มาแชร์ประสปการณ์ล้มเหลวดีกว่าครับ

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
Anti-Aircraft
Verified User
โพสต์: 807
ผู้ติดตาม: 0

มาแชร์ประสปการณ์ล้มเหลวดีกว่าครับ

โพสต์ที่ 121

โพสต์

moomoo เขียน:ถ้าเล่นมาร์จิ้นหรือกู้เงินมาเล่นห้ามบอกใครครับ เพราะถ้าเกิดวิกฤตคนอื่นจะรู้ครับว่าเราจะโดน Call หรือ force มีหลายคนครับที่ขายหุ้นตัวนี้เพราะกลัวว่าผมจะโดน call หรือ force เค้าเลยขายหุ้นตัวนี้ก่อน
:bow:  :bow:  :bow: กระทู้ดีๆ ข้อคิดดีๆ
ตัวบรรจงเต็มบรรทัด เขียน:SSF เป็นหุ้นวัฏจักรยังไงเหรอครับ  อยากทราบไว้ประดับความรู้
เพราะตอนนี้ก็สนใจหุ้นกลุ่มอาหารอยู่เช่นกัน
ความเห็นของผม
หลายปีที่ผ่านมาคนเลี้ยงกุ้งมีวัฏจักรที่ซ้ำซากคือ เมื่อกุ้งราคาดี เกษตรกรจะแย่งลงกุ้ง รีบลงกุ้ง และลงกุ้งแน่นด้วย ทำให้ได้ผลผลิตสูงราคากุ้งเลยตกต่ำ คนเลี้ยงกุ้งเลยต้องลดต้นทุนแถมลดต้นทุนแบบผิด ก็เกิดโรคง่าย แล้วก็เลิกเลี้ยง เมื่อบางรายเลิกเลี้ยงผลผลิตกุ้งออกมาเลยน้อย คนเลี้ยงกุ้งที่รู้จักปรับปรุงการเลี้ยง ทำให้คนเลี้ยงกุ้งที่ปรับตัวเลี้ยงกุ้งได้ คนเลี้ยงน้อยกุ้งออกมาน้อยราคาก็ดี พอราคาดี คนก็แห่เลี้ยงอีก วนไปวนมาแบบนี้หลายต่อหลายครั้ง ดังนั้นเพื่อความอยู่รอดและมีกำไร เกษตรกรไทยต้องปรับตัวเอง
ที่มา: http://www.shrimpcenter.com/shrimp001499.html

จากข้อความข้างต้น ลองเปลี่ยนคำว่ากุ้งเป็น ข้าว, ยาง, อ้อย หรือสินค้าเกษตรอื่นๆ ก็จะให้ผลที่ใกล้เคียงกันครับ (ในเรื่องของราคาวัตถุดิบ) สำหรับเรื่องของราคาขาย ถ้าขายในรูปที่ใกล้เคียงกับสินค้าต้นน้ำเท่าไรก็จะยิ่งมีอำนาจต่อรองด้านราคาต่ำเท่านั้น (อาทิกุ้งแช่แข็ง ไก่แช่แข็ง) เพราะใครๆ ก็ทำได้ แต่ถึงผลผลิตจะมีการผลิตซับซ้อนหลายขั้นตอนให้มีความห่างจากความผันผวนจากอุปสงค์อุปทานของวัตถุดิบ ก็ยังต้องตอบคำถามอีกว่า ผลผลิตสุดท้ายนั้นเป็น commodity หรือไม่ อาทิเช่น การกลั่นน้ำมันนั้นแม้จะมีกระบวนการที่ซับซ้อนและลงทุนสูง แต่สุดท้ายแล้ว product ที่ได้นั้นมันก็เหมือนๆ กัน เมื่อสินค้าที่ออกมามีหน้าตาเหมือนๆ กัน มันก็จะไปขึ้นอยู่กับอุปสงค์อุปทานในตลาดอีกแห่งอยู่ดี ถ้าอยากลงทุนในกลุ่มเกษตรและ อยากหลีกเลี่ยงความเป็นวัฏจักร สิ่งที่จำเป็นก็คือ อำนาจในการขึ้นราคาสินค้าโดยที่ไม่เสียส่วนแบ่งตลาด

สิ่งที่อันตรายที่สุดก็คือ การซื้อหุ้นวัฏจักร โดยที่ไม่รู้ว่ามันเป็นหุ้นวัฏจักร (ปีเตอร์ลินช์ หรือใครซักคนนี่แหละ)

ผมไม่ขอให้ความเห็นเกี่ยวกับพื้นฐานของ SSF เพราะผมขายด้วยเหตุผลที่ว่า ผมซื้อโดยที่ไม่ได้รู้จักมันอย่างแท้จริงครับ

ความเห็นของเซียนเกี่ยวกับหุ้นวัฏจักร
http://www.thaivi.com/webboard/viewtopi ... sc&start=0
อย่ายอมแพ้
ภาพประจำตัวสมาชิก
TBJTBT
Verified User
โพสต์: 404
ผู้ติดตาม: 0

มาแชร์ประสปการณ์ล้มเหลวดีกว่าครับ

โพสต์ที่ 122

โพสต์

ขอบคุณคุณ Anti-Aircraft มากเลยครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
siebelize
Verified User
โพสต์: 452
ผู้ติดตาม: 0

thank you so much

โพสต์ที่ 123

โพสต์

ขอบคุณสำหรับทุกๆประสบการณ์เฉียดตายที่มาแชร์กันนะครับ
น้อยคนที่จะกล้ามาเสนอตัว โชว์ห่วย กันตรงนี้  ท่ามกลางกระทู้ตามรอยเซียนเต็มไปหมด

สำหรับผมแล้ว ประสบการณ์การเจ๊งเนี่ย มีประโยชน์มากกว่า Success Story หรือว่า Best Practice ที่องค์กรใหญ่ๆชอบจัด Session แล้วเอามาแชร์กัน

เพราะว่า Best Practice เนี่ย  ถึงเราทำตามก็ไม่ได้การันตี ว่าจะได้ผลเลิศอย่างต้นตำรับ
เพราะว่า เขาเอามาแชร์หมดรึเปล่าก็ไม่รู้ หรือว่าที่มันทำแล้วเวิร์คเนี่ย ฟลุ๊กรึเปล่าก็ไม่รู้ หรือว่าเรามีความพร้อมที่จะทำได้อย่างเขารึเปล่าก็ไม่รู้

แต่ประสบการณ์เฉียดตายเนี่ย  การันตีได้เลยครับ ว่าถ้าทำแบบนี้แล้วได้เสียวแน่นอน - เราก็อย่าไปทำมัน ตัดทิ้งวิธีที่ทำให้เจ๊งแน่ๆ ไปหนึ่งวิธี


ช่วงนี้ หันไปทางไหนก็เจอแต่เซียน ในเว็บบอร์ด ในทวีตเตอร์ ในหน้าหนังสือพิมพ์  ทุกคนมีหุ้นเด้งกันหมด

กระทู้แบบนี้ ในช่วงเวลาแบบนี้ ถือว่าเป็นความพิเศษ ที่จะช่วยให้เราไม่หลงทิศทางในช่วงที่ ลมแรงขนาดพาไก่งวงบินได้ อย่างตอนนี้แหละครับ


เสียดายจิงๆ ที่คนตายไม่ได้อ่าน  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:
makkmasunsub
Verified User
โพสต์: 36
ผู้ติดตาม: 0

มาแชร์ประสปการณ์ล้มเหลวดีกว่าครับ

โพสต์ที่ 124

โพสต์

สำหรับผมช่วงลงทุนใหม่ๆเล่นตามmktอย่างเดียวเลยครับ วันนึงเล่นหลายรอบมากๆ และไม่เคยจดบันทึกเงินลงทุนทำให้ช่วงปีแรกไม่ทราบว่าขาดทุนหรือกำไรเท่าไหร่แต่ผมว่าส่วนมากขาดทุน และถ้าเงินขาดก็ใส่เงินเข้าใหม่เรื่อยๆโดยไม่จดบันทึกครับ และขี้เกียจอ่านมากเลยมุ่งเล่นแต่blue chip ทำให้ขาดทุนเป้นส่วนใหญ่ ไม่เคยถือยาวเลย
และแคยถือหุ้นยาวตัวนึงขึ้นไปสูงหลายสิบเปอร์เซ็นเลยแต่ไม่ขายทำให้ปัจจุบันกลับมาขาดทุนหลายเลยครับ ช่วงนั้นเลยสับสนระหว่างการถือยาวกับการขายทันทีเมื่อมีกำไรครับ
แต่ปัจจุบันหลังจากอ่านและศึกษามากขึ้นทำให้เริ่มมีแนวทางมากขึ้นและพอร์ตเริ่มมีกำไรกลับมาแล้วครับ
Onokung
Verified User
โพสต์: 1250
ผู้ติดตาม: 0

มาแชร์ประสปการณ์ล้มเหลวดีกว่าครับ

โพสต์ที่ 125

โพสต์

หมิ่นเหม่ จริงๆ ครับ

สุดยอดหัวใจมาก พี่ moomoo


ตอนเพิ่งเล่นหุ้นผมก็บ่อยๆ คิดเป็นเงินก็ไม่เยอะครับ เพราะ เริ่มแรก

- itv ตอนนั้นน่าจะ 5 บาท ไปขายบาทกว่าๆ
น่าจะปรับโครงสร้างหนี้ น่าจะผ่อนผัน รัฐไม่น่าจะเข้ามาบริหารโทรทัศน์เอง เพราะว่าเคยมีกรณี สถานีเอนเอียงรัฐก่อนหน้าจะมี itv  

- gmmm คลื่นวิทยุ ก็เคยซื้อ 30 กว่าบาทไปขาย สิบกว่าบาท

- egco 100 นึงก็ไปขาย 80 อันนี้เร็วๆนี้ ผิดตั้งแต่ซื้อแล้ว T_T ไม่ได้ดูสัญญาขายไฟละเอียด ๆ ไม่หาข้อมูลดี ๆ
1.ถูกหรือแพง
2.มั่นคงหรือชั่วครู่
3.ขยายตัวหรือหดตัว
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
picatos
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3227
ผู้ติดตาม: 4

มาแชร์ประสปการณ์ล้มเหลวดีกว่าครับ

โพสต์ที่ 126

โพสต์

[quote="Notelio"]...ตัวสุดท้าย คือ svi ซื้อตัวลูกตอนปี 51 กลางปี ตอนนั้นซื้อเพราะ load รายงานการประชุมฟังแนวโน้มผลประกอบการ แล้วก็ดูประวัติการทำกำไรย้อนหลังซึ่งโตทุกไตรมาส แถมราคายังต่ำ BV อีกพอสมควร ตอนนั้นซื้อตัวลูกไป 2 ล้านหุ้น แต่พอเจอ วิกฤต lehman ราคาก็ลงมาเรื่อยๆ ผมก็ซื้อเพิ่มระหว่างทาง ด้วยสมมติฐานว่าหุ้น pe ต่ำกว่า 4 เท่า ยังไงมันก็ลงไม่ได้อีกแล้ว ตอนนั้นซื้อเพิ่มจนมี 4 ล้านหุ้น เงินหมด ราคาไหลลงมา อยู่ .20 บาท ขาดทุน ใน port 2 ล้าน 5 แสนบาท มากที่สุดตั้งแต่เล่นมา หุ้นแม่ตกลงไปจนเหลือ pe 2 เท่า เครียดที่สุดตั้งแต่เล่นมา เพราะไม่รู้จริงๆ ว่าตัวเองคำนวณอะไรผิด ผลประกอบการทุกอย่างก็เป็นไปตามคาด แต่ราคากลับลง
ภาพประจำตัวสมาชิก
picatos
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3227
ผู้ติดตาม: 4

มาแชร์ประสปการณ์ล้มเหลวดีกว่าครับ

โพสต์ที่ 127

โพสต์

นับถือใจของพี่ moomoo จริงๆ เลยครับ ที่สามารถผ่านพ้นช่วงเวลาอย่างนั้นมาได้...

PTL กับผมนี่ก็มีความหลังกันมาเหมือนกัน... ขออนุญาตแชร์ประสบการณ์บ้างนะครับ...

ตอนก่อนเกิดวิกฤตผมถือ PTL อยู่ประมาณ 40% ของพอร์ต ซึ่งถือว่าเป็นตัวหลักในพอร์ตของผมเลยทีเดียว... พอเกิดวิกฤตขึ้น แม้ว่าวิกฤตที่เกิดขึ้นจะรุนแรง แต่เมื่อวิเคราะห์ถึงฐานลูกค้า และผลิตภัณฑ์ของ PTL แล้วผมก็คิดว่า น่าจะได้รับผลกระทบบ้าง แต่ไม่มากนัก ซึ่งก็ชดเชยกับราคาที่ Trade อยู่ที่ P/E ประมาณ 5 เท่าอยู่แล้ว

ระหว่างทาง พอมันลง... ผมก็เชื่อว่ามีคนโดน Call มีคนโดน Force แน่ๆ... ถ้า Short Against Port ไป น่าจะได้กำไร... แต่สุดท้ายผมก็ไม่ได้ทำ เพราะ เชื่อมั่นในแนวทาง VI เลยได้แต่บอกให้เพื่อน Short Against Port จนเพื่อนได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ... ส่วนผมก็ขายตัวอื่นมารับ PTL ไปเรื่อยๆ จากสัดส่วน 40% เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงแถว 3 บาท จนแทบจะถือ PTL ตัวเดียวทั้งพอร์ต โดยที่ยังมีมาร์จิ้นอยู่ด้วย

ปีนั้น ช่วงที่ PTL ลงไป 3 บาท พอร์ตผมติดลบประมาณ 65% กำไรจากการลงทุนที่เคยทำมาทั้งหมด หายวับไปกับขาดทุนทางบัญชีจาก PTL

แต่เชื่อไหม... ที่บ้านผมไม่รู้หรอกว่าผมเจ๊งไปเยอะขนาดไหน ผมยังชิว กินได้นอนหลับอยู่ คิดคล้ายๆ กับพี่ Notellio ในเคส SVI ว่า ที่ราคานั้น P/E 2 เท่ากว่าๆ จะกลัวอะไร ดู ee แล้วคงจะไม่โดน Force Sell แน่ๆ (ซึ่งมาคิดตอนหลังแล้วรู้สึกว่าไม่ค่อยจะถูกต้องสักเท่าไหร่ เพราะ มันอาจจะมีวันที่หุ้น Trade กันที่ P/E น้อยกว่า 1 เท่าก็เป็นไปได้)

อย่างไรก็ตามระหว่างที่ที่หุ้นลง ผมต้องขายหุ้นตัวอื่นทิ้ง เพื่อเพิ่ม ee ไม่ให้โดน Call Margin บ้างเป็นระยะๆ ซึ่งเป็นความเจ็บปวดอย่างหนึ่งของคนใช้ มาร์จิ้นในตลาดขาลง

หลังจากที่ PTL ผ่านจุดต่ำสุด ราคาก็ค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นมาเรื่อยๆ จนมีจุดเสียวอีกจุดหนึ่งประมาณเดือนมีนาคม เมื่อโบรกผมจะเอา PTL ออกจาก Margin List ซึ่งตอนที่โบรกแจ้งผม PTL กำลังจะมีการจ่ายปันผลก้อนใหญ่ ถ้ามีการเอา PTL ออกจาก List นี่ผมคงจะเซ็งมากๆ โชคดีว่าเอาออกหลังจ่ายปันผล แถมราคา PTL ก็ปรับตัวขึ้นมาอยู่ในระดับที่น่าขายไปเข้าตัวอื่น เลยได้ขายลดความเสี่ยงลง

สรุปความรู้ที่ผมได้ในการใช้มาร์จิ้นช่วง Subprime มีดังนี้
1. ไม่ควรเอา ee ที่ได้จากหุ้นที่ขึ้น มาซื้อหุ้นตัวเดิม เพราะ มันเท่ากับคุณซื้อหุ้นที่มี MOS น้อยลง ด้วยแหล่งเงินทุนที่ผิด ซึ่งมันเสี่ยงสูงมากๆ
2. ไม่ควรถือหุ้นตัวนึงเกิน 100% (อย่างตอนที่ผมตีแตก ผมก็ใช้แค่ 100% นะครับ มาร์จิ้นส่วนที่เหลือ ผมเอาไปซื้อหุ้นตัวอื่น)
3. เล่นมาร์จิ้นต้องมี Stop Loss ของคุณเอง (แค่ส่วนของมาร์จิ้นก็พอครับ) (เพราะ คุณคงจะไม่อยากให้โบรกเกอร์เป็นคน Stop ให้คุณมั้งครับ)
4. ความเสี่ยงจากการโดยถอดหุ้นออกจาก Margin List นี่น่ากลัวมากครับ ดังนั้น Stop Loss ของคุณต้องดูเรื่อง สภาพคล่องของหุ้นด้วยครับ ถ้าสภาพคล่องเริ่มลดลงเรื่อยๆ แสดงว่า โบรกของคุณคงจะเล็งๆ จะถอดหุ้นออกจาก List ได้

สุดท้าย... เชื่อเถอะว่า... ถ้าสิ่งที่เลวร้ายมันเกิดได้ มันจะเกิด และอาจเกิดมากกว่าที่คุณคิด ดังนั้น จงมีสติรู้คอยกำกับการกระทำของตัวเองให้ดีนะครับ
blueplanet
Verified User
โพสต์: 1155
ผู้ติดตาม: 0

มาแชร์ประสปการณ์ล้มเหลวดีกว่าครับ

โพสต์ที่ 128

โพสต์

ee คืออะไรครับ
Blueplanet
ภาพประจำตัวสมาชิก
picatos
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3227
ผู้ติดตาม: 4

มาแชร์ประสปการณ์ล้มเหลวดีกว่าครับ

โพสต์ที่ 129

โพสต์

blueplanet เขียน:ee คืออะไรครับ
ee = exess equity
phemstap
Verified User
โพสต์: 1273
ผู้ติดตาม: 0

มาแชร์ประสปการณ์ล้มเหลวดีกว่าครับ

โพสต์ที่ 130

โพสต์

[quote="chatchai"]ประสบการณ์ที่ล้มเหลวของผมก็เยอะเหมือนกัน

UCT บริษัท ยูนิคอร์ด
Notelio
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1018
ผู้ติดตาม: 0

มาแชร์ประสปการณ์ล้มเหลวดีกว่าครับ

โพสต์ที่ 131

โพสต์

[quote="picatos"][quote="Notelio"]...ตัวสุดท้าย คือ svi ซื้อตัวลูกตอนปี 51 กลางปี ตอนนั้นซื้อเพราะ load รายงานการประชุมฟังแนวโน้มผลประกอบการ แล้วก็ดูประวัติการทำกำไรย้อนหลังซึ่งโตทุกไตรมาส แถมราคายังต่ำ BV อีกพอสมควร ตอนนั้นซื้อตัวลูกไป 2 ล้านหุ้น แต่พอเจอ วิกฤต lehman ราคาก็ลงมาเรื่อยๆ ผมก็ซื้อเพิ่มระหว่างทาง ด้วยสมมติฐานว่าหุ้น pe ต่ำกว่า 4 เท่า ยังไงมันก็ลงไม่ได้อีกแล้ว ตอนนั้นซื้อเพิ่มจนมี 4 ล้านหุ้น เงินหมด ราคาไหลลงมา อยู่ .20 บาท ขาดทุน ใน port 2 ล้าน 5 แสนบาท มากที่สุดตั้งแต่เล่นมา หุ้นแม่ตกลงไปจนเหลือ pe 2 เท่า เครียดที่สุดตั้งแต่เล่นมา เพราะไม่รู้จริงๆ ว่าตัวเองคำนวณอะไรผิด ผลประกอบการทุกอย่างก็เป็นไปตามคาด แต่ราคากลับลง
ภาพประจำตัวสมาชิก
yoyoeffect
Verified User
โพสต์: 364
ผู้ติดตาม: 0

มาแชร์ประสปการณ์ล้มเหลวดีกว่าครับ

โพสต์ที่ 132

โพสต์

เคยบาดเจ็บจาก itd เมื่อ 6-7 ปีก่อน ซื้อ-ขายตามที่เซียนคนนั้นบอกเลย จากมีคนบอกว่าตัวนี้จะดีได้ประมูลงาน บริษัทดี มั่นคง เดี๋ยวมันก็กลับมา(ราคา) โชคดีที่ตอนนั้น รายได้ยังไม่เยอะมาก เลยเสียค่าเล่าเรียนแพงพอควร
จากบทเรียนครั้งนั้น.. ได้แง่คิดว่า

ถ้าตัดสินใจเองพลาดเอง ยอมรับความผิดพลาดตัวเอง
ยังรู้สึกดีกว่า ไม่ได้ตัดสินใจด้วยตัวเอง (แต่เงินเราเอง)

ตอนหุ้นขาขึ้น เซียนคนไหนก็เก่ง กันหมดแหละครับ
ตอนขาลง ซิครับ ของจริง..

คนที่รอดจากวิกฤตได้ ครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ธรรมดา ครับ
aiscript
Verified User
โพสต์: 54
ผู้ติดตาม: 0

มาแชร์ประสปการณ์ล้มเหลวดีกว่าครับ

โพสต์ที่ 133

โพสต์

ไม่มีเป็นตัวๆครับ มีแต่ ปีที่คนอื่นๆได้กำไรกันเป็นเท่าๆ ผมทำให้มันขาดทุนได้ 30% - -"
ArtTheOracle
Verified User
โพสต์: 115
ผู้ติดตาม: 0

มาแชร์ประสปการณ์ล้มเหลวดีกว่าครับ

โพสต์ที่ 134

โพสต์

อย่าเสียใจไป

พอร์ตผมก็แดงเหมือนกัน  :D  :D  :D

T_T

(เสียใจอะแหละ คนอื่นเค้าเป็นเด้งกัน พอร์ตเราไม่กระดึ๊บ)
An investment operation is one which, upon thorough analysis, promises safety of principal and an adequate return. Operations not meeting these requirements are speculative
ภาพประจำตัวสมาชิก
บูรพาไม่แพ้
Verified User
โพสต์: 2533
ผู้ติดตาม: 0

มาแชร์ประสปการณ์ล้มเหลวดีกว่าครับ

โพสต์ที่ 135

โพสต์

วัน meeting ผมไม่ว่างเลยครับ..ขอบคุณมากนะครับที่ชวนเสียดายมากเลยครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
kasinbua
Verified User
โพสต์: 167
ผู้ติดตาม: 0

มาแชร์ประสปการณ์ล้มเหลวดีกว่าครับ

โพสต์ที่ 136

โพสต์

วัน meeting วันไหนครับผ่านไปหรือยัง
ภาพประจำตัวสมาชิก
conseto
Verified User
โพสต์: 1172
ผู้ติดตาม: 0

มาแชร์ประสปการณ์ล้มเหลวดีกว่าครับ

โพสต์ที่ 137

โพสต์

ผมเคยซื้อ Banpu ที่ 16 บาท ขายไปแถว 19 บาท ช่วงปี 2000 ดูราคาตอนนี้ซิครับ :cry:
ทำ..เพื่อไม่ต้องทำ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ake3004
Verified User
โพสต์: 502
ผู้ติดตาม: 0

มาแชร์ประสปการณ์ล้มเหลวดีกว่าครับ

โพสต์ที่ 138

โพสต์

ตอนหุ้นขาขึ้น เซียนคนไหนก็เก่ง กันหมดแหละครับ
ตอนขาลง ซิครับ ของจริง..

คนที่รอดจากวิกฤตได้ ครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ธรรมดา ครับ[/quote]


jing kab.I think how to see  เซียนคนไหนเก่ง need to see at least 3-5 years of experience + at least 1 heavy crisis kab.

1-2 year still cannot be judged.
One up on SET
ภาพประจำตัวสมาชิก
boat37564
Verified User
โพสต์: 105
ผู้ติดตาม: 0

มาแชร์ประสปการณ์ล้มเหลวดีกว่าครับ

โพสต์ที่ 139

โพสต์

ผมเริ่มเล่นเมื่อกลางปีที่แล้ว แรกๆมาไม่รู้เป็นไงชอบเทรดมากกำไรนิดๆหน่อยช่วงแรก
พอซักพักมาติด gsteel ที่ 0.50 บ ซื้อปุ๊บหุ้นลงปั๊บ แต่ก็แล้วขายไปที่ 0.50 บ
แต่ไอ้ที่น่าเจ็บใจคือ ใช้เวลาเกือบ 6 เดือนกว่าจะได้ขาย ตอนนี้เลยเขดเลย
จะซื้อตัวใหนที่ต้องดูแล้วดูอีก :D
ภาพประจำตัวสมาชิก
Energy_eak
Verified User
โพสต์: 925
ผู้ติดตาม: 0

มาแชร์ประสปการณ์ล้มเหลวดีกว่าครับ

โพสต์ที่ 140

โพสต์

ขอบคุณ ทุกท่านมากๆครับ
ส่วนตัว...อาจจะไม่เคยโดนหนักแบบหลายๆท่าน เพราะเล่นมาแค่ไม่กี่ปี+ไม่ได้เล่นมาร์จิ้น+ขิกลัว

ขอบคุณอีกครั้ง ช่วยเติมเต็มผมได้เยอะเลย
มะลิ
Verified User
โพสต์: 221
ผู้ติดตาม: 0

มาแชร์ประสปการณ์ล้มเหลวดีกว่าครับ

โพสต์ที่ 141

โพสต์

ขอแฉ ชีวิตบัดซบของตัวเองบ้างนะคะ
ก่อนเข้าตลาด ศึกษาเรื่องการลงทุนมาซะอย่างดี(คิดว่านะ) ซื้อหนังสือการลงทุนมาอ่านเป็นตั้งๆ
ทั้งของ ดร.นิเวศน์ ดร.ภาพร บัฟเฟต ปีเตอร์ ลินซ์ ฯลฯ เรียกว่าหนังสือลงทุนปัจจัยพื้นฐานอ่านมาทั้งนั้น ฟังดูดีใช่มั๊ยคะ หุ หุ
ตอนนั้นมั่นสุดๆ ว่าชีวิตแมงเม่าไม่มีทางเกิดกับเราชัวร์ เลือกแล้วว่าจะเป็นนักลงทุนระยะยาว
ยังไม่ทันได้ลงทุนอะไรซักตัว กาลวิบัติก็มาเยือนซะก่อน มาร์ชวนไปเวิร์ก ช็อป TFEX
อิชั้น ไม่รู้จักเจ้าค่ะ ว่าไอ้ทีเฟ็กซ์นี่มันยังไงกัน ก็เลยคิดว่าไปฟังๆ เค๊าก็ดี  ประดับความรู้
พออบรมเสร็จ ก็คิดในใจ แม่จ้าว!!! ผลตอบแทนจุดละตั้งพันเชียวเรอะ  :shock:
แล้วความโลภก็เข้าครอบงำทุกอณูของจิตใจ จากที่ตั้งใจว่าจะลงทุนแนวVI
การกลับเป็นว่าเข้าตลาดด้วยการเทรด ฟิวเจอร์ อย่างเดียว
เข้าตลาดกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว ตอนนั้นพิษซับ ไพรม ยังแผลงฤทธิ์อยู่ การซ็อต
ทำให้ได้กำไรหลายครั้ง ได้ใจใหญ่เลย
จนกระทั่ง เดือนเมษา ที่มีวิกฤตการเมืองในประเทศเข้ามาซ้อนวิกฤตเศรษฐกิจ
เห็นแบบนั้น ก็มั่นสุดๆ ว่าเซตต้องลงแบบทะรูดทะราดเป็นแน่แท้ จึงช็อตไว้เต็มเหนี่ยว
แต่กลับตรงกันข้าม หุ้นกลับแรลลี่  จนไอ้ที่ช็อตไว้ถูก คอล มาร์จิ้น  :(
แต่มะลิก็ยังปิดหูปิดตาตัวเอง คิดอยู่แต่ว่าเศรษฐกิจมันยังไม่ฟื้นหรอก เดี๋ยวตลาดมันก็ต้องลง ใช่แล้ว เพราะงั้นมันต้องซื้อถัว
หุ หุ ทั้งซื้อถึว ทั้งเติมเงินเข้าไปเพื่มเมื่อถูกคอล มาร์จิ้น ตั้งหลายๆๆๆ ครั้ง
จนทั่งวันที่ตัดสินใจคัท คือวันที่ถือสถานะ ช็อตไว้ 10 สัญญา และขาดทุนสัญญาละ 70 จุด
:'O  :'O :wall:  :wall:
ยังนะ ยังไม่เข็ด ยังคิดจะเอาคืนด้วยการเทรดทีเฟกซ์ต่อ
จนกระทั่งวันนึงมาคิดทบทวนสิ่งที่ตัวเองผิดพลาด แล้วก็ตกใจ
พระเจ้าช่วย !! เรานี่ต่างอะไรกับพวกผีพนัน เสียในบ่อนก็พยายามและเอาคืนจากบ่อน
เพราะหวังว่าจะชนะจ้าวมือได้ซักวัน

ตอนนี้กลับมาซบอกการลงทุนโดยวิเคราะห์จากปัจจัยพื้นฐานอย่างจริงจังตั้งแต่เดือนมกราที่ผ่านมา
นึกย้อนกลับไปก็ขำแบบฝืดๆ ฝืนๆ แต่คุณค่าอย่างนึงของความเจ็บปวดความผิดพลาดคือทำให้คนโตขึ้น
ท่านใดที่ยังไม่เคยเจ็บจาก TFEX ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องไปรู้มันก็ได้นะคะ
เรียนรู้จากความผิดพลาดของคนอื่นได้ ไม่ต้องอยากไปมีประสบการณ์ตรงด้วยตัวเองนะคะ  :)  :)
blueplanet
Verified User
โพสต์: 1155
ผู้ติดตาม: 0

มาแชร์ประสปการณ์ล้มเหลวดีกว่าครับ

โพสต์ที่ 142

โพสต์

ขอบคุณ คำเตือนจากคุณมะลิ
Blueplanet
ภาพประจำตัวสมาชิก
Croyoty
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3617
ผู้ติดตาม: 0

มาแชร์ประสปการณ์ล้มเหลวดีกว่าครับ

โพสต์ที่ 143

โพสต์

ผมมีเพื่อนคนหนึ่งที่ เจ็บปวดจากการ ขาดทุน TFEX โดยสมบูรณ์
(ต่างจากหุ้นซึ่งเป็นการขาดทุนต่อเมื่อขายจริง)

เพื่อนคนนี้เริ่มทำงานมา สามปี เอาเงินเก็บเกือบหมดไปลงTFEX

เงินสลายหายไปกับTFEX 1 ล้านบาทครับ

ฝากไว้ให้ระวัง  

ปล.เพื่อนคนนี้เล่นหุ้นมาก่อนผม ตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษาด้วยกัน
รู้จักตลาดทุนก่อนผม 4-5ปีได้
ภาพประจำตัวสมาชิก
pacabee
Verified User
โพสต์: 380
ผู้ติดตาม: 0

มาแชร์ประสปการณ์ล้มเหลวดีกว่าครับ

โพสต์ที่ 144

โพสต์

ขอถือวิสาสะนำบทความอัััััััััััััััััััััััันหนึ่งของพี่ yoyo มาจาก
http://www.yoyoway.com เผื่อว่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่ายังมีใครไม่ได้อ่าน
ขอบคุณพี่ yoyo ครับที่ช่วยแชร์ประสบการณ์
สำรวจความผิดพลาดของตัวเอง
การวิเคราะห์หุ้นรายตัวนั้นไม่ต้องบอกก็รู้ๆกันอยู่แล้วว่ามีความสำคัญมากแค่ไหนในการลงทุน แต่ผมเชื่อว่าหลายๆคนที่ลงทุนมานานแล้วยังรู้สึกว่าความสามารถในการลงทุนนั้นไม่ได้มีการพัฒนามากเท่าไหร่นัก เพราะอาจจะลืมวิเคราะห์ตัวเองไป

ในแต่ละปีผมจะพยายามตรวจดูว่าตัวเองมีความผิดพลาดในการลงทุนอย่างไรบ้าง เกิดจากอะไร และจะพยายามแก้ไขอย่างไร... ความผิดพลาดที่ผ่านๆมาของผมที่มักจะเกิดขึ้นจนทำให้ผลตอบแทนนั้นลดลงกว่าที่ควรจะเป็น มีคร่าวๆดังนี้

1. ตัดสินใจเร็วจนเกินไป... หลายๆครั้งเมื่อผมเจอหุ้นบางตัวที่ดูแล้วน่าสนใจมากๆ ผมมักจะรีบซื้ออย่างรวดเร็ว เพราะกลัวว่าจะมีคนมาไล่ซื้อก่อนทำให้ผมต้องซื้อหุ้นในราคาแพงขึ้น การตัดสินใจเร็วไปทำให้ผมขาดความรอบคอบ ไม่ได้ศึกษาตัวธุรกิจอย่างดีก่อนที่จะลงทุน

2. ลงทุนนอกกรอบความถนัดของตัวเอง .. ที่ผ่านมาผมมีหุ้นอยู่ 2 ประเภทที่มักจะสร้างกำไรให้ผมได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ ได้แก่หุ้นขนาดเล็กเติบโตเร็ว หรรือหุ้นที่เป็นงานประมูล นักลงทุนแต่ละคนอาจจะมีความถนัดในหุ้นแต่ละประเภทแตกต่างกันไป การลงทุนในกรอบความถนัดของตัวเองนั้นจะทำให้โอกาสขาดทุนลดลง และโอกาสทำกำไรก็มากขึ้น มีหุ้นอยู่ประเภทหนึ่งที่ผมพยายามจะเข้าไปซื้ออยู่หลายรอบ คือหุ้นที่เรียกว่าเป็น Asset play (หุ้นที่มีสินทรัพย์หักด้วยหนี้สิน เยอะว่ามูลค่าหุ้นทั้งบริษัทอยู่มาก) ตลอชีวิตการลงทุนผมผ่านหุ้นประเภทนี้มา 3 ตัว ได้แก่ charan spsu brock
ตัวแรก charan มีเงินสด+เงินลงทุนระยะสั้น-หนี้สินทั้งหมดประมาณ 70-80 บาทต่อหุ้น ในขณะที่หุ้นมีราคา 40 กว่าบาทเท่านั้น ... ผมก็ซื้อไปถือรอไป 2 ปี แล้วก็ขายหุ้นไปในราคาประมาณ 45 พอๆกับราคาที่ซื้อมา แม้จะไม่ได้ขาดทุนอะไร (ได้เงินปันผลมาปีละประมาณ 2-3 บาท) แต่ถ้าเอาเงินไปลงทุนในกลุ่มที่ถนัดผมจะได้ผลตอบแทนสูงกว่านี้มากๆ
spsu เป็นบริษัทที่ทำการตลาดในกับรถซูซูกิ บริษัทมีบ.ร่วมเป็นโรงงานผลิตมอไซด์ซูซูกิ ซึ่งมีมูลค่าทางบัญชีสูงว่าเงินลงทุนที่บันทึกไว้มาก ผมลองเอาเงินสด + มูลค่าบริษัทร่วม - หนี้สินทั้งหมด ได้ประมาณ 12-14 บาทต่อหุ้น ตอนนั้นหุ้นราคาประมาณ 7 บาท... ผมซื้อไว้แล้วรอเวลา .. เมื่อเวลาผ่านไปธุรกิจของ spsu ก็แย่ลงเรื่อยๆ ส่วนแบ่งการตลาดถูกคู่แข่งทั้ง Honda และ Yamaha สุดท้ายผมก็ไปขายหุ้นราคาประมาณ 6 บาท เจ็บตัวอีกแล้ว
brock อันนี้เพิ่งซื้อมาเมื่อต้นปีที่แล้ว... ผมมองมูลค่าที่ดินที่ภูเก็ตของบริษัทซึ่งมีอยู่สูงมาก จากการสอบถามคนรู้จักที่เชี่ยวชาญเรื่องที่ดินที่ภูเก็ตหลายท่าน ผมตีมูลค่าที่ดินของ brock (เฉพาะที่ภูเก็ตเท่านั้น .. จริงๆบริษัทยังมีที่ดินที่อื่นอีกมาก) ได้ประมาณ 3-4 พันล้านบาท ในขณะที่บริษัทนั้นมีเงินสดมากกว่าหนี้สินทั้งหมดของบริษัทซะอีก และบริษัทนั้นซื้อขายกันที่ราคาทั้งบริษัทประมาณ 1000 ล้านบาทเท่านั้นเอง ... ผมก็ซื้อไว้ประมาณ 1 บาทกว่าๆต่อหุ้น... แล้วก็ถืออยู่เกือบปีแล้วก็ขายไปที่ประมาณ 1 บาทกว่าๆต่อหุ้นเช่นกัน
หุ้น Asset Play ไม่ได้มีอะไรผิดครับ มันไม่ใช่ว่าเป็นหุ้นกลุ่มที่ไม่ดี หลายๆบริษัทที่เข้าข่าย Asset play ก็จัดว่าเป็นบริษัทที่ดีที่กำลังรอเวลาจะดีขึ้นมากๆในอนาคต เพียงแต่ผมไม่มีความสามารถพอที่จะคาดการณ์ได้ว่าเมื่อไหร่ สินทรัพย์มหาศาลที่บริษัทเก็บไว้อยู่ จะแสดงมูลค่าของมันออกมาให้เห็นได้ชัดเจนเพียงพอที่จะทำให้นักลงทุนเข้ามาซื้อหุ้นจนทำให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นได้

3. หุ้นที่ผมขาดทุน ส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นที่ผมไม่ได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้บริหาร เพราะการเพียงนั่งอ่านข้อมูลเพียงอย่างเดียวอาจจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทได้พอสมควร แต่ข้อมูลเกี่ยวกับความสามารถของผู้บริหาร หรือข้อมูลเชิงลึกหลายๆอย่างเกี่ยวกับธุรกิจและบริษัทนั้น จะหาได้ยากมากถ้าไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับผู้บริหาร ที่ผ่านมาผมก็ไม่ค่อยจะเข็ดเท่าไหร่.. เพราะผิดข้อนี้ซ้ำๆอยู่หลายรอบ เนื่องจากหุ้นบางตัวเราหาโอกาสได้พูดคุยกับผู้บริหารได้ยาก (จะมีก็เฉพาะงานประชุมผู้ถือหุ้นเท่านั้น) หลายครั้งผมอ่านข้อมูลหุ้น หรือข่าวบางชิ้นก็ทำให้อยากซื้อหุ้นทันที เพราะรู้สึกว่ากว่าจะรอให้ประชุมผู้ถือหุ้นก็คงไม่ทันการณ์ แต่สุดท้ายก็ต้องมาเจ็บตัวเพราะหุ้นพวกนี้เป็นประจำ... ตอนนี้ผมเลยพยายามตั้งกฏขึ้นมาให้ตัวเองว่า "การลงทุนในหุ้นตัวใดตัวหนึ่งอย่างมีนัยสำคัญ (เช่นเกิน 10% ของเงินลงทุน) ผมจะต้องได้คุยกับผู้บริหารก่อนเสมอ"

ยิ่งเราพบจุดอ่อนตัวเองและหาทางแก้ไขจุดอ่อนของเรามากเท่าไหร่ เราก็จะมีฝีมือในการลงทุนที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ผลตอบแทนที่จะได้รับนั้นก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน.... การปรับปรุงตัวเองอยู่เสมอนั้นสำคัญไม่เฉพาะเรื่องของการลงทุนเท่านั้นนะครับ ลองประยุกต์เอาไปใช้กับเรื่องนิสัยส่วนตัว การทำงาน หรือครอบครัว และจะรู้ว่าชีวิตคนเรานั้นสามารถพัฒนาได้ตลอดเวลา และเราก็พร้อมที่จะเป็นนักลงทุนที่มีคุณภาพทั้งในแง่การเงินและการใช้ชีวิตครับ :)
ภาพประจำตัวสมาชิก
simplelife
Verified User
โพสต์: 756
ผู้ติดตาม: 0

มาแชร์ประสปการณ์ล้มเหลวดีกว่าครับ

โพสต์ที่ 145

โพสต์

[quote="มะลิ"]จนกระทั่ง เดือนเมษา ที่มีวิกฤตการเมืองในประเทศเข้ามาซ้อนวิกฤตเศรษฐกิจ
เห็นแบบนั้น ก็มั่นสุดๆ ว่าเซตต้องลงแบบทะรูดทะราดเป็นแน่แท้ จึงช็อตไว้เต็มเหนี่ยว
แต่กลับตรงกันข้าม หุ้นกลับแรลลี่
theseng99
Verified User
โพสต์: 5
ผู้ติดตาม: 0

เสีย 50000 ในอาทิตย์เดียว

โพสต์ที่ 146

โพสต์

ของผมคงหนักสุดแล้ว

เริ่มจากเ่ล่นหุ้นเมื่อต้นเดือน ลองเล่นหุ้นปั่น เหอๆๆ

slc จาก 0.44 ดันตกเหลือ 0.35 ขาดทุน 8000

true ตอนแรกกำไร 4000 ได้ใจ เล่นไป 30000 หุ้น จาก 6.85 ตกเหลือ 5.65 ตัดใจขาย ขาดทุน 25000 ที่เจ็บใจสุดคือมันดันกำลังขึ้นอีก หลังจากขายช่วงเช้า ช่วงบ่ายขึ้นทันที
เหลืออีกหมื่นหุ้นยังไม่ขายกะเก็บไว้รอขึ้นเท่าทุนหรือกำไรหน่อย

การบินไทย ซื้อ 36.25 ดันตก กลัวร่วง เลยขาย 35.25 ขาดทุน 10000

รวมแล้วตอนนี้ขาดทุน 40000 กว่า ในอาทิตย์กว่าๆ

เครียดจับใจ ตอนนี้เลยไม่จับหุ้นปั่นแล้ว มองหุ้น vi แทนถึงตกก็ไม่ร่วงมาก รอได้จนกว่าจะขึ้น
theseng99
Verified User
โพสต์: 5
ผู้ติดตาม: 0

มาแชร์ประสปการณ์ล้มเหลวดีกว่าครับ

โพสต์ที่ 147

โพสต์

แล้วพอการบินไทยขายดันขึ้นจาก 36.25 เป็น 39 อยากจะบ้าตาย
ละอ่อนกาด
Verified User
โพสต์: 49
ผู้ติดตาม: 0

Re: มาแชร์ประสปการณ์ล้มเหลวดีกว่าครับ

โพสต์ที่ 148

โพสต์

บทความและประสพการณ์ดีดีทั้งนั้นครับ แต่ละท่านคือครูอย่างแท้จริง ขอบคุณจากใจครับ
ลูกหิน
Verified User
โพสต์: 1217
ผู้ติดตาม: 0

Re: มาแชร์ประสปการณ์ล้มเหลวดีกว่าครับ

โพสต์ที่ 149

โพสต์

มีเยอะเต็มไปหมดเลยครับ เริ่มซื้อหุ้นครั้งแรกปุ๊บ วันรุ่งขึ้นสุดารัตน์ประกาศไข้หวัดนกเลยครับ ขาดทุนมาตลอดทั้งที่ถึงยาวทั้งหมด และไม่เคยเล่นมาร์จิ้นด้วยนะครับ กว่าจะกลับมาเท่าทุนและกำไรได้นิดหน่อยก็ตอนปี 54 ครับ หลังจากนั้นค่อยมารู้จัก webthaivi ครับ (มัวแต่ทำงานไม่เคยคุยกับใครเลย เหมือนอยู่หลังเขาครับ) เอาที่ผิดพลาดครั้งล่าสุดละกันนะครับ มีผู้ใหญ่แนะนำหุ้นให้ครับ ซึ่งท่านเล่นมาตั้งแต่สมัยเคาะกันดานซื้อขายกัน พอร์ตใหญ่มากครับ ท่านบอกว่าลองดูพื้นฐานเอาเองนะเสี่ยงหน่อยแต่คิดว่ากลับมาได้แน่ เพราะผู้ถือหุ้นใหญ่ใส่เงินเพิ่มทุนทุกคน ซึ่งผู้ใหญ่ท่านนั้นก็เข้าไปซื้อและเตือนว่าให้ดูเองนะ ผมกลับไม่ยอมดูอะไรทั้งสิ้นเนื่องด้วยช่วงนั้นงานผมหนักมากแทบไม่ได้นอนครับ แล้วก็หลับตาซื้อตามไปในราคาที่เพิ่มทุนนะครับ ไม่นานก็มีข่าวออกมาว่า ผู้ถือหุ้นใหญ่เทขายทิ้งทั้งหมด ราคาไหลลงมา แล้วก็ขึ้น sp ไปเลยครับ (งงมากครับว่าเค้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนไปไม่กี่เดือน แล้วก็ยอมขาดขาดทุนเป็นเท่า งงมากๆว่าแล้วใส่เงินเพิ่มทุนทำไม) หมดโอกาสแก้ตัวใดๆทั้งสิ้นครับ ตอนนี้บริษัทเจ้งเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ เสียหายไป 8 หลัก หนักสำหรับผมมากครับ ซึ่งนี่คงเป็นบทเรียนสุดท้ายแล้วครับว่า จะลงทุนอะไรต้องดูเองเท่านั้น ไม่รู้ไม่เข้าใจไม่ว่างก็อย่าเข้าไปซื้อ สุดท้ายนี้ผมก็ยังเคารพนับถือผู้ใหญ่ท่านนั้นอยู่นะครับ แต่ผมจะไม่ซื้ออะไรตามใครอีกแล้วครับ :cry:
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: มาแชร์ประสปการณ์ล้มเหลวดีกว่าครับ

โพสต์ที่ 150

โพสต์

ปกติจะเน้นเลือกหุ้นพื้นฐาน และเราต้องชอบตัวกิจการของหุ้นตัวนั้นๆพอสมควรด้วย
เวลาติดตามและตัดสินใจใดๆ จะแม่นยำกว่าหุ้นที่เราไม่ชอบแต่ต้น

มีอยู่นึงที่ CPF ขึ้นไปถึง 40 กว่า แล้วตกลงมาที่ 36
ด้วยความที่หุ้นตัวนี้เป็นที่นิยมเป็นลงกว้าง
คุณพ่อของลูกก็เลยบอกว่าให้ซื้อไว้สิราคาตกลงมาเยอะแล้วนะ

แต่สำหรับตัวเองไม่เคยสนใจหุ้นลักษณะนี้
เพราะคิดว่ามีปัจจัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุมมากเกินไป
เช่น ราคาเนื้อสัตว์ที่ผันผวน ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ โรคระบาด อัตราแลกเปลี่ยน ฯลฯ

ด้วยความเกรงใจว่าเค้าเป็นคนหาเงินหลักของบ้าน
ก็เลยเลือกหุ้นตามความเห็นของเค้าดูบ้าง
(ช่วงนั้นเค้าพูดบ่อยมากค่ะว่าอยากให้ซื้อ CPF)

ในที่สุดราคาค่อยๆ ลงไปเรื่ิอย ตอนราคา 33 บาท (ทุน ๓๕ กว่า เพราะซื้อถัวตอนลงบ้าง)
เหลือบไปเห็นหุ้นปันผลสูงที่ตัวเองอยากได้และจับตาดูอยู่ราคาตกลงมามาก
เหลือบมาดู CPF ขาดทุนอยู่ 58,000 บาท เลย cut ไปซื้ออีกตัวทันที

ซิ้อเสร็จตัวใหม่ราคาขึ้นเลยเพราะเจอจังหวะถูกจริงทุกวันนี้ยังถืออยู่

ข้อคิด
1. ต้องเลือกหุ้นที่เรามีความสามารถในการวิเคราะห์และต้องชอบในกิจการด้วย อย่าเลือกตามผู้อื่น
2. ในชีวิตการลงทุนการผิดพลาดเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องเจอ ขอให้นำเอาทั้งข้อพลาดของตัวเอง
และของผู้อื่นที่กรุณามาถ่ายทอดข้อผิดพลาดให้ได้ทราบ มาปรับปรุงการลงในของเราอยู่เสมอ
"ผิดเป็นครู" ค่ะ