ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้
-
- Verified User
- โพสต์: 1160
- ผู้ติดตาม: 0
ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้
โพสต์ที่ 1
ผมลองวิเคราะหุ้นแบบเจาะลึกกลุ่มอุตสาหกรรมที่เข้าใจดี ลุยมันทุกตัวในกลุ่มเลย
ที่บ้านขายประกันมาสามชั่วคนแล้ว ทั้งประกันชีวิตและประกันภัย รู้จักผู้บริหารแทบทุกบริษัท เพราะติดต่องานกันบ้าง
ผมนำบริษัทในอุตสาหกรรมประกันทั้งหมดมาวิเคราะห์เนื่องด้วยหวังเจอของดีจากเมืองไหม้
คิดกำไรไปล่วงหน้าสิบปีบ้าง ยี่สิบปีบ้าง โตบ้าง ไม่โตบ้าง หลากหลายสมมติฐาน
ในที่สุดก็เสร็จจจจจจจจจ เยสๆๆๆๆๆๆ!!!!
ผลคือ
ไม่น่าสนเลยทั้งหมด T-T เศร้า...... มีแต่เน่าๆ ไอ้ตัวดีก็แพงซะ อย่างที่เคยมีคนมาจุดประเด็นเกี่ยวกับกลุ่มประกันไว้ ไม่น่าลงทุนจริงด้วย
ที่บ้านขายประกันมาสามชั่วคนแล้ว ทั้งประกันชีวิตและประกันภัย รู้จักผู้บริหารแทบทุกบริษัท เพราะติดต่องานกันบ้าง
ผมนำบริษัทในอุตสาหกรรมประกันทั้งหมดมาวิเคราะห์เนื่องด้วยหวังเจอของดีจากเมืองไหม้
คิดกำไรไปล่วงหน้าสิบปีบ้าง ยี่สิบปีบ้าง โตบ้าง ไม่โตบ้าง หลากหลายสมมติฐาน
ในที่สุดก็เสร็จจจจจจจจจ เยสๆๆๆๆๆๆ!!!!
ผลคือ
ไม่น่าสนเลยทั้งหมด T-T เศร้า...... มีแต่เน่าๆ ไอ้ตัวดีก็แพงซะ อย่างที่เคยมีคนมาจุดประเด็นเกี่ยวกับกลุ่มประกันไว้ ไม่น่าลงทุนจริงด้วย
-
- Verified User
- โพสต์: 257
- ผู้ติดตาม: 0
ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้
โพสต์ที่ 2
มองในทางกลับกันผมถือว่าคุณ Warantact ได้กำไรนะครับ อย่างน้อยคุณ ก็ได้ไม่ไปเสียเงินกับกิจการที่คุณคิดว่าไม่ดี เป็นกำลังใจให้วิเคราะห์ต่อไปครับ
ตัวไหนดีๆ pm มาหาผมได้ 555 :B
ตัวไหนดีๆ pm มาหาผมได้ 555 :B
"If the day were the last day of my life, what i want to do what i am about to do today? and whenever the answer has been "No" for to many day in a row, i know i need to change something" Steve Jobs
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3653
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้
โพสต์ที่ 3
รบกวนเล่าให้น้องๆ ฟังหน่อยสิครับพี่ WarantactWarantact เขียน:...ไม่น่าสนเลยทั้งหมด T-T เศร้า...... มีแต่เน่าๆ ไอ้ตัวดีก็แพงซะ อย่างที่เคยมีคนมาจุดประเด็นเกี่ยวกับกลุ่มประกันไว้ ไม่น่าลงทุนจริงด้วย
ว่าทำไมกลุ่มประกันถึงไม่น่าลงทุนล่ะครับ
และประกันที่ดูน่าลงทุน น้องๆ ควรดูจากอะไร ?
- กล้วยไม้ขาว
- Verified User
- โพสต์: 1074
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้
โพสต์ที่ 4
คนอยู่ในอุตสาหกรรมไหนมักจะเห็นข้อเสียของธุรกิจมากว่าคนอื่นWarantact เขียน:ผมลองวิเคราะหุ้นแบบเจาะลึกกลุ่มอุตสาหกรรมที่เข้าใจดี ลุยมันทุกตัวในกลุ่มเลย
ที่บ้านขายประกันมาสามชั่วคนแล้ว ทั้งประกันชีวิตและประกันภัย รู้จักผู้บริหารแทบทุกบริษัท เพราะติดต่องานกันบ้าง
ผมนำบริษัทในอุตสาหกรรมประกันทั้งหมดมาวิเคราะห์เนื่องด้วยหวังเจอของดีจากเมืองไหม้
คิดกำไรไปล่วงหน้าสิบปีบ้าง ยี่สิบปีบ้าง โตบ้าง ไม่โตบ้าง หลากหลายสมมติฐาน
ในที่สุดก็เสร็จจจจจจจจจ เยสๆๆๆๆๆๆ!!!!
ผลคือ
ไม่น่าสนเลยทั้งหมด T-T เศร้า...... มีแต่เน่าๆ ไอ้ตัวดีก็แพงซะ อย่างที่เคยมีคนมาจุดประเด็นเกี่ยวกับกลุ่มประกันไว้ ไม่น่าลงทุนจริงด้วย
เหมือนคนที่ทำงาน toyota ส่วนใหญ่จะใช้รถ honda
และคนที่ทำงาน honda ส่วนใหญ่จะใช้รถ toyota
:lol:
-
- Verified User
- โพสต์: 1155
- ผู้ติดตาม: 0
ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้
โพสต์ที่ 5
เขียนยังงี้ก็แย่ดิ
ใครถือหุ้นกลุ่มนี้ ก็ใจเสียหมด
ออกข่าวร้ายเพื่อกดราคาแหงเลย
ใครถือหุ้นกลุ่มนี้ ก็ใจเสียหมด
ออกข่าวร้ายเพื่อกดราคาแหงเลย
Blueplanet
-
- Verified User
- โพสต์: 257
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้
โพสต์ที่ 6
อันนี้เห็นด้วยเลยครับ เจอคนแบบนี้มาเยอะมากกล้วยไม้ขาว เขียน:คนอยู่ในอุตสาหกรรมไหนมักจะเห็นข้อเสียของธุรกิจมากว่าคนอื่น
เหมือนคนที่ทำงาน toyota ส่วนใหญ่จะใช้รถ honda
และคนที่ทำงาน honda ส่วนใหญ่จะใช้รถ toyota
:lol:
แต่อุตสาหกรรมที่ผมทำงานอยู่นี่แทบไม่เห็นข้อเสียเลยครับ
เสียดายที่ไม่อยู่ในตลาด :lol:
"If the day were the last day of my life, what i want to do what i am about to do today? and whenever the answer has been "No" for to many day in a row, i know i need to change something" Steve Jobs
- Alastor
- Verified User
- โพสต์: 2590
- ผู้ติดตาม: 0
ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้
โพสต์ที่ 7
ไปว่าเค้าแบบนั้นไม่แฟร์เลยครับblueplanet เขียน: ออกข่าวร้ายเพื่อกดราคาแหงเลย
ว่าแต่ผมก็มี SMK นะ ซื้อ TIP ให้พ่อด้วย
SMK เนี่ย OCF ปีละ 1.2 B THB แต่ MktCap แค่ 1.96 ถ้าไม่ติดเรื่องสภาพคล่องคงซื้อยก port ไปแล้วครับ กิจการก็ออกจะเติบโตต่อเนื่อง ลืมไม่ได้วิเคราะห์ตัวนี้หรือเปล่าครับ
TIP จำได้ว่าถูกมากเลยเอามากินปันผล ไปๆมาๆ Port พ่อกำไรกว่า Port ตัวเองอีกเฮะ -_-'
Wir sind das Rar, der Stolz und der Wert
-
- Verified User
- โพสต์: 1160
- ผู้ติดตาม: 0
ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้
โพสต์ที่ 8
ผมวิเคราะโดยเอาไบแอสออกไปเยอะแล้วครับ
คือ ให้ผู้บริหารทุกคนเป็นคนดีที่หนึ่งเลยไม่มีเม้มแม้แต่บาทเดียว และอนาคตสดใสคนไทยชอบซื้อประกัน (มองดีไปไหมนะ)
จะวิเคราะคร่าวๆโชว์นะครับ ธุรกิจประกันในตลาดมีทั้งหมด15บริษัท ประกันภัย13ประกันชีวิต2 ประกันภัยคิดง่ายกว่าไปดูประกันภัยก่อน
ประกันภัยส่วนใหญ่เลยคือประกันรถ เบี้ยจะจ่ายปีต่อปีกินเปล่า ประกันอื่นก็เช่น เรือ บ้าน ไฟ ตึก ต่างๆ ส่วนใหญ่สัญญาเป็นปีต่อปีทั้งนั้น ถ้าไม่โดนอะไรก็ไม่ต้องจ่าย กินมันทั้งก้อน ถ้าโดนก็จ่ายอ่วมหละ เงินเข้ามาบางส่วนจะไปบันทึกเป็นหนี้ก่อนตามกฏหมาย ถ้ารอดครบปีจึงกลายเป็นกำไรทั้งหมด
ทีนี้ก็มาดู13บริษัท ผมก็หาการเติบโตในอดีตมาก่อน เพราะมันหาง่าย แต่ละบริษัทที่หาได้ก็ต่างกัน ตัวเลขที่หาได้คือช่วง 3-8% อันนี้หละครับ ผมจึงตั้งสมมติฐานอันสวยหรูว่า แย่แค่ไหนก็น่าจะโตได้3% (ชีวิตจริงไม่ได้หรูงั้นหรอก) ส่วนจะเทพขนาดไหน ถ้าระยะยาวๆๆๆๆๆไปแล้วเช่น20ปี หากโตได้ถึง8%ทบต้นนับว่าเทพมาก
ผมทำประมานการการเงินระยะยาว ใช้ทั้งกำไรเฉลี่ย กำไรปีดี กำไรปีแย่ ตบจนได้เลขที่คิดว่า กำลังสวยออกจะสูงด้วยซ้ำ เนื่องจากธุรกิจประกันภัยธรรมชาติของมันน่าเบื่อ มันจะไม่โตพรวดๆ ส่วนแบ่งการตลาดก็แย่งๆกันเอา
ตอนนี้ผมก็ได้ประมานการยี่สิบปีมาคิดลดแล้ว ผมตัดบริษัทเข้าใหม่และบริษัทที่ห่วยๆออก ได้4บริษัท เหลือ9บริษัทให้ดูต่อ
กองทุนดัชนีระยะยาวๆๆๆๆๆให้ผลตอบแทน10เปอเซน ผมก็ใช้ไอเนี่ยแหละคิดลด แล้วก็ได้เลขของบริษัทที่เหลือออกมาแถวๆ ผลตอบแทนทีได้ก็แถวๆ 9 10 11 ซึ่งมันก็ข้อนข้างเต็มมูลค่าแล้ว ซึ่งตัวที่ดูดีที่สุดในกลุ่ม ก็คิดได้แค่11% มันก็ไม่ได้งามเท่าไร ถ้าเทียบกับหุ้นกลุ่มอื่นที่ผมจ้องตะครุบอยู่อาทิตย์หน้า
สรุปจาก13 ผ่านเข้ารอบ2ตัว ที่ผลตอบแทนแค่ระดับงั้นๆ (11%)ในระยะยาวทะลุโลก (20ปี) ก็เลยไม่น่าสนใจ
ส่วนประกันชีวิตคิดต่างกันนิดหน่อย ตัวนึงเพิ่งเข้าใหม่ผมก็ขีดออกเลย
ส่วนอีกตัวผมว่าแพงไปครับ เพราะถ้าจะซื้อราคานี้มันต้องโตในระดับ15%ทบต้นต่อปีไป20ปี ผมมองว่าสั้นๆมันทำได้แต่ยาวๆมันท้อแท้
สรุป ไปหากลุ่มอื่นดีกว่า
ส่วนตัวที่ผมบอกพอทน ถ้าผมมีก็ไม่ขายไม่มีก็ไม่ซื้อ
คือ ให้ผู้บริหารทุกคนเป็นคนดีที่หนึ่งเลยไม่มีเม้มแม้แต่บาทเดียว และอนาคตสดใสคนไทยชอบซื้อประกัน (มองดีไปไหมนะ)
จะวิเคราะคร่าวๆโชว์นะครับ ธุรกิจประกันในตลาดมีทั้งหมด15บริษัท ประกันภัย13ประกันชีวิต2 ประกันภัยคิดง่ายกว่าไปดูประกันภัยก่อน
ประกันภัยส่วนใหญ่เลยคือประกันรถ เบี้ยจะจ่ายปีต่อปีกินเปล่า ประกันอื่นก็เช่น เรือ บ้าน ไฟ ตึก ต่างๆ ส่วนใหญ่สัญญาเป็นปีต่อปีทั้งนั้น ถ้าไม่โดนอะไรก็ไม่ต้องจ่าย กินมันทั้งก้อน ถ้าโดนก็จ่ายอ่วมหละ เงินเข้ามาบางส่วนจะไปบันทึกเป็นหนี้ก่อนตามกฏหมาย ถ้ารอดครบปีจึงกลายเป็นกำไรทั้งหมด
ทีนี้ก็มาดู13บริษัท ผมก็หาการเติบโตในอดีตมาก่อน เพราะมันหาง่าย แต่ละบริษัทที่หาได้ก็ต่างกัน ตัวเลขที่หาได้คือช่วง 3-8% อันนี้หละครับ ผมจึงตั้งสมมติฐานอันสวยหรูว่า แย่แค่ไหนก็น่าจะโตได้3% (ชีวิตจริงไม่ได้หรูงั้นหรอก) ส่วนจะเทพขนาดไหน ถ้าระยะยาวๆๆๆๆๆไปแล้วเช่น20ปี หากโตได้ถึง8%ทบต้นนับว่าเทพมาก
ผมทำประมานการการเงินระยะยาว ใช้ทั้งกำไรเฉลี่ย กำไรปีดี กำไรปีแย่ ตบจนได้เลขที่คิดว่า กำลังสวยออกจะสูงด้วยซ้ำ เนื่องจากธุรกิจประกันภัยธรรมชาติของมันน่าเบื่อ มันจะไม่โตพรวดๆ ส่วนแบ่งการตลาดก็แย่งๆกันเอา
ตอนนี้ผมก็ได้ประมานการยี่สิบปีมาคิดลดแล้ว ผมตัดบริษัทเข้าใหม่และบริษัทที่ห่วยๆออก ได้4บริษัท เหลือ9บริษัทให้ดูต่อ
กองทุนดัชนีระยะยาวๆๆๆๆๆให้ผลตอบแทน10เปอเซน ผมก็ใช้ไอเนี่ยแหละคิดลด แล้วก็ได้เลขของบริษัทที่เหลือออกมาแถวๆ ผลตอบแทนทีได้ก็แถวๆ 9 10 11 ซึ่งมันก็ข้อนข้างเต็มมูลค่าแล้ว ซึ่งตัวที่ดูดีที่สุดในกลุ่ม ก็คิดได้แค่11% มันก็ไม่ได้งามเท่าไร ถ้าเทียบกับหุ้นกลุ่มอื่นที่ผมจ้องตะครุบอยู่อาทิตย์หน้า
สรุปจาก13 ผ่านเข้ารอบ2ตัว ที่ผลตอบแทนแค่ระดับงั้นๆ (11%)ในระยะยาวทะลุโลก (20ปี) ก็เลยไม่น่าสนใจ
ส่วนประกันชีวิตคิดต่างกันนิดหน่อย ตัวนึงเพิ่งเข้าใหม่ผมก็ขีดออกเลย
ส่วนอีกตัวผมว่าแพงไปครับ เพราะถ้าจะซื้อราคานี้มันต้องโตในระดับ15%ทบต้นต่อปีไป20ปี ผมมองว่าสั้นๆมันทำได้แต่ยาวๆมันท้อแท้
สรุป ไปหากลุ่มอื่นดีกว่า
ส่วนตัวที่ผมบอกพอทน ถ้าผมมีก็ไม่ขายไม่มีก็ไม่ซื้อ
-
- Verified User
- โพสต์: 1160
- ผู้ติดตาม: 0
ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้
โพสต์ที่ 9
กรรม ลืมวิเคราะ TIP จริงๆด้วย ผมดูไม่หมดครับ ขออภัย
SMK ก็ดูดีครับ เท่าที่ผมวิเคราะห์ระยะยาวมากคิดได้แถวๆ10%ครับ ตัวนี้ต้องยอมรับว่าสี่ปีนี้มันโตแรงดี roeก็สวย ตัวนี้ผมก็ไม่แน่ใจว่าวิเคราะห์ถูกป่าว
ถ้ามันโตแบบนี้ไปได้เรื่อยๆผมก็สนครับ
มองแง่ร้าย 7.5%ทบ แง่ดี 12.5%ทบ น่าสนมาก ผมแทงกลางว่า10 พอไปดูมีหนี้มาก เลยใส่ -1ค่าอคติ ได้ผลตอบแทนมา9เลยไม่สนครับ แต่ถ้ามีก็ไม่ขาย
SMK ก็ดูดีครับ เท่าที่ผมวิเคราะห์ระยะยาวมากคิดได้แถวๆ10%ครับ ตัวนี้ต้องยอมรับว่าสี่ปีนี้มันโตแรงดี roeก็สวย ตัวนี้ผมก็ไม่แน่ใจว่าวิเคราะห์ถูกป่าว
ถ้ามันโตแบบนี้ไปได้เรื่อยๆผมก็สนครับ
มองแง่ร้าย 7.5%ทบ แง่ดี 12.5%ทบ น่าสนมาก ผมแทงกลางว่า10 พอไปดูมีหนี้มาก เลยใส่ -1ค่าอคติ ได้ผลตอบแทนมา9เลยไม่สนครับ แต่ถ้ามีก็ไม่ขาย
-
- Verified User
- โพสต์: 1598
- ผู้ติดตาม: 0
ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้
โพสต์ที่ 11
ผมกลับคิดว่ามีบริษัทดีเยอะ เพียงแต่ช่วงระยะเวลานี้อาจจะเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินทำให้ภาพระยะสั้นดูเสียไป แต่ในระยะตัวที่ถูกมากกกกก ก็ยังมีอยู่
อย่ามัวติดกับเรื่องในอดีต กังวลกับเรื่องในอนาคต จนลืมว่าปัจจุบันต้องทำอะไร
- pornchai_w
- Verified User
- โพสต์: 244
- ผู้ติดตาม: 0
ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้
โพสต์ที่ 12
MTI ล่ะครับพี่ Warantact คิดว่าอย่างไรบ้าง
หลังจากรวมบริษัท กับ ภัทรประกันภัยเมื่อปีที่แล้ว
ตอนนี้เริ่มกลับมามีกำไรและแนวโน้มเติบโต
บริษัทขายประกันภัยผ่าน KBank ให้แก่ลูกค้าที่ขอสินเชื่อ SME ซึ่ง KBank เน้นกับกลุ่มนี้มาก ชึ่งผมมองว่าเป็นช่องทางที่แข็งแกร่ง
ในส่วนของ BKI, THRE, TIP, AYUD นั้นผมเห็นว่างบดีทุกบริษัท
โดยเฉพาะกำไรสุทธิ, ROA, ROE เป็นตัวเลข 2 หลัก XX%
แต่ MTI ยังอยู่ที่ 5-8% ดังนั้นผมมองว่ายังมีโอกาสเติบโตขึ้นไปเหมือนกับบริษัทอื่นในธุรกิจเช่นกัน
ขอถามนิดหนึ่งนะครับว่า จากที่พี่ Warantact วิเคราะห์แล้วว่าไม่มีบริษัทประกันไหนดูน่าลงทุนเลยนั้น ปัจจัยหลักที่ทำให้ไม่น่าสนใจ มีอะไรบ้างอ่ะครับ เกี่ยวกับความไม่แน่นอนของการนำเงินไปลงทุนต่อหรือเปล่าครับ
ผมมีหุ้น MTI อยู่และคอยเก็บเรื่อยๆครับ
หลังจากรวมบริษัท กับ ภัทรประกันภัยเมื่อปีที่แล้ว
ตอนนี้เริ่มกลับมามีกำไรและแนวโน้มเติบโต
บริษัทขายประกันภัยผ่าน KBank ให้แก่ลูกค้าที่ขอสินเชื่อ SME ซึ่ง KBank เน้นกับกลุ่มนี้มาก ชึ่งผมมองว่าเป็นช่องทางที่แข็งแกร่ง
ในส่วนของ BKI, THRE, TIP, AYUD นั้นผมเห็นว่างบดีทุกบริษัท
โดยเฉพาะกำไรสุทธิ, ROA, ROE เป็นตัวเลข 2 หลัก XX%
แต่ MTI ยังอยู่ที่ 5-8% ดังนั้นผมมองว่ายังมีโอกาสเติบโตขึ้นไปเหมือนกับบริษัทอื่นในธุรกิจเช่นกัน
ขอถามนิดหนึ่งนะครับว่า จากที่พี่ Warantact วิเคราะห์แล้วว่าไม่มีบริษัทประกันไหนดูน่าลงทุนเลยนั้น ปัจจัยหลักที่ทำให้ไม่น่าสนใจ มีอะไรบ้างอ่ะครับ เกี่ยวกับความไม่แน่นอนของการนำเงินไปลงทุนต่อหรือเปล่าครับ
ผมเห็นด้วยครับผมทำงานธนาคาร แต่ก็รู้สึกว่าธนาคารไม่น่าสนใจ เนื่องจากมุมมองในแง่ร้ายที่เห็นทั้งจากภายในและภายนอก เลยพยายามไปมองหาธุรกิจอื่นที่เราเห็นจากภายนอกว่าดูดี ก็แปลกดีนะครับ :lovl:กล้วยไม้ขาว wrote:
คนอยู่ในอุตสาหกรรมไหนมักจะเห็นข้อเสียของธุรกิจมากว่าคนอื่น
เหมือนคนที่ทำงาน toyota ส่วนใหญ่จะใช้รถ honda
และคนที่ทำงาน honda ส่วนใหญ่จะใช้รถ toyota
ผมมีหุ้น MTI อยู่และคอยเก็บเรื่อยๆครับ
Blog ของคนใช้เงินเก่ง ^_^
http://pefinance.wordpress.com/about/
http://pefinance.wordpress.com/about/
-
- Verified User
- โพสต์: 1160
- ผู้ติดตาม: 0
ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้
โพสต์ที่ 13
ต้องบอกทุกท่านก็ ว่าผมวิเคราะห์แบบคนโลภ คือชอบหุ้นพื้นฐานดีที่ราคาร่วงหนักๆ จากเหตุการณ์แปลกๆ ที่ท่าน pornchai_w สี่บริษัทที่ท่านว่ามามันก็ดี
ผมตอบแทนระยะยาวๆถ้าวิเคราะห์ไม่ผิดก็น่าสนใจ แต่ไม่มีตัวไหนราคาร่วงหนักๆ ผมเลยไม่สน
ส่วนตัวMTIนั้น ผมขีดทิ้งไปตั้งแต่แรกโดยไม่วิเคราะห์ต่อเลยเพราะมันใหม่เกิน มันอยู่ในธุรกิจมานานแล้วก็จริงแต่มันเพิ่งเข้าใหม่ก็เลยถอยครับ มีเหตุผลแค่นี้เลย
ส่วนอัตราการเติบโตที่ผมนำมาคิดนั้นเป็นอัตราแบบอนุรักษ์นิยม คือ อยู่บนพื้นฐานว่า บริษัทจะครองส่วนแบ่งการตลาดเดิม และโตไปตามเงินเฟ้อ ผมอาจงิเคราะห์ผิดก็ได้ ที่ผมบอกไม่น่าสนใจคือไม่น่าสนใจในมุมมองหนึ่ง(มุมมองของผมแค่นั้น)
ส่วนใหญ่ผมก็วิเคราะห์ผลตอบแทนได้ใกล้เคียงกับท่านทั่วๆไปแหละครับ
ลองคิดเล่นๆว่าถ้าผมใช้ตะกร้าสามใบแบบบัฟเฟต แต่ชื่อต่างกันหน่อย ตะกร้าก็จะเป็น
น่าสน ก้ำกึ่ง กับโยนทั้ง
ที่อยู่ในตะกร้าโยนทิ้งผมคือ BLA เพราะเข้าใหม่
insure เพราะงบดูไม่ได้เรื่อง MTI เพราะเข้าใหม่เช่นกัน NSI เพราะคิดแล้วผลตอบแทนน้อยกว่าชาวบ้านเขาในระยะยาว SCNYL อันนี้แพงแต่โตเร็ว เสียว ไม่ชอบ แล้วก็ TSI ที่กำลังลูกผีลูกคน
ที่เหลือเข้าตะกร้าก้ำกึ่งสำหรับผมครับ ที่ผมบอกไม่น่าสนใจก็คือ ขี้เกียจดูต่อนั่นเอง ไปหาตัวอะไรที่ชัดๆๆๆเลยดีกว่า
MTIมันก็ดูดีอย่างที่ท่านว่าจริงๆ แต่สำหรับผมต้องทำใจโยนทิ้งเพราะใหม่เกิน
ผมตอบแทนระยะยาวๆถ้าวิเคราะห์ไม่ผิดก็น่าสนใจ แต่ไม่มีตัวไหนราคาร่วงหนักๆ ผมเลยไม่สน
ส่วนตัวMTIนั้น ผมขีดทิ้งไปตั้งแต่แรกโดยไม่วิเคราะห์ต่อเลยเพราะมันใหม่เกิน มันอยู่ในธุรกิจมานานแล้วก็จริงแต่มันเพิ่งเข้าใหม่ก็เลยถอยครับ มีเหตุผลแค่นี้เลย
ส่วนอัตราการเติบโตที่ผมนำมาคิดนั้นเป็นอัตราแบบอนุรักษ์นิยม คือ อยู่บนพื้นฐานว่า บริษัทจะครองส่วนแบ่งการตลาดเดิม และโตไปตามเงินเฟ้อ ผมอาจงิเคราะห์ผิดก็ได้ ที่ผมบอกไม่น่าสนใจคือไม่น่าสนใจในมุมมองหนึ่ง(มุมมองของผมแค่นั้น)
ส่วนใหญ่ผมก็วิเคราะห์ผลตอบแทนได้ใกล้เคียงกับท่านทั่วๆไปแหละครับ
ลองคิดเล่นๆว่าถ้าผมใช้ตะกร้าสามใบแบบบัฟเฟต แต่ชื่อต่างกันหน่อย ตะกร้าก็จะเป็น
น่าสน ก้ำกึ่ง กับโยนทั้ง
ที่อยู่ในตะกร้าโยนทิ้งผมคือ BLA เพราะเข้าใหม่
insure เพราะงบดูไม่ได้เรื่อง MTI เพราะเข้าใหม่เช่นกัน NSI เพราะคิดแล้วผลตอบแทนน้อยกว่าชาวบ้านเขาในระยะยาว SCNYL อันนี้แพงแต่โตเร็ว เสียว ไม่ชอบ แล้วก็ TSI ที่กำลังลูกผีลูกคน
ที่เหลือเข้าตะกร้าก้ำกึ่งสำหรับผมครับ ที่ผมบอกไม่น่าสนใจก็คือ ขี้เกียจดูต่อนั่นเอง ไปหาตัวอะไรที่ชัดๆๆๆเลยดีกว่า
MTIมันก็ดูดีอย่างที่ท่านว่าจริงๆ แต่สำหรับผมต้องทำใจโยนทิ้งเพราะใหม่เกิน
-
- Verified User
- โพสต์: 48
- ผู้ติดตาม: 0
ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้
โพสต์ที่ 15
กระทู้ทุบเอาของ :lol:Warantact เขียน:เห็นท่านพาดพิงไปกลุ่มแบงค์ด้วย กลุ่มแบงค์ผมก็โยนทิ้งไปห้าจากสิบตัวครับ หุหุหุ
- pornchai_w
- Verified User
- โพสต์: 244
- ผู้ติดตาม: 0
ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้
โพสต์ที่ 16
ที่บ้านพี่ทำมานานขนาดนี้แสดงว่า เห็นถึงความสำคัญของการทำประกันจริงๆ ผมมีคนรู้จักคนหนึ่งบอกว่า เขาเคยบอกเพื่อนที่มาขายประกันว่า หากคุณขายประกันถึง 10 ปีเขาถึงจะเชื่อว่าทำจริงและจะยอมซื้อประกันWarantact wrote: ที่บ้านขายประกันมาสามชั่วคนแล้ว ทั้งประกันชีวิตและประกันภัย รู้จักผู้บริหารแทบทุกบริษัท เพราะติดต่องานกันบ้าง
แต่สำหรับตัวผมเอง ประกันชีวิตฉบับแรก ผมเป็นคนติดต่อถามเพื่อนว่ามีใครขายประกันบ้างผมอยากซื้อประกัน เพื่อนที่ขายประกันงงเลย บอกหายากนะคนแบบนี้
ขอเข้าเรื่องดีกว่าครับ รบกวนขอสอบถาม พี่Warantact จากประสบการณ์ของพี่นะครับว่า
1. พี่มองว่าแนวโน้มของการทำประกันภัยและประกันชีวิตมีลักษณะเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนหรือเปล่าครับ ยิ่งช่วงนี้ที่มีการเผากันวุ่นวาย ที่ถามเพราะได้ยินบางคนวิเคราะห์ว่า คนไทยยังไม่ค่อยคิดถึงเรื่องทำประกัน หากเทียบกับต่างประเทศที่ทำประกันแทบจะทุกๆอย่างในชีวิต (ประกันชีวิต สุขภาพ ทรัพย์สิน การเดินทาง ตกงาน ไปจนถึง ประกันแปลกๆ เช่น Jenifer Lopez ประกันสะโพกดินระเบิด)
2. ขอทราบความเห็นของคนไทยโดยทั่วๆ ไปที่พี่ได้สัมผัสนะครับว่า
ไม่ทราบว่าผมรู้สึกไปเองหรือเปล่าว่า ลักษณะการซื้อประกันจะเป็นลักษณะ หากซื้อแล้ว จะไม่ค่อยยกเลิกแต่จะซื้อเพิ่ม แตกแขนงออกไปเรื่อยๆ หรือเปล่าครับ (อันนี้คิดถึงตัวเองน่ะครับว่าซื้อแล้วไม่กล้ายกเลิกเพราะกลัวว่ายกเลิกปุ๊บอาจจะเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นเลย มีแต่จะหาซื้อเพิ่ม)
3. ในแง่ของบริษัทและตัวแทน ในส่วนของผลตอบแทนที่พี่จะได้รับจากการขายและดูแลลูกค้านั้น อย่างไหนได้มากกว่ากันครับ ระหว่าง
- การหาลูกค้าใหม่ๆ (ซึ่งพี่ต้องใช้ความพยายามในการขาย) หรือ
- การรักษาลูกค้าเดิมให้ได้ตลอดไป (น่าจะใช้ความสัมพันธ์แต่ความพยายามโน้มน้าวน้อยกว่า เหนื่อยน้อยกว่า)
ผมถามซะหลายข้อเลย :oops: หวังว่าพี่จะยังไม่รำคาญนะครับ
ขอขอบคุณพี่ Warantact ล่วงหน้าครับ
Blog ของคนใช้เงินเก่ง ^_^
http://pefinance.wordpress.com/about/
http://pefinance.wordpress.com/about/
- unnop.t
- Verified User
- โพสต์: 924
- ผู้ติดตาม: 0
ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้
โพสต์ที่ 17
ผมไม่ค่อยรู้เรื่องกลุ่มประกันเท่าไหร่ แต่ผมลองวิเคราะห์เล่น ๆดูว่าหลังจากเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมือง คนจะเริ่มหันมามองการทำประกันวินาศภัยเพิ่มขึ้น เพราะว่ามีบทเรียนให้เห็น ส่วนประกันชีวิตผมก็มองคล้าย ๆกับคุณ pornchai ว่าคนไทยยังมีการทำประกันค่อนข้างต่ำ อาจจากเรื่องของทัศนคติ แต่ผมคิดว่าอนาคตคนไทยน่าจะมีแนวโน้มทำประกันมากขึ้นเหมือนต่างประเทศ สังเกตุจากคนรอบ ๆตัวเริ่มสนใจทำประกันต่าง ๆเพิ่มขึ้น
ผมเข้าใจว่าบริษัทประกันมีข้อจำกัดเรื่องการลงทุน ไม่เหมือนกับแบงค์ซึ่่งตรงนี้ผมเลยมองว่าแบงค์จะได้เปรียบกว่าประกัน
กลุ่มแบงค์ และประกันเนี่ยเป็นกลุ่ม too hard ของผม :)
ผมเข้าใจว่าบริษัทประกันมีข้อจำกัดเรื่องการลงทุน ไม่เหมือนกับแบงค์ซึ่่งตรงนี้ผมเลยมองว่าแบงค์จะได้เปรียบกว่าประกัน
กลุ่มแบงค์ และประกันเนี่ยเป็นกลุ่ม too hard ของผม :)
ตลาดหุ้นมักจะหลอกเราด้วย ความโลภ และความกลัว.....
- manza125
- Verified User
- โพสต์: 92
- ผู้ติดตาม: 0
ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้
โพสต์ที่ 18
ผมก็เห็นด้วยกับคุณ unnop.t
คนเด๋วนี้สนใจทำประกัน กันเยอะขึ้น
ยิ่งจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นทุกๆปี ก็จะมีประชากรใหม่ๆเข้ามาซื้อขึ้น
แต่ขอขัดพี่เค้าที่ว่าคนเห็นการเผาบ้านเผาเมืองแล้วจะซื้อประกันมากขึ้น ในส่วนนี้มันไม่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายนะครับ มันแยกคนละประเภทกัน แต่ถ้าสมมุติว่ามันเกี่ยวเนื่องกันจริงๆ ผมก็ไม่อยากเสียเงินไปโดยใช้เหตุหรอกครับ เรื่องไฟไหม้นี้ 100ปีมีหน ไม่ใช่เกิดกันง่ายๆ (แต่ถ้าคิดแบบนี้วันดีคือดีลูกไปเล่นไฟแล้วไฟไหม้หมดบ้านก็หายหมดเหมือนกัน)
ส่วนแบงค์กับประกันภัยก็ตามพี่เค้าว่า ห่างกันหลายขุม
คนเด๋วนี้สนใจทำประกัน กันเยอะขึ้น
ยิ่งจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นทุกๆปี ก็จะมีประชากรใหม่ๆเข้ามาซื้อขึ้น
แต่ขอขัดพี่เค้าที่ว่าคนเห็นการเผาบ้านเผาเมืองแล้วจะซื้อประกันมากขึ้น ในส่วนนี้มันไม่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายนะครับ มันแยกคนละประเภทกัน แต่ถ้าสมมุติว่ามันเกี่ยวเนื่องกันจริงๆ ผมก็ไม่อยากเสียเงินไปโดยใช้เหตุหรอกครับ เรื่องไฟไหม้นี้ 100ปีมีหน ไม่ใช่เกิดกันง่ายๆ (แต่ถ้าคิดแบบนี้วันดีคือดีลูกไปเล่นไฟแล้วไฟไหม้หมดบ้านก็หายหมดเหมือนกัน)
ส่วนแบงค์กับประกันภัยก็ตามพี่เค้าว่า ห่างกันหลายขุม
------------------------------
การพูด คือ อาหารของนักการเมือง
การวิเคราห์ คือ อาหารของวีไอ
การพูด คือ อาหารของนักการเมือง
การวิเคราห์ คือ อาหารของวีไอ
-
- Verified User
- โพสต์: 1160
- ผู้ติดตาม: 0
ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้
โพสต์ที่ 20
อาจเพราะอยู่ในอุตสาหกรรมประกันมานานอย่างท่านว่าและเห็นการคอรัปชั่นกลิ่นเหม็นโฉ่ กับการจ้างเทรนเนอร์ห่วยๆและหัวหน้าห่วย(ไม่ใช่แผนกผมนะครับ เขาว่ามา หุหุ ต้องเซฟก่อน)
คำตอบนะครับ แค่มุมมองผมนะ ถูกผิดไม่รู้
1. ประกันชีวิตแนวโน้มนั้นมีแต่ช้ามากๆๆ เพราะ คนไทยไม่ชอบประกันชีวิตด้วยหลายสาเหตุ เอาหลักๆก่อน ประกันนั้นออกแบบมาให้ประโยชน์กับคนจนมากกว่า เพราะคนรวยมีเยอะแล้ว ไม่ต้องไปคุ้มครองมากก็ได้ เป็นไรก็มีเงินจ่ายไม่เดือนร้อน แต่คนจนป่วยทีแทบยอมตายแทนรักษาเพราะแพงเหลือเกิน จะมาเห็นค่าเอาตอนโดนกับตัวแล้ว ผมเห็นเคสแบบนี้เยอะคือ ไปขายแล้วไม่ซื้อ อีกไม่นานตาย(สม 5555 ระวังนะ ได้ที่อยู่ใครผมจะไปหา) อยากได้ก็ซื้อไม่ได้เพราะบริษัทไม่ยอมขายให้
คนจะมองว่าซื้อประกันมันแช่งตัวเองบ้างหละ ไม่ได้อะไรบ้างหละ และข้ออ้างต่างๆนาๆผุดขึ้นมาจากความโง่และความไม่รู้
ผมมองว่าประกันชีวิตนั้นดีมากๆแต่ไม่ควรมีมากเกินไป ชนชั้นกลางค่อนไปทางบนๆควรมีประดับบารมีไว้สักเบี้ย100000(เอาไว้ขอภาษีคืนให้สุขใจ) คนรวยมีไว้บ้าง เพราะมรดกจากประกันจะแบ่งง่ายกว่ามรดกแบบอื่น และไม่มีใครมาโวยวายแย่งได้ คนจนควรมีไว้พอแก่ฐานะ แต่ไม่ควรมีมากเกิน เพราะถ้าคุณอายุยืน ผลตอบแทนนั้นอนาถมาก สรุปคือ คนยังไม่เข้าใจเหมือนเดิม คนจนหรือคนชั้นกลางจะซื้อประกันชีวิตต้องมองยาวเหมือนกันแต่คนส่วนใหญ่สายตาสั้น การโตจะช้าครับ
ส่วนวิธีโตพรวดๆก็คือ ให้แบงค์ขายแทนให้ครับ เพราะเดี๋ยวนี้แบงค์ชอบขายประกัน อันไหนเอาไปขายในแบงค์ยอดโตหมดทุกราย โดยแบงค์จะหลอกลูกค้าว่าฝากเงินแบบใหม่มีความคุ้มครองและดอกสูง(มันก็ประกันแหละ) คนจะมึนๆแล้วตอบตกลง 5555
ส่วนประกันภัยผมมองว่าไม่วิ่งครับ ถ้าวิ่งก็ปีเดียว(กำไรนะไม่ใช่ราคาหุ้น)เพราะอย่างว่า คนเราสายตาสั้น ชอบทำแบบวัวหายล้อมคอก พอเห็นโดนเผาก็ซื้อ ผ่านไปผ่านไปก็ลืม อุตสาหกรรมเป็นอุตสาหกรรมน่าเบื่อครับ ถ้าบริษัทไม่มีแผนงานพิศดาร ยังไงก็ไม่วิ่ง (เอาเข้าแบงค์เนี่ยวิ่งเร็วสุดแล้ว แต่แรงเก็งกำไรก็ละลายผลตอบแทนไปเยอะ)
2 ส่วนใหญ่ที่ผมเจอชอบซื้อเพิ่มครับ ที่ยกเลิกจะเป็นคนที่ตัวแทนไม่ดี ยักยอกเงิน เคลมช้า บริการห่วย ไม่เคยโผล่ไปหา ถ้าบริการดี มีภาษีมีปันผลให้ ส่วนใหญ่ซื้อแล้วจะซื้อเพิ่มครับ
3 ขายลูกค้าเก่าง่ายกว่าลูกค้าใหม่มาก บางคนที่รู้จักในหน่วย ไปขายได้หลายๆรอบ ลูกค้าบางคนซื้อเพิ่มสี่ห้ารอบก็มี
คำตอบนะครับ แค่มุมมองผมนะ ถูกผิดไม่รู้
1. ประกันชีวิตแนวโน้มนั้นมีแต่ช้ามากๆๆ เพราะ คนไทยไม่ชอบประกันชีวิตด้วยหลายสาเหตุ เอาหลักๆก่อน ประกันนั้นออกแบบมาให้ประโยชน์กับคนจนมากกว่า เพราะคนรวยมีเยอะแล้ว ไม่ต้องไปคุ้มครองมากก็ได้ เป็นไรก็มีเงินจ่ายไม่เดือนร้อน แต่คนจนป่วยทีแทบยอมตายแทนรักษาเพราะแพงเหลือเกิน จะมาเห็นค่าเอาตอนโดนกับตัวแล้ว ผมเห็นเคสแบบนี้เยอะคือ ไปขายแล้วไม่ซื้อ อีกไม่นานตาย(สม 5555 ระวังนะ ได้ที่อยู่ใครผมจะไปหา) อยากได้ก็ซื้อไม่ได้เพราะบริษัทไม่ยอมขายให้
คนจะมองว่าซื้อประกันมันแช่งตัวเองบ้างหละ ไม่ได้อะไรบ้างหละ และข้ออ้างต่างๆนาๆผุดขึ้นมาจากความโง่และความไม่รู้
ผมมองว่าประกันชีวิตนั้นดีมากๆแต่ไม่ควรมีมากเกินไป ชนชั้นกลางค่อนไปทางบนๆควรมีประดับบารมีไว้สักเบี้ย100000(เอาไว้ขอภาษีคืนให้สุขใจ) คนรวยมีไว้บ้าง เพราะมรดกจากประกันจะแบ่งง่ายกว่ามรดกแบบอื่น และไม่มีใครมาโวยวายแย่งได้ คนจนควรมีไว้พอแก่ฐานะ แต่ไม่ควรมีมากเกิน เพราะถ้าคุณอายุยืน ผลตอบแทนนั้นอนาถมาก สรุปคือ คนยังไม่เข้าใจเหมือนเดิม คนจนหรือคนชั้นกลางจะซื้อประกันชีวิตต้องมองยาวเหมือนกันแต่คนส่วนใหญ่สายตาสั้น การโตจะช้าครับ
ส่วนวิธีโตพรวดๆก็คือ ให้แบงค์ขายแทนให้ครับ เพราะเดี๋ยวนี้แบงค์ชอบขายประกัน อันไหนเอาไปขายในแบงค์ยอดโตหมดทุกราย โดยแบงค์จะหลอกลูกค้าว่าฝากเงินแบบใหม่มีความคุ้มครองและดอกสูง(มันก็ประกันแหละ) คนจะมึนๆแล้วตอบตกลง 5555
ส่วนประกันภัยผมมองว่าไม่วิ่งครับ ถ้าวิ่งก็ปีเดียว(กำไรนะไม่ใช่ราคาหุ้น)เพราะอย่างว่า คนเราสายตาสั้น ชอบทำแบบวัวหายล้อมคอก พอเห็นโดนเผาก็ซื้อ ผ่านไปผ่านไปก็ลืม อุตสาหกรรมเป็นอุตสาหกรรมน่าเบื่อครับ ถ้าบริษัทไม่มีแผนงานพิศดาร ยังไงก็ไม่วิ่ง (เอาเข้าแบงค์เนี่ยวิ่งเร็วสุดแล้ว แต่แรงเก็งกำไรก็ละลายผลตอบแทนไปเยอะ)
2 ส่วนใหญ่ที่ผมเจอชอบซื้อเพิ่มครับ ที่ยกเลิกจะเป็นคนที่ตัวแทนไม่ดี ยักยอกเงิน เคลมช้า บริการห่วย ไม่เคยโผล่ไปหา ถ้าบริการดี มีภาษีมีปันผลให้ ส่วนใหญ่ซื้อแล้วจะซื้อเพิ่มครับ
3 ขายลูกค้าเก่าง่ายกว่าลูกค้าใหม่มาก บางคนที่รู้จักในหน่วย ไปขายได้หลายๆรอบ ลูกค้าบางคนซื้อเพิ่มสี่ห้ารอบก็มี
-
- Verified User
- โพสต์: 1160
- ผู้ติดตาม: 0
ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้
โพสต์ที่ 22
ที่บอกไม่น่าสนใจเพราะกลุ่มนี้ตัวที่ดูดีๆมันเป็นแนวหุ้นห่านทองคำซะส่วนใหญ่ ผมก็เลยไม่สน แค่นั้นแหละครับแฮะๆๆๆ
ผมชอบหุ้นแนวซากสงครามมากกว่า
คือถ้ามีข่าวออกว่า
"ประกันภัยเจ๊งระนาว" อย่างงี้ผมจะสนมากๆ หรือข่าว "วิกฤตแบงค์ NPLเป่ง เงินบาทแข็งเกิน ดอกเบี้ยขึ้นลูกหนี้ซื้อบ้านจ่ายหนี้ไม่ไหวดับเป็นเบือ หวั่นแบงค์ล้ม"อันนี้ก็ชอบ ถือว่าเป็นสัญญาณซื้อ
พอดีตอนนี้มันข่าวไม่ได้แรงแบบนั้น เลยไม่สน
ผมชอบหุ้นแนวซากสงครามมากกว่า
คือถ้ามีข่าวออกว่า
"ประกันภัยเจ๊งระนาว" อย่างงี้ผมจะสนมากๆ หรือข่าว "วิกฤตแบงค์ NPLเป่ง เงินบาทแข็งเกิน ดอกเบี้ยขึ้นลูกหนี้ซื้อบ้านจ่ายหนี้ไม่ไหวดับเป็นเบือ หวั่นแบงค์ล้ม"อันนี้ก็ชอบ ถือว่าเป็นสัญญาณซื้อ
พอดีตอนนี้มันข่าวไม่ได้แรงแบบนั้น เลยไม่สน
- pornchai_w
- Verified User
- โพสต์: 244
- ผู้ติดตาม: 0
ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้
โพสต์ที่ 23
ขอบคุณมากครับ พี่ Warantact
Blog ของคนใช้เงินเก่ง ^_^
http://pefinance.wordpress.com/about/
http://pefinance.wordpress.com/about/
- unnop.t
- Verified User
- โพสต์: 924
- ผู้ติดตาม: 0
ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้
โพสต์ที่ 27
เห็นด้วยครับ ถ้าใครมีหนทางอื่นในการลงทุนน่าจะดีกว่าออมในประกัน เพราะผลตอบแทน IRR ประมาณ3-5% เท่านั้นแถมต้องผูกกันยาวผมมองว่าประกันชีวิตนั้นดีมากๆแต่ไม่ควรมีมากเกินไป ชนชั้นกลางค่อนไปทางบนๆควรมีประดับบารมีไว้สักเบี้ย100000(เอาไว้ขอภาษีคืน ให้สุขใจ) คนรวยมีไว้บ้าง เพราะมรดกจากประกันจะแบ่งง่ายกว่ามรดกแบบอื่น และไม่มีใครมาโวยวายแย่งได้ คนจนควรมีไว้พอแก่ฐานะ แต่ไม่ควรมีมากเกิน เพราะถ้าคุณอายุยืน ผลตอบแทนนั้นอนาถมาก สรุปคือ คนยังไม่เข้าใจเหมือนเดิม คนจนหรือคนชั้นกลางจะซื้อประกันชีวิตต้องมองยาวเหมือนกันแต่คนส่วนใหญ่สายตา สั้น การโตจะช้าครับ
คนที่ไม่มีความรู้มักโดนตัวเลขในกรมธรรม์หลอก กำไร 200%-300% แต่ไม่ได้คิดลดกลับมาเป็นเงินปัจจุบัน และก็นิยมเปรียบเทียบกับเงินฝากแบงค์ ซึ่งยิ่งดูเหมือนว่าดีมากเกินไป ความจริงแล้วผมว่าควรต้องเปรียบเทียบกับพวกพันธบัตรระยะกลาง ระยะยาวมากกว่า เหมือนที่คุณบอกถ้าไม่ตายก่อน ผลตอบแทนอนาถ :lol:
ตลาดหุ้นมักจะหลอกเราด้วย ความโลภ และความกลัว.....
- picklife
- Verified User
- โพสต์: 2565
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้
โพสต์ที่ 28
มีตัวไหนกินมาร์เกตุแชร์เจ้าอื่นอย่างมีนัยยะไหมครับพี่Warantact เขียน:ผมลองวิเคราะหุ้นแบบเจาะลึกกลุ่มอุตสาหกรรมที่เข้าใจดี ลุยมันทุกตัวในกลุ่มเลย
ที่บ้านขายประกันมาสามชั่วคนแล้ว ทั้งประกันชีวิตและประกันภัย รู้จักผู้บริหารแทบทุกบริษัท เพราะติดต่องานกันบ้าง
ผมนำบริษัทในอุตสาหกรรมประกันทั้งหมดมาวิเคราะห์เนื่องด้วยหวังเจอของดีจากเมืองไหม้
คิดกำไรไปล่วงหน้าสิบปีบ้าง ยี่สิบปีบ้าง โตบ้าง ไม่โตบ้าง หลากหลายสมมติฐาน
ในที่สุดก็เสร็จจจจจจจจจ เยสๆๆๆๆๆๆ!!!!
ผลคือ
ไม่น่าสนเลยทั้งหมด T-T เศร้า...... มีแต่เน่าๆ ไอ้ตัวดีก็แพงซะ อย่างที่เคยมีคนมาจุดประเด็นเกี่ยวกับกลุ่มประกันไว้ ไม่น่าลงทุนจริงด้วย
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
-
- Verified User
- โพสต์: 1160
- ผู้ติดตาม: 0
ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้
โพสต์ที่ 30
เอ้านี่ลิงค์ เด๋วหาว่ามั่ว หุหุ
http://www.positioningmag.com/prnews/pr ... x?id=77830
http://www.iprbthai.org/new/news/news.aspx?newsID=786
อันบนชีวิต อันล่างภัย
http://www.positioningmag.com/prnews/pr ... x?id=77830
http://www.iprbthai.org/new/news/news.aspx?newsID=786
อันบนชีวิต อันล่างภัย