ถามผู้รู้ทุกท่านเรื่องเครดิตภาษีหน่อยค่ะ
-
- Verified User
- โพสต์: 308
- ผู้ติดตาม: 0
ถามผู้รู้ทุกท่านเรื่องเครดิตภาษีหน่อยค่ะ
โพสต์ที่ 1
เพื่อนฝากมาถามค่ะ เรื่องมันเป็นอย่างนี้ค่ะ
ทุกๆครั้งของการทำเครดิจภาษีที่ผ่านมา ทำในชื่อของสามีซึ่งเล่นหุ้นอย่างเดียวไม่มีรายได้จากทางอื่น และภรรยาก็ไม่มีรายได้ แต่มาปีนี้ภรรยามีรายได้จากธุรกิจเครือข่ายซึ่งเป็นโบนัสโอนเข้าบัญชีของภรรยาประมาณ หนึ่งแสนหกหมื่นกว่าบาท โดยบริษัทหักภาษีไป 3% ก่อนจะโอนเข้าบัญชีให้
อยากรบกวนถามดังนี้ค่ะ
1 สามีจะทำเครดิตภาษี ซึ่งจะยื่นในเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ โดยเงินปันผลที่ได้รับมาในปี 48 ประมาณ 250,000 กว่าบาท จำเป็นต้องยื่นชื่อภรรยาด้วยหรือไม่เพราะรายได้ที่ภรรยาได้รับ ก็โดนบริษัทเครือข่ายหักภาษีไปแล้ว 3% ก่อนที่จะโอนเป็นยอดสุทธิมาให้ ประมาณ 160,000 กว่าบาท
2 หากต้องยื่นชื่อภรรยาด้วย การเครดิตภาษีครั้งนี้จะได้รับเงินคืนจากสรรพากรประมาณเท่าไหร่คะ (ปันผลที่ได้มาทั้งหมดจ่ายจากกำไรสุทธิของกิจการที่ต้องเสียภาษีเงินได้ อัตราร้อยละ 25 ของกำไรสุทธิ)
3 และหากยื่นเหมือนทุกครั้งคือยื่นแต่ของสามี แต่ไม่ยื่นของภรรยาได้หรือไม่
ขอบคุณมากค่ะ
ทุกๆครั้งของการทำเครดิจภาษีที่ผ่านมา ทำในชื่อของสามีซึ่งเล่นหุ้นอย่างเดียวไม่มีรายได้จากทางอื่น และภรรยาก็ไม่มีรายได้ แต่มาปีนี้ภรรยามีรายได้จากธุรกิจเครือข่ายซึ่งเป็นโบนัสโอนเข้าบัญชีของภรรยาประมาณ หนึ่งแสนหกหมื่นกว่าบาท โดยบริษัทหักภาษีไป 3% ก่อนจะโอนเข้าบัญชีให้
อยากรบกวนถามดังนี้ค่ะ
1 สามีจะทำเครดิตภาษี ซึ่งจะยื่นในเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ โดยเงินปันผลที่ได้รับมาในปี 48 ประมาณ 250,000 กว่าบาท จำเป็นต้องยื่นชื่อภรรยาด้วยหรือไม่เพราะรายได้ที่ภรรยาได้รับ ก็โดนบริษัทเครือข่ายหักภาษีไปแล้ว 3% ก่อนที่จะโอนเป็นยอดสุทธิมาให้ ประมาณ 160,000 กว่าบาท
2 หากต้องยื่นชื่อภรรยาด้วย การเครดิตภาษีครั้งนี้จะได้รับเงินคืนจากสรรพากรประมาณเท่าไหร่คะ (ปันผลที่ได้มาทั้งหมดจ่ายจากกำไรสุทธิของกิจการที่ต้องเสียภาษีเงินได้ อัตราร้อยละ 25 ของกำไรสุทธิ)
3 และหากยื่นเหมือนทุกครั้งคือยื่นแต่ของสามี แต่ไม่ยื่นของภรรยาได้หรือไม่
ขอบคุณมากค่ะ
-
- Verified User
- โพสต์: 593
- ผู้ติดตาม: 0
ถามผู้รู้ทุกท่านเรื่องเครดิตภาษีหน่อยค่ะ
โพสต์ที่ 2
ผมไม่ใช่ผู้รู้นะ แต่พอเลา ๆ อ่านไปพลาง ๆ ก่อนแล้วกัน
ได้เงินมา 160000 หลังหัก ณ ที่จ่ายแล้วนะ
1. ปกติยื่นรวม สามี ภรรยา
2. หรือแยกยื่นเป็นสองชื่อ
3. หรือยืนแต่สามี ภรรยาไม่เคยยื่นครับ
ถ้าเป็นข้อ 3 ก็ง่าย ก็ทำให้เป็นข้อ 2 ซะ
ภรรยายื่นรายได้ 164948 หักไปมาแล้วเหลือภาษีบุคคลที่ต้องจ่ายไม่กี่พัน
ถูกหัก ณ ที่จ่าย เท่ากับจ่ายภาษีไปแล้วก็ประมาณ 4948
เบ็ดเสร็จก็น่าจะพอดี หรือขอคืนได้นิดหน่อย
ส่วนสามีก็เครดิตภาษีตามเดิมครับ
ถ้าเป็นข้อ 1 ก็เพิ่มรายได้เข้าไปจาก 250000 + 164948 ครับ
คิดภาษีปกติ
แล้วก็เครดิตภาษีจาก 250000 + ภาษีหัก ณ ที่จ่ายที่จ่ายไปแล้ว 4948
ถ้าจ่ายเกินก็ขอคืนครับ
ได้เงินมา 160000 หลังหัก ณ ที่จ่ายแล้วนะ
1. ปกติยื่นรวม สามี ภรรยา
2. หรือแยกยื่นเป็นสองชื่อ
3. หรือยืนแต่สามี ภรรยาไม่เคยยื่นครับ
ถ้าเป็นข้อ 3 ก็ง่าย ก็ทำให้เป็นข้อ 2 ซะ
ภรรยายื่นรายได้ 164948 หักไปมาแล้วเหลือภาษีบุคคลที่ต้องจ่ายไม่กี่พัน
ถูกหัก ณ ที่จ่าย เท่ากับจ่ายภาษีไปแล้วก็ประมาณ 4948
เบ็ดเสร็จก็น่าจะพอดี หรือขอคืนได้นิดหน่อย
ส่วนสามีก็เครดิตภาษีตามเดิมครับ
ถ้าเป็นข้อ 1 ก็เพิ่มรายได้เข้าไปจาก 250000 + 164948 ครับ
คิดภาษีปกติ
แล้วก็เครดิตภาษีจาก 250000 + ภาษีหัก ณ ที่จ่ายที่จ่ายไปแล้ว 4948
ถ้าจ่ายเกินก็ขอคืนครับ
ต้องเรียนรู้ให้ได้
Li .. Zhi .. Ren
Li .. Zhi .. Ren
-
- Verified User
- โพสต์: 593
- ผู้ติดตาม: 0
ถามผู้รู้ทุกท่านเรื่องเครดิตภาษีหน่อยค่ะ
โพสต์ที่ 3
ตัวเลขเป๊ะ ๆ ไม่ค่อยได้คิดครับ ลงตัวเลข 160000 กว่า ๆ ให้เป๊ะสิครับ
น่าจะมีคนช่วยคิดให้ได้
รู้แต่ไอ้ที่หัก 3 % เนี่ย ก็มักมาจากค่าบริการ
คนที่ถูกหักต้องยื่นรายได้ด้วยนะ ถ้ารายได้ถึงอัตราทีต้องจ่ายภาษี ไม่ยื่นก็ผิด
เพราะฉะนั้นถ้าเดิมสามีไม่ได้ติ๊กในใบยื่นภาษี่ว่าคิดรวมสามีภรรยา
ก็ยื่นรายได้ของภรรยาปีนี้ก็จบ
ตอบตรงคำถามขึ้นไหมครับ :oops:
น่าจะมีคนช่วยคิดให้ได้
รู้แต่ไอ้ที่หัก 3 % เนี่ย ก็มักมาจากค่าบริการ
คนที่ถูกหักต้องยื่นรายได้ด้วยนะ ถ้ารายได้ถึงอัตราทีต้องจ่ายภาษี ไม่ยื่นก็ผิด
เพราะฉะนั้นถ้าเดิมสามีไม่ได้ติ๊กในใบยื่นภาษี่ว่าคิดรวมสามีภรรยา
ก็ยื่นรายได้ของภรรยาปีนี้ก็จบ
ตอบตรงคำถามขึ้นไหมครับ :oops:
ต้องเรียนรู้ให้ได้
Li .. Zhi .. Ren
Li .. Zhi .. Ren
-
- Verified User
- โพสต์: 145
- ผู้ติดตาม: 0
ถามผู้รู้ทุกท่านเรื่องเครดิตภาษีหน่อยค่ะ
โพสต์ที่ 4
ผมว่าน่าจะแยกต่างคนต่างเสียภาษี น่าจะดีที่สุด
จะได้คืนภาษีทั้ง2คน
ถ้าแยกนะ (ไม่คิดค่าเลี้ยงดูบิดา มารดา บุตร ประกันสังคม)
สามีน่าจะได้คืน 88,000 บาท
ภรรยา น่าจะเข้ารายได้ตามมาตรา40(2) (เดาว่าเค้าหักคุณไว้ 4,978.50 บาท )
น่าจะได้คืน 4,478.50 บาท
เดาล้วนๆ ตามที่เข้าใจ
จะได้คืนภาษีทั้ง2คน
ถ้าแยกนะ (ไม่คิดค่าเลี้ยงดูบิดา มารดา บุตร ประกันสังคม)
สามีน่าจะได้คืน 88,000 บาท
ภรรยา น่าจะเข้ารายได้ตามมาตรา40(2) (เดาว่าเค้าหักคุณไว้ 4,978.50 บาท )
น่าจะได้คืน 4,478.50 บาท
เดาล้วนๆ ตามที่เข้าใจ
- Simply
- Verified User
- โพสต์: 150
- ผู้ติดตาม: 0
ถามผู้รู้ทุกท่านเรื่องเครดิตภาษีหน่อยค่ะ
โพสต์ที่ 5
ตามที่ผมอ่านเจอ เขาเขียนไว้ว่า รายได้ของภรรยาที่นอกเหนือจาก40(1)หรือ40(2)นั้น ต้องแจ้งเป็นรายได้ของสามี ดังนั้นรายได้ของภรรยาจากเงินปันผลหรืออื่นๆต้องรวมเข้ากับสามี ในกรณีเงินปันผลจากหุ้นนั้นถ้าต้องการเครดิตภาษีคืน(เงินปันผลในชื่อภรรยานะครับ) ต้องเอาเงินปันผลในชื่อของภรรยาทั้งหมดมาบอกรับเป็นรายได้รวมกับสามีด้วย คือ อยากเครดิตภาษีคืนก็ได้ แต่ต้องเอาเงินปันผลไปรวมกับเงินได้ของสามี---ให้สามีเสียภาษีแทน กรณีแบบนี้ ถ้าภาษีของสามีเกินขั้น 10 %แล้วจะไม่คุ้ม ยอมให้หัก ณ ที่จ่ายไป 10%ดีกว่า...ผมอ่านมาแล้วเข้าใจแบบนี้
Margin Of Safety+Intrinsic Value+Mr.Market
ขอบคุณอ.เกรแฮมที่ทำให้เกิด Value Investing
ขอบคุณบรรดาเหล่าVIทั้งหลายที่พิสูจน์คุณค่าที่แท้จริงของVI
ขอบคุณท่านดร.นิเวศน์ที่พิสูจน์ให้เห็นว่าVIใช้ได้กับบ้านเรา
ขอบคุณอ.เกรแฮมที่ทำให้เกิด Value Investing
ขอบคุณบรรดาเหล่าVIทั้งหลายที่พิสูจน์คุณค่าที่แท้จริงของVI
ขอบคุณท่านดร.นิเวศน์ที่พิสูจน์ให้เห็นว่าVIใช้ได้กับบ้านเรา
-
- Verified User
- โพสต์: 674
- ผู้ติดตาม: 0
ถามผู้รู้ทุกท่านเรื่องเครดิตภาษีหน่อยค่ะ
โพสต์ที่ 7
ข้อ1.เงินได้ของภริยา 160,000 บาท ต้องดูว่าเป็นเงินได้พึงประเมินประเภท
ไหน กรณีนี้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 3% ผมว่าไม่น่าจะใช่เงินได้พิงประเมิประเภท1
ซึ่งทำให้เงินได้นี้ต้องนำไปรวมกับเงินได้ของสามีในการยืนแบบเสียภาษี
ให้ขอหนังสือรับรองภาษีหัก ณ ที่จ่ายจากบริษัทที่จ่ายให้ ในนั้นจะบอกว่า
เป็นเงินได้ประเภทไหน
ข้อ2 ถ้าสามีไม่มีเงินได้อื่น ๆ เลย ไม่มีประกัน ไม่มีการบริจากเงิน
ไม่มีการซื้อ ltf rmf ไม่มีลูกน่าจะได้คืนประมาณ 80,000 บาท
แต่ถ้ารวมรายได้ของภริยาไปด้วยน่าจะได้น้อยลงไม่เกิน 10,000 บาท
ข้อ3 ยังไงก็ต้องยื่นรายได้ของภรรยาด้วยครับ จะแยกยื่นแบบที่คุณ wizard
บอกได้ก็ต่อเมื่อเงินได้ของภริยาเป็นเงินได้พึงประเมินประเภท 1 เท่านั้น
เพราะกรณีภรรยาแยกยื่นแบบเขาให้ใช้ภงด 91 ซึ่งมันกรอกเงินได้ได้
ประเภทเดียวคือเงินได้ประเภท 1
ไหน กรณีนี้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 3% ผมว่าไม่น่าจะใช่เงินได้พิงประเมิประเภท1
ซึ่งทำให้เงินได้นี้ต้องนำไปรวมกับเงินได้ของสามีในการยืนแบบเสียภาษี
ให้ขอหนังสือรับรองภาษีหัก ณ ที่จ่ายจากบริษัทที่จ่ายให้ ในนั้นจะบอกว่า
เป็นเงินได้ประเภทไหน
ข้อ2 ถ้าสามีไม่มีเงินได้อื่น ๆ เลย ไม่มีประกัน ไม่มีการบริจากเงิน
ไม่มีการซื้อ ltf rmf ไม่มีลูกน่าจะได้คืนประมาณ 80,000 บาท
แต่ถ้ารวมรายได้ของภริยาไปด้วยน่าจะได้น้อยลงไม่เกิน 10,000 บาท
ข้อ3 ยังไงก็ต้องยื่นรายได้ของภรรยาด้วยครับ จะแยกยื่นแบบที่คุณ wizard
บอกได้ก็ต่อเมื่อเงินได้ของภริยาเป็นเงินได้พึงประเมินประเภท 1 เท่านั้น
เพราะกรณีภรรยาแยกยื่นแบบเขาให้ใช้ภงด 91 ซึ่งมันกรอกเงินได้ได้
ประเภทเดียวคือเงินได้ประเภท 1
- MO101
- Verified User
- โพสต์: 3226
- ผู้ติดตาม: 0
ถามผู้รู้ทุกท่านเรื่องเครดิตภาษีหน่อยค่ะ
โพสต์ที่ 8
สรุปว่ารวมนั่นเอง
โดยยื่นสามีคนเดียวแต่เอารายได้ของภรรยามารวมด้วย
ก็จะได้ 250K+160K ได้ 310K บาท
ข้อ 3 มีคนตอบมากแล้ว คือให้ยื่นรวม
ส่วนข้อ 2 ตอบไม่ได้เพราะยังไม่ทราบค่าลดหย่อนครับ ว่ามีเท่าไหร่บ้าง
ถ้าไม่มีอะไรเลยจะได้
มีส่วนที่เสียภาษี 90,000 บาท
ถ้ามีค่าลดหย่อนมากส่วนนี้จะลดลงไป
ลองอ่านข้อมูลปันผลจากข้างล่าง
http://www.thaivi.com/webboard/viewtopi ... highlight=
โดยยื่นสามีคนเดียวแต่เอารายได้ของภรรยามารวมด้วย
ก็จะได้ 250K+160K ได้ 310K บาท
ข้อ 3 มีคนตอบมากแล้ว คือให้ยื่นรวม
ส่วนข้อ 2 ตอบไม่ได้เพราะยังไม่ทราบค่าลดหย่อนครับ ว่ามีเท่าไหร่บ้าง
ถ้าไม่มีอะไรเลยจะได้
มีส่วนที่เสียภาษี 90,000 บาท
ถ้ามีค่าลดหย่อนมากส่วนนี้จะลดลงไป
ลองอ่านข้อมูลปันผลจากข้างล่าง
http://www.thaivi.com/webboard/viewtopi ... highlight=
ถ้าบ.ปันผล 10,000 บาท
1 เราจะถูกหักไว้ 10 %
2 บ. จ่ายภาษี 25% สามารถเครดิดภาษีได้ 1/3
รายได้ของเราจะเป็น 10000 + 3333 เป็น 13333 บาท
ถ้า rate 10% ก็ต้องจ่าย 1333 บาท
แต่ว่าเราจ่ายไปแล้ว 1000 + 3333 = 4333 บาท
เลยได้คืน 3333 บาท รวมเป็นที่จะได้ทั้งหมด 12333 บาท
-
- Verified User
- โพสต์: 79
- ผู้ติดตาม: 0
ผมลอกมาจากกระทู้ในเว็บนี่แหละครับเอาไว้อ่านจำไม่ได้ว่ากระทู้
โพสต์ที่ 9
******ขอถามเรื่องเครดิตภาษีหน่อยครับ
คือผมไม่ได้ทำงานไม่มีรายได้ครับ ก็เลยไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ ผมเล่นหุ้นได้เงินปันผล ผมสามารถเลือกขอเครดิตภาษีได้รึเปล่าครับ
ได้ครับแต่คุณต้องไปขอหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี แล้วยื่นแบบภงด 90 เพื่อเสียภาษี ไม่ยุ่งยากครับ แต่ข้อสำคัญ คุณต้องประเมินว่าคุ้มค่าหรือไม่ เพราะจากนี้ไปคุณต้องยื่นภาษีทุกปี ไม่ว่าคุณมีรายได้หรือไม่ หมายเหตุ คุณจะขอคืนได้ประมาณ 3/7 ของเงินปันผลจากบริษัทที่ เสียภาษีตามปกติ พวกที่ได้รับการยกเว้นภาษี จากกรณีต่างๆจะเคลมไม่ได้ดูได้จากใบรับรองภาษี หักณ.ที่จ่ายที่ส่งมาพร้อมเช็คครับ
*******เอาที่พี่หมอ JFK เคยโพสต์ไว้มาให้อ่านครับ
พูดถึงเรื่องเล่นหุ้นเอาเงินปันผล เซียนหุ้นทั้งหลาย อาจจะร้องยี้ ไม่มัน เสียเวลา และ ไม่คุ้มกับการลงทุนที่ต้องถือนานๆๆ แถมยังต้องถูกหักภาษี ณ.ที่จ่ายอีก 10 % ได้รับจริง แค่ 90% ไม่คุ้ม แถมหุ้นที่ปันผลมากๆ ก้อมักจะมีสภาพคล่องน้อยซื้อมาแล้ว มักจะแถมกาวตราช้างมาให้ ซื้อแล้วติดมือ แกะไม่ออก แต่ ที่จะมาชวน นี่ไม่ได้ให้เก็บหุ้น เพื่อ หวังผลตอบแทนจากเงินปันผล อย่างเดียว แต่เพื่อรับ เงิน เครดิตภาษี จาก เงินปันผล นั้น ด้วยครับ เม็ดเงินตรงนี้ไม่น้อย นะครับ ขนาดผม ลงทุนธรรมดา ไม่ได้เน้นกลยุทธนี้ โดยเฉพาะ เงินภาษี แทนที่จะต้องจ่ายเพิ่มปีละ ห้าหกหมื่น กลับกลายเป็นว่า ได้รับคืน ปีละ สองสามแสนบาท ไม่น้อยเหมือนกันนะครับ
กลยุทธการล่าเงินปันผลนี่ ไม่ยากครับ ดูเลือกหุ้น ที่จ่ายปันผล ในอัตรา ที่สูงพอสมควรและมีสภาพคล่องพอสมควร และซื้อตัวละไม่มาก(เพื่อจะได้ซื้อและขายได้ง่าย) โดยซื้อก่อนวันขึ้น XD ประมาณ 1-2 วัน เพื่อให้ได้รับสิทธิ รับเงินปันผล แล้วขายออกในวันที่ขึ้น XD แล้ว ซึ่งหุ้นนั้นจะมีราคาลดลง มาพอๆ กับเงินปันผล หรือ อาจจะมา ลดลงมาน้อยกว่าเงินปันผลประมาณ 10 % เนื่องจากบางคนคิด หักภาษีณ.ที่จ่ายด้วย) แต่ถ้าช่วงไหน ตลาดวูบวาบมากก้อควรงดสะสมเงินปันผล เพราะว่าราคาอาจจะแกว่งมาก เกินไป ซึ่งไม่ใช่วัตถุประสงค์ของเรา เรามีเวลาในการล่าปันผลทั้งปี และ ไม่ต้องใช้เงินก้อนใหญ่มาก เพราะว่าซื้อแล้วก้อขาย ในอีก ไม่กี่วันถัดมา เงินไม่จม หมุนไปได้เรื่อยๆ (ยกเว้นส่วนที่หายไป จากราคาที่ลดไปกับปันผล แต่เราจะได้รับเป็นเงินปันผล คืนมาภายในประมาณ เดือนกว่าถัดมา) ตามระเบียบของกรมสรรพกร เงินปันผล ที่ได้มาจากการ ลงทุนในหุ้นของบริษัทจำกัด ที่จดทะเบียนในประเทศไทย (ไม่นับพวกกองทุน และบริษัท ที่ได้รับการยกเว้นภาษี เช่นได้รับ BOI ) สามารถเครดิตภาษี(ขอคืนภาษีได้ 3/7(42.8%) ของยอดเงินปันผลทั้งหมด) เข้าใจว่า เนื่องจาก เจตนารมย์ของกฎหมายไม่อยากให้มีการเก็บภาษีซ้ำซ้อน เนื่องจาก บริษัทนั้นได้ ชำระภาษีเงืนได้ นิติบุคคล จากเงินได้สุทธิมาก่อนแล้ว ก่อนจะเอามาแบ่งให้ผู้ถือหุ้น ซึ่งเป็นเจ้าของในรูปเงินปันผล
จะเห็นว่าตัวเลข ตรงนั้นไม่น้อยเลย นะครับ ทีนี้มาดูวิธีการคำนวนภาษี ใครรู้แล้วก้ออ่านข้ามไป นะครับ จะไม่พูดถึงค่าลดหย่อนอะไร นะครับ จะเอาแต่เงินได้สุทธิ ก่อนที่จะคิดภาษีแล้ว มาคิดกับ เงินปันผล ของเรา น่ะ
อัตราภาษีเงินได้ส่วนบุคคล เป็นอัตราก้าวหน้า ครับ คิดจาก เงินได้สุทธิหลังหักค่าลดหย่อน ทุกอย่างแล้ว นะครับ เสียในอัตราดังต่อไปนี้
1-100,000 เสีย 5 % สูงสุดในขั้น = 5,000 (ปัจจุบัน รู้สึกว่า ห้าหมื่นแรก นี่ไม่ต้องเสียภาษี ครับ ได้รับยกเว้นจากมติคณะรัฐมนตรี เมื่อไม่กี่เดือนมานี้ เอง)
100,001-500,000 ส่วนนี้เสีย 10% สูงสุดในขั้น = 40,000
500,001-1,000,000 ส่วนนี้เสีย 20% สูงสุดในขั้น = 100,000
1,000,001-4,000,000 ส่วนนี้เสีย 30% สูงสุดในขั้น = 900,000
มากกว่า สี่ล้าน เสีย 37%
สมมุติว่าคุณมีรายได้ หลังหักค่าลดหย่อน ต่างๆ ทุกอย่างแล้วเหลือรายได้ ที่ต้องใข้คิดคำนวนภาษี 200,000 บาท ซึ่งจะต้องชำระภาษี ในอัตรา 5000+10,000 = เสียภาษีเงินได้ 15,000 บาท
ถ้าเราไป ล่าเงินปันผล ของบริษัทต่างๆ มาได้ ซัก 1,400,000 บาท เราจะถูกหัก ภาษีณ.ที่จ่ายไป 10% หรือ 140,000 บาท ทำให้ได้รับจริง มาแค่ 1,260,000 บาท (ดูเหมือนขาดทุนตรงนี้ ไป 140,000บาท)
เงินปันผลนี้เราสามารถนำมาเป็นเครดิตภาษีคืนได้ 3/7 หรือ กรณีนี้ คือ 600,000 บาท ซึ่งเงินจำนวนนี้ จะถือเป็น รายได้ด้วย ต้องนำไปรวมกับเงินปันผล แล้วนำไปคิดรวมกับ เงินได้สุทธิเก่า ของเรา นำมาเป็นเงินได้ คำนวนเป็นภาษีที่ต้องเสีย
เพราะฉะนั้น เงินได้สุทธิ ใหม่ของเรา จะเป็น 200,000 + 1,400,000(ปันผล) +600,000(เครดิตภาษี) รวมเป็นเงินได้สุทธิ 2,200,000 บาท ซึ่งคำนวนภาษีที่ต้องชำระตามตารางได้ 5,000+40,000+100,000+(1,200,000X30%) = 505,000 บาท ครับ
แต่ภาษีที่หักณ ที่จ่าย (140,000) + กับเครดิตภาษี (600,000 ) = เราจ่ายภาษีไว้แล้ว 740,000 บาท
เพราะฉะนั้น ภาษี ที่ชำระเกินและขอคืนภาษี ได้ = 740,000-505,000 บาท = 235,000 บาท
แทนที่จะต้อง จ่ายภาษี 15,000 แต่กลับกลายเป็นรับเงินภาษีคืนมา 235,000 รวมเป็นเงินที่ได้มา = 250,000 บาท
จะเห็นว่าถ้ามีรายได้คำนวนภาษีเกินล้านมาแล้ว นี่จะได้ ประโยชน์น้อยลง ครับ เพราะว่า อัตราภาษีส่วนนี้สูงถึง สามสิบเปอร์เซนต์ ยิ่งถ้า เกินสี่ล้านแล้ว นี่ยิ่งแทบไม่ได้ประโยชน์เลย เพราะว่า อัตราภาษีที่เสีย 37 % เกือบเท่า กับ เครดิตภาษีที่ได้แล้วครับ
กลยุทธอีกอย่างในการลด ฐานภาษี ก้อคือ แบ่งซื้อหุ้นในชื่อ น้อง หรือ พี่ หรือ แม่ หรือ พ่อ ที่ไม่มีคู่สมรส ที่คิดรวมภาษี จะทำให้ฐานภาษีต่ำ ลง เช่น สี่ล้านแบ่งออกไป สี่คน คนละล้าน แทนทีจะเสียภาษี 30% ก้อมาเสียแค่ ไม่เกิน 20 % ครับ ทำให้เหลือเม็ดเงินได้มากขึ้น แต่ภรรยานี่ไม่ได้ครับ เพราะว่าเงินได้ส่วนนี้(นอกจากเงินเดือนประจำ) ต้องเอามารวมคำนวนภาษีด้วยกันอยู่ดี ครับ
จากตัวอย่างข้างบน ถ้าเอา ไปแบ่งให้ อีกสี่คนเพื่อให้เหลือภาษีสุทธิในการคำนวน ภาษีคนละประมาณ ไม่เกิน ห้าแสนบาท จะเสียภาษีที่ฐาน ไม่เกิน 10% ทำ ให้เสียภาษีไม่เกิน 220,000 หรือ รับภาษีคืน ถึง ประมาณ ห้าแสนกว่าบาท ครับ
สรุปอีกครั้ง นะครับ คนที่เหมาะกับการสะสม เงินปันผลเพื่อรับ เครดิตภาษี นี่ควรจะมีคุณสมบัติดังนี้
1 มีความรู้ เรื่องหุ้น พอสมควร(ให้รู้จังหวะซ้อ ขาย บ้างพอควร)
2. ไม่ควรมีรายได้ประจำ ที่ มีเงินได้ที่จะต้องคำนวนภาษีเกิน สี่ ล้านบาท(จะเสียภาษีในอัตราที่สูง จนเกือบเท่า เงินเครดิตภาษี)
3 ยอดเงินเครดีต ภาษี ถ้ามาก แบ่งซื้อในชื่อ พี่ น้อง และญาติ ที่ไว้ใจได้เพื่อลด ฐานภาษี ลง จะช่วยให้ได้รับผลประโยชน์ตรงนี้มากขึ้น
4 ประเด็นสำคัญ ที่สุด คือ คนที่จะ ขอเครดิตภาษี ห้าม หนีภาษี จากทางอื่นนะครับ จะเจ็บตัวถ้าเค้าตรวจพบ อันนี้สำหรับคน บริสุทธิ์ ทางด้านภาษีเท่านั้น ที่จะทำได้
น่าสนใจมั้ยครับ สำหรับคนอยู่ ว่าง กับ เงินก้อนนี้ ปีละ หลายแสนบาท(ยิ่งถ้ามีญาติที่ว่างๆเยอะ ยิ่งดี ครับ) และขอยืนยันว่านี่คือวิธีที่ถูกกฎหมาย และ ทำตามกฎหมายทุกประการ ครับ
จากคุณ : -=Jfk=- - [29 เม.ย. 45 12:28:47]
พี่เห็นคำถาม ของ น้อง สุรชาติ ตั้งแต่เช้าแล้วครับ แต่เนื่องจาก พี่ต้องไป หาดใหญ่ ไปทำเรื่องให้ KK แจ้งให้ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ นำเช็คเงินปันผลเข้าบัญชีธนาคารให้ ประกอบกับต้อง อธิบายกันยาวหน่อย เลยต้องมาตอบให้ตอนค่ำ ครับ หวังว่าคงไม่นานเกินรอ นะครับ
ตัวอย่าง ภ.ง.ด. 90 สมมุติ ผัวกินเงินเดือน เมียเป็น นายหน้าประกันชีวิต
ข้อ 1 มาตรา 40 (1) (2)
1. มาตรา 40 (1) เงินเดือน 300,000 (มีหัก ณ ที่ จ่าย 3%= 6,000 ยังไม่ต้องกรอก)
2.มาตรา 40 (2) สมมุติว่าเมียมีรายได้จากค่านายหน้าประกันชีวิต 100,000 (มีหัก ณ ที่ จ่าย 6%= 6,000 ยังไม่ต้องกรอก)
3. ถ้ามีเงิน สะสมก็นำมาหัก ในที่นี้สมมุติว่าไม่มี
4. คงเหลือ (1+2-3) 400,000
5. หักค่าใช้จ่าย 60,000
6. คงเหลือ (4.-5.) ยกไปรวมใน ข้อ 10 1. 340,000
ข้อ 2 มาตรา 40 (3) ไม่มีเงินได้
ข้อ 3 มาตรา 40 (4)
1. ดอกเบี้ย
2. เงินปันผลกองทุน
3. เงินปันผลจากบริษัทต่างประเทศ
4. เงินปันผลจาก บริษัท สมมุติ 100,000 (มีหัก ณ ที่ จ่าย 10%= 10,000 ยังไม่ต้องกรอก)
5. เครดิติภาษี 100,000x 3/7 = 42,857.142
6. อื่นๆ
รวม (1. ถึง 6.) ยกไปรวมใน ข้อ 10 1. 142,857.142
สมมุติ รายได้ตามมาตราอื่นไม่มีแล้ว ก็ไป ข้อ 9 เลย
ข้อ 9 รายการลดหย่อนและยกเว้นหลังหักค่าใช้จ่าย
1. ผู้มีเงินได้ 30,000
2. คู่สมรสคำนวณรวม 30,000
3. บุตร 17,000
4. เบี้ยประกันชีวิตสมมุติ 100,000
ใช้ให้เต็มสิทธิเลยครับ ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป ผู้มีเงินได้สามารถหักเบี้ยประกันชีวิตได้ถึง 50,000 ต่อ คน ถ้า เพื่อนๆ คนใด อยากให้ เมียของผม ซึ่งเป็นหัวหน้าภาคเพชรไพศาล ตัวแทนประกันชีวิต บมจ. อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี. ประกันชีวิต
ดูแล จดหมายรักฉบับสุดท้ายที่จะมอบให้แด่คนที่ท่านรัก เพื่อบอก เธอหรือเขา ว่า คุณรัก เธอหรือเขา ตราบวันสุดท้ายที่คุณไม่อาจเอ่ยคำว่ารักได้ด้วยตัวคุณเอง เมียของผมเขา ยินดีเป็นผู้รับใช้ ส่ง จดหมายรักฉบับสุดท้ายให้แด่คนที่คุณรัก ด้วยความขอบพระคุณยิ่ง มา ณ ที่นี้ ครับ
5. เงินสะสมสำรองเลี้ยงชีพ
6. ค่าซื้อหน่วยลงทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ
7. ค่าซื้ออาคารอยู่อาศัย
8. เงินสมทบ
9. รวม (1. ถึง 8.) ยกไปรวมใน ข้อ 10 2. 177,000
ข้อ 10 การคำนวณภาษี
1. เงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย (รวมยอดข้อ 1 ถึง ข้อ 7) = 340,000+142,857.142 = 482,857.142
2. หักค่าลดหย่อน (ยกมาจาก ข้อ 9 9.) 177,000
3. คงเหลือ (1. 2.) = 482,857.142-177,000 = 305,857.142
4. หักบริจาค (เฉพาะที่นำมาหักได้ถ้ามี) สมมุติ 10,000
5. เงินได้สุทธิ 305,857.142-10,000 = 295,857.142
6. คำนวณภาษีจากเงินได้สุทธิ ตาม 5. = 2,500 + 195,857.142 x 0.1 = 22,085.714
7. ภาษีคำนวณจากเงินได้พึ่งประเมิน ตั้งแต่ 60,000 บาทขึ้นไป คือร้อยละ 0.5 ของรายได้ก่อนหักค่าใช้จ่ายตาม ข้อ 1 ถึง ข้อ 7 (ไม่รวมเงินได้ตามมาตรา 40 (1) จากเงินเดือน) = (100,000 + 142,857.142) x0.005 = 242,857.142 x 0.005 = 1,214.2857
8. ภาษีที่ต้องชำระ (จำนวนที่มากกว่าระหว่าง 6. กับ 7.) 22,085.714
9. หัก ภาษีหัก ณ ที่จ่าย และเครดิตภาษี 6,000(จากเงินเดือน)+6,000(จากค่านายหน้า)+10,000(หัก ณ ที่จ่ายเงินปันผล)+ 42,857.142(เครดิตภาษีนิติบุคคลเงินปันผล) = 64,857.142
ภาษีเงินได้ที่ชำระไว้ตามแบบ ภ.ง.ด. 93 และ ภ.ง.ด. 94 (ภาษีเงินได้ แจ้งกลางปีเฉพาะอาชีพอิสระ อย่าง แพทย์ หรือ วิศวกร ทนายความ ต้องแจ้งเสียภาษีกลางปี ผู้กินเงินเดือนไม่ต้อง)
10. ภาษี ที่ชำระเกิน = 64,857.142 22,085.714 = 42,771.428
11. ภาษี ที่ชำระเกินหรือขาด (ยกมาจาก ข้อ 8 (ถ้ามี))
12. รวมภาษีที่ ผู้มีเงินได้ ชำระเกิน = 42,771.428
13. นำภาษีส่วนเกินที่อีกฝ่ายชำระขาดเกิน มาลบกัน (เฉพาะแยกยื่น) ตอนนี้เรายื่นรวม (ผ่าน)
14. คงเหลือภาษีที่ชำระเกิน 42,771.428
(ต้องรวบรวมหลักฐาน การหักภาษี ณ ที่ จ่าย ,ใบเสร็จเบี้ยประกันชีวิต , บัตรประชาชน ,สำเนาทะเบียนบ้าน ,ใบสมรส,สุติบัตรลูก ไปให้ครบ )
15. ถึง 22. ก็ไม่มีอะไรแล้ว คงเข้าใจแล้ว นะ ครับ
อธิบายตามที่ผมเข้าใจได้แบบนี้ครับ
บริษัททำกำไรหลังหักภาษีได้ 1,000,000 บาท (สมมติเสียภาษี 30%) แล้วนำเอากำไรมาจ่ายเงินปันผล
สมมติเราได้ปันผล 100 บาท บริษัทต้องเสียภาษีณ.ที่จ่ายอีก 10% เราก็จะได้เงินสุทธิ 90 บาท (เงินนี้เสียภาษีไปแล้ว 30%)
เงินปันผล 100 ถูกจ่ายภาษี ซ้ำซ้อน รัฐเลยจะคืนภาษีให้ในส่วน 30%
ดังนั้นเวลาเราคิดภาษี คือ ...
(1) เงินปันผล 100 บาท
(2) ภาษีหักไว้แล้วคือ
(2.1) ภาษีหักณ.ที่จ่าย 10% = 10 บาท
(2.2) ภาษีการค้า 30% = 100 x ((100-30)/30) = 100 x (3/7)
(3) เงินได้ที่ต้องนำมาคิดภาษีคือ (1) + (2.2) + เงินได้อื่นๆ [(2.2) นำกลับมารวมอีกเพราะยอดนี้เราจะขอเอามาเสียภาษีในอัตราของเราเอง ]
(4) คำนวนภาษีที่ต้องเสีย จาก (3) ตามอัตราที่เราต้องเสีย
(5) ถ้า (3) มากกว่า (2) เราก็ได้คืน
หมายเหตุ ...
A. เห็นว่า 3/7 ไม่ใช่อัตราที่ใช้ได้กับทุกบริษัท ให้ใช้สูตร (100-n)/n เมื่อ n=ภาษีการค้าของบริษัท
B. เงินทุนการศึกษาไม่น่าถือเป็นรายได้
ขอถามอีกหน่อยครับ
บริษัทที่ได้รับการส่งเสริมจาก BOI ไม่สามารถขอเครดิตภาษีได้ใช่ไหมครับ ?
ขึ้นอยู่กับว่าบริษัทจ่ายเงินปันผลจากส่วนใดครับ...หากเป็นเงินจาก
ิboi ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล > เครดิตไม่ได้
boi ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 50 % (่จ่าย 15%) > เครดิตได้ 15/85
ไม่ได้ิ boi > เครดิตได้ปกติ
เนื่องแต่ละบริษัทอาจจะมีหลายโรงงาน แผนก ซึ่งสามารถแยกขอ boi ได้ ดังนั้นการจ่ายปันผล ขึ้นอยู่กับว่าจะนำเงินมาจากแผนก โรงงานใด..
ข้อ 2 กรณีบุคคลธรรมดาได้รับเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(4)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร จากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย บุคคลธรรมดาผู้มีเงินได้จะได้รับเครดิตในการคำนวณภาษี โดยนำอัตราภาษีเงินได้ที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นต้องเสีย หารด้วยผลต่างของหนึ่งร้อย ลบด้วยอัตราภาษีเงินได้ดังกล่าวนั้น ได้ผลลัพธ์ เท่าใดให้คูณด้วยจำนวนเงินปันผลหรือเงินส่วนแบ่งของกำไรที่ได้รับ ผลลัพธ์ที่ได้เป็นเครดิตในการคำนวณภาษี ตามมาตรา 47 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร
กรณีบุคคลธรรมดาได้รับเงินปันผลซึ่งเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(4)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร จากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย ซึ่งได้รับการส่งเสริมการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน และเป็นเงินปันผลที่จ่ายจากกำไรสุทธิของกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ผู้ได้รับเงินปันผลไม่ได้รับเครดิตภาษีตามมาตรา 47 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร
หวังว่าคงได้ประโยชน์นะครับ :D
คือผมไม่ได้ทำงานไม่มีรายได้ครับ ก็เลยไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ ผมเล่นหุ้นได้เงินปันผล ผมสามารถเลือกขอเครดิตภาษีได้รึเปล่าครับ
ได้ครับแต่คุณต้องไปขอหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี แล้วยื่นแบบภงด 90 เพื่อเสียภาษี ไม่ยุ่งยากครับ แต่ข้อสำคัญ คุณต้องประเมินว่าคุ้มค่าหรือไม่ เพราะจากนี้ไปคุณต้องยื่นภาษีทุกปี ไม่ว่าคุณมีรายได้หรือไม่ หมายเหตุ คุณจะขอคืนได้ประมาณ 3/7 ของเงินปันผลจากบริษัทที่ เสียภาษีตามปกติ พวกที่ได้รับการยกเว้นภาษี จากกรณีต่างๆจะเคลมไม่ได้ดูได้จากใบรับรองภาษี หักณ.ที่จ่ายที่ส่งมาพร้อมเช็คครับ
*******เอาที่พี่หมอ JFK เคยโพสต์ไว้มาให้อ่านครับ
พูดถึงเรื่องเล่นหุ้นเอาเงินปันผล เซียนหุ้นทั้งหลาย อาจจะร้องยี้ ไม่มัน เสียเวลา และ ไม่คุ้มกับการลงทุนที่ต้องถือนานๆๆ แถมยังต้องถูกหักภาษี ณ.ที่จ่ายอีก 10 % ได้รับจริง แค่ 90% ไม่คุ้ม แถมหุ้นที่ปันผลมากๆ ก้อมักจะมีสภาพคล่องน้อยซื้อมาแล้ว มักจะแถมกาวตราช้างมาให้ ซื้อแล้วติดมือ แกะไม่ออก แต่ ที่จะมาชวน นี่ไม่ได้ให้เก็บหุ้น เพื่อ หวังผลตอบแทนจากเงินปันผล อย่างเดียว แต่เพื่อรับ เงิน เครดิตภาษี จาก เงินปันผล นั้น ด้วยครับ เม็ดเงินตรงนี้ไม่น้อย นะครับ ขนาดผม ลงทุนธรรมดา ไม่ได้เน้นกลยุทธนี้ โดยเฉพาะ เงินภาษี แทนที่จะต้องจ่ายเพิ่มปีละ ห้าหกหมื่น กลับกลายเป็นว่า ได้รับคืน ปีละ สองสามแสนบาท ไม่น้อยเหมือนกันนะครับ
กลยุทธการล่าเงินปันผลนี่ ไม่ยากครับ ดูเลือกหุ้น ที่จ่ายปันผล ในอัตรา ที่สูงพอสมควรและมีสภาพคล่องพอสมควร และซื้อตัวละไม่มาก(เพื่อจะได้ซื้อและขายได้ง่าย) โดยซื้อก่อนวันขึ้น XD ประมาณ 1-2 วัน เพื่อให้ได้รับสิทธิ รับเงินปันผล แล้วขายออกในวันที่ขึ้น XD แล้ว ซึ่งหุ้นนั้นจะมีราคาลดลง มาพอๆ กับเงินปันผล หรือ อาจจะมา ลดลงมาน้อยกว่าเงินปันผลประมาณ 10 % เนื่องจากบางคนคิด หักภาษีณ.ที่จ่ายด้วย) แต่ถ้าช่วงไหน ตลาดวูบวาบมากก้อควรงดสะสมเงินปันผล เพราะว่าราคาอาจจะแกว่งมาก เกินไป ซึ่งไม่ใช่วัตถุประสงค์ของเรา เรามีเวลาในการล่าปันผลทั้งปี และ ไม่ต้องใช้เงินก้อนใหญ่มาก เพราะว่าซื้อแล้วก้อขาย ในอีก ไม่กี่วันถัดมา เงินไม่จม หมุนไปได้เรื่อยๆ (ยกเว้นส่วนที่หายไป จากราคาที่ลดไปกับปันผล แต่เราจะได้รับเป็นเงินปันผล คืนมาภายในประมาณ เดือนกว่าถัดมา) ตามระเบียบของกรมสรรพกร เงินปันผล ที่ได้มาจากการ ลงทุนในหุ้นของบริษัทจำกัด ที่จดทะเบียนในประเทศไทย (ไม่นับพวกกองทุน และบริษัท ที่ได้รับการยกเว้นภาษี เช่นได้รับ BOI ) สามารถเครดิตภาษี(ขอคืนภาษีได้ 3/7(42.8%) ของยอดเงินปันผลทั้งหมด) เข้าใจว่า เนื่องจาก เจตนารมย์ของกฎหมายไม่อยากให้มีการเก็บภาษีซ้ำซ้อน เนื่องจาก บริษัทนั้นได้ ชำระภาษีเงืนได้ นิติบุคคล จากเงินได้สุทธิมาก่อนแล้ว ก่อนจะเอามาแบ่งให้ผู้ถือหุ้น ซึ่งเป็นเจ้าของในรูปเงินปันผล
จะเห็นว่าตัวเลข ตรงนั้นไม่น้อยเลย นะครับ ทีนี้มาดูวิธีการคำนวนภาษี ใครรู้แล้วก้ออ่านข้ามไป นะครับ จะไม่พูดถึงค่าลดหย่อนอะไร นะครับ จะเอาแต่เงินได้สุทธิ ก่อนที่จะคิดภาษีแล้ว มาคิดกับ เงินปันผล ของเรา น่ะ
อัตราภาษีเงินได้ส่วนบุคคล เป็นอัตราก้าวหน้า ครับ คิดจาก เงินได้สุทธิหลังหักค่าลดหย่อน ทุกอย่างแล้ว นะครับ เสียในอัตราดังต่อไปนี้
1-100,000 เสีย 5 % สูงสุดในขั้น = 5,000 (ปัจจุบัน รู้สึกว่า ห้าหมื่นแรก นี่ไม่ต้องเสียภาษี ครับ ได้รับยกเว้นจากมติคณะรัฐมนตรี เมื่อไม่กี่เดือนมานี้ เอง)
100,001-500,000 ส่วนนี้เสีย 10% สูงสุดในขั้น = 40,000
500,001-1,000,000 ส่วนนี้เสีย 20% สูงสุดในขั้น = 100,000
1,000,001-4,000,000 ส่วนนี้เสีย 30% สูงสุดในขั้น = 900,000
มากกว่า สี่ล้าน เสีย 37%
สมมุติว่าคุณมีรายได้ หลังหักค่าลดหย่อน ต่างๆ ทุกอย่างแล้วเหลือรายได้ ที่ต้องใข้คิดคำนวนภาษี 200,000 บาท ซึ่งจะต้องชำระภาษี ในอัตรา 5000+10,000 = เสียภาษีเงินได้ 15,000 บาท
ถ้าเราไป ล่าเงินปันผล ของบริษัทต่างๆ มาได้ ซัก 1,400,000 บาท เราจะถูกหัก ภาษีณ.ที่จ่ายไป 10% หรือ 140,000 บาท ทำให้ได้รับจริง มาแค่ 1,260,000 บาท (ดูเหมือนขาดทุนตรงนี้ ไป 140,000บาท)
เงินปันผลนี้เราสามารถนำมาเป็นเครดิตภาษีคืนได้ 3/7 หรือ กรณีนี้ คือ 600,000 บาท ซึ่งเงินจำนวนนี้ จะถือเป็น รายได้ด้วย ต้องนำไปรวมกับเงินปันผล แล้วนำไปคิดรวมกับ เงินได้สุทธิเก่า ของเรา นำมาเป็นเงินได้ คำนวนเป็นภาษีที่ต้องเสีย
เพราะฉะนั้น เงินได้สุทธิ ใหม่ของเรา จะเป็น 200,000 + 1,400,000(ปันผล) +600,000(เครดิตภาษี) รวมเป็นเงินได้สุทธิ 2,200,000 บาท ซึ่งคำนวนภาษีที่ต้องชำระตามตารางได้ 5,000+40,000+100,000+(1,200,000X30%) = 505,000 บาท ครับ
แต่ภาษีที่หักณ ที่จ่าย (140,000) + กับเครดิตภาษี (600,000 ) = เราจ่ายภาษีไว้แล้ว 740,000 บาท
เพราะฉะนั้น ภาษี ที่ชำระเกินและขอคืนภาษี ได้ = 740,000-505,000 บาท = 235,000 บาท
แทนที่จะต้อง จ่ายภาษี 15,000 แต่กลับกลายเป็นรับเงินภาษีคืนมา 235,000 รวมเป็นเงินที่ได้มา = 250,000 บาท
จะเห็นว่าถ้ามีรายได้คำนวนภาษีเกินล้านมาแล้ว นี่จะได้ ประโยชน์น้อยลง ครับ เพราะว่า อัตราภาษีส่วนนี้สูงถึง สามสิบเปอร์เซนต์ ยิ่งถ้า เกินสี่ล้านแล้ว นี่ยิ่งแทบไม่ได้ประโยชน์เลย เพราะว่า อัตราภาษีที่เสีย 37 % เกือบเท่า กับ เครดิตภาษีที่ได้แล้วครับ
กลยุทธอีกอย่างในการลด ฐานภาษี ก้อคือ แบ่งซื้อหุ้นในชื่อ น้อง หรือ พี่ หรือ แม่ หรือ พ่อ ที่ไม่มีคู่สมรส ที่คิดรวมภาษี จะทำให้ฐานภาษีต่ำ ลง เช่น สี่ล้านแบ่งออกไป สี่คน คนละล้าน แทนทีจะเสียภาษี 30% ก้อมาเสียแค่ ไม่เกิน 20 % ครับ ทำให้เหลือเม็ดเงินได้มากขึ้น แต่ภรรยานี่ไม่ได้ครับ เพราะว่าเงินได้ส่วนนี้(นอกจากเงินเดือนประจำ) ต้องเอามารวมคำนวนภาษีด้วยกันอยู่ดี ครับ
จากตัวอย่างข้างบน ถ้าเอา ไปแบ่งให้ อีกสี่คนเพื่อให้เหลือภาษีสุทธิในการคำนวน ภาษีคนละประมาณ ไม่เกิน ห้าแสนบาท จะเสียภาษีที่ฐาน ไม่เกิน 10% ทำ ให้เสียภาษีไม่เกิน 220,000 หรือ รับภาษีคืน ถึง ประมาณ ห้าแสนกว่าบาท ครับ
สรุปอีกครั้ง นะครับ คนที่เหมาะกับการสะสม เงินปันผลเพื่อรับ เครดิตภาษี นี่ควรจะมีคุณสมบัติดังนี้
1 มีความรู้ เรื่องหุ้น พอสมควร(ให้รู้จังหวะซ้อ ขาย บ้างพอควร)
2. ไม่ควรมีรายได้ประจำ ที่ มีเงินได้ที่จะต้องคำนวนภาษีเกิน สี่ ล้านบาท(จะเสียภาษีในอัตราที่สูง จนเกือบเท่า เงินเครดิตภาษี)
3 ยอดเงินเครดีต ภาษี ถ้ามาก แบ่งซื้อในชื่อ พี่ น้อง และญาติ ที่ไว้ใจได้เพื่อลด ฐานภาษี ลง จะช่วยให้ได้รับผลประโยชน์ตรงนี้มากขึ้น
4 ประเด็นสำคัญ ที่สุด คือ คนที่จะ ขอเครดิตภาษี ห้าม หนีภาษี จากทางอื่นนะครับ จะเจ็บตัวถ้าเค้าตรวจพบ อันนี้สำหรับคน บริสุทธิ์ ทางด้านภาษีเท่านั้น ที่จะทำได้
น่าสนใจมั้ยครับ สำหรับคนอยู่ ว่าง กับ เงินก้อนนี้ ปีละ หลายแสนบาท(ยิ่งถ้ามีญาติที่ว่างๆเยอะ ยิ่งดี ครับ) และขอยืนยันว่านี่คือวิธีที่ถูกกฎหมาย และ ทำตามกฎหมายทุกประการ ครับ
จากคุณ : -=Jfk=- - [29 เม.ย. 45 12:28:47]
พี่เห็นคำถาม ของ น้อง สุรชาติ ตั้งแต่เช้าแล้วครับ แต่เนื่องจาก พี่ต้องไป หาดใหญ่ ไปทำเรื่องให้ KK แจ้งให้ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ นำเช็คเงินปันผลเข้าบัญชีธนาคารให้ ประกอบกับต้อง อธิบายกันยาวหน่อย เลยต้องมาตอบให้ตอนค่ำ ครับ หวังว่าคงไม่นานเกินรอ นะครับ
ตัวอย่าง ภ.ง.ด. 90 สมมุติ ผัวกินเงินเดือน เมียเป็น นายหน้าประกันชีวิต
ข้อ 1 มาตรา 40 (1) (2)
1. มาตรา 40 (1) เงินเดือน 300,000 (มีหัก ณ ที่ จ่าย 3%= 6,000 ยังไม่ต้องกรอก)
2.มาตรา 40 (2) สมมุติว่าเมียมีรายได้จากค่านายหน้าประกันชีวิต 100,000 (มีหัก ณ ที่ จ่าย 6%= 6,000 ยังไม่ต้องกรอก)
3. ถ้ามีเงิน สะสมก็นำมาหัก ในที่นี้สมมุติว่าไม่มี
4. คงเหลือ (1+2-3) 400,000
5. หักค่าใช้จ่าย 60,000
6. คงเหลือ (4.-5.) ยกไปรวมใน ข้อ 10 1. 340,000
ข้อ 2 มาตรา 40 (3) ไม่มีเงินได้
ข้อ 3 มาตรา 40 (4)
1. ดอกเบี้ย
2. เงินปันผลกองทุน
3. เงินปันผลจากบริษัทต่างประเทศ
4. เงินปันผลจาก บริษัท สมมุติ 100,000 (มีหัก ณ ที่ จ่าย 10%= 10,000 ยังไม่ต้องกรอก)
5. เครดิติภาษี 100,000x 3/7 = 42,857.142
6. อื่นๆ
รวม (1. ถึง 6.) ยกไปรวมใน ข้อ 10 1. 142,857.142
สมมุติ รายได้ตามมาตราอื่นไม่มีแล้ว ก็ไป ข้อ 9 เลย
ข้อ 9 รายการลดหย่อนและยกเว้นหลังหักค่าใช้จ่าย
1. ผู้มีเงินได้ 30,000
2. คู่สมรสคำนวณรวม 30,000
3. บุตร 17,000
4. เบี้ยประกันชีวิตสมมุติ 100,000
ใช้ให้เต็มสิทธิเลยครับ ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป ผู้มีเงินได้สามารถหักเบี้ยประกันชีวิตได้ถึง 50,000 ต่อ คน ถ้า เพื่อนๆ คนใด อยากให้ เมียของผม ซึ่งเป็นหัวหน้าภาคเพชรไพศาล ตัวแทนประกันชีวิต บมจ. อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี. ประกันชีวิต
ดูแล จดหมายรักฉบับสุดท้ายที่จะมอบให้แด่คนที่ท่านรัก เพื่อบอก เธอหรือเขา ว่า คุณรัก เธอหรือเขา ตราบวันสุดท้ายที่คุณไม่อาจเอ่ยคำว่ารักได้ด้วยตัวคุณเอง เมียของผมเขา ยินดีเป็นผู้รับใช้ ส่ง จดหมายรักฉบับสุดท้ายให้แด่คนที่คุณรัก ด้วยความขอบพระคุณยิ่ง มา ณ ที่นี้ ครับ
5. เงินสะสมสำรองเลี้ยงชีพ
6. ค่าซื้อหน่วยลงทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ
7. ค่าซื้ออาคารอยู่อาศัย
8. เงินสมทบ
9. รวม (1. ถึง 8.) ยกไปรวมใน ข้อ 10 2. 177,000
ข้อ 10 การคำนวณภาษี
1. เงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย (รวมยอดข้อ 1 ถึง ข้อ 7) = 340,000+142,857.142 = 482,857.142
2. หักค่าลดหย่อน (ยกมาจาก ข้อ 9 9.) 177,000
3. คงเหลือ (1. 2.) = 482,857.142-177,000 = 305,857.142
4. หักบริจาค (เฉพาะที่นำมาหักได้ถ้ามี) สมมุติ 10,000
5. เงินได้สุทธิ 305,857.142-10,000 = 295,857.142
6. คำนวณภาษีจากเงินได้สุทธิ ตาม 5. = 2,500 + 195,857.142 x 0.1 = 22,085.714
7. ภาษีคำนวณจากเงินได้พึ่งประเมิน ตั้งแต่ 60,000 บาทขึ้นไป คือร้อยละ 0.5 ของรายได้ก่อนหักค่าใช้จ่ายตาม ข้อ 1 ถึง ข้อ 7 (ไม่รวมเงินได้ตามมาตรา 40 (1) จากเงินเดือน) = (100,000 + 142,857.142) x0.005 = 242,857.142 x 0.005 = 1,214.2857
8. ภาษีที่ต้องชำระ (จำนวนที่มากกว่าระหว่าง 6. กับ 7.) 22,085.714
9. หัก ภาษีหัก ณ ที่จ่าย และเครดิตภาษี 6,000(จากเงินเดือน)+6,000(จากค่านายหน้า)+10,000(หัก ณ ที่จ่ายเงินปันผล)+ 42,857.142(เครดิตภาษีนิติบุคคลเงินปันผล) = 64,857.142
ภาษีเงินได้ที่ชำระไว้ตามแบบ ภ.ง.ด. 93 และ ภ.ง.ด. 94 (ภาษีเงินได้ แจ้งกลางปีเฉพาะอาชีพอิสระ อย่าง แพทย์ หรือ วิศวกร ทนายความ ต้องแจ้งเสียภาษีกลางปี ผู้กินเงินเดือนไม่ต้อง)
10. ภาษี ที่ชำระเกิน = 64,857.142 22,085.714 = 42,771.428
11. ภาษี ที่ชำระเกินหรือขาด (ยกมาจาก ข้อ 8 (ถ้ามี))
12. รวมภาษีที่ ผู้มีเงินได้ ชำระเกิน = 42,771.428
13. นำภาษีส่วนเกินที่อีกฝ่ายชำระขาดเกิน มาลบกัน (เฉพาะแยกยื่น) ตอนนี้เรายื่นรวม (ผ่าน)
14. คงเหลือภาษีที่ชำระเกิน 42,771.428
(ต้องรวบรวมหลักฐาน การหักภาษี ณ ที่ จ่าย ,ใบเสร็จเบี้ยประกันชีวิต , บัตรประชาชน ,สำเนาทะเบียนบ้าน ,ใบสมรส,สุติบัตรลูก ไปให้ครบ )
15. ถึง 22. ก็ไม่มีอะไรแล้ว คงเข้าใจแล้ว นะ ครับ
อธิบายตามที่ผมเข้าใจได้แบบนี้ครับ
บริษัททำกำไรหลังหักภาษีได้ 1,000,000 บาท (สมมติเสียภาษี 30%) แล้วนำเอากำไรมาจ่ายเงินปันผล
สมมติเราได้ปันผล 100 บาท บริษัทต้องเสียภาษีณ.ที่จ่ายอีก 10% เราก็จะได้เงินสุทธิ 90 บาท (เงินนี้เสียภาษีไปแล้ว 30%)
เงินปันผล 100 ถูกจ่ายภาษี ซ้ำซ้อน รัฐเลยจะคืนภาษีให้ในส่วน 30%
ดังนั้นเวลาเราคิดภาษี คือ ...
(1) เงินปันผล 100 บาท
(2) ภาษีหักไว้แล้วคือ
(2.1) ภาษีหักณ.ที่จ่าย 10% = 10 บาท
(2.2) ภาษีการค้า 30% = 100 x ((100-30)/30) = 100 x (3/7)
(3) เงินได้ที่ต้องนำมาคิดภาษีคือ (1) + (2.2) + เงินได้อื่นๆ [(2.2) นำกลับมารวมอีกเพราะยอดนี้เราจะขอเอามาเสียภาษีในอัตราของเราเอง ]
(4) คำนวนภาษีที่ต้องเสีย จาก (3) ตามอัตราที่เราต้องเสีย
(5) ถ้า (3) มากกว่า (2) เราก็ได้คืน
หมายเหตุ ...
A. เห็นว่า 3/7 ไม่ใช่อัตราที่ใช้ได้กับทุกบริษัท ให้ใช้สูตร (100-n)/n เมื่อ n=ภาษีการค้าของบริษัท
B. เงินทุนการศึกษาไม่น่าถือเป็นรายได้
ขอถามอีกหน่อยครับ
บริษัทที่ได้รับการส่งเสริมจาก BOI ไม่สามารถขอเครดิตภาษีได้ใช่ไหมครับ ?
ขึ้นอยู่กับว่าบริษัทจ่ายเงินปันผลจากส่วนใดครับ...หากเป็นเงินจาก
ิboi ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล > เครดิตไม่ได้
boi ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 50 % (่จ่าย 15%) > เครดิตได้ 15/85
ไม่ได้ิ boi > เครดิตได้ปกติ
เนื่องแต่ละบริษัทอาจจะมีหลายโรงงาน แผนก ซึ่งสามารถแยกขอ boi ได้ ดังนั้นการจ่ายปันผล ขึ้นอยู่กับว่าจะนำเงินมาจากแผนก โรงงานใด..
ข้อ 2 กรณีบุคคลธรรมดาได้รับเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(4)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร จากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย บุคคลธรรมดาผู้มีเงินได้จะได้รับเครดิตในการคำนวณภาษี โดยนำอัตราภาษีเงินได้ที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นต้องเสีย หารด้วยผลต่างของหนึ่งร้อย ลบด้วยอัตราภาษีเงินได้ดังกล่าวนั้น ได้ผลลัพธ์ เท่าใดให้คูณด้วยจำนวนเงินปันผลหรือเงินส่วนแบ่งของกำไรที่ได้รับ ผลลัพธ์ที่ได้เป็นเครดิตในการคำนวณภาษี ตามมาตรา 47 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร
กรณีบุคคลธรรมดาได้รับเงินปันผลซึ่งเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(4)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร จากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย ซึ่งได้รับการส่งเสริมการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน และเป็นเงินปันผลที่จ่ายจากกำไรสุทธิของกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ผู้ได้รับเงินปันผลไม่ได้รับเครดิตภาษีตามมาตรา 47 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร
หวังว่าคงได้ประโยชน์นะครับ :D
-
- Verified User
- โพสต์: 23
- ผู้ติดตาม: 0
ถามผู้รู้ทุกท่านเรื่องเครดิตภาษีหน่อยค่ะ
โพสต์ที่ 10
:cheers:
-
- Verified User
- โพสต์: 2
- ผู้ติดตาม: 0
การยื่นภาษี
โพสต์ที่ 12
ขอสอบถามเกี่ยวกับการยื่นหลักฐานการลงทุน (LTF/ประกันชีวิต) ให้แก่ฝ่ายบุคคลของบริษัทเพื่อการลดหย่อนภาษี กับการยื่น ภงด ทีเดียวให้สรรพากร เราจะต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งใช่หรือเปล่าครับ (ไม่สามารถทำทั้งสองวิธีพร้อมกัน เพราะจะเป็นการยื่นซ้ำซ้อนใช่หรือไม่)
เท่าที่เข้าใจถ้ายื่นฝ่ายบุคคล เค้าก็จะหักให้เราในแต่ละเดือน แต่ถ้ายื่นภงด ก็จะได้เงินคืนมาเป็นก้อนทีเดียว
ขอบคุณล่วงหน้าครับ :D
เท่าที่เข้าใจถ้ายื่นฝ่ายบุคคล เค้าก็จะหักให้เราในแต่ละเดือน แต่ถ้ายื่นภงด ก็จะได้เงินคืนมาเป็นก้อนทีเดียว
ขอบคุณล่วงหน้าครับ :D
-
- Verified User
- โพสต์: 6427
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การยื่นภาษี
โพสต์ที่ 13
[quote="Chankov"]ขอสอบถามเกี่ยวกับการยื่นหลักฐานการลงทุน (LTF/ประกันชีวิต) ให้แก่ฝ่ายบุคคลของบริษัทเพื่อการลดหย่อนภาษี กับการยื่น ภงด ทีเดียวให้สรรพากร เราจะต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งใช่หรือเปล่าครับ (ไม่สามารถทำทั้งสองวิธีพร้อมกัน เพราะจะเป็นการยื่นซ้ำซ้อนใช่หรือไม่)
เท่าที่เข้าใจถ้ายื่นฝ่ายบุคคล เค้าก็จะหักให้เราในแต่ละเดือน แต่ถ้ายื่นภงด ก็จะได้เงินคืนมาเป็นก้อนทีเดียว
ขอบคุณล่วงหน้าครับ
เท่าที่เข้าใจถ้ายื่นฝ่ายบุคคล เค้าก็จะหักให้เราในแต่ละเดือน แต่ถ้ายื่นภงด ก็จะได้เงินคืนมาเป็นก้อนทีเดียว
ขอบคุณล่วงหน้าครับ
คนที่รู้ว่าตัวเองยังไม่รู้ ย่อมมีโอกาสเรียนรู้
- thalucoz
- Verified User
- โพสต์: 658
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถามผู้รู้ทุกท่านเรื่องเครดิตภาษีหน่อยค่ะ
โพสต์ที่ 17
วิธีของพี่ tanasombat ถือเป็นข้อได้เปรียบของนักลงทุนบ้านเราก็ว่าได้ครับ เพราะที่ สหรัฐไม่มีตรงนี้
ซึ่งวิธีการนี้จะทำให้เราสามารถเพิ่ม ผลตอบแทนที่แท้จริงได้อีก จากเดิมได้รับแค่เงินปันผล
แต่สำหรับผมเองแล้ว แทนที่จะซื้อก่อนวันขึ้น XD 1-2 วันผมก็มาซื้อล่วงหน้าเป็นเดือนในช่วงที่เขาไม่ประกาศจ่าย
(แต่ผมก็ต้องทำการบ้านมาพอควร ถึง พฤติกรรมหุ้น ผลประกอบการ แล้วก็ข้อมูลพื้นฐานต่าง ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าเราไม่ได้ซื้อหมูมา)
ซึ่งผลที่ออกมาจากการทดลองน่าพอใจครับ ผมได้ผลตอบแทน 3 เด้งครับ
1. ปันผลที่ได้ อันนี้ปกติ
2. เครดิตภาษี กับส่วนที่โดนหักไป อันนี้เล็งไว้แล้วว่าคุ้ม
3. ส่วนต่างราคาที่เกินกว่าส่วนที่ลดลงหลัง XD ซึ่งบางครั้งราคาหุ้นแทบไม่ลดลงเลย หรือลดลงแค่วันแรกเท่านั้น หรือบางตัวก็ลดลงน้อยกว่าปันผลที่จ่ายด้วย (มีลงมากกว่าก็มี แต่ก็กลับมายืนที่ราคาก่อน XD ได้ครับ)
ผมจึงสรุปผลการทดลองนี้ได้ว่า เพียงแค่เราพยายามเพิ่มอีกหน่อย และระยะเวลาการถือก็สามารถเพิ่มผลตอบแทนได้ โดยความเสี่ยงอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ครับ
ตอนนี้ผมกำลังทดลองดูว่าถ้าถือหุ้นตัวเดิม รอรับปันผลไปเรื่อย ๆ กับส่วนทีผมกันออกมาเพื่อล่า เครดิตภาษี ส่วนไหนจะโตกว่ากันครับ
ซึ่งวิธีการนี้จะทำให้เราสามารถเพิ่ม ผลตอบแทนที่แท้จริงได้อีก จากเดิมได้รับแค่เงินปันผล
แต่สำหรับผมเองแล้ว แทนที่จะซื้อก่อนวันขึ้น XD 1-2 วันผมก็มาซื้อล่วงหน้าเป็นเดือนในช่วงที่เขาไม่ประกาศจ่าย
(แต่ผมก็ต้องทำการบ้านมาพอควร ถึง พฤติกรรมหุ้น ผลประกอบการ แล้วก็ข้อมูลพื้นฐานต่าง ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าเราไม่ได้ซื้อหมูมา)
ซึ่งผลที่ออกมาจากการทดลองน่าพอใจครับ ผมได้ผลตอบแทน 3 เด้งครับ
1. ปันผลที่ได้ อันนี้ปกติ
2. เครดิตภาษี กับส่วนที่โดนหักไป อันนี้เล็งไว้แล้วว่าคุ้ม
3. ส่วนต่างราคาที่เกินกว่าส่วนที่ลดลงหลัง XD ซึ่งบางครั้งราคาหุ้นแทบไม่ลดลงเลย หรือลดลงแค่วันแรกเท่านั้น หรือบางตัวก็ลดลงน้อยกว่าปันผลที่จ่ายด้วย (มีลงมากกว่าก็มี แต่ก็กลับมายืนที่ราคาก่อน XD ได้ครับ)
ผมจึงสรุปผลการทดลองนี้ได้ว่า เพียงแค่เราพยายามเพิ่มอีกหน่อย และระยะเวลาการถือก็สามารถเพิ่มผลตอบแทนได้ โดยความเสี่ยงอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ครับ
ตอนนี้ผมกำลังทดลองดูว่าถ้าถือหุ้นตัวเดิม รอรับปันผลไปเรื่อย ๆ กับส่วนทีผมกันออกมาเพื่อล่า เครดิตภาษี ส่วนไหนจะโตกว่ากันครับ