ฟอร์ดทุ่ม2หมื่นล้านยึดไทยฐานผลิต
- คนอุดร
- Verified User
- โพสต์: 3376
- ผู้ติดตาม: 0
ฟอร์ดทุ่ม2หมื่นล้านยึดไทยฐานผลิต
โพสต์ที่ 1
“ฟอร์ด” เดินหน้าแผนลงทุนขยายสายการผลิตรถยนต์ในไทยอีก 2 หมื่นล้านบาทใช้เป็นฐานผลิตป้อนตลาดเอเชีย รองรับความต้องการที่สูงขึ้น
นายเกียรติ สิทธีอมร ประธานผู้แทนการค้าไทย (ทีทีอาร์) เปิดเผยภายหลังนายโจเซฟ อาร์ ไฮนริกส์ ประธานฟอร์ดเอเชีย-แปซิฟิก และแอฟริกา และ รองประธานอาวุโส บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี (ประเทศไทย) จำกัด ได้เข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี วานนี้ (23 มิ.ย.) ว่า ผู้บริหาร ฟอร์ด มอเตอร์ ผู้ผลิตรถยนต์จากสหรัฐ ยังมีความเชื่อมั่นต่อการลงทุนในไทย แม้ว่าจะกังวลต่อปัญหาการเมืองและปัญหามาบตาพุดก็ตาม โดยยืนยันลงทุนตั้งฐานผลิตในไทย เพื่อผลิตรถยนต์แบบใหม่ที่ไม่เคยผลิตมาก่อน
"ฟอร์ด มีความกังวลตามปกติ แต่ก็เข้าใจและประเมินแล้วว่า โอกาสในภูมิภาคนี้มีมากกว่าปัจจัยเสี่ยง ความเชื่อมั่นยังมี เพราะเรามีความพร้อมเรื่องอุตสาหกรรมต่อเนื่องและอุตสาหกรรมสนับสนุน" นายเกียรติ กล่าว
นายเกียรติ กล่าวด้วยว่า ผู้บริหารฟอร์ด เดินทางมาขอบคุณรัฐบาลไทยที่ได้ให้ความร่วมมือกับฟอร์ด เป็นอย่างดี แม้จะมีอุปสรรคในปีที่ผ่านมา ทั้งปัญหาแรงงาน ปัญหามาบตาพุด และปัญหาการเมืองแต่ยืนยันถึงความเชื่อมั่นการลงทุนในไทย ซึ่งจะแถลงรายละเอียดการลงทุนวันนี้ (24 มิ.ย.) เชื่อว่าจะเป็นข่าวดีของประเทศ
เล็งใช้ไทยฐานผลิตรถป้อนตลาดเอเชีย
แหล่งข่าวจาก ทำเนียบรัฐบาล กล่าวว่า นายไฮนริกส์ ยืนยันกับนายกฯ ว่า ฟอร์ดมีความเชื่อมั่นต่อการลงทุนในไทย โดยจะแถลงโครงการลงทุนสายการผลิตรถยนต์ในไทย มูลค่า 2 หมื่นล้านบาท เพื่อผลิตรถยนต์ 2 รุ่น ได้แก่ ฟอร์ดรุ่น FIESTA และ ฟอร์ดรุ่น Ranger ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีในตลาดเมืองไทยรวมทั้งจะใช้ไทยเป็นฐานการผลิตรถ ยนต์เพื่อส่งออกไปตลาดจีน อินเดีย อินโดนีเซีย และอาเซียน ซึ่งเป็นตลาดรถยนต์ที่มีแนวโน้มเติบโตในระดับสูง รวมถึงประเทศอื่นๆ เช่น แอฟริกาใต้ ออสเตรเลีย และบราซิล
"ผู้บริหารฟอร์ด มองว่าแนวโน้มความต้องการรถยนต์ในอนาคตจะเป็นรถยนต์ขนาดเล็ก ประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม "
ส่วนการเดินหน้าลงทุนสายการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้านั้น นายไฮนริกส์ ระบุว่า ขณะนี้การพัฒนาเทคโนโลยีระบบจัดเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ยังพัฒนาได้ล่าช้า ทำให้การเดินหน้าสายการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าต้องรอเวลาไปอีกสักระยะหนึ่ง
นายกฯย้ำจีดีพีไทยปีนี้โต 6%
อย่างไรก็ตาม นายไฮนริกส์ ได้สอบถามถึงสถานการณ์เศรษฐกิจของไทย ซึ่งนายอภิสิทธิ์ยืนยันว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้ น่าจะเติบโตที่ 6% และได้อธิบายถึงเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองและการเคลื่อนไหวทางการเมือง ช่วงที่ผ่านมาว่า รัฐบาลได้เปิดให้พรรคฝ่ายค้านมีการอภิปรายในสภาฯ ซึ่งฟอร์ดไม่ติดใจประเด็นนี้
นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ ยังได้มอบใบรับรองให้แก่นายไฮนริกส์ ในฐานะที่นายไฮนริกส์ เป็นหนึ่งในที่ปรึกษากิตติมศักดิ์เกี่ยวกับการลงทุนของไทย โดยเชื่อว่านโยบายนี้จะส่งผลดีกับไทยหลายมิติ โดยเฉพาะการทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงให้เอกชนในต่างประเทศทราบถึงบรรยากาศ การลงทุนในไทย ไม่ใช่ให้รัฐบาลพูดเองฝ่ายเดียว ซึ่งมีน้ำหนักน้อยกว่าการที่เอกชนกับเอกชนเอง และเป็นที่ปรึกษาให้รัฐบาลได้ทราบถึงทิศทางการลงทุนในอนาคตเพื่อนำมากำหนด นโยบายในประเทศ
ชี้ฟอร์ดเห็นศักยภาพประเทศไทย
นายเกียรติ กล่าวว่า ฟอร์ดมองเห็นศักยภาพของไทยที่จะเป็นฐานการผลิตรถยนต์เพื่อส่งออกไปตลาด เอเชีย เช่น จีนและอาเซียนบวก 6 ซึ่งมีอัตราความต้องการรถยนต์เติบโตสูงต่อเนื่อง ขณะที่ประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐานที่มีความพร้อม แรงงานมีทักษะ ขณะที่ตลอด 20 ปีที่ผ่านมาไทยพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ต่อเนื่องและไม่ใช่แค่ฐานประกอบรถยนต์ โดยมีการผลิตชิ้นส่วนฯตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ 90% เพื่อประกอบรถยนต์ในประเทศ
“ฟอร์ดมองเห็นศักยภาพความต้องการรถยนต์ในตลาดเอเชียที่เติบโตสูงขึ้นทุก ปี และมองว่าไทยเป็นฐานการผลิตที่สำคัญในการส่งออกไปประเทศเอเชีย ส่วนความกังวลเกี่ยวกับการเมืองไทยเป็นเรื่องปกติ ที่เขาต้องกังวล แต่เมื่อเทียบความเสี่ยงทางการเมืองกับโอกาสที่ฟอร์ดจะได้รับแล้ว เขามองว่าโอกาสมีเยอะมาก ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่บินไกลมาไทยเพื่อมาคุยกับรัฐบาล และฟอร์ดได้ให้กำลังใจนายกฯ ว่าขอให้แผนปรองดองฯ ประสบความสำเร็จ”
นายเกียรติ กล่าวว่า นโยบายการลงทุนไทยเกี่ยวกับอุตสาหกรรมรถยนต์ในอนาคตนั้น เป็นเรื่องที่รัฐบาลและเอกชนต้องปรึกษาหารือกันต่อเนื่อง เพราะนโยบายของรัฐบาลมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนการเพิ่มขีดความสามารถในการ แข่งขันของอุตสาหกรรมนี้ เช่น ไทยไม่มีนโยบาย Nation Car ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการลงทุนในอุตสาหกรรมนี้ ขณะที่ปัจจุบันไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก โดยเฉพาะในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้บริษัทรถยนต์ในไทยมีการผลิตและประกอบรถยนต์ได้ 1 ล้านคันแล้ว และคาดว่าในระยะเวลาที่เหลืออีก 7 เดือนนี้ น่าจะมีการผลิตรถยนต์เพิ่มได้อีก 6-7 แสนคัน ซึ่งเป็นอัตราการผลิตรถยนต์ที่เติบโตสูงมาก ส่วนรถยนต์ที่ผลิตได้ส่วนใหญ่จะส่งออกและที่เหลือเป็นการผลิตเพื่อใช้ใน ประเทศ
ตั้งผู้บริหารฟอร์ดเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์
นาง สาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวภายหลังการหารือร่วมระหว่าง นายอภิสิทธิ์ กับนาย ไฮนริกส์ ว่า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ ได้แต่งตั้งให้นายโจเซฟ อาร์ ไฮนริกส์ เป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ด้านการลงทุน (HONORARY INVESTMENT ADVISOR - HIA) ของบีโอไอ เพื่อช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะแหล่งรองรับการลงทุน รวมทั้งให้ความเห็นและคำแนะนำเรื่องยุทธศาสตร์การชักจูงการลงทุนจากประเทศใน แถบอเมริกา และเอเชียแปซิฟิก เนื่องจากเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ความรู้ ความเข้าใจอันดีเกี่ยวกับธุรกิจระหว่างประเทศและการลงทุนในประเทศไทย
นายโจเซฟ อาร์ ไฮนริกส์ ถือเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ด้านการลงทุน คนที่ 8 ของ บีโอไอ ต่อจากนายโยชิฮิสะ ไคนูมะ ประธานกรรมการบริหาร ของบริษัท มินิแบ จำกัด ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ด้านการลงทุน เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ที่ผ่านมา และก่อนหน้านี้ ได้มีผู้บริหารระดับสูงของบริษัทชั้นนำของโลกจากภูมิภาคต่างๆ ได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ด้านการลงทุนของบีโอไอแล้วรวม ทั้งสิ้น 6 ราย
บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ จำกัด เป็นบริษัทผลิตรถยนต์ของสหรัฐรายใหญ่อันดับที่ 5 ของโลก มีฐานการผลิตใน 90 ประเทศทั่วโลก โดยปี 2552 ผลิตรถยนต์ทั่วโลกประมาณ 4.81 ล้านคัน มีการจ้างงานประมาณ 198,000 คน และมียอดขายทั่วโลกประมาณ 118.3 พันล้านดอลลาร์
ฟอร์ดลงทุนผลิตรถในไทยรวม 5 หมื่นล้าน
สำหรับการลง ทุนของบริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ จำกัด ในประเทศไทยที่ผ่านมา มีมูลค่าประมาณ 5 หมื่นล้านบาท เป็นการลงทุนประกอบรถยนต์ ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ และกิจการเพื่อดูแลการดำเนินกิจกรรมของฟอร์ดและบริษัทในเครือได้แก่ 1.บริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับบริษัทมาสด้าของญี่ปุ่น ผลิตรถปิกอัพ และรถยนต์นั่งส่วนบุคคล 2.บริษัท ฟอร์ด โอเปอเรชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกอบกิจการสนับสนุนการค้าและการลงทุน ทำหน้าที่ดูแลและให้การสนับสนุนบริษัทในเครือฟอร์ด 3.บริษัท ฟอร์ด เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด บริหารเรื่องการจำหน่ายรถยนต์ฟอร์ดทั่วประเทศ และดูแลการตลาดทั้งหมดในประเทศไทย 4.บริษัท ฟอร์ด เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด ดำเนินกิจการสำนักงานภูมิภาค เพื่อดูแลและกำกับดูแลการดำเนินกิจการของบริษัทสาขาในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และ แอฟริกา
http://bit.ly/akXEh2
นายเกียรติ สิทธีอมร ประธานผู้แทนการค้าไทย (ทีทีอาร์) เปิดเผยภายหลังนายโจเซฟ อาร์ ไฮนริกส์ ประธานฟอร์ดเอเชีย-แปซิฟิก และแอฟริกา และ รองประธานอาวุโส บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี (ประเทศไทย) จำกัด ได้เข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี วานนี้ (23 มิ.ย.) ว่า ผู้บริหาร ฟอร์ด มอเตอร์ ผู้ผลิตรถยนต์จากสหรัฐ ยังมีความเชื่อมั่นต่อการลงทุนในไทย แม้ว่าจะกังวลต่อปัญหาการเมืองและปัญหามาบตาพุดก็ตาม โดยยืนยันลงทุนตั้งฐานผลิตในไทย เพื่อผลิตรถยนต์แบบใหม่ที่ไม่เคยผลิตมาก่อน
"ฟอร์ด มีความกังวลตามปกติ แต่ก็เข้าใจและประเมินแล้วว่า โอกาสในภูมิภาคนี้มีมากกว่าปัจจัยเสี่ยง ความเชื่อมั่นยังมี เพราะเรามีความพร้อมเรื่องอุตสาหกรรมต่อเนื่องและอุตสาหกรรมสนับสนุน" นายเกียรติ กล่าว
นายเกียรติ กล่าวด้วยว่า ผู้บริหารฟอร์ด เดินทางมาขอบคุณรัฐบาลไทยที่ได้ให้ความร่วมมือกับฟอร์ด เป็นอย่างดี แม้จะมีอุปสรรคในปีที่ผ่านมา ทั้งปัญหาแรงงาน ปัญหามาบตาพุด และปัญหาการเมืองแต่ยืนยันถึงความเชื่อมั่นการลงทุนในไทย ซึ่งจะแถลงรายละเอียดการลงทุนวันนี้ (24 มิ.ย.) เชื่อว่าจะเป็นข่าวดีของประเทศ
เล็งใช้ไทยฐานผลิตรถป้อนตลาดเอเชีย
แหล่งข่าวจาก ทำเนียบรัฐบาล กล่าวว่า นายไฮนริกส์ ยืนยันกับนายกฯ ว่า ฟอร์ดมีความเชื่อมั่นต่อการลงทุนในไทย โดยจะแถลงโครงการลงทุนสายการผลิตรถยนต์ในไทย มูลค่า 2 หมื่นล้านบาท เพื่อผลิตรถยนต์ 2 รุ่น ได้แก่ ฟอร์ดรุ่น FIESTA และ ฟอร์ดรุ่น Ranger ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีในตลาดเมืองไทยรวมทั้งจะใช้ไทยเป็นฐานการผลิตรถ ยนต์เพื่อส่งออกไปตลาดจีน อินเดีย อินโดนีเซีย และอาเซียน ซึ่งเป็นตลาดรถยนต์ที่มีแนวโน้มเติบโตในระดับสูง รวมถึงประเทศอื่นๆ เช่น แอฟริกาใต้ ออสเตรเลีย และบราซิล
"ผู้บริหารฟอร์ด มองว่าแนวโน้มความต้องการรถยนต์ในอนาคตจะเป็นรถยนต์ขนาดเล็ก ประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม "
ส่วนการเดินหน้าลงทุนสายการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้านั้น นายไฮนริกส์ ระบุว่า ขณะนี้การพัฒนาเทคโนโลยีระบบจัดเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ยังพัฒนาได้ล่าช้า ทำให้การเดินหน้าสายการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าต้องรอเวลาไปอีกสักระยะหนึ่ง
นายกฯย้ำจีดีพีไทยปีนี้โต 6%
อย่างไรก็ตาม นายไฮนริกส์ ได้สอบถามถึงสถานการณ์เศรษฐกิจของไทย ซึ่งนายอภิสิทธิ์ยืนยันว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้ น่าจะเติบโตที่ 6% และได้อธิบายถึงเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองและการเคลื่อนไหวทางการเมือง ช่วงที่ผ่านมาว่า รัฐบาลได้เปิดให้พรรคฝ่ายค้านมีการอภิปรายในสภาฯ ซึ่งฟอร์ดไม่ติดใจประเด็นนี้
นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ ยังได้มอบใบรับรองให้แก่นายไฮนริกส์ ในฐานะที่นายไฮนริกส์ เป็นหนึ่งในที่ปรึกษากิตติมศักดิ์เกี่ยวกับการลงทุนของไทย โดยเชื่อว่านโยบายนี้จะส่งผลดีกับไทยหลายมิติ โดยเฉพาะการทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงให้เอกชนในต่างประเทศทราบถึงบรรยากาศ การลงทุนในไทย ไม่ใช่ให้รัฐบาลพูดเองฝ่ายเดียว ซึ่งมีน้ำหนักน้อยกว่าการที่เอกชนกับเอกชนเอง และเป็นที่ปรึกษาให้รัฐบาลได้ทราบถึงทิศทางการลงทุนในอนาคตเพื่อนำมากำหนด นโยบายในประเทศ
ชี้ฟอร์ดเห็นศักยภาพประเทศไทย
นายเกียรติ กล่าวว่า ฟอร์ดมองเห็นศักยภาพของไทยที่จะเป็นฐานการผลิตรถยนต์เพื่อส่งออกไปตลาด เอเชีย เช่น จีนและอาเซียนบวก 6 ซึ่งมีอัตราความต้องการรถยนต์เติบโตสูงต่อเนื่อง ขณะที่ประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐานที่มีความพร้อม แรงงานมีทักษะ ขณะที่ตลอด 20 ปีที่ผ่านมาไทยพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ต่อเนื่องและไม่ใช่แค่ฐานประกอบรถยนต์ โดยมีการผลิตชิ้นส่วนฯตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ 90% เพื่อประกอบรถยนต์ในประเทศ
“ฟอร์ดมองเห็นศักยภาพความต้องการรถยนต์ในตลาดเอเชียที่เติบโตสูงขึ้นทุก ปี และมองว่าไทยเป็นฐานการผลิตที่สำคัญในการส่งออกไปประเทศเอเชีย ส่วนความกังวลเกี่ยวกับการเมืองไทยเป็นเรื่องปกติ ที่เขาต้องกังวล แต่เมื่อเทียบความเสี่ยงทางการเมืองกับโอกาสที่ฟอร์ดจะได้รับแล้ว เขามองว่าโอกาสมีเยอะมาก ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่บินไกลมาไทยเพื่อมาคุยกับรัฐบาล และฟอร์ดได้ให้กำลังใจนายกฯ ว่าขอให้แผนปรองดองฯ ประสบความสำเร็จ”
นายเกียรติ กล่าวว่า นโยบายการลงทุนไทยเกี่ยวกับอุตสาหกรรมรถยนต์ในอนาคตนั้น เป็นเรื่องที่รัฐบาลและเอกชนต้องปรึกษาหารือกันต่อเนื่อง เพราะนโยบายของรัฐบาลมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนการเพิ่มขีดความสามารถในการ แข่งขันของอุตสาหกรรมนี้ เช่น ไทยไม่มีนโยบาย Nation Car ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการลงทุนในอุตสาหกรรมนี้ ขณะที่ปัจจุบันไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก โดยเฉพาะในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้บริษัทรถยนต์ในไทยมีการผลิตและประกอบรถยนต์ได้ 1 ล้านคันแล้ว และคาดว่าในระยะเวลาที่เหลืออีก 7 เดือนนี้ น่าจะมีการผลิตรถยนต์เพิ่มได้อีก 6-7 แสนคัน ซึ่งเป็นอัตราการผลิตรถยนต์ที่เติบโตสูงมาก ส่วนรถยนต์ที่ผลิตได้ส่วนใหญ่จะส่งออกและที่เหลือเป็นการผลิตเพื่อใช้ใน ประเทศ
ตั้งผู้บริหารฟอร์ดเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์
นาง สาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวภายหลังการหารือร่วมระหว่าง นายอภิสิทธิ์ กับนาย ไฮนริกส์ ว่า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ ได้แต่งตั้งให้นายโจเซฟ อาร์ ไฮนริกส์ เป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ด้านการลงทุน (HONORARY INVESTMENT ADVISOR - HIA) ของบีโอไอ เพื่อช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะแหล่งรองรับการลงทุน รวมทั้งให้ความเห็นและคำแนะนำเรื่องยุทธศาสตร์การชักจูงการลงทุนจากประเทศใน แถบอเมริกา และเอเชียแปซิฟิก เนื่องจากเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ความรู้ ความเข้าใจอันดีเกี่ยวกับธุรกิจระหว่างประเทศและการลงทุนในประเทศไทย
นายโจเซฟ อาร์ ไฮนริกส์ ถือเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ด้านการลงทุน คนที่ 8 ของ บีโอไอ ต่อจากนายโยชิฮิสะ ไคนูมะ ประธานกรรมการบริหาร ของบริษัท มินิแบ จำกัด ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ด้านการลงทุน เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ที่ผ่านมา และก่อนหน้านี้ ได้มีผู้บริหารระดับสูงของบริษัทชั้นนำของโลกจากภูมิภาคต่างๆ ได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ด้านการลงทุนของบีโอไอแล้วรวม ทั้งสิ้น 6 ราย
บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ จำกัด เป็นบริษัทผลิตรถยนต์ของสหรัฐรายใหญ่อันดับที่ 5 ของโลก มีฐานการผลิตใน 90 ประเทศทั่วโลก โดยปี 2552 ผลิตรถยนต์ทั่วโลกประมาณ 4.81 ล้านคัน มีการจ้างงานประมาณ 198,000 คน และมียอดขายทั่วโลกประมาณ 118.3 พันล้านดอลลาร์
ฟอร์ดลงทุนผลิตรถในไทยรวม 5 หมื่นล้าน
สำหรับการลง ทุนของบริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ จำกัด ในประเทศไทยที่ผ่านมา มีมูลค่าประมาณ 5 หมื่นล้านบาท เป็นการลงทุนประกอบรถยนต์ ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ และกิจการเพื่อดูแลการดำเนินกิจกรรมของฟอร์ดและบริษัทในเครือได้แก่ 1.บริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับบริษัทมาสด้าของญี่ปุ่น ผลิตรถปิกอัพ และรถยนต์นั่งส่วนบุคคล 2.บริษัท ฟอร์ด โอเปอเรชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกอบกิจการสนับสนุนการค้าและการลงทุน ทำหน้าที่ดูแลและให้การสนับสนุนบริษัทในเครือฟอร์ด 3.บริษัท ฟอร์ด เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด บริหารเรื่องการจำหน่ายรถยนต์ฟอร์ดทั่วประเทศ และดูแลการตลาดทั้งหมดในประเทศไทย 4.บริษัท ฟอร์ด เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด ดำเนินกิจการสำนักงานภูมิภาค เพื่อดูแลและกำกับดูแลการดำเนินกิจการของบริษัทสาขาในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และ แอฟริกา
http://bit.ly/akXEh2
"มันไม่ใช่หุ้นหรอกที่จะทำให้เรารวย แต่สิ่งที่เรารู้เกี่ยวกับหุ้นต่างหากที่จะทำให้เราร่ำรวยได้"
-
- Verified User
- โพสต์: 368
- ผู้ติดตาม: 0
ฟอร์ดทุ่ม2หมื่นล้านยึดไทยฐานผลิต
โพสต์ที่ 8
อ้าว q1 ที่book ไปผมนึกว่า eco car ของ suzukiYONGYEE เขียน: ของ HEMRAJ ครับ Book ไปแล้วตั้งแต่ Q1
- MO101
- Verified User
- โพสต์: 3226
- ผู้ติดตาม: 0
ฟอร์ดทุ่ม2หมื่นล้านยึดไทยฐานผลิต
โพสต์ที่ 10
อาจเป็นเพราะข่าวนี้ทำให้ AH ที่นิ่งๆ วิ่งไปเมื่อวานนี้
- newbie_12
- Verified User
- โพสต์: 2904
- ผู้ติดตาม: 0
ฟอร์ดทุ่ม2หมื่นล้านยึดไทยฐานผลิต
โพสต์ที่ 15
เท่าที่อ่านๆดูในประชาชาติธุรกิจ เหมือนว่าฟอร์ดเพิ่งจะตัดสินใจเลือกเหมราชนะครับ
ในเนื้อข่าวเขียนประมาณว่า ฟอร์ดตัดสินใจเลือกที่นิคมมาบตาพุด แต่เกิดปัญหาขึ้น จึงชะลอโครงการ และเพิ่งไปเจอที่ดินใหม่ ที่เหมาะสมกว่า ซึ่งเป็นของเหมราช จึงตัดสินใจลงทุนที่เหมราช
เท่าที่อ่านมา ประมาณนี้ครับ
ในเนื้อข่าวเขียนประมาณว่า ฟอร์ดตัดสินใจเลือกที่นิคมมาบตาพุด แต่เกิดปัญหาขึ้น จึงชะลอโครงการ และเพิ่งไปเจอที่ดินใหม่ ที่เหมาะสมกว่า ซึ่งเป็นของเหมราช จึงตัดสินใจลงทุนที่เหมราช
เท่าที่อ่านมา ประมาณนี้ครับ
.
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง
----------------------------
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง
----------------------------
- newbie_12
- Verified User
- โพสต์: 2904
- ผู้ติดตาม: 0
ฟอร์ดทุ่ม2หมื่นล้านยึดไทยฐานผลิต
โพสต์ที่ 16
เอามาแปะให้ครับ ท่าทางจะไม่ใช่ book ไปแล้วเมื่อ q1
นายฮินริคส์เปิดเผยว่า ทั้งนี้ฟอร์ด มอเตอร์ ตัดสินใจลงทุนสร้างโรงงานผลิตรถแห่งใหม่ในไทยตั้งแต่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา เบื้องต้นเลือกพื้นที่ก่อสร้างแถบมาบตะพุด แต่ติดปัญหาเรื่องกฎหมายสิ่งแวดล้อม ซึ่งไม่ได้หมายถึงฟอร์ดไม่ผ่านมาตรฐานสิ่งแวดล้อม เพราะโรงงานฟอร์ดเป็นมาตรฐานระดับโลกที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิดเพื่อความยั่งยืน ตลอดจนกระบวนการ และระบบการผลิตที่มีความรับผิดชอบ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
“ปัญหาอยู่ที่กฎหมายเรื่องเขตพื้นที่ของไทยมากกว่า ทำให้แม้โรงงานฟอร์ดจะผ่านมาตรฐานสิ่งแวดล้อม แต่หากอยู่ในเขตพื้นที่มีปัญหาและไม่รู้ว่าจะได้รับอนุมัติเมื่อไหร่ ดังนั้นเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อแผนการดำเนินงาน ฟอร์ดเลยต้องติดสินใจย้ายสถานที่ตั้งโรงงานแห่งใหม่ มายังนิคมอุตสาหกรรมเหมราชทันที จึงไม่ส่งผลต่อแผนการผลิตรถยนต์ของฟอร์ดแต่อย่างใด” นายฮินริคส์กล่าวและว่า
.
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง
----------------------------
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง
----------------------------