Dear Economist

[สุมาอี้]

ถ้าผมเอาไปฝากธนาคาร เขาจะมองหน้าด่าบรรพบุรุษผมในใจหรือเปล่าครับ
หรือเวลาผมขึ้นรถเมล์ ผมจ่ายเหรียญห้าสิบสตางค์ไปทั้งหมด เขาจะฟาดผมด้วยกระบอกแท่งยาวๆหรือเปล่า
หรือถ้าผมจะเอาไปซื้อของที่ร้านขายของชำ ร้านสะดวกซื้อ หรือซุปเปอร์มารเก็ต เขาจะขายให้ผมหรือเปล่าครับ

ขอบคุณครับ

ตอบ คุณ HVI

ถูกต้องนะครับ ถ้าเอาออมเงินไว้นอกระบบธนาคาร เงินนั้นจะออกไปจากระบบ ส่วนการใช้บัตรเครดิตมากๆ นั้นไม่มีผลต่อปริมาณเงิน แต่มีผลต่อ Velocity of Money

เอาไปฝากธนาคารได้ครับ เท่าที่ทราบธนาคารจะปฏิเสธแม้แต่ธนบัตรที่ชำรุดก็ไม่ได้ ผมเห็นเจ้าของร้านแผงลอยเอาเหรียญมาฝากธนาคารอยู่บ่อยๆ แต่เคยอ่านเจอให้คู่มือค่าธรรมเนียมของธนาคารกรุงเทพ ว่ามีค่าธรรมเนียมการนับเหรียญด้วยนะครับ

ถ้าใครอยู่ในอเมริกา ไม่ช้าไม่นานก็จะมีเหรียญ 1 เซนต์ (Copper) เต็มไปหมด ขอแนะนำให้ไปใช้ซื้อสแตมป์ที่ตู้ขายสแตมป์ครับ ตู้ขายแสตมป์ USPS เป็นตู้หยอดเหรียญชนิดเดียวที่พบเคยเจอว่ารับเหรียญ 1 เซนต์ ด้วย

ถ้าอยู่ดีๆ ทุกคนเอาเงินในกระปุกกลับเข้ามาในระบบพร้อมกัน ไม่ใช่เรื่องดีหรอกครับ เพราะเราจะพบว่าเงินจะเฟ้อมากกว่าที่เราเคยคิดว่ามันเฟ้ออยู่ ว่ากันว่าธนบัตรสหรัฐอยู่นอกประเทศมากถึง 2 ใน 3 ถ้าวันดีคืนดี คนเหล่านั้นเอามันออกมาจากใต้หมอนพร้อมกัน ดอลล่าร์จะเฟ้อมากทีเดียว

-Economist

[สุมาอี้]

Dear Readers,

ขอถามท่านผู้อ่านทุกท่านกลับบ้างครับ ตอนนี้ซื้อตัวไหนถึงจะวิ่งครับ

                                        ขอบคุณครับ
                                           Economist

[MarginofSafety]

นักเศรษฐศาสตร์และประโยคยอดฮิต

Dear Economist

ผมเคยได้ยินจากนักปราชญ์ท่านหนึ่งพูดถึงคำทักทายสำหรับชนชาติต่างๆนั้นมีที่มา เช่น

คนไทยทักกัน : "ไป (เที่ยว) ไหนมา"
เนื่องจากประเทศไทยอุดมสมบูรณ์ เต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่สวยงาม
และบุคลิกคนไทยชอบการท่องเที่ยว ชอบสนุกสนาน

คนจีนทักกัน : "เจี่ยะ ปุ่ง บ่วย" หรือ กินข้าวหรือยัง
เนื่องจากเมื่อก่อนคนจีนส่วนใหญ่นั้นยากจน
ดังนั้นเรื่องปากเรื่องท้องจึงเป็นเรื่องสำคัญ

คนตะวันตกทักกัน : "How are you?" หรือ สบายดีหรือเปล่า
เนื่องจากแถบตะวันตกมีภัยธรรมชาติมากมาย อากาศก็หนาวเย็น
ต้องมีการเตรียมตัวเพื่อรับมือกับภัยธรรมชาติในบางพื้นที่
จึงมักจะทักกันว่ายังสบายดีอยู่หรือเปล่า

ทีนี้มาถึงสิ่งที่ผมสงสัย
มีคำพูดที่นักเศรษฐศาสตร์มักพูดนั่นก็คือ
"There is no free lunch."
หรือไม่มีใครเลี้ยงข้าวกลางวันคุณฟรีๆหรอก
เขาอาจจะต้องการอะไรบางอย่างจากคุณ
นั่นเป็นมุมมองของนักเศรษฐศาสตร์

แต่ชาวบ้านที่อยู่ชนบทบ้านเรา
ทำไมเวลามีใครเดินผ่านหน้าบ้าน ถ้าเขากำลังกินข้าวอยู่ แม้จะจนแสนจนก็มีคำทักทาย
"มา มา มากินข้าวด้วยกัน"
หรือใครทำแกงหม้อนึง ก็ตักไปให้กันกินทั้งหมู่บ้าน
ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะครับ

นอกจากนี้ยังมีตลกร้ายที่ว่า
นักเศรษฐศาสตร์คือคนที่เอาสิ่งที่ง่ายที่สุดมาทำให้มันซับซ้อนเพื่อที่จะออกมาพูดให้คนไม่รู้เรื่อง
และวันรุ่งขึ้นก็จะออกมาพูดแก้ไขสิ่งที่ตัวเองได้เคยพูดไว้
ผมไม่ได้พูดเองนะครับ ผมได้ยิน Guru ในสาขาอื่นเขาแซวนักเศรษฐศาสตร์  
ท่าน Economist มีความคิดเห็นอย่างไรในทั้งสองประเด็น

ขอบคุณครับ

[por_jai]

ทีนี้มาถึงสิ่งที่ผมสงสัย
มีคำพูดที่นักเศรษฐศาสตร์มักพูดนั่นก็คือ
"There is no free lunch."
หรือไม่มีใครเลี้ยงข้าวกลางวันคุณฟรีๆหรอก
เขาอาจจะต้องการอะไรบางอย่างจากคุณ
นั่นเป็นมุมมองของนักเศรษฐศาสตร์

แต่ชาวบ้านที่อยู่ชนบทบ้านเรา
ทำไมเวลามีใครเดินผ่านหน้าบ้าน ถ้าเขากำลังกินข้าวอยู่ แม้จะจนแสนจนก็มีคำทักทาย
"มา มา มากินข้าวด้วยกัน"
หรือใครทำแกงหม้อนึง ก็ตักไปให้กันกินทั้งหมู่บ้าน
ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะครับ

8) มื้อนี้ต้องใช้สถิติมาอธิบายขรับ
    คือนิสัยของคนหมู่มากนี่มันจะกระจายตัวเป็นนอมัลดิสตริบิวชั่นครับ
    คนต่างจังหวัดที่น้องหวีว่าเนี่ยเขาอยู่ตรงปลายที่กราฟมันเตี้ยๆ
    ส่วนคนทั่วๆไปที่โนฟรีลันช์ เขาจะอยู่ตรงกลางๆcurveที่มันสูงๆ

[สุมาอี้]

[quote="สุมาอี้"][quote="ShexShy"]ขอแจมด้วยคนครับ

Dear Economist

[MarginofSafety]

[quote="ShexShy"]

[NinjaTurtle]

แบบว่าเพือนที่ทำงานผมเขาฝากมาถามอีกทีนะครับ
รบกวนหน่อยนะครับ
Dear Economist

คืองี้นะฮะ วังของชายเนี่ยอยู่แถววงศ์สว่าง เป็นบ้านเจ้าคุณย่านะฮะ เมื่อก่อนหน้านี้ชายก็มีรถรับส่งประจำแต่ตอนหลังเจ้าคุณย่าเสียก็ยกสมบัติให้มูลนิธิหมด ชายเองได้แค่เงินเดือนประจำนิดเดียวเองจะจ้างคนขับรถเองก็กลัวมันว่างจัดอะ คิดสะระตะแล้วไม่คุ้ม เพราะไอ้คนที่แล้วมันว่างมากเพ้อไปฟ้องตำรวจหาว่าชายอะลวนลามมัน (โอ้ยหน้าเหียกอย่างนั้นนะชายกระเดือกไม่ลงหรอกย่ะ) ตอนนี้ชายมาช่วยเพื่อนทำงาน แบบว่าคนรู้จักกันนะก็ช่วยๆกันไป งานแบบว่าการกุศลนะจะได้ไม่ฟุ้งซ่านงะ  ทีนี้เวลาไปทำงานอะนะ มันก็อยู่ในเมือง ชายก็ต้องนั่ง Taxi เพราะชายไม่เคยขับรถเองไปไหนก็ไปไม่ถูก
ค่ารถไปกลับชายตกประมาณ 300/วันเดือนละประมาณ 6000กว่าๆ นิหน่อยสิวๆ แบบว่ายังไม่พอค่าดินเนอร์ของชายมื้อนึงเลย

ทีนี้คุณEconomist ขามันมีปัญหาว่าเวลาชายไปไหนแล้วเพื่อนๆมันบอกว่าชายโลมากที่นั่ง Taxi แถมเวลาหิ้วเด็กไปไหนมาไหนก็ไม่สะดวก มันแนะนำว่าให้ดาวน์รถซักคัน ผ่อนซัก8-9000/เดือน
พอผ่านไปหน่อย4-5ปีก็ เอาไปเทินเอาคันใหม่ออกมาคุ้มกว่า เพราะได้รถเป็นทรัพย์สิน มันบอกว่าถ้าชายนั่งแต่Taxi ก็จะได้ประหยัดตังค์/เดือนแต่ไม่ได้อะไรกลับมาเลย(นอกจากจะได้ Taxi ติดไม้ติดมือกลับมาด้วย  :oops: )

คุณEconomist ขาแนะนำชายหน่อยสิฮะ ว่าระหว่างซื้อรถขับ กับนั่งTaxiทุกวันไปทำงาน อย่างไหนคุ้มกว่ากัน

ขอบคุณนะฮะ
ชายน้อยนิด
ปล. รถเบ้นส์เนี่ยผ่อน8-9000 พอมีเหลือๆไหมฮะ

[สุมาอี้]

[quote="HVI"]นักเศรษฐศาสตร์และประโยคยอดฮิต

Dear Economist

ผมเคยได้ยินจากนักปราชญ์ท่านหนึ่งพูดถึงคำทักทายสำหรับชนชาติต่างๆนั้นมีที่มา เช่น

คนไทยทักกัน : "ไป (เที่ยว) ไหนมา"
เนื่องจากประเทศไทยอุดมสมบูรณ์ เต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่สวยงาม
และบุคลิกคนไทยชอบการท่องเที่ยว ชอบสนุกสนาน

คนจีนทักกัน : "เจี่ยะ ปุ่ง บ่วย" หรือ กินข้าวหรือยัง
เนื่องจากเมื่อก่อนคนจีนส่วนใหญ่นั้นยากจน
ดังนั้นเรื่องปากเรื่องท้องจึงเป็นเรื่องสำคัญ

คนตะวันตกทักกัน : "How are you?" หรือ สบายดีหรือเปล่า
เนื่องจากแถบตะวันตกมีภัยธรรมชาติมากมาย อากาศก็หนาวเย็น
ต้องมีการเตรียมตัวเพื่อรับมือกับภัยธรรมชาติในบางพื้นที่
จึงมักจะทักกันว่ายังสบายดีอยู่หรือเปล่า

ทีนี้มาถึงสิ่งที่ผมสงสัย
มีคำพูดที่นักเศรษฐศาสตร์มักพูดนั่นก็คือ
"There is no free lunch."
หรือไม่มีใครเลี้ยงข้าวกลางวันคุณฟรีๆหรอก
เขาอาจจะต้องการอะไรบางอย่างจากคุณ
นั่นเป็นมุมมองของนักเศรษฐศาสตร์

แต่ชาวบ้านที่อยู่ชนบทบ้านเรา
ทำไมเวลามีใครเดินผ่านหน้าบ้าน ถ้าเขากำลังกินข้าวอยู่ แม้จะจนแสนจนก็มีคำทักทาย
"มา มา มากินข้าวด้วยกัน"
หรือใครทำแกงหม้อนึง ก็ตักไปให้กันกินทั้งหมู่บ้าน
ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะครับ

นอกจากนี้ยังมีตลกร้ายที่ว่า
นักเศรษฐศาสตร์คือคนที่เอาสิ่งที่ง่ายที่สุดมาทำให้มันซับซ้อนเพื่อที่จะออกมาพูดให้คนไม่รู้เรื่อง
และวันรุ่งขึ้นก็จะออกมาพูดแก้ไขสิ่งที่ตัวเองได้เคยพูดไว้
ผมไม่ได้พูดเองนะครับ ผมได้ยิน Guru ในสาขาอื่นเขาแซวนักเศรษฐศาสตร์

[khun_parinya]

อ่านแล้วกลายเป็น "ทำอย่างไรดี แฟนไม่ยอมช่วยทำการบ้าน"
โน่นไป

[MarginofSafety]

เพื่อนรุ่นน้องที่รู้จักคนนึง จบเศรษฐศาสตร์จาก USA เกรดเฉลี่ยเกือบ 4.00
ระหว่างทางที่จะเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าด้วยกัน
เผอิญไปเจอ ลุงคนนึงชาวบ้านๆ แต่งตัวมอซอ ขอทานอยู่ข้างถนน
น้องคนนั้นควักแบงค์ 20 แล้วยื่นให้คุณลุงคนนั้นทันที
(ถ้าเป็นผม ไม่มีทางให้แน่ๆ ถ้าผมเห็นคนประเภทนี้ ผมมักจะคิดว่าเขาน่าจะคิดประกอบอาชีพ
หรือดิ้นรนมากกว่านี้ คนพิการบางคนเขายังดิ้นรนมากกว่าคุณเลย)

ผมถามน้องเขาไปว่า "ทำไมถึงใจดีจัง"
น้องเขาก็เหมือนจะรู้ว่าที่จริงผมอยากถามว่าให้ทำไม เลยตอบว่า
"ผมก็ไม่รู้หรอกว่าเขาเอาไปทำอะไร
แต่อย่างน้อยเงิน 20 บาทเนี่ยเขาก็เอาไปกินข้าวได้มื้อนึงก็ยังดี
เดือนนึงให้ซัก 200 บาท ถือว่าทำบุญ"

ผมฟังแล้วก็ อืมม... รู้สึกว่าคนที่คิดได้แบบนี้คงใจสบาย เขาไม่ได้คิด Maximize ไปซะทุกเรื่อง ทั้งๆที่เขาเรียนเศรษฐศาสตร์

เรื่อง Free Trade ผมพอเข้าใจครับ ว่ามันจะเกิดประโยชน์กับผู้บริโภค
แต่คำว่า Free ในที่นี้ผมไม่มั่นใจว่ามัน Free อย่างในทฤษฎีหรือเปล่า
โดยเฉพาะหากนำมาใช้กับธุรกิจที่ไม่สามารถแข่งขันได้
และผลกระทบในแง่มุมต่างๆ

ผมเลยต้องชั่งน้ำหนักระหว่างผลประโยชน์ของ Consumer และผลกระทบในด้านอื่นๆ
ซึ่งผมคิดว่า ผมยังไม่ได้ข้อสรุปที่ดีพอ ผมเลยไม่เชื่อว่ามันจะดีจริงแต่ผมก็ยังไม่ได้ปฏิเสธว่ามันไม่มีผลดีเลย

[สุมาอี้]

ผมฟังแล้วก็ อืมม... รู้สึกว่าคนที่คิดได้แบบนี้คงใจสบาย เขาไม่ได้คิด Maximize ไปซะทุกเรื่อง ทั้งๆที่เขาเรียนเศรษฐศาสตร์

จริงครับใจเขาคงสบาย แต่คนที่จะลำบากคือเด็กที่จะต้องถูกเตารีดนาบเพิ่มขึ้นอีก หรือนกที่ต้องถูกจับมาให้คนที่ไปไหว้พระปล่อยเอาบุญ

เป็นศรัทธาที่ปราศจากปัญญา

[MarginofSafety]

จริงครับใจเขาคงสบาย แต่คนที่จะลำบากคือเด็กที่จะต้องถูกเตารีดนาบเพิ่มขึ้นอีก หรือนกที่ต้องถูกจับมาให้คนที่ไปไหว้พระปล่อยเอาบุญ

เป็นศรัทธาที่ปราศจากปัญญา

ไม่ใช่เด็กครับ โตแล้ว ไม่ได้พิการ ไม่มีร่องรอยโดนนาบ  (ล้อเล่นๆ)
จริงด้วยครับ... อาจจะเป็นการทำบุญที่ไม่ได้คุณภาพของบุญเท่าที่ควร แต่ผมก็รู้สึกชื่นชมนะ
ขอโทษชายน้อยนิดเพื่อนคุณนินจาเต่าด้วยนะที่ลัดคิว รอหน่อยน๊า... 555

[สุมาอี้]

ไม่รู้ผมพูดแรงไปป่าวนะคุณ HVI ถ้าแรงไปก็ขอโทษด้วย  

เอาเป็นว่า Dear Economist รับตอบเฉพาะพวก Trivial Questions อย่างเดียวดีกว่า อะไรที่คุยแล้วปวดหัว Dear Economist ตอบม่ายเป็นเด้อ

[MarginofSafety]

[quote="สุมาอี้"]ไม่รู้ผมพูดแรงไปป่าวนะคุณ HVI ถ้าแรงไปก็ขอโทษด้วย

[ดร.โหน่ง]

หวัดดีครับท่าน   สบายดีครับ ....ช่วงนี้.....ช่วงอะไรก็ไม่ปกตินะครับ  :shock:  น่าสิ่วน่าขวานยังนี้  ยังไงผมก็ขอกราบ    ภาวนาสิ่งศักสิทธิ์ทั้งหลาย อยากให้ประเทศไทยของผมกลับมามีความสงบสุขดั่งเดิม........วันนี้ไม่รู้ว่าท่าน....จะมีเวลามาตอบคำถามชิวๆ.....ผมหรือปล่าว..... ท่าน.....Economist  เวลาจีบสาวเนี่ย  ชอบแบบไหนครับ  :lol: ............มีเคล็ดลับอะไร..พิเศษๆ..แบบว่าพาไปนั่งเรือ....กินข้าวใต้แสงเทียน.....ตบยุงไป.....แบบเนี่ย...มีมั๊ย ..... :lol:

[por_jai]

[quote="HVI"][quote="สุมาอี้"]ไม่รู้ผมพูดแรงไปป่าวนะคุณ HVI ถ้าแรงไปก็ขอโทษด้วย

[สุมาอี้]

[quote="NinjaTurtle"]แบบว่าเพือนที่ทำงานผมเขาฝากมาถามอีกทีนะครับ
รบกวนหน่อยนะครับ
Dear Economist

คืองี้นะฮะ วังของชายเนี่ยอยู่แถววงศ์สว่าง เป็นบ้านเจ้าคุณย่านะฮะ เมื่อก่อนหน้านี้ชายก็มีรถรับส่งประจำแต่ตอนหลังเจ้าคุณย่าเสียก็ยกสมบัติให้มูลนิธิหมด ชายเองได้แค่เงินเดือนประจำนิดเดียวเองจะจ้างคนขับรถเองก็กลัวมันว่างจัดอะ คิดสะระตะแล้วไม่คุ้ม เพราะไอ้คนที่แล้วมันว่างมากเพ้อไปฟ้องตำรวจหาว่าชายอะลวนลามมัน (โอ้ยหน้าเหียกอย่างนั้นนะชายกระเดือกไม่ลงหรอกย่ะ) ตอนนี้ชายมาช่วยเพื่อนทำงาน แบบว่าคนรู้จักกันนะก็ช่วยๆกันไป งานแบบว่าการกุศลนะจะได้ไม่ฟุ้งซ่านงะ

[kelop]

ขุดกระทู้มาให้อ่านครับ ชอบมากๆ

[kelop]

อยากให้คุณสุมาอี็กลับมา post ใน thaivi อีก