมือนกันทั้งโลก
โลกในมุมมองของ Value Investor 31 กรกฎาคม 2553
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ใน การวิเคราะห์เรื่องการลงทุนนั้น แนวความคิดที่สำคัญมากอย่างหนึ่งที่ผมยึดถือก็คือความคิดที่ว่า “คนนั้นเหมือนกันทั้งโลก” ความแตกต่างของพฤติกรรมที่เราเห็นจากคนในแต่ละสังคมหรือแต่ละประเทศนั้น ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่เกิดจากความแตกต่างของรายได้ นั่นคือ สังคมที่รวยกว่าจะมีพฤติกรรมในการบริโภคและการใช้ชีวิตแตกต่างจากคนในสังคม ที่จนกว่า
แต่ในสังคมที่รวยพอ ๆ กันก็จะประพฤติหรือบริโภคสิ่งที่คล้าย ๆ กัน พูดง่าย ๆ คนไม่ได้แตกต่างกันเพราะเชื้อชาติ สีผิว หรือแม้แต่วัฒนธรรม แต่คนแตกต่างกันเพราะมีรายได้ไม่เท่ากัน แต่ถ้าจะพูดให้ถูกต้องชัดเจนก็คือ
แท้ที่จริงแล้ว คนเรานั้นชอบหรืออยากทำอะไรเหมือน ๆ กัน เพียงแต่คน ๆ หนึ่งอาจจะมีรายได้มากพอที่จะทำในสิ่งที่ต้องการได้ ในขณะที่คนอีกคนหนึ่งทำไม่ได้เพราะไม่มีเงิน
จากแนวความคิดดังกล่าว ทำให้เราสามารถคาดการณ์ว่า ประเทศไทยหรือสังคมไทยจะเคลื่อนไหวไปทางไหน
สินค้า หรือบริการอะไรจะขายได้หรือขายดีในอนาคต วิธีการก็คือ ศึกษาจากประเทศหรือสังคมที่รวยกว่าเรา ดูว่าเคยเป็นอย่างไรและปัจจุบันเป็นอย่างไร ใช้ผลิตภัณฑ์อะไรมากน้อยแค่ไหน จากนั้นหันมาดูเมืองไทยว่า เราจะเดินตามแบบเดียวกับเขาเมื่อไร หัวใจสำคัญก็คือ ดูว่าเมื่อไรรายได้ของคนไทยจะเพิ่มขึ้นหรือราคาของสินค้าจะลดลงจนทำให้คน ไทยมีปัญญาใช้สินค้านั้นได้เช่นกัน
ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดก็คือ เรื่องของโทรศัพท์มือถือ เมื่อราวสิบกว่าปีก่อน ถ้ายังจำกันได้ การใช้โทรศัพท์มือถือในประเทศไทยเพิ่งเริ่มเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม คนใช้ยังมีจำนวนน้อยมาก แต่ละปีจะมีผู้ใช้รายใหม่เพียงไม่กี่แสนราย
ใน ขณะที่ประเทศในกลุ่มสแกนดิเนเวียนั้น เกือบทุกคนแม้แต่เด็กเล็กก็ใช้กันแล้ว เหตุผลของความแตกต่างก็คือ ราคาของการใช้โทรศัพท์มือถือในเมืองไทยยังแพงเกินกว่าที่คนไทยส่วนใหญ่จะ สามารถใช้ได้
แต่แล้ว ราคาค่าเครื่องและค่าบริการการใช้โทรศัพท์มือถือก็ลดลงอย่างรวดเร็วจนคนไทย ส่วนใหญ่สามารถใช้ได้ ผลก็คือ การใช้ในประเทศไทยก็พุ่งขึ้นจนปัจจุบันคนไทยเกือบทั้งหมดต่างก็ใช้โทรศัพท์ มือถือเหมือนกับประเทศเจริญแล้ว
บางคนอาจจะบอกว่า เรื่องการบริโภคหรือเรื่องเกี่ยวกับเศรษฐกิจนั้น คนอาจจะทำตามกันเมื่อมีรายได้ใกล้เคียงกัน แต่ในเรื่องของความเชื่อ รสนิยม ความคิดทางสังคมหรือการเมืองนั้น แต่ละสังคมหรือแต่ละประเทศน่าจะมีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมของแต่ ละกลุ่ม
แต่ผมเองคิดว่า ความแตกต่างเหล่านั้นน่าจะเป็นในเรื่องของ “รายละเอียด” ในภาพใหญ่แล้ว ผมก็ยังคิดว่า “คนเราเหมือนกันทั้งโลก” ถ้าพวกเขามีรายได้หรือความมั่งคั่งใกล้เคียงกัน
ยกตัวอย่างเช่น ประเทศที่ร่ำรวยมากขึ้น ในทางการเมืองก็จะเป็นประเทศที่ยึดหลักเสรีประชาธิปไตย ไม่มีประเทศไหนเป็นประเทศที่ปกครองแบบเผด็จการ ในทางตรงกันข้าม ประเทศที่ยากจนอาจจะมีระบอบการปกครองเป็นเผด็จการได้ แต่เมื่อใดที่พวกเขารวยขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงจุดหนึ่ง พวกเขาก็ต้องเป็นประเทศประชาธิปไตย เพราะหัวใจของเรื่องก็คือ มนุษย์ทุกคนในโลกต้องการมีเสรีภาพ แต่บางครั้งเขาเลือกไม่ได้เมื่อเขายังจนอยู่ แต่เมื่อรวยขึ้นแล้ว พวกเขาก็จะต้องเรียกหาและได้เสรีภาพและประชาธิปไตยในที่สุด
ผมเอง ชอบย้อนรำลึกถึงความหลังในสมัยที่ยังเด็ก ถึงวันนี้ผมรู้สึกทึ่งกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยที่เกิดขึ้นได้อย่างไม่ น่าเชื่อ ในสมัยก่อนนั้นผมรู้สึกว่าสังคมไทยมีลักษณะพิเศษที่แตกต่างจากสังคมอื่น ๆ โดยเฉพาะที่ไม่ใช่คนเอเซีย ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะการได้รับการสอนหรือพร่ำบอกผ่านสื่อต่าง ๆ ว่าประเทศไทยจะต้องเป็นหรือเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
คนไทยเป็นคนที่ มีค่านิยมอย่างนั้นอย่างนี้ที่ “ดี” กว่าคนอื่น แต่พอถึงวันนี้ หลังจากที่เศรษฐกิจไทยเติบโตขึ้นมหาศาลและคนไทยเริ่มรวยขึ้นพอสมควร ผมก็เริ่มเห็นว่าคนไทยรุ่นใหม่โดยเฉพาะที่พ่อแม่มีรายได้และความมั่งคั่งสูง ขึ้นนั้น ได้เปลี่ยนค่านิยมไปมากมาย นั่นคือ พวกเขามีความคิดและค่านิยมเหมือน ๆ กับฝรั่งและชาวต่างชาติอื่น ๆ ที่มีรายได้เฉลี่ยสูงกว่า ความ “เป็นไทย” นั้นดูเหมือนจะเป็นเรื่องในอดีตและไม่น่าที่จะมีใครสามารถ “หมุนเข็มนาฬิกา” กลับคืนไปได้ ดังนั้น สิ่งที่ผมทำก็คือ พยายาม “ปรับตัว” และ “ปรับใจ” เพื่อรับกับ “สังคมใหม่” ที่มาพร้อมกับความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นของสังคมไทย และไม่ไปตัดสินว่าสิ่งเหล่านั้นดีหรือไม่ดี
ผมพูดมายืดยาวและดู เหมือนว่าจะไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับการลงทุนนัก แต่ที่จริงมันเกี่ยวกับการวิเคราะห์หาแนวโน้มในอนาคตของประเทศไทย อนาคตของเศรษฐกิจไทย และอนาคตของบริษัทไทย สิ่งเหล่านี้มีความสำคัญมากต่อการลงทุนระยะยาวที่เราจำเป็นต้องรู้ว่าอนาคต มันจะไปถึงจุดไหน
อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้น ๆ นั้น บางครั้งสิ่งที่เราคิดว่าจะเกิดขึ้นอาจจะยังไม่เกิดและหลายครั้งกลับเดินไป ในทิศตรงกันข้ามทำให้เราไม่มั่นใจและอาจจะคิดไปว่า “เมืองไทยไม่เหมือนที่อื่นเพราะ…”
แต่ในความเห็นของผมหลังจากที่ ผ่านประสบการณ์มานานพอสมควรในชีวิต ผมคิดว่า “คนเหมือนกันทั้งโลก เพราะเรามียีนส์แบบเดียวกัน” การเป็น “คนไทย” นั้น เป็นเรื่องของ “รายละเอียด” ที่ไม่สามารถจะไปเปลี่ยนโครงสร้างใหญ่ที่ธรรมชาติได้กำหนดมาแล้วสำหรับ มนุษย์ทุกคน
ดังนั้น สำหรับผมแล้ว ถ้าผมเห็นว่า เทรนด์หรือแนวโน้มของโลกที่เจริญแล้วไปทางไหน ไม่ช้าก็เร็ว ประเทศไทยก็จะพัฒนาไปทางนั้น ไม่มีข้อยกเว้น เราต้องมั่นใจและตัดสินใจลงทุนได้แม้ว่าสถานการณ์ที่เป็นอยู่อาจจะไม่เป็น เช่นนั้นหรือชี้ไปในทิศตรงกันข้าม
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 3348
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 2781
บทความดีครับ มีนึงทฤษฏี รู้สึกจะของพอตเตอร์ ที่เขียนเกี่ยวกับ พฤติกรรม กับรายได้ ครับ
ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก มันก็เป็นเช่นนั้นแล
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 2782
ดูmvเพลงนี้แล้วรู้สึกว่าพระเอกในมิวสิคคนนี้
หน้าตาคล้ายๆน้องในก๊วนกอล์ฟคนนึง
น้องกก บิวติดริ๊งก์ นั่นเอง
หรือเจ้ากก หางานไซด์ไลน์ทำ
ก็ไม่น่านะ เพราะรถที่ใช้ก็เป็นไฮบริดไม่กินน้ำมันเท่าไหร่
เลยนำมาฝากกันฟัง
http://www.youtube.com/watch?v=0IUuLdCZyUk
หน้าตาคล้ายๆน้องในก๊วนกอล์ฟคนนึง
น้องกก บิวติดริ๊งก์ นั่นเอง
หรือเจ้ากก หางานไซด์ไลน์ทำ
ก็ไม่น่านะ เพราะรถที่ใช้ก็เป็นไฮบริดไม่กินน้ำมันเท่าไหร่
เลยนำมาฝากกันฟัง
http://www.youtube.com/watch?v=0IUuLdCZyUk
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 464
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 2784
ความคิดเห็นที่ 51
เทรดเดอร์มีอยู่ 2 แบบครับ ...
1. ประเภทโยนปัญหาออกจากตัว
2. ประเภทเอาปัญหามาคิดแก้ไขปรับปรุง
พวก แรก มักไม่ค่อยเรียนรู้อะไรเพิ่มขึ้นในแต่ละวัน มัวแต่ใช้เวลาไปโทษกองทุน ต่างชาติ หรือบรรดาเจ้ามือขาใหญ่ ... แม้กระทั่งมาร์ค แม้ว โอบาม่า
พวกหลัง จะพยายามพัฒนาปรับปรุงวิธีการเทรด แก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น เพื่อที่จะไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต
... มันง่ายที่จะโทษคนอื่น หรืออะไรก็ตาม ที่ไม่ใช่ตัวเอง ...
แต่ เคยสังเกตุมั้ยว่า ขณะที่เราบ่นถึงความเสียเปรียบ หรือ โชคร้ายของตัวเอง ... ทำไมยังคงมีคนอีกกลุ่มที่อยู่ในสถานะไม่ต่างจากเรา กลับไปยืนอยู่ฝั่งที่ถูก โดยที่ไม่ได้อาศัยวงใน โชคหรือดวง ... แต่เป็นเพราะเขามีวิธีการเทรดและทัศนคติที่ถูกต้อง เหมาะสม
ดังนั้น เราควรจะพยายามศึกษา ลองผิดลองถูก ปรับปรุงแก้ไข ... เพื่อให้ได้มาซึ่งวิธีการเทรดที่เราเข้าใจ มั่นใจ รวมทั้งสร้างทศนคติที่ถูกต้อง
... การโทษสิ่งแวดล้อมมันง่ายไป แม้ว่าจะทำให้เราลดความเครียดได้บ้าง ทำให้รู้สึกผิดน้อยลง
แต่ถ้าต้องการพัฒนาตัวเองไปสู่การเป็นเทรดเดอร์ที่ดีขึ้น ... ต้องเลิกโทษสิ่งที่อยู่ข้างนอก
มองหาข้อบกพร่องของเราเอง แล้วหาวิธีการแก้ไขเสีย ตั้งแต่วันนี้
... คำแนะนำนี้ ไม่จำกัดเฉพาะการล่าหลาม แต่รวมไปถึงการใช้ชีวิตด้วย
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
แปลมาจากเวปฝรั่งครับ .... แสดงว่า เป็นเหมือนกันหมด 555
แก้ไขเมื่อ 03 ส.ค. 53 15:46:00
จากคุณ : ซาไก
เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 15:21:26 [แก้ไข]
ถูกใจ : LoveBox, 007-s, LiTtle_LOliTa, คาตาน่า, Nabokov1, Stimpack, indexfuture, sai_zelda, afood, GARMANIC, พ่อน้องนา, morikaza1, Kamen Rider Agito, 12.24 น., Golden-Bullet, Terd Walks Dogs, โป๊ะโกะน้อย, start over, น้องกล่องเปล่า, tiyai, Mongkon/Pong, NOKV1, ขอให้ฉันได้มีส่วนร่วมสักนิด..., tp14d, เบี้ยฟ้า, TauRuZ_PaSSeRBy, jiiwii, ครั้งหนึ่งในชีวิต, Methee B., ktstheblue, pentor2000, กระทิงแดง, ydrid, ohyooha
อ่านแล้วชอบ ขอแปะตรงนี้นะครับ
จาก อาจารย์มุซาชิ(ซาไก) กระทู้ Daily TFEX discussion ห้องสินธร เวบพันทิพย์
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 2785
ผมว่าไม่ใช่แค่เรื่องเทรดหุ้นหรอกนะ
ทุกอย่าง(ทุกอย่าง(ทุกอย่าง)))ในชีวิตเรา
ดูแค่ที่ตัวเรา ทำแค่ที่ตัวเรา
ใครทำได้แค่นี้
สำหรับผมถือว่าประสบความสำเร็จสุดยอดไม่แพ้เรื่องอื่นแล้วละครับ
ไม่เชื่อลองถามตัวเองดูสิ
ว่าเรื่องราวผิดหวังสิบครั้งที่ผ่านมา โทษคนอื่นซะัสิบเอ็ดครั้ง
แหมมันเล่นโทษล่วงหน้าครั้งนึงซะอีกแน่ะ...ฮ่า...
ทุกอย่าง(ทุกอย่าง(ทุกอย่าง)))ในชีวิตเรา
ดูแค่ที่ตัวเรา ทำแค่ที่ตัวเรา
ใครทำได้แค่นี้
สำหรับผมถือว่าประสบความสำเร็จสุดยอดไม่แพ้เรื่องอื่นแล้วละครับ
ไม่เชื่อลองถามตัวเองดูสิ
ว่าเรื่องราวผิดหวังสิบครั้งที่ผ่านมา โทษคนอื่นซะัสิบเอ็ดครั้ง
แหมมันเล่นโทษล่วงหน้าครั้งนึงซะอีกแน่ะ...ฮ่า...
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 3348
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 2786
[quote="por_jai"] ผมว่าไม่ใช่แค่เรื่องเทรดหุ้นหรอกนะ
ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก มันก็เป็นเช่นนั้นแล
- SupachaiZ594
- Verified User
- โพสต์: 834
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 2788
กราฟพี่พอใจดูน่าตื่นเต้นจัง
ซื้อ 77 ล้านหุ้นภายใน 1 นาที อืมมมมมม
ซื้อ 77 ล้านหุ้นภายใน 1 นาที อืมมมมมม
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 2789
นิยามรัก นักคอมพิวเตอร์
รัก...เหมือนดั่ง ราคา DDRAM ที่พันทิพย์ตอนนี้ แปรผันขึ้นลงตลอด
ไม่คงที่แน่นอน
รัก...เหมือน ดั่ง IPHONE4 อยากมีเธอไว้ติดตัวไปทุกที่
รัก...เหมือนดั่ง Intel Pentium I7 หากไม่ปรับตัวใช้
M/B หรือ Slocket รุ่นใหม่ คงเข้ากับเธอไม่ได้
รัก...เหมือนดั่ง Roadmap ราคาของ CPU ซึ่งเธอมีให้ฉัน
น้อยลงไปทุกที
รัก...เหมือนกับ Internet Explorer 7 ที่มีปัญหา
Low Resource เป็นประจำ
รัก...เหมือนกับ Online บ้างก็ busy บ้างก็ easy
รัก...เหมือนเขียน Java Script ที่ละเอียดอ่อน ผิดแม้นิดเดียวก็ Error
รัก...เหมือนดัง Ink-jet Printer เปลืองน้ำหมึกและเสียบ่อย ดั่งรักที่รวนเร
รัก...เหมือน not enough memory แม้ทำทุกอย่างเพื่อเธอ ก็ไม่เพียงพอ
รัก...เหมือน Handy scanner...คงไม่สามารถสแกนหัวใจ A4
ของเธอได้
รัก...เหมือน 4.5 MOD 3 หารกันไม่ได้ เพราะเราไม่เข้าใจกัน
รัก...เหมือน Compile..Error!! เธอไม่เคยเข้าใจ ไม่ตอบสนอง
รัก...เหมือน Sub-Directories มีมากมายแด่ใครๆ จน
ฉันหา file หัวใจเธอไม่พบ
รัก...เหมือน Power Supply ที่จ่ายไปเลี้ยงหัวใจเธออย่างเพียงพอ
รัก...เหมือนกับ พัดลมระบายความร้อน ช่วยทำให้เธอเย็นสบาย
คลายร้อน
รัก...เหมือน กับ Peltier ช่วยทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายหายร้อนแรง 8^P
รัก...เหมือน UPS แม้จะเกิดอะไร ใจฉันยังมั่นคงที่จะจ่ายไฟ เพื่อมีเวลา Save หัวใจ
รัก...เหมือน เสียง Modem ตอน Connect ติด ช่างสุขใจเหมือนได้ยินเสียงเธอ
รัก...เหมือน Microsoft Windows XP พร้อมจะพังทลาย(เจ๊ง)โดยไม่มีวี่แววมาก่อน
รัก...เหมือน อาการ Access Violation ไม่ยอมบอกเหตุผล แต่ก็ไม่ยอมให้แก้ตัว
รัก...เหมือน ภาษา Assembly ทำให้เธออย่างยากลำบากทั้งที่ผลที่ได้รับเพียงน้อยนิด
รัก...เหมือน Logitech Mouse คงทน มั่นคง
รัก...เหมือน Light Pen มักจะไม่ลงรอยกันง่ายๆ (ชี้ที่นึง Cursor ไปโผล่อีกที่นึง)
รัก...เหมือน สาย Lan Coaxial ต้องรักษาไว้ให้ดีอย่าให้หลุดลอยไป (โยงออกนอกตึกทีไรฟ้าผ่าทุกที)
รัก...เหมือน Printer CANON เพียงครู่เดียวก็ร้อนแรง (หัวพิมพ์ไหม้)
รัก...เหมือน VR-headgear เมื่อมีเธอเราก็อยู่ในโลกของเราด้วยกันเพียงสองคน...
รัก...เหมือน file corrupted อยู่ดีๆเธอก็เปลี่ยนไป
รัก...เหมือน A)bort R)etry I)gnore only 3 choices จะเลิกจะ
ฝืนหรือจะอยู่แบบซังกะตาย
รัก...เหมือน Your program has perfromed an illegal opertaion
and will be shut down ถ้าทำไม่ถูกใจเธอซักที
รัก...เหมือน Error 404 Objected not found ไขว่คว้าหาตัวตนไม่ได้
รัก...เหมือน Error 403 Access Forbidden ถ้าไม่รู้ password
ของใจเธอก็อย่าหวังซะดีกว่า
รัก...เหมือน Labtop (for Hi-so girls) หมดตัวก่อนที่จะได้มา
รัก...เหมือน 486DX2-66 ฉันคงให้เธอได้เพียงเท่านี้ สักวันเธอคงทิ้งฉัน
ไปหาคนที่ดี กว่า
รัก...เหมือน If....Then....Else เธอชอบสร้างเงื่อนไขในความรักจน
ฉันไม่รู้จะทำเช่นไร
รัก...เหมือน กำหนด Boolean=False ดังเธอปิดใจ ไม่เปิดให้ใครคนใหม่
รัก...เหมือน ดั่งหนังสือ Com แรกๆก็ชื่นชมอยากชิดใกล้สุดท้ายก็เบื่อ
และถูกทอดทิ้ง
รัก...เหมือน สร้าง HomePage.... เมื่อมองภายนอกดูสวยงาม
แต่แฝงไปด้วยภาษา Java ที่ซับซ้อนดั่งหัวใจเธอ...ที่ฉัน
ไม่สามารถมองเห็นหรือเข้าใจ...ส่วนลึก ของหัวใจเธอได้
รัก...เหมือน UnderCostruction!! ปีแล้วปีเล่าเธอก็ยังไม่ยอม
เปลี่ยนแปลง...
รัก...เหมือนกับ Harddisk ถ้าติด Virus (HIV) คงต้อง format
ใหม่ลูกเดียว
รัก...เหมือน กับจอมอนิเตอร์ ทำให้คนตาบอด (สายตาสั้น..ตาเอียง...)
รัก...เหมือน กับ RAM ขาดไฟเลี้ยง ความจำก็ถูกลบ
รัก...เหมือนกับ Software ถ้าจะเอาแบบถูกลิขสิทธิ์
ราคาก็แพงหน่อย (หรือไม่หน่อย)
รัก...เหมือน การกลิ้งเม้าส์ ต่อให้กลิ้งมากขนาดไหน
ก็ไม่เคยออกนอกจอเลย
สุด ท้าย รัก...เหมือนกับ เครื่องคอมพิวเตอร์อัปเกรตไปทีไร
พอเวลาผ่านไปไม่ เคยพอใจเลยสักที
http://www.pantip.com/tech/coffee/topic ... 35709.html
รัก...เหมือนดั่ง ราคา DDRAM ที่พันทิพย์ตอนนี้ แปรผันขึ้นลงตลอด
ไม่คงที่แน่นอน
รัก...เหมือน ดั่ง IPHONE4 อยากมีเธอไว้ติดตัวไปทุกที่
รัก...เหมือนดั่ง Intel Pentium I7 หากไม่ปรับตัวใช้
M/B หรือ Slocket รุ่นใหม่ คงเข้ากับเธอไม่ได้
รัก...เหมือนดั่ง Roadmap ราคาของ CPU ซึ่งเธอมีให้ฉัน
น้อยลงไปทุกที
รัก...เหมือนกับ Internet Explorer 7 ที่มีปัญหา
Low Resource เป็นประจำ
รัก...เหมือนกับ Online บ้างก็ busy บ้างก็ easy
รัก...เหมือนเขียน Java Script ที่ละเอียดอ่อน ผิดแม้นิดเดียวก็ Error
รัก...เหมือนดัง Ink-jet Printer เปลืองน้ำหมึกและเสียบ่อย ดั่งรักที่รวนเร
รัก...เหมือน not enough memory แม้ทำทุกอย่างเพื่อเธอ ก็ไม่เพียงพอ
รัก...เหมือน Handy scanner...คงไม่สามารถสแกนหัวใจ A4
ของเธอได้
รัก...เหมือน 4.5 MOD 3 หารกันไม่ได้ เพราะเราไม่เข้าใจกัน
รัก...เหมือน Compile..Error!! เธอไม่เคยเข้าใจ ไม่ตอบสนอง
รัก...เหมือน Sub-Directories มีมากมายแด่ใครๆ จน
ฉันหา file หัวใจเธอไม่พบ
รัก...เหมือน Power Supply ที่จ่ายไปเลี้ยงหัวใจเธออย่างเพียงพอ
รัก...เหมือนกับ พัดลมระบายความร้อน ช่วยทำให้เธอเย็นสบาย
คลายร้อน
รัก...เหมือน กับ Peltier ช่วยทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายหายร้อนแรง 8^P
รัก...เหมือน UPS แม้จะเกิดอะไร ใจฉันยังมั่นคงที่จะจ่ายไฟ เพื่อมีเวลา Save หัวใจ
รัก...เหมือน เสียง Modem ตอน Connect ติด ช่างสุขใจเหมือนได้ยินเสียงเธอ
รัก...เหมือน Microsoft Windows XP พร้อมจะพังทลาย(เจ๊ง)โดยไม่มีวี่แววมาก่อน
รัก...เหมือน อาการ Access Violation ไม่ยอมบอกเหตุผล แต่ก็ไม่ยอมให้แก้ตัว
รัก...เหมือน ภาษา Assembly ทำให้เธออย่างยากลำบากทั้งที่ผลที่ได้รับเพียงน้อยนิด
รัก...เหมือน Logitech Mouse คงทน มั่นคง
รัก...เหมือน Light Pen มักจะไม่ลงรอยกันง่ายๆ (ชี้ที่นึง Cursor ไปโผล่อีกที่นึง)
รัก...เหมือน สาย Lan Coaxial ต้องรักษาไว้ให้ดีอย่าให้หลุดลอยไป (โยงออกนอกตึกทีไรฟ้าผ่าทุกที)
รัก...เหมือน Printer CANON เพียงครู่เดียวก็ร้อนแรง (หัวพิมพ์ไหม้)
รัก...เหมือน VR-headgear เมื่อมีเธอเราก็อยู่ในโลกของเราด้วยกันเพียงสองคน...
รัก...เหมือน file corrupted อยู่ดีๆเธอก็เปลี่ยนไป
รัก...เหมือน A)bort R)etry I)gnore only 3 choices จะเลิกจะ
ฝืนหรือจะอยู่แบบซังกะตาย
รัก...เหมือน Your program has perfromed an illegal opertaion
and will be shut down ถ้าทำไม่ถูกใจเธอซักที
รัก...เหมือน Error 404 Objected not found ไขว่คว้าหาตัวตนไม่ได้
รัก...เหมือน Error 403 Access Forbidden ถ้าไม่รู้ password
ของใจเธอก็อย่าหวังซะดีกว่า
รัก...เหมือน Labtop (for Hi-so girls) หมดตัวก่อนที่จะได้มา
รัก...เหมือน 486DX2-66 ฉันคงให้เธอได้เพียงเท่านี้ สักวันเธอคงทิ้งฉัน
ไปหาคนที่ดี กว่า
รัก...เหมือน If....Then....Else เธอชอบสร้างเงื่อนไขในความรักจน
ฉันไม่รู้จะทำเช่นไร
รัก...เหมือน กำหนด Boolean=False ดังเธอปิดใจ ไม่เปิดให้ใครคนใหม่
รัก...เหมือน ดั่งหนังสือ Com แรกๆก็ชื่นชมอยากชิดใกล้สุดท้ายก็เบื่อ
และถูกทอดทิ้ง
รัก...เหมือน สร้าง HomePage.... เมื่อมองภายนอกดูสวยงาม
แต่แฝงไปด้วยภาษา Java ที่ซับซ้อนดั่งหัวใจเธอ...ที่ฉัน
ไม่สามารถมองเห็นหรือเข้าใจ...ส่วนลึก ของหัวใจเธอได้
รัก...เหมือน UnderCostruction!! ปีแล้วปีเล่าเธอก็ยังไม่ยอม
เปลี่ยนแปลง...
รัก...เหมือนกับ Harddisk ถ้าติด Virus (HIV) คงต้อง format
ใหม่ลูกเดียว
รัก...เหมือน กับจอมอนิเตอร์ ทำให้คนตาบอด (สายตาสั้น..ตาเอียง...)
รัก...เหมือน กับ RAM ขาดไฟเลี้ยง ความจำก็ถูกลบ
รัก...เหมือนกับ Software ถ้าจะเอาแบบถูกลิขสิทธิ์
ราคาก็แพงหน่อย (หรือไม่หน่อย)
รัก...เหมือน การกลิ้งเม้าส์ ต่อให้กลิ้งมากขนาดไหน
ก็ไม่เคยออกนอกจอเลย
สุด ท้าย รัก...เหมือนกับ เครื่องคอมพิวเตอร์อัปเกรตไปทีไร
พอเวลาผ่านไปไม่ เคยพอใจเลยสักที
http://www.pantip.com/tech/coffee/topic ... 35709.html
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า